Chapter 1 What do yo do when you see your ex? เสียงสะอื้นเบาๆ ที่คลอเคล้ามากับบรรยากาศเย็นเหยียบยามตีสามที่วังเวงจนทำเอาคนที่เผลอสัญจรผ่านไปมาถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อต้องผ่านหน้ามหา'ลัยรัฐบาลที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับตำนานสยองขวัญมาอย่างหนาหู
เสียงหมาหอนดังแว่วในโสตประสาต พนักงานพาร์ทไทม์ในร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่กำลังจะหลับคาเคาน์เตอร์ถึงกับตาสว่าง พยายามหันรีหันขวางหาเพื่อนร่วมงานเพื่อความอุ่นใจ
เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าหยกๆยี่สิบหย่อนๆที่หัวจรดเท้านั้นประดับประดาไปด้วยของแบรนด์เนม ตามฉบับลูกผู้ดีมีเงินเขาใช้กัน กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนทางเท้าหน้าร้านสะดวกซื้อหน้ามหา'ลัยที่เขาเองก็เรียนอยู่
ตาที่เริ่มบวมแดงกับใบหน้าโทรมๆเนื่องจากร้องไห้ติดต่อกันมาร่วมชั่วโมง ทำให้เขาหงุดหงิดใจ และได้แต่คิดในใจว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะ 'ไม่ร้องสักแอะ'
หนุ่มน้อยที่เข้าสู่โหมดหดหู่ใจคนนี้ ใครๆก็เรียกเขาว่า 'ซี' จริงๆชื่อเขามันยาวกว่านี้ แต่ช่างมันเถอะ รู้แค่นี้ก็พอแล้ว เรื่องราวชีวิตเขาก็ไม่มีอะไรมาก เที่ยวกับเพื่อน อยู่กับแฟน ทะเลาะกับพ่อ นอนห้องแฟน หนีไปหาแม่ พ่อมาตามกลับ ... วัฏจักรชีวิตไม่ซับซ้อนเลยใช่ไหมล่ะ
แล้วจากวัฏจักรชีวิตข้างต้น ก็คงเดาไม่ยากว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้เขาต้องมานั่งแหกปากร้องไห้แข่งกับเสียงหมาหอนนั้นคืออะไร
ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
ดึกสงัดราวสามทุ่มกว่า ผมเตรียมตัวจะย่องออกไปเที่ยวเช่นทุกคืน แต่ครั้งนี้ที่แปลกไปจากเดิมก็ตรงที่มีมนุษย์ลุงผมบางแถมอ้วนลงพุงมายืนดักอยู่ที่โรงรถ จากการสนทนาที่ดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตะโกน ด้วยความหงุดหงิด เลยเผลอคำต้องห้ามระดับที่หนึ่งใส่มนุษย์ลุงที่ประโคมเครื่องประดับจนเหมือนเสี่ยแก่ๆที่ไปติดนักร้องตามคาเฟ่
แต่ครั้งนี้ไม่รู้มนุษย์ลุงที่ขึ้นชื่อว่าพ่อเขาไปหงุดหงิดอะไรมา ถึงได้เซนซิทีฟกับคำว่า'หัวล้าน'กว่าปกติ ทั้งที่ปกติกก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ก็นั่นแหละจิตใจมนุษย์บุพการีนั้นยากแท้ยังถึงยิ่งกว่าชาเลนเจอร์ดีฟที่เขาว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดในโลกเสียอีก
แต่ไอ้คำว่าหัวล้านนั้นยังไม่พีคพอจะทำให้ผมต้องมานั่งหอนแข่งกับหมาหน้าเซเว่นหรอก มันประโยคนี้ตางหาก 'เพราะพ่อเป็นแบบนี้ไง แม่ถึงทนอยู่กับพ่อไม่ได้' เท่านั้นแหละครับ พ่อขนมาทั้งป่ามาด่าผมยังไม่พอ ยังมาพาดพิงถึง ปัญหาการศึกษากับไลฟ์สไตล์ชีวิตผมอีก
โดนด่าขนาดนี้ คนที่เปรียบเป็นจุดโคจรของบ้านแบบผมจะทนได้หรอครับ ผมงี้งัดประโยคเด็ดออกมาเลย 'ไม่อยู่แล้ว บ้านที่มีตาลุงหัวล้านขี้หงุดหงิดแบบนี้ ซีไม่อยู่แล้ว' และแน่นอน ตามสคริปเดิมของลุงแกเลย 'มึงจะไปไหนก็ไป'
เจ้าของบ้านเขาอันเชิญขนาดนี้ ผมก็ไปดิ จะให้อยู่รอนายกมาตัดริบบิ้นรึไง แต่นี่ไม่ใช่นางเอกละครไทยไง จะไปแต่ตัวมันก็ใช่เรื่อง เอาเสื้อผ้าข้าวของไปเยอะๆ ลุงจะได้รู้ว่ากูเอาจริง กูไปนานแน่คราวนี้ แบกกระเป๋าหนีบตุ๊กตาเขี้ยวกุดเข้าที่รักแร้เสร็จ ก็รีบไปเข้าแอพพิเคชั่นเรียกแท็กซี่ทันที
โดนค่าเรียกไปเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่แคร์ด้วย ตังค์มนุษย์พ่อทั้งนั้น นั่งบ่นกับตุ๊กตามังกรจนคนขับเริ่มเสตามองด้วยความหวั่นใจไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดหน้าหอนอกใกล้มหาลัยที่ผมเรียนอยู่ หยิบคีย์การ์ดออกมาแตะทาบที่ประตู จนมาถึงห้องเป้าหมายที่เป็นแฟนผมเอง
ผมเป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าจะนอนค้าง ผมมักเรื่องนอนกับแฟนมากกว่าเพื่อน ไม่ใช่ว่าเห็นแฟนดีกว่าเพื่อนหรืออะไร แต่ส่วนมากผมมีแต่เพื่อนผู้หญิงไง แล้วอยู่หอในด้วย จะขึ้นไปยังไง แถมเพื่อนผู้ชายก็อยู่กับเมียมันหมด ส่วนเพื่อนสาวมีไข่ก็แรดมีผัวไปแล้วเหมือนกัน
ถึงพวกมันจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ผมเข้าใจแฟนพวกมันไง ไปเรียนก็อยู่กับเพื่อนแล้วทั้งวัน ตอนจะนอนนี่มึงยังจะอยู่ด้วยกันอีกหรอ
ปกติมาหอแบมผมจะโทรบอกก่อนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มัวแต่บ่นพ่อให้ตุ๊กตาฟังจนลืม ก็เลยถือวิสาสะเอากุญแจสำรองที่มีไขเข้าไปเลย แต่จุดพีคตอนที่เปิดประตูเข้าไปคือ
...กำลังเด้ากันบนเตียงเลยจ้า...
จากการได้เห็นภาพอิโรติกคาตา ผมเลยคิดได้ว่าควรมูฟออกมาไปเพื่อที่เขาจะได้เอากันอย่างสบายใจ ปกติผมเป็นพวกเอาแต่ใจแล้วก็ขี้เหวี่ยง แต่ว่าวันนี้ผมเหนื่อยเพราะเถียงกับมนุษย์พ่อมาพอแล้วไง ไม่มีแรงเหลือจะโวยวายแล้ว ก็เลยเดินลากกระเป๋าหนีบตุ๊กตามาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซเว่นนี่แหละ
ถ้าถามว่าเรื่องแบมผมรู้สึกอย่างไง ก็เสียหน้าหน่อยๆนะ แต่ไม่ได้เสียใจอะไร เพราะผมก็ไม่ได้ชอบเขามากมายอะไร ก็แค่อยากลองคบกับพวกไม่เรื่องมากจุกจิกก็เท่านั้น ผมนั่งลงบนทางเท้าหน้าเซเว่น มองถนนที่ยังมีรถสัญจรไปมาไม่ขาดสาย
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนรถบนถนนเริ่มน้อยลงจนเรียกว่าแทบไม่มีเลยก็ได้ การนั่งเปื่อยอยู่นานๆทำให้ผมรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา เลยควานหากระเป๋าสตางค์เพื่อจะไปซื้อชามะลิในเซเว่นมาจิบรับลมสักหน่อย และด้วยเหตุนี้แหละ ผมถึงได้รับรู้ถึงความชิบหายที่กำลังมาเยือน
...กระเป๋าตังค์กูหายไปไหน!...
แต่นั่นยังไม่สามารถทำให้ผมเครียดได้ เพราะเดี๋ยวอีกสักพักพ่อก็คงโทรตาม นั่งตบยุงรอไปพรางจ้องถนนที่เงียบสงัด นาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีหนึ่ง คิดๆดูแล้วเขาหนีออกมาตอนสามทุ่มครึ่ง พอลองนับนิ้วผมก็ถึงกับมือไม้สั่น นี่มันเลยสามชั่วโมงมาแล้วนี่ ปกติต้องโทรตามแล้วดิ ทำไมยังไม่โทร หรือคราวนี้พ่อจะไม่ง้อแล้ว หรือว่าพ่อไม่รักซีแล้ว ฮึก พ่อไม่รักซีแล้ววววว ....พอคิดได้แบบนั้นก็เลยนั่งร้องไห้แม่งเลย
...แฟนมีชู้ หนูไม่เจ็บเท่าพ่อไม่รัก...
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นให้หมามันสมเพชเล่น ก็คิดได้ว่าบ้านแม่ผมอยู่ห่างจากจุดนี้ไปประมาณสามกิโลเมตร ซึ่งระยะทางขนาดนี้อาจจะไม่ไกลสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่วันๆ เดินต่อเนื่องไม่เคยเกินห้าร้อยเมตรแบบผมน่ะ จะเรียกว่าไกลโคตรพ่อเลยก็ว่าได้ แต่ชีวิตมันต้องสู้ต่อไป ค่อยดูเถอะลุงล้าน... เดี๋ยวจะงอนให้เข็ดเลย
แต่ไม่รู้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือสรรค์ลงทัณฑ์เรื่องเถียงบุพการีคำไม่ตกฟากกันแน่ เพราะเพียงแค่เดินไปได้ไม่ถึงห้าร้อยเมตร ฝนแม่งก็ตกลงมาราวกับดักรอจังหวะกูออกมาเสียอย่างนั้นแหละ แต่เปียกก็ดี ถึงบ้านแม่จะได้ดูน่าสงสารขึ้นไปอีก คราวนี้แหละมนุษย์ลุง... โดนด่าจนผมร่วงหนักกว่าเดิมแน่
...หึหึหึ...
"เฮ้ย! เป็นไรเปล่า"เสียงทักจากด้านหลัง ทำให้ผมที่กำลังหัวเราะหึๆราวกับเป็นตัวโกงในละครหลังข่าวต้องเบือนหน้าหันไปมอง
"..."อยากจะถามกลับว่า 'มึงเป็นใคร' แต่ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทกับมนุษย์เสื้อกันฝนสีเหลืองอ๋อยตรงหน้าเกินไป
"เข้าร่มก่อน เดี๋ยวไม่สบาย"ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น กระชากแรงราวกับลากควาย เมื่อกี้เขี้ยวกุดก็เกือบร่วงแน่ะ "จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง"เมื่อเข้ามาใต้ร่มป้ายรถเมล์แล้วมันก็ถามผมขึ้นมา แต่น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่แฝงความดิบเถื่อนเร้าอารมณ์นั้นทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยนิดๆว่ะ... เพื่อนที่คณะหรอ
"ในหมู่บ้านข้างหน้าอ่ะ... ซอย 12"วินาทีนี้ความยิ่งยโสไม่ช่วยอะไร แค่นี้ก็ชื้นไปจนหว่างขาล่ะ ขืนให้เดินนานกว่านี้คงมีเปื่อยแน่
"อ้าว... แม่มึงกลับมาจากมาเก๊าแล้วหรอ"ใช่เลย ไอ้สไตล์การพูดแบบกระแทกคำว่าแม่เนี่ย แล้วยังตัวยาวเป็นเปตรแบบนี้อีก ชัดเลย ชัดเลย นี่มันมึงชัดๆเลย... ไอ้
"โปร..."แต๊บคำหยาบก่อนครับ มันยังมีผลประโยชน์อยู่ "โปรหรอ"รู้แล้วแหละว่าเป็นมัน แต่แกล้งทำแบ๊วไง ได้ดูโง่ๆ เผื่อมันจะเมตตาผมขึ้นมาบ้าง
"เออ กูเอง"ฮู้ดสีเหลืองของเสื้อกันฝนถูกดึงออก เผยให้เห็นหนุ่มหน้าใสแต่ตอหนวดขึ้นครึ้ม แถมหัวกระเซอะกระเซิง ซึ่งผมคลาดว่ามันคงจะเพิ่งตื่นนอน "แล้วเอาไง แม่มึงไม่อยู่"พูดจบ ก็ล้วงมือไปเกาจุดศูนย์รวมตรงกลางกาย โดยเมื่อเกาเสร็จก็ไม่ลืมที่จะดมมือเพื่อพิสูจน์กลิ่นอับชื้นอีกที
โอโห... ผ่านไปสามปี สิ่งดีๆไม่มีเพิ่มไม่พอ ความจัญไรก็ยังไม่มีลดอีก
...เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง...
"ตกลงเอาไง แม่มึงไม่อยู่"ไม่รู้มันพูดอะไร เพราะมัวแต่จ้องหน้ามันอยู่... เหมือนหน้าจะเถื่อนขึ้น "ปากอมส้นตีนอยู่รึไง ถามแล้วเสือกไม่ตอบ"กูงี้หลุดจากภวังค์เลยจ้า
"เราไม่มีที่ไปอ่ะ"ตีหน้าเศร้าเพื่อคลายสถานการณ์ก่อนที่มนุษย์เสื้อกันฝนสีเหลืองตรงหน้าจะพิโรษ
"บ้านแฟนมึงล่ะ?"ถามถึงแฟนทำไม... คิดอะไรกะกูปะเนี่ย
"เราไม่มีแฟน"ทำเสียงแบ๊วก่อนจะช้อนตามองอย่างยั่วๆ ทั้งที่เมื่อสี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ กูยังมีแฟนอยู่เลย
"ตามึงเป็นเหี้ยอะไร..."หมดกันวิชาทำหน้าแบ๊วที่น้องซีสะสมมา "แล้วมาบอกกูทำไม"
...อ้าวอินี่...
...ก็มึงถาม!!!!!...
ผมได้แต่ยืนสตั๊นอย่างจิตหลุด ในขณะที่มนุษย์เสื้อกันฝนเหลืองอ๋อยจะเสยผมสีดำตัดขึ้นอย่างหล่อๆ ยอมรับนะว่ามันหล่อ และหล่อมาก หล่อจนผมนี่หลงผิดไปจนคบกับมันไปสามปีเลยด้วย แต่ก็เพราะมันนี่แหละ ผมจึงเข็ดไม่กล้าคบผู้ชายอีกเลย สาบานกับตัวเองเลย กูให้เป็นคนแรกและคนเดียวเลยมึง
ผมยังไม่ได้แนะนำใช่ไหมว่ามันเป็นใคร มันชื่อโปรตอน... เป็นแฟนเก่าผมเอง
"จนกว่าจะมีที่ไป... มาอยู่บ้านกูก่อนไหมล่ะ"น้องเสนอมาขนาดนี้ มีหรือพี่จะไม่สนอง
"จ้ะ"พร้อมฉีกยิ้มกว้างใส่แบบที่คิดว่าน่ารักที่สุดแล้ว
"ยิ้มเหี้ยอะไร... มึงพี้ยามารึไง"โอโห หมดกันไอ้สัด...รอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของน้องซี
เวลาสายฝนยังคงกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมหยุดมองรถคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อที่เมื่อกี้ ผมนั่งร้องไห้ปานจะขาดใจตายห่าจนได้กลายเป็นผีเฝ้าหน้าร้าน และเมื่อมองรถสลับกับป้ายร้านอีกทีผมก็ได้แต่คิดว่า
...นี่กูออกไปตากฝนเพื่อใคร...
"เอากระเป๋ามา"เสียงสั่งเรียบๆทำให้ผมยกกระเป๋ามาวางข้างมนุษย์ชุดเหลือง "เฮ้อ..."ถอนหายใจใส่กูอีก... กูผิดอาร๊ายยย
มนุษย์แฟนเก่ายกกระเป๋าใบใหญ่ของผมขึ้นมาวางบนด้านท้ายของรถมอเตอร์ไซด์แปลกๆที่มีสี่ล้อ จัดวางกระเป๋าให้เข้าที่เสร็จก็ใช้สายรัดยางยืดเกี่ยวล็อกกระเป๋าไว้
"มอเตอร์ไซต์คันใหญ่เนอะ"ไม่รู้จะชวนคุยอะไร
"มอเตอร์ไซต์ที่หน้ามึงอ่ะ... นี่มันATV"ด่าทุกคำ ด่ากูทุกคำ เสียจุย น้องซีเสียจุย... ถรุย
ด่าผมจนสาแก่ใจมันแล้ว ไอ้โปรก็วาดขาขึ้นคร่อมรถคันใหญ่ชนิดที่ว่าไม่ต้องเหยียบที่วางเท้าก่อนเลยด้วยซ้ำ ใช่สิ มึงมันสูง มึงมันขายาว มึงมันเปตร... มึงมันมีหนวด!
ได้แต่ทำหน้าโง่ๆยืนอยู่ตรงที่เดิม ตั้งแต่ออกจากท้องพ่อท้องแม่มา เคยนั่งมอเตอร์ไซต์แค่สองครั้ง แถมครั้งล่าสุด ไอ้เชี่ยมังกรเพื่อนร่วมคณะที่หน้าตาเหมือนผมราวกับฝาแฝดยังขี่พาไปล้มในดงหญ้าคาอีกด้วยจ้า และตั้งแต่เหตุการม้วนหน้าตีลังกาโชว์ท่ายากกันในดงหญ้าคา พี่นี้ก็ถึงเข็ดหลาบไม่กล้าขึ้นมอเตอร์ไซต์อีกเลย แล้วอีกอย่างชีวิตเรามันค่อนข้างจะติดหรูด้วยไง ไอ้ไลฟ์สไตล์ที่ต้องท้าทายความลำบากน่ะ น้องซีขอบายจ้า
"นี่ยืนรอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นง่ะ"ไอ้ตรงคำว่า'ง่ะ'นี่โคตรกวนเซลล์ประสาทหง่ามเท้าผมเลยครับ
"ไปแท็กซี่ไม่ได้หรอ"พยายามมองซ้ายมองขวาอย่างมีความหวังว่าจะมีแท๊กซี่ผ่านมาสักคัน
"ถ้าจะเรื่องมากขนาดนี้ มึงก็บ้านไปหาปะป๋าหัวล้านของมึงเถอะ"น้ำเสียงติดจะไม่พอใจ ทำให้คนที่โดนกล่าวอ้างถึงบุพการีถึงกับโมโห... พ่อกู กูว่าได้คนเดียวเว่ย
"อย่า...หา เรื่อง พ่อกู ...พ่อกูแค่ผมน้อยเว่ย!!"พอผมแหกปากใส่มันเสร็จ ไอ้โปรมันก็หัวเราะลั่นเลยครับ... หน้ากูมีแจ๊ส ชวนชื่นแปะอยู้รึไง... ขำอะไรหนา
"เลิกดัดจริตได้แล้วหรอ"อ้าวอินี่... เป็นคนสุภาพ นี่ผิดมากหรอ
"ไม่ได้ดัดจริต แค่เป็นสุภาพชน"
"อ๋อหรอจ๊ะ... แล้วตกลงสุภาพชนจะไปไหมครับ ถ้าไม่ไปก็เอากระเป๋าคุณลงไปด้วยครับ ผมจะกลับไปนอน"ผมนี่อยากจะกรีดร้องให้ลั่นเลย ทำไมเมื่อก่อนผมหลงผิดไปคบกับคนกวนส้นตีนอย่างมันได้วะ... หรือว่าสมัยนั้นเทรนด์ถ่อยกำลังมา
"กวนตีน"แอบบ่นเบาๆเมื่อมันหันหน้าไปมองทางอื่น
เอาวะ... มันมีตั้งสี่ล้อ มันคงไม่ล้มง่ายๆหรอก ผมค่อยเหยียบไปบนที่วางเท้า ก่อนจะพยายามวาดขาข้ามเหมือนเจ้าของรถ แต่เพราะกางเกงยีนส์มันตึงเกินไปหรือขาผมมันสั้นเกินก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่ทราบเลยแน่ๆคือกูวาดขาไม่พ้นกระเป๋า ไอ้จะสอดขาแทรกตัวไประหว่างคนขับกับกระเป๋า ผมแม่งก็ทรงตัวไม่อยู่
"เอามือมา"ไอ้โปรยื่นมือมา ผมก็จับเอาไว้ แต่เหมือนไฟมันช๊อตเลยครับ ผมงี้สะดุ้งจนสะบัดมือออกแทบไม่ทัน ปกติเคยเจอแต่ไฟช๊อตที่แขน เพิ่งเคยเจอที่มือก็มันคนแรกที่แหละ "โทษทีนะน้อง พี่เป็นคนไฟแรง"ยังมายิ้มทะเล้นใส่อีกนั่น "งั้นเกาะไหล่กู"ผมทำตามที่มันบอก
แต่มันก็ยังสอดขาไม่ได้อยู่ดี จนตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว ฝนก็ตก รถแม่งก็ขึ้นยากจะตายห่า แล้วนี่มันเป็นคนแบบไหนวะ ถึงได้เอารถไม่มีหลังคาออกมาตอนฝนตก... ผมจำได้ว่าที่บ้านมันมีรถตั้งเยอะแยะ
"ลงไปก่อนดิ"ผมทำตามอย่างว่าง่าย
ไอ้มนุษย์ขายาวดันตัวยืนขึ้นแล้ววาดขาลงจากรถอย่างง่ายดาย มือเรียวสวยตามกรรมพันธุ์ชี้เป็นทำนองว่าให้ขึ้นไปก่อน แต่เพราะไอ้กางเกงที่รัดเปรี๊ยะนี่แหละ เลยทำให้ผมเงอะๆงะๆอยู่เหมือนเดิม
"เฮ้ย!"คนตัวเปียกซกอย่างผมร้องลั่นด้วยความตกใจ
เมื่อไอ้มนุษย์ชุดกันฝนนั้นอุ้มผมขึ้น จนทำให้ตอนนี้ผมสามรถคร่อมรถได้สักที ถึงแม้จะไม่เคยนั่งมาก่อน แต่นี่ก็ไม่ได้บริโภคหญ้าแทนอาหารเช้า จึงรู้ว่าต้องเขยิบตัวไปข้างหลัง เมื่อผมเขยิบไปแล้ว คนขับก็สอดขาคร่อมรถอย่างงายดาย ถึงมนุษย์แฟนเก่าอย่างมันจะมีบุญคุณต่อผม แต่มันก็อดหมันไส้ไม่ได้ว่ะ ทั้งที่ผมแม่งพยายามแทบตาย แต่ทำไมมันกลับทำมันได้ราวกับเป็นเรื่องง่ายๆซะงั้นวะ
"มึงถอดเสื้อออก แล้วจะเข้าไปใต้เสื้อกันฝนกู"สิ้นคำสั่ง คนฟังก็ได้แต่ตาเบิกโพลง
"ไม่เอาอ่ะ รีบกลับเถอะ"ถึงจะเคยเป็นแฟนกันมาก่อน แต่ครั้งสุดท้ายที่คุยกันมันก็นานแล้วเปล่าวะ จะให้มาถอดเสื้อ ให้เข้าไปซุกไซร้เป็นลูกเจี๊ยบกับแม่ไก่นี่มันไม่ใช่แล้ว
"ตามใจ... ตากฝนมากๆแล้วภูมิแพ้ผิวหนังมึงกำเริบ ก็อย่าร้องก็แล้วกัน"พูดจบก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที
ถึงความเร็วของรถจะไม่ได้มากอะไร แต่ไอ้เพราะไม่เคยนั่งมาก่อนที่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกจิตตก เสียงรถแม่งก็โคตรดัง นี่แหกขาจนขาถ่างแล้วมั้งเนี่ย หนำซ้ำระบบเซฟตี้อะไรก็ไม่มี คิดดูเถอะ แค่หมวกกันน็อคก็ยังไม่มีใส่เลยตอนนี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา บอกได้เลยว่า
...สมองกูคงเกลื้อนพื้น...
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีรถ ATV คันใหญ่ก็เลี้ยวผ่านประตูอัตโนมัติที่เจ้าของกดเปิดอย่างไม่รีบร้อน แต่สำหรับคนที่นั่งวิตกจริตให้สายฝนฟาดระหน่ำใส่หนังหน้าอย่างผมนั้นกลับรู้สึกราวกับมันผ่านมาเป็นชั่วโมง
รถคันใหญ่ถูกจอดในโรงรถ มนุษย์แฟนเก่าในคราบเสื้อกันฝนสีเหลืองสดอ้าปากหาวด้วยความง่วง ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อคลุมพลาสติกออกจากตัว เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกระทิงแดงชื้นเหงื่อ กางเกงบ็อกเซอร์ลายสปอนจ์บ๊อบที่โคตรสั้น และรองเท้าเท้าฟองน้ำหูหนีบสีดำ ทั้งที่สภาพไม่ได้เป็นแบบที่ผมชอบสักนิด แต่ทำไมใจมันเต้นตึกๆ หรือนี่ผมหลอนกลิ่นฟีโรโมนมัน
บ้านหลังใหญ่ย่านชานเมืองยังค่อนข้างเหมือนเดิมในความทรงจำของผม สวนไม่มีอะไรมากมาย เน้นเป็นลานโล่งมากว่า ส่วนภายในบ้านก็ยังตกแต่งได้ลงตัวสมกับเป็นบ้านเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่ของราคาแพงที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างที่บ้านผม แต่นี่มันก็ดูดีมีเอกลักษณ์ แล้วก็... ดูอบอุ่นมากเลย
"ป๊าม๊าไม่อยู่หรอ"ซีถามเพราะบ้านนั้นเงียบสงัดวังเวงเหลือเกิน
"ก่อนถามมึงช่วยดูด้วยว่านี่กี่โมงกี่ยาม"คนโดนดุหน้าสลดหูลู่หางตกทันที "นอนอยู่ก็ได้มั้ง"
"ใจร้าย"ตัดพ้อไปงั้นแหละ รู้ดีว่าพูดอะไรไปมันก็หาลู่ทางด่าได้ตลอด
"ถ้ากูใจร้ายจริงน่ะ... กูปล่อยให้มึงนอนกับหมาหน้าเซเว่นไปแล้ว ไม่เก็บกลับมาให้เปียกบ้านกูหรอก" ผมได้แต่แอบเบ้ปาก
"เดี๋ยวมึงขึ้นอาบน้ำในห้องกู แล้วก็นอนไปเลย เดี๋ยวกูไปอาบห้องนอนแขก"
"ไม่เป็นไร เรานอนห้องนอนแขกก็ได้"โบกมือปฏิเสธพัลวัน
"มึงเป็นนางเอกละครไทยรึไง ถึงนอนห้องเดียวกับผู้ชายไม่ได้"อ้าว... นี่กูกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่หรอ "เรานึกว่าโปรจะนอนห้องนอนแขกไง เห็นบอกไปอาบน้ำ"เกาหัวงงๆ
"อ้าว... แล้วจะให้กูอาบพร้อมมึงรึไง"
"เฮ้ย... ไม่ๆ"
"อายห่าไร แม่งก็มีเหมือนๆกัน ถึงจะไม่เท่ากันก็เถอะ"ไอ้สึด... มึงหยามพี่ซีสิบนิ้วมาก บอกเลยถ้ารวมนิ้วตีนด้วย กูนี่ยี่สิบนิ้วเลย
ห๊า อะไรนะ ไม่ขำ... โทษๆ
เจ้าของบ้านที่ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เดินฉับๆขึ้นไปบนชั้นสองโดยมีผมเดินน้ำหยดติ๋งๆเป็นอิผีซาดาโกะที่เพิ่งคลานจากบ่อน้ำเดินตามต้อยๆ ห้องนอนริมสุดทางเดินเปิดออก ภายในห้องนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบที่เคยเห็นเมื่อก่อน ภายในห้องก็แทบไม่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ
...ไอ้มนุษย์คลั่งสีเหลือง...
"ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียก... กูอยู่ห้องข้างๆ"ส่งกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ไปให้เจ้าของ
"ถ้าไม่มีไรเรียกได้ปะ"
"ไม่กลัวตีน ก็ลองดู"ขู่ใส่แบบนิ่งๆก่อนจะพาสารร่างที่สูงเกือบสองเมตรไปอีกห้อง
ทันทีที่เจ้าของบ้านเข้าห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ผู้อาศัยอย่างผมก็เข้าไปในห้องบ้าง จัดแจงเข้าไปถอดเสื้อผ้าในห้องน้ำ จนตอนนี้เหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า อุณภูมิน้ำจากฝักบัวที่สูงกว่าอุณหภูมิภายนอก ทำให้ไอน้ำเกาะเต็มห้องอาบน้ำไปหมด ครีมอาบน้ำและแชมพูขวดสีแดงที่กลิ่นละมุนเหมือนพวกของใช้ผู้หญิง ทำให้ผมค่อนข้างผ่อนคลาย
ผ้าเช็ดตัวสีเหลืองอ่อนที่มีอยู่เต็มชั้นวางเหนือเคาน์เตอร์อ้างล้างหน้าถูกหยิบมาใช้งาน หยาดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนผิวเนียนสุขภาพดีตามฉบับของคนที่พิถีพิถันในการดูแลตัวเองถูกซับออกมาจนหมด แอร์ไดร์เยอร์ที่วางอยู่ถูกหยิบขึ้นมาใเปิดสวิต ผมสีน้ำตาลเปียกศกพริ้วไปตามแรงลม เป่าไปเพียงไม่นานทั้งก็แห้งสนิท
แต่งตัวด้วยชุดนอนเข้าชุดกันเสร็จ ก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่ทันที่ที่เปิดประตูออกมาก็ต้องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อไอ้มนุษย์แฟนเก่าที่สุดแสนจะไร้ยางอายกำลังยืนล่อนจ้อนอยู่ปลายเตียง
"ร้องกรี้ดแล้วปิดตาด้วยสิ... จะได้ตรงคอนเซปนางเอกละครไทย"ทำมาปากดี แน่จริงหันมาตรงๆเลยสิ กูจะได้จ้องโชว์ให้หดเลยสัตว์ ว่าแต่กล้ามแขนนั่นคืออะไร... ถ้าตบหัวกูที หัวกูไม่หลุดคามือมึงเลยเร๊อะ
"..."ผมกระพริบตาปริบๆเป็นทำนองว่า 'แล้วไง' ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นเล็กแล้วหยิบขวดน้ำออกมาอย่าถือวิสาสะ... แม่งมีแต่น้ำแร่ ไม่มีน้ำอัดลม หรือชาบ้างเลยหรอวะ
"น้ำไม่เย็นอยู่หลังตู้"นี่เห็นผมดูชีวจิตขนาดนั้นเลยหรอครับ
"อ่า ขอบใจ"ผมโคตรจะเกลียดน้ำแร่... แล้วอิแช่เย็นนี่ว่าแย่แล้ว อิที่ไม่แช่นี่จะขนาดไหนกันวะ
เปิดขวดน้ำขึ้นมาอย่างจำใจ มาอาศัยบ้านเขาครับ ดังนั้นอย่าเรื่องมากให้เจ้าของบ้านไม่สบายใจ ไม่งั้นจะไม่มีที่อยู่... น้ำแร่ก็น้ำแร่วะ
...แหว่ะ...
...กร่อยชิบหาย...
ปิดฝาขวดน้ำแร่ที่ยังกินไม่หมดแล้ววางไว้บนหลังตู้เย็น ก่อนจะหันไปมองที่เตียง ที่มนุษย์แฟนเก่าอย่างไอ้โปรกำลังสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มสีเหลืองอ่อน เอาจริงๆนะ ที่จริงเตียงมันก็ไม่ได้แคบจนต้องนอนเบียดกันอะไร เป็นเตียงสั่งทำพิเศษที่ใหญ่อลังการด้วยซ้ำ แต่ว่าไอ้การที่ต้องมานอนเตียงเดียวกับมนุษย์แฟนเก่าที่แก้ผ้าจนหมดแบบนี้... โคตรลำบากใจเลยเว้ย
ถึงตอนนี้จะเลิกลากันไปนานนมแล้ว แต่เมื่อก่อนก็เคยได้กันปะวะ พอมาเห็นมันแก้ผ้านอนอยู่ข้างๆ แถมยังเป็นตำแหน่งเดิมกับเมื่อก่อนอีก ดังนั้นไอ้สิ่งที่ไม่ควรจำมันก็เลยผุดขึ้นมาซะแบบนั้น... อ้ากกกก ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนะ
...อีฉากอีโรติกสมัยเด็ก...
ถึงใจจริงจะอยากนอนไม่หลับเหมือนนางเอกในนิยายเวลาได้ใกล้ชิดผู้ชายอยู่เหมือนกัน แต่นี่คือง่วงไง พอหัวถึงหมอนปั๊บ นับหนึ่งยังไม่ทันถึงห้าเลยด้วยซ้ำ... น้องซีหลับเละเลยจ้า
---
ผมว่าผมหลับไปแล้วนะ แล้วไอ้เย็นๆที่ตานี่คืออะไร จะลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น หรือโดนผีอำวะ ทำไงดี ต้องสวดมนต์บทไหน แต่ถ้าเป็นผีฝรั่ง เราต้องสวดเป็นภาษาอังกฤษด้วยไหม
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะฟุ้งซ่านไปมากว่านี้ ไอ้ความรู้สึกเย็นๆหนักที่ตาก็หายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยสัมผัสอุ่นๆที่หน้าผากแทน สัมผัสอุ่นๆหายไปก่อนจะแทนที่ด้วยความรู้สึกที่เหมือนผ้าห่มถูกดึงให้มาห่มจนถึงคอ
ไม่รู้คืออะไร เหมือนใจมันเต้นเร็วขึ้น เตียงด้านข้างไหวยวบ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะเห็นคนที่กำลังเปิดตูเย็นแล้วอะไรบางอย่างเข้าไปแช่
...ที่เย็นๆเมื่อกี้...
...คูลแพ็กหรอ...
เมื่อประตูตู้เย็นปิดลง ผมก็รีบพลิกตัวตะแคงไปอีกทางเพราะทำตัวไม่ถูก แรงไหวยวบเกิดขึ้นอีกครั้ง ใจผมเต้นตึกตักเพราะอะไรกันวะ... ใจเย็นๆซี ใจเย็นๆ ไอ้โปรมันก็แค่คนถ่อยคนหนึ่ง พอมันทำดีเราเลยรู้สึกหวั่นไหว ดังนั้นตั้งสติแล้วอย่าหวั่นไหว หลับตาช้าๆ หายใจเข้าพุธ หายใจออกโธ... พุธ โธ พุธ โธ
...อ้ากกกกกก...
...พุธโธอะไรล่ะ...
...นี่กูเกร็งจนขาจะเป็นตะคริวแล้วโว้ยยย...
เสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะทำให้ผมรู้ว่า คนที่ผมนอนหันหลังไห้นั้นได้เข้าสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่ผมเองก็ยังคงใจเต้นตึกตักจนผมนี่เริ่มจะเหนื่อยแล้ว
ผมพยายามผ่อนคลาย พยายามคิดถึงชีทพาโถฯ และก็ได้ผล ตอนนี้ผมพร้อมจะนิทราแล้ว แต่เหมือนพระเจ้ายังลงโทษผมอย่างต่อเนื่อง เพราะยังไม่ทันที่ผมจะได้หลับ ไอ้คนแก้ผ้าก็รวบผมไปหนีบไว้เหมือนหนีบหมอนข้าง
...มึงฆ่ากูเล๊ย!...
...ถ้าจะทำแบบนี้!...
...ตื่นมาฆ่ากูเล๊ย!!...
...ไอ้โปร!!!!!... ------------------- TBC.
สาระอยู่ตรงไหน
ตอบเลย...ไม่มี
ตุ๊กตาเขี้ยวกุดของน้องซี
ATV ของนังมนุษย์แฟนเก่า ( Can-Am Outlander 1000)