•.*...♥ รักเรา(ไม่)เท่ากัน ♥...*.• ตอนพิเศษ [ 6-9-58 / P.64 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: •.*...♥ รักเรา(ไม่)เท่ากัน ♥...*.• ตอนพิเศษ [ 6-9-58 / P.64 ]  (อ่าน 842378 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารเดียวนะ แต่ก็ถือว่าลบล้างความผิดที่ข่มขืนทิวล่ะกัน ว่าแต่ทิวหนีไปอยู่ไหนล่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
 :o12:
อ่านรวดเดียว มาค้างเอาตอนดราม่า
เดียวเลิกเศร้าแล้วไปตามหาทิวเดี๋ยวนี้เลย
 :angry2:

4life

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกกก อยากอ่านตอนต่อไปเเร้ววววววว

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
 :mew2:  ทิวา ไปไหนหนอ

ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
มาดันรอ ฮึบ ฮึบ

ออฟไลน์ aimjungna

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พึ่งเข้ามาอ่านคะ ทิวาน่าสงสารมาก
สงสารเดียวด้วยคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ *0*

Kathe

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nine_ne

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อเร็วๆนะคะได้โปรดดดดดดด ขอเรืองนี้ก่อนนะ

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
น้ำตาไหลเลยหงะ
เศร้าจัดเข้าใจอารมณ์ตัวละครเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Q^Q
มาม่ากินเยอะไม่ดี แต่ก็อยากกินอีกอ่ะ (ล้อเล่น แค่นี้ก็พอแล้วนะคะ)
คุณราตรีไม่ได้ทำผิดในฐานะคนเป็นแม่แล้วก็คงอยากจะเห็นลูกมีชีวิตที่ดี และมองที่สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก
แต่...ความสุขของลูกไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรือ?(อันนี้ยืมคำของน้องเมย์มาใช้ อิอิ)
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
มาสักทีเถอะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จะเป็นลม เดียวไล่ตามหาทิวให้เจอน่ะ อย่าทำอะไรประชดแม่น่ะ คุณพี่ชายมีสายวายหรอจับได้ไหวมาก อิอิ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ขอให้มาลงยาวๆนะอย่ารีบตัดจบ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เชื่อไหมว่ากดเช็ดวันละสามรอบ.......มาให้ไวนะ

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
CHAPTER 22 ...ความว่างเปล่า...



เวลาแห่งความสุขมันจะผ่านไปเร็วเหมือนกับนกติดปีก
แต่เวลาแห่งความเศร้า...คล้ายจะยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์


ใครเป็นคนพูดประโยคนี้นะ ใครคนนั้นจะรู้สึกเหมือนที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้รึเปล่า?
เวลายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันไม่อาทรร้อนใจกับอะไรเลย
เพราะมันไร้ชีวิต ไร้จิตใจ มันจึงเพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องสงสารสรรพสิ่งใด

เดือนที่หนึ่ง --

“แม่ทำเนื้อตุ๋นยาจีนมาให้ เดียวทานหน่อยนะลูก”
“เชี่ยเดียวออกไปแรดกันนะมึง ไปไป อย่ามานั่งเศร้า”
“มึงแค่โดนทิ้งนะ จะซึมไปมากมายทำไมวะ”


เดือนที่สาม --

“วันนี้ไปทานข้าวกับแม่นะ เดียวผอมลงไปนะลูก”
“ขอแม่นอนเป็นเพื่อนนะ แม่อยากทำข้าวเช้าให้เดียว”
“กูไม่ชวนมึงแล้วเดียว กี่ครั้งก็ไม่ไปตลอด”


เดือนที่ห้า --

“นี่กูทิ้งหญิงมาอยู่เป็นเพื่อนมึงเลยนะสลัด ยังจะมาทำหน้านิ่งใส่กูอีก”
“เลิกทำงานเถอะ ไปเดินเล่นกับแม่นะ สูดอากาศข้างนอกบ้าง”
“ไอ้เดียว มึงช่วยโงหัวขึ้นมาจากแฟ้มงานได้มั้ยวะ คุยกับกูบ้าง”


เดือนที่เจ็ด --

“มึงไปบวชเลยป่ะถ้าจะทำชีวิตอย่างนี้น่ะ อย่ามาทำหน้านิ่งมองกู กูเห็นมึงแล้วอยากจะร้องไห้”
“ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแม่นะลูก ไปผ่อนคลายสมองบ้าง”
“กูรู้มึงเสียใจ แต่มึงสงสารพวกกูบ้างมั้ยที่ต้องเห็นมึงเป็นแบบนี้”


เดือนที่เก้า --

“มึงเป็นใครวะ เอาเพื่อนกูคืนมาเลยนะ กูคิดถึงไอ้เหี้ยที่มันหน้าด้านเอาแต่ใจ ไม่ใช่ไอ้ควายที่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง”
“พวกกูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่มั้ยวะเดียว  นี่ไม่ใช่ตัวมึงเลยนะ”
“จะเอาแต่ทำงานแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ไปเที่ยว ไปไหนก็ได้  นะลูกนะ”


เขาไม่เหมือนเดิม...

ตรงไหนที่มันต่างออกไป เขายังเป็นรัตติกาลคนเดิม เพียงแค่บางอย่างที่เคยมีมันขาดหาย...

เขาจำไม่ได้ว่าพูดกับแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ จำไม่ได้ว่าไปนั่งดื่มกับเพื่อนครั้งสุดท้ายที่ไหน  วันเกิดของเขาผ่านไปอย่างเงียบสงบ เขาแค่ขอกุญแจบ้านตากอากาศจากกิตติเพื่อไปอยู่กับตัวเอง ในบ้านหลังเล็กสีขาวที่ใครคนนั้นบอกว่าชอบ เขานั่งฟังเสียงคลื่นซัดสาด มันเงียบสงบ แต่ไม่สุขใจเหมือนวันนั้น ลมที่โชยมามันทำให้เขาหนาวสั่นจนต้องกอดตัวเองไว้ราวกับเด็กน้อย

งานคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขาหยุดจมกับความคิดถึง ถ้าเขาหมกมุ่นไปกับงานเขาจะได้ลบทิวาออกจากสมองไปชั่วคราว แต่เมื่อเขาหลับ... ความฝันมันทำให้เขาแทบจะร้องไห้  เขาเลยต้องทำให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อย เข้าฟิตเนส ไปวิ่ง ไปว่ายน้ำ เขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าต้องทำไปเรื่อยๆ จนหมดเรี่ยวแรง เพื่อที่จะได้หลับลึกจนแม้แต่ฝันก็ไม่อาจเห็น

เขาหยุดตามหา ไม่ใช่ว่าท้อถอย แต่เขาอยากจะตั้งหลักให้มั่นคงอีกครั้ง ความผิดหวังที่ผ่านมันกัดกร่อนกำลังใจของเขาจนแทบจะไม่เหลือ เขาไหว้วานให้ทนายที่เชื่อใจหานักสืบมือดีที่สุดเพื่อตามหา แต่มันก็เปล่าประโยชน์ เพราะข้อมูลที่มีมันน้อยเกินไป เพราะคนที่บอกว่าเป็นครอบครัวก็ยังแทบไม่รู้อะไร ความหวังมันฆ่าเขาตายมาหลายครั้งหลายหน


อีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะครบหนึ่งปี


เวลามันผ่านไปไวจนน่าใจหาย แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าวันเวลา คือใจคน...


ทิวาจะลืมเขารึยัง? จะหมดรักเขาแล้วหรือเปล่า? จะมีใครก้าวเข้ามาแทนที่เขามั้ย?


ส่วนเขา... ยังไม่ลืม ยังคิดถึง และไม่คิดที่จะเปิดใจรับใคร


เขายังรอ แม้จะไร้จุดหมาย อย่างน้อยๆ การถูกทิ้งไว้ ก็ทำให้รู้ว่าเขารักทิวามากแค่ไหน



“กูมารับ!!”   กิตติโวยวายทันทีที่เขาเปิดประตูห้องเพื่อต้อนรับ มันมองสำรวจเขาในชุดเสื้อกล้ามกางเกงวอร์มที่เปียกซ่กไปด้วยเหงื่อ   “นี่มึงวิ่งอีกแล้วใช่มั้ย สลัดถั่วเอ๊ย! ไม่ทำงานก็ออกกำลัง”   

แขกไม่ได้รับเชิญผลักร่างรัตติกาลออกไปให้พ้นทาง กิตติเดินไปนั่งลงที่โซฟา สายตาเหลือบมองลู่วิ่งราคาแพงแล้วเบือนหน้าหนีอย่างอารมณ์เสีย

“กูอยากจะบอกว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่เหี้ยเอ๊ย ไอ้ที่กูเห็นมาเกือบปีมันทำให้กูอยากจะพูดว่า มึงไปแดกเหล้าเถอะ”

“กูนอนไม่หลับนี่...แล้วมึงมาทำไม”

“ทำไมมึงถามแบบไร้เยื่อไยอย่างนั้น กูเสียจุยนะกูเสียจุย”

“เวลาจะพูดอะไรมึงดูอายุตัวเองบ้างนะไอ้กิต”   รัตติกาลพ่นลมหายใจอย่างไม่ปิดบัง    “มาหากูทำไม”

“กูมารับมึงไปเที่ยว มึงควรจะออกไปรับแสงสีได้แล้ว ไปสังเคราะห์แสง ไปดูของสวยๆงาม มันถึงเวลาแล้ว”   

“ถึงเวลาอะไร”

“ก็ถึงเวลาที่กูจะไม่ยอมให้มึงเป็นอย่างนี้อีกต่อไป และถ้ามึงยังขัดขืนกูนะเดียว”   กิตติลุกขึ้นยืน หันมามองหน้าผมด้วยสายตาแน่วแน่   “กูจะลากกะหรี่มาปี้มึงถึงห้องเลย!!”



ก็ไม่ได้กลัวคำขู่ของเพื่อนหรอกนะ เขาเชื่อว่าสามารถเอาตัวรอดได้อย่างสบายมาก แต่เขาอยากจะตอบแทนมันบ้าง อย่างน้อยๆการออกไปไหนต่อไหนก็คงจะพอให้พวกเพื่อนสบายใจว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ตลอดเวลาหลายเดือนก็มีกิตติกับชิงพลบที่อยู่เป็นเพื่อนเขาตลอด แม้ปากจะบ่น จะพ่นคำด่า แต่ก็ยังคอยวนเวียนไม่ห่าง ดูจากสายตาของแต่ละคนที่มองเขามันหนักหนาอย่างกับว่าถ้าไม่ได้คอยดูเอาไว้ เขาจะลุกขึ้นมากระโดดตึกลงไปซะดื้อๆ


หึ... ไอ้เรื่องที่จะทำร้ายตัวเองแบบนั้นไม่เคยอยู่ในความคิดเขาสักนิด


เขารักทิวา รักมาก แต่การคิดสั้นมันไม่ใช่เรื่องของคนมีสติ มันไม่ได้เป็นตัววัดว่ารักมากเท่าไร และถึงแม้ตอนนี้เขาก็คล้ายกับตายทั้งเป็น แต่เขาก็จะอยู่ต่อไป จะหาทิวาให้เจอ จะบอกกับเจ้าตัวให้ได้รู้ว่ารักของเขามากมายขนาดไหน และต่อให้ทิวาไม่เชื่อ เขาก็จะพูดมันต่อไป บอกไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะแทรกซึมเข้าไปในใจแข็งๆดวงนั้น






การไปเที่ยวกลางคืนมันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่คิด ยังดีที่เพื่อนของเขายังพอรู้สถานการณ์ไม่ยัดเยียดผู้หญิงที่ไหนเข้ามาให้บรรยากาศเสีย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงจะขอตัวกลับและคงไม่คิดจะออกมากับพวกมันอีก  เขาก็แค่นั่งท้าแสงสี ดื่มเหล้าราคาแพง สายตาก็มองไปรอบๆดูผู้คนที่สุดแสนจะมีความสุข ท้ายที่สุดก็เป็นเขาที่ขอตัวขึ้นแท็กซี่กลับห้องเพียงลำพัง เขาไม่อยากจะขัดลาภเพื่อนกับสาวๆที่หวังจะร่วมเตียงชั่วคืน

กิตติกับชิงพลบไม่รู้ว่าคนที่ทิ้งเขาไปเป็นผู้ชายคนหนึ่ง มันเจ็บเกินกว่าที่เขาจะตอกย้ำตัวเองซ้ำๆ คำอธิบายสั้นๆที่เขาบอกกับเพื่อนไปคือประโยคเรียบๆที่ว่า ‘กูโดนทิ้ง’ และไม่ว่ามันจะพยายามสอบถามแค่ไหนก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากเขาอีก และแม้ว่ามันจะเลิกถามมาตั้งแต่เดือนแรก แต่เขาก็คิดว่าแม่คงไม่ได้บอกหรืออธิบายอะไรแน่ มันคงน่าอายเกินไปที่จะยืนยันว่าลูกชายตัวเองรักชอบเพศเดียวกัน


แต่ถึงกระนั้น... แม่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาใครมาแต่งงานกับเขาเสียที


มันกลายเป็นเรื่องที่ถูกปัดตกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตลอดเวลาหลายเดือนที่แม่วนเวียนใกล้ตัวเขา ไม่มีคำไหนสักคำที่จะบอกถึงสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ไม่มีการนัดแนะหรือชักพาผู้หญิงคนไหนมาวุ่นวายกับเขาอีก ไม่มีการแต่งงาน ไม่มีการพูดถึง ราวกับว่ามันไม่ใช่สิ่งที่แม่ใฝ่ฝันต้องการมาตลอด


ทั้งที่เป็นเพราะเรื่องนั้น ที่ทำให้ทิวาทิ้งเขาไป


รัตติกาลทิ้งตัวลงกับโซฟา มือใหญ่คว้ารีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ กดโปรแกรมเริ่มไฟล์จากเมมโมรี่ เพียงไฟล์เดียวที่มี มันถูกเปิดอยู่ซ้ำๆ นับร้อย นับพันครั้ง  แต่เขาไม่เคยเบื่อที่จะดู ไม่เคยเบื่อที่จะนั่งมองคนในนั้น


ทิวากำลังหลับสนิท


เพียงแค่เห็นหน้าก็จุดรอยยิ้มให้ริมฝีปากเขา จำได้ว่าวันนั้นเขาเพิ่งค้นเจอกล้องถ่ายวิดีโอที่เหมือนจะหายไปเสียนาน นึกคันมืออยากจะบันทึกทิวาลงในนั้น แต่เจ้าตัวดูท่าจะรังเกียจที่จะต้องเป็นนายแบบจำเป็น เขาจึงอาศัยช่วงเวลาหลังเสร็จสิ้นการร่วมรักยาวนาน ทิวาที่เหน็ดเหนื่อยตามปกติกำลังพริ้มตาหลับ  เขาอาศัยจังหวะนั้นบันทึกภาพลงไป

เกือบห้านาทีกับใบหน้าสวย ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงอะไรเลยสักอย่าง แต่รัตติกาลก็ไม่เคยเบื่อที่จะมอง เพื่อฉากสุดท้ายที่ร่างนั้นขยับเขยื้อนกาย เพื่อวินาทีที่ดวงตาเหยี่ยวแสนรักนั้นลืมขึ้นมอง เพื่อเสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากบางแย้มยิ้มคล้ายยั่วเย้า


แล้วทุกอย่างก็จบลง


และก็เหมือนทุกครั้ง รัตติกาลไม่เคยเพียงพอที่จะจบแค่นั้น วิดีโอความยาวสั้นๆเพียงห้านาทีกว่าๆถูกวนฉายซ้ำไปมานับสิบรอบ จนกระทั่งถึงฉากสุดท้ายที่ทิวาส่งยิ้มให้ เขาหยุดภาพนั้นค้างไว้

ลำตัวหนาค่อยๆเลื่อนตัวลงนอน นัยน์ตาคมจับจ้องภาพแสนรักตรงหน้า มองไว้ให้ซึมลึกเข้าไปตราตรึงข้างใน ไม่มีภาพอื่นใดอีกแล้วที่เขาอยากจะเห็นนอกจากรอยยิ้มนี้  ไม่มีใครอื่นใดที่เขาต้องการโอบกอดนอกจากเจ้าของรอยยิ้มนี้


รัตติกาลแค่นยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกตัว


นี่เขากำลังทำร้ายตัวเองอีกแล้วใช่มั้ย


การนอนมองภาพนี้จนหลับไป ไม่ใช่สิ่งที่ดีสักนิดยามตื่นขึ้นมา






เสียงกุกกักบางอย่างทำให้รัตติกาลผวาลุกขึ้นจากการหลับใหล ใบหน้าคมมองไปทางต้นเสียงสักพัก ก่อนที่จะรับรู้ว่ากลางคืนได้หลบลี้แสงของวันใหม่ไปแล้ว ชายหนุ่มลูบใบหน้าพยายามเรียกสติให้คืนโดยไว ไม่ใส่ใจเจ้าของเสียงกุกกักที่เดินใกล้เข้ามา เขายังคงซุกหน้าลงกับฝ่ามือในตอนที่เบาะข้างตัวยวบลงไปเพราะน้ำหนักของร่างกาย

“เป็นคนที่สวยจังนะ ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ”   รัตติกาลเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ แม่เขาทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า จนเมื่อไล่ตามไปดูก็พบใบหน้าประดับรอยยิ้มที่เขามองจนผล็อยหลับไปเมื่อคืน   “ตอนที่แม่เห็นทิวาครั้งแรกยังอดตกใจไม่ได้ ไม่คิดว่าผู้ชายหน้าสวยจะมีจริงๆ”

คนฟังหลับตาแน่น เอื้อมมือคว้ารีโมทปิดภาพนั้นในทันที

“ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้กับแม่”   เขาพูดแค่นั้นแล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องไป ไม่ใช่แค่แม่ แต่เขาไม่อยากจะคุยเรื่องทิวากับใครด้วยทั้งนั้น เพราะยิ่งพูดถึงก็ยิ่งเหมือนถือมีดมาเฉือนเนื้อตัวเอง ลำพังแค่ที่เขาเฝ้าคิดถึงมันก็ทำให้แทบไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ไม่ต้องให้คนอื่นมาช่วยซ้ำอีกหรอก

จนเมื่อเขาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเพื่อพร้อมไปทำงานแม่ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมเมื่อเขาออกมาจากห้องนอน จับจ้องไปยังทีวีที่หน้าจอมืดสนิทราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์ความคิดอะไรสักอย่าง

“แม่มีอะไรรึเปล่า?”   ชายหนุ่มเดินไปยืนซ้อนด้านหลัง กระตุ้นถามจนมารดาผินหน้ามามอง มันเหมือนว่าเขาไม่ได้มองหน้าแม่ตัวเองเต็มตามานานมาก ใบหน้าที่เคยสวยกับร่างกายที่เริ่มจะอวบมันเปลี่ยนไป แม่เขาไม่สดใส แม้การแต่งหน้าจะช่วยกลบเกลื่อนริ้วรอย แต่มันช่วยให้ดวงตามีชีวิตชีวาไม่ได้เลย และเมื่อแม่ยืนขึ้น เขาถึงได้รู้ว่าแม่ผ่ายผอมลงไปจากเดิม

“ไปทานข้าวเช้ากับแม่นะ”

รัตติกาลไม่อาจปฏิเสธ อาจจะเพราะแววตาที่ราวกับคนสิ้นหวังคู่นั้น เขารู้ตัวดีว่าไม่ใช่ตัวเองเท่านั้นที่รู้สึกเจ็บ แม่คงเจ็บไม่แพ้กันแต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ เลือกที่จะจมอยู่กับความเศร้าของตัวเอง เพราะส่วนหนึ่งที่เลวร้ายในตัวเขามันรู้สึกดี มันสะใจที่ได้เห็นว่าแม่ทุกข์ขนาดไหนกับความช้ำใจของเขา

“แล้วแต่แม่เลยครับ”

แล้วเขาก็เป็นฝ่ายเดินออกมาจากห้องก่อน ยืนรอสักพักแม่เขาจึงเดินออกมาสมทบ เราสองคนเดินขนาบข้างกันไปเงียบๆ ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้นราวกับถูกขั้นด้วยกระจกแผ่นหนา ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องที่จะคุย เพราะแม่คงมีเรื่องราวเต็มไปหมดที่อยากจะพูดกับเขา แต่มันคงเป็นแค่แม่คนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น

รถยนต์ถูกขับเคลื่อนออกจากที่จอด มุ่งหน้าไปตามทางที่คนโดยสารต้องการ แม้ว่าเส้นทางจะเริ่มห่างไกลจากโรงแรมที่เขาควรจะเข้างานตั้งแต่สามสิบนาทีก่อนหน้า แต่รัตติกาลก็ไม่คิดถามถึงจุดหมายปลายทาง แค่ขับไปเรื่อยๆตามแต่ที่มารดาจะบอกทางให้ไป

ตลาดแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองคือเป้าหมาย เขารู้แค่ว่ามันอยู่ในเขตตลิ่งชัน เป็นตลาดชุมชนที่เหมือนจะรวมคนที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยในตอนเช้าในบริเวณย่านนั้น รัตติกาลมองดูรอบข้างก่อนจะขับเคลื่อนรถไปจอดยังที่ว่างริมทางเท้าหน้าร้านสะดวกซื้อ เมื่อดับเครื่องยนต์เขาหันไปมองแม่อย่างข้องใจ มันเป็นอีกครั้งที่แม่ไม่พูดอะไร ส่งยิ้มเบาบางมาให้แล้วออกจากรถไปก่อน   
 
มันไกลจากบ้านที่แม่อยู่ มันห่างไกลจากสภาพแวดล้อมที่แม่คุ้นชิน แต่ประหลาดใจยิ่งกว่าที่แม่รู้จักสถานที่นี้  ไอ้ที่บอกว่าจะมาทานอาหารเช้ายิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ รัตติกาลมองคุณราตรีเงียบๆ ปล่อยให้ร่างผ่ายผอมเดินนำไปยังทางที่ต้องการ ตลาดในช่วงสายทำให้ผู้คนเริ่มบางตา แต่ร้านรวงที่ยังมีลูกค้าประปรายพลอยทำให้รู้ว่าในตอนเช้าตรู่นั้นผู้คนจะพลุกพล่านแค่ไหน เขาได้มองสองข้างทางอย่างสนใจ มีร้านขายข้าวแกงรถเข็น ร้านขายขนมไทย ร้านขนมจีนหาบ ข้าวของเครื่องใช้ในราคาถูก

รัตติกาลมองรอบข้างแล้วให้ถอนใจ ไม่รู้ว่าแม่จะมากินอะไรในตลาดล่างแบบนี้ ไอ้คนอย่างเขาที่เคยลุยไหนนอนนั่นไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ไอ้เรื่องกินข้างกลางดินกินกับพื้นก็เคยมาแล้ว แต่คุณราตรีไม่ใช่... แม่เขาเป็นคุณหนูมาตั้งแต่เกิด ต่อให้แต่งงานมีลูกแล้วก็เถอะ พ่อของเขาก็ยังยินดีให้แม่เป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็น

“ทานโจ๊กกันนะลูก”   เสียงราบเรียบบอก รัตติกาลก็แค่เดินตามไปไม่มีขัด ดีหน่อยตรงที่ถอดสูทไว้ในรถ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะดูประหลาดพอดูท่ามกลางผู้คนที่สวมใส่ชุดสบายๆในหน้าร้อน

ยิ่งเดินเข้าไปใกล้กลิ่นหอมอ่อนๆของข้าวปรุงรสก็โชยแตะจมูก รัตติกาลเดินมาหยุดสมทบกับมารดาหน้าโต๊ะพับขนาดใหญ่ที่ปูผ้ารองสวยงาม บนนั้นวางทุกอย่างเท่าที่ร้านโจ๊กจะมี ชามพลาสติกหลายใบวางซ้อนกันเป็นชั้น ตะกร้าใส่ช้อน เครื่องโจ๊กต่างที่อยู่ในถ้วยดูเต่งตึงหน้ากิน แถมยังมีควันบางๆจากหม้อใบใหญ่ด้านข้างที่ยังคงตั้งไฟอ่อนๆเคี่ยวข้าวอย่างสม่ำเสมอ

“ไม่ใส่ขิงเหมือนเดิมรึเปล่าจ๊ะป้า”   เสียงติดทุ้มเล็กน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นหูสมกับเป็นคนค้าขาย

“จ้ะ... อีกชามใส่ทุกอย่างพิเศษเครื่องนะ”   รัตติกาลแทบจะไม่เชื่อหูว่าคนที่สั่งรายการอย่างเป็นธรรมชาตินี้จะเป็นคนที่ตลอดชีวิตกินแต่ร้านมีระดับ แต่น้องแม่ค้ากูทำท่าจะรู้ใจอย่างกับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกๆที่แม่ของเขาแวะมา

“โอเค นั่งเลยจ้ะป้า แหม มาได้จังหวะ โต๊ะเพิ่งว่างเมื้อกี้เอง”   แม่เขายิ้มน้อยๆ กับวาจาเป็นกันเอง แล้วเดินนำไปยังโต๊ะหนึ่งในสี่ที่ว่างอยู่ โต๊ะพลาสติกพับได้สีแดงแปร๊ดมีเพียงพวงเครื่องปรุงสี่ช่องตั้งไว้เท่านั้น

“แม่เหมือนจะมาบ่อย”   เขาถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ พลางพับแขนเสื้อเชิ้ตให้ขึ้นมาถึงข้อศอกกันเปรอะเปื้อน

“ก็หลายเดือนอยู่ แต่ไม่บ่อยนักหรอก”

“ถ้าถึงขนาดแม่ค้ารู้ว่าไม่ใส่อะไรบ้าง จะบอกว่าไม่บ่อยคงไม่ได้หรอกมั้ง”

“แม่คงเด่นเกินไปล่ะมั้ง”   จะเป็นคำหยอกเย้าก็คงได้ แต่รัตติกาลก็เชื่ออยู่ไม่น้อยว่าคงเป็นเพราะเหตุนั้น ก็จะมีใครสักกี่คนกันที่มานั่งร้านโจ๊กตามตลาดด้วยชุดที่เรียกว่าดูดีด้วยแบรนด์เนมทั้งตัว

“ได้แล้วจ้ะ... อ้อ รอแป๊บนะป้า เผอิญว่าผักหมดพอดี พี่เขาเลยอาสาไปซื้อให้”   น้องคนขายยิ้มจนตาปิด ใบหน้าขาวกลมอวบเล็กน้อย มีเหงื่อไหลซึมตามไรผมประปราย กับหน้าท้องที่โป่งออกมาจากผ้ากันเปื้อน

“ป้าจะทานรอไปเรื่อยๆนะ”   แม่ของเขายิ้มรับ และเมื่อน้องแม่ค้าเดินกลับไปประจำหน้าที่ คำถามมากมายก็ราวกับแย่งกันหายใจในปากเขา

“ใคร?...ที่น้องคนนั้นพูดถึง”

“ทานก่อนสิลูก น้องเขาทำอร่อยจริงๆนะ”   แล้วแม่ก็ปิดบทสนทนาของเขาด้วยการตักโจ๊กสีขาวละมุนเข้าปาก  นั่นทำให้เขาต้องเก็บคำถามกลืนลงคอแล้วเริ่มต้นกินอาหารเช้าบ้าง

ความกลมกล่อมที่อยู่ในปากไม่ได้เกินเลยสักนิดที่แม่เขาจะเอ่ยปากว่าอร่อย เครื่องในชิ้นอวบไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อยซ้ำยังนุ่มหวาน เนื้อหมูสับก็เหนียวหนึบกำลังดี ขิงก็อ่อนหอมสดชื่น แถมยังมีกากหมูเจียวหอมๆเพิ่มรสเข้าไปอีก พอจะเข้าใจได้เลยว่าทำไมแม่เขาถึงดั้นด้นมาไกลขนาดนี้เพื่อโจ๊กชามเดียว

“อร่อยอย่างที่แม่ว่าใช่มั้ย ทานเยอะๆนะลูก”   รัตติกาลไม่ตอบอะไรกลับไป แต่ก็ไม่ปฏิเสธคำชักจูง 

ใช้เวลาไม่นานข้าวในชามสีฟ้าอ่อนก็หมดเกลี้ยง มันอร่อยเสียจนนับได้ว่าเป็นอาหารชามแรกที่เขากินหมดในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าแม่มองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“ผอมลงไปมากนะเดียว...ทานให้ได้อย่างนี้ทุกวันนะลูก”

เป็นอีกครั้งที่เขาใช้ความเงียบในการสื่อสาร และเมื่อเขาไม่ตอบรับ แม่จึงค่อยๆคลายยิ้มลง และตักโจ๊กเข้าปากอย่างเชื่องช้า การรอคอยทำให้เขาเริ่มทอดสายตามองดูสิ่งแวดล้อมแปลกใหม่รอบตัว ลุงป้าแก่ๆที่เดินซื้อของ หยุดพูดคุยกันเป็นกลุ่มราวกับงานเลี้ยงรุ่น มอร์เตอร์ไซค์หลากหลายยี่ห้อที่วิ่งสวนกันไปมาในซอยแคบๆ แทรกแซงด้วยจักรยานจ่ายตลาดที่หน้าตะกร้ามีข้าวของใส่จนเกือบล้น เสียงพูดคุยจากทั่วสารทิศดังแว่วมาให้ได้ยินพอๆกับเสียงเครื่องยนต์

“ขิงอ่อนที่ซอยแล้วไม่มีอ่ะแก้ว พี่เลยซื้อเป็นหัวมาเลย”    แม้จะมีเสียงมากมาย แต่เสียงการสนทนานี้กลับทำให้เขาต้องหยุดฟัง

“โห แก้วซอยขิงไม่เก่งด้วยดิ พี่ทิวจัดการให้แก้วหน่อยนะ”    แค่ชื่อที่ได้ยินก็แทบจะทำให้เขาหยุดลมหายใจ

“อยู่กันมากี่เดือนแล้วแก้ว มีดเนี่ยเป็นอริกับพี่นะไม่รู้รึไง”    เสียงทุ่มนุ่มหูเจือความขบขันสดใส มันคุ้นติดอยู่ในหัว

“จ้าๆ อ้อพี่ทิว ป้าแกมาหาอีกแล้วแน่ะ”

รัตติกาลตัวชาวาบ ไม่ใช่เราะความกลัว หากเป็นความยินดีที่ไหลท่วมไปทั้งร่าง นัยน์ตาคมเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ลมหายใจหอบถี่ราวกับกำลังออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง และชั่ววินาทีที่เขาหันกลับไปยังต้นเสียง ทั่วทั่งร่างก็พลันโห่ร้องด้วยความยินดี


เขาพบแล้ว!


ทิวาของเขา!!


ร่างโปร่งตรงหน้าดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาเช่นกัน แต่มันคงต่างอารมณ์กันอย่างเห็นได้ชัด เพราะสีหน้านั้นไม่ได้บ่งบอกเลยสักนิดว่ายินดีที่เจอกัน  ยามเขาลุกขึ้นรวดเร็วจนเก้าอี้พลาสติกแทบล้ม คนตรงหน้ากลับผงะถอยหลัง ยามเขาก้าวเดินเข้าไป คนคนนั้นกลับตั้งท่าจะหนี
ยามเขาจะส่งเสียงเรียก ทิวากลับวิ่งหนีออกไป

แม้เพียงชื่อที่อยากจะเอ่ย ทิวายังไม่ยอมให้โอกาสนั้น

รัตติกาลมองร่างโปร่งในชุดลำลองกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้ามถนนแคบหายลับเข้าไปในซอยหนึ่ง เขาได้แต่ยืนมอง สองขาที่สมองสั่งให้ก้าวเท้าตามกลับถูกตรึงอยู่กับที่ จนกระทั่งท่อนแขนถูกฝ่ามืออุ่นแตะสัมผัส

“เดียว...”   รัตติกาลหันกลับมามองเจ้าของมือ ใบหน้าของมารดามีเค้าหน้าเครียดขรึม ผิดกับสีหน้าเขาที่คงร้อนรนจนแทบคลั่ง

“แม่...ทำไม...ทิว...ผม...บอกผม”   เขาแทบจะจับใจความในคำถามตัวเองไม่ได้ มันสับสนจนเรียบเรียงไม่ถูก คำถามมันมากมายจนไม่รู้ว่าจะเลือกข้อไหนก่อนดี แต่แทนที่เขาจะได้คำตอบให้คลายความสงสัย แม่แค่ยิ้มเจือจางส่งมาให้พร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบทั้งหมด




_____________________________________________________________ TBC. __________________


กราบขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ หลายเม้นท์นี่บอกเลยว่า อื้อหือ มันโดน!!! อ่านแล้วเอาใจคนเขียนกันไปเลยทีเดียว

ต่อจากนี้แม้จะไม่ได้พ่อแง่แม่งอน หรือทิวจะใจแข็งเป็นเหล็กไหล หรืออาจจะใจอ่อนง่ายๆไม่สาแก่ใจใครหลายๆคน ก็ขออภัยล่วงหน้า แต่ก็อยากจะให้ติดตามกันต่อไป คนเขียนจะพยายามให้ทิวเชิดใส่ให้มากที่สุด

คนเขียนไม่ได้พยายามรวบรัดตัดจบหรืออะไรนะคะ ยังไม่จบง่ายๆหรอกค่ะ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอีกกี่ตอน

ขอบคุณสำหรับเม้นท์ยาวๆโดนๆ และเม้นท์สั้นๆที่ทำให้ยิ้มได้

 
รักคนอ่าน :กอด1: รักคนเม้น :กอด1:

Untill we meet agaiN

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ขอไปร้องไห้แพบ คนเขียนกลับมาแล้ว  :o12:  :o12:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
เจอทิวแล้ว คนอ่านดีใจ เดียวกลายเป็นอีกคนที่หม่นหมองไปเลยเนอะ
ยิ่งตอนวีดีโอซ้ำๆ นี่แบบสงสารมาก แม่เดียวเคยมาหลายทีแล้ว
แสดงว่าทิวาขอร้องไว้สินะ ถึงเพิ่งได้บอกเดียวอ่ะ
ดีใจกับพระเอกมาก หาหัวใจเจอสักที

ค้างมาก ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เฮ่อ โชคดีแค่ไหนที่หาเจอ

T^T ขอบคุณที่ข้ามเวลา ที่ทิวหายไปจากชีวิตเดียวในไม่กี่บรรทัดนะคะ
ถ้าลงรายละเอียดเราร้องไห้ตายแน่ๆ
แค่ฉากที่นั่งมองคลิปที่ถ่ายไว้ซ้ำๆ เราก็จะขาดใจแล้ว

สงสารเดียว แต่ทิวเองก็ไม่ใช่ไม่เจ็บ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เจอแล้วววววววววววววววว  ที่แท้แม่ก็แอบมาหาลูกสะใภ้นี่เอง แต่ถ้ามาหาหลายครั้งแล้ว มีเหตุผลอะไรน้าที่ทำให้ทิวไม่ยอมกลับไปหาเดียว?    แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันถือซะว่าเป็นการที่ทำให้ทิวได้ทำให้เดียวเจ็บเจียนตายอะนะ ก็แหมตอนแรกๆเล่นไปขืนใจเค้าไว้นี่ โดนซะบ้าง รีบง้อเมียเร็วเข้าแล้วกลับมารักกันเหมือนเดิมมมม    ขอบคุณคนแต่งค่าสนุกมากๆเลย รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ทำไมตอนนี้เราชักอยากอ่านความรู้สึกแม่กับพ่อของเดียวรวมไปถึงครอบครัวของทิวามากกว่าอ่ะ
อยากรู้ว่าพ่อกับพี่ของทิวาไม่ตามหาเหรอ แล้วพวกมันทรมานร้อนรนอะไรกันบ้างมั๊ย
คือเอาง่ายๆ เราอยากเห็นทั้งแม่ของเดียว รวมไปถึงพ่อและครอบครัวของทิวามันเจ็บปวดทุรนทุรายบ้างอ่ะ
เอาแบบระเอียดยิบเลยนะ คงสาแก่ใจดี ตอนนี้รู้แล้วว่าเดียวเจ็บปวดมามาก
ถามว่าสงสารมั๊ยก็สงสารแต่ก็สาสมและสะใจดีที่เมื่อเทียบกับที่เดียวมันทำกับทิวาช่วงแรกๆเราเลยไม่หน่วงไม่เศร้าอะไรมากมาย

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
...เธอกลับมาแล้ว...ช่างเป็นตอนที่กินเวลายาวนานเหลือเกิน....  :sad4:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อิฉันก็ยังเคืองแม่เดียวอยู่นะ สงสารเดียวสุด ๆ เหมือนโดนแม่หลอกซ้ำ ๆ ถึงจะเป็นข้อตกลงกะพ่อก็เถอะ จิ๊ดๆ ยิ่งตอนทิววิ่งหนีนี่น้ำตาจะไหลแทนเดียว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
เจอกันแล้วสินะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เจ็บปวด ทรมาน รันทด หดหู่ ท้อแท้ หม่นหมอง อุราตรมตรอม   :really2:

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
 :hao5: น้ำไหลออกตา....
โดนอย่างแรง ขอให้รักกลับคืนมาเหมือนเดิม :hao4: :katai1:

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
ดีเลย อย่าเพิ่งรีบจบ
มาม่าให้ตาเดียวเยอะๆ
ตบท้ายด้วยซีนหวานๆ
หลังคืนดีกันนะพลีส

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
ไม่อยากให้ทิวใจแข็งมาก   เพราะเดียวก็ไม่ได้ผิดอะไรขนาดนั้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด