บทที่ 22 (22.1)
“คบกันไหม?” จบประโยคร่างเล็กที่ยุกยิกอยู่บนตักก็นิ่งค้าง
จันทร์เจ้าใจเกือบหยุดเต้นก่อนจะเต้นระรัวจนรู้สึกเจ็บหน้าอก ไม่รู้จะบรรยายยังไงออกมาดี มันดีใจแต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากอีกฝ่าย
เข้าไม่ได้หวังอะไรเลยจากพี่นาฏย แค่คิดว่าอีกฝ่ายไม่รังเกียจไม่ไล่ให้ไปไกลๆก็พอแล้ว เขาขอแค่นั้น นี่มันยิ่งกว่าฝันเพราะมันคือความจริงที่เขาเจอกับตัว
“พี่นาฏย...” ได้แต่พูดชื่ออีกฝ่าย
“ว่าไง?” โอย ขอระเบิดตัวตายตรงนี้ พี่นาฏยเลิกคิ้วถามด้วย
ใบหน้าเล็กๆขึ้นสีเรื่อจนน่าเอ็นดู “ผม...ผม...ผม” กลายเป็นคนติดอ่างไปแล้ว
“ว่าไง?”
“ทำไมครับ?” ดีใจแต่ก็ไม่แน่ใจ “พี่นาฏยรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ครับ”
นาฏยยิ้มบางๆ เขาไม่เคยพูดก็จริงแต่เขาก็มั่นใจว่าการกระทำของเขาค่อนข้างชัดเจนนะ
“คุณเห็นผมเล่นไลน์กับใครไหม?” ถ้าไม่ใช่พวกพี่เอ็ดก็ไม่มีเลย
“คุณเห็นผมไปรับไปส่งใครไหม?” ไม่เคยเห็นพี่นาฏยปรากฏตัวที่ไหนเลยนอกจากคณะประมง โรงอาหาร และคณะบริหาร
“คุณว่าผมใจดีกับคนอื่นไหม?” พี่นาฏยไม่ใช่คนใจร้ายหรอก แต่แค่ไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร
“คุณว่าที่ผมทำทั้งหมดมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณหรือ?”
“เปล่าครับ” นัยน์ตากลมๆรื่นน้ำใสๆ เคยมีคนบอกว่าบางครั้งคนเราก็ดีใจจนนำตาไหลได้เหมือนกัน “ผมแค่ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง”
“งั้นก็คิดเข้าข้างตัวเองบ้างนะ” นาฏยอยากให้อีกฝ่ายมั่นใจตัวเองและมั่นใจในความรู้สึกของเขา
“ครับ...” มือเล็กๆวางลงไปบนแขนแกร่งที่โอบเอวอยู่ “ผม...ชอบพี่นาฏยครับ...”
“ขอบคุณครับ...ผมก็...ชอบ...” เสียงทุ้มติดดุตามแบบฉบับแต่ว่าฟังตอนนี้ดูอ่อนโยน ละมุนละไม “คุณ”
ริมฝีกปากร้อนๆประทับเบาลงบนหลังลำคอขาว เจ้าของสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ มือใหญ่จับใบหน้าเล็กๆให้หันมา เกลี่ยริม
ฝีปากบางๆเบาๆก่อนประทับริมฝีปากตัวเองลงไปแผ่วเบาก่อนจะปล่อยออก จันทร์เจ้าเคยคิดว่าความรู้สึกวูบในช่องท้องมันเป็นยังไง ก็คงเป็นเหมือนที่เขารู้สึกตอนนนี้เลย
พอพี่ถอนปากออกมาก็มองหน้าอีกฝ่าย นัยน์ตาคมดุแต่วาววับจนต้องก้มหน้าหนี ไม่กล้าแม้แต่จะมองอีกฝ่าย มันเขิน เขินจนอยากจะระเหยเป็นไอไปเลย
“งั้นเป็นอันว่าตกลงนะ”
“ตกลง?”
โดนมือใหญ่ขยี้ผมเบาๆ “เมื่อกี้ผมถามอะไรไปละ?”
...คบกันไหม?...
“งื้อ”
“ไม่งื้อ”
ถ้าเป็นคำถามนี้ละก็...จันทร์เจ้าก็มีคำตอบเพียงคำตอบเดียว
“ครับ...”
“เพื่อนครับ สรุปมึงมาทำซากอะไรครับ” เอ็ดมันด์ถามอย่างหมั่นไส้ เพราะสุดท้ายเพื่อนสนิทและรุ่นน้องคนสนิท?ของอีกฝ่ายก็ไม่
ได้ลงจากรถไฟไปถ่ายรูป ทั้งที่อุตส่าห์นั่งรถไฟมาถึงแล้ว จนหมดเวลาที่เขากำหนดก็ไม่เห็นหัวเพื่อนและจันทร์เจ้าเลย
พอขึ้นมาก็เห็นไอ้นาฏยนั่งกดโทรศัพท์ แต่ร่างเล็กๆที่นั่งข้างๆกลับหน้าแดงก่ำจนกลัวว่าเป็นไข้แดดหรือเปล่าเพราะอากาศตอน
เที่ยงๆนี่ร้อนมาก พอถามเจ้าตัวก็โบกมือโบกไม้ว่าไม่ได้เป็นอะไร
พอรถไฟย้อนกลับมาจอดที่สถานีเขื่อนป่าสักฯอีกครั้งก็ปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นพักผ่อนสามชั่วโมงก่อนจะกลับมามาขึ้นรถก่อนเวลาบ่ายสามเพราะรถไฟนำเที่ยวจะมีกำหนดกลับเข้ากรุงเทพฯเวลานั้นพอดี
อชิระไม่พูดอะไรออกมา แค่เห็นหน้าเพื่อนตัวเล็กก็พอเดาอะไรได้บ้าง พอคนแห่กันลง เขาก็ไม่พูดพร่ำรีบคว้าไหล่เพื่อนสนิทให้เดือนไปอีกทางพร้อมบอกคนอื่นว่าให้เดินไปก่อน
คราวนี้แม้แต่นาฏยก็ไม่พูดอะไร เขารู้ดีว่ารุ่นน้องทั้งสองคนมีเรื่องที่ต้องคุยกันจึงเดินนำคนอื่นๆไปอีกทางแทน
“ว่าไง?” อชิระกอดอก
“อะไรของมึง?” มันจะพาเขามาตรงนี้ทำไม ร้อนจะตาย
“มึงมีอะไรจะบอกกูไหม?”
จันทร์เจ้ากัดปาก เขาเดาว่าเพื่อนสนิทคงเดาอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่มันยังเขินๆแล้วก็เรื่องมันเพิ่งผ่านมาเมื่อกี้นี่เองจะให้พูดออกไปว่าเขาคบกับพี่นาฏยก็ทำไมได้อะ
“ก็...ฮื้อ...” ทำเสียงไม่พอใจไนลำคอเพราะเขิน
“ฮื้ออะไรไอ้เจ้า บอกมา”
“ก็ตามนั้นแหละ”
“อะไร?” ยังคาดคั้น
“กับพี่นาฏย...คบกัน...” ทำไมดูแล้วไวยกรณ์ผิดหลักภาษามั่วซั่วอย่างนี้ละ
ร่างสูงถอนหายใจเฮือก แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “จนได้สินะ ไอ้เจ้า” ขยี้หัวทุยๆ “ดีใจด้วยมึง” คงไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลอีกแล้ว
พี่นาฏยก็ค่อนข้างจะจริงจังมาสักพักแล้ว มีแต่ไอ้เตี้ยซื้อบื้อเท่านั้นแหละที่ไม่ยอมเข้าใจแถมยังชอบดูถูกตัวเองอีกด้วย
เขาเป็นห่วงมันตลอด กลัวมันเสียใจ กลัวมันร้องไห้ แต่เขาเห็นแล้วว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาก็วางใจ ดีใจกับมันที่ความพยายามมาทั้งหมดมันก็ไม่ได้สูญเปล่า
“ไปๆกินข้าว” คล้องคอเพื่อนแล้วออกแรงเดินไปทางร้านอาหารที่พวกคนอื่นเดินไปรอออยู่ที่นั่นแล้ว
“มาๆพวกมึง” ไอ้เอกที่กำลังวางจานส้มตำสีจี๊ดจ๊าดลงบนโต๊ะ ไอ้แพนตามมาด้วยจานไก่ย่างสองจานกับข้าวเหนียวหลายห่อ
“ไอ้คุณหนูน้อยมึงแดกได้ไหม?” ไอ้อัชถามกวนตีนหลังจากเห็นเมนูที่วางบนโต๊ะ จันทร์เจ้าเบ้ปากใส่ ถึงจะไม่ชอบกินเผ็ดและไม่
กินส้มตำแต่ว่าไก่ย่างข้าวเหนียวมันอาหารเด็กอนุบาลนะเว้ย เขาควรจะกินเป็นไหม?
“ได้เว้ย”
พอเขานั่งลงเก้าอี้ตัวที่ว่าง แต่คนข้างๆที่นั่งลงมากลับไม่ใช่ไอ้อัชแต่เป็นร่างสูงใหญ่ของคนที่เพิ่งจะทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ไอ้นาฏยครับ ช่วยแถลงด้วยครับ” เอ็ดมันด์ยิ้มกริ่ม รู้สึกเพื่อนออกตัวแรงกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา แสดงว่ามันต้องมีอะไรคืบหน้าแน่นอน
คนถูกถามไม่ตอบมีการเลิกคิ้วกวนตีนอีกฝ่ายด้วย
“คบกันยังครับเนี่ย” คราวนี้มาเป็นเตเตที่เข้ามาถามบ้าง
“เออ!” ถามมากจริง
จันทร์เจ้าหน้าเริ่มขึ้นสีจางเมื่อพี่นาฏยยอมรับเต็มปากเต็มคำ เจอสายตาล้อเลียนของเพื่อนเข้าไปก็ได้แต่ถลึงตาใส่พวกมัน แม่งทำหน้าทำตาน่าแตะเรียงตัวมาก
เขาผละลุกจากเก้าอี้เพื่อไปซื้อข้าว ความจริงเขาไม่ได้ไม่อยากกินไก่ย่างข้าวเหนียวนะ แต่ว่าความอยากกินผัดซีอิ๊วมันมีมากกว่าเท่านั้นเอง
“ไปไหน?” คนข้างๆถาม
“อยากกินผัดซีอิ๊วครับ” ชี้ไปที่ร้านอาหารตามสั่ง
นาฏยพยักหน้า ก่อนจะส่งแบงค์ร้อยให้อีกฝ่าย จันทร์เจ้าส่ายหน้าไม่รับมา อีกแล้ว...พี่นาฏยชอบจ่ายอยู่เรื่อยๆ
“เอาไป” ยัดใส่มือเล็กๆ พอยื่นคืนก็ไม่รับ พอจะวางบนโต๊ะก็ทำหน้าดุใส่อีก จนต้องจำใจถือเงินไปด้วย
“อ๊ะ!” จันทร์เจ้ามองไก่ที่ตัวเองทำกระเด็นออกน้องจานอย่างเสียดาย ผัดซีอิ๊วเหลืออีกนิดหน่อย เลยตักไก่ชิ้นเล็กมากิน ตอนนี้อดกินแล้ววววว
นัยน์ตากลมมองไก่ละห้อย แต่อยู่ๆก็เจอไก่ชิ้นพอดีคำวางบนข้าวเหนียวก้อนเล็กตรงหน้า
“อ้าปาก” มือใหญ่มีไก่ย่างซูชิ พี่นาฏยจะป้อนท่ามกลางสายตาเพื่อนๆก็ได้เหรอ???
เขาหลับหูหลับตาอ้าปากงับไก่ย่างข้าวเหนียวเข้าปากแต่ด้วยความร้อนลนทำให้เผลองับนิ้วของอีกฝ่ายไปนิดหน่อย
“เอาอีกไหม?” ร่างสูงใหญ่ฉีกไก่เป็นคำเล็กๆก่อนจะส่งเข้าปากน้อง น้องก็ไม่อยากให้เสียน้ำใจเลยอ้าปากงับอีกครั้ง แก้มป่องๆเคี้ยวตุ้ยๆ พอกินหมดก็ยิ้มเขินใส่พี่ ปากเล็กๆมันแผล่บ พี่นาฏยเลยจัดแจงหยิบทิชชู่ให้
การกระทำสุดมุ้งมิ้งของไอ้นาฏย นายหัวน้อยหน้าดุอย่างกับแดกรังแตนมาทำให้เพื่อนอ้าปากค้าง ไอ้เอ็ดถึงขนาดทำซุปหน่อไม้หกเรี่ยราดเพราะเผลอจ้องเพื่อนนานไปหน่อย
กินเสร็จน้องก็ยื่นกระดาษทิชชูเปียกที่พกมาให้คนพี่เช็ดมือ เฮ้อ! มันจะไม่มุ้งมิ้งเกินหน้าเกินตาไปหน่อยหรอ?
“ไปๆๆกลับบ้านเถอะ” ท็อปทนไม่ไหวแล้ว ควรจะไปกระโดดเขื่อนให้รู้ๆแล้วรู้รอด
คนอื่นหัวเราะขำ หลังจากเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยก็ตัดสินใจกันไปเดินพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันต่อ โชคดีว่ามีแอร์เย็นฉ่ำจนเทียบจะขอนอนกันในนั้น
“ปลากระเบน ตัวใหญ่มากกกก” กระต่ายแคระเริงร่าที่สุดเพราะว่าชอบดูสัตว์ ขนาดตอนนั้นพี่นาฏยพาไปเขาดินยังชอบเลย
ตากลมๆจ้องเหล่าปลาหลายชนิดแหวกว่ายอยู่ในตู้ขนาดใหญ่ มีสัตว์น้ำจืดหลายขนิด
“เขาเรียกราหูหรือเปล่ามึง” อชิระเดินมาแขวะข้างๆ
จันทร์เจ้ายักไหล่ วิ่งไปดูตู้อื่นๆ เกาะขอบที่กั้นพลางยืดตัวไปมองตู้กระจกใกล้ๆ จากในเงาสะท้อนร่างสูงใหญ่ที่เดินตามมาข้างหลัง
หันไปยิ้มแฉ่ง “พี่นาฏยดูสิๆ เขาติดว่ามันนอนอยู่ล่ะ” ชี้ไปที่ป้ายบอกใกล้ๆตู้ๆ
ร่างสูงใหญ่ยิ้มบางๆ ก่อนจะโน้มตัวผ่านคนข้างหน้าไปดูด้วย กลายเป็นว่าตอนนี้จันทร์เจ้าเหมือนกำลังเกาะขอบเอนไปข้างหน้าโดยมีพี่โน้มร่างสูงใหญ่ทาบทับอยู่ด้านบน
ลมหายใจร้อนจนต้องย่นคอหลบ
“อื้อ...พี่นาฏย” เรียกเสียงอ่อย ถึงตรงนี้คนจะไม่เยอะมากเพราะส่วนใหญ่สนใจตู้ปลาใหญ่ๆอีกด้าน แต่ก็ยังมีเด็กๆวิ่งโฉบไปโฉบมาอยู่ใกล้ๆนะ
กลิ่นหอมอ่อนๆจากแก้มนุ่มๆทำให้นาฏยอยากจะก้มลงไปฟัดให้แก้มยุบแต่ติดว่ายังอยู่ข้างนอก ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งจะเริ่มอยากหอมอยากกอดร่างเล็กๆ แต่ว่าหากยังไม่ได้พูดอะไรออกไปอย่างเป็นทางการเขาไม่อยากทำรุ่มร่ามากนัก เขาอยากให้เกียรติอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน
แต่ว่าวันนี้น้องกับเขาเปลี่ยนสถานะใหม่แล้ว เขาก็ทำอะไรในขอบเขตที่กว้างขึ้นได้
“ถ่ายรูปกันไหมครับ?” เขาก้มลงไปสบตากลมๆที่มองช้อนขึ้นมา จันทร์เจ้ากัดปากด้วยความเขินเมื่อพี่นาฏยขยับหน้าเข้ามาขนแนบแก้มตัวเอง
เอ่อ...ไม่ได้ต้องการใกล้ขนาดนี้
แต่ก็ยกไอโฟนขึ้นมากดเซลฟี่
ภาพใบหน้าเล็กแก้มป่องแนบชิดกับหน้าคมดุของอีกฝ่าย คนน้องยิ้มกว้างแต่ดูเขินๆ ส่วนคนพี่หน้ายังนิ่งๆแต่มุมปากจุดยิ้มขึ้นมา
เล็กน้อย แสงสีฟ้าในตู้ปลาต่างๆทำให้ดูเหมือนอยู่ใต้ท้องทะเลสีคราม
‘มึความไปเที่ยวด้วยกันล่ะ มีความไปฮันนีมูน’ *รูปนาฏยกับจันทร์เจ้าในสถานีรถไฟ*
456 likes 167 comments
‘เกร้ดดดดดด เขาไปไหนกันเนี่ยทำไมฉันพลาดดดดดด โฮฮฮฮฮฮ’
‘กลุ่มพี่นาฏยกับกลุ่มน้องไปเที่ยวกันค่า ปล. มีคนไปแถวหัวลำโพงส่องเจอ งานดีกันทั้งกลุ่ม’
‘ฉันขอโหนรถไฟไปด้วย ฮือออออ’
‘หวานขนากพาเที่ยว เมื่อไรจะออกสื่อเป็นทางการ’
‘เขาคบกันใช่ไหมมม ฮือออ บอกฉันที’
‘หวีดดดดดดด ตอนไหน อะไร ยังไง ขยายความค่า’
“พี่นาฏย...” จันทร์เจ้าส่งโทรศัพท์ไปให้อีกฝ่ายดูขณะที่กำลังนั่งแกว่งขาเล่นริมเขื่อนป่าสักฯ ส่วนคนอื่นๆมีทั้งไปซื้อน้ำ เข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน ถ่ายรูป จิปาถะ เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาของเที่ยวขบวนรถไฟกลับกรุงเทพฯแล้ว
ข่าวบนโลกออนไลน์มักไปไว้เสมอจนไม่ได้ตั้งตัว เขาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไร แค่บางอย่างที่มันค่อนข้างส่วนตัวเขาก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องสาธารณะไป อีกอย่างพี่นาฏยเป็นคนไม่ชอบเล่นพวกนี้เพราะฉะนั้นอาจจะไม่พอใจเรื่องที่โดนเอาไปลงต่างๆนานา
“ทำไม?” นาฏยรับมาดู
“ไม่พอใจหรือเปล่าครับ ที่ขนาดมาเที่ยวยังโดนถ่าย” อยู่ในมหาลัยยังว่าไปอย่าง แต่นี่ขนาดวันเสาร์ยังเหมือนโดนตาม
“อืมไม่หรอก..แต่.ทำไมถึงตามกันมาถูกนะ ว่าไปไหน ทำอะไร” จะว่าไม่พอใจก็ไม่ใช่ มันก้ำกึ่ง เขารู้ดีว่าเดี๋ยวนี้โลกโซเชี่ยลมันไปไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุมได้ อะไรที่ลามเร็วกว่าไฟไหม้ก็น่าจะเป็นโซเชี่ยลเนตเวิร์กนี่แหละ
“พี่นาฏยโดนสตอล์กอยู่หรือเปล่า?” ทำตาโตตกใจใส่
โดนหยิกแก้มป่องๆจนร้องอู้อี้ “งื้ออออ เจ็บน้า”
“ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก” คืนโทรศัพท์ให้อีกฝ่าย
จันทร์เจ้านั่งนวดแก้มตัวเองเพราะโดนพี่หยิกจนย้วยไปหมด แก้มนุ่มนิ่มขึ้นรอยแดงจางๆ นาฏยขำกระต่ายนั่งนวดแก้มตัวเอง
“ไปเถอะ จะถึงเวลากลับแล้ว” ร่างสูงใหญ่ผละตัวออกจากเก้าอี้ม้านั่ง จันทร์เจ้าเก็บสัมภารกตัวเองใส่กระเป๋า มือใหญ่ก็ยังคงคว้าเป้มาสะพายด้วยตัวเอง
จันทร์เจ้ารู้สึกปวดแก้มขึ้นไปอีกเพราะต้องกลั้นยิ้มเมื่อนิ้วก้อยเล็กๆของตัวเองถูกนิ้วใหญ่เกี่ยวไว้เบาๆแล้วเดินไปพร้อมกัน
TBC.
+++++++++++++++++++ 50%++++++++++++++++
มาแล้วจ้ามาแล้วววววว ตอนนี้พี่มันอ้อยระดับแม็กซ์ น้องระเหิดตัวเองหายไปในอากาศเลยจ้า ตอนนี้
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านจริงๆที่เอ็นดูน้องต่ายแคระและหมั่นไส้อีหมีไปพร้อมกับเรา
ขอบคุณทุกการแนะนำในคอมเม้นจริงๆ ทั้งเรื่องคำผิดหรืออื่นๆ เราจะทำการแก้หลังจากเราเขียนเสร็จทั้งหมดค่า
ขอบคุณทุกท่านจริงๆที่รักเรื่องนี้จนอยากให้มีการรวมเล่มเกิดขึ้น
อีพี่หมีและต่ายแคระอยากให้ทุกคนอ่านเรื่องรักตามสั่งแล้วยิ้มตามไปด้วยกันนะค่า เพราะฉะนั้นอยู่กับเราไปนานๆเนอะ
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. เยิฟฟฟฟฟฟฟฟ
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
ขอฝากไปกดไลค์เพจเฟสบุ้คกันได้นะครับบบบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะอัพเดทเวลาที่เรา
หายไปนานๆ หรือว่าติดธุระอะไร เราจะไปอัพเดทไว้ในเฟส หรือว่าบางครั้งจะมีเขียนโมเม้นน่ารักของอีพี่กะน้องเอาไว้เล่นๆที่ไม่
ได้เอามาลงหน้านิยายนะครับ เลยอยากให้ไปพูดคุยในเฟสกันเลยยยย ถ้าคนเขียนหายไปตามจิกในเฟสจะเจอเราเร็วมากเพราะ
เราเล่นประจำ
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=tsปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า