บทที่ 12 : บ่วงอารมณ์ (3)
สามวันแล้วที่โคลด์ สตาร์ไม่มาเรียนวิชามีดสั้นกับเอลฟ์ตะวันออก โผล่มาอีกทีเจ้าตัวก็วิ่งวุ่นหาแผ่นไม้ จะเอาไปซ่อมโรงเก็บของเก่าและทำให้มันเป็นห้องส่วนตัว--สวรรค์น้อยๆ เสียที
“เจ้าหายไปเลย”
มาลแกธเข้ามาทักโคลด์ซึ่งด้อมๆ มองๆ เลือกแผ่นไม้ที่พอใช้ได้จากกองแผ่นไม้ชื้นน้ำ เมื่อสามวันก่อนฝนตกหนัก ส่งให้พื้นกระดาน ผนัง และประตูไม้ของอาศรมบวม ควาร์เอเรนดิลจึงให้คนรื้อออกแล้วหาแผ่นใหม่มาซ่อมแซม
“เจ้าว่าข้าเอาแผ่นไม้พวกนี้ไปตากแดดแล้วรมควันดีไหม...ควรทาสีใหม่ด้วย” โคลด์มีความสุขกับการเลือกของ (ขยะ) มาซ่อมแซมห้องส่วนตัว
“รมควันน่ะดี แต่อาศรมคงมีแต่ควันคลุ้งไปหลายวัน” มาลแกธนั่งลง ช่วยเลือกไม้ที่พอไหว...
ไม่มี“ข้าไปรมควันไกลๆ อาศรมก็ได้ จะได้ไม่มีใครมาบ่น” ดาร์กเอลฟ์ยังรื้อแล้วรื้ออีก ความจริงคือเขาเพิ่งได้ออกจากห้องของซิกฟรีด เพราะควาร์เอเรนดิลเรียกเจ้าชายไปพบ โคลด์ออกมาได้ก็มึนๆ เบลอๆ รีบไปหาอาหารมื้อดีๆ กินทันทีเพราะหิวโซ อยู่แต่ในห้องเขาได้กินแต่น้ำกับอาหารแห้ง ไม่พอยาไส้
อีกอย่าง...เจ้าชายเอลฟ์ทำเขาระบมไปทั้งตัว
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้านะที่รัก” มาลแกธเหวี่ยงไม้แผ่นหนึ่งไปกองกับไม้ที่โคลด์เลือกไว้...เพิ่งได้สามแผ่น
“อะไรนะ เจ้าถามอะไรเหรอ” โคลด์หันมา
“เจ้าหายไปไหนมาหรือ” มาลแกธมองโคลด์ที่ดู...
อืม เปล่งปลั่ง? อิ่มเอม? มีความสุข? ข้าควรใช้คำไหนดีนะ เอลฟ์ตะวันออกเลือกแผ่นไม้ไปพิจารณาโคลด์ไป
หรือควรบอกว่าดูอิดโรยและอ่อนแรง แต่ไม่หงุดหงิด ไม่ดื้อรั้นเท่าเดิม
โคลด์ถอนใจ เอานิ้วเขี่ยเห็ดจิ๋วที่ขึ้นบนแผ่นกระดานอันหนึ่งเล่น “โดนขังในห้องอีกแล้ว เพิ่งได้ออกมา”
“ให้ข้าช่วยพูดไหม ‘ซิกฟรีด เจ้าขังข้ารับใช้เหมือนขังสัตว์เลี้ยง เอลฟ์รูเมเรียร์กระทำเช่นนี้หรือ’ ” มาลแกธทำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง แต่ทำท่าล้อเลียนเสียดสีขุนนางชั้นสูง
เอลฟ์ตะวันออกหนอ...จริงจังหรือล้อเล่น มองออกยากเสียจริง
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าว่าเขาให้ข้าย้ายออกมาแน่ๆ” โคลด์ดูมั่นใจเต็มร้อย “ในที่สุดก็พูดกันรู้เรื่องแล้ว เขาสำนึกบุญคุณที่ข้าแบกเขากลับมา...คิดว่านะ”
“เจ้าแบกเขามาไกลทีเดียว” มาลแกธยิ้มด้วยตา
“ใช่ๆ เหนื่อยมากเลย” โคลด์นั่งเด็ดดอกเห็ดออกจากแผ่นไม้ที่ตนหมายตา
“น้ำตกนั่น…” มาลแกธทำเสียงอืมในลำคอ “อยู่ไกลจริงๆ”
ดาร์กเอลฟ์ชะงัก หันขวับมองเอลฟ์ตะวันออก “ข้าบอกคนอื่นว่าเก็บเขามาจากในป่า” โคลด์ลดเสียงลง ถ้าเขากับมาลแกธพูดไม่ตรงกัน คนที่โดนสงสัยย่อมเป็นเขา
“หรือ” เอลฟ์ตะวันออกยิ้ม
“ข้าไม่อยากให้ใครไปวุ่นวายที่น้ำตก ถ้าพวกเขาห้ามข้าหรือซิกฟรีดไปที่นั่นอีกขึ้นมา...นั่นสถานที่พักผ่อนของข้า” โคลด์บอกเสียงเบา ลุ้นในใจว่ามาลแกธจะพูดเรื่องมารดานทีหรือไม่
ความจริงแล้วมาลแกธแค่พูดไปอย่างนั้นเอง
ตอนเข้ามายังอาศรมใหม่ๆ มาลแกธสำรวจอาศรมและบริเวณโดยรอบจนทั่วทุกซอกทุกมุม เขาเขียนแผนที่อาศรมในหัว จำทิศทางได้แม่นยำ เมื่อคราวที่ควาร์ออกตามหาซิกฟรีด มาลแกธเริ่มจากเหนือสุดไปใต้สุด กวาดจากตะวันตกไปตะวันออก เขามั่นใจว่าตนค้นหารอบน้ำตกแล้ว--สุดทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอาศรมพอดี
ขณะที่มาลแกธกำลังจะเดินทางกลับไปยังอาศรม เขาบังเอิญเห็นโคลด์แบกซิกฟรีดมาจากทิศที่ตั้งของน้ำตก หน้าตาของโคลด์ดูต่างจากที่เห็นประจำ มันดู...จริงจัง?
หรืออาจโกรธขึ้ง...เขาไม่แน่ใจนัก
มาลแกธจึงตามดูโคลด์เงียบๆ และเมื่อดาร์กเอลฟ์บอกกับควาร์ทุกคนว่าพบซิกฟรีดในป่าแบบส่งๆ เขาเลยอดสงสัยไม่ได้
ไม่นับว่าโคลด์ยังเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องของซิกฟรีดอย่างสงบเสงี่ยมถึงสามวันสามคืน คนช่างสังเกตอย่างมาลแกธเห็นว่า มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไประหว่างทาสดาร์กเอลฟ์กับเจ้าชายเอลฟ์
ทุกอย่างน่าจะเริ่มต้นที่น้ำตก“ว่าแต่ เจ้าน่ะ” โคลด์กอดอก เหล่ตามองเอลฟ์ตะวันออก
“หืม” มาลแกธพลิกกระดานไม้สำรวจเห็ดรา
“เจ้าเห็นแล้วทำไมไม่มาช่วยข้าแบกเขา” ปลายหูแหลมๆ ของดาร์กเอลฟ์ชี้ตั้ง เหมือนแมวกำลังขู่
“ข้าบอกเจ้าตอนไหนหรือว่าข้าเห็น” มาลแกธหัวเราะ
“เจ้าบอกว่าข้าแบกเขามาไกล…” ปลายหูแหลมสีเทายังชี้อยู่
“ข้าทวนคำพูดเจ้า เอ้า! แผ่นนี้ใช้ได้”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ” โคลด์รับแผ่นไม้ว่องไวด้วยหน้าตามึนๆ “คราวหลังถ้าเห็นก็ออกมาช่วยกันบ้าง มันเหนื่อยนะ ต้องแบกเขา”
“ขอรับ” มาลแกธยิ้มกว้าง
ไม่มีการพูดถึงมารดานที ถ้ามาลแกธไม่พูด โคลด์ก็จะไม่พูดเช่นกัน...เขายังชอบมาลแกธ อย่างน้อยก็ชอบที่สุดในบรรดาควาร์ในอาศรมนี้
“ที่นี่...มีคนจับตาดูเจ้าตลอดเวลา โคลด์ สตาร์” มาลแกธกระซิบข้างหูโคลด์ “และไม่ใช่ข้าที่เจ้าควรระวัง”
โคลด์กลับหน้าแดงฉ่า ผงะไป เขานึกถึงความลับภายในห้องที่ตนกับเจ้าชายเอลฟ์ร่วมกันทำตลอดสามวันที่ผ่านมา “จริงสิ” ตาสีม่วงเบิกกว้าง “หรือที่ควาร์เอเรลดิลเรียกซิกฟรีดไปพบก็…”
มาลแกธเอานิ้วทาบปาก ก่อนจะเลื่อนไปแตะที่หู
“พวกควาร์นี่แย่ที่สุดเลย”
พวกชอบแอบฟัง“เจ้าต้องเรียนรู้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู” ดวงตาสีแดงของมาลแกธพราวระยับ
“หรือใครที่เป็นศัตรูและกำลังจะเปลี่ยนเป็นมิตร”
หลังซิกฟรีดหายดี (ซึ่งหายดีนานแล้วแต่ไม่ยอมออกมาจากห้อง) ควาร์เอเรนดิลซึ่งเป็นควาร์อาวุโส รับผิดชอบดูแลอาศรม ก็เรียกซิกฟรีดเข้าไปพบ
บทสนทนาไม่มีอะไรมากไปกว่าถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แต่ซิกฟรีดไม่พูดโต้ตอบแม้สักคำ
ข้ารู้…
ข้าได้ยินซิกฟรีดจำถ้อยคำที่มารดาแห่งนทีเป็นผู้กระซิบได้ทั้งหมด
ความลวง...ความจริง
และเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่ออื่นๆ
เขาเงียบ เป็นใบ้ ดวงตาแข็งกระด้าง นั่งมองควาร์อาวุโสอยู่อย่างนั้นจนถูกปล่อยให้ไปพักผ่อน
ซิกฟรีดไม่ทำความเคารพควาร์เอเรนดิลอย่างเคย เขาหมุนตัวออกไป ย่ำเท้าหนักแน่นกลับห้องพักโดยไม่เหลียวกลับมา
“เจ้าชายพระองค์เล็กทำตัวน่ากังวลกว่าที่ผ่านมา บางที คงต้องรายงานองค์ราชากระมัง”
ควาร์เอเรนดิลเอ่ยกับควาร์อาวุโสอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเพิ่งออกมาจากด้านหลังฉากกั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาควาร์เอเรนดิลไม่ได้อยู่กับซิกฟรีดเพียงลำพัง แต่มีผู้รับฟังและรับชม
“ควรจะรายงานเรื่องเอลฟ์ตะวันออกด้วยหรือไม่”
“มันดูไม่อันตรายเท่าไรนัก ลอยชายไปมา การได้ยินก็ด้อยเหลือเกิน”
“อันตรายสิท่าน มันเกี้ยวพาลูกศิษย์ในอาศรมไปจะครึ่งหนึ่งแล้ว”
ควาร์เอเรนดิลหัวเราะอย่างสุภาพ “เอลฟ์ตะวันออกเป็นพวกใช้แรง ก็ใช้มันให้ดี ให้จับตาดูเจ้าชายกับข้ารับใช้ดาร์กเอลฟ์ต่อไป”
“ข้าได้ยินว่าพวกมันเจ้าเล่ห์”
“พวกเราก็ใช่ว่าไร้สมองจริงไหมเล่า...ท่านควาร์อาวุโส ‘ไมเธียน’ ”
“ขอรับ ท่านเอเรนดิล”
ออกมาได้ ซิกฟรีดเห็นโคลด์กำลังเลือกแผ่นไม้อยู่กับเอลฟ์ตะวันออก ทั้งสองคุยกัน ยิ้มและหัวเราะให้แก่กันแบบที่โคลด์ไม่ทำกับเขา ที่จริงโคลด์สนิทกับเอลฟ์ตะวันออกเช่นนี้นานแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
“หูควาร์ได้ยินดีแค่ไหน” โคลด์ถามมาลแกธแบบอ้อมๆ เขาไม่กล้าบอกใครเรื่องตนกับซิกฟรีด เพราะเดาได้ว่าถ้าเรื่องนี้แดงออกไป ควาร์คงลงโทษเขาโดยการจับเผาไฟไม่ก็จับถ่วงน้ำ...ส่วนซิกฟรีดคงแค่ถูกอบรมนิดหน่อย
ในฐานะดาร์กเอลฟ์ที่ล่อลวงเอลฟ์ กับเอลฟ์ที่ถูกดาร์กเอลฟ์ล่อลวง
“ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และตั้งใจฟังแค่ไหน”
“แล้วถ้าเป็นเจ้าล่ะ” โคลด์ถามอ้อมแล้วอ้อมอีก ช้อนตามองแบบคนมีชนักติดหลัง (ซึ่งดูน่ารักดีในสายตาของมาลแกธ)
“อืม…” มาลแกธนึก อมยิ้มกับท่าทางของโคลด์ “ครั้งล่าสุดที่เข้ารับการทดสอบ ข้าอยู่ในระดับห่วยสิ้นดี...แต่ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าโกรธๆ ของเอลฟ์ตนหนึ่งกำลังย่ำมาทางนี้”
มาลแกธบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง โคลด์เห็นปีศาจหน้าตาเหมือนซิกฟรีดพุ่งตรงมาหาเขา
ดาร์กเอลฟ์กอด (ขยะ) แผ่นไม้แบบหวงสุดขีด ประหนึ่งมันเป็นสมบัติล้ำค่า
“เราจะไปจากที่นี่” ซิกฟรีดฉุดโคลด์ขึ้น ทำให้มาลแกธลุกตาม เอลฟ์ตะวันออกรูปร่างสูงใหญ่ พอยืดตัวเต็มความสูงแล้วดูข่มเจ้าชายแห่งรูเมเรียร์นิดๆ
“เอ๋ๆ?” ดาร์กเอลฟ์ตั้งตัวไม่ทัน
ซิกฟรีดจ้องมาลแกธด้วยสายตาเอาเรื่อง แล้วหันมาจ้องโคลด์เขม็งว่า ‘เจ้าได้ยินแล้ว อย่าให้พูดซ้ำได้ไหม’
“ไป? ไปไหน?” โคลด์เผลอถามโง่ๆ...เพราะปกติคนที่อยากออกไปใจจะขาดคือเขา ไม่ใช่ซิกฟรีด
“เอวา เธมาร์”
มาลแกธผิวปากให้กับคำตอบของซิกฟรีด
“แต่ข้าเพิ่งอยากอยู่ที่นี่” โคลด์เถียง ย่อมแน่ เพราะนกของเกวนโดลินจะมาหาเขาที่นี่ แล้วนางก็บอกให้เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่
“ข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่าเอวา เธมาร์กำลังวุ่นวายกับการจัดการผู้อพยพจากแดนทมิฬ กบฏดาร์กเอลฟ์ส่อเค้าว่าจะก่อจลาจลอีกครั้ง และพวกโจรกำลังป่วนได้ที่ หากเจ้าออกจากอาศรมตอนนี้ สงสัยควาร์เอเรนดิลถูกคิงริวอร์นอร์กุดหัว โทษฐานดูแลน้องชายคนเล็กของพระองค์ไม่ดีแน่ๆ” มาลแกธทิ้งหางตาคล้ายเวทนาชะตาของควาร์เอเรนดิล แต่รอยยิ้มกลับเป็นอะไรที่ให้ความหมายตรงกันข้าม
ซิกฟรีดไม่ต่อคำ เขาแค่จ้องอีกฝ่าย แทบจะเห็นลูกไฟลุกในดวงตาสีส้มร้อนแรง
—————————————————————————
A/N แหม ป๋าแกก็กลับมาทวงบทบ้างอะไรบ้าง ยังไงภาษีแกก็ดีอยู่นะคะ และเนื้อเรื่องก็เดินมาเรื่อยๆ ละน้า ไม่ได้มุ้งมิ้งกันไปเฉยๆ น้า -3- มีใครจับปมบางอย่างในบทนี้ได้บ้างไหมคะ?
ป.ล. โคลด์ในปัจจุบันกอดอก "ข้าไม่ลืมหรอกนะว่าเขาให้คนอื่นมานอนแทนข้า ไหนสัญญาไว้ว่าข้ามานอนได้ไง"
/ในอนาคตจึงแทงคอมาลแกธ โทษฐานผิดสัญญา
#ผิด #ไม่ผิดหรอก #โกรธจนตายค่ะ บอกเลย 555ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz