บทที่ 14 : การตัดสินใจ (4)
“ซิกฟรีด” เอริแอดเน่เอ่ยทักเมื่อเจ้าชายเอลฟ์ลงมารับนางถึงหน้าตำหนัก “ขออภัยที่ไม่ได้มาพบเจ้าตามเวลานัด”
กว่าเอริแอดเน่จะตื่น ริวอร์นอร์ก็ไม่อยู่แล้ว นางคาดการณ์ผิด ไม่คิดว่าจะต้องมีความสัมพันธ์กับเขาหลังจากเปิดเผยรอยแผลเป็นให้เห็น
ซ้ำนางยังหลับสนิท และตื่นมาพร้อมความโมโหอย่างหนักที่ตนเผลอหลับสนิท
นางไม่ควรหลับสนิทยามอยู่ใกล้เจ้าคนชั่วช้านั่น!
“ข้าก็ต้องขออภัยพี่หญิงที่ไม่ได้เตรียมการต้อนรับให้ดีกว่านี้” ซิกฟรีดน้อมศีรษะ ทำความเคารพตามแบบแผนของรูเมเรียร์ทุกกระเบียด แล้วพานางไปยังห้องรับรอง
“พี่หญิงยังชอบดื่มชาทับทิมอยู่หรือไม่ขอรับ”
“ชาจัสมินก็หอมรื่นใจดีนะ” เอริแอดเน่แนะนำ ให้องครักษ์หญิงยกหีบของขวัญมาให้เจ้าชาย
ซิกฟรีดเอ่ยขอบคุณ กล่าวว่า “พี่หญิงไม่น่าลำบากเลยขอรับ”
หลังพี่หญิงเปิดเผยรอยแผลให้ชม เขาก็ทำตัวไม่ถูก ใช่ว่ารังเกียจ เขาโกรธ ยิ่งเห็นพี่หญิงพยายามเข้มแข็ง เขายิ่งโกรธ ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร ควรจับดาบไปแก้แค้น หรือควรสงบ
หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คิงริวอร์นอร์ เจ้าชายเอลฟ์ไม่ลังเลที่จะเลือกทางแรก แต่อีกฝ่ายเป็นพี่ชาย เป็นกษัตริย์ ทั้งยังเป็นนักดาบและนักเวท เขาไม่มีวันชนะ
หรือใจจริงคือเขาไม่อยากชนะกันแน่
ริวอร์นอร์เป็นพี่ชายร่วมสายเลือด เอ็นดูเขา สอนเขาในเรื่องต่างๆ มากมาย
ทว่า...พี่ริวอร์นอร์ฆ่าพี่เฟรธูรินใจของซิกฟรีดแตกออกเป็นสองอีกครั้ง เขาต้องการความสงบ ต้องการพิจารณาให้รอบคอบ
“แล้วคนรับใช้ของเจ้าล่ะ” เอริแอดเน่เอ่ยเหมือนนึกได้ ดวงตาจับจ้องใบหน้าเจ้าชายหนุ่ม
คำถามของท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ฉุดให้ซิกฟรีดตื่นจากภวังค์
“ข้าให้มันไปพักผ่อนตามสบายขอรับ” ซิกฟรีดเสริมว่าตนอยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องมีข้ารับใช้มาวุ่นวาย
“อืม...เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ท่านหญิงยิ้มอ่อนแรง “ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวพอดี”
องครักษ์หญิงสองคนถอยออกไปเฝ้านอกห้อง ให้เวลาส่วนตัวแก่ท่านหญิงโดยที่นางไม่ต้องสั่ง ส่วนองครักษ์อีกสามคนที่มาพร้อมกันรออยู่ด้านล่างตำหนักพร้อมเวรยามของเจ้าชาย
“ขอรับ”
เอริแอดเน่จับมือซิกฟรีด มือบอบบางกุมมือใหญ่ของเด็กหนุ่ม คล้ายต้องการที่พึ่ง “เจ้ามองข้าแล้วเห็นอะไร ท่านเฟรธูรินเคยกล่าวว่าข้างดงามและเป็นที่รักของท่าน แต่ท่านไม่ได้เห็นข้าในสภาพเดียวกับที่เจ้าเห็นเมื่อวานนี้ ถ้าเป็นเจ้าที่คล้ายท่านเฟรธูรินเหลือเกิน จะช่วยตอบคำถามที่ติดอยู่ในใจข้อนี้ให้ข้าแทนท่านเฟรธูรินได้หรือไม่”
ดวงตาสีเหมือนหินแก้วประกายรุ้งมีน้ำตาเอ่อ
ซิกฟรีดมองพี่หญิงนิ่งและนาน เจ้าชายเผยรอยยิ้มอ่อนโยน แฝงความผูกพันที่มีต่อนางในวัยเยาว์
“พี่หญิงงดงามเสมอขอรับ” เขาตอบจากใจจริง “ไม่มีสตรีคนใดงามไปกว่าพี่หญิง ทั้งในรูเมเรียร์และอิซิลดาร์ งดงามและเข้มแข็ง...”
น้ำตาของเอริแอดเน่ไม่ได้ไหลออกมา มันคลออยู่ในดวงตาแสนเศร้าและแสนสวย แต่นางยิ้ม รอยยิ้มนั้นไม่สามารถเป็นความเสแสร้งไปได้ ดังว่านางรอฟังคำพูดนี้ของเฟรธูรินมาหกปีเต็ม
ทว่าข้าไม่มีวันได้ฟัง ซิกฟรีด...ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ท่านพี่เฟรธูริน แต่อย่างน้อย...คำพูดของเจ้าก็ช่วยให้หัวใจของข้าร้าวน้อยลง“เมื่อคืน...ข้าถวายตัวแก่ริวอร์นอร์ เขากล่าวว่าราชินีอัปลักษณ์ย่อมเหมาะกับเขา” เอริแอดเน่จับมือซิกฟรีดแน่นขึ้น ความเด็ดเดี่ยวถ่ายทอดผ่านฝ่ามือนั้น
ซิกฟรีดขบกราม ข่มความโกรธไม่ให้ปะทุขึ้นมา
“คำพูดโกหกเช่นนั้น พี่หญิงไม่ควรนำมาใส่ใจขอรับ”
“ข้าคิดว่าเขาพูดจริง ข้าจะงดงามหรืออัปลักษณ์ก็มีค่าเท่ากัน สิ่งสำคัญสำหรับเขาคือกำลังจากอิซิลดาร์...เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่” เล็บสวยงามของท่านหญิงจิกมือเจ้าชาย ยึดแน่น
ซิกฟรีดพยักหน้าช้าๆ
“กำลังของอิซิลดาร์...” เอริแอดเน่พริ้มตา นางสังเกตว่าซิกฟรีดไม่ได้สวมตุ้มหูเวทที่ใช้สอดแนมและปิดกั้นพรสวรรค์การฟังของเขาตั้งแต่เจอหน้า “กำลังของอิซิลดาร์ จักมอบให้แก่ราชาที่แท้จริง ข้าขอสาบานต่อท่านผู้เป็นที่รักผู้ล่วงลับ”
“ไม่มีใครเหมาะสมกว่าพี่เฟรธูรินขอรับ” ซิกฟรีดเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ไม่กลัวว่าจะมีใครเป็นสายให้คิงริวอร์นอร์หรือไม่
เอริแอดเน่ห่อไหล่ “ทว่าเขาไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงเจ้า ข้าให้สัตย์ว่า อิซิลดาร์จะอยู่ข้างเจ้า ต่อให้ข้าต้องถูกเผาทั้งเป็น...อิซิลดาร์จะอยู่ข้างเจ้า จนกว่าความยุติธรรมจะกลับมาสู่แผ่นดิน”
ซิกฟรีดหลุบตาลง…
นิ่ง
เนิ่นนานราวกับชั่วกัลป์ เจ้าชายแห่งรูเมเรียร์หงายฝ่ามือของสตรีผู้เปราะบางทว่าเข็มแข็งกว่าใคร ก่อนจะลูบฝ่ามือนั้นช้าๆ
ข้อความถูกส่งออกไปอย่างเงียบเชียบ
ซิกฟรีดตัดสินใจแล้ว
เขาลูบนิ้วใต้หางตาของเอริแอดเน่ เอ่ยถ้อยคำในภาษาควาร์ หยดน้ำตากลายเป็นพรายแสนเศร้า บินไปกระซิบข้างหูของนาง
‘ข้าหวังเหลือเกินว่ามันจะจบลงด้วยดี’
ท่านหญิงเผยยิ้มแสนหม่น “ข้าเองก็หวังเช่นนั้น”
ขณะที่ทั้งสองสบตากัน เกิดเสียงเอะอะด้านนอก เป็นเสียงหล่นหนักๆ กับเสียงสตรีเอ่ยเฉียบขาดด้วยสำเนียงอิซิลดาร์
เอริแอดเน่หันมองหน้าต่างตามที่มาของเสียง องครักษ์หญิงเข้ามารายงาน
“ท่านหญิง มีดาร์กเอลฟ์ซุ่มดูห้องพักของเจ้าชายอยู่บนต้นไม้ เวเรด้าเพิ่งยิงมันตกลงมาเจ้าค่ะ”
ซิกฟรีดเกร็งตัวทันที โคลด์?
หากอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่หญิง ไม่ใช่กับ...สตรีอิซิลดาร์ผู้สมควรเกลียดชังเผ่าทมิฬ เขาคงรีบออกไปดูแล้ว
“กบฏลอบเข้ามาในราชวังหรือ” เอริแอดเน่ถาม “ความปลอดภัยของเจ้าย่อมสำคัญ หากเป็นพวกกบฏละก็...”
นัยน์ตาของนางลุกวาบขึ้น
องครักษ์หญิงพร้อมรับคำสั่งของท่านหญิง
ซิกฟรีดรีบลุกขึ้น “ให้ข้าออกไปดูเถิดขอรับ”
เอริแอดเน่ลุกตาม นางเกาะแขนซิกฟรีด “องครักษ์ปกป้องเจ้าได้ก็จริง แต่แค่เจ้า...ข้าให้ไปคนเดียวไม่ได้ และได้โปรด อย่าทิ้งข้าไว้ลำพัง”
ความนัยของนางโยงไปถึงคิงเฟรธูรินผู้ล่วงลับ
นั่นทำให้ซิกฟรีดไม่มีทางเลือก ทั้งสองออกมาพร้อมกัน และเป็นไปดังที่ซิกฟรีดคาด ดาร์กเอลฟ์ที่ถูกองครักษ์จากอิซิลดาร์กดหลังคอให้คุกเข่าอยู่คือโคลด์จริงๆ
โคลด์โดนธนูปักที่ขา มองแล้วไม่หนักหนาเท่าไรนัก แต่อกซิกฟรีดเหมือนถูกเผา
เขาจะลงไปดูอาการของโคลด์ ทว่าแขนที่เอริแอดเน่เกาะอยู่กลับยั้งใจของเขาไว้ หากเขาเลือกโคลด์ตอนนี้ เขาจะทำร้ายพี่หญิง นางโดนทำร้ายมากเกินพอแล้ว
อย่างไรดีเล่า อาเลธ“ใครให้เจ้าซุ่มบนต้นไม้เหมือนแอสซาสซิน” ซิกฟรีดเอ่ยเสียงเฉียบขาด ภายนอกดุ แต่ภายในเป็นห่วง คำพูดจึงแปลได้สองความหมาย อย่างแรกคาดโทษ อย่างที่สองคือตำหนิเพราะทำตัวให้น่าเป็นห่วง
“ข้ามาเฝ้ายามให้ท่าน...ขอรับเจ้าชาย” โคลด์ก้มหน้าตอบแบบทาสที่นอบน้อม เขาค่อนข้างมั่นใจวิชาการพรางตัวของตน แต่ดูเหมือนว่าฝีมือของเขายังไม่ถึง องครักษ์หญิงที่ยิงเขาเป็นนักธนูฝีมือฉกาจ ถ้าเขาหลบช้าไปนิด ธนูอาจปักเข้ากลางอก
เอริแอดเน่พิจารณา ที่จริงนางทราบว่าดาร์กเอลฟ์ผู้นี้เป็นใคร แต่ยังแสร้งถาม “คนรู้จักของเจ้าหรือ ซิกฟรีด”
“เขาเป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของข้าขอรับ” ซิกฟรีดไม่แนะนำว่าโคลด์เป็น ‘ทาส’ เขาเลี่ยงคำนั้น
ท่านหญิงเกาะแขนเจ้าชายแน่นขึ้น มือของนางสั่นเบาๆ “เช่นนั้นข้าขออภัย เรียกคนมาทำแผลให้เขาก่อนดีไหม แต่...ซิกฟรีด ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีนัก...เมื่อเห็นดาร์กเอลฟ์”
ร่างแบบบางหน้าซีด
“ไปทำแผลที่เรือนพักข้ารับใช้เสีย” ซิกฟรีดวางมือของตนบนมือแบบบางของพี่หญิงแล้วบีบเบาๆ
“ขอรับ” โคลด์ตอบรับเสียงเบา เมื่อองครักษ์หญิงเลิกกดหลังคอ เขาก็ลุกขึ้น ขยับตัวที่ระบมจากการตกต้นไม้มากระแทกพื้นช้าๆ เดินลากขาออกไป
ซิกฟรีดคิดว่าจะไปดูโคลด์หลังรับรองเอริแอดเน่เสร็จ
แต่เขาก็ไม่ได้โอกาสจนค่ำมืด ทั้งหลังจากนั้นยังต้องร่วมโต๊ะอาหารกับคิงริวอร์นอร์แบบ ‘ครอบครัว’
เทพีจันทร์บนฟ้าลอยขึ้นสูง ธิดาจันทร์ในสระน้ำนิทราสงบนิ่ง ซิกฟรีดนึกกังวลถึงโคลด์ตลอด
และเมื่อปลีกตัวมาตามหาได้ เจ้าชายกลับไม่พบดาร์กเอลฟ์ที่เรือนพักข้ารับใช้ ไม่มีใครเห็นโคลด์ด้วยซ้ำ พอถามเรื่องได้รับบาดเจ็บก็ยิ่งงงไปกันใหญ่
โคลด์หลบไปทำแผลให้ตัวเองริมสระน้ำ เขาดึงลูกธนูออกเอง ฉีกชายเสื้อมาพันๆ ไว้ แล้วก็นั่งเหม่อมองสระน้ำมืดสลัวตามลำพังเงียบๆ
จนกระทั่ง...
“โอย” มาลแกธสูดปากขณะพิจารณาแผลของโคลด์ เขาโผล่มาแบบภูตผีเช่นเคย “อย่าบอกข้าว่าเจ้าดึงธนูของอิซิลดาร์ออกมาตรงๆ”
หัวธนูแบบอิซิลดาร์เป็นปลายเหล็กรูปสามเหลี่ยมแบบมีเงี่ยง ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าดึงออกตรงๆ มันย่อมเกี่ยวเนื้อออกมาด้วย
“ไม่เจ็บหรอก” โคลด์ตอบเนือยๆ “เจ้าเคยได้ยินไหมว่าดาร์กเอลฟ์กระดูกแข็ง”
“แต่ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนๆ เนื้อก็นิ่ม” มาลแกธเขยิบเข้าไปใกล้คนเจ็บ “ให้ข้าดูหน่อยได้ไหม”
โคลด์เขยิบขาหนี กัดปากล่างเพราะเจ็บแผล “ข้ากระดูกแข็งเพราะมันหักบ่อย หลังกระดูกซ่อมแซมตัวเอง มันจะแกร่งขึ้น”
“ธนูเข้าเนื้อ ไม่ได้เข้ากระดูกที่รัก” มาลแกธจุปาก
“ข้าเปรียบเทียบว่าข้าไม่เป็นไร”
“เขาซุบซิบกันว่ามีแอสซาสซินใจกล้าบุกเข้าวัง ไม่นึกว่าจะเป็นเจ้า”
“เอาไว้ข้าเป็นแอสซาสซินที่เก่งจริงๆ ข้าจะมาบุกใหม่” โคลด์ล้อเล่นแบบไม่ขำ
“ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็ยื่นขามา ข้าจะทำแผลแบบแอสซาสซินให้”
“อืม…” โคลด์อ่อนลงเมื่อมาลแกธกล่อมถูกทาง
“ก่อนอื่นเจ้าต้องพกยาชา” มาลแกธพลิกมือแบบนักเล่นกล จากที่ไม่มีอะไร ในมือก็ปรากฏขวดแก้วใบเล็กๆ เขากำลังทำให้โคลด์ร่าเริงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ยาชาจากใบของต้นบลีด หรือจะบีบจากผลของต้นเบลลาก็คุณภาพดีทั้งคู่ ใบของต้นบลีดหาง่ายกว่า แต่ขวดนี้…” เอลฟ์ตะวันออกแตะตัวยาเหนียวๆ บนปากแผลของอีกฝ่าย “เป็นสุดยอดยาชา บีบจากผลเบลลา ผสมสมุนไพรลับอื่นๆ ของมาลแกธ ล็องธู”
ใบหูสีเข้มตั้งขึ้นด้วยท่าทางอัศจรรย์ใจ “เจ้าสอนข้าทำยาชาได้ใช่ไหม” โคลด์ไม่บอกมาลแกธว่าที่จริงเขาทำยาชาเป็น และทำของชั้นดีที่สุดของดาร์กเอลฟ์ได้ด้วยซ้ำ
โคลด์ต้องการให้อดีตของตนอยู่ในเงามืดต่อไป
“ได้สิ ข้าจะสอนให้ ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” มาลแกธยิ้ม
“อื้อ” โคลด์มองมาลแกธ...ชั่งใจสักครู่ก็ดึงชายเสื้อรุ่มร่ามแบบตะวันออก “กอดข้าหน่อย แบบเมื่อวาน”
“ยินดี แต่ให้ข้าเย็บแผลเจ้าก่อน” เข็มกับด้ายเย็บแผลมาอยู่ในมือมาลแกธตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
โคลด์มองเอลฟ์ผมสีทองเจือแดงก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ขาของเขา “เจ้ามองเห็นหรือ แสงไม่ค่อยมีนะ จะเย็บผิดที่ไหม…”
ตาของเอลฟ์ไม่ได้รับพรให้มองเห็นในที่มืดได้ดีเท่าดาร์กเอลฟ์
“ข้าคือใคร” มาลแกธหัวเราะในลำคอ
“มาลแกธ” โคลด์ยิ้ม สีหน้าค่อยดีขึ้น “เจ้าจะบอกว่า เจ้าหลับตาเย็บแผลให้ข้าก็ยังได้ใช่ไหม”
“ถูกต้อง” มาลแกธเงยหน้ามาขยิบตาให้
เข็มที่เย็บเข้าเนื้อ แม้ไม่เจ็บแต่ก็สร้างความรู้สึกเสียวแปลบอันไม่น่าพิสมัย โคลด์จึงกำชายเสื้อของมาลแกธเพื่อสงบใจ
เขาให้มาลแกธกอดเมื่อทำแผลเสร็จและปฏิเสธการกลับที่พัก ถ้าอีกฝ่ายต้องการกลับก็กลับไปได้เลย
“กอดไปเถิด เจ้ากอดข้าได้นานเท่าที่ต้องการ”
“อืม” ขณะที่ได้รับกอด โคลด์นึกถึงเรื่องสมัยเก่า ตอนที่ซิกฟรีดยังเป็นเจ้าชายน้อยผู้ไม่รู้เดียงสาและดื้อรั้นเอาแต่ใจ บางคืนโคลด์ก็อ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง หรือถือวิสาสะขึ้นไปนอนบนเตียงของเจ้าเด็กเอลฟ์ กอดมันไว้
แต่ความทรงจำเรื่องนั้นเลือนราง ผ่านมานานแล้ว
...ตอนนี้เขาอยากให้ใครสักคนกอดเขาบ้าง
ใครสักคนที่ว่าอุ้มเขาไปนอนในห้องพักรับรองของทูตต่างแดน หลังจากที่เขาผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลียในอ้อมกอด
“ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้ยินคำข้าแล้ว” มาลแกธกระซิบ “ดังนั้นข้าจะบอกเจ้าว่า…”
สัมผัสอบอุ่นประทับบนหน้าผากของดาร์กเอลฟ์
“ข้าชักจะชอบเจ้าจริงๆ เสียแล้ว”
—————————————————————————
A/N อะ อีป๋า อีป๋ามาลแกธ ประโยคสุดท้ายนั่นคืออะไร!!! นายจีบมาตั้งนาน เพิ่งจะรู้สึกชอบจริงๆ เรอะ!!! แล้วก่อนหน้านี้คืออะไร! เต๊าะเฉยๆ เรอะ!!! ตอนเราเขียนโคลด์แล้วคุณ FOULSOUL ส่งประโยคนี้มา #เรือป๋า ของเราโคลงหนักมากค่ะ แงงงงงง
ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz