CHAPTER 8
ภายในห้วงฝันของโครอส ไอร่าเห็นโครอสกำลังกอดร่างซีดเผือดของตนเอง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากอกที่มีมีดสั้นของพระมารดาปักไว้ มีดสั้น..ที่เขายังไม่ได้รับกลับคืนมาตั้งแต่ถูกฉกฉวยไป ภาพฝันของโครอสเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เขาเห็นโครอสกำลังเอื้อมมือไขว่คว้าตัวเขาให้ออกห่างจากบุรุษผู้หนึ่ง.. ไอเรส เสด็จพี่ของเขา
ไอร่าก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อสำนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังอยู่ในห้วงฝันของโครอส และไอเรสในตอนนี้ก็ดูเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นเท่านั้น นี่คงเป็นภาพจากความทรงจำของโครอส ไอร่าจำได้ว่าก่อนมีการสั่งห้ามไม่ให้ชาวตะวันออกเข้ามายังแดนเหนือ เสด็จพี่ของเขาเคยเดินทางไปยังแดนตะวันออกเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ทั้งสองคนคงได้พบกันตอนนั้น ตอนที่ทั้งสองคนยังเป็นแค่เพียงองค์รัชทายาท
ไอร่ามองภาพฝันของโครอสที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา แรกเริ่มเป็นภาพเขาที่ยิ้มแย้มก่อนเปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่ง จากนั้นเขากดมีดของพระมารดาปักลงที่อกตนเองจนเลือดไหลนอง โครอสเฝ้าประคองกอดเขาไว้อย่างไม่ยอมให้จากไปไหน จากนั้นภาพฝันก็เปลี่ยนไปเป็นภาพที่เขาถูกฉุดรั้งด้วยตัวของเสด็จพี่อีกครั้ง
ไอร่ามองภาพฝันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขากำเครื่องรางที่อยู่บนหน้าอกของตนเองก่อนเดินผ่านม่านพลังที่กระเพื่อมตัวราวกับสายน้ำเมื่อเขาเดินผ่าน ภาพฝันของโครอสเปลี่ยนไปอีกครั้ง ทันทีที่เขาแตะเท้าก้าวผ่านม่านพลังเข้ามาได้หมด พื้นที่ข้างหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป ตอนนี้เขากับโครอสอยู่กันสองคนภายในสวนสวยของปราสาทฝั่งตะวันออก สวนสวยที่เป็นดั่งกรงทองที่กักขังเขาไว้
" ข้าทำผิดมากไปใช่หรือไม่เจ้าถึงได้จากข้าไป"
ไอร่าลอบมองคนที่กล่าวกับเขาโดยที่ไม่ได้สบตา ดวงตาสีเทาดุดันบัดนี้ช่างดูเศร้าหมอง ไอร่าเหม่อมองท้องฟ้าที่ดูขมุกขมัว มันไม่สดใส เหมือนใจเขาทั้งสองคน
" หากท่านทำผิด ข้าเองก็ผิดเช่นกัน ข้าไม่น่าตอบรับหรือรับรู้ถึงความรู้สึกท่าน ท่านทั้งน่ารังเกียจและน่าชิงชัง แต่ข้ากลับหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่อยากเห็นท่านจากไป"
" ข้าไม่ได้จากไป เจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายจากข้าไป"
ไอร่าถอนหายใจ เขาไม่เคยเข้ามาในห้วงฝันของผู้ใด เขาไม่รู้ว่าคนตัวสูงที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้จะรู้ตัวหรือไม่ว่าเขาตอนนี้เป็นตัวตนที่แท้จริง ที่ผ่านเข้ามาเพื่อพูดคุยในความฝัน ไม่ใช่คนที่พร้อมจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาอีกแล้ว
" เจ้ากำลังจะจากข้าไปคนใจร้าย เจ้ากำลังจะจากไปทั้งที่ทิ้งปัญหาคาใจไว้ให้กับข้า และหากข้าตายจริงอย่างที่เจ้าเห็น ข้าคงตายตาไม่หลับ"
เสียงกล่าวอย่างบึ้งตึงทำให้โครอสที่อยู่ในความฝันยกยิ้มมุมปาก เขายังคงจ้องมองท้องฟ้าเบื้องหน้า ท้องฟ้าที่คงไม่มีวันสดใสได้อีกแล้ว
" ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตายจากไปหรอกนะคนงาม เพราะหากเจ้าตายข้าขอแตกดับ หากเจ้าลาลับข้าจะอยู่เคียงข้าง แม้ตัวเจ้ากับข้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่จงรู้ไว้ว่าใจข้าได้อยู่ที่เจ้าแล้ว และหากเจ้าสิ้นชีพจากไป ใจของข้าจะตายไปพร้อมเจ้าเช่นกัน"
คำกล่าวของโครอสทำให้ไอร่าใจสั่น นี่คือคำตอบที่เขาต้องการใช่หรือไม่
" เจ้ารักข้าเมื่อไหร่กัน แล้วข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่หลอกลวงข้า"
" ถ้าข้ารู้ใจตนเองข้าคงไม่รอจนเจ้าจากไป และข้าจะไม่ขอให้เจ้าเชื่อใจข้า เพราะตอนนี้ใจข้าไม่ได้อยู่ที่ข้า แต่มันอยู่ที่เจ้า"
ไอร่าหน้าแดง ยียวน.. ทั้งที่อยู่ในความฝันคนผู้นี้ก็ยังยียวนไม่หยุด ไอร่าลอบมองคนที่บัดนี้มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าคมเข้ม ไอร่าเม้มปาก ตกลงคนผู้นี้หรือไม่ว่านี่เป็นเป็นความฝัน ทั้งที่พูดจาได้น่ารักผิดจากที่ผ่านมา แต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเริ่มทำให้ไอร่าไม่เชื่อใจ
" ข้าไม่ได้อยากได้ใจเจ้า ข้าจะไปแล้ว เครื่องรางของเจ้าก็จงเอาคืนไปซะ เอาหัวใจของเจ้าคืนไป"
ไอร่าพูดเสียงห้วน การเข้ามาในความฝันครั้งนี้คงจะเปล่าประโยชน์ ทั้งที่เขาเข้ามาเพื่อที่จะหาคำตอบ แต่เจ้าของห้วงฝันกลับเอาแต่ยียวนและยิ้มขำ ไอร่าถอนหายใจแล้วพยายามถอดเครื่องรางออก แต่เครืื่องรางกลับติดแน่นอยู่ที่อกจนไม่อาจขยับได้ ตอนนั้นเองที่ไอร่าได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่น ไอร่าหน้าแดงมากยิ่งขึ้น เขาตวัดสายตามองคนที่ยังหัวเราะขำไม่หยุด แต่ก่อนที่ไอร่าจะได้พูดจาโต้ตอบกลับไปอย่างเผ็ดร้อน เขากลับถูกกระชากแล้วแนบประทับจูบ
" อื้อออ!!!"
