ตอนที่ 13 : ช่างเถอะ“เป็นอะไรตาอิก ทำไมทำหน้างงๆ สงสัยอะไร“
“ไม่มีอะไรครับแม่” อธิชาติปรับสีหน้า เขาไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าสาวๆ ในงานมองเขาแปลกๆ โดยเฉพาะนิสาที่เปลี่ยนท่าทีกับเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“มอง” เสียงเล็กๆ ของหลานชายทำให้อธิชาติต้องก้มหน้าลงไปมองเด็กชายตัวอ้วนกลมที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ภูพูดอะไรครับลุงไม่ทันฟัง”
“พี่สาวมองลุงอิก” มือป้อมชี้ไปทางหญิงสาวที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ อาการสะดุ้งน้อยๆ แล้วพากันเบนสายตาไปทางอื่น ทำให้อธิชาติเริ่มเชื่อว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง
“เด็กๆ เข้าบ้านได้แล้วครับดึกแล้ว” มีคุณแวะมารับสองแฝดที่โต๊ะพร้อมกับภูริช อธิชาติจึงถือโอกาสถามน้องชายเสียเลย
“คุนเมื่อกี้เดินผ่านตรงบาร์เครื่องดื่มได้ยินสาวๆ คุยอะไรบ้างไหม”
“ทำไมครับ พี่อิกสนใจคนไหนเหรอ” มีคุณหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงสามสี่คนที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา
“ไม่มี พี่แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย”
“ผมไม่ได้สนใจฟังครับ ได้ยินแว่วๆ แค่เสียดายๆ อะไรนี่แหละ พี่ภูมิได้ยินอะไรไหมครับ” ภูริชส่ายหน้าให้รู้ว่าเขาไม่ได้ยินอะไรที่เป็นประโยชน์เลย
“อืม คุนพาหลานไปพักเถอะ”
“ครับ เดี๋ยวผมลงมาใหม่ขอพาสองแฝดเข้านอนก่อน พี่อิก ป้าวาด พี่เดือน อย่าเพิ่งรีบกลับนะ”
“รอได้ พรุ่งนี้พี่หยุดอยู่ได้ยาว”
“ดินง่วงไหม ไปนอนกับน้องๆ ไหมครับ เดี๋ยวถ้าแม่จะกลับค่อยขึ้นไปปลุก” มีคุณถามเด็กชายดินที่นั่งอยู่ข้างมารดา
“ผมไม่ง่วงครับ”
“ปายด้วยกานฉิ” เด็กชายริชอ้อมแอ้มชวน ก็พี่ดินหาวตั้งหลายครั้งเขาเห็น
“ไปทำไม ไม่อยากนอนด้วยหรอก” มีคุณแอบขำ ถ้าโตกว่านี้น้าอย่างเขาคงสะดุ้ง
“นอนก๊ะภูงาย มีนิทานห้ายฟังด้วย”
“เซ้าซี้”
“สู้ๆ กาน”
“หือ ทำไมวันนี้หลานยายวาดเปลี่ยนไป ชวนพี่ดินสู้เลยเหรอลูก” คุณปานวาดขำหลานชายที่จู่ๆ ก็ชวนคู่ปรับสู้เสียอย่างนั้น
“มะช่าย มะช่าย นิทานภูงายสู้ๆ กาน ไม่ซาโนว้าย” เด็กชายริชยังพูดไม่ได้อย่างใจนึก จึงต้องคอยอธิบายให้ผู้ใหญ่เข้าใจ
“มีเหรอภู” เด็กชายดินหันไปถามแฝดพี่ที่เขาชอบเล่นด้วยมากกว่า
“มี มีเกมสู้ๆ ด้วย” เด็กชายภูริวัจน์พยักหน้าให้พี่ข้างบ้าน เพื่อนเล่นและคู่ปรับในบางโอกาส
“ไปก็ได้ จะไปเล่นกับภู” ท่าทางไม่เต็มใจแต่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วของเด็กชายดินทำผู้ใหญ่ต้องกลั้นยิ้ม
“ลิดก๊ะเล่นด้วย”
“ดูเฉยๆ เลย” เสียงห้ามดุๆ ของดินเป็นที่ชินหูของเด็กชายริช เขาจึงแค่ทำตาปริบๆ ปากยื่นๆ เท่านั้น
“พี่เตะเด็กไมได้จริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่ได้ครับ” มีคุณหันไปทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจกับร่างสูงที่เพิ่งยืดตัวขึ้นหลังจากก้มลงมากระซิบริมหูเขา
“คืนนี้พี่จะอ่านสโนไวท์”
“พี่ภูมิ” มีคุณเห็นสีหน้าดื้อดึงของภูริชแล้วพูดอะไรไม่ออก เอาจริงสิ จะหาเรื่องเด็กปอสามจริงๆ หรือ เห็นทีต้องเอาคำว่าเป็นพ่อที่ดีคืนมา เพราะไม่ผ่านคำว่าตัวอย่างที่ดี
“ไปครับเด็กๆ ไปอาบน้ำนอนฟังนิทานกัน” ภูริชอุ้มเด็กชายริชขึ้น ยิ้มให้มีคุณด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เฮ้อ ถึงมีคุณอยากบ่นแต่คราวนี้จะยอมให้สักครั้ง อย่างน้อยสีหน้าภูริชก็ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อครู่นี้
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“น้าวรรณ ป้าวาดครับคุณลุงคุณป้าให้ผมมาถามว่าขาดเหลืออะไรไหมให้สั่งผมได้เลยครับ เดี๋ยวผมบอกเด็กๆ ให้” ชโนทัยเดินมาที่โต๊ะของคุณกมลวรรณเพื่อดูแลตามที่คุณภารวีฝากฝังมา
“คุณป้าฝากขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาดูแลด้วยตัวเอง เผอิญหุ้นส่วนที่บริษัทเพิ่งมาถึงครับ”
“ฝากหนูข้าวบอกคุณภาให้ป้าด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ทางนี้สบายมากอิ่มหมีพีมันดีทุกคน”
“หนูข้าว ” อธิชาติพูดกลั้วหัวเราะ ขำมารดาที่เลือกใช้สรรพนามได้ไม่เข้ากับเพศของคนที่ยืนอยู่สักนิด
“ขำอะไร” เสียงห้วนหันมาเล่นงานเขา อธิชาติมั่นใจว่าเขาแก่กว่าชโนทัยอย่างน้อยก็หกถึงแปดปี แม้จะไม่รู้อายุของอีกฝ่ายก็ตาม
“พี่ขำแม่พี่ที่เรียกข้าวว่าหนู ไม่ได้ขำข้าวครับ” อธิชาติจงใจใช้คำว่าพี่และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนพูดกับเด็ก เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันว่าเขาแก่กว่ามาก
“มาขำแม่ทำไม หนูข้าวหน้าตาออกจะน่ารัก”
“แม่! ข้าวเป็นผู้ชายครับ”
“แล้วใครว่าแม่ไม่รู้ ทำไมชอบขัดแม่อยู่เรื่อยลูกคนนี้”
“โธ่แม่ครับเรียกแบบนั้นใครจะชอบ ผมไม่อยากให้ข้าวอึดอัดถึงทัก”
“แต่ผมชอบครับป้าวาด” ชโนทัยนั่งลงข้างๆ เก้าอี้ของคุณปานวาดเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาออดอ้อน
“ฟังแล้วมีความสุข รู้สึกเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดู”
“โถ เอ็นดูสิลูก น่ารักแบบนี้ใครจะไม่เอ็นดู” คุณปานวาดยิ้มถูกใจ ก่อนหันไปตียักษ์ใส่ลูกชาย
“เห็นไหมเราเอาแต่ขัดใจแม่ น้องยังชอบ” อธิชาติสาบานว่าเขาเห็นรอยยิ้มสะใจจุดขึ้นที่มุมปากของชโนทัย ก่อนที่จะหายไปกลายเป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาเหมือนเดิม
“ครับๆ เอาตามสะดวกผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว” ชามหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้ อยู่ดีไม่ว่าดีจริงๆ
“ผมไปเข้าห้องน้ำดีกว่า” อธิชาติลุกขึ้นยืน เขาอยากเข้าห้องน้ำมาสักพัก จึงถือเป็นโอกาสหลบมารดาเสียเลย ไม่อย่างนั้นคงหูชาได้พูดเรื่องนี้กันอีกยาว
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“อุ๊ย!” แรงปะทะทำให้อธิชาติเซเล็กน้อยเพราะไม่ทันระวังตัว เขารีบประคองร่างเพรียวบางก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ ขอโทษนะคะนิสาไม่ทันมอง อ้าวคุณหมอ” หลังจากจับกระโปรงให้เข้าที หญิงสาวถึงเพิ่งเห็นว่าคนที่เธอชนเป็นใคร
“คุณนิสา” อธิชาติยิ้มทักทาย
“มาเข้าห้องน้ำหรือคะ”
“ครับ” เสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และการขยับตัวออกห่างทำให้อธิชาตินิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อะ.อะไรคะ”
“ผมก็ไม่ทราบครับแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป เลยขออนุญาตถามคุณนิสาตรงๆ ดีกว่า”
“เอ่อ..คือ” น้ำเสียงอึกอักยิ่งย้ำชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“มีอะไรก็บอกผมได้ครับ” อธิชาติรีบบอกเมื่อเห็นท่าทีลังเลของนิสา
“นิสาก็มีเพื่อนเป็นเกย์เยอะนะคะไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร เพียงแค่ตกใจ คาดไม่ถึงนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ครับ?” อธิชาติยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเรื่องที่เล่ามันเกี่ยวอะไรกับตนเอง
“ไหนๆ ก็ทำความรู้จักกันแล้ว เรามาเป็นเพื่อนกันดีไหมคะคุณหมอ เผื่ออีกหน่อยนิสาแต่งงานอาจจะไปฝากท้องกับคุณหมอก็ได้ อย่างน้อยก็อุ่นใจว่ามีเพื่อนสาวพอปรึกษาหารือกันได้”
“เดี๋ยวนะครับ เรื่องเป็นเพื่อนผมยินดีมาก แต่ผมงงนิดหน่อยยังไม่เข้าใจว่าคุณนิสาจะสื่อถึงอะไร”
“คุณหมอเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอคะ”
“ผม?!” อธิชาติชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง งงเป็นไก่ตาแตกที่จู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนเพศสภาพโดยไม่รู้ตัว
“ค่ะ ถ้าเป็นข่าวลือหรือคนพูดมั่วซั่วนิสาก็ไม่เชื่อหรอกนะคะ แต่นี่น้องข้าวเป็นคนบอกนิสาเองเลยกล้าพูดตรงๆ กับคุณหมอ”
“ข้าว!!”
“ค่ะ คุณหมอจีบน้องข้าวอยู่ใช่ไหมคะเห็นน้องข้าวบอก คนนี้เอาแต่ใจนิดหน่อยต้องตามใจเยอะๆ นะคะ สำเร็จแน่ นิสาเอาใจช่วย”
“เอ่อ..” อธิชาติยังงงไม่หาย แถมยังพูดไม่ทันผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ นิสาเสียมารยาททำตัวแปลกๆ จนคุณหมอจับได้เพราะอายนิดหน่อย ที่ดันไปจีบคุณหมอเข้าหน้าแตกเลย ยังไงก็จะเอาใจช่วยนะคะ”
“คือ..ผมไม่ได้..”
“อุ๊ย!” นิสาอุทานเบาๆ รีบกดรับโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือ
“เสร็จแล้วๆ กำลังไป ห้องน้ำรอคิวหลายคนเลยนาน อืมๆ .. คุณหมอคะนิสาขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ว่าแล้วสาวเจ้าก็จ้ำอ้าวเดินจากไปแบบไม่เห็นฝุ่น มีเพียงอธิชาติที่ยังยืนซื่อบื้ออยู่ที่เดิม
“ชโนทัย” รอยยิ้มร้ายๆ ที่เขาได้เห็นเมื่อครู่ผุดขึ้นมาทันที ตามด้วยสายตาของสาวๆ ในงานที่มองมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ไปทำอะไรให้เกลียดตอนไหนวะ” อธิชาติพยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขาก็พูดจาดีด้วยตลอด เอ็นดูด้วยซ้ำเพราะเห็นเป็นน้องของภูริชเป็นอาของหลานชาย หรือว่าจะไม่ถูกชะตาแต่แรกเห็น โว้ย!คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ไปถามให้รู้เรื่องเลยดีกว่า
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“มีอะไรอยากคุยก็ว่ามาครับ” ชโนทัยชิงพูดขึ้นก่อน เมื่ออธิชาติดึงเขาออกมาจากโต๊ะที่นั่งรวมกับญาติคนอื่นๆ
“ข้าวไม่ชอบหน้าพี่เหรอ”
“ถามทำไมครับ”
“คุณนิสาบอกพี่ว่าข้าวไปบอกเธอว่าพี่เป็นเกย์” ชโนทัยเหลือบตามองร่างสูง รู้แล้วเหรอแปลกดีที่ไม่ชกเขาคว่ำ
“ผมไม่ได้พูด” ชโนทัยมั่นใจว่าเขาไม่ได้พูดสักคำว่าอธิชาติเป็นเกย์
“คุณนิสาบอกพี่ว่าข้าวบอกเธอว่าพี่จีบข้าว”
“ก็ใช่”
“หะ?!!”
“พี่หมออิกจีบผม”
“เมื่อไหร่!” อธิชาติงงเป็นไก่ตาแตกยิ่งกว่าเดิม เขาเนี่ยนะจีบผู้ชาย ตอนไหนวะ
“ตอนที่อยู่ในห้องพี่คุน เมื่อกี้ที่โต๊ะก็ด้วย”
“.....” อธิชาติได้แต่อ้าปากค้าง งงในงง
“จะจีบผมก็บอกกันดีๆ ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจ พี่อิกเป็นหมอก็เท่ห์ดี เรื่องเป็นผู้ชายผมพอรับได้สมัยนี้แล้ว ถ้าชอบผมจริงก็ลองดูแล้วกันครับ” ชโนทัยซ่อนรอยยิ้ม ไม่มีทางจับเขาได้ไล่เขาทันหรอกนายหมอหน้าจืด
“.....”
“เขินเหรอครับไม่เห็นพูดอะไร” มือขาวยกขึ้นแตะแก้มเขาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มยั่วเย้าที่ส่งมา
“พยายามเข้านะครับผมอาจใจอ่อนก็ได้” แรงตบเบาๆ เกิดขึ้นที่แก้มซ้าย ก่อนเจ้าของมือจะหันหลัง เดินดุ่มๆ กลับไปในทิศทางเดิมที่เดินมาโดยไม่เปิดโอกาสให้อธิชาติได้พูดอะไรเลย
“.....”
“.....”
อธิชาติส่ายหัวเบาๆ ไอ้เด็กบ้าเล่นเอาเขามึน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก สรุปคือคิดว่าเขากำลังจีบอย่างนั้นเหรอ ถ้าเขาบอกความจริงว่าไม่จะเป็นการใจร้ายแกล้งให้เด็กหน้าแตกหรือเปล่าวะ แต่ถ้าไม่พูดคนจะคิดว่าเขาเป็นเกย์กันทั้งงานหรือเปล่า แล้วเขาควรจะไปอธิบายกับใครดี นิสาก็กลับไปแล้ว
เฮ้อ ช่างมันเถอะ เขาไม่รู้จักใครในงานสักคน บ้านของภูริชไม่ใช่ปัญหา มีคุณรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่เป็น ปล่อยไปก็ได้มั้ง อธิชาติปลงตกในที่สุด ก็ดีเหมือนกันเขาไม่ชอบให้ผู้หญิงจีบก่อนอยู่แล้วอย่างน้อยก็จะได้ตัดปัญหาไป เข้าห้องน้ำดีกว่า อธิชาติออกเดิน ในที่สุดก็ได้เข้าห้องน้ำเสียที
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
** ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ><
✿ Apple of my eye ♥ สุดที่รักของผม ปล.เป็นอย่างไรบ้างคะ พี่หมออิกของเราซื่อบื้อดีไหม^^
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin