ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องนี้คือเรื่องที่แต่งขึ้น
"Under_lie"
ตอนที่ 1
เย็นวันเสาร์ ที่หน้าหอพักมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด มีนักศึกษาหลายคนจับกลุ่มนั่งคุยกันกระจัดกระจาย หลายคนรอเพื่อนสมทบกันออกไปข้างนอก แต่หลายคนก็เพียงแค่หาที่นั่งอ่านหนังสือ เพราะเบื่อที่จะต้องอยู่ในห้องพักตลอดเวลา
ที่เก้าอี้หินอ่อนมุมหนึ่งของอาคาร มีหนุ่มนักศึกษาหน้าอ่อนนั่งอ่านหนังสืออยู่ คนที่เดินตรงมาหาวางเชือกถักเป็นสายรัดข้อมือ ตรงกลางเป็นแก้วใสสีฟ้าสวย ลงบนหนังสือ “อะ กูซื้อมาฝาก”
“ขอบใจ มึงออกไปข้างนอกมาเหรอ”
“เปล่า มีคนเขาเอามาขายที่หน้าหอเมื่อกี้ไง กูเลยซื้อมา 2 เส้น”
หนุ่มคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่มองไปที่สร้อยข้อมือของอีกคน “อ้าวมึงซื้อของกูกับมึงเหมือนกันเหรอ”
“คนขายเขาหยิบให้ ไม่เหมือนหรอก ของกูสีน้ำเงิน ของมึงสีฟ้า”
แต่พอเอามาเทียบสีกันตอนนี้มันกลับเหมือนกัน
“อ้าวสัด ขืนใส่คนได้หาว่ามึงกับกูเป็นคู่เกย์แน่ ๆ ใส่สร้อยข้อมือคู่”
“เออ ช่างมึงเหอะ กูชอบ กูจะใส่” ว่าแล้วคนที่ซื้อมาก็ผูกเชือกข้อมือทันที สีหน้าภูมิใจประหนึ่งว่ามันสวยสุดยอด
“เพิ่งรู้ว่า มึงใส่ของถูกอย่างนี้ด้วย เดี๋ยวได้ผื่นขึ้นหรอกมึง”
นั่นเพราะหนุ่มคนที่ซื้อสร้อยมา เป็นคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีมีราคา จะนาฬิกาหรือโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ก็แพงจัด จนไม่น่าเชื่อว่าจะซื้อของแบบนี้เป็นเหมือนกัน
คนซื้อมาหัวเราะร่วน
“ถ้ามันสวย และกูรู้ว่ามึงชอบ กูไม่ติดใจเรื่องราคาอยู่แล้ว”
“ช่ายยยยย พ่อคนรวย” คนที่อ่านหนังสืออยู่ประชดให้ แล้วเก็บสร้อยข้อมือใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนอีกคนพอเห็นเพื่อนรับของไปแล้ว ก็เปิดกระเป๋าสตางค์หยิบรูปภาพอีกใบส่งให้ ด้วยการวางลงบนหนังสืออีกครั้ง
“เฟื่อง นี่ไงพี่ษมา พี่ชายกู ที่กูเล่าให้ฟังน่ะ”
“เออ” เฟื่องกระแทกเสียงตอบ
ไม่เห็นว่า พี่ษมาของไอ้คทาจะน่าสนใจตรงไหน และนี่ก็ไม่ใช่รูปพี่ษมาของไอ้คทาใบแรกที่มันเอามาให้ดูเสียหน่อย
ในโทรศัพท์มันเองก็มีทั้งรูปพ่อ รูปพี่ชายมันเหมือนกัน
“พี่ษมาจบด็อกเตอร์แล้วนะโว้ย เขากำลังจะกลับบ้านแล้ว ต่อไปต้องเรียกพี่ชายด็อกเตอร์ละ”
“เออ” เฟื่องตอบเหมือนเดิม จนคทาต้องกอดอก
“มึงจะฟังกูมั้ย นี่เรื่องจริงจังนะโว้ย”
“แล้วมันมีอะไรต่างจากที่มึงเล่าก่อนหน้านี้ หรือไง”
“ช่างกูเหอะ แต่มึงต้องฟัง”
“ก็ฟังอยู่” เฟื่องเงยหน้าขื้นมาจากหนังสือในมือ
ดวงตาสีอ่อนแทบไม่ต่างกัน จมูก ปาก คล้ายกัน รูปร่างใกล้เคียงกัน ต่างกันเพียงสีผิว ทรงผมและลักษณะการแต่งกาย ที่แตกต่าง เพราะคทาจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมมีราคาเสมอ ตรงข้ามกับเฟื่องที่ทั้งเสื้อทั้งกางเกงจนถึงฟองน้ำที่ใส่อยู่ราคารวมกันไม่เกิน 200 บาท
“พ่อกูไม่สบาย กูโทรศัพท์คุยกับเขา เขาบอกว่าพักนี้อยากนอนทั้งวัน งานที่บริษัทก็เลยต้องให้แม่เลี้ยงกับน้องชายเขาดูแล”
คทาไม่เคยเรียกน้องชายของแม่เลี้ยงว่าน้าเลยสักครั้ง และน้ำเสียงที่เรียกแม่เลี้ยงก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เฟื่องรับรู้มานานแล้วว่า คทาไม่เคยชอบพวกเขา
มันก็แค่นิยายน้ำเน่า แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง ไม่มีอะไรแปลกใหม่
เดี๋ยวพี่ชายด็อกเตอร์เขาเรียนจบกลับมาจากอเมริกา ปัญหาในครอบครัวมันก็คงคลี่คลายลงไปได้เองน่ะแหละ
“กูว่า สอบเสร็จกูจะลงไปดูพ่อสักหน่อย”
“ไปดิ” เฟื่องตอบทันที “รอไปพร้อมกู”
“ไม่ล่ะ มึงต้องไปค่ายกับชมรมก่อนนี่หว่า” คทาท้วงขึ้น
“ก็เออสิ ไม่กี่วันเอง มึงช็อปปิ้งแถวนี้รอกูก่อนสิ”
หนุ่มที่ต่างกายดี ส่ายหน้า “พูดอย่างกับแถวนี้เป็นออร์ชาร์ดโรด” คทาหมายถึงแหล่งช็อปปิ้งที่สิงคโปร์ “กูสังหรณ์ใจแปลก ๆ เพราะพ่อกูไม่ใช่คนอ่อนแอ กูมาเรียนแค่ปีเดียว เขาจะป่วยหนักขนาดนั้นได้ไง”
เฟื่องถามตรง ๆ “พ่อมึงอายุเท่าไหร่แล้ว เขาตรวจสุขภาพบ้างหรือเปล่า มึงเล่าให้กูฟังว่าเขาทำงานหนักมาตลอด”
“ยังไม่ 60 หรอก แต่เรื่องที่เขาทำงานหนักก็ใช่ ทั้งที่เขามีน้องชายน้องสาวตั้งหลายคน แต่ละคนไม่มีใครทำงาน เป็นเหลือบเกาะพ่อกูทั้งนั้น ถึงจะแม่เลี้ยงกับน้องเขาเนี่ยก็พวกวัชพืช”
เฟื่องปล่อยให้คทาบ่นยาวจนพอใจ ก็ชวนคุยเรื่องเดิม
“มึงกลับไป ก็พาเขาไปตรวจสุขภาพ ไปพักผ่อนชายทะเล เขาอาจจะดีขึ้นก็ได้”
คทาพยักหน้า “กูก็กะงั้นแหละ ว่าจะรอพี่ษมากลับมาก่อน แต่...ไม่รู้สิ ยังไงกูก็อยากไปดูพ่อให้เห็นกับตาตัวเองมากกว่า”
“เออ นั่นแหละ ถูกต้องที่สุด พ่อเรา เราก็ต้องดูเองสิวะ” เฟื่องบอก แล้วชี้ไปที่หนังสือเรียน “เอ้า จะอ่านหนังสือได้หรือยังคุณชาย ใกล้สอบแล้วนะครับคุณ”
“ก็มีสอบกันทุกอาทิตย์น่ะแหละ” คทา ทำหน้าคว่ำแล้วอ่านหนังสือเรียน
เรียน สอบ และปิดเทอม คทากลับบ้านก่อนและโทรศัพท์มาบอกว่า พ่อป่วยหนักกว่าที่คิดไว้ และมีเรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วยของพ่อ
ส่วนเฟื่องไปค่ายชมรม เมื่อกลับกรุงเทพ ฯ ก็โทรศัพท์หาคทา แต่ไม่มีใครรับสาย เมื่อโทรไปหาที่บ้าน คนที่บ้านบอกว่า คทาไม่ได้กลับมาบ้าน เมื่อเปิดเทอมคทาไม่ได้กลับมา เฟื่องเป็นคนเก็บของ ๆคทาไปไว้ที่ของเก็บของรวม
เรื่องของคทาเงียบหายไปในลักษณะนั้น
////////
เฟื่องจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความสงสัย ตารางและตัวหนังสือที่ปรากฏ ยิ่งทำให้มีแต่คำถาม
“ครอบครัวเขาแจ้งความคนหายไว้เหรอฟ้า”
หญิงสาวสวมแว่นตาหนาที่นั่งอยู่ข้าง ๆพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“อ่า ฮะ เพื่อนพี่เฟื่องยังไม่ตายหรอก”
“ปั๊ดเหนี่ยว” ปากพูด มือก็โบกน้องสาวไปที “ปากนะปากไอ้ฟ้า พี่ไปถามฝ่ายทะเบียนที่มหา’ลัยแล้ว เขาก็ไม่ได้บอกว่าดร็อปหรือออก แต่ว่าขาดเรียนไปเฉย ๆ ทำให้หมดสภาพ ฯ”
“แล้วไง พี่สงสัยอะไร”
“เมื่อปิดเทอมที่แล้ว คทามันบอกว่า พ่อป่วยก็เลยจะกลับบ้าน แต่ที่บ้านเขาบอกว่าไม่ได้กลับมา”
ฟ้าพยักหน้าหงึกหงัก
เพราะตั้งแต่ตอนนั้น ถึงพี่ชายจะไม่ได้พูดอะไร แต่พอจะรู้ว่าเขาไม่สบายใจ รอจนปิดเทอมครั้งนี้ ที่เขามาบอกว่า ให้หาข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กับฐานข้อมูลกลางของตำรวจ เพื่อหาเรื่องราวของเพื่อนคนที่หายไปให้หน่อย
“แล้วพี่เฟื่องจะทำไงต่อ”
“คิดก่อน สุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้าไปในบ้านเขา แล้วถามหาไอ้คทาคงไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้” ฟ้าย้อนให้
เฟื่องมองหน้าน้องสาวแล้วพยักหน้าช้า ๆ
“แกแต่งตัวสวย ๆ ซื้อขนมแพง ๆไปถามหาไอ้คทาที่บ้านเขา”
“อ้าว แล้วทำไมพี่ไม่ทำเองล่ะ”
“ทำเองแน่นอน แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้”
คำตอบของฟ้าจากการไปถามหาคทาที่บ้าน ไม่ได้ต่างจากที่รู้มาก่อนหน้านี้
ยามหน้าบ้าน ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่า คุณคทาไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้ว
ดังนั้นเฟื่องจึงต้องใช้เวลานานกว่าเดิม เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม
///////////
หนุ่มรูปร่างผอมบางคนนั้น จะว่าไปก็ไม่ได้ต่างจากวัยรุ่นทั่วไปสักเท่าไหร่ รูปร่างคล้ายกัน แต่งตัวเหมือน ๆกัน
เพียงแต่ไอ้อาการกวาดตามองไปรอบ ๆแบบมองผ่าน ไม่ได้จับจ้องอะไรเป็นพิเศษแบบนั้นที่มันสะดุดตา แล้วยิ่งเวลาที่มายืนอยู่แถว ๆหน้ากองปราบปรามแบบนี้ มันยิ่งชวนสงสัย
นายตำรวจตัวหนา รูปร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปถาม
“น้องมาหาใคร”
ดวงตาสีอ่อนที่มองมา เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
“ผมไม่รู้”
“อ้าว”
เมื่ออีกฝ่ายตอบว่าไม่รู้ คำถามต่าง ๆมันก็ออกมาจากปากได้เองโดยอัตโนมัติ
หนุ่มน้อยคนนั้นเพียงแต่ส่งบัตรนักศึกษาเก่า ๆให้ดู “ผมไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ผมมีแต่บัตรใบนี้”
“ผู้กองพาใครมา” เพื่อนร่วมงานที่กองทะเบียนหันมาทัก เมื่อเห็นผู้กองหมอกพาหนุ่มตัวผอมบางหน้าตาดีเดินเข้ามาด้วย
“ช่วยดูให้หน่อย” นายตำรวจส่งบัตรนักศึกษาให้เพื่อนร่วมงาน “จำประวัติไม่ได้ มีแต่บัตรใบนี้ใบเดียว”
เพื่อนร่วมงานไม่ได้สบตากับผู้กองหมอก แต่คิดตรงกัน
“นั่งคุยกันก่อน”
จริงหรือหลอกต้องคุยกันก่อน
ทีแรกหมอกก็คิดอยู่ว่าจะส่งให้เพื่อนซักประวัติไปเหมือนเคย แต่เพราะความคล้าย....
คล้ายใครคนหนึ่งที่ร้านหนังสือทำให้หมอกเพียงแค่เลี่ยงไปยืนห่าง ๆ มองดูเพื่อนกรอกชื่อ นามสกุลตามบัตรลงในโปรแกรมค้นหาบุคคล
เพียงครู่เดียว ภาพของบุคคลตามบัตรก็ปรากฎ พร้อมอักษรกำกับใต้ภาพระบุว่า เป็นผู้สูญหาย
รูปที่เห็นดูอายุน้อยกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้
แต่เมื่อดูจากปี...แจ้งความคนหายไว้เมื่อ 4 ปีก่อน
มันก็...มีเค้าอยู่บ้าง
“มีแจ้งความคนหาย แต่ต้องให้ครอบครัวมายืนยันนะ ว่าใช่ หรือว่าบังเอิญไปเก็บบัตรใบนี้ได้”
“ผมไม่รู้”
คำตอบเหมือนเดิมที่ทำให้นายตำรวจ 2 คนต้องคิดหนัก
ก็เล่นตอบทุกคำถามว่าไม่รู้ คนถามก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถามอะไร
เพียง 2 ชั่วโมงถัดมา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายด้วยสูทเนื้อดี เดินหลังตรงเข้ามาที่สำนักงาน แล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังของ หนุ่มคนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องพนักงานสอบสวน
“คทา”
คนที่ถูกเรียกเพียงหันมามองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ขณะที่นายตำรวจกองทะเบียนโทรศัพท์ไปตามผู้กองหมอก
ระหว่างที่รอ ก็คือการสอบถาม
“รู้จักเขาหรือเปล่า”
หนุ่มตัวผอมยังคงส่ายหน้าเหมือนเดิม
นายตำรวจก็เลยยื่นบัตรนักศึกษาให้ แล้วบรรยายไปตามขั้นตอน
“เขามีแต่บัตรใบนี้ใบเดียว แต่จำอะไรไม่ได้เลย ชื่ออะไร มาจากไหน จะไปไหน ชื่อมหา’ลัยตามบัตรอยู่ทางอีสาน ยังคิดว่าบ้านอยู่ทางนั้น แต่ค้นตามชื่อในบัตร เห็นว่าครอบครัวแจ้งความคนหายไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว รบกวนคุณมาดูว่าใช่หรือเปล่า แล้วจะพาไปพบแพทย์ ตรวจร่างกาย ตรวจสมองก่อนมั้ย”
ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองหนุ่มตัวบางที่หันไปมองทางอื่น คิ้วคมนั่นขมวดแน่น ฟันสวยกัดริมฝีปากล่าง ท่าทางกำลังคิดหนัก
“ไม่เป็นไรครับ นี่คือน้องผม ขอผมพาเขากลับบ้านเลยได้มั้ยครับ”
“ยัง ๆ” นายตำรวจกองทะเบียนรีบบอก แล้วหันไปหาผู้กองหมอกที่ก้าวยาว ๆเข้ามาในห้อง
“หมอกนี่คุณษมา บอกว่านี่คือน้องชายเขา”
ผู้กองหมอกถามย้ำ “ใช่หรือครับ แต่เขาจำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตัวมาสักอย่าง”
“แต่ผมจำเขาได้”
นายตำรวจ 2 คนเลิกวางฟอร์มหันมามองหน้ากัน
โดยปกติ ถ้ามีบุคคลในครอบครัวมายืนยันว่าใช่ก็คือใช่ แล้วก็ลงบันทึกไว้ตามระเบียบราชการ
แต่มันคือสัญชาติญาณของตำรวจล้วน ๆที่บอกว่า อย่าเพิ่งแน่ใจ
“งั้นจะพาไปลงบันทึก ทำประวัติไว้นะ เพราะต้องเอาไปเป็นหลักฐานทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเขตด้วย”
หนุ่มตัวเล็กก้มหน้ามองพื้นเดินตามนายตำรวจตัวโตไปด้วยดี ดวงตากลมเหลือบมองเท้าคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ
ในตอนที่พิมพ์ลายนิ้วมือ หนุ่มตัวเล็กบิดนิ้วมือทำให้ลายนิ้วมือเลอะเลือนไปเล็กน้อย แต่ษมาลงลายมือชื่อกำกับไว้ให้
“ตอนนี้เขายังจำอะไรไม่ได้ ผมขอทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเขาไปก่อนได้มั้ยครับ”
“มันก็ต้องอย่างนั้นแหละ”นายตำรวจอาวุโสที่รับลงบันทึกไว้บอก “คอยดูแลให้ดีด้วยล่ะ ถ้าจะให้ดี น่าจะพาไปหาหมอด้วยนะ เพราะที่จำอะไรไม่ได้เนี่ย มันต้องมีเหตุร้ายแรง”
ษมาตอบรับ แล้วหันไปรับนามบัตรจากผู้กองหมอก
“นี่นามบัตรผม มีอะไรโทรมาหาได้ตลอดเวลา”
ษมาเลี้ยวรถคันใหญ่เข้าไปเขตรั้วสูงบ้านหลังใหญ่โดดเด่น แต่ถัดไปในรั้วเดียวกัน ยังมีบ้านอีก 3 หลัง แบ่งพื้นที่ของบ้านแต่ละหลังด้วยพุ่มไม้เตี้ย
แต่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ยังมีรูปหล่อเทวา นางฟ้าในท่าทางยืนและนั่งชมสวน
เหมือนจริงจนคนที่นั่งมาด้วยต้องหันไปมองซ้ำ
คนที่นั่งข้าง เปิดประตูก้าวลงจากรถเอง ใบหน้าอ่อนใสเหลียวมองไปรอบ ๆ แล้วก้าวเท้าขึ้นบ้าน
“ษมา พาน้องมาแล้วหรือ” สตรีสูงวัยแต่งกายสวยงามเร่งเท้าออกมาจากห้องรับแขก
แต่หนุ่มตัวผอมบางที่เดินนำเข้ามาก่อนกลับเดินผ่านเหมือนไม่ได้ยินเสียง
“ครับ คุณลลิน”
ลลินมองตามหนุ่มตัวเล็กที่เดินตรงไปที่บันได ดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามหันมามองษมา แต่ษมาส่ายหน้าแล้วหันไปเรียก
“คทา จะไปไหน”
แต่คทาไม่ได้หยุดเดิน จนษมาต้องจับข้อมือดึงให้หันมามอง
“คทา นี่คุณลลิน จำได้มั้ย”
ดวงตากลมที่มองมาบอกชัดเจนว่าจำไม่ได้
“ไม่ ใคร”
ลลินยกมือแตะอก “คทา เกิดอะไรขึ้น ษมาน้องเป็นอะไร”
คนตัวโตมองหนุ่มตัวเล็ก ที่หันไปมองขึ้นไปที่ชั้นบนแล้วหันมาตอบลลิน “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ น้องคงอยากขึ้นไปที่ห้อง”
“จ้ะ” ลลินพยักหน้า แต่ก็ยังเดินตามมาด้วย
“แม่ให้คนทำความสะอาดห้อง กับเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะจ๊ะ”
แต่คทามีท่าทีเหมือนไม่ได้ยินที่ลลินพูด มีเพียงสายตาที่มองไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย
มือใหญ่จับข้อมือผอมให้เดินมาด้วยกัน แต่เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 คทาก็พูดขึ้น
“พ่อ”
“หือ อยากหาพ่อหรือ”
เมื่อคทาพยักหน้า ษมาก็พาขึ้นไปที่ห้องนอนใหญ่ที่ชั้น 3
พยาบาลส่วนตัวถอยออกไปนอกห้องเมื่อทั้ง 3 คนก้าวเข้ามา
ชายสูงวัยที่นอนอยู่บนเตียง มีร่างกายผ่ายผอม ผิวซีดขาว
คทาก้าวช้า ๆไปถึงข้างเตียง เพียงแค่จับมือ ชายสูงวัยก็ลืมตาขึ้น
“คทา กลับมาแล้วหรือลูก” พ่อพูดอย่างอ่อนแรง
“ครับ”
หนุ่มตัวผอมคุกเข่าลงข้างเตียง สร้อยข้อมือที่มีลูกปัดใสสะท้อนแสงไฟเมื่อก้มลงกราบที่มือพ่อ
ษมาขยับมายืนที่ด้านหลังของคนที่ถูกเรียกว่า คทา
คน ๆนี้ไม่ใช่คทาน้องชายคนที่หายไปเมื่อ 4 ปีก่อน
แต่หน้าตาดูคุ้น ๆอาจเคยเห็นจากรูปที่คทาส่งมาให้
และคน ๆนี้ยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับน้องชาย เป็นคนที่มีบัตรนักศึกษาของน้องชาย และคือคนที่พ่อเรียกว่าคทา
ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาต้องรู้ว่าคทาอยู่ที่ไหน
…….จบตอนที่ 1………..
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 จบ
ผมเขียนเรื่องนี้ด้วยความคิดหนึ่งวูบ และเขียนจบใน 5 ตอน จึงจะอัพเรื่องนี้วันเว้นวันไปจนจบ
ห่างหายจากบอร์ดไปนาน ร้างงานเขียนไปหลายเดือน อาจทำให้ฝีมือที่ไม่ได้ดีนัก อ่อนด้อยลงไปอีก หากคุณอ่านแล้วมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ หรือผมเขียนอะไรผิดไป ได้โปรดให้คำแนะนำ
พบกันวันศุกร์ครับ
ขอบคุณมากครับ
ไจฟ์กับทีครับ