วันเปี่ยมรัก.16
“วันจะกลับเลยเหรอ กินข้าวกินปลาก่อนสิ”
“เอ่อ ป้าครับไม่เป็นไรครับ คือว่าผม...”
กำลังจะอธิบายแต่แม่ผู้ใหญ่เปี่ยมก็ไม่ฟัง
“จะมาเกรงใจอะไร ฝนก็ตก อยู่กินข้าวให้เรียบร้อยก่อน ฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับ ป้าเห็นวันนี้ยุ่งกับผู้ใหญ่ทั้งวัน เดี๋ยวป้าไปตักข้าวให้”
คนพูดคงไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดอะไรไปไกลน่าจะเป็นคนที่หลุดเสียงหัวเราะแปลก ๆ ออกมาและทำให้ศิวัฒน์ต้องขมวดคิ้วมุ่นและมองตาม
“หึ หึ แม่เรานี่รู้จริง”
“อะไรของผู้ใหญ่ อยู่ดี ๆ ก็หัวเราะ”
“จะไม่ให้เราหัวเราะได้ยังไงล่ะ วันไม่ได้ฟังเหรอที่แม่เราพูดน่ะ”
“แม่ผู้ใหญ่ก็แค่ชวนเรากินข้าวด้วย แค่นี้จะหัวเราะทำไม”
ไม่อยากใส่ใจคนที่หัวเราะแปลก ๆ ใส่และศิวัฒน์ก็ทำหน้ายุ่งและลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ในศาลากลางหมู่บ้าน เพราะถึงอยากจะกลับตอนนี้ก็คงกลับไม่ได้ มองฝนที่กำลังตกหนักแล้วก็ได้แต่ถอนใจ คงต้องรออยู่ที่บ้านผู้ใหญ่เปี่ยมไปจนกว่าฝนจะซา
“วันไม่ฟังให้ดี ๆ เมื่อกี้แม่เราบอกว่า ...วันนี้เราสองคนยุ่งกันวันทั้งวันเลย”
“ก็ใช่ไง แล้วยังไงล่ะผู้ใหญ่”
มองหน้าผู้ใหญ่เปี่ยมที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วก็ยิ่งสงสัย
“เรายุ่งกับผู้ใหญ่ทั้งวันแล้วมันยังไงล่ะก็พูดมาสิ”
“ก็ไม่ยังไง...”
เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างกันยักไหล่และยังหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วยิ่งทำให้ไม่ชอบใจจนต้องเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“แล้วมันยังไงล่ะผู้ใหญ่ ทำไมต้องหัวเราะด้วย”
“อ้าว วันไม่รู้อะไร ยุ่งกันเนี่ย มันก็มียุ่งในความหมายหลายอย่าง อย่างคนที่เขาเป็นผัวเป็นเมียกันเขาก็ยุ่งกันบ้างแบบนี้”
“แล้วมันยุ่งยังไงกันล่ะ เราจะรู้มั้ย ยิ่งพูดยิ่งน่ารำคาญนะ...อ่ะ”
เริ่มคิดตามได้และศิวัฒน์ก็ชะงักนิ่งมองหน้าของคนที่เริ่มหัวเราะเสียงดังมากขึ้น และตอนนี้ก็รู้ความหมายบางอย่างที่สามารถตีความไปในแบบอื่นแล้ว
“บ้าบอ นี่ผู้ใหญ่คิดได้ยังไงเนี่ย”
“อ้าว ทำไมล่ะ เราก็คิดของเราไปเรื่อยเปื่อย วันจะโมโหเราทำไมเนี่ย”
“ผู้ใหญ่เปี่ยม!”
ขึ้นเสียงใส่และผู้ใหญ่เปี่ยมก็ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างทำเหมือนตกใจมากและศิวัฒน์ก็ถอนใจด้วยความหงุดหงิดรำคาญเพราะสิ่งที่ผู้ใหญ่เปี่ยมทำ
“วัน จะดุเราทำไมเนี่ย เราตกใจหมดแล้วนะ”
“เราไม่ได้ดุ ผู้ใหญ่ไม่ต้องมาทำเป็นตกใจด้วย”
“อะไรล่ะ ว่าเราอีกแล้วนะ นี่ไง ก็ดุเราอยู่เห็น ๆ เสียงดังทำไมเราตกใจหมดแล้ว”
ทำเหมือนตกใจมากอย่างที่พูด แต่มันดูน่าหมั่นไส้มากจนศิวัฒน์ต้องผลักคนที่นั่งอยู่ข้างกันให้ออกไปไกล ๆ
“นี่ดุเรายังไม่พอ ยังจะมาทำร้ายร่างกายกันอีก เราเจ็บนะ”
“มารยา”
โดนต่อว่า และผู้ใหญ่เปี่ยมก็หัวเราะเสียงดัง รู้สึกมีความสุขและสนุกมากกับสิ่งที่ทำและยังต่อคำพูดที่ศิวัฒน์พูดอีกด้วย
“ไม่ใช่แค่มารยาเฉย ๆ แต่เป็นมารยาสาไถด้วย”
“ผู้ใหญ่เปี่ยม!”
โดนดุอีกแล้ว และผู้ใหญ่เปี่ยมก็ขานรับและส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับคนที่ทำหน้ายุ่งเพราะโดนยั่วให้โมโห
“จ๋า...”
ลากเสียงยาว ๆ ตอนที่ขานรับและศิวัฒน์ก็รู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ผู้ใหญ่เปี่ยมทำอยู่จนเกินจะทน
“จ๋าบ้าบออะไร หยุดพูดไปเลย”
บอกให้อีกฝ่ายหยุดพูดและผู้ใหญ่เปี่ยมก็หยุดพูดจริง ๆ และมองหน้าของศิวัฒน์แบบยิ้ม ๆ
“นี่ก็อีก ผู้ใหญ่จะยิ้มทำไมวะ”
ผลักหน้าของคนที่ยังยิ้มไม่หุบด้วยความรำคาญและผู้ใหญ่เปี่ยมก็ดึงมือของศิวัฒน์เอาไว้
“ทำไมต้องผลักเราด้วย ปากว่าแล้วยังมือถึงอีกนะวัน”
พยายามจะดึงมือกลับแต่ก็ถูกดึงเอาไว้และศิวัฒน์ก็มองมือของตัวเองที่ถูกดึงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ผู้ใหญ่ ปล่อยเลย”
“ไม่”
“ผู้ใหญ่!”
ขึ้นเสียงใส่อีกครั้งและพยายามดึงมือกลับแต่ผู้ใหญ่เปี่ยมก็ตีเบา ๆ ที่หลังมือของศิวัฒน์และทำหน้าจริงจังใส่
“มือนี้ใช่มั้ยที่ผลักเรา แบบนี้ต้องสั่งสอน”
มองหลังมือของตัวเองที่ถูกตีเบา ๆ ด้วยความไม่พอใจและพยายามดึงมือกลับแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ
“ผู้ใหญ่”
“หือ”
“ใช้มุกนี้หลอกจับมือผู้หญิงบ่อยล่ะสิ”
“..........”
“ทำไมอ่ะ วันใช้มุกนี้หลอกจับมือผู้หญิงบ่อยเหรอ”
“..........”
แล้วศิวัฒน์ก็มองหน้าคนที่ถามกลับนิ่ง ๆ
“เราไม่เคยหลอก แค่มือถ้าอยากจับเราก็จับเลย”
“อ่อ”
ผู้ใหญ่เปี่ยมยอมปล่อยมือของศิวัฒน์แล้วและมองเมินไปทางอื่น มองฝนที่ยังตกหนักแล้วก็นิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะหันมามองหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างกันและถามสิ่งที่สงสัยออกไปตรง ๆ
“อยู่ที่โน่น วันคงมีคนให้จับมือเยอะแยะเลยสิ”
“อยู่ที่นี่ ผู้ใหญ่ก็มีคนมาให้จับมือเยอะแยะเหมือนกันนั่นแหละ จริงมั้ย”
“ไม่จริง วันไม่ต้องมาปรักปรำเราเลยนะ”
“เราไม่ได้ปรักปรำ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ จะไม่จริงได้ไง ร้านขนมหวานที่ไปกินคราวก่อนนั่นก็เห็นอยู่ตั้งหนึ่งคน และยังมีคนที่เราไม่รู้อีกตั้งเยอะแยะ”
“งั้นถ้ามีใครมายุ่งกับเราอีก เราจะบอกวันให้หมดเลย จะได้ไม่หาว่าเรามีคนอื่นเยอะแยะอีก”
“แล้วทำไมผู้ใหญ่ต้องมาบอกเราด้วย เราไม่อยากรู้”
“ก็เราจะให้วันรู้ จะได้ไม่ต้องมาว่าเราแบบนี้อีก”
“ผู้ใหญ่ เป็นบ้าหรือไง เราไม่อยากรู้ ไม่ต้องมาบอกเรา”
“แต่เราจะบอก แล้ววันจะทำไม”
“เออ แล้วแต่ผู้ใหญ่เถอะ”
เถียงกันไม่หยุดด้วยเรื่องไร้สาระและผู้ใหญ่เปี่ยมก็ยกแขนขึ้นกอดอกและขมวดคิ้วมุ่นหันมาทำหน้าไม่พอใจใส่ศิวัฒน์บ้าง
“ทำไม ผู้ใหญ่จะมองหน้าเราทำไม มีปัญหานักหรือไง”
“เราไม่มองหน้าวันก็ได้ งั้นเรามองตาแบบนี้ดีมั้ย”
แล้วผู้ใหญ่เปี่ยมก็ยื่นหน้ามาหาและพยายามมองตาของศิวัฒน์ที่เอียงหน้าหลบไปอีกทาง
“โว้ย รำคาญว่ะ คนแบบนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านได้ยังไงวะ”
“เราเป็นได้ก็แล้วกัน”
“จับฉลากได้ล่ะสิ”
“ใช่ เราจับฉลากได้”
“งี่เง่า”
“อือ ใช่ เรางี่เง่า แล้วจะทำไม”
“นี่ผู้ใหญ่รู้ตัวเหมือนกันเหรอว่างี่เง่า”
แกล้งยิ้มแบบเย้ยหยันใส่คนที่ยอมรับว่าตัวเองงี่เง่าและผู้ใหญ่เปี่ยมก็ยังยื่นหน้าเข้ามาหาและมองสบตากับดวงตาของศิวัฒน์นิ่ง ๆ
“ใช่ เรางี่เง่าแบบนี้แหละ ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเรางี่เง่าขนาดนี้นะ นอกจากวันคนเดียว”
TBC.