: เพ้อที่ 05 : โรคจิต
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากความเดิมตอนที่แล้ว ... ผมขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่า ย้อนกลับไปอ่านแล้วกันนะครับ
คือตอนนี้ พี่ผมอยู่ในห้องพี่เมี่ยง โดยที่พี่เมี่ยงไม่ได้สนใจใยดีผมเลย แถมยังไล่กลับไปอีกต่างหาก ผมแฟนพี่ทั้งคนนะครับ ถึงจะ...เอ่อ .. ตกลงคบแบบมึน ๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็แฟนพี่นะครับ ... สนใจกันหน่อย
โอเค ผมจะหน้าด้าน
ผมล็อกประตูห้อง แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง มองพี่เมี่ยงที่กำลังนอนหลับ
อย่าคิดว่าผมจะทำมิดีมิร้ายพี่เมี่ยงแบบนั้นครับ ... ขอร้อง อย่าเข้าใจพฤติกรรมและสันดานผมผิดแบบนั้น
ก็แค่นั่งเฝ้าเอง
แต่พอเห็นคนหลับ มันก็เหมือนโรคติดต่อ ผมง่วงตาม นั่งหาวหวอด
จากนั้น ก็ผล็อยหลับ ลงไปข้าง ๆ
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเจ็บตรงบริเวณแก้ม
ปรือตาขึ้นมามองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าพี่เมี่ยงที่กำลังหัวฟู หน้าตาเบลอ ๆ คล้ายตื่นนอนกำลังนั่งจ้องผมลงมาจากข้างบน ผมกระพริบตาปริบ ๆ สองสามทีแล้วใช้เวลาประมาณ 1.5324 วินาทีในการรำลึกความคิดกับสภาพของตัวเองปัจจุบัน
ผมเอื้อมมือขึ้นมาจับแก้มบริเวณที่เจ็บ ก็คลำมาเจอมือของพี่เมี่ยงพอดี
สรุปว่าโดนพี่เมี่ยงบีบแก้มครับ
“บอกให้กลับไป ทำไมยังจะอยู่อีก” พี่เมี่ยงถามผมเสียงเรียบ ใบหน้านิ่ง ๆ แต่อารมณ์กำลังคุกคาม
ผมเหงื่อตกเล็กน้อย พยายามยิ้มรับ
“...ก็ผมเป็นห่วงน่ะครับ”
“ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว ห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง นี่อะไร” พี่เมี่ยงปรายสายตามองชุดนักเรียนของผม “โดดเรียนมาหรือไง”
ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เพราะมันคือความจริง
ผมไม่ตอบ แต่พี่เมี่ยงก็คงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
จนในที่สุดพี่เมี่ยงก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“โดดเรียนมานี่เตรียมใจแล้วใช่ไหม”
ครับ ? เตรียมใจ ?
ผมเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยออกไป
บอกตามตรง ทันทีที่ทำแบบนั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ รอบตัวพี่เมี่ยงแกทันทีเลยครับ มันเป็นบรรยากาศที่ต่างจากการคุกคาม... ถึงมันจะไม่รุนแรงเท่าเมื่อกี้ แต่มันก็ทำให้ผมถึงกับเสียวสันหลังวาบ สัญชาตญาณกำลังบอกผมว่า ตอนนี้ผม ไอ้ต้น กำลังไม่ปลอดภัย
พี่เมี่ยงมองหน้าผมอย่างขอคำตอบ
ไม่รู้จะตอบยังไง
เลยตอบไปเป็น...
จ๊อกกกกกกกกกกกกกกก~~~~~
เสียงท้องร้องของผมเองครับ
น่าอับอาย..
พี่เมี่ยงลดบรรยากาศความน่าเกรงขามลง แล้วมองตาปริบ ๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นออกจากเตียง เปิดตู้เสื้อผ้า แล้วก็โยนเสื้อกับกางเกงมาให้ผมที่กำลังลุกขึ้นนั่งตามหนึ่งชุด
“เปลี่ยนซะ ถ้าวันนี้คิดจะโดดเรียนก็อย่าโดดด้วยชุดนักเรียน” พี่เมี่ยงบอกแบบนั้น ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
ผมได้แต่มองตามหลังพี่เมี่ยงไปแบบงง ๆ
หมายความว่าพี่เมี่ยงกำลังอนุญาตให้ผมโดดเรียนแล้วใช่ไหม ?
รู้สึกดีใจแปลก ๆ
แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน เมื่อกี่เมี่ยงชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำบอกว่า
“อย่าได้ใจไป ผมลงโทษคุณแน่ เรื่องที่โดดเรียนน่ะ”
พูดจบ พี่เมี่ยงก็ปิดประตูห้องน้ำดังปัง
ปล่อยให้ผมใจเต้นตึกตักอยู่คนเดียว
พี่เมี่ยงบอกจะลงโทษผมด้วยล่ะ .... จะลงโทษผม จะทำอะไรนะ .. จะรุนแรงแค่ไหน จะเป็นแนวไหนนะ การลงโทษของพี่เมี่ยงคงไม่ใช่เรื่องเด็กน้อยอย่างการสกินชิพหอมแก้ม จูบ อะไรแบบนั้นหรอก การลงโทษของพี่เมี่ยงมันต้องเป็นอะไรที่เร้าใจกว่านั้น โดนหยิก โดนตี โดนบีบ หรืออาจจะโดนขู่ฆ่าก็ได้
อ๋า.. แค่คิดก็รู้สึกอดใจรอไม่ไหวเชียวล่ะครับ
...อ๊ะ !? ... ไม่ได้ ๆ ผมไม่ใช่เอ็ม จะมาเคลิ้มกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้สิ !
ห้องของพี่เมี่ยงอย่างที่เคยได้บอกไปว่า มีเครื่องใช้ที่จำเป็น แต่พวกที่ไม่จำเป็นนี่เยอะกว่า ฝาผนัง แม้กระทั่งเพดานก็ติดไปด้วยโปสเตอร์จากอนิเม และเกม มีระเบียงยื่นออกไป พี่แกคงไม่ได้สนใจสายตาของคนฝั่งตรงข้ามเลยสักนิด มีรสนิยมไม่แคร์โลกสุด ๆ ยิ่งหมอนข้างนี่ทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ดูจากรสนิยมโปสเตอร์กับหมอนข้างแล้ว มันทำให้ผมฟันธงได้ไม่ยากว่าพี่เมี่ยง
เป็นโลลิค่อน
เมื่อพลิกดูหมอนข้างผมถึงกับชะงักมือ..
ด้านที่เห็นตอนแรกก็เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักอยู่หรอกครับ แต่พอพลิกอีกด้านนี่... ก็เด็กผู้หญิงคนเดิม แต่....
ไม่ใส่เสื้อผ้า
18+ ชัด ๆ ! !
นี่พี่เมี่ยงมีของแบบนี้ไว้ครอบครองงั้นเรอะ !? .. พรากผู้เยาว์ ! ผิดกฎหมายแล้วครับ !
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ
“ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”
อ๊ะ... ลืมตัว เผลอสำรวจห้องพี่เมี่ยงไปซะได้
พี่เมี่ยงปรายสายตาไปหมอนข้างที่ผมพลิกด้านอีโรติกขึ้นมา ใบหน้าของพี่เมี่ยงนิ่งเฉย ก่อนจะบอกว่า
“หืม.. ต้นมีรสนิยมแบบนี้เองเหรอ”
“ไม่ใช่นะครับ!?” แล้วอีกอย่างนี่มันหมอนข้างพี่เมี่ยงต่างหาก !
“ดูรูปโป๊ของเด็กหญิงสองมิติแล้วช่วยตัวเองไปด้วยแบบนี้บ่งบอกความเป็นโรคจิคได้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ”
ผมยังไม่ทันทำอะไรเลยคร้าบบบ ! นี่พี่เมี่ยงเห็นผมเป็นคนแบบไหนเนี่ย
“ด...เดี๋ยวก่อนสิครับ”
“อนุญาตให้พาโทโมกะเข้าห้องน้ำไปด้วยละกัน จะเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือจะ fap ไปด้วยไม่ว่า แต่อย่าทำเลอะหมอนข้างผมก็พอ เพราะขี้เกียจเอาไปซัก ยิ่งซัก โทโมกะยิ่งซีด”
ครับ .. ตัวละครที่อยู่ในหมอนข้างของพี่เมี่ยงชื่อโทโมกะ เป็นตัวละครหลักที่มาจากอนิเมและไลท์โนเวลที่มีชื่อเล่นเรียกกันว่าบาสโลลิ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กประถมผู้หญิงทั้งห้าคนเล่นบาส และมีโค้ชเป็นเด็กผู้ชายมัธยมปลาย ก็ฮาเร็มโลลิ (เด็กอายุต่ำกว่าอายุ 15 ปี) ดี ๆ นี่เองแหละครับ
แต่พี่เมี่ยงไม่ฟังผมเลย...
“ผมไม่สนโลลิหรอกครับ” ผมเอ่ยขัด
พี่เมี่ยงเลิกคิ้วมองเล็กน้อย
“อ้อ เหรอ”
“ผมสนใจโอจิต่างหาก”
พยายามยิ้ม แต่พี่เมี่ยงไม่ยิ้มตาม
ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาทั้งนั้น
“โรคจิตเหมือนกันนะ”
ไหงกลายไปเป็นโรคจิตได้ละเนี่ย !? .. แค่ชอบโอจิ (คนอายุมากกว่า) เท่านั้นเองนะ !
“ของแก่ ๆ มันจะไปสู้ของสดใหม่ได้ยังไงกัน เจ้าพลาดแล้วล่ะต้น อะไรที่มันเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางน่ะ มันยิ่งเร้าใจ แต่ต้นคงไม่เข้าใจสินะ เพราะยังไงพวกโอจิค่อนก็เห็นความเหนียวของหนังแล้วตื่นตาตื่นใจอยู่ดี”
ร้ายกาจมาก ขอโทษโอจิค่อนทั่วทั้งประเทศเดี๋ยวนี้เลยนะครับ !
อีกอย่าง โอจิที่ผมหมายถึงคือพี่เมี่ยงต่างหาก ! สำหรับผมพี่เมี่ยงคือโอจิของผมนะ !
ไม่รู้จะเถียงให้ได้อะไรขึ้นมาครับ เพราะยังไงก็ไม่มีทางชนะแน่ ๆ แล้วอีกอย่าง ผมก็รู้สึกได้ว่า ยิ่งเถียง จะยิ่งเข้าตัว เหมือนจะกลายเป็นไอ้โรคจิตสำหรับพี่เมี่ยงไปซะแล้ว
ผมเดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ก็ยังไม่วาย
“อ้าว ไม่พาโทโมกะไปปู้ยี้ปู้ยำในห้องน้ำแล้วเหรอ”
ใครจะไปทำครับ !?
เสื้อผ้าที่พี่เมี่ยงให้มา เป็นเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้น ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม และกลิ่นของพี่เมี่ยงด้วยครับ ผมยกเสื้อและกางเกงของพี่เมี่ยงขึ้นมาดม .. กลิ่นมันน่าติดใจจริง ๆ นะ
และในขณะนั้นเอง ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดผลัวะออก
“เออต้น .. จะกินอะไร....ปะ....”
พี่เมี่ยงมองผมแล้วหยุดค้างไว้แค่นั้น
แล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
ด...เดี๋ยวก่อนครับ สายตาเอือมแบบนั้นคืออะไร !?
ผมรีบลดเสื้อของพี่เมี่ยงลงแล้วซ่อนมันไว้ที่หลัง .. คือ ..ทำไปตามสัญชาตญาณ เพราะตอนนี้ มันไม่ทันแล้วไง หลักฐานคาตาว่าผมกำลังยืนดมเสื้อผ้าของพี่เมี่ยงอยู่ ..
ก็แค่...ชอบกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มเองครับ....
พี่เมี่ยงหรี่ตาลงมองเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยวาจาและน้ำเสียงที่โคตรเหน็บแนม .. ชนิดที่ว่าเจ็บช้ำถึงทรวง
“.....โรคจิต”
พูดแค่นั้น พี่เมี่ยงก็ปิดประตูห้องน้ำดังปัง ปล่อยให้ผมนิ่งค้าง
ม..ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ !
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ !
อีกอย่าง แฟนที่ดมเสื้อผ้าของแฟน ไม่เห็นจะแปลกเลยไม่ใช่เหรอ !?
เฮ้ย .. !? ไม่ใช่สิ...
ผมต้องควรแก้ตัวก่อนว่า..
ผมไม่ใช่โรคจิตนะครับ ! ! !
TO BE CONTINUED............