บทที่ : 17 โรงเตี๊ยมตุ่นเก็บทอง (2)
โคลด์สังเกตสร้อยที่บาร์เทนเดอร์สวม มันเป็นสร้อยหนังห้อยจี้รูปหยดน้ำสีน้ำตาลเหมือนสีตาของผู้ใส่
อัญมณีส่งกลิ่นอายเวทมนตร์ของเอลฟ์
เมื่อได้กุญแจห้องและถามทางไปห้องพักเสร็จ โคลด์ก็หยิบกุญแจ ลุกไปคุยกับอิลมาเรสั้นๆ แล้วเดินไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยม ปล่อยให้แม่ค้าดวอร์ฟเฉ่งลูกน้องต่อไป
“รอข้าด้วยซี” มาลแกธดื่มเหล้าน้ำผึ้งรวดเดียว “ที่รัก” เขาหันมายิ้มให้บาร์เทนเดอร์ ไม่ทราบว่า ‘ที่รัก’ นั้นพูดกับใครกันแน่
เอลฟ์ตะวันออกตามโคลด์ สตาร์ไป เขาคิดในใจว่า
คงต้องง้ออีกนานบาร์เทนเดอร์มองตามจนทั้งคู่หายไปทางด้านหลังของชั้นสอง แล้วหันมาหาคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“ความลับเยอะเหลือเกินนะพวกเจ้า” เขาวางเหล้าแก้วที่สองให้ ‘โวรอน’ เหมือนรู้ใจ
“มีข่าวอะไรบ้างไหม” โวรอนเงยหน้ามองอีกฝ่าย นัยน์ตาสีเขียวเรืองจากเงาใต้ผ้าคลุม
บาร์เทนเดอร์หนุ่มยกยิ้มมุมปาก เขาวางแขนบนเคาน์เตอร์อย่างเกียจคร้าน ย่อตัวให้ริมฝีปากอยู่ระดับเดียวกับสายตาของเอลฟ์
“มี แต่จะฟังที่ไหน”
“ข่าวลับแค่ไหน” โวรอนดื่มเหล้า ขณะที่สายตายังจับใบหน้าหล่อเหลาของบาร์เทนเดอร์
“ขายไปหลายคนแล้ว” มนุษย์ผมดำหัวเราะกว้าง นอกจากความหล่อเหลาแล้ว ความมีชีวิตชีวายังเปี่ยมเสน่ห์เหมือนแสงตะวันแรงกล้า
“ราคาก็ตก ข้าจ่ายแค่หนึ่งในสี่ดีไหม”
“ข้าควรไล่เจ้าออกจากร้านไปซื้อข่าวที่อื่นว่ะ” พออยู่ตามลำพัง บาร์เทนเดอร์ก็ไม่มีมารยาทเหลือให้ลูกค้าคนพิเศษ “ไอ้เอลฟ์ หายหัวไปเป็นเดือนนะมึง”
พวกลูกน้องในโรงเตี๊ยมเหลือบมองเจ้าของร้าน ที่นอกจากเป็นบาร์เทนเดอร์และเจ้าของโรงเตี๊ยมแล้ว ยังเป็นนักค้าข่าวอีกด้วย
“แมดส์…” โวรอนระบายลมหายใจยาว “ข้าพูดกี่ครั้งแล้วเรื่องคำหยาบ”
“จำไม่ได้” แมดส์ยิ้มกวนตีน ซึ่งนี่ถือว่าดีแล้ว สมัยก่อนแมดส์เกลียดโวรอนถึงขั้นเห็นหน้าเป็นไล่ออกจากร้าน ด่าตามหลังว่า
‘อย่ากลับมาอีกนะมึง!’
แต่พอนานไป มีอะไรบางอย่างที่พวกลูกน้องไม่เข้าใจเกิดขึ้น แล้วลูกพี่ก็ยอมให้เอลฟ์ผมสีทองเกือบขาวคนนี้กลับมาเป็นลูกค้าในร้านตามเดิม
“ไปคุยกันหลังร้านดีไหม” โวรอนวางแก้วเหล้าเปล่าบนเคาน์เตอร์เบาๆ ผิดกับท่าทางแข็งกร้าวที่ไม่น่าจะอ่อนโยนกับอะไรได้
“ไม่ ไม่มีอารมณ์ว่ะ จะขายของ สองแก้วห้าควินน์ เอาเงินมา เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป”
อื้อหือ ราคาขูดเลือดขูดเนื้อ ปกติเหล้าชนิดนี้ขายแก้วละยี่สิบห้าเรียล หนึ่งร้อยเรียลเท่ากับหนึ่งควินน์ เท่ากับขึ้นราคามาสิบเท่า
“แมดส์…” โวรอนปราม “ข้าอยากคุยกับเจ้าแบบส่วนตัว” เขาไม่ยอมวางเหรียญทอง
“แต่ข้าไม่” แมดส์เป็นมนุษย์ที่ไม่เกรงใจเอลฟ์
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะออกค่าเสียหายให้ทีหลัง”
ดวงตาคมกริบจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ชั่วขณะที่เวลาคล้ายหยุดนิ่ง ทุกคนในร้านหันมาเป็นตาเดียวกัน กระทั่งอิลมาเรก็หยุดอบรมลูกน้อง เอลฟ์ร่างยักษ์ดึงคอเสื้อเจ้าของร้าน ลากออกมาจากหลังเคาน์เตอร์โดยไม่ฟังเสียงก่นด่า
“ไอ้เอลฟ์!--” ตามด้วยคำสบถหยาบคายนับไม่ถ้วน
โวรอนแบกหมาบ้าขึ้นบ่า เดินไปทางหลังร้านได้ไม่ถึงห้าก้าวก็ชะงักแล้วหันกลับมา
“ดื่มเหล้าของพวกเจ้าไป”
สิ้นคำของเอลฟ์ ทุกคนในร้านหันมาสนใจแก้วของตัวเอง ส่งเสียงเฮฮาครื้นเครงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไอ้ห่านี่ ปล่อยกู!” แมดส์ให้โวรอนปล่อยเขาลง เขาตัวสูงใช่ย่อย แต่เอลฟ์เสือกตัวสูงกว่าและแรงเยอะเกินไป
โวรอนพาแมดส์มาที่ห้องเก็บเหล้าด้านหลังร้าน เขายอมปล่อยมนุษย์ปากกล้าลงหลังจากปิดประตูและยืนกันทางออกเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ส่งจดหมายลาตายมาล่วงหน้าวะ” แมดส์ชี้หน้า “นึกว่าตายห่าไปแล้ว”
“ขอโทษ” โวรอนให้แมดส์ระบายได้ตามใจชอบ เขาเลิกฮู้ดลง ผมสีทองเกือบขาวมุ่นเป็นมวยยุ่งเหยิงด้านหลัง หนวดเครายังโกนไม่เรียบร้อยดี ตาขาวมีรอยเส้นเลือดฝอยกระจายทั่วเพราะอดนอน
แน่ละ...หลังเสร็จงาน โวรอนตรงมาหาแมดส์ทันทีโดยไม่ทันได้ฉุกคิดถึงสภาพแย่ๆ ของตัวเอง
และได้ทักทายกันไม่ถึงครึ่งประโยค ก็ได้รับคำสั่งจากราชาให้นำทางดาร์กเอลฟ์มายังโรงเตี๊ยม คำว่า ‘คิดถึง’ จึงถูกเปลี่ยนเป็น ‘รอสักครู่ ข้าต้องไปทำงานเล็กๆ อีกงานหนึ่ง’
แมดส์จะหงุดหงิดก็ไม่แปลก
“โห ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ”
ถ้าเรียกอันเดดในสุสานวิหารร้างว่าหมาได้ โวรอนคงบอกแมดส์ไปแล้ว
แมดส์ล้วงหาผ้าสะอาดจากกระเป๋ากางเกงมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เอลฟ์ “โทรมจนตกใจว่ะ”
“คิดถึง” ในที่สุดก็ได้พูด...โวรอนยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้า ข้างนอกนั่นเขาไม่พูดให้อีกฝ่ายเสียเชิงชาย ยังเกรงใจเพราะโรงเตี๊ยมคือที่ของแมดส์ สมควรได้รับความยำเกรงจากบรรดาลูกน้องและลูกค้า
แม้เมื่อครู่เขาจะเพิ่งลากแมดส์ต่อหน้าลูกน้องและลูกค้าทุกคนก็ตาม...
คิ้วสีดำขมวดเข้าหากัน “อย่ามาเลี่ยนนะมึง”
จะมีมนุษย์ที่ไหนกล้าพูดกับเอลฟ์ซึ่งดูสูงศักดิ์ด้วยถ้อยคำเช่นนี้อีก
“ข้าเก็บคำนี้ไว้เป็นเดือน เจ้าทนฟังแค่สามวินาทีคงไม่หนักหนา”
“โถ เงี่ยน” หยาบคาย หยาบคายสุดยอด! แต่มนุษย์ดูอารมณ์ดีขึ้นมาก
“แมดส์” โวรอนเสียงเข้ม “อย่าพูดว่า ‘เงี่ยน’ มันหยาบคาย”
“แล้วให้พูดว่าอะไร ท่านเอลฟ์ มึงเอากูมาตรงนี้ไม่ได้มาซื้อข่าวอย่างเดียวใช่ไหม” เงาสังหารถูกปลดอาวุธที่คาดอยู่บนแผ่นอกกว้างออกทีละชิ้นๆ
“อืม ข้าไม่ได้มาซื้อข่าวอย่างเดียว” โวรอนมองมือคล่องแคล่วของแมดส์ เมื่อก่อนยังเก้ๆ กังๆ เดี๋ยวนี้ปลดอาวุธเก่งจนน่าทำอาชีพเสริมเป็นนักล้วง
“แม่ง พกอะไรเยอะแยะฉิบหาย”
“อาวุธแต่ละชนิดใช้งานไม่เหมือนกัน”
“ข้าปลดมาเม้มไว้” แมดส์ยักคิ้ว “ดูมันราคาแพงอยู่” เขาโยนอาวุธสวยงามแต่อันตรายเปี่ยมความตายลงพื้นดังเคร้งๆ
เด็กนี่...โยนอาวุธข้าลงพื้นเหมือนของราคาถูกเมื่อดึงเสื้อของเอลฟ์ออกและดูว่าร่างกำยำไม่มีบาดแผลตรงไหน แมดส์ก็กุมเป้ากางเกงของอีกฝ่ายตรงๆ
“วันนี้เจ้าจะใช้อาวุธชนิดไหน”
รอยยิ้มของมนุษย์ผมดำเปล่งประกายและหยาบโลน
“ข้าเริ่มชินกับความร้ายของเจ้าแล้ว” เงาสังหารอ่อนใจ เขาก้มลงไปมอบจูบเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึกให้ ‘คนรัก’ ที่คิดถึงมาตลอดเวลาที่ห่างกันไป
เอลฟ์กับมนุษย์…
ความรักที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีกคู่หนึ่งหรือ
-------------------------------------------------
โคลด์กินอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย หมดก็สั่งมาใหม่ จานเปล่ากองพะเนินสูงแทบล้ม เครื่องดื่มหมดไปหลายเหยือก เมื่อกินเสร็จเขาก็ออกปากไล่แขกไม่ได้รับเชิญ “ข้าจะอาบน้ำนอนแล้ว”
“ตามสบาย” มาลแกธพูดเหมือนเป็นห้องของตัวเอง
โคลด์ยังไม่ถอดเสื้อคลุมของมาลแกธ แต่จ้องตาเขียว ทำนองว่า ‘ออกไป’
“ข้าแปลสายตาเจ้าไม่ออกหรอกที่รัก” มาลแกธเล่นนาฬิกาทรายบนโต๊ะข้างเตียง พลิกมันกลับไปกลับมา ทรายสีดำไหลวนในขวดแก้ว
“อา ข้าจะอาบน้ำ ข้าจะนอน เจ้าจะทำอะไร” โคลด์เอาสองมือนวดหัวตา
“ข้าจะอาบน้ำและนอนทีหลังเจ้า” มาลแกธนั่งยิ้มอยู่บนเตียง...ของโคลด์
โคลด์ปลดเสื้อคลุมของมาลแกธไว้บนเตียง วางของที่ริบมาไว้บนโต๊ะข้างเตียง และหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ
โรงเตี๊ยมนี้ไม่เลว มีห้องอาบน้ำส่วนตัว และมีคนต้มน้ำร้อนมาเทใส่ถังไม้ไว้ให้ตามที่เขาต้องการ
ยังไงก็เงินของมาลแกธโคลด์ถอดเสื้อผ้า ร่างปราดเปรียวผิวสีม่วงอมเทาเปื้อนคราบดินและคราบเลือดแห้งกรัง เขาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมน้ำสบู่จากอ่างไม้ ยืนเช็ดตัวหน้ากระจกก่อนลงแช่น้ำ ระหว่างนั้นก็เอียงไหล่มองแผลเป็นที่เกิดจากเวทโกงเวลาของมาลแกธ นึกสงสัยว่ามันจะปริออกมาตอนไหน
และเงาของเอลฟ์ตะวันออกก็เข้ามาในสายตา สะท้อนอยู่บนกระจก
โคลด์หรี่ตา หันกลับไปมองดุ
“จะอาบน้ำกับข้าหรือไง” พอกินอิ่มแล้วดาร์กเอลฟ์ก็มีแรงต่อปากต่อคำ
“ถ้าเจ้าอนุญาต” มาลแกธยืนพิงกรอบประตู เขาจ้องตรงไปยังโคลด์ ไม่ได้ใช้สายตาเจ้าชู้โลมเลีย
แต่สะโพกสวยจริงๆ“ไอ้นี่” โคลด์ชี้แผลที่หลัง ให้สายตาของมาลแกธยกสูงจากบั้นท้ายของเขา “ทำให้มันกลับมาเลยได้ไหม ข้าไม่อยากรอว่ามันจะปริตอนไหน”
“ข้าไม่เก่งขนาดนั้น แผลบนคอข้าก็ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
โคลด์เงียบอย่างยอมรับคำตอบ หลังเช็ดตัวเสร็จก็ลงแช่น้ำ เขาไม่ได้ชวนมาลแกธ แต่ไม่ได้ไล่ เพราะหลับตาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายแล้ว น้ำอุ่นหอมกลิ่นสมุนไพรให้ความรู้สึกดีกว่าพื้นโคลนแฉะเละในเส้นทางใต้ดิน โคลด์เผลอถอนใจ เขาเอนหลัง ใบหูแหลมลู่ลงอย่างผ่อนคลาย
โคลด์ไม่ทราบว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตื่นมาอีกทีก็มีแขนหนักๆ ทับพาดตัวจากด้านหลังแล้ว
มาลแกธถือวิสาสะนอนบนเตียงเขา กอดเขา
เป็นครั้งที่สอง...โคลด์มองตัวเอง มาลแกธกอดเขาผ่านเสื้อคลุมที่เขายืมมา…
ใช่ เขาไม่ได้สวมอะไรเลยนอกจากเสื้อคลุมของมาลแกธ
กลิ่นของเสื้อคลุมกับเจ้าของยิ่งทับหนักลงมาบนตัวเขา ชวนให้ง่วงงุนเข้าไปใหญ่
รอบตัวมาลแกธมักมีกลิ่นยาสูบหอมหนักอวลอยู่เกือบตลอดเวลา ยกเว้นเวลาที่ต้องทำงานเร้นกาย หรือตามรอยโดยไม่ให้เป้าหมายรู้สึกตัว
โคลด์แตะแขนแข็งแรงซึ่งรัดเอว จะดึงออก ทว่าความอบอุ่นของมาลแกธรบกวนใจเขา
ทำไมต้องใจดีทั้งๆ ที่ไม่ได้ใจดีจริงๆ เสียหน่อย
โคลด์ปรือตา…
กลิ่นหอมและอ้อมกอดทำให้เขาผล็อยหลับไป
—————————————————————————
A/N อิ่มๆ กันค่ะบทนี้ ดูผู้ชายเขาจีบกัน -3-ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz