บทที่ 14 : การตัดสินใจ (2)
เช้าวันต่อมา ซิกฟรีดจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาไม่แตะต้องอาหารในงานเลี้ยง เว้นเพียงไวน์ ซึ่งดื่มตามมารยาทเมื่อขุนนางยกจอกขึ้นเพื่ออวยพร
เขาทราบว่าริวอร์นอร์ผู้เป็นพี่ชายจับตามองตนอยู่
และเขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นปรปักษ์
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า‘เจ้าคิดจะดิ้นจากอุ้งมือเราอย่างนั้นหรือ’ สายตาของพี่ชายเหยียดหยัน
ริวอร์นอร์ฆ่าเฟรธูริน ขังซิกฟรีด...ขังข้า! ในอาศรมควาร์ ให้ควาร์อาวุโสนามไมเธียน และเอลฟ์ตะวันออก มาลแกธ ล็องธู คอยจับตาดูน้องชาย ฟังจากในงานเลี้ยง ตระกูลล็องธู ‘คล้ายว่า’ จะสวามิภักดิ์กับราชาเอลฟ์เพื่อแลกกับ ‘ไมตรีจากรูเมเรียร์’ และใช้ไมตรีนั้นกดดันตระกูลอื่นๆ ในดินแดนตะวันออก
และคืนก่อน ริวอร์นอร์แสดงให้ซิกฟรีดเห็นว่า ‘เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น...อาเลธ’
พี่ผิดแล้ว ริวอร์นอร์
มีทางเลือกอื่นเสมอ
ยังมี...ด้านล่างที่พักของเจ้าชาย ทาสดาร์กเอลฟ์แอบนำห่อของว่างมาให้ทหารองครักษ์ที่บอกทางแก่เขาเมื่อวาน
โคลด์ยื่นห่อผ้าเล็กๆ ให้ทหารองครักษ์นายนั้นรับไว้ แต่เพราะอยู่ในหน้าที่ ทหารองครักษ์จึงรับของขวัญไม่ได้
“งั้นท่านออกเวรเมื่อไหร่ ข้าจะนำมาให้ใหม่” โคลด์บอกก่อนหน้านั้นเขานึกอยากเอาอาหารไปให้มาลแกธ แต่โดนไล่ออกมาจากโรงครัวหลวง เพราะมาลแกธเป็นอาคันตุกะชั้นสูง แถมไม่มีใครบอกโคลด์ด้วยว่ามาลแกธพักอยู่ที่ไหน
ส่วนอาหารของซิกฟรีด...ก็ไม่ใช่หน้าที่เขาอยู่ดี
โคลด์จ้องผ่านทหารองครักษ์กับทหารอีกนายไปทางบันไดขึ้นสู่ตำหนักของเจ้าชาย
จะเอาข้ามาทำไมคำถามนี้ติดอยู่ในใจโคลด์ตลอด
ดูสิ แค่ทางเข้าข้ายังเดินเข้าไปไม่ได้
แต่คิดอีกที โคลด์ว่าแบบนี้อาจดีก็ได้ ต่อไปเขาจะได้ตอกหน้าซิกฟรีดได้ถนัด เวลามาบังคับให้เขาทำอะไร
“ให้ขึ้นมา” ซิกฟรีดสั่งให้ทหารองครักษ์เปิดทาง หากโคลด์สังเกตสักนิด จะเห็นว่านิ้วทั้งห้าของเจ้าชายที่ ‘บีบ’ ขอบระเบียงอยู่กลายเป็นสีขาวซีด คล้ายกดอารมณ์ไม่ให้แสดงทางสีหน้า แต่ระบายเอากับหินอ่อนแทน
โคลด์ที่กำลังจะเดินกลับได้ยินคำสั่งนั้นพอดี
เขาจึงมานั่งแหมะบนพื้นพรมหรูหรา ในห้องอันสมฐานะตามชาติกำเนิดของเจ้าชายเอลฟ์
“นี่ เมื่อวานข้าเจอมาลแกธ” โคลด์บอกง่ายๆ
“ไปเจอมันอีกทำไม”
“เขามาเจอข้าเอง ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นขุนนางแดนตะวันออก” โคลด์เดาจากชุดที่มาลแกธใส่
สนิทกันนัก…ซิกฟรีดนึกอย่างไม่พอใจ
แต่ข้าไม่มีสิทธิ์ห้ามเจ้าใช่ไหม เจ้าไม่เคยมีความรู้สึกใดๆ กับข้า“ข้าเจอไมเธียนด้วย” โคลด์ทำท่าอยากบอกอะไรสักอย่าง “เจ้ารู้ไหมว่ามาลแกธเรียกเขาว่าอะไร” ท่าทางอยากพูดของดาร์กเอลฟ์ปิดไม่มิดทีเดียว
“ควาร์อาวุโส”
“เอ้อ...ใช่” ใบหูสีเข้มลู่ลง “แสดงว่าข่าวของข้ามาช้าไป”
“เขาแสดงตนชัดเจนในงานเลี้ยง” ซิกฟรีดกดขมับตัวเอง คิ้วขมวดเข้าหากันจนเห็นรอยย่น
“เจ้านั่นทำตัวเป็นควาร์คุณหนูมาหลอกเรา ข้าพนันว่าธอรอนทูร์ไม่รู้หรอก กลับไปอาศรมเมื่อไหร่ข้าจะหัวเราะเยาะมัน”
โคลด์ยิ้มแบบไม่ทุกข์ร้อน เหมื่อนเรื่องที่เขาให้มาลแกธปลอบเมื่อคืน หรือที่เขาอยากขยี้สร้อยดอกไม้ไม่เคยเกิดขึ้น
“ก็สมกับเป็นควาร์อาวุโสแล้ว พวกเราเรียนรู้วิธี ‘ตีสองหน้า’ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด”
ซิกฟรีดยิ้มเยาะที่ตนโง่งมเป็นนาน
เขาจงใจย้ำคำว่า ‘ตีสองหน้า’ เพื่อให้ผู้ใดก็ตามที่แอบฟังผ่านตุ้มหูเวทได้ยิน
“เจ้ากินอาหารเช้าหรือยัง” โคลด์ถาม
ซิกฟรีดส่ายหน้า ใครจะกินลง
“ไม่มีใครเอาอาหารเช้ามาให้เจ้าหรือไง”
ซิกฟรีดเบือนสายตาไปทางเตียงให้โคลด์มองตาม บนเตียงมีถาดอาหารเช้าเบาๆ วางอยู่ แต่เจ้าชายไม่แตะต้องเลย
โคลด์เดินเข้าไปจดๆ จ้องๆ และอาจจิ้มไปแล้วหากไม่เกรงใจว่าอยู่ในราชวัง
เขาหันมามองซิกฟรีดด้วยแววตาเป็นประกาย
“เจ้าจะกินกับข้าไหม” ดาร์กเอลฟ์ยิ้มแป้น เขายกไปกินเองเฉยๆ คงไม่ดี แต่ถ้าเจ้าชายแบ่งให้กินคงพอได้
ซิกฟรีดไม่อยากเชื่อ เขาทราบว่าโคลด์กินเก่ง แต่ไม่นึกว่าจะไม่เลือกสถานการณ์ด้วย
“ข้าอนุญาต” เจ้าชายโบกมือคล้ายปัดรำคาญ
โคลด์เลยยกถาดอาหารมาวางบนโต๊ะในส่วนห้องนั่งเล่น และเรียกซิกฟรีด “เจ้าต้องกินด้วย”
“ข้าไม่อยากกิน” ซิกฟรีดไม่ยอมเดินไป เขาไล่นิ้วบนพิณขนาดเล็ก มันส่งเสียงเบาๆ คล้ายกำลังเศร้าสร้อย
“กินเถอะน่า ทนหิวไปไม่ทำให้เจ้าอารมณ์ดีขึ้นมาหรอก” โคลด์ยืนยันอย่างไม่สนใจท่าทางดราม่าของอีกฝ่าย สมัยก่อนเขาก็หลอกล่อเจ้าชายน้อยให้กินอาหารด้วยวิธีคล้ายๆ กันนี้ ซึ่งได้ผลดี
“เจ้าเกลียดที่ต้องรับใช้ข้า”
“ข้าไม่เกลียดเรื่องกินอาหารเช้ากับเจ้า” โคลด์ยังไม่แตะต้องอาหาร เพราะรอให้อีกฝ่ายเลิกรั้นเสียที
ซิกฟรีดถอนหายใจหนักๆ แล้วยอมเดินไปหาโคลด์ เขานั่งลงแล้วอ้าปาก เหมือนสั่งให้อีกฝ่าย ‘ป้อน’
จงใจกวนอารมณ์แน่ๆ
“เจ้าเป็นลูกนกหรือไง ไหนร้องจิ๊บๆ ซิ” โคลด์หัวเราะ ป้อนซุปเห็ดกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอให้
บางครั้งดาร์กเอลฟ์ก็ทื่อเกินไป
ซิกฟรีดพอกินได้เวลามีโคลด์อยู่ “อ้าปาก” เขาสั่ง
โคลด์ทำหน้ายู่ “ไม่เอา” เขารู้ว่าซิกฟรีดจะทำอะไร
‘อ้าปาก’ สายตาดุอันแสนคุ้นเคยจ้องมา
ดาร์กเอลฟ์เม้มปากแน่น ตักซุปช้อนใหม่ จะป้อนให้อย่างเดียว พร้อมทำสงครามทางสายตาตอบ
สมัยก่อนเขาป้อนอาหารให้ไอ้เด็กเอลฟ์บ่อย แต่ไม่เคยต้องให้มันป้อนให้
ซิกฟรีดบิขนมปังถือไว้ แล้วเอาไปจ่อปากโคลด์ ขณะที่มืออีกข้างบีบจมูกดาร์กเอลฟ์
พอโคลด์อ้าปากหายใจ เขาก็ส่งขนมปังเข้าปาก
ซิกฟรีดยิ้มได้ใจ เสียงหัวเราะเบาๆ ลอดออกมา
น่ารัก…
แล้วเจ้าชายเอลฟ์ก็ชะงักกับความคิดของตัวเอง
“แค็กๆ” โคลด์ไม่คายของกินทิ้งอยู่แล้ว จึงกลืนเข้าไป ใบหน้าสีเข้มแดงก่ำ เขาทุบอก คว้าน้ำมาดื่มให้ขนมปังที่ติดคอไหลลงไป จากนั้นก็มองซิกฟรีดตาเขียว
สงครามซุปและขนมปังเริ่มขึ้น ใช้เวลาสักพัก อาหารเช้ามากมายหลายชนิดก็ลงไปอยู่ในท้องของทั้งสองคนจนหมด
“เจ้ารู้ไหม...เมื่อก่อนตอนข้าอยู่นอกค่าย อาหารหากินยากมาก ข้าจึงถือคติถ้ามีให้กินก็อย่ามัวลีลา กินๆ เข้าไปเถอะ”
โคลด์บอกขณะเก็บจานชามให้เรียบร้อยตามความเคยชิน
แต่เขาไม่ได้บอกว่าที่หากินยากนั้น...ยากขนาดไหน บางครั้งไม่มีของกินที่เรียกว่าอาหารได้เต็มปากตกถึงท้องเป็นสัปดาห์ เขาและพี่สาวอาศัยดื่มน้ำจากลำธารกับขูดเนื้อไม้ข้างใต้เปลือกไม้มากินประทังชีวิต
ซิกฟรีดหัวเราะและหอบหายใจกับการต่อสู้ไร้สาระ แต่ครู่หนึ่งก็หุบยิ้ม “ข้าจะกลับอาศรม” เขาบอก “กลับไปศึกษาเวทควาร์ขั้นสูง พี่ริวอร์นอร์เปรยเรื่องตำแหน่งในราชสำนักเมื่อคืนก่อน ข้ายัง… ‘ทำใจรับไม่ได้’ บางทีอาจต้องใช้เวลา”
ใบหูของดาร์กเอลฟ์ตั้งด้วยความทึ่งที่เจ้าชายเล่าเรื่องของตน เพราะปกติซิกฟรีดไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับเขา
“เจ้าดีใจที่ได้พบพี่ชายเหรอ ถึงมาเล่า”
ซิกฟรีดขบกราม
เขาไม่ได้พูดกับโคลด์
แต่พูดกับริวอร์นอร์ผ่านตุ้มหูเวทอันน่าชัง
ข้ายอมกลับไปเป็นนักโทษ
ดีกว่าไร้ทางเลือกใด“แล้วเจ้าทำใจรับไม่ได้เรื่องอะไร” โคลด์ถามต่อ “ไม่อยากทำงานให้ราชสำนักหรือ หรือเป็นเจ้าชายไม่ต้องทำงานก็ได้”
จะให้ข้าทำใจรับใช้พี่ชายซึ่งสังหารพี่ชายอีกคนได้หรือ
ซิกฟรีดไม่ตอบ บรรยากาศรอบตัวเขากลับมาอึมครึม
โคลด์จึงได้แต่เก็บจานแล้วเก็บจานอีก จัดใหม่เรียงใหม่อย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร กระทั่งจานชามถูกจัดเรียงอย่างสวยงามไม่มีที่ติเพื่อรอคนรับใช้มาเก็บ โคลด์จึงลุกขึ้นเพื่อขอตัวลา
“ข้ากลับไปอยู่ที่ของข้าดีกว่า ข้าจำได้ว่าพี่ชายคนรองของเจ้าไม่ชอบดาร์กเอลฟ์”
‘กอด’ ซิกฟรีดมองโคลด์ ‘...ได้โปรด’
เขาไม่ทราบว่าโคลด์จะเข้าใจสายตาของตนไหม ที่ผ่านมาอีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจโดยเขาไม่ต้องพูด
โคลด์ยืนตัวค้าง ถลึงตา นั่นแปลว่าเข้าใจ เขาใช้สายตาตอบกลับว่า ‘จะหาเรื่องให้ข้าหัวขาดหรือไง’
ซิกฟรีดจึงหลุบตาลง
ไม่มีการร้องขอใดอีก
โคลด์ชั่งใจ...เขานึกภาพซิกฟรีดกอดท่านหญิงเอริแอดเน่เมื่อวาน ไม่เข้าใจว่าทำไมซิกฟรีดยังต้องการให้เขากอด
ดาร์กเอลฟ์หลับตา ดึงมือเจ้าชายเอลฟ์หลบเข้ามุมห้อง ในจุดที่จะไม่มีใครเห็นพวกเขาจากทางหน้าต่าง แม้มีผ้าม่านกั้นบางเบา โคลด์ก็ไม่อยากให้เงาของพวกเขาเผลอทาบไปบนนั้น
เขากอดเอวซิกฟรีดก่อน แล้วยกแขนขึ้นกอดหลัง
ซิกฟรีดรวบตัวโคลด์เข้ามากอดแน่น เขาฝังจมูกบนบ่าของอีกฝ่าย มือรั้งแผ่นหลัง ทั้งสองแทบจะหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีพื้นที่ว่างให้อากาศแทรก
ซิกฟรีดหลับตา เขารู้สึกปลอดภัย...
โคลด์ใจเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ วันนี้ซิกฟรีดเปิดเผยกว่าปกติ และดูเหมือนกำลัง...อ้อนเขา?
“ถ้าข้าเป็นราชา…” ซิกฟรีดกระซิบข้างหูโคลด์โดยไม่กลัวเกรง ทว่าคำต่อมาเขาเอ่ยโดยไม่ออกเสียง
...หากเจ้าต้องการอิสระ ข้าก็จะมอบอิสระของทั้งโลกให้เจ้าโคลด์รีบยกมือปิดปากอีกฝ่าย เขาก็ไม่ได้โง่เท่าไหร่ โดยเฉพาะตุ้มหูที่ซิกฟรีดได้รับมา ดูยังไงก็ไม่เหมือนตุ้มหูธรรมดา
ทั้งสองค้างอยู่ในท่านั้นจนโคลด์หอบเบาๆ ริมฝีปากและลมหายใจของเจ้าชายเอลฟ์สร้างความรู้สึกจั๊กจี้จากฝ่ามือไล่ขึ้นไปตามแขน ซิกฟรีดแนบชิดเขาเกินไป ขาที่เกี่ยวกันอยู่ยิ่งทำให้วิงเวียน โคลด์ใช้สายตาถามว่า ‘จะอยู่เช่นนี้ต่ออีกนานไหม’
คำตอบของซิกฟรีดคือเอามือโคลด์ออก แล้วใช้ปลายนิ้วเกี่ยวคางเข้ามารับจูบ
คนถูกจูบสะท้านใจ เขาเผลอลูบไล้ร่างกายของอีกฝ่ายก่อนทันได้คิดอะไร ภาพซิกฟรีดกอดท่านหญิงยังติดอยู่ในใจ เขาสัมผัสกล้ามเนื้อตึงแน่นของเจ้าชายผ่านเนื้อผ้าหรูหรา เหมือนอยากบอกว่า ‘ข้าก็มีสิทธิเป็นเจ้าของเจ้า’
สัญชาตญาณอย่างดาร์กเอลฟ์ระอุอยู่ข้างใน
เจ้าชายเลื่อนมือลงไปยังบั้นท้ายของอีกฝ่าย บีบเคล้นด้วยอารมณ์ลึกล้ำ เขาปัดปลายจมูกกับเปลือกตาโคลด์ ไล่จากใบหน้ามายังต้นคอ จากต้นคอย้อนกลับไปที่ใบหู
แววตาของดาร์กเอลฟ์กล้ากว่าเคย เขาเป็นฝ่ายเชิญชวนก่อนด้วยการจับเข็มขัดของเจ้าชาย ปลดหัวเข็มขัดออกให้
หลังจากนี้โคลด์จะคิดได้ว่าเขาทำเรื่องโง่บัดซบลงไป
แต่ไม่ใช่ตอนนี้
ซิกฟรีดดึงสายรัดเอวของโคลด์ออก เมื่อท่อนล่างของโคลด์เปลือยเปล่าก็รุกเข้าหา ซิกฟรีดชำนาญกว่าเดิม โคลด์ก็เช่นกัน
โคลด์หลังติดกำแพง ใช้มุมห้องเป็นหลักพิงตัวไว้ เขากอดเจ้าชายเอลฟ์ มองขาสีเข้มของตนที่ยกเกี่ยวสะโพกอีกฝ่าย กัดปากกลั้นเสียงครางวาบหวามที่เกิดจากการสอดประสานร่างกาย
ตอนนั้นเอง ซิกฟรีดกระชากตุ้มหูออกทีละข้างแล้วโยนออกไปทางหน้าต่าง เลือดไหลโกรก เขาตระโบมจูบโคลด์
เจ้าชายอารมณ์รุนแรง โคลด์ทราบดี...
โคลด์ยังกลั้นเสียงตัวเองไว้ โดยระบายมันไปกับการเกี่ยวลิ้น ซิกฟรีดไม่เพียงแทรกเข้ามาในตัวเขา แต่ยังแทรกเข้ามาในหัวใจ
การสอดประสานเร่งไวตามอารมณ์ของเจ้าชาย โคลด์แทบยืนไม่ไหว หายใจก็ไม่ทัน
เสียงในหูซิกฟรีดอื้ออึง มันประดังประเดเข้ามาเมื่อไร้เวทกั้น เขาไม่ทราบว่าเป็นเสียงหลอนเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลหรือไม่...
เมื่อเขาได้ยินทุกลมหายใจของโคลด์ สตาร์ประกาศว่า
‘ข้ารักเจ้า’
...ข้าก็รักเจ้า
โคลด์ข่วนคอซิกฟรีดเมื่อหายใจไม่ออก ในท้องน้อยเสียววูบวาบ ขาสองข้างไม่ติดพื้นแต่ถูกยกขึ้นให้เกี่ยวเอวแข็งแรง
ข้างหลังเป็นกำแพง ข้างหน้าเป็นซิกฟรีด โคลด์รู้สึกเหมือนถูกกดล่ามไว้ และถูกกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปรานี
ซิกฟรีดคำรามสั้นๆ เมื่อถึงที่สุดของอารมณ์ เขาประกบริมฝีปากแลกลมหายใจกับโคลด์อีกครั้ง
เรียวขาสีเข้มของดาร์กเอลฟ์สั่นพั่บ ของเหลวข้นไหลจากร่างกายส่วนที่เชื่อมต่อกันหยดลงบนพื้นพรม
โคลด์ตัวอ่อน เห็นรอยเลือดซิบอยู่บนต้นคอเจ้าชาย กับรอยแผลตรงหูก็เลียเลือดให้
ซิกฟรีดครางในคอเมื่อโคลด์แตะลิ้นบนแผลที่หู เขาให้ดาร์กเอลฟ์เอาใจ จากนั้นก็แนบหน้าผากกับหน้าผาก
“นอนที่นี่”
“แต่…” โคลด์กอดซิกฟรีดเป็นหลักยืน “เจ้าแน่ใจ?”
เจ้าชายพยักหน้า
ดาร์กเอลฟ์จึงจูบก่อนบ้าง เหมือนจะตักตวงช่วงเวลานี้ไว้
—————————————————————————
A/N ใครคิดถึงซิกฟรีด ซิกฟรีดมาแล้วนะคะ แวๆๆ อย่าเพิ่งตีเค้า น้อยใจเค้า เค้าปิดปากเงียบเพื่อวันนี้!!!
ป.ล. ปั่นงานอยู่ค่ะ เสร็จแล้วจะมาไล่ตอบคอมเมนต์น้า จุ๊บติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz