(ตัวอย่าง)ตอนพิเศษ 1
เมื่อเด็กเวรอายุสิบแปดปี เมื่อจอมมารเรืองอำนาจ
บางทีเวลาก็ผ่านไปไวจนเบิ้มยังตกใจ
เมื่อวันก่อนไอ้เบิ้มคล้ายจะเพิ่งเล่นวิ่งไล่จับกับเด็กเวรอยู่เลย แต่มาวันนี้...เด็กชายกิจภัทรก็อายุครบสิบแปดแล้ว! ตามกฎหมายนับว่าพ้นผู้เยาว์ แม้จะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็เติบโตจนน่าเชื่อถือแกมฝากฝังบริษัทได้โดยไม่ถูกดูแคลน
และการฉลองในปีนี้ก็แปลกประหลาดมาก
ไม่มีเค้ก ไม่งานเฉลิมฉลอง แต่คือการลากมาเป็นสักขีพยานที่อำเภอ กับการเซ็นใบหย่าของประธานและคุณหญิง!
เบิ้มเหลือบมองเด็กเวรเป็นระยะว่ารู้สึกอะไรมั้ยกับการเห็นพ่อแม่เซ็นใบหย่าในวันเกิดตัวเอง แต่กับเด็กประหลาดที่โดนคนร้ายเอาปืนจ่อขมับลากเข้าป่ายังไม่กลัว นับประสาอะไรกับเรื่องที่เด็กชายกิจภัทรแทบจะไม่สนด้วยซ้ำว่าหย่ากับไม่หย่ามันต่างกันยังไง
นั่นสิ ต่างกันตรงไหน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!
“เมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย”
แถมยังมีหน้าไปเร่งอีก!
ประธานกับคุณหญิงที่เหลือบมองลูกชายเป็นระยะว่าร้องไห้ห้ามปรามมั้ยถึงกับปาดเหงื่อ หลังฟังคำเกลี้ยกล่อมของนายอำเภอพอเป็นพิธี ก็ได้เวลาจรดปากกาเซ็น นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาทั้งคู่ถือว่าหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา คงเหลือเพียงการเป็นบิดาและมารดาของเด็กชา...ไม่สิ ต้องเรียกว่านายกิจภัทรถึงจะถูก!
“เสร็จแล้วครับ” คมสันซึ่งยืนคุมอยู่ด้านหลังประธานและคุณหญิงหันมากล่าวกับคุณหนูสุดที่รัก ใครเลยจะรู้ ว่าความทุ่มเทสุดกำลังของคมสันประสบความสำเร็จแค่ไหน การให้สองผู้ปกครองค่อยๆ ย้ายออกไปแล้วมาหาเป็นครั้งคราวนั้นสร้างความเคยชินให้เด็กเวรไม่รู้สึกผิดปกติหรือเศร้าโศกเสียใจอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อเวลานี้มาถึง กับช่วงเวลาที่พร้อมขึ้นมหาลัยโดยไม่ต้องมีงานวันแม่ งานวันพ่อ พาผู้ปกครองมาก้มกราบ การรับมือก็ง่ายดายประหนึ่งได้รับภูมิต้านทานมากเพียงพอ
“เสร็จแล้วสินะ”
หลายปีผ่านไป นายกิจภัทรเติบโตอย่างสง่าสมบูรณ์แบบดังที่พี่เลี้ยงพร่ำสอน ยามยืนตัวตรงแผ่นหลังตรงแน่ว การขยับตัวเคลื่อนไหวไม่รีบร้อนแต่ดูสง่าทรงภูมิ นับว่าภาพลักษณ์ภายนอกดูสมเป็นว่าที่ประธานบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ แต่อย่าวัดที่นิสัย เอาแต่ใจยังไง เชิดหน้ายังไง มั่นหน้าขนาดไหน...ก็ยังเหมือนเดิม
“งั้นไปกันเถอะ ฉันอยากเห็นบริษัทของฉันแล้ว”
นายกิจภัทรที่ช่วงปีหลังมานี้โดนคมสันกรอกหูถึงตำแหน่งหน้าที่ประธานบริษัทจนเชื่อมั่นว่าตนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เอ่ยเสียงเคร่งขรึม นี่เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่เบิ้มกับคมสันพยายามพร่ำสอน เอาแต่ใจได้ แต่อย่าโวยวาย เชิดหน้าได้ แต่อย่ามองต่ำ ไม่งั้นวันใดวันหนึ่งอาจจะโดนท้าต่อยข้อหานึกว่าโดนเหยียด
อะไรนะ ทำไมถึงเพิ่งมาสอนเรื่องอย่ามองต่ำ
ก็เมื่อก่อนเด็กเวรตัวกระเปี๊ยก เวลาเชิดหน้าคุยกับใครก็ต้องมองสูง แต่ตอนนี้สูงเลยพี่เลี้ยงไปแล้ว หากเชิดหน้าเลยต้องมองต่ำอัตโนมัติ ในเมื่อแก้นิสัยชอบเชิดหน้าแบบมั่นๆ นั่นไม่ได้ เบิ้มเลยบอกว่างั้นให้มองสูงต่อไปดีแล้ว คุยกับท้องฟ้ายังดีกว่าโดนคนต่อยปาก
อย่าว่าแต่ใครขนาดไอ้เบิ้มยังมือกระตุกเป็นระยะ แม้ว่าเด็กเวรจะสูงถึงแค่ติ่งหูของเบิ้มก็ตาม
เมื่อเสร็จสิ้นการจดใบหย่าในช่วงเช้า เบิ้มก็ขับรถพาเด็กเวรมาที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์โดยมีประธานและคุณหญิงนั่งรถอีกคันตามหลัง ทันทีที่รถคันหรูจอดหน้าบริษัท ไอ้เบิ้มก็รีบลงไปเปิดประตูทันที นายกิจภัทรเชิดหน้าเล็กน้อยขณะเดินลงจากรถ ก่อนจะจับเสื้อสูทท่วงท่ามาดมั่นแม้จะเป็นเด็กอายุสิบแปด ความมั่นใจเกินเหตุของเด็กเวรสัมฤทธิ์ผลในยามนี้ เพราะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับพนักงานอย่างยิ่งยวด
วินาทีนั้นไอ้เบิ้มน้ำตาจะไหล ช่วงเวลาที่เสียไปกับการวิ่งไล่จับเด็กเวรให้ต่อหน้าคนอื่นปิดปากเงียบ เชิดหน้าอย่างเดียว เปล่งรัศมีข้าแน่ข้ารวยนั้นประสบความสำเร็จดีเยี่ยม ดูสิ พนักงานกว่าครึ่งเชื่อหมดใจว่าลูกชายของท่านประธานผู้วางมาดพร้อมรับช่วงต่อจะนำมาซึ่งความรุ่งเรืองแน่นอน!
ปล่อยเด็กเวรเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับคมสัน ไอ้เบิ้มก็ขับรถไปจอดที่ลานในตึก ก่อนจะขึ้นลิฟต์ส่วนตัวขึ้นชั้นบนสุด โชคดีที่เด็กเวรเพิ่งมาถึงพอดีเพราะน่าจะมัวเดินจงกลมให้พนักงานชมรัศมีความหล่อแบบชัดๆ นายกิจภัทรชอบการเป็นจุดสนใจเสมอ แม้จะมองสูงดูเพดานไม่สบตาใคร แต่เชื่อว่าทุกคนจะต้องชื่นชมตัวเองอยู่แน่นอน!
จบการเปิดตัวว่าที่ประธานเพียงเท่านี้ก่อน เมื่อเห็นเบิ้ม คมสันก็หันไปกระซิบกับเด็กเวรที่คล้ายจะอยากลงไปเดินวนอีกสักสามรอบให้โดนมองมากกว่านี้ว่าต้องเข้าห้องแล้ว
นายกิจภัทรพยักหน้าเชื่องช้า วางมาดได้ยอดเยี่ยมน่าชื่นชม เบิ้มคิดว่าเด็กเวรอาจจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็ได้...การปั้นภาพลักษณ์หลอกลวงผู้คนเนี่ย
ใช่ หลอกลวงเหมือนกับพี่เลี้ยงที่กลบรัศมีจอมมา...แคกๆๆ!
ก่อนที่เบิ้มจะโดนอุ้มฆ่า ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ากันต่อดีกว่า เพราะเมื่อเข้ามาในห้องของประธาน นายกิจภัทรก็ไม่รอช้าที่เดินไปนั่งเก้าอี้ของประธานบริษัท เด็กหนุ่มลูบคลำที่เท้าแขนอย่างชื่นชม ก่อนจะประสานมือบนตัก รอคอยให้คนมาบริการ
ทนายความซึ่งรอในห้องอยู่แล้วรีบวางเอกสารมอบอำนาจทันที
คมสันรับมาเปิดดูก่อน เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยก็ส่งให้เด็กเวร นายกิจภัทรกวาดตาพอเป็นพิธี แต่เชื่อเบิ้มสิว่าไม่ได้อ่านสักประโยค ก่อนจะจรดปากกาหมึกซึมที่เหน็บไว้กับกระเป๋าเสื้อสูทเซ็นด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วสมกับที่ฝึกเซ็นใบเสร็จแต่เด็ก
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ประจักษ์พยานในการแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่ครั้งนี้มีเพียงไอ้เบิ้ม ประธานคนเก่า คุณหญิง ทนายความ คมสัน แม่ของคมสันที่เป็นเลขา และพ่อของคมสันเท่านั้น
เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เบิ้มได้เห็นพ่อคมสันชัดๆ และพบว่าเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาดูใจดีมาก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกออกมาเป็นจอมมา...แคก!
-----------ต่อในหนังสือ--------------
สวัสดีค่ะ! วันนี้เรามาลงตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม เพราะคิดว่าหลายคนน่าจะอยากเห็นเสี่ยตอนโต(รึเปล่านะ?)
เห็นเค้าลางเสี่ยในอนาคตใช่มั้ยละคะ! เห็นภาพกันแล้วใช่มั้ยว่าโตขึ้นทำไมถึงกลายเป็นเสี่ยตัวประกอบแบบนั้น ทุกอย่างคือการเสแสร้งแกล้งทำที่บ่มเพาะจากจอมมารล้วนๆ ใจจริงของเสี่ยนั้นแสนจะซื่อบริสุทธิ์(?) แค่มั่นหน้ามั่นใจ เชิดหน้ามองสูงคุยกับฟ้ากับอากาศอย่างน่ารักน่าเอ็นดู(?) เท่านั้นเอง!!!!
ในหนังสือจะมีตอนพิเศษทั้งหมด 5 ตอน + secret note + การ์ตูนสี่ช่องสองหน้านะคะ
ขอฝากเนื้อฝากตัวรับจอมมารไปด้วยหน้า
เพจมาจะกล่าวบทไปTwitter : MajaYnaja