กีฬาสี 4หลังจากผ่านช่วงเวลาวุ่นวายไปกว่าสองสัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกที่งานกีฬาสีของโรงเรียนผมเริ่มขึ้น และแน่นอน วันแรกนี่สิ่งที่พลาดไปไม่ได้เลยก็คือการเดินพาเหรดของแต่ละสี คือเราจะเดินบริเวณถนนรอบๆโรงเรียน โดยขบวนจะออกจากประตูหน้า นำโดยสีแดง สีชมพู สีเขียว สีส้มและสีฟ้า เดินผ่านวัด ศาลาที่ทำการจังหวัด โรงเรียนประถมประจำจังหวัดและเลี้ยวผ่านถนนข้างตลาด วนอ้อมผ่านร้านตัดผ้า ที่ว่าการอำเภอ สวนหลังโรงเรียนแล้วเดินกลับเข้าทางประตูหลังโรงเรียน
บรรยากาศในโรงเรียนคึกคักมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นเพราะแต่ละสีมีรุ่นพี่มานอนค้างที่โรงเรียนเพื่อเตรียมงาน สแตนเชียร์ทั้งห้าถูกตกแต่งไปตามคอนเซ็ปที่วางไว้ และถือเป็นความภูมิใจของฝ่ายฉากและอุปกรณ์ที่ลงทุนลงแรงกันมา ส่วนฝ่ายกองเชียร์ก็ซุ่มเงียบพักยาวเตรียมรอขึ้นแสตนเชียร์ในวันสุดท้ายที่จะมีการแข่งกรีฑา ฝ่ายที่ต้องเหนื่อยและจบงานในวันแรกๆก็คือฝ่ายพาเหรดครับ พวกพี่ๆนัดให้คนที่เดินพาเหรดมาโรงเรียนเช้ามากๆคือตั้งแต่ตีหนึ่งไล่มาถึงเจ็ดโมงเช้าตามความยุ่งยากของชุดและการแต่งตัวของแต่ละคน กว่าจะมาถึงวันนี้ผมต้องมาลองชุดที่ห้องม.5/2 อยู่หลายรอบเพราะชุดของผมต้องตัด ไม่มีให้เช่า เลยได้ฟังเสียงพี่ซินนี่แว๊ดใส่ลูกทีมจนเอียน ส่วนของคนปั่นจักรยานอีกสามคนหน่ะเหรอครับ พี่เค้าให้หาชุดมาเองคือใส่เสื้อเชิ้ตไว้ข้างใน ใส่สูทสีอ่อนๆทับข้างนอก กับกางเกงขาเดป
วันนี้พี่ซินนี่นัดพวกผมให้มาหกโมง ถึงมันจะไม่เช้ามาก ถ้าเทียบกับคนอื่นๆในขบวน แต่ผมก็ต้องผละจากเตียงในตอนตีห้าอย่างยากลำบาก เราตื่นเองนี่ยังไม่ยากเท่าไหร่นะครับ มันเหนื่อยตรงที่ต้องแงะอีกสามคนออกจากที่นอนนี่แหละ
“คี ตื่นๆ นาฬิกาปลุกแล้ว” ผมเริ่มจากคนข้างๆก่อนเลยครับ พอได้ยินเสียงนาฬิกาเท่านั้นแหละ เกิดปฏิกิริยาอัตโนมัติเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที ผมเลยเอานาฬิกาปลุกที่ยังไม่ได้ปิดเสียงไปวางไว้ข้างๆหูจนเจ้าตัวเค้ารำคาญลุกขึ้นมาปิดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแบบหัวเสีย
“จอมๆ ตื่นได้แล้ว ไหนเมื่อคืนบอกว่าจะลุกมาทำข้าวต้มให้ไง” รายต่อไปคือจอมครับ เมื่อวานก่อนกลับบ้านแวะตลาดซื้อของเพราะจอมบอกว่าจะทำมื้อเช้าให้กิน จอมเป็นคนที่ชอบทำอาหารมากครับ ผิดกับผมเลย ขนาดต้มมาม่ายังลำบากใจ แบบว่าไม่ชอบอ่ะ เวลาทำแล้วมันร้อน แถมยังต้องคอยใส่นู่น เติมนี่ กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหงื่อโชก
จอมไม่ยอมลุกครับ ผมเลยเขย่าตัวไปเรื่อยๆจนจอมยอมลืมตา และรายสุดท้ายครับ รายนี้ใช้เวลาในการปลุกมากเป็นพิเศษ
“ฟิว ต้องตื่นแล้วนะ” สเต็ปแรกเรียกแล้วเขย่าตัวเบาๆก่อน ฟิวยังไม่ขยับครับ สเต็ปที่สองกระชากผ้าห่ม
“เดี๋ยวน้ำ ขออีกสิบนาที” แน่ะ มีต่อรอง
“ไม่ได้ ลุกเร็ว เดี๋ยวสาย” ผมเริ่มเขย่าเรื่อยๆ ไม่รำคาญให้มันรู้ไป แต่ฟิวยังหลับตาอยู่
สเต็ปสุดท้ายผมบีบปากกับจมูกเลยครับ เดี๋ยวหายใจไม่ออกก็โมโหตื่นขึ้นมาเองนั่นแหละ เป็นไปตามคาดครับ ฟิวลืมตามองผมตาเขียวเชียว ปัดมือผมออกด้วย แสดงว่าตื่นเต็มตา ผมยิ้มให้ฟิวแล้วเดินไปอาบน้ำบ้าง
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จคนแรกเพราะสามคนนั้นต้องใส่ชุดไปเลย แต่ผมใส่แค่ชุดพละแล้วค่อยไปเปลี่ยนที่โรงเรียน
พอลงมาชั้นล่างก็ได้กลิ่นหอมข้าวต้มหมูมาจากในครัว ผมจัดการตักข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วมานั่งละเลียดรอที่โต๊ะกินข้าว เช้าๆแบบนี้ไม่ค่อยหิวเลยครับ แต่จอมทำข้าวต้มอร่อยมาก ผมเลยตักถ้วยที่สองต่อ พอดีกับที่จอมเดินลงมา ได้ข่าวว่าอาบน้ำหลังคนอื่น แต่ทำไมเสร็จก่อนเนี่ย
“จอม อร่อยอ่ะ” ผมบอกจอมที่ยิ้มรับครับ
“อือ อร่อยก็กินเยอะๆดิวะ”
“กินอยู่ นี่ถ้วยที่สองแล้ว ว่าแต่อีกสองคนทำไมไม่ลงมาอีกอ่ะ ตีห้าสี่สิบแล้วนะ” ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังแล้วถามจอม
“จอมตักข้าวต้มเผื่อถ้วยนึงดิ๊” พูดไม่ทันขาดคำคีก็เดินลงมาครับ
“ชายฟิวมันแต่งหล่ออยู่ ทำใจเย็นๆกินข้าวไปเหอะ” จอมตอบผมแล้วตักข้าวต้มใส่ถ้วยเผื่อฟิวอีกถ้วยหนึ่ง
“น้ำ ข้าวติดแก้ม” คีพูดแล้วทำท่าชี้ตรงแก้มตัวเอง
“ไหนอ่ะ” ผมเอามือลูบๆแล้วก็หาไม่เจอ
“มานี่” คีพูดแล้วโน้มตัวจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เอาทิชชู่เช็ดข้าวออกให้ผม
“กินข้าวยังไงเนี่ย ยังกะเด็ก” คีบ่นพร้อมกับเอามือเชยคางผมให้หันข้างแล้วเอาทิชชู่เช็ดตรงไรผมข้างหูให้ผม
“แหะๆ ข้าวต้มอร่อยไง” ผมได้แต่แก้ตัวน้ำขุ่นๆไป
“อะ ข้าวต้ม” จอมพูดแล้วเลื่อนถ้วยข้าวต้มให้คี
“มึงมีเจลแต่งผมป่าววะ” ฟิวตะโกนมาจากชั้นบนของบ้าน
“มึงลงมาเลยฟิว พี่ๆเค้าบอกจะทำผมให้” คีตะโกนตอบกลับไป ฟิวเลยรีบวิ่งลงมาที่โต๊ะกินข้าว
“ฟิว รีบๆกินเร็ว เดี๋ยวไปสายพี่เค้าจะดุเอานะ” ผมบอกเมื่อฟิวนั่งลงที่โต๊ะ
“โห ระดับนี้แล้ว เดี๋ยวหมดก่อนน้ำอีก” เออ มันก็จริงนะ เพราะว่าผมเป็นคนที่กินข้าวช้าที่สุดในกลุ่ม แบบว่าตอนเด็กๆแม่บอกให้เคี้ยวข้าวให้ละเอียดไง เลยติดเป็นนิสัยมาจนโต เวลากินข้าวด้วยกันทีไร เพื่อนๆได้นั่งรอผมทุกที
พอไปถึงโรงเรียน ผมก็เห็นรถของผู้ปกครองมาส่งลูกและหลายคนขับรถมาเอง มีรถเข้าออกโรงเรียนอยู่ตลอด ดูชุลมุนพิลึกดีครับ ทั้งๆที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่ว่าโรงเรียนดูวุ่นวายยิ่งกว่าวันเปิดเรียนปกติซะอีก
พวกผมเดินไปที่ห้องม.5/2 ระหว่างทางก็เห็นคนแต่งตัวแปลกๆ ทั้งเจ้านางที่สวยสุดๆ แต่ต้องตกใจตรงลูกกระเดือก คุณยายผมขาวโพลนไปทั้งหัว หรือแม้กระทั่งคนแต่งชุดเป็นมาสคอตพี่หมีตัวโต ผมมองเพลินจนคีต้องจับแขนลากให้เดินตาม
พอพวกผมเดินไปถึงห้อง คี จอม ฟิวถูกลากไปอีกทางเพื่อแต่งหน้ากับเซ็ทผม ส่วนผมอยู่ตรงมุมห้องที่มีพี่พลอยฝ่ายกองเชียร์คอยค้นถุงหาชุดให้กับคนที่เดินขบวนผักแบบผมอยู่ ผมเองก็หันไปยิ้มให้กับคนข้างๆที่กำลังเปลี่ยนชุดเป็นผักกาด ถัดไปก็เป็นฟักทองที่ใส่รองเท้าอยู่และพริกหยวกที่ยืนรอพี่พลอยหาชุดอยู่กับผม พอได้ชุดแล้วผมก็ถอดเสื้อถอดกางเกงเพื่อที่จะเปลี่ยนชุด ไม่รู้รู้สึกไปเองรึป่าวว่ามีแต่คนมอง ผมเลยรีบใส่ชุด พอใส่แล้วก็รู้สึกว่าตัวพองๆคือชุดที่ใส่จะเป็นชุดเอี๊ยมกางเกงขายาว เดปสีแดงแบบผ้ามันๆหน่อย แล้วก็จะมีส่วนหัวเป็นมะเขือเทศลูกใหญ่ที่ตรงกลางเป็นหน้าผมโผล่ออกมา ผมเปลี่ยนชุดเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ พี่ๆเลยให้นั่งรอประมาณสิบนาที ถึงจะออกไปจัดขบวน ระหว่างนั่งรอผมก็คุยกับเพื่อนผักด้วยกัน รวมทั้งพี่พลอยที่บอกว่าวันนี้จะคอยคุมขบวนผัก
“ทำไมพี่ต้องคุมขบวนผักด้วยละครับ มีแค่สี่คนเอง” คนที่แต่งเป็นผักกาดถามขึ้น คิดเหมือนผมเลยแฮะ
“อ๋อ ก็เดี๋ยวมีคนมาถ่ายรูปไง แล้วบางที่ถ้าเด็กๆมาดูขบวนก็จะวิ่งเข้ามาจับมือ ขบวนอาจต้องชะงักที่เรา พี่เลยต้องดูแลหน่อย” โห มีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย งั้นสงสัยพี่หมีมาสคอตตัวเมื่อกี้ที่เห็นนี่ไม่รอดแน่
“น้องน้ำขาวจังเลย” พี่พลอยพูดแล้วเอาแขนมาทาบกับแขนผม
“แหะๆ พอดีแม่ผมขาวมากๆเลยอ่ะครับ สงสัยเป็นกรรมพันธุ์” ผมหัวเราะแห้งๆแล้วตอบพี่เค้าไป
“อิจฉาจัง” พี่พลอยพูดยิ้มๆครับ ความจริงพี่พลอยก็ไม่ได้ผิวคล้ำนะครับ แต่ว่าผิวผมมันขาวซีดมากกว่า
เราคุยกันได้ซักครู่ พี่ซินนี่ก็ตะโกนบอกให้พี่ๆพาน้องไปจัดขบวนบริเวณถนนหน้าโรงเรียนตามจุดที่ได้วางไว้
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าปีนี้ขบวนเป็นแบบไหน รู้แต่ว่ากลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าแต่งตัวเกี่ยวกับการต่อต้านยาเสพติด ผมเดินตามขบวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับโบกมือและยิ้มให้คนที่มายืนรอดู หลายคนก็ขอเข้ามาถ่ายรูปตอนขบวนหยุด มีเด็กๆมาขอจับมือกับหอมแก้มด้วยครับ ผมเลยขอหอมน้องเค้ากลับบ้าง น้องน่ารักมากเลย พอขบวนเดินต่อน้องก็ไม่ยอมปล่อยมือ งอแงกับคุณแม่ใหญ่ ผมเลยบอกให้คุณแม่เดินตามขบวนไปจนถึงโรงเรียน
“น้องชื่ออะไรเหรอครับ” ผมถามเด็กน้อยที่เดินจับมือไปกับผมด้วย อายุน่าจะซักห้าขวบ
“ชื่อน้อง..ม” น้องเค้าตอบอายๆแต่ผมได้ยินไม่ชัดเลยถามอีกรอบ
“ชื่อน้องอะไรนะ”
“น้องตามคับ”
“อ๋อ น้องตามเรียนอยู่โรงเรียนอะไรครับ”
“โรงเรียนอนุบาล...” อ้าวโรงเรียนที่เดินผ่านมานี่นา
“ทำไมวันนี้น้องตามไม่ไปโรงเรียนล่ะ” ผมถามน้องด้วยความเอ็นดู
“เพราะว่าน้องตามไม่ฉบาย คุณแม่จะพามาหาคุณหมอ แต่ว่าน้องตามอยากดูนี่” น้องตามตอบด้วยเสียงเอาแต่ใจนิดๆ
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวพอเราเดินกันไปถึงตรงนู้นแล้ว น้องตามต้องไปหาคุณหมอกับคุณแม่นะครับ” ผมพูดแล้วลูบหัวน้องเค้าครับ
“ฮะ” น้องตามตอบแล้วทำหน้าซึมๆ ผมเห็นแล้วนึกเอ็นดูเลยชวนคุยต่อเรื่อยๆ
“น้องตามชอบกินผักรึป่าว”
“ชอบฮะ น้องตามชอบกินมะเขือเทศ” มิน่าล่ะเลยจับมือเราไม่ยอมปล่อย
“โอ้โห น้องตามเก่งจังเลย” พอผมชมน้องตามก็ยิ้มให้ครับ
“คุณแม่บอกว่า ผักมีประโยชน์ กินแล้วจะแข็งแรง แต่ว่าน้องตามก็กินผัก ทำไมน้องตามไม่ฉบาย” อ่า เจอคำถามเด็กเข้าไปก็จนใจครับ มันยากเอาการอยู่นะครับกับการจะอธิบายอะไรง่ายๆ แต่เป็นเหตุเป็นผลที่ถูกต้องให้เด็กๆฟังเนี่ย
“น้องตามต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่นะครับ จะกินแต่ผักอย่างเดียวไม่ได้ น้องตามต้องกินนม กินข้าว กินผลไม้แล้วก็ต้องดื่มน้ำเยอะๆ ต้องนอนหลับกลางวันด้วยจะได้หายไวๆ” ตอบไปน้องเค้าจะเข้าใจมั้ยเนี่ย
“แต่ว่า.. น้องตามไม่ชอบกินนมนี่นา” น้องตามก้มหน้าแล้วบ่นเบาๆครับ
“ทำไมละครับ นมมีประโยชน์น้า ถ้าน้องตามไม่กินนมก็จะตัวเล็กนิดเดียว ไม่โตซักที”
“จริงเหรอฮะ” น้องตามเงยหน้าถามผม ตากลมๆจ้องมองผมอย่างรอคอยคำตอบ
“จริงสิ พี่น้ำว่าน้องตามเป็นคนเก่ง เดี๋ยวต่อไปน้องตามกินนมแล้วจะได้ตัวสูงกว่าเพื่อนๆเลยดีมั้ย”
“ดีคับ”
พอถึงโรงเรียนแล้วผมก็ขอพี่พลอยแยกตัวมายืนส่งน้องตามให้คุณแม่ที่ข้างประตูโรงเรียน
“ขอบใจมากนะจ๊ะ น้องตามรบกวนหนูแย่เลย” คุณแม่น้องตามเอ่ยขอบคุณผมแล้วย่อตัวคุยกับน้องตาม
“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้คุณแม่
“ตามขอบคุณพี่เค้าสิลูก”
“ขอบคุณคับ” น้องตามพูดแล้วยกมือไหว้ผม ผมเองก็รับไหว้
“พี่น้ำไปแล้วนะ” ผมก้มลงไปกอดน้องตามครับ เด็กๆนี่น่ารักจัง
“สวัสดีครับคุณน้า”
“จ้ะ ขอบใจมากนะ” คุณน้าพูดแล้วอุ้มน้องตาม
“บ๊าย บาย” ผมโบกมือให้น้องตามที่เกาะไหล่แม่โบกมือตอบ
“น้ำ” เสียงคีนั่นเองครับ เรียกผมแล้ววิ่งกระหืดกระหอบมาเชียว
“หืม มีอะไรเหรอ ดูรีบจัง”
“คีตามหาตั้งนาน นึกว่าหายไปไหนซะอีก” คีพูดแล้วเอามือโยกหัวผม
“อ๋อ น้ำเจอน้องคนนึงตอนเดินขบวนด้วยละ น่ารักมากเลย...”แล้วผมก็เล่าเรื่องระหว่างเดินขบวนให้คีฟังพร้อมกับเดินเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน
กว่าการแข่งขันกีฬาจะเริ่มขึ้นก็ปาไปสิบโมงแล้วครับ กองเชียร์แต่ละสีก็ไปเชียร์ตามสนามต่างๆที่มีการแข่งขันของสีตัวเอง ส่วนผมหน่ะเหรอครับ จะไปไหนได้ ต้องนั่งเฝ้าสนามบาสอยู่แล้วละครับ เพราะวันนี้รายการแรกของสนามคือบาสชายม.ปลายสีแดงกับสีชมพู ผมที่ได้รับหน้าที่ผู้จัดการทีมจำเป็นนั่งบริเวณล่างสุดของแสตนเชียร์พร้อมกับถังใส่น้ำแข็งขนาดพอหิ้วไหวที่มีทั้งน้ำเปล่า เอ็มสปอร์ต ผ้าเย็น แล้วก็น้ำแดง และเพราะวันนี้การ์ดทั้งสามของผมต้องใช้สมาธิในการเล่นเลยส่งตัวแทนมานั่งเฝ้า เอ้ย นั่งเป็นเพื่อนผมที่ข้างสนาม ตัวแทนที่ว่าก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอกครับ ป๋อมแป๋มเพื่อนสาวที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับคีและจอมนั่นเอง ป๋อมแป๋มเป็นคนคุยสนุกนะครับ แต่ว่าผมก็ต้องเอามืออุดหูบ่อยๆเพราะเสียงกรี๊ดอันทรงพลังของเจ้าตัว
“น้ำ แกดูพี่เบอร์เก้าสีแดงดิ หุ่นเร้าใจอ่ะ” ป๋อมแป๋มพูดแล้วทำหน้าหมั่นเขี้ยว
“ง่า งั้นเหรอ” กลัวแทนพี่เบอร์เก้าครับ
“ก็งั้นสิยะ อ๊าย แกดูกล้าม โอ๊ย ท่าชู้ตใจละลาย”
“เอ่อ แป๋ม เราอยู่สีชมพูนะ เราต้องเชียร์สีตัวเองดิ” ผมพูดดักคอเมื่อเห็นป๋อมแป๋มยังเพ้ออยู่กับพี่เบอร์เก้า
“ก็เชียร์อยู่นี่ไง ต๊ายพี่ภูเท่มาก อ๊ะ พี่เค้าชูสองนิ้วแล้วหันมายิ้มให้ชั้นด้วยอ่ะ” ป๋อมแป๋มกรี๊ดกร๊าดต่อเมื่อเห็นพี่ภูที่พึ่งชู้ตบาสเข้าห่วงแล้วหันมายิ้มเรียกเรตติ้งแฟนๆที่นั่งอยู่ตรงสแตนข้างสนามให้กรี๊ดกันใหญ่
ใช่ว่ามีแค่พี่ภูที่มีแต่สาวกรี๊ดซะเมื่อไหร่ แต่ละคนในทีมก็ใช่ย่อยครับ
“อ๊ายยยย พี่(น้อง)คีสู้ๆ”
“กรี๊ดดด น้องจอม” อันนี้เสียงแม่ยกของจอมทัพเค้าละครับ ผมเป็นเพื่อนมันมาสี่ปีก็พึ่งจะรู้นี่แหละครับว่าจอมมันมีเสน่ห์กับคนที่แก่กว่า
“พี่อาร์มมมม อย่าแพ้นะค้า” ตอนพี่อาร์มได้บอลถึงกับสะดุดเพราะได้ยินเสียงกองเชียร์ ผมที่ดูเค้าซ้อมกันทุกวันก็ได้แต่ขำครับ
“น้อง(พี่)ฟิว กรี๊ดดดดดด” อ่า กรี๊ดกันเข้าไป
“พี่น้ำคะ คืออัย ฝากนี่ให้พี่จอมหน่อยได้มั้ยคะ” ระหว่างที่ผมกำลังเอือมกับเสียงกรี๊ดก็มีสาวน้อยมาสะกิดฝากของให้กับคนในสนามครับ
“ได้ครับ แต่ว่าน้องอัยไม่รอเอาให้จอมมันเองล่ะครับ เดี๋ยวก็พักครึ่งแล้ว” คือน้องอัยเค้าเอาน้ำ เอาขนมมาให้ชายจอมทุกวันครับ ผมเลยคิดว่าแล้วจอมมันจะได้รู้เมื่อไหร่ว่าน้องเค้าปลื้มมันอยู่
“อัยไม่กล้าหรอกค่ะ ฝากพี่น้ำด้วยนะคะ” น้องอัยพูดแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร
“ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะเอาให้จอม บอกว่าน้องอัยห้องม.3/3 ฝากมาให้พี่จอม ดีมั้ยครับ” ผมแซวแล้วยิ้มล้อเลียนน้องเค้า
“อย่านะคะพี่น้ำ อย่าพึ่งบอก” น้องอัยทำหน้าตกใจใหญ่เลย
“พี่ล้อเล่นครับ”
“เอ่อ นี่ขนมของพี่น้ำ ขอบคุณมากนะคะ” น้องอัยยื่นขนมให้ผมแล้วกล่าวขอบคุณ
“อ้าว ติดสินบนแต่น้ำ แล้วของพี่ละคะ” ป๋อมแป๋มที่นั่งข้างๆผมแกล้งทวงขนมจากน้องอัย
“คือ อัยไม่รู้ว่าวันนี้พี่น้ำอยู่กับเพื่อน ก็เลย ก็เลย ไม่ได้เตรียมมาเผื่อ ขอโทษด้วยนะคะ พี่อยากกินอะไรรึป่าวคะ เดี๋ยวอัยไปซื้อให้” น้องอัยทำหน้าไม่ถูกเลยครับ
“เดี๋ยวพี่แบ่งขนมให้แป๋มเองครับ แป๋มก็ไปแกล้งน้องเค้า” ผมบอกน้องอัยให้หายกังวล แล้วหันไปบอกป๋อมแป๋มที่แอ๊บทำหน้าดุ
“โหย พี่ล้อเล่นค่ะคุณน้อง อย่าซีเครียดไป” อ่า ซีเครียด = ซีเรียส+เครียด
พอดีกับเสียงกริ่งพักครึ่งแรกดังขึ้น น้องอัยเลยวิ่งหายไปเลยครับ
“ขอบคุณนะคะพี่น้ำ อัยไปก่อนนะคะ”
“เฮ้ย ร้อนว่ะ ขอน้ำหน่อยดิ๊” ผมรีบแจกจ่ายน้ำให้กับนักกีฬาที่เดินหอบๆกรูกันเข้ามา
“จอม น้องคนโน้นเค้าฝากมาให้” ผมยื่นของที่น้องอัยฝากไว้ให้จอมพร้อมกับชี้ตรงที่น้องเค้ายืนอยู่ด้วย
“คนไหนวะ” แบบว่าคนมันเยอะไง จอมมันก็หันไปตามทางที่ผมชี้นะครับ แต่ว่าไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร
“555 น้องเค้ายังไม่พร้อมเผยตัว เดาเอาเองแล้วกัน” ผมหัวเราะจอมที่มองหาไม่เจอ มันก็คงอยากรู้อ่ะครับ เพราะตั้งแต่ซ้อมบาส น้องเค้าก็เอาน้ำเอาขนมมาให้มันทุกวัน จอมมันหันหน้ากลับมาแล้วกระดกน้ำเข้าปาก แบบว่าคงร้อนมาก ผมที่นั่งอยู่พอกรูกันเข้ามายังรู้สึกถึงไอร้อนจากตัวของแต่ละคน ป๋อมแป๋มเองก็ช่วยแจกผ้าซับเหงื่อให้นักกีฬา
“น้ำๆ” ป๋อมแป๋มเรียกผมที่กำลังยื่นขวดน้ำให้กับฟิว
“หืม อะไรเหรอ” ผมหันไปแล้วก็พบว่าป๋อมแป๋มถือผ้าขนหนูยื่นให้ผมอยู่
“นู่น คุณชายเค้ารีเควสมา” ป๋อมแป๋มตอบผมพลางพยักเพยิดหน้าหันไปตรงหน้าผม ผมเองก็หันมองตาม เห็นคีเดินตรงเข้ามา
“น้ำ คีมือเปื้อน เช็ดหน้าให้หน่อย” คีพูดแล้วทำท่าชูมือให้ดูทั้งสองข้างบอกว่าเปื้อนจริงๆ
“ก้มหน้ามาสิ” ผมก็ยืนขึ้นเช็ดเหงื่อให้คีครับ แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่เช็ดอยู่ ภาพในวันที่คีเมาถึงเข้ามาอยู่ในหัวได้ ใจผมเต้นดังจนกลัวคนข้างหน้าจะได้ยิน รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“น้ำ ไม่สบายรึป่าว ทำไมหน้าแดง” คีทักผมที่ซับเหงื่อให้คีอย่างเก้ๆกัง
“อะ อ๋อ สงสัย คงตากแดดนานหน่ะ ร้อนเนอะ” ผมตอบพลางพยายามโฟกัสสายตาไปตรงส่วนต่างๆของใบหน้าของคี แต่ไม่กล้าสบตา
“เฮ้ย ป๋อมแป๋ม เดี๋ยวมึงพาน้ำไปนั่งรอพวกกูใต้ต้นหูกวางเลย ตรงนี้แดดมันร้อน” คีจับแขนผมให้ผละออกแล้วหันไปบอกป๋อมแป๋มที่รับขวดน้ำคืนจากนักกีฬาคนอื่นๆ
“อ้าว แล้วกระติกน้ำ กับของของพวกแกล่ะยะ” ป๋อมแป๋มถามพลางรับผ้าคืนจากคนอื่น ผมเองก็กำลังรับผ้าขนหนูกับขวดน้ำคืนจากพี่ภูอยู่ครับ
“ฝากพี่พลอยหัวหน้าเชียร์ไว้ก็ได้”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง เดี๋ยวเกมส์ก็จบแล้ว” ผมบอกคี กลัวจะต้องไปรบกวนพี่พลอยเค้าจริงๆ
“ขอบคุณครับน้องน้ำ” พี่ภูพูดแล้วดึงแก้มผมจนยืดอีก
“ง่า พี่ภูอ่ะ แก้มน้ำยานหมดแล้ว” ภูพี่หัวเราะแล้วผละออกไป
ส่วนคีก็ปล่อยข้อมือผมที่ถือผ้าขนหนูอยู่ให้เป็นอิสระแล้วจับแขนอีกข้างของผมจากนั้นก็สั่งให้แบมือ
“น้ำ แบมือดิ๊” คีพูดแล้วใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบพวงกุญแจรถออกมา
“อ่ะ ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวแข่งเสร็จแล้วจะมาเอาคืน”
“อือ สู้ๆนะ” ผมพยักหน้าแล้วชูสองนิ้วให้ คีผละไปรวมกลุ่มกับคนในทีม ทุกคนกอดคอกันเป็นวงกลมแล้วตะโกน “ชมพู สู้” กองเชียร์ก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
สุดท้ายสีชมพูก็ชนะไปด้วยคะแนน 53 – 48 คนดูของทั้งสองฝ่ายนี่ลุ้นกันจนแทบลืมหายใจ และลูกสุดท้ายที่ทำให้สีของเราได้รับชัยชนะอย่างชัดเจนในวินาทีระทึก ชู้ตโดยพี่ภูที่เล่นเป็นเซ็นเตอร์ เล่นเอาป๋อมแป๋มที่นั่งข้างๆผมกรี๊ดจนคอแทบแตก
“อ๊ายยยยย พี่ภูขา เท่ม๊าก มากอ่ะ”
พี่ภูเดินยิ้มมาจากในสนาม ผมเองก็ยกนิ้วโป้งให้พี่แกแล้วก็ยิ้มครับ จากนั้นผมกับป๋อมแป๋มก็วุ่นกับการทำหน้าที่สวัสดิการให้กับนักกีฬา
งานกีฬาสีผ่านไปได้สองวัน ผลปรากฏว่าบาสชายม.ปลายของสีผมได้ที่สองครับ เพราะไปแพ้สีฟ้าในตอนเย็นของวันเดียวกัน วันนี้เป็นวันที่สามที่จะมีแค่การแข่งขันกรีฑา แต่ละสีประจำอยู่บนอัฒจรรย์หรือแสตนเชียร์ของตัวเองที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามตามคอนเซ็ป เริ่มจากสีแดงที่มาในคอนเซ็ป RED DEVIL มีตัวมาสคอตเป็นเดวิลตัวแดงๆถือตรีศูล ส่วนสีชมพูของผมอยู่ใน theme รักเราสีชมพู โดยมีสัญลักษณ์เด่นเป็นรูปหัวใจ ส่วนแบ็กกราวด์สแตนเป็นรูปท้องฟ้ายามเย็นที่มีโทนสีชมพูอมส้มและมีรูปผู้หญิงกับผู้ชายที่นั่งพิงกันเป็นเงาสีดำ ถัดไปเป็นสีเขียวที่มาในคอนเซป Greenpeace การตกแต่งจะเป็นแนวปลูกป่า มีทั้งรูปและต้นไม้จริงตกแต่งสแตน ส่วนสีต่อไปคือสีแสด มาในคอนเซป Orange Sunset มีมาสคอตเป็นพระอาทิตย์ใส่แว่นดำ หน้าตากวนดีครับ และสีสุดท้ายคือสีฟ้า คอนเซปคือ Blue navy หน้าแสตนทำเป็นหัวเรือโผล่ออกมา ถ้าคิดด้วยความลำเอียง ผมชอบสแตนของสีฟ้ามากครับ ดูเรียบๆแต่สวยดี และไฮไลท์ของวันนี้ก็คือการประกวดเชียร์ลีดเดอร์กับกองเชียร์ บรรยากาศในตอนเช้าๆแบบนี้เลยคึกคักสุดๆเลยครับ แต่ละสีต่างโชว์สปิริตของตัวเอง แต่ว่าช่วงที่น่าดูที่สุดจะเป็นช่วงหลังพักเที่ยงที่จะมีการแปรอักษร
ตอนม.ต้นได้แต่ขึ้นสแตน ปีนี้ผมเลยได้โอกาสดูจากข้างล่างแบบชัดๆซะที ส่วนรายการวิ่งของผมเหรอครับเป็นรายการท้ายๆหน่อย เพราะพวกผมลงวิ่งผลัดชายม.4 สี่คูณสี่ร้อยเมตร
ช่วงที่ไม่มีอะไรทำผมเลยคอยช่วยพี่เฟรนอยู่ที่เต็นท์พยาบาล มีคนเป็นลมเยอะเลย บางทีเบื่อๆพวกผมก็พากันเดินไปเที่ยวตามสแตนสีต่างๆบ้าง สนุกดีครับ
“จอม คีกับฟิวไปไหนอ่ะ” ผมถามจอมเพราะเห็นทั้งสองคนหายไปพักใหญ่ๆแล้ว
“นู่น ไอ้คีมันไปยืนจีบหลีดสีแดงอยู่ ส่วนฟิวมันบอกจะไปหาอะไรกิน” ผมมองไปทางสแตนสีแดงก็เห็นคีกำลังถือขวดน้ำยื่นให้ผู้หญิงคนนึงอยู่ จู่ๆก็รู้สึกหายใจไม่ออก
“น้องน้ำยังไม่ไปเปลี่ยนชุดวิ่งอีกเหรอครับ” แล้วผมก็หันไปหาเจ้าของเสียงที่เอ่ยถาม
“อ๋อ เดี๋ยวจะไปแล้วครับ ว่าแต่พี่ภูแข่งแล้วเหรอครับ” ผมถามพี่ภูที่เหงื่อเกาะพราวตามตัว
“โห น้อยใจนะเนี่ย พี่นึกว่าน้ำจะคอยเชียร์ซะอีก” พี่ภูตัดพ้อแล้วยิ้มน้อยๆ
“อ่า โทษทีครับ แล้วชนะรึป่าวครับ” พี่ภูไม่ตอบแต่ชูเหรียญทองที่อยู่ในมือขวาให้ผมดู
“เฮ้ย ภู ไม่มีใครตีกลองว่ะ” พี่ไทเดินเข้ามาเรียกพี่ภูในเต็นท์
“เออๆ เดี๋ยวกูไป”
“น้ำ พี่คอยเชียร์อยู่นะครับ” พี่ภูพูดแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินไปที่สแตนเชียร์
“หึ คนนี้ท่าจะเอาจริงว่ะ” จู่ๆจอมที่นั่งข้างๆผมก็พูดขึ้น
“หืม หมายถึงใครเหรอจอม”
“เดี๋ยวน้ำก็รู้เองแหละ”
ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆเลยครับ เพราะสัญญาณปล่อยตัวนักกีฬากำลังจะดังขึ้น ถึงผมจะเป็นไม้สามก็เหอะ
“ปั่ง” พอเสียงปืนดังขึ้น คีที่เป็นไม้แรกก็ออกวิ่งเลยครับ แรกๆวิ่งกันไม่ค่อยเร็วนะครับ แต่พอวิ่งสองร้อยเมตรหลังเท่านั้นแหละ ผมเองใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะคีนำมาคนแรก ฟิวที่รออยู่เลยรับเป็นผลัดต่อไป ไม้สองของสีเขียววิ่งเร็วมากครับ ตีคู่กับฟิวมาเลย ผมที่ยืนรออยู่ใจเต้นตึกตักอย่างช่วยไม่ได้ พอไม้แตะมือผมก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว พยายามจะตีคู่กับไม้สามสีเขียวไปเรื่อยๆ ผ่านไปสามร้อยเมตรนี่เหนื่อยสุดๆอ่ะ เค้าวิ่งเร็วจัง พอร้อยเมตรสุดท้ายผมก็พยายามสปีดแซงสีเขียวได้แค่ช่วงตัวส่งไม้ให้จอมที่รออยู่เป็นไม้สุดท้าย พอทุกสีส่งไม้ให้กับคนสุดท้ายกันหมดผมก็เดินหอบๆเข้าข้างสนาม
“น้ำ ค่อยๆหายใจ” ฟิวที่เดินเข้ามาหาพูดแล้วจับแขนผมไว้
“น้ำ ไหวรึป่าว หน้าซีดมากเลย” คีที่ยืนรอผมเดินเข้ามาหาอีกคน
“แฮ่กๆ โอเค ไหวๆ รอดูจอมก่อน” ผมพูดหอบๆแล้วยืนมองจอม แล้วจอมก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังเพราะวิ่งนำเข้าเส้นชัยแบบลอยลำเข้ามา จอมเองพอเข้าเส้นชัยก็เดินเข้ามาหาพวกผม ผมโผเข้ากอดจอมทันที
“เย้ จอมเยี่ยมมาก” จอมยิ้มให้ผมทั้งหอบๆนั่นแหละครับ
เรารออยู่ข้างสนามซักพักก็เดินไปรับเหรียญ
การแข่งขันสิ้นสุดและมีพิธีปิดในตอนสี่โมงเย็น สีแสดได้รางวัลขบวนพาเหรดยอดเยี่ยมไป ผลรางวัลรวมคะแนนกีฬาสูงสุดตกเป็นของสีฟ้า ส่วนผลรวมคะแนนกรีฑาสูงสุดและกองเชียร์ยอดเยี่ยมเป็นของสีชมพู และสุดท้ายรางวัลเชียร์หลีดเดอร์ก็เป็นของสีแดงไป
และเนื่องจากสีเราได้สองรางวัล ถือว่าประสบความสำเร็จ พี่ๆม.5 เลยนัดกินเลี้ยงเย็นนี้ครับ ความจริงสีอื่นๆเค้าก็มีกินเลี้ยงกันนะครับ เพราะมันเป็นธรรมเนียมที่พี่ม.5 ที่ทำงานร่วมกับน้องๆม.4 จะจัดงานเลี้ยงเป็นการตอบแทน
“เย็นนี้เจอกันที่บ้านไอ้อาร์มนะน้อง” พี่ภูประกาศให้เด็กม.4 ห้องห้ากับห้องสิบทราบทั่วกันว่าเย็นนี้เจอกันบ้านพี่อาร์ม ว่าแต่ว่าบ้านพี่เค้าไปทางไหนเหรอ
วันพรุ่งนี้คนแต่งก็จะต้องเรียนซัมเมอร์แล้ว กลัวไม่มีเวลาแต่ง
แต่ก็จะพยายามนะคะ
@ คุณ yeyong ขอบคุณที่เข้ามาติดตามค่ะ
@ คุณ kasarus คนเขียนหมั่นไส้อัคคีค่ะ ถ้าให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วไม่มีใครเข้ามาท้าชิง เค้าจะไม่รู้สึกตัวซักทีเนอะ
@ คุณต้นข้าว เห็นคอมเม้นต์แล้วเขิน แบบว่าเราเป็นแฟนนิยายคุณต้นข้าวแล้วคือคุณต้นข้าวก็เขียนสนุก พอมาเห็นคอมเม้นต์เลยเขินๆ
น้องน้ำเสน่ห์แรงสู้อัคคีไม่ได้ม้างง
@ คุณ Ipatza พวกมันคงไม่กลับมาเล่นงานแล้วล่ะค่ะ ช่วงนี้การ์ดทั้งสามเค้าก็เฝ้าแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าป่วยนี่แอบมาลงให้อ่านได้นะคะ แต่ถ้าช่วงงานเยอะ เรียนหนัก นี่ไม่แน่ใจ คนเขียนเองก็แอบเชียร์พี่ภูค่ะ
@ คุณ Smirnoff สมน้ำหน้านังพราวเนอะ ความจริงคนแต่งแค้นแทนน้องน้ำ แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่วางมาแล้ว เลยเอาคืนแบบแรงๆไม่ได้ ส่วนคีนี่มันหวงแบบหน้าหมั่นไส้อ่ะ หวงแต่ก็มีแฟนใหม่
วันนี้เห็นคอมเมนต์แล้วดีใจมากเลย
กอดคนอ่านอีกที