บทที่ 21 : บาดแผล (5)
หลังปะทะคารมกับซิกฟรีดช่วงเช้า ตกสาย โคลด์สงบใจด้วยการทำความสะอาดบ้านของอิลมาเร
ดาร์กเอลฟ์ดูแลรับใช้เจ้าชายแห่งรูเมเรียร์มาตั้งแต่เยาว์วัย และมักทะเลาะกันบ่อยๆ เวลาทะเลาะกันทีไรก็ใช้การทำความสะอาดให้ใจเย็นลง
โคลด์สวมผ้ากันเปื้อน ใส่ที่คาดผม ใช้ผ้าปิดปาก ถือไม้ขนไก่ ปีนบันไดเล็กปัดฝุ่นบนหลังตู้หนังสือและตรงชั้นหนังสืออย่างเหม่อลอยทว่าคล่องแคล่ว
นกส่งสารสีแสดขนาดใหญ่ตัวหนึ่งบินมาเกาะขอบหน้าต่างบ้านของอิลมาเร มันร้องเสียงแหลมสั้นๆ สามครั้งแล้วโน้มศีรษะลง ราชาเอลฟ์ซึ่งกำลังนั่งมองโคลด์ สตาร์ปัดกวาดหันไปทางมัน
“อิลราลาน”
นกสีแสดร้องรับก่อนโน้มศีรษะลงอีกครั้ง มันเป็นนกส่งสารที่ถูกฝึกโดยองครักษ์อิลราลาน ฉลาด รู้ภาษา และมารยาทเป็นเลิศ
ซิกฟรีดยกท่อนแขนให้มันเกาะ นกสีแสดร่อนเข้ามาอย่างนุ่มนวล เล็บคมวางแผ่วเบา มันคล้ายรู้วิธีระมัดระวังไม่ให้คมเล็บระคายราชาหนุ่ม
“ทำงานดีมาก” ซิกฟรีดชมเจ้านกตัวใหญ่ มันโน้มศีรษะอย่างนอบน้อม แล้วรับขนมจากราชาเอลฟ์เป็นรางวัล ซิกฟรีดแกะม้วนกระดาษเล็กๆ ตรงขามันออก ปล่อยให้มันโผบินไปที่อื่นค่อยอ่านข้อความจากอิลราลาน
สารที่องครักษ์ส่งมาเป็นการไถ่ถามอย่างสุภาพ ซึ่งภาษาอ้อมค้อมนั้นแปลได้อย่างง่ายว่า ‘พระองค์ทรงประทับอยู่ที่ไหน’ ตามด้วยการเตือนความจำ ‘ช่วงบ่ายทรงมีประชุมกับขุนนาง’ และตำหนิ ‘ทรงหายไปเช่นนี้มิใช่เพียงศีรษะของกระหม่อมจะไร้เงา แต่รวมถึงศีรษะของต้นห้อง ข้ารับใช้ใกล้ชิด และทหารส่วนพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ’
โคลด์หยุดทำความสะอาดและจ้องมาทางซิกฟรีด ดวงตาสีม่วงคู่คมจ้องเป๋ง ใบหน้าครึ่งล่างถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าปิดปากสำหรับทำความสะอาด ซึ่งลดทอนแววตาเฉียบคมอย่างแอสซาสซินให้กลายเป็นจู้จี้เหมือนสายตาของมารดาเวลาดุบุตร
“มีอะไร” ซิกฟรีดถามโดยสายตายังจับอยู่บนแผ่นกระดาษ เขาสะบัดมือโยนมันขึ้น เงาทมิฬเข้ากลุ้มรุม ไอน้ำละเอียดเช่นหมอกทำให้หมึกละลายจนหมด
“สารนั่นแหละ มีอะไร” โคลด์ถามกลับเสียงอู้อี้ จ้องกระดาษแผ่นนั้นเหมือนมันเป็นขยะที่เพิ่มงานให้เขา
“สารไหน” ซิกฟรีดเปลี่ยนขาที่นั่งไขว่ห้าง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น “เจ้าหมายถึงกระดาษเปียกๆ นั่นหรือ” เขาพยักพเยิดไปทางสารเปื่อยๆ บนพื้น
“มันเขียนว่าอะไร” โคลด์ชี้ไม้ขนไก่ต่างมีดสั้นมาทางซิกฟรีด “ไม่ตอบก็กลับราชวังไปเลย ข้าไม่อยากให้ทหารของเจ้ายกพวกมาบุกบ้านอิลมาเร”
ซิกฟรีดออกจากราชวังมาเฉยๆ โคลด์ก็คิดอยู่ว่าต้องมีคนตามหา
“อิลราลานถามว่าข้าอยู่ที่ไหน”
“แล้วเจ้าจะตอบเขาว่าอะไร”
“ข้าสบายดี จะกลับไปให้ทันประชุม” ซิกฟรีดลุกขึ้น ก่อนตรงไปยังโต๊ะทำงานของดวอร์ฟ มีกระดาษ แท่นหมึกและปากกาขนนกเพียบพร้อม
“ก็ดี ว่าแต่ใครคืออิลราลาน” โคลด์ไม่เคยเจอหรือได้พูดคุยกับอิลราลานโดยตรง ในถ้ำมังกรศิลาหรือในวิหารขององค์หญิงที่สาม--คาลิเธียล พวกเขาแค่เฉียดกันไปมา
“อืม…” ซิกฟรีดเขียนสาร ตัวอักษรตวัดสวยงาม ทั้งยังแข็งแรงหนักแน่น
“เขาคือ...อืม?” โคลด์ถามหลังดึงผ้าปิดปากลง เขาเดินอ้อมมาด้านหลังซิกฟรีด ข้าวของของอิลมาเรยังวางไว้เช่นเดิม แต่เมื่อถูกซิกฟรีดหยิบใช้...เขาก็รู้สึกโหวงๆ อย่างบอกไม่ถูก
“อืม” ซิกฟรีดยิ้มกวนอารมณ์ “ถ้าจะอธิบายลักษณะของอิลราลานคงทำได้แค่ ‘อืม’ ”
โคลด์ขมวดคิ้ว แวบเดียวความเศร้าก็ถูกแทนที่ด้วยความหงุดหงิด เขาแย่งปากกาขนนกมา “ ‘อืม’ นี่ใคร”
“องครักษ์ของข้า”
“ช่วงนี้ข้าไปได้ดีกับอิลราลาน ไม่โดดเดี่ยวอย่างที่แสดงออกเพื่อให้เจ้าปลอบหรอก โคลด์ สตาร์” โคลด์จึงนึกออก ว่านี่คือชื่อที่ซิกฟรีดเอ่ยถึงเมื่อตอนเช้า “อ้อ” เขารับคำ “คนที่เจ้าไปกันได้ดีกับเขา” เขาคืนปากกาขนนกให้
ซิกฟรีดเขียนสารต่อ “แค่อาจจะ” พอเสร็จก็วางปากกาขนนกไว้อย่างเดิม ขยับทุกอย่างให้เข้าที่เดิม โคลด์อาจอยากให้เครื่องเรือนเครื่องใช้ของอิลมาเรอยู่ในที่ทางเดิมอย่างที่เคยเป็น
เช่นเดียวกับที่เขาสั่งห้ามไม่ให้ข้ารับใช้ขยับอะไรในห้องของพี่หญิง หากทำความสะอาด ต้องคงที่ทางเดิมไม่ให้อะไรเคลื่อนไป
“เขาดีไหม อิลราลานน่ะ” โคลด์ถาม
“ดี?” ซิกฟรีดม้วนแผ่นกระดาษ น้ำเสียงคล้ายกึ่งขันกึ่งเยาะ
“ใช่ ดีไหม” โคลด์กอดอก
“ข้าไม่รู้คำจำกัดความของคำว่า ‘ดี’ ”
“เขาเป็นคนที่เจ้าอยากอยู่ด้วยและไว้ใจไหม”
ซิกฟรีดเรียกนกสีแสดเข้ามา “ตอนนี้ใช่” เขาผูกสารกับขาของมัน แล้วปล่อยให้มันกลับไปหานาย “ในอนาคตอาจไม่...ไม่มีอะไรแน่นอน”
โคลด์เงียบไปครู่ เขามองเห็นความว้าเหว่ของราชาเอลฟ์เหมือนรอยร้าวเล็กๆ บนกำแพงที่ควรจะตั้งตระหง่านอย่างแข็งแกร่ง “แล้วมีใครอีก ที่ ‘ใช่’ สำหรับเจ้า”
คำถามนั้นทำให้ซิกฟรีดมองโคลด์เนิ่นนาน เขารับรู้ความห่วงใยของดาร์กเอลฟ์
“ตัวข้าเองกระมัง...ที่รัก”
ราชาหนุ่มหมายความตามที่พูด
“ที่รัก? ตัวเจ้า?” โคลด์เลิกคิ้วสีเงิน จากนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ช่างเถอะ” ดาร์กเอลฟ์ถอนใจเหมือนหนักใจ จากนั้นก็เดินไปเก็บผ้าถูพื้นและถังน้ำ “หิวแล้วใช่ไหม”
“ใครจะเรียกตัวเองว่าที่รักเล่า” ซิกฟรีดกอดอก เหยียดสายตามองแบบตั้งใจหยอก
โคลด์กำหมัดแล้วหมุนแบบขู่ไม่ให้อีกฝ่ายหาเรื่อง “ข้าไม่ได้โง่ เด็กเอลฟ์”
“ข้าไม่ได้พูดสักคำว่าเจ้าปัญญาทึบ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเรียกข้าว่าที่รัก!” โคลด์โพล่งแล้วหุบปากฉับ
“ถูกต้อง ที่รัก...” มุมปากของซิกฟรีดยกขึ้น
“อย่าเรียกอีก” โคลด์เดินย่ำเท้าออกไป แต่ยังไม่วายกำชับ “รอนี่ จะหาอาหารมาให้”
ระหว่างรอ ซิกฟรีดเห็นพิณขนาดเล็กวางอยู่บนชั้น ค่อนข้างสูงเกินช่วงแขนของดวอร์ฟ น่าจะเป็นของสะสมซึ่งเจ้าตัวนำมาประดับบ้าน
ขณะกำลังจะหยิบพิณมาดีดทดลองเสียง สายตาก็สบกับสิ่งที่น่าสนใจกว่าบนชั้นเดียวกัน มันเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง หน้าปกเขียนว่า ‘ปกิณกคดีของท่านอิลมาเร V’ ปกทำจากหนังชั้นดี ชื่อหนังสือปั๊มสีทอง เมื่อเปิดอ่านก็พบว่ามันคือไดอารี่ของดวอร์ฟ แต่ไม่ใช่บันทึกประจำวันธรรมดา สิ่งที่เขียนไว้คือเหตุการณ์สำคัญในชีวิตเธอ เช่น การค้าขายครั้งแรก การเดินทางออกจากหมู่บ้านดวอร์ฟ หนทางสู่การเป็นแม่ค้าผู้ยิ่งใหญ่และการเข้ากิลด์พ่อค้าใต้ดิน เล่าถึงการผจญภัยอันแปลกประหลาดในแต่ละดินแดนที่เดินทางไปค้าขาย กำกับด้วยความคิดเห็นต่อเหตุการณ์นั้นๆ
และวันที่เมื่อสามปีก่อน ก็มีเรื่องของนักฆ่าดาร์กเอลฟ์ที่วาดรูปดาร์กเอลฟ์ผมสีเงิน หูแหลม สวมชุดดำ ในมือถือมีดสั้นสีฟ้าส่องประกายเจิดจ้า ยืนอยู่ใต้ดาวหางดวงใหญ่
‘วันที่ 3 เดือนเขากวางเงิน ปีชาดนภาที่ 148
เก็บของดีมาได้ เย้! เขาชื่อเหมือนดาว จริงๆ ก็ชื่อดาวเลยแหละ เป็นคนเอื่อยๆ ค่อนข้างมึนเบลอ เป็นประเภทที่จะโดนคนอื่นเอาเปรียบได้ง่ายๆ แล้วก็ดีใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นเรื่องที่ข้าให้กินลูกอมรสชาติแปลกๆ และให้เขาทดลองงาน…’
ข้อความหลังจากนั้นบันทึกวีรกรรมเจ็บแสบของทั้งคู่ไว้ยาวเหยียด เต็มไปด้วยเรื่องตลกชวนหัวเราะ บางส่วนก็เคร่งเครียด ลงท้ายด้วยความคิดเห็นของอิลมาเรเช่นเดิมว่า
‘ข้าคิดว่าเขาไม่เลวนัก
พวกเราคงเป็นเพื่อนที่ดี
คู่หูอันดับหนึ่ง เย้! \(*0*)/’
ซิกฟรีดอ่านแล้วยิ้มโดยไม่รู้ตัว ยิ้มกว้างเสียด้วย บางหน้าทำให้เขาหัวเราะ ราชาเอลฟ์ลูบปากขณะทรุดนั่งบนโซฟาแล้วอ่านอย่างตั้งใจ
“อิลมาเรเคยบอกว่า นางไม่อยากตายโดยหายจากโลกนี้ไปเฉยๆ” โคลด์เดินมาพร้อมถาดอาหาร ยืนอยู่หลังซิกฟรีด เขาไม่ได้ห้ามซิกฟรีดอ่านบันทึกส่วนตัวของอิลมาเร “นางบันทึกเรื่องราวของตัวเองไว้ มีแผนจะตีพิมพ์ภายหลัง นางบังคับให้ข้าอ่านเล่มนี้ด้วย...เห็นตัวอักษร ‘V’ ไหม นี่เป็นเล่มที่ห้า ยังมีเล่มก่อนหน้าอีกสี่เล่ม”
“อาจดีก็ได้...” ซิกฟรีดวางมือข้างตัว เป็นเชิงให้โคลด์นั่งด้วยกัน “รำลึกถึงนางด้วยการอ่านบันทึกแสนสำคัญนี้”
โคลด์ลังเล แต่ก็วางถาดลงบนโต๊ะเตี้ย นั่งข้างซิกฟรีด “หน้าสุดท้าย...น่าจะมีอะไรสักอย่าง” เขาพูดอย่างไม่มั่นใจ หัวใจหดเกร็งและรู้สึกเศร้า
ซิกฟรีดวางมือบนหลังศีรษะโคลด์ก่อนจะลูบมาที่หลังคล้ายปลอบโยน
“เจ้าอยากเปิดเองหรือไม่”
“ข้าเตรียมใจอยู่” โคลด์ขอหนังสือ “ตอนนั้น...นางบอกว่า ‘หนังสือ’ คงหมายถึงเล่มนี้ที่เป็นเล่มล่าสุด”
โคลด์นึกภาพที่ทำให้เขาปวดหนึบตรงหลังศีรษะเหมือนถูกใครเอาค้อนทุบอย่างจังจนเลือดไหลไม่หยุด เป็นภาพตอนที่เลือดของอิลมาเรหยดลงพื้น ลูกธนูแทงทะลุอกเธอ เธอมองเขา...สำลักเลือดตัวเองขณะพยายามพูดกับเขา...และล้มลง
จากนั้นเมื่อปราดเข้าไปดูได้ โคลด์พบว่าอิลมาเรหมดสติ การเสียเลือดมากเกินไปทำให้แก้มและมือของเธอเย็นเฉียบ แทบไม่มีสัญญาณชีพ หากปล่อยไว้แบบนี้เธอก็จะตาย...ความเสียใจพุ่งจุกคอเขา ทว่าสิ่งที่ลอดออกมาจากปากคือคำสบถสาปแช่งเอริแอดเน่
และเมื่อฟื้นสติกลับมา มาลแกธก็แจ้งว่าอิลมาเรถูกวังน้ำวนกลืนร่างไปแล้ว เมื่อไม่มีร่างกายอยู่ต่อหน้า และทิ้งเวลามานานขนาดนี้ ต่อให้เขามีพรสวรรค์คืนชีพคนตายอันวิเศษแค่ไหน ก็คงไม่อาจช่วยอิลมาเรได้
โคลด์สะดุ้งเฮือก!
อารมณ์ด้านลบแผ่จากตัวเขาจนบรรยากาศรอบกายหนาวสะท้าน เขาเปิดไปหน้าสุดท้ายของหนังสือ พบซองจดหมายสอดไว้กับปีกปกด้านหลัง
โคลด์กลั้นน้ำตาเมื่อเห็นว่ามันจ่าหน้าชื่อเขา เขียนอย่างร่าเริงตามแบบฉบับอิลมาเรว่า
‘♥ โคลด์ สตาร์ ♥’
เขาสูดหายใจแล้วแกะจดหมายฉบับนั้นอ่านเงียบๆ
ซิกฟรีดไม่แน่ใจว่ามือของตนจะช่วยปลอบโยนใครได้อีกหรือไม่
เขามีปีกคู่มหึมาแทบห่มฟ้าได้ มันแลกด้วยการถูกสาปวิญญาณ หากเขาสิ้นลมวันใด เขาจะไม่สามารถเดินทางไปสู่ดินแดนแห่งนิรันดร์ตามความเชื่อของเอลฟ์ แต่ไม่เป็นไร...ราชาผู้เยาว์คิดว่าหากได้มาซึ่งพลัง จะวิญญาณหรืออะไรก็ตาม เขาพร้อมแลกทั้งหมด
เพื่อที่จะได้กางปีกปกป้องทั่วแผ่นดิน
แต่แล้วอย่างไร สุดท้ายปีกนั้นก็ไม่อาจช่วยใครได้ การมีอุดมการณ์ทว่าไม่อาจทำให้เป็นจริงนั้นช่างน่าขัน และตลกอันร้ายแสนร้ายคือพี่หญิงเอริแอดเน่ทำให้เขาเห็นกับตา
ภาพที่พี่หญิงจมสู่ห้วงมหานทียังติดอยู่ในมโนสำนึกจนถึงบัดนี้ นัยน์ตาของพี่หญิงเกินคำว่าแหลกสลาย นอกจากนั้น...แม้พี่หญิงจะแสดงออกว่าโกรธขึ้งหรือโกรธแค้นเขาเพียงใด แต่แววตากลับเจือความรัก ไปจนถึงความห่วงหาอาทรที่มีให้เขา แววตาซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเล็กเท่าเล็ก คล้ายกลับไปสู่อาเลธน้อยของพี่หญิงคนงาม
ยิ่งเจ็บยิ่งดี
ยิ่งเจ็บยิ่งย้ำเตือน
ยิ่งเจ็บ...หัวใจยิ่งชาและด้านไม่จำเป็นต้องก้าวสู่โลกหลังความตาย ราชาแห่งรูเมเรียร์ก็เหมือนถูกสาปทุกลมหายใจ
ซิกฟรีดหลุดสู่ภวังค์ครู่หนึ่ง ก่อนจะเสียงของโคลด์จะดึงเขากลับมา
“อิลมาเรเขียนไว้ว่าให้จัดการกิจการของเธอกับหนังสือ ‘ปกิณกคดีของท่านอิลมาเร’ ยังไง ถ้าเธอไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้” โคลด์พับจดหมายเก็บเข้าซอง ที่เขาไม่ได้เอ่ยถึงคือ จดหมายฉบับนี้อิลมาเรเขียนทิ้งไว้ให้เขา หลังเหตุการณ์ที่ทำให้แยกกันที่สุสานวิหารร้างและเธอกลับมาเอวา เธมาร์กับมาลแกธ
‘...อยู่กับเจ้าแล้วข้าตื่นเต้นดี (ฟันกำไรไปมากด้วย) ข้าใช้ชีวิตอย่างมีเรื่องเซอร์ไพรส์เสมอ เพราะงั้นข้าไม่เสียใจที่เป็นเพื่อนกับเจ้า อย่าคิดมากล่ะ โคลด์ สตาร์!
ด้วยรักและเหรียญทอง
อิลมาเร’
นั่นคือข้อความลงท้ายในจดหมายของอิลมาเร เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความปรารถนาดี
คำตอบรับของซิกฟรีดคือการไล้นิ้วใต้ดวงตาของโคลด์
นุ่มนวล...อ่อนโยน
“ซิกฟรีด” ดวงตาสีม่วงอันมีมนตร์ดึงดูดอันลึกลับแบบเผ่าทมิฬสบกับดวงตาของราชาเอลฟ์
“ว่าอย่างไร” ซิกฟรีดเอียงศีรษะเล็กน้อย
“เสียใจหรือเปล่าที่ตอนนั้นไม่ได้ช่วยเอริแอดเน่” เสียงของโคลด์นิ่งและเย็น
ราชาหนุ่มยังเกลี่ยผิวของดาร์กเอลฟ์อยู่ ดวงตาก็ยังสบกันอยู่ ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่ชั่วขณะ
“ข้าไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร แต่ไม่ใช่เสียใจ...มันเบาเกินความจริงไปมาก”
“ตอนนั้น มาลแกธมาช่วยข้าแล้ว เจ้าสามารถช่วยนางได้...ถ้าเจ้าจะทำ”
“จะกล่าวโทษข้าหรือ” ซิกฟรีดเลื่อนนิ้วไปไล้แก้ม “หรืออยากกะเทาะหน้ากากข้า ว่าข้าไม่ได้ดีเด่อะไร เป็นเอลฟ์ใจทรามหรือเปล่า”
โคลด์หัวเราะครึ่งเสียง “ถ้านางยังอยู่ข้าจะฆ่ากับมือ แต่นางไม่อยู่แล้วนี่”
“ตอนนั้นตัวข้าชา” ซิกฟรีดเล่า “ข้าไม่รู้ว่าควรทำอะไร เลือกทางไหน ข้ากอดเจ้าไว้แล้วในขณะนั้น และไม่ไว้ใจให้เอลฟ์ตะวันออกช่วยเจ้า ใช่ มันเก่ง แต่เวทของพี่หญิงรุนแรง และข้ามั่นใจว่าข้าช่วยเจ้าได้มากกว่ามัน รู้ไหม ภาพของพี่หญิงที่ถูกม้วนลงไปในวังน้ำวนเป็นภาพช้า ช้ามาก คล้ายเวลาถูกฉุดรั้งเอาไว้ และในช่วงเวลานั้นข้าคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ปล่อยโคลด์สิ อาเลธ ไปช่วยพี่หญิงก่อน...ไม่ อาเลธ พี่หญิงไม่ทิ้งชีวิต อาจเป็นอุบาย นางจะรอด ใช่ นางจะรอด สลับไปสลับมาอย่างนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง จนนางจมลับไปต่อหน้าต่อตา”
โคลด์เงียบ เขาแหงนหน้ามองเพดาน “เจ้ารู้ว่านางร้ายกาจ ถึงขั้นระแวงนาง แต่ก็ยังรักนางจากส่วนลึกอยู่ดี มันเป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันซิกฟรีด เจ้าผิดต่อนางที่ดื้อดึงอยู่กับข้า หรือข้าผิดต่อนางที่โผล่กลับมาในชีวิตเจ้า หรือนางผิดต่อเรา และได้รับผลตอบแทนที่สมควรแล้ว”
“อืม…” ซิกฟรีดถอนใจ “ไม่มีใครผิดกระมัง”
“มีสิ” โคลด์ตอบเสียงห้วน “มันต้องมีคนผิด โลกเป็นแบบนี้เสมอ” เขาหัวเราะหยัน
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าจะลงโทษตัวเอง”
“นางโอดครวญไม่ได้หรอก นางก็ใช้เจ้า” โคลด์บอกช้าๆ “ข้าเลือกไม่พูดเพราะนาง…” เขาคิดหาคำที่เหมาะสม “เพราะนางตกอยู่ในนรกอยู่แล้ว ทุกวันทุกคืน ไม่ใช่หรือ”
เขายังจำเรื่องที่ซิกฟรีดเล่าให้ฟังในกระโจมก่อนวันที่พวกเขาจะบุกป้อมได้
“แต่เจ้าต้องแยกแยะ ซิกฟรีด นางดีต่อเจ้า และนางก็ผิดต่อเจ้า เจ้าเลือกที่จะจำความดีของนางไว้ได้ แล้วปล่อยวางความผิดที่นางใช้เจ้า...หรือเจ้าใช้นาง แต่อย่าเฉยชากับมัน ถ้าเจ้าเฉยชา สักวันหนึ่งเจ้าจะไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึกใดๆ อีก รวมถึงความสุขด้วย”
ซิกฟรีดพริ้มตา ไม่ได้ตอบอะไร โคลด์เอ่ยเตือนราวกับอ่านใจเขาได้
โคลด์ไม่รู้จะปลอบซิกฟรีดอย่างไร และซิกฟรีดก็ดูไม่ต้องการการปลอบใจจากเขา
“ต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำอะไร”
“เอาอาหารยัดปากเจ้า” โคลด์ผินหน้าไปทางสำรับที่ยกมา “ไม่มีของสด แต่เอาของตากแห้งมาต้มซุป รีบซดตอนยังร้อนๆ อยู่”
โคลด์ สตาร์ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กอยู่
“เจ้าชอบขุนข้าตั้งแต่สมัยก่อน” ซิกฟรีดอ้าปาก ภาษากายบอกชัดว่า ‘ป้อน’
โคลด์นิ่วหน้า เขาคร้านจะเถียงจึงหยิบถ้วยซุปกับช้อน จ้องมันเงียบๆ แล้วตักน้ำซุปใสใส่ปากซิกฟรีด “เจ้าต้องหัดกินเองได้แล้ว”
ราชาเอลฟ์กินซุปคำหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จอมทัพทมิฬ เกวนโดลิน มังกร...เจ้าจะเอาอย่างไรต่อ”
ช่วงที่โคลด์ไม่ได้สติ ข่าวเกี่ยวกับจอมทัพทมิฬผุดวาบขึ้นมาจากพวกนักค้าข่าวใต้ดินเนืองๆ แต่ละข่าวมีหลักฐานน่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ จอมทัพทมิฬกลับมาแล้ว แดนทมิฬจะเคลื่อนพลเข้าเผารูเมเรียร์ให้ราบ ยิ่งตอนนี้ราชาแห่งรูเมเรียร์เป็นเพียงราชาผู้เยาว์ ไร้ประสบการณ์ในสมรภูมิ ยิ่งเป็นจังหวะเหมาะ
เวลานี้ฝั่งทมิฬยังไม่ทราบว่าอิซิลดาร์ระหองระแหงกับรูเมเรียร์ เพราะท่านหญิงคนสำคัญซึ่งเป็นทั้งผู้ปกครองและผู้นำตระกูลอิซิลดาร์หายไป หากรู้ละก็...ไม่ดีแน่
“ใบหน้าเจ้า คำสาปของเจ้า ยังต้องใช้หัวใจมังกรรักษาหรือไม่” โคลด์ถาม ใบหน้าซีกซ้ายของซิกฟรีดดูหายดีแล้วก็จริง แต่ไม่มีเหตุผลเลยว่าทำไมจู่ๆ จึงหายดี
“ข้าอยู่กับมันได้” ซิกฟรีดวางมือบนใบหน้าซีกซ้ายของตัวเอง และพอเขาละมือออก ผิวเนื้อบริเวณนั้นก็กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งก็คือเป็นรอยแผลไฟลวกขนาดใหญ่ เส้นเลือดสีดำวิ่งไปทั่ว
โคลด์ถอนใจ “งั้นเรื่องต่อไปที่ข้าจะทำย่อมเป็นการนำหัวใจมังกรมาให้เจ้าและสืบหาเกวนไปพร้อมกัน ส่วนจอมทัพทมิฬ...เขาจับข้าไม่ได้ ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเป็นเช่นนั้น ยิ่งตอนนี้ข้าไม่มีใครให้ถูกจับไปเป็นตัวประกันแล้ว”
นอกจากอิลมาเรแล้ว คนที่โคลด์ห่วงใยก็คือเกวนโดลิน ซึ่งเขากำลังรอสารจากนกสีขาวของพี่สาว ส่วนซิกฟรีดหรือมาลแกธน่ะหรือ...ทั้งสองคงไม่ถูกใครลักพาตัวไปง่ายๆ หรอก
“กินให้หมด” โคลด์บอก ป้อนต่อ “เสร็จแล้วข้าจะได้กินสำรับของข้าบ้าง” เขากินทีหลังซิกฟรีดจนเคยชินแล้ว
ซิกฟรีดหยิบช้อนมาจากโคลด์ ตักซุป แล้วยกไปจ่อปากอีกฝ่าย “เริ่มอุ่นแล้ว ไม่ต้องเป่า”
“ข้ากินเองได้” โคลด์ปฏิเสธ
ซิกฟรีดจ่อเข้าไปใกล้อีก
“ไม่เอาไง เดี๋ยวหก อ๊ะ!” น้ำซุปหกเปื้อนปากของดาร์กเอลฟ์ รอยของเหลวที่หยดบนโซฟาทำให้เจ้าของใบหูสีม่วงอมเทาขู่จนหูชี้
“หูตั้งแล้ว” ซิกฟรีดเหยียดริมฝีปาก พยายามกลั้นขำ ราชาเอลฟ์หันช้อนมากินซุปเอง
โคลด์วางถ้วยซุปของซิกฟรีด แล้วยกถ้วยซุปของตัวเองขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วเพื่อกลบความประหม่า
เรื่องระหว่างเขากับซิกฟรีดได้ทำให้ชัดเจนไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมซิกฟรีดต้องแสดงท่าทางสนิทสนมให้เขาลำบากใจ
“เจ้าต้องไปประชุมใช่ไหม ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสักพักแล้วค่อยกลับเอวา เธมาร์ เราค่อยคุยเรื่องหัวใจมังกร…”
โคลด์พูดสิ่งที่คิดออกมาเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองพะวงกับความประหม่า
ซิกฟรีดปาดซุปที่ติดมุมปากโคลด์ด้วยนิ้วโป้ง
“ข้าจะรอ”
—————————————————————————
A/N จบบท 'บาดแผล' แล้วค่ะ คิดว่าหลายท่านคงอ่านแล้วรู้สึกหน่วงๆ คนเขียนเองกว่าจะผ่านบทนี้ไปได้ยังหน่วงๆ เลยค่ะ ;w; แงงงงงงงงง
สำหรับบทต่อไป จะเป็นเรื่องราวต่อจากนี้ที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของภาค 3 (ส่วนภาค 2 คือภาค Ugly Queen เป็นเรื่องที่เกิดก่อนภาคนี้)
แจ้งข่าวว่าบทต่อไป จะเริ่มลงหลังวันที่ 15 พ.ค. 2560 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นการเขียน+รีไรท์ตอนชนตอน และคุณ FOULSOUL อยู่ในช่วงสอบทีสิสป. โทที่จะเสร็จสิ้นกลางเดือนพ.ค. นี้ค่ะ
คุณ FOULSOUL ฝากขอโทษนักอ่านที่กำลังรออยู่ด้วย และเสียใจมากๆ ที่ต้องหยุดชั่วคราว รอกันหน่อยน้า (>.<)
แล้วก็ เราอยากสำรวจความเห็นนักอ่านทุกท่าน ว่าท่านอยากเห็นอะไรในภาคต่อไป เช่น
1. คุณคิดอย่างไรกับ 3P รับได้ไหม ควรเอาตามจริงคือ รักกัน 2 คน และมี 1 คนต้องไป หรือช่างมันเถอะ 3P ก็ได้...
ซิกฟรีดxโคลด์xมาลแกธ
2. การมีตัวละครตายไปจริงๆ คุณรับได้ไหม อยากให้มีปาฏิหาริย์ นำพวกเขากลับมา หรือให้ตายไปเลยเพื่อความสมจริง
3.ท่านที่รอเนื้อเรื่องฝั่งแดนทมิฬ สำหรับรวมเล่มภาค 1 คุณอยากอ่านตอนพิเศษของจอมทัพทมิฬไหม? หรือไม่อยากรู้อะไรเลย รอลุ้นตอนภาค 3 ดีกว่า
จะรอความคิดเห็นของทุกท่านนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ!
ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz