The Call Chapter 22 : คำสาปซาตาน
หากโลกหยุดหมุน..................และค่อย ๆ เริ่มตายลง............ ทีละน้อย
“สัญญา”....................จะใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตร่วมกัน
เมื่อร่างกายพวกเราแตกสลายกลายเป็นดวงดาว
จิตวิญญาณเราจะโบยบินไปพร้อมกัน
“คำสาปซาตาน”
ผู้แต่ง วับวาว
ช็อค!...ช็อคอารมณ์แบบสุด ๆ “คำสาปซาตาน...นิยายรัก?” มะตูมทำหน้าปะหลักปะเหลือกราวกับคนกินของแสลงหัวคิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันจนจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว เขาหันขวับเบิ่งตาลงไปจ้องมองใบหน้าหนุ่มตี๋ร่างยักษ์ที่ยังคงนอนแน่นิ่งกองเป็นผักต้มอยู่บนพื้นห้อง สลับกับข้อความในหน้ากระดาษสีขาวนวลของหนังสือนิยายเล่มหนาที่ถือคาอยู่ในมือ คนเราดูแค่หน้าไม่มีทางรู้ใจได้จริง ๆ แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า ‘ยากูซ่าหน้าตี๋ผู้อ่านนิยายรัก’ หน้าเหี้ยมแฝงความเลวเอาไว้เต็มคราบขนาดนี้ยังกล้าที่จะหยิบนิยายรักเล่มหนามาเปิดอ่าน ถ้าไม่เจอกับตัว เขาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าไอ้รุ่นพี่หนุ่มตี๋หน้าเลวร่างใหญ่ยักษ์คนนี้จะอ่านนิยายแนวแบบนี้เป็นกับเขาด้วย
มะตูมตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอนของคนอื่นอยู่ตั้งนานสองนาน พยายามโทรศัพท์หาพี่ชายตัวดีแล้วก็แล้วแต่ก็โทรไม่ติดจนเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเลยถือวิสาสะเลือกหยิบหนังสือเล่มหนาที่ตั้งวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือข้าง ๆ กับเตียงนอนของพี่หน้าตี๋มาอ่านเล่นฆ่าเวลาหนึ่งเล่ม เริ่มเปิดอ่านจากหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้ด้วยที่คั่นกระดาษ ตอนแรกมองดูจากปกเขาคิดว่าเป็นหนังสือแนวผจญภัยไม่ก็นิยายผีแนวสืบสวนแน่นอน แต่พอเริ่มเปิดอ่านจากที่คิดว่านิยายลึกลับกลับกลายเป็นนิยายรักหวานแหววสุดแสนโรแมนติกแทนซะอย่างนั้น
มะตูมละสายตาจากตัวอักษรในหน้าหนังสือมาก้มมองสำรวจหนุ่มตี๋ที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนพื้นห้องด้วยความสนใจ พลันนึกถึงเหตุการณ์ของเมื่อคืนที่จู่ ๆ รุ่นพี่หนุ่มหน้าตี๋ร่างยักษ์คนนี้ก็ตะบี้ตะบันกระดกแก้วเหล้าส่งเข้าปากตัวเองถึงขั้นเมาฟุบหลับคาที่นั่ง พออาตี๋ยักษ์ฟุบหลับเล่นเอาเขาไปต่อแทบไม่ถูก ราวกับกำลังเต้นในผับอย่างเมามันส์ ๆ แล้วอยู่ดี ๆ ไฟเกิดดับกะทันหัน ยังถือว่าพอมีโชคติดตัวอยู่บ้างที่เพื่อนพี่หน้าตี๋วกกลับมาร้านอีกรอบเลยช่วยกันแบกร่างไร้สติของพี่หน้าตี๋กลับเข้าหอ ไม่อย่างนั้นเขากับพี่หน้าตี๋คงต้องนอนเฝ้าร้านเหล้าแน่ ๆ ตัวใหญ่ไซส์บิ๊กบึ้มขนาดนี้ให้เขาแบกกลับคนเดียวคงไม่รอด ลำบากลุงยามหน้าหออีกคนเพราะเขากับเพื่อนพี่หน้าตี๋ทานน้ำหนักตัวพี่แกไม่ไหว กว่าคนสามคนจะลากอาตี๋ยักษ์กลับถึงห้องก็ทั้งแบกทั้งดึง เหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน แถมลุงยามยังมองหน้าเขาแล้วยังพูดอะไรแปลก ๆ กับเขาอีก
ระหว่างที่มะตูมกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาเขาก็มองสำรวจรุ่นพี่หน้าตี๋ตรงหน้าไปพลาง ๆ ใบหน้าขาวเนียนเกลี้ยงเกลาตามแบบฉบับหนุ่มไทยเชื้อสายจีนกำลังหลับฝันจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา คิ้วดกหนาค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันคล้ายกับกำลังขบคิดเรื่องบางอย่าง ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับมีท่าทีแปลกไป เริ่มบิดเบี้ยวไม่เหมือนเดิม ลมหายใจที่ก่อนหน้านี้เคยหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เริ่มติดขัดส่งเสียงดังฮึดฮัดราวกับคนที่กำลังพยายามดิ้นรนเพื่อต่อชีวิตให้กับลมหายใจเฮือกสุดท้าย ร่างสูงใหญ่ที่ทอดตัวเหยียดยาวตามพื้นห้องเกร็งตัวกระตุก ขายาวเหยียดเกร็งไปจนถึงนิ้วเท้าสะอาด กรามขบแน่น จมูกโด่งเป็นสันคมเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าดูเหมือนจะค่อย ๆ สงบลง หน้าอกหนากลับมาหายใจขยับขึ้นลงเป็นจังหวะปกติ ริมฝีปากสีชมพูได้รูประบายรอยยิ้มออกมาคล้ายกำลังสุขสมอย่างเต็มอิ่มกับความรู้สึกบางอย่างอยู่ มะตูมไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นใต้กางเกงผ้ายีนส์เนื้อหนาว่ากำลังเปียกชุ่มด้วยห้วงอารมณ์แห่งความปราถนาที่หยาดน้ำขาวขุ่นข้นเริ่มค่อย ๆ แทรกตัวซึมผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงยีนส์ออกมาเป็นวงกว้างจนทำให้พื้นที่บางส่วนของกางเกงยีนส์ที่เคยสีซีดมีสีเข้มกว่าทุกวัน เพราะโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมาซะก่อน มะตูมละสายตาจากร่างสูงใหญ่ตรงหน้าหันมามองดูหน้าจอโทรศัพท์แทน RRRRRRRRRRRRR….
RRRRRRRRRRRRR….
สายโทรเข้า ‘มะนาว’
“โหล” มะตูมรีบวางหนังสือนิยายเล่มหนาที่กำลังถือคาอยู่ในมือไว้บนโต๊ะ แล้วเอื้อมมือข้างถนัดไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่นครืดครืดขึ้นมากดรับสาย ระหว่างที่คุยโทรศัพท์สายตาของมะตูมก็ยังคงจ้องมองไปยังใบหน้าหนุ่มตี๋ที่ยังคงนอนยิ้มอยู่บนพื้นห้องด้วยความสนใจ ร่างของตี๋ยักษ์เริ่มขยับตัวอีกครั้ง สงสัยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์คงไปรบกวนห้วงนิทรา เปลือกตาที่ปิดสนิทจนขีดตัวเป็นเส้นตรงค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น หนุ่มตี๋กระพริบตาติด ๆ กันเหมือนยังไม่อยากเชื่อว่าเขาเพิ่งตื่น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่พอรู้สึกตัวว่าบางส่วนของร่างกายกำลังเปียกแฉะจนรู้สึกเหนียวหนืด ตาตี่หนุ่มตี๋ก็เบิกโตขึ้นด้วยความตกใจ เขาสะดุ้งตัวลุกขึ้นมากึ่งนอนกึ่งนั่งเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับสายตาของอีกคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ มะตูมรีบจบบทการสนทนาในโทรศัพท์แล้วหันมาส่งเสียงร้องถามตี๋จิ้นที่กำลังนึกว่าจะเริ่มทำอะไรเป็นอันดับแรก
“พี่อยากอ๊วกปะครับ” พอถูกร้องทักหนุ่มตี๋ก็ยกมือขึ้นมาเกาผมสั้นเกรียนบนหัวแก้เก้อ ใบหูทั้งสองข้างของตี๋จิ้นแดงก่ำ เขาหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
“หรือว่าพี่ลุกไม่ไหว ให้ผมช่วยพยุงมั้ยครับ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไร พี่แค่มึน ๆ หัวน่ะ นั่งพักนิดนึงน่าจะดีขึ้น” ตี๋จิ้นส่งเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ในลำคอ เขาลุกไหว แต่ตอนนี้ยังลุกไม่ได้ กางเกงยังไม่แห้ง
“พี่โอเคนะครับ”
“ครับ” ตี๋จิ้น พงกหัวตอบรับ เขาเริ่มวางตัวไม่ถูก มันเขิน ๆ แปลก ๆ
ต่างฝ่ายต่างเงียบ...
“พี่จิ้นครับ”
"ครับ?"
"พี่เป็นอะไรกับมะนาว"
"ครับ??"
"ไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ สินะ"
มุมปากของตี๋จิ้นยกยิ้มขึ้นมาหนึ่งข้าง เขาหัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ พร้อมกับพุ่งตัวล้มทับมะตูมที่นั่งอยู่บนเตียงทันที
“แล้วอยากเป็นจริง ๆ ไหมครับ?” พูดจบริมฝีปากหยักได้รูปก็ไล้โลมเลียตามซอกคอขาว ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหูของมะตูมจนเขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ตี๋ยักษ์เริ่มไล่ขบกัดตามซอกคอขาวละมุน ตอหนวดเขียวสากที่เริ่มยาวออกมาในตอนเช้าถูเข้ากับผิวเนื้อขาวสะอาด ลมหายใจร้อนผ่าวของตี๋จิ้นเป่ารดต้นคอ ทำให้มะตูมรู้สึกหวิวในอกแปลก ๆ ยิ่งมะตูมพยายามดิ้นหนีเท่าไหร่ก็ดูเหมือนตัวเขาทั้งสองจะติดชิดกันมากขึ้น มะตูมดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากวงแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกำยำล่ำสันของชายหนุ่มที่ตัวโตกว่าเขาได้ มือทั้งสองของเขาถูกมือใหญ่กว่ารวบขึ้นไว้เหนือหัว ชายหนุ่มตัวสูงโย่งรีบฉวยโอกาสนี้เคลื่อนริมฝีปากอ่อนนุ่มไปที่ใบหูของมะตูมทันที
“พี่ชอบเรา” น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความจริงใจและจริงจังถูกเปล่งมาออกมาอย่างนุ่มนวลในขณะที่มะตูมไม่ทันได้ตั้งตัว เขาหยุดนิ่งทันทีราวกับต้องมนต์คำสาปของซาตาน
“เป็นแฟนกับพี่นะ” สายตาตี๋จิ้นจ้องมองทะลุผ่านเข้ามาในดวงตาของมะตูม แววตาเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ตอนนี้ใบหน้าของมะตูมกับพี่ตี๋ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจของมดเท่านั้น
“ผมว่าพี่กำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่นะครับ” มะตูมกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก เขาไม่เคยรู้สึกกดดันเท่าคราวนี้มาก่อนเลยจริง ๆ มะนาวกับพี่ตี๋ สองคนนี้ยังไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ ด้วย พอรู้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ว่าอยู่ในระยะแค่จีบ ๆ ทำเอาเขาแทบอยากจะบ้า ก็เมื่อวานเขาอุตสาห์พยายามทำเนียนสวมบทแฟนให้สมบทบาท ทั้งเขี่ยเม็ดข้าวออกจากปากให้อย่างนี้ ใส่เสื้อลาย ผัวรัก รักผัว อย่างนี้ บ่องตรง เขาเครียด “พี่เชื่อผมนะครับ พี่กำลังเข้าใจผิด”
เมื่อรู้ว่าสู้แรงพี่ตี๋จิ้นไม่ได้ มะตูมเลยหยุดดิ้นซะดื้อ ๆ พยายามใช้คำพูดเกลี้ยกล่อมแทน… พอเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่งไป ริมฝีปากหยักได้รูปของหนุ่มตี๋ก็แกล้งกระซิบทวงถามข้างหูแทน
“เข้าใจผิดอะไรครับ?”
“ผม...ผ” มะตูมกระพริบตาปริบ ๆ ราวกับลูกกวางน้อยที่พยายามขอความเมตตาต่อราชสีห์ให้คลายกรงเล็บแข็งแกร่งออก รอคอยอย่างมีความหวังเพื่อให้ราชสีห์ตัวใหญ่ยอมใจอ่อนปล่อยให้หนีรอดจากเขี้ยวแหลมคมที่ตั้งท่ารอฝังเขี้ยวยาวให้จมลึกเข้าไปในร่างกายก่อนจะฉีกแยกทะแยงลิ้นเพื่อลิ้มลองรสชาติชิ้นเนื้อหวานนุ่มเป็นอาหาร "ผมไม่ใช่มะนาวโว้ย แยกไม่ออกหรือไงเล่า"
"หมายความว่ายังไง"
"ผมเป็นแฝดน้อง ชื่อมะตูม"
"แฝด?"
"ครับ"
"ล้อเล่นน่า"
"ถ้าพี่ไม่เชื่อ งั้นไปกับผม" ตี๋จิ้นรีบพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินหันด้านหลังให้มะตูม ก้าวขายาวปรี่ตรงเข้าห้องน้ำทันที เขารีบเปิดก๊อกน้ำเหนืออ่างล้างหน้า กวักน้ำล้างหน้าลวก ๆ เร็ว ๆ จนน้ำเลอะเปียกเสื้อกับกางเกงเหมือนไม่ตั้งใจ พอทุกอย่างเปียกเป็นปกติตี๋จิ้นก็เดินกลับออกมาจากห้องน้ำ รีบถอดกางเกงตัวเก่าออกอย่างว่องไว แล้วหยิบยีนส์ตัวใหม่ใส่ทันที พอแต่งตัวเสร็จแล้วทั้งคู่ก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้อง 7712
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หลังวันสอบวันสุดท้ายสิ้นสุดลง นักศึกษาชายในหอพักเริ่มทยอยกลับบ้านกันบ้างแล้ว แต่ละคนต่างก็แบกเป้ใบโตขึ้นหลัง หลากสีหลายขนาด แต่สำหรับผมไม่นิยมขนอะไรกลับบ้านช่วงปิดเทอมมากนัก ใช้แค่กระเป๋าเป้ใบขนาดย่อมขนพวกแผ่นหนังแผ่นเกมกลับไปเล่นช่วงปิดเทอม อ้อ แล้วก็มีพวกกางเกงชั้นในที่ต้องขนกลับด้วย เพราะตัวที่เก็บไว้ที่บ้านเริ่มกลายสภาพเป็นกางเกงในขาบานกันหมดแล้ว
พอเรื่องวุ่น ๆ จบลง ผมกับแม่หมูก็ช่วยพี่มีนขนข้าวของออกจากห้องไปกองไว้หน้าหอ รอพ่อแม่ของพี่มีนมาขนขึ้นรถ สมบัติของพี่มีนก็ไม่มีอะไรมาก เฮียแกเอาแค่เสื้อผ้ากับลังหนังสือสามสี่ลังกลับ ที่เหลือก็มอบเป็นมรดกให้พวกผมเก็บไว้ใช้ ดราม่ากันนิดหน่อย อย่างว่าอยู่ด้วยกันมานาน พอต้องจากกันก็รู้สึกใจหายเป็นธรรมดา ลำบากก็ตอนยกมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ขึ้นหลังรถกระบะ บิ๊กไบค์คันนี้ปกติผมมักเรียกมันผิดว่าช้อปเปอร์เสมอ กว่าจะเอาขึ้นได้ก็ลำบากน่าดูเพราะเฮียแกรักราวกับลูก พวกผมต้องช่วยกันยกอย่างเบามือที่สุด แล้วยังมีมอเตอร์ไซค์คันเล็กอีกคันด้วยนะ ดีที่บ้านพี่มีนเอารถกระบะมาสองคัน เลยพอมีที่ว่างเหลือให้ขนขึ้น พอยกทุกอย่างขึ้นหลังกระบะรถเสร็จ ล่ำลากันเป็นพิธีบ้านพี่มีนก็ออกรถ ส่วนเพื่อนตัวกลมผม ปิดเทอมคราวนี้ทางบ้านมารับ เพราะเห็นว่าจะเลยลงกรุงเทพฯไปขึ้นบ้านใหม่ญาติ
ตอนนี้เตียงห้องของผมก็ว่างอยู่ 1 เตียง มองไปก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน จัดของเสร็จแล้ว ผมก็นั่งรอน้องชายตัวดีกลับมา รู้สึกเหมือนผมกำลังลืมอะไรสักอย่างที่ต้องทำ แต่นึกไม่ออก มองไปรอบ ๆ ห้องอีกรอบ สายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับเสื้อแจ๊คเก็ตตัวใหญ่ที่มีข้อความเขียนเอาไว้ว่า วิศวกรรมอุตสาหการ ผมก็นึกออกทันที
ผมรีบกดโทรศัพท์ไปห้องพี่เข้มทันที
ตู้ดดดด ตู้ดดดดด ตู้ดดดดด
ตู้ดดดด ตู้ดดดดด ตู้ดดดดด
ตู้ดดดด ตู้ดดดดด ตู้ดดดดด
โทรไม่ติด หรือว่าสายไม่ว่าง ใครลุกขึ้นมาโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า
มองดูเวลาจากหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ยังไม่เช้ามาก ห้องนั้นน่าจะยังไม่กลับ ผมจึงรีบเดินออกไปหน้าหอ เพื่อไปดูเบอร์โทรศัพท์พี่เข้มที่บอร์ดหน้าหอพัก เพราะพี่เข้มเป็นกรรมการหอ ต้องบอกเบอร์โทรศัพท์เอาไว้อยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นผมก็รีบสาวเท้าเดินลิ่วออกจากห้องไปหน้าหอทันที พอได้เบอร์โทรศัพท์ที่ติดอยู่บอร์ดกรรมการหอพักผมก็รีบกดโทรออก
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
“โหล”
“ฮัลโหล พี่โอมใช่ไหมครับ มะนาวจะเอาเสื้อแจ๊คเก็ตพี่ไปคืนน่ะครับ”
“...” เงียบ
“ใช่พี่โอมป่ะครับ”
“ที่มึงเคยบอกว่าเป็นแฟนกับกู...ให้มันเป็นเรื่องจริงได้ไหมว่ะ?”
ตูดดดดดดดด........ตูดดดดดดดดด.......
สายหลุด?
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR.....
"ฮัลโห..."
“มะนาวรู้เรื่องยัง กราฟลาออกแล้ว”
“....”
“มะนาว”
“...”
“มะนาว”
“...”
“โก๋แค่นี้ก่อนนะ”
ตูดดดด ตูดดดดด
“?”
ในที่สุดเขาก็เจอมันแล้ว มะนาวยืนมือไปหยิบโปสการ์ดใบที่ 15 ที่หายไป จากไปรษณีย์หนุ่มตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า มะนาวหลบสายตาไปรษณีหนุ่มก้มลงไปอ่านข้อความหลังโปสการ์ด รูปเกียร์วิศวะของมหาวิทยาลัย
‘หากผมสามารถอยู่ในสองที่พร้อมกันได้ ผมพร้อมเดินไปอยู่เคียงข้างเขา วันนี้หรือพรุ่งนี้ ขอแค่ให้ผมได้ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา’
พอผมอ่านข้อความบนโปสการ์ดใบนี้จบลง ผมก็ได้ยินเสียงของกราฟดังขึ้นข้าง ๆ หู
“เราขอยืนอยู่ข้าง ๆ นาย...ตลอดไปได้ไหม?”
...TBCก่อนอื่นเลยต้องขออภัยทุกคนอย่างใหญ่หลวงที่ทำให้คอยนานนะคะ คราวนี้หายไปนานม้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกจริง ๆ รู้สึกผิดมาก Y Y"
เคยบอกว่าตอนนี้น่าจะจบแล้ว แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ยังไม่จบอยู่ดี ใจจริงอยากปั่นให้จบเลย แต่กลัวรอนานกว่านี้ เลยเอามาลงให้อ่านกันก่อน (แค่นี้ยังรอนานไม่พอใช่ไหม เพี้ยะ ๆ ตบตัวเอง
)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกคอมเม้นต์ที่ยังถามถึงนะคะ พอเข้ามาอ่านแล้วก็รู้สึกดีจริง ๆ
ปล ยังไงเรื่องนี้ก็จบแน่นอนคะ แต่อาจะจะช้าหน่อยนะคะ
รักทุกคนเหมือนเดิมคะ จากใจเลย