“ผมจะโทรมาลาป่วย”
น้ำเสียงแหบแห้งที่ได้ยินจากทางโทรศัพท์บ่งบอกให้รู้ชัดว่าคนที่โทรมาอาการหนักมากจริง ๆ
“พี่รู้แล้วว่ามีนต้องลุกไม่ไหวแน่ ๆ กินข้าวกินยาหรือยัง แม่อยู่บ้านหรือเปล่า ให้พี่พาไปหาหมอมั้ย”
ลูกพี่กูทำไมพูดจาแปลก ๆ แบบนี้วะ ผีเข้าหรือไง พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังซะขนาดนี้ แกป่วยหรือกูป่วยกันแน่วะเนี่ย
“พี่ไม่สบายเหรอ”
ใครไม่สบาย พี่ไม่ได้ว่าไม่สบาย คนไม่สบายมันคือมีนไม่ใช่เหรอ
“ทำไมล่ะ มีนต่างหากที่ป่วยไม่ใช่พี่”
ไม่จริงอ่ะ ผมว่าพี่ป่วยหนักยิ่งกว่าผมอีก
“ปกติไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า ทุกทีเห็นมีแต่ไอ้มีน ไอ้เหี้ยมีน ไอ้ห่ามีน วันนี้เรียกมีนเฉย ๆ ผมว่ามันแปลก ๆ”
ตกลงชอบแบบฮาร์ดคอร์ไม่ชอบแบบนุ่มนวลอ่อนโยนก็ไม่บอกเนอะคนเรา
“ไอ้ห่ามีน มึงกล้าล้อกูเหรอ เดี๋ยวกูไปลากคอมาทำงานแม่งตั้งแต่วันนี้เลยดีมั้ย บิลกองจะท่วมหัวกูอยู่แล้ว อย่ามาทำสำออยป่วยนาน ๆ เชียวนะมึง”
ค่อยสมเป็นพี่บุ้งหน่อย
มีนกำลังหัวเราะ เสียงหัวเราะที่ดังมาจากปลายสาย เสียงหัวเราะที่แม้จะฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเสียงในลำคอของคนหัวเราะมันฟังดูอู้อี้ จนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
“เจ็บคออ่ะพี่บุ้ง หัวก็หมุน ๆ เมื่อคืนก็ลุกมาอ้วกตั้งหลายที”
มึงกำลังอ้อนอยู่ใช่มั้ยเนี่ย
“แล้วแม่ไม่อยู่เหรอ”
แม่อยู่
“แม่ก็มาเช็ดตัวให้ทั้งคืน จนพลอยไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปด้วย ผม.........สงสารแม่ ถ้าผมแข็งแรงอยู่ คงไม่ต้องมาเป็นภาระให้แม่”
ผู้ป่วยมักโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเอง
หนึ่งในอาการของโรคซึมเศร้าที่บุ้งเคยอ่านมาบ้าง และชัดเจน...........มีนมีอาการนั้นจริง ๆ
“เขาทำเพราะรักมึงนี่หว่า แม่เขาเต็มใจดูแล จะป่วยหรือไม่ป่วยแม่เขาก็ดูแลมึงตลอดแหละ มึงแค่ไม่ค่อยสนใจจะมองมากกว่า”
เหรอพี่ มันก็จริง
“ผมไม่ค่อยสนใจแม่จริง ๆ ด้วย ต่อไปผมจะสนใจแม่ให้มาก ๆ จะไม่ทำตัวให้แม่หนักใจอีก”
ยังไงล่ะที่ไม่ทำให้แม่หนักใจอีก
“ก็ดื้อบ้างก็ได้มั้ง แม่มึงเขาก็คงไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็อยากให้ลูกดื้อบ้าง ซนบ้าง ทำตัวห่วย ๆ บ้าง เหมือนวัยรุ่นคนอื่นทั่วไปเขาทำกัน”
แม่เขาจะชอบแบบนั้นจริง ๆ เหรอพี่
“ก็ดูอย่างที่มึงไปบวชซิ แม่มึงยังไปตามสึกมึงทุกวันไม่ใช่เหรอ มึงอย่าไปคิดอะไรมากซิวะ ทำตัวเหลวไหลบ้างก็ได้ ใครจะไปว่าอะไรมึง พี่เคยว่ามึงป่ะ เวลามึงทำตัวเหลวไหลกับพี่อ่ะ”
อย่าให้พูดเหอะพี่
“พี่ว่าผมประจำแหละ เวลาผมทำตัวเหลวไหลอ่ะ”
เอ่อ...........
“ใจคอมึงจะไม่ให้ใครว่ามึงเลยเหรอ กูก็ต้องด่ามึงเป็นธรรมดาสิวะ เดี๋ยวเขาก็หาว่ากูลำเอียงรักลูกน้องไม่เท่ากัน แต่ใจจริง ๆ กูเคยว่ามึงที่ไหน ไม่มี๊”
แถสดเลยเหรอพี่ พี่นี่ก็แถเก่งใช้ได้เลยนะ
“ปวดหัวแล้ว.....ยาลดน้ำมูกคงเริ่มออกฤทธิ์แล้วด้วยแหละพี่ ตอนนี้นอกจากปวดหัวแล้ว ผมก็ง่วงมากด้วย งั้นผมนอนก่อนนะพี่”
เออนอนไปเถอะ พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้หายไว ๆ นะ
“มีน”
เรียกชื่อของมีนออกมาเสียงเบา และคนที่อยู่ปลายสายก็ขานรับ
“ครับ”
เอ่อ.........
“มีอะไรในใจมีนคุยกับพี่นะ อย่าไปคิดอะไรเองคนเดียว อย่าไปคิดว่าพี่เป็นแค่หัวหน้างาน ให้คิดว่าพี่เป็นพี่ชาย เป็นคนในครอบครัว มีอะไรอยากพูดอยากปรึกษามีนก็บอกพี่ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย”
จะดีเหรอพี่ แบบนั้นผมว่า.........มันก็........
“นั่นไง กูบอกไม่ทันขาดคำ ว่าอย่ามาก อย่าคิดเองเออเองคนเดียว มีอะไรให้ถามกู บอกกู พูดไม่ทันขาดคำเลย มึงเริ่มคิดอีกแระ”
โหพี่ รู้ทันผมตลอดอ่ะ
“ผมยังไม่ทันคิดเลย พี่คิดให้ผมเรียบร้อยแล้ว โห่ พี่บุ้ง คิดมากไปเปล่าวะ”
ใครคิดมาก กูเนี่ยนะคิดมาก มึงไม่ใช่หรือไงที่คิดมากกว่ากู
“กวนตีนนะมึง นี่ดีนะมึงป่วย ถ้ามึงอยู่ใกล้ ๆ นะกูจะตบให้หัวคะมำเลยมึง”
โหดจังว๊า พี่ไม่ทำผมแบบนั้นจริง ๆ หรอกใช่ม้ายยยยยยย
“ผัวทำไมใจร้ายกับเมียจัง”
อย่ามาทำเป็นออดอ้อน อย่ามาทำเสียงแบบนั้นหน่อยเลย กูรู้มึงกำลังยิ้มอยู่ไอ้ห่ามีน
“มึงยังไม่เลิกอีกนะ ไอ้เด็กห่านี่”
เลิกได้ไงล่ะพี่ ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกันเลย จะให้ผมเลิกกับพี่แล้วเหรอ
“จะเลิกกับผมอ่ะ ได้มาขอผมแต่งหรือยัง ไม่งั้นอย่าคิดว่าจะเลิกกับผมทั้งที่ยังไม่แต่งนะ ผมไม่ยอมจริง ๆ นะพี่ เค้าไม่ย้อมมมมม”
ไอ้มีนนี่ขนาดป่วยใกล้ตายมึงยังเป็นได้ขนาดนี้ ถ้าเวลาปกติมึงคงจะลามปามขึ้นไปขี่หัวกูเลยใช่มั้ยวะ
“นอนไปเลยมึงอ่ะ รีบ ๆ นอน รีบ ๆ กินยานอน ๆ หลับไปซะไป กวนตีนกูอยู่ได้”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจวันนี้แกล้งให้พี่บุ้งโมโหได้อีกแล้ว
“คร้าบบบบบ นอนแล้วนะคร้าบบบบบบบ ลูกพี่คร้าบบบบ”
เออ นอนไปเลยมึง
“รีบ ๆ เลย เดี๋ยวมึงจะโดน”
ก็รีบอยู่นี่ไง
“บ้ายบายนะก้าบลูกพี่ เมียนอนแล้วนะ จุ๊บ”
จุ๊บบ้านพ่อมึงดิไอ้สัด จุ๊บห่าจุ๊บเหวอะไรของมึ้งงงงง
บุ้งถึงกับส่ายหน้าหลังจากที่ปลายสายวางไปแล้วเรียบร้อย และก็ต้องผงะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นวิเชียรกำลังถือกระดานตารางเวลาโบกไปมาแทนพัดเพื่อคลายความร้อน
“นี่แน่ใจนะพี่ ว่าพี่คุยกับเกาหลีจริง ๆ”
ทำไมวะ แล้วมึงคิดว่ากูคุยกับใครล่ะวิเชียร
“ทำไมวะ กูก็คุยกับไอ้มีน มันโทรมาลาป่วย แล้วมึงคิดว่ากูคุยกับใครอยู่ล่ะ”
คุยกับใครอยู่เหรอ
“ผมนึกว่าพี่คุยกับแฟน หน้าพี่นี่ยิ้มมมมมมมมมม ตลอดตั้งแต่พูดคำแรก จนคำสุดท้าย นี่ถ้าผมไม่รู้ว่าพี่คุยกับมันนะ ผมคงคิดว่าพี่กำลังจีบสาวอยู่ เห็นยิ้มจังเลยวะ ยิ้มไปเอานิ้วขีดโต๊ะไปด้วย เป็นเอามากจริง ๆ ลูกพี่กู”
มึง.............พูดแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอวะวิเชียร
มึงก็เห็นว่ากูคุยกับไอ้มีนอยู่ เอาอะไรมาคิดวะ
“ไม่ใช่เลยเฮ้ยยยย.....มึงจะมาจับตาดูพฤติกรรมอะไรกูนักหนาวะ ไปทำงานไป นี่มันเวลางานแล้วนะเฮ้ย อย่ามาอู้”
ไปไม่เป็น พูดอะไรไม่ออก เมื่อถูกลูกน้องพูดบางอย่างใส่หน้าจัง ๆ ทั้งที่บุ้งไม่รู้ตัว ว่าเผลอแสดงกิริยาท่าทางแบบนั้นเข้าไปได้ยังไง
“โห ทีตัวเองอู้คุยกับเด็กผมยังไม่ว่าเล้ยยยยยยยย ทีลูกน้องล่ะด่าจางงงงงงงงงง”
ด่าอะไรของมึงวิเชียร กูก็ด่าของกูแบบนี้อยู่ทุกวัน
“ไอ้ห่านี่ มึงอย่ามาเรื่องมากเรื่องเยอะ แซวกูอยู่ได้ งานการไม่มีทำหรือไง”
งานน่ะมีเยอะแยะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก สำคัญแต่พี่แหละ ว่าวันนี้จะทำงานเสร็จหรือเปล่าแค่นั้น เห็นมองไปที่ประตูออฟฟิศขนส่งอยู่ได้ ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้มีนมันไม่มาทำงาน ผมก็ยังเห็นว่าพี่ชะเง้อคอรอคอยมันจังวะ
“ไปแล้วพี่ ไปแล้ว........ไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาคนกำลังมีความรัก.........หัวหน้าผม แม่งเวลาเขิน ยิ่งด่าแรงกว่าเดิมสิบเท่า บอกตรง ๆ ผมไม่กล้าจะเสี่ยงด้วยเลยจริง ๆ”
TBC.