11
ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เมื่ออยู่ในลิฟท์ แม้จะใช้บริการหลายจีก็ตาม
กดโทรออกทันทีเมื่อก้าวออกกจากลิฟท์
“ อยู่ไหนครับ!?” ก้องไกลรับสายแทบจะในทันที น้ำเสียงดูร้อนรนเต็มที
หยุดสนีคเกอร์ดำน้ำเงินเบอร์39 ที่หน้าคอนโดที่ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเก่าทรุดโทรมแต่อย่างใด
“ อิงไม่แน่ใจอะพี่ก้อง”
จำได้ว่าตอนขามาเข้าถนนสายรองแล้วก็เข้าซอยอีกที ที่โทรหาก้องไกลก็เพราะจะให้อีกคนมารับ
แล้วพาไปส่งหอใน แม้จะต้องเซ็นชื่อเสียประวัติก็ไม่เป็นไร แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“ เราปลอดภัยใช่ไหม?” ความเป็นห่วงเป็นใยถูกส่งมาตามสาย
อิงกวาดสายตาไปรอบๆ เห็นป้อมยามเล็กๆ
“ ครับ อิงไม่เป็นไร แค่มาเคลียร์อะไรนิดหน่อยเท่านั้น เดี๋ยวอิงลองถามยามดูว่าที่นี่ที่ไหน ”
หวังว่าเขาจะไม่รบกวนการนอนของพี่ยามมากนัก ที่พักแห่งนี้ไม่มีประชาสัมพันธ์อย่างที่คอนโดหรูๆมี
มีเพียงอินเตอร์โฟนที่แผงปุ่มกดกับรายชื่อคนในที่พักเต็มไปหมด
ถ้ามาโดยไม่รู้ชั้นรู้เลขห้อง คงได้ไล่หากันจนตาแฉะ
แต่ก่อนที่อิงจะได้สะกิดปลุกพี่ยามเพื่อถามที่ตั้ง อย่างที่ตั้งใจ
“ อ๊ะ!..”
กลับมีมือปริศนาจับทับมือข้างที่ถือโทรศัพท์แนบใบหูอยู่ แต่ไม่ได้ดึงออก
มืออีกข้างของคนที่เข้ามายืนซ้อนหลัง กระชับกอดที่เอวจนแผ่นหลังชิดกับอกแข็งๆ
สมองรีบสั่งการประเมินกำลังของอีกฝ่าย ตัวใหญ่กว่า และแน่นอนพละกำลังย่อมมากกว่าด้วย
“ อิงเป็นอะไรหรือเปล่า!?” ปลายสายคงได้ยินเสียงอุทานของเขา อิงยืนตัวแข็งทื่อ
“ บอกมันว่าไม่ต้องมารับ..”
เสียงทุ้มห้าวที่ฟังไม่กี่ครั้งกลับจดจำมันได้อย่างดี กระซิบเบาๆที่ข้างหูอีกข้าง
อิงพรูลมหายใจ อย่างน้อยก็ไม่ใช่มิจฉาชีพ
“ พอดีอิงเจอคนรู้จักน่ะครับ เดี๋ยวให้เค้าไปส่งก็ได้ ขอโทษพี่ด้วยที่รบกวน บายครับ”
อิงรีบกดสายวางทันที โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตอบกลับอะไร ก้องไกลคงกำลังเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่
เพราะรู้อย่างนี้อิงเลยลองคิดทบทวนดู ว่าจะลองยอมเปิดใจคบกับอีกฝ่ายดูอย่างที่ว่ามา
อยากคุยอยากถามเหมือนกันว่าอีกคนเป็นอย่างไรบ้าง ที่โดนไปเต็มๆขนาดนั้น ก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุ
แต่เหมือนสถานการณ์ตอนนี้จะไม่เป็นใจให้ทำอย่างนั้น
“ปล่อย..”
อิงหันกลับมามองความจริงตรงหน้า ที่เหมือนเป็นความฝันด้วยครึ่งหนึ่ง
บิดตัวไม่แรงมากนัก อีกฝ่ายก็ยอมคืนอิสรภาพแก่เขาโดยง่าย
“ จะไปส่งผม?”
“ เปล่า..”
อิงขมวดคิ้วฉับ เมื่อได้รับคำปฏิเสธที่มาพร้อมกับท่าทางแบมือยักไหล่อย่างให้นึกหมั่นไส้นั่น
“แล้ว?”
ต้องการอะไร มีเรื่องอะไรให้ต้องคุยอีก
ดึกขนาดนี้ต่อให้เป็นเรื่องรักๆใคร่ๆเขายังไม่มีอารมณ์จะพูดด้วยซ้ำ
เพราะความคุกรุ่นยังตกค้างอยู่จากเรื่องเมื่อครู่ใหญ่ก่อนหน้านี้
“ ติ๊ดๆ..ติ๊ดๆ”
เสียงเตือนเวลาจากนาฬิกาข้อมือแบบสปอร์ต ของร่างสูงดังขึ้นบอกเวลาครบชั่วโมง
“ ตีสอง..หอในคงปิดไปนานแล้ว”
อิงรู้ดีที่สุด ถึงได้โทรหาก้องไกลแทนที่จะโทรหาเพื่อนสนิทของเขานี่ไง
ถ้าโทรหาสายฟ้าป่านนี้คงอยู่กับพี่เขื่อน เพราะวันหยุดฟ้ามันจะนอนค้างกับแฟน
ไม่อยากรบกวนเวลาของคนรักกัน ส่วนอีกสองสาว ปันนภคงดูแลพาไปนอนบ้านตัวเองแล้ว
นี่ยังไม่ได้โทรบอกพวกเพื่อนๆที่กระหน่ำโทรเข้ามาก่อนหน้านี้ให้หายเป็นห่วงเลยด้วยซ้ำ
“.....”
เกียร์ทำหน้าดุยิ่งขึ้น เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ
“ ดึกแล้ว คืนนี้ค้างที่นี่ ”
“ห๊า”
อิงหน้าเหวอ จะให้ค้างกับคนตรงหน้านี่นะ เพิ่งคุยกันกี่คำเอง จะค้างด้วยได้ยังไง
“ ไม่เอา!...ผมจะกลับ” คุยกันดีๆยังไม่ถึงสิบคำด้วยซ้ำ มันไม่แปลกๆไปหน่อยเหรอ
“ อย่าดื้อ”
“ ไม่ได้ดื้อ” ก็คนมันทำตัวไม่ถูกนี่ จะให้ทำตัวยังไง
“ ดื้อ!”
เกียร์คว้าข้อมือที่เล็กกว่าตัวเอง แล้วทั้งดึงทั้งลากเข้าไปยังส่วนที่พัก
สวนทางเข้ากับสายหมอกที่เดินคู่กับอดีตแฟนสาวพอดี
“กูไปส่งครีมก่อน” หมอกบอก แล้วหันไปมองรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนเขา
“ เออ “ ห้วนๆ
“ แล้ว?”
สายหมอกพยักเพยิดไปยังอชิรวิชณ์ที่ หน้าตาติดจะงอง้ำ พอๆกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขา
“ กูจะให้นอนนี่”
“ เหรอ? อืม..กูไปส่งครีมเดี๋ยวกลับ”
“ เออ”
พวกเขาแยกกันตรงนั้น อิงมองตามเลขชั้นของลิฟท์ที่ถูกกด ชั้นเดียวกับห้องพี่หมอก
อย่าบอกนะว่าพักห้องเดียวกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้อีก
อิงเกร็งข้อมือมากขึ้นเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ห้องนั้น
แต่อีกคนเพิ่มแรงกระชับ แล้วก้าวเดินต่อถัดไปอีกห้องที่อยู่ติดกัน
กุญแจถูกนำมาใช้ทำหน้าที่ ก่อนบานประตูจะถูกผลักให้เปิดกว้างออก
“ อ้าว ไมมาไววะ ส่งน้อง...อ้าว?..”
อัคคีหยุดคำถามเมื่อเห็นคำตอบยืนอยู่ข้างๆเพื่อนสนิท
เหล่ตามองมือที่จับกันไม่ยอมปล่อยของทั้งคู่ มันไม่ยอมวางเลยแฮะตั้งแต่เห็นลากออกจากผับแล้ว
หรี่ตามองเพื่อนสนิทที่พักห้องเดียวกัน สงสัยไม่ใช่ว่าน้องมันรักมึงข้างเดียวหรอกมั๊ง ใช่ไหมไอ้เกียร์...
“ จะให้ค้างนี่”
มึงจะว่าอะไรไหม ก็เกรงใจมันอยู่บ้าง เพื่อนกันใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองเมื่ออยู่ร่วมกัน
“ อือฮึ...จะเป็นไร”
ใช่ว่ามันจะเคยพาใครเข้ามาในห้องเสียเมื่อไหร่
เพราะเกียร์ไม่เคยพาใครมาที่ห้องนี้เลย เขาเลยเกรงใจมันไม่พาใครมาเหมือนกัน
แล้วก็ในกรณีของอิง ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไร
เพื่อนเขาไปลากน้องมันมาเองเพราะเข้าใจผิดด้วยส่วนหนึ่ง เพราะอย่างนั้นก็ต้องรับผิดชอบเป็นธรรมดา
ว่าแต่น้องมันหายโกรธเพื่อนเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ แต่ตาขวางกับไอ้เกียร์อย่างนั้น มันใช่เหรอวะ
“ รบกวนพี่ไฟด้วยครับ”
ก้มหัวให้เขาอย่างเกรงใจ ยังมองหน้ากันไม่สนิทนัก ยังออกจะกระดากกันอยู่บ้าง
แต่นี่น้องมันรู้จักเขาด้วยเหรอเนี่ย
“ ไม่เป็นไรๆ ไปพักผ่อนเถอะดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
อัคคีเข้าห้องอีกห้องไปแล้ว พร้อมแก้วนมอุ่นๆในมือ ขัดกับภาพลักษณ์ของเจ้าตัวอย่างสิ้นเชิง
ถ้าในมือใหญ่นั่นเป็นกระป๋องเบียร์ อิงจะไม่แปลกใจเลยสักนิด
“ ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน”
เกียร์ยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ซักสะอาด ให้กับคนที่ยืนเคว้งอยู่กลางห้องนอนตัวเอง
อิงเดินออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก เพราะห้องพักนี้มีขนาด2ห้องนอน1ห้องน้ำ
กับห้องรับแขกและส่วนครัวเล็กๆที่เป็นเพียงเคาท์เตอร์เท่านั้น
ในห้องพักตกแต่งโทนสีเข้ม ตามแบบฉบับผู้ชายทั่วไป
ถ้าเป็นสีหวานแหววคงแปลกพิลึก สำหรับห้องพักของผู้ชายตัวใหญ่ๆ2คน
“ เสื้อผ้าอยู่นั่น ขออาบน้ำก่อน”
เกียร์ปลายตาบอกตำแหน่งเสื้อผ้าที่วางไว้ที่ปลายเตียง แล้วเดินดุ่มออกไปพร้อมผ้าเช็ดตัวในมือ
ไม่อยากจะอยู่จ้องมองเรือนร่างขาวกระจ่าง แม้ตอนที่ไฟในห้องสลัวอย่างในตอนนี้นัก
โดยเฉพาะคนที่ชอบด้วยแล้ว ไม่รู้จะอดใจกดอีกคนได้สักแค่ไหน
กลิ่นสบู่กลิ่นแชมพูหอมฟุ้งไปทั่วกายขนาดนั้น
เขาไม่ได้แยกแยะว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง กะเทยหรือทอม คนที่ชอบก็คือคนที่ชอบเท่านั้น
ต่อให้เป็นทอมเป็นกะเทย เขาก็เอาเป็นเมียได้ทั้งนั้นถ้าถูกใจ
แล้วยิ่งคนที่มีใจให้เขาบ้างด้วยแล้ว...
อิงไม่ได้ขวยอายอะไรมากนัก ถึงจะนุ่งแค่ผ้าขนหนูพันเอวต่อหน้าคนที่ชอบก็ตาม
อีกอย่างอีกฝ่ายก็ไม่ได้มองเขา ด้วยสายตาโลมเลียพอให้ได้กระดากอายอีกด้วย
เอวกางเกงเป็นยางยืดมีเชือกผูก เลยดูไม่หละหลวมมากจนน่าเกลียด
เสื้อยืดคอกลมสีขาวตัวใหญ่แต่เหมาะแก่การใส่นอน
อิงลากเท้าที่มีปลายขากางเกงที่ถูกพับถึงสองทบ เลื่อนประตูกระจกระเบียงเอาผ้าเช็ดตัวออกไปตาก
เหม่อมองออกไปไกล ท่ามกลางแสงไฟเมืองกรุงยามค่ำคืน
มือเรียวดึงคอเสื้อที่สวมใส่จรดปลายจมูกลง
สูดหายใจเข้าลึกเอากลิ่นเฉพาะของเจ้าของเสื้อเข้าไปเต็มปอด เผลอกัดริมฝีปากใบหน้าเห่อร้อน
พลางนึกในใจ
“ อย่างกับโรคจิตแน่ะอิง”
ทั้งที่ดึกมากแล้วอีกไม่กี่ชม.ตะวันคงโผล่ขึ้นมาทักทายในเช้าวันใหม่ แต่อิงกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด
อาจเป็นเพราะกับเรื่องที่เพิ่งเกิด กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาหลับนอนด้วยอย่างนี้
กลับเข้ามาในห้อง นั่งลงปลายเตียง
หยิบเครื่องมือสื่อสารมาพิมพ์ส่งข้อความบอกเพื่อนๆให้สบายใจ
พอดีกับที่เจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา
“ ทำไมยังไม่นอน?”
เกียร์เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดที่เขาใส่นอนประจำมาสวมใส่
ตามด้วยบ็อกเซอร์ลายสก็อตสีขาวกรม โดยไร้ชั้นในชาย
ต่อหน้าต่อตาคนที่ไม่กล้ามองทุกการกระทำ อันเป็นธรรมชาติของเขา
แล้วก็ต่อให้มีใครร่วมเตียงนอนกับเขา ร่างสูงก็ไม่สน
ใครมันจะไปนอนหลับทั้งที่อึดอัดเพราะใส่ชั้นในนอนกันวะ
ไอ้ความใหญ่โตของส่วนนั้น เขาควรภูมิใจกับมันสิ จะมามัวเหนียมอายทำไม
“ จะให้นอนฝั่งไหน?” ถามทั้งที่ไม่มองหน้าเจ้าของเตียงขนาดควีนไซร์เลยสักนิด
ถ้าไม่ใช่เพราะไฟในห้องนี้ เปิดไว้เฉพาะโคมไปหัวเตียงแล้วล่ะก็
คงเห็นใบหน้าเห่อร้อนที่คงแดงเถือกไปเรียบร้อยแล้ว คงประจานเจ้าตัวไอ้เป็นอย่างดี
ว่าแค่มองใบหน้าเรียวได้รูปกับสายตาคมที่ไร้กรอบแว่น ที่คงไม่ค่อยได้เห็นมากนักนั้นน่ามองขนาดไหน
ยิ่งเส้นผมสีกานั้นที่เคยตั้งชันตลอดเวลา เวลานี้กับลู่ลงเพราะเปียกชื้น
อิงไม่รู้จะบรรยายความเซ็กซี่ตรงหน้าว่าอย่างไรดี
ถึงจะบอกได้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เขินมากมาย จนแก้มมันตึงร้อนไปหมดอย่างนี้
แล้วก็บอกไม่ได้ด้วยว่าชอบลุคนี้หรืออีกลุค มากกว่ากัน มันบอกไม่ได้จริงๆ
“ขวา”
บอกแล้วเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปตากข้างๆกับอีกผืนที่ตากอยู่ก่อนแล้ว
เดินกลับมาก็เห็นคนที่เขาบอกให้นอนฝั่งขวา เพราะตัวเขาถนัดซ้ายสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนโต
แล้วล้มตัวนอนตะแคงข้าง หันหลังให้เขาเรียบร้อยแล้ว
เกียร์ทำตามบ้าง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันอีกฝั่ง
เอนหลังพิงหัวเตียง เอื้อมมือหยิบนาฬิกาปลุกบนหัวอีกคนมากดยกเลิกการปลุก
ไหนๆพรุ่งนี้ก็วันหยุด ขอเขาตอนเต็มๆสักวันเถอะ กว่าจะจบโปรเจคที่แล้ว แทบลากเลือด
วางนาฬิกาลงที่เดิม มองอีกคนที่ซุกตัวนอนอยู่ข้างเขาในตอนนี้
มันเหนือความคาดหมายของเขาไปไกล ที่มีอีกคนมานอนข้างกันอย่างนี้
... แล้วอย่าคิดว่าเนื้อทรายที่อยู่ตรงหน้าเสือโคร่งอย่างเขาจะรอดพ้นกรงเล็บนี้ไปเสียได้ล่ะ