ไอร่าร้องท้วงในลำคอ เขาตกใจจนดิ้นรนทุบตีให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่รัดพันไว้แน่น เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ ไอร่าตะโกนด่าทอทันที
" ปล่อยข้านะเจ้าคนชั่ว!!!"
แต่ยังไม่ทันที่ไอร่าจะดิ้นรนหรือด่าทอไปมากกว่า เขากลับรู้ถึงถึงวงแขนที่โอบรัดแน่นขึ้น ไอร่าเงยหน้าขึ้นด้วยความอึดอัด และยังไม่ทันที่จะร้องบอกให้คนที่กอดตนอยู่ปล่อยตัว ไอร่ากลับได้ยินกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
" เจ้าจงไปเถิดคนงามของข้า ข้าจะไม่ฉุดรั้งเจ้าอีก ไม่ว่านี่จะเป็นความฝันหรือเป็นความจริง ข้าจะไม่ยื้อเจ้าไว้อีกแล้ว แต่ข้าขอเถิดนะ คนงาม โปรดรับหัวใจข้าไปด้วย นี่ถือเป็นคำขอครั้งสุดท้ายจากข้าที่จะเอาแต่ใจ จากนั้นข้าจะไม่มาให้เจ้าเห็นหน้าอีก ไม่ว่าความฝันหรือความจริงก็ตาม"
เสียงกล่าวของโครอสที่พูดข้างหูทำให้ไอร่าหวั่นใจ คำกล่าวนี้ช่างมั่นคงไม่ต่างอะไรกับคำสาบาน คนผู้นี้จะทำอะไร คนผู้นี้จะจากไปไหนกันแน่
" เจ้าจะไปไหน! เจ้าจะจากข้าไปไหน!" ไอร่าร้องท้วงเสียงสั่น ทำไมคนผู้นี้ต้องกล่าวราวกับจะลาตาย
" ข้าไม่ได้ไปไหน ข้าเพียงอยากอยู่ในใจเจ้า ถือว่านี่เป็นการไถ่โทษจากข้าเถิดนะคนงาม ข้าจะปกป้องเจ้าไว้ทุกลมหายใจ แต่ข้าจะไม่มาให้เจ้าเห็นหน้าข้าอีก"
สิ้นเสียงคำพูดของโครอส ไอร่าถูกผลักออกจากห้วงฝัน เขาพยายามยื้อตัวเองไว้ เขายังไม่เข้าใจ ตกลงนี่มันอะไรกัน มันเป็นความฝันหรือเป็นความจริง ทำไมอีกฝ่ายต้องพูดเหมือนทุกอย่างเป็นความจริงทั้งที่ยังอยู่ในห้วงฝัน ทำไมถึงขับไล่เขาออกมา และทำไม..เขาถึงได้เจ็บปวดหัวใจนัก
" ท่านไอร่า!"
เสียงอลันที่อื้ออึงแทบไม่ผ่านส่วนประสาทของไอร่า ไอร่าโงนเงนอยู่ภายในอ้อมกอดของอลัน เขายึดแขนอลันไว้แน่นก่อนจะเริ่มสะอื้น นี่มันอะไรกัน ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิม แล้วทำไมเขาถึงถูกขับไล่ออกมา ไอร่าพยายามกลั้นน้ำตาและควบคุมสติ เขาต้องใจเย็นเพื่อคิดและประมวลสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด จนเมื่อคิดได้และเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา ไอร่าจึงเอ่ยเสียงสั่นกับอลันที่กำลังประคองตัวเขาไว้
" นายของเจ้ากำลังจะจากไป.. เขากำลังจะจากข้าไป และกำลังจะจากเจ้าไปเช่นกัน.."
คำพูดของไอร่าทำให้อลันตัวชาวูบ เกิดอะไรขึ้นในห้วงความฝันกัน ทั้งที่เขามั่นใจว่าการเข้าไปในความฝันของท่านไอร่าครั้งนี้น่าจะทำให้นายของเขาฟื้นขึ้นมาได้ แต่ทำไมท่านไอร่าจึงกล่าวเช่นนี้
" เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับท่านไอร่า ฝ่าบาทกล่าวอะไรกับท่าน" อลันพูดเสียงนุ่ม ท่านไอร่าคงกำลังตกใจ และการที่เขาพูดอย่างร้อนรนคงไม่ช่วยอะไรมากไปกว่าการทำให้คนในอ้อมกอดยิ่งหวาดกลัว เขาคงต้องใจเย็นและปