ตอนที่6
เพราะเพิ่งผ่านพ้นการสอบอันแสนทรหดมาหยกๆแก๊งค์เพื่อนของผมจึงนอนสลบเหมือดกันอยู่ที่หอ ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนอยากให้เพื่อนได้พักผ่อนจึงตัดสินใจไม่บอกพวกมันเรื่องที่วันนี้ผมจะไปมอTเพื่อดูพี่กาจน์แข่งบาส ลองผมบอกดูสิ ไอ้อัทต้องโดดเกาะล้อรถตามมารายแรกจากนั้นอรกับแจนก็เกาะขาไอ้อัทอีกที
ผมมารอพี่กาจน์ที่คณะตัวเอง ตอนแรกพี่เขาจะไปรับผมที่หอแต่ผมคิดว่ามันมากไป
ส่วนเหตุผลที่พี่เขาอยากให้ผมไปดูก็คือพี่แกไม่มีเพื่อน
ผมนั่งแกว่งเท้ารออยู่ที่ม้านั่งสักพัก มีเพื่อนกับรุ่นพี่ที่มามหาลัยวันเสาร์เอ่ยทักผมประปราย ผมเป็นคนดังในคณะพอสมควรแต่ไม่ดังถึงขั้นมีเอฟซีวิ่งตามถ่ายรูป การใส่ชุดไปรเวทมานั่งรอใครบางคนในที่แบบนี้จึงไม่เป็นประเด็นสนใจของใครต่อใคร กระทั่งเปอร์โยสีขาวคันสวยแล่นเข้ามาจอดและคนที่นัดผมไว้ก้าวลงจากรถ
ผมชักรำคาญสายตาชาวบ้านหน่อยๆเมื่อต้องเดินเข้าไปหาพี่กาจน์
...รถใหม่เหรอแก ไม่เคยเห็นพี่กิตต์ขับคันนี้...
...เห แต่ฉันชอบมินิสีดำคันเก่ามากกว่า ทำไมเอาคันนี้มาขับล่ะ...
...คันไหนแกก็ไม่ได้นั่งทั้งนั้นแหละอย่าโอดครวญ...
“ดังน่าดูเลยนะครับ พี่กิตต์”ผมแกล้งกดเสียงเข้มตรงชื่อฝาแฝดของอีกฝ่ายจนคนโดนแซะอย่างพี่กาจน์หัวเราะแห้งๆ
“รอนานมั้ยครับ”
“ไม่ครับ พี่มาตรงเวลา”
“ขึ้นรถเถอะ”
ผมทำตามที่พี่กาจน์บอกอย่างว่าง่าย เดินอ้อมไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับแต่พี่กาจน์ดันวิ่งตามมารั้งผมไว้ซะงั้น ผมมองมือหน้าที่ดึงชายเสื้อผมไว้อย่างไม่เข้าใจ พี่กาจน์ส่งยิ้มมาให้ตามแบบฉบับ”ขอกำลังใจหน่อย”
ผมไม่เข้าใจความหมายแต่ก็ยอมพูด”สู้ๆครับ”ด้วยใบหน้ามึนๆ
“ฮ่าๆๆๆ ทุกคนครับ!! ผมไม่ใช่ไอ้กิตต์สุดหล่อแห่งคณะแพทย์นะครับอย่าเข้าใจผิด!! ผมชื่อกาจน์นะครับ!!”
“พี่ทำบ้าอะไร!!”อยู่ดีๆก็ตะโกนซะลั่นตึก พวกรุ่นพี่ที่เพิ่งนินทาเรื่องรถเมื่อครู่มองพี่กาจน์ด้วยความงุนงง เพราะไม่ว่าจะมองยังไงหนุ่มหล่อที่ยืนหัวเราะร่วนอยู่ข้างตัวผมก็คือกิตต์แห่งคณะแพทย์ชัดๆ ผมตีมือพี่กาจน์ที่ยังเกาะชายเสื้อผมไว้แน่นก่อนรีบมุดหัวเข้ารถ
เชื่อว่าเรื่องที่หมอกิตต์คนขรึมมาแหกปากอยู่หน้าตึกบัญชีต้องเป็นที่กล่าวขวัญถึงในสัปดาห์หน้าแน่นอน
“ฟู่วว โล่ง”เจ้าของรถออกรถพลางถอนหายใจโล่งอก
ดูเหมือนการกระทำเมื่อครู่จะมีความหมายกับพี่กาจน์ไม่น้อย
ประกาศตัวว่าไม่ใช่พี่กิตต์งั้นเหรอ
อืม...นั่นทำให้ผมนึกถึงวันที่เราไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟ ตอนนั้นพี่กาจน์พูดว่าพี่ไม่กล้าเป็นตัวเองงั้นสินะ
“พี่เป็นคนดังในมหาลัยมั้ยครับ”
“ดังสิ ดังกว่าที่ไอ้กิตต์ดังอีก เอ้อ นี่ ในเก๊ะหน้ารถมีแมสต์ปิดปากอยู่ หยิบออกมาสิ”
เมื่อเปิดเก๊ะตรงคอนโซลรถหน้าผมออกก็พบกับสิ่งที่อีกฝ่ายรีเควส ผมหยิบมันออกมายื่นให้พี่กาจน์”เป็นหวัดเหรอครับ”
“เปล่าๆ ตอนถึงมอให้นิทานใส่ไว้นะ”
“ครับ? เขาไม่ให้คนนอกเข้าเหรอครับ”ประโยชน์ใช้สอยของไอ้หน้ากากอนามัยนี่หลากหลายนะครับ นอกจากจะกันฝุ่นกันเชื้อโรคได้มันยังช่วยอำพรางใบหน้าเราได้ เวลาทำอะไรที่ต้องอำพรางใบหน้านี่นึกถึงเจ้าสิ่งนี้ไว้ก่อนเลย หมวกไหมพรมสมัยนี้เอาท์แล้ว เขาไม่ใช่กันเพราะมันสะดุดตาเกิน(?)
“ให้สิ มหาลัยพี่เปิดกว้างจะตายชุดนักศึกษายังไม่ต้องใส่ไปก็ได้ด้วยซ้ำ”
“งั้นพี่กาจน์บอกได้มั้ยครับว่าทำไมผมต้องใส่”
“บอกไม่ได้”
“งั้นผมไม่ใส่”
“ใส่เถอะนะ”
โอเค ยอม
คุณชายเล่นทำเสียงอ้อนขนาดนั้นใครจะไปสู้ล่ะครับ พอมาถึงที่หมายผมก็ใส่หน้ากากอนามัยอย่างว่าง่าย
ว่าง่าย ว่าง่าย ว่าง่าย ผมเป็นคนว่านอนสอนง่ายมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ พวกญาติผู้ใหญ่ชอบชมผมกับแม่บ่อยๆเพราะใครสั่งอะไรผมก็ทำ พ่อกับแม่ก็ชมผมตลอด ขนาดแก๊ปยังบอกเลยว่าผมเป็นคนยอมคน คำขอไหนที่ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ผมมักจะโอนอ่อนทำตามเสมอ
“พี่ต้องไปคุยกับเพื่อนในทีมก่อน อีกชั่วโมงกว่าถึงจะได้เวลาแข่ง นิทานไปกับพี่นะ”
“ครับ”นี่ก็เหมือนกัน แทนที่จะปฏิเสธไปว่าผมเดินเล่นรอแถวนี้ก็ได้ดันเดินตามคนตัวสูงกว่าไปต้อยๆ
ผมต้องทำตัวยังไงตอนพี่ประชุมทีมครับ
“อ้าว พูดถึงก็มาพอดีเลยนะคุณเจ้าชาย ทำไมวันนี้มาช้า โอ๊ะ ใครล่ะนั่น”
พี่กาจน์นำเข้ามาในห้องสโมของคณะสถาปัตย์ พอคนในห้องเห็นเจ้าตัวก็เอ่ยทักอย่างเป็นมิตร
“โทษที ไปรับน้องมา”
“น้อง?”คนคนนั้นทวนคำด้วยความสงสัย กวาดสายตามองสารร่างของผมอย่างไม่เชื่อหู”น้องแท้ๆ?”
“น้องคนละพ่อคนละแม่ หึหึ พวกมึงก็เลิกจ้องดิ๊ น้องมันทำตัวไม่ถูก”พี่กาจน์ชี้ให้ผมไปนั่งรอตรงมุมห้องก่อนเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน
“ส สวัสดีครับ”ผมไหว้สมาชิคทีมกีฬาอย่างสุภาพ พวกพี่ๆที่เคยชินกับความถ่อยของรุ่นน้องคณะตัวเองรับไหว้กันแทบไม่เป็น ได้ยินพี่คนเดิมถามพี่กาจน์ย้ำอีกครั้งว่าผมเป็นใครกันแน่ด้วย หลังจากนั้นประเด็นของผมก็ตกไปในเวลาไม่นาน สมาชิคทุกคนเพ่งสมาธิไปยังกลยุทธ์การแข่ง
“ไอ้เจ้าชายมึงต้องประกบเบอร์7ให้ดีนะ กูไปดูตอนมันแข่งกับนิติแล้วแม่งโหดมาก ที่โหดนี่คือฝีมือนะเว้ย ไม่ได้โหดร้ายใจดำ ทำกูเสียใจซ้ำๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ใครก็ได้ช่วยหัวเราะมุกพี่เขาหน่อย
“ฮาๆ ๆ ๆ “
“ไม่ฮาก็อย่ากวนตีนไอ้เจ้าชาย”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”คราวนี้ฮากันจริงแล้วครับ พี่คนที่ปล่อยมุกแป่กโดนพี่กาจน์แกล้งแซวจนหน้าดำๆขึ้นสีแดงไปหมด น่ารักซะไม่มี ขนาดผมยังอดขำความน่ารักของพี่แกไม่ได้
อืมมมมม แต่แอบหมั่นไส้ฉายาพี่กาจน์ว่ะ เจ้าชายเนี่ยนะ ใครตั้งวะ ไม่แน่นะเจ้าตัวอาจจะตั้งเองแล้วบังคับให้เพื่อนๆเรียก
ผมนั่งแกร่วอีกสักพักพวกพี่ก็เลิกประชุมกัน พี่กาจน์เดินมาหาผมพร้อมร้อยยิ้มตามแบบฉบับ”ไปสนามกัน เดี๋ยวพี่เคลียร์ที่นั่งดีๆให้”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้อยากดูขนาดนั้น”
“โอ้โหยยย ใจร้ายว่ะ”
“อยากทำตัวน่าหมั่นไส้เองช่วยไม่ได้”
“หืม พี่ไปทำอะไรเราครับ”
“ฉายาพี่มันดีเกินไป ตอนเด็กๆผมโดนเพื่อนเรียกว่าเต่ากากเพราะหัวโตตัวเล็กทำอะไรเชื่องช้า แต่พี่ได้เป็นเจ้าชาย : (”ผมยู่หน้าให้เขารู้ว่าผมกำลังไม่พอใจจริงๆนะ
“ฮ่าๆๆ เต่ากากก็น่ารักดีนี่ ยิ้มหน่อยครับเต่าคุงอย่าทำหน้าแบบนั้น เอาจริงๆคำว่าเจ้าชายมันไม่ใช่คำชมอะไรหรอกพี่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนโดนประชดใส่ด้วยซ้ำ”พี่เขาพยามเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแต่ผมกันเอาไว้สุดฤทธิ์จึงกลายเป็นยืนยื้อมือกันอยู่ข้างทางระหว่างไปสนามบาส
“แก นั่นเจ้าชาย”
“เด็กคนนั้นเป็นใครน่ะ”
“ทำไมได้รับสิทธิพิเศษ...”
กึก
เหมือนมีคนไปกดปุ่มพอสเข้า พี่กาจน์ชะงักมือที่กำลังหยอกล้อผมอยู่ กระแอมไอสองสามครั้งเหมือนกำลังปรับอารมณ์ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าหล่อเหลา”ไปกันเถอะ”
“ครับ”
ผมไม่เข้าใจ สิทธิพิเศษคืออะไร ทำไมพี่กาจน์ถึงกลัวคำนี้ แต่นอกจากอาการสะดุดกึกตอนนั้นพี่เขาก็ไม่แสดงอะไรออกมาอีกเลย ฟอร์มตอนนี้ก็จัดว่าดีจนผมอดชมได้ใจไม่ได้
คนอะไรนอกจากหน้าตาดีแล้วยังเก่งกีฬาอีก ผมเชื่อเลยว่าพี่กาจน์ดังกว่าพี่กิตต์มากจริงๆ คงเพราะพี่กิตต์ค่อนข้างเก็บตัวจนได้ฉายาว่าเจ้าชายลับแล ส่วนของพี่กาจน์แกร่วมกิจกรรมมหาลัยด้วยชื่อเสียงย่อมขจรขจายไปทั่วสารทิศ
ถ้าพี่กิตต์เป็นเจ้าชายลับแลแล้วพี่กาจน์จะเป็นเจ้าชายอะไรดีนะ
เจ้าชายขี้เล่น?
อืม...เจ้าชายเจ้าสำราญก็ไม่เลว
“เอ...เจ้าชาย...”กลายเป็นว่าผมตั้งอกตั้งใจคิดคำสร้อยต่อท้ายฉายาให้พี่กาจน์มากกว่าตั้งใจดูการแข่งซะงั้น
ก่อนสายตาเจ้ากรรมจะเหลือบไปเห็นข้อความบนฟิวเจอร์บอร์ดที่สาวฝั่งตรงข้ามของสแตนด์เชียร์ชูขึ้นเหนือหัว
บนป้ายนั้นเขียนไว้ว่า
_____________
ไฟต์ติ้งนะคะ...
...
เจ้าชายต้องห้าม_____________
ทำไมผู้ชายที่เข้ากับคนอื่นง่ายแถมยังใจดีอย่างพี่กาจน์ถึงถูกเรียกด้วยคำที่มีความหมายห่างเหินอย่างนั้นล่ะ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ...”ผมไม่ใช่คนขี้เผือก ผมไม่ชอบการพูดถึงคนอื่นลับหลัง สาบานด้วยเกีรยติของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่เลยเอ้า จริงๆนะ ถึงมือผมจะเอื้อมไปสะกิดผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง เจ้าหล่อนหันมาเลิกคิ้วมองผมเปิดโอกาสให้ผมพูดในสิ่งที่ตนต้องการ
“คือว่า...ทำไมพี่กาจน์ถึงเป็นเจ้าชายต้องห้ามล่ะครับ”
เจ้าหล่อนหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างงุนงง ก่อนหันมาถามผมกลับว่า”อยู่ปีหนึ่งสินะเรา มาค่ะ เดี๋ยวเจ้อธิบายให้ฟัง ที่เราเรียกเขาว่าเจ้าชายเพราะเขาหล่อมาก เรียนเก่งมาก ได้ยินว่าตอนสอบเข้าได้คะแนนอันดับหนึ่งของคณะ แถมใบเกรดที่เหล่าสาวกแอบไปส่องมาเห็นเขาลือกันว่าเอช้วนทุกเทอม...”
“อ่า ครับ”ได้เกรดAทุกวิชาตั้งแต่ปี1ถึงปี5นี่มันไม่ใช่คนแล้วครับ คนคุณภาพแบบนี้สมควรถูกยกย่อง
“เท่านั้นไม่พอดนตรีกีฬากิจกรรมทุกอย่างพี่กาจน์ทำได้หมด บ้านก็รวยนิสัยก็ดีสมบูรณ์แบบเหมาะกับนิยามคำว่าเจ้าชายมั่กๆ”
“แล้วทำไมถึง ต้องห้าม ล่ะครับ”
ในการ์ตูนญี่ปุ่นคนหล่อๆจะมีกลุ่มแฟนคลับที่คอยกีดกันคนหล่อจากผู้หญิงคนอื่น อารมณ์ประมาณฉันไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้ พอผู้หญิงที่คิดแบบนั้นรวมตัวกันมากๆเข้าก็กลายเป็นสมาคมพิทักษ์เจ้าชายอะไรก็ว่ากันไปทำให้เจ้าชายเป็นโสดอยู่บนคาน เด็กผู้หญิงไม่กล้าจีบเพราะกลัวโดนรุมตบ
พี่กาจน์อาจจะเข้าข่ายนี้
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เท่าที่ฟังเขาเล่าๆกันมาตอนอยู่ปี1พี่กาจน์มีเพื่อนเยอะมาก แถมมีแฟนน่ารักสุดๆเลยด้วย แต่พอขึ้นปีสองพี่กาจน์ก็ไม่คุยกับใครอีกเลย ไม่เลยสักคน! จนขึ้นปีสามพี่เขาถึงคุยกับคนอื่นบ้างแต่จะว่าไงดีล่ะ คุยเฉพาะตอนอยู่กันหลายๆคน ถ้าอยู่กันสองต่อสองหรือเข้าหาพี่เขาเดี่ยวๆพี่เขาจะเดินหนีทันที”
“ห๊ะ ทำไมล่ะครับ”
ดูท่าจะคนละพล็อตกับในการ์ตูนที่ผมเคยอ่านแล้วล่ะ เพราะเหมือนกับว่าพี่กาจน์เป็นฝ่ายปฏิเสธไมตรีของคนอื่นด้วยความตั้งใจของตนเอง
“นั่นสิคะทำไม พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน น่าเสียดายที่พี่อยู่เภสัช เรื่องของเด็กสถาปัตย์พี่ไม่ค่อยรู้หรอก ถ้าน้องรู้เมื่อไหร่อย่าลืมมาบอกพี่ด้วยนะคะ ช่วยๆกันหาข้อมูล พวกเราเอฟซีพี่กาจน์อยากเห็นพี่เขากลับมาเป็นเจ้าชายเจ้าสำราญค่ะ”
“...”
ผมถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพการแข่งเอาไว้ บังเอิญกดได้จังหวะบอลกำลังลอยขึ้นสูงพอดี ผมตัดสินใจโพสต์ภาพลูกบาสกำลังลอยขึ้นฟ้าซึ่งไม่ติดภาพผู้เล่นใดๆ แต่ติดป้ายเชียร์ที่มีคำว่า เจ้าชายต้องห้าม เขียนไว้ก่อนโพสต์ลงบนแอพสีน้ำเงินชื่อดัง พร้อมแคปชันแสดงความเผือกในกายว่า
บอกทีได้ไหมว่าเพราะอะไร
*รูปอีกหนึ่งนาทีถัดมาอัทเพื่อนรักก็มาเม้นต์ว่า บอกทีได้ไหมว่ามึงอยู่ไหน
แหม ความขี้เผือกนี่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว สมแล้วที่เป็นเพื่อนซี้กัน
__________________________
คุณสมบัติที่นายเอกเรื่องนี้พึงมีคือความขี้เผือกค่ะ 55555
ปล.ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่อาณาจักรของเจ้าชายต้องห้ามนะคะ
นักเล่านิทานได้รับจดหมายเชิญมายังปราสาทของเจ้าชายต้องห้าม หลังจากเดินทางรอนแรมมาหลายวันในที่สุดหนุ่มบ้านนอกก็มาถึงยังจุดหมาย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ...
อ้าว นี่ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีหรอกเร๊าะ 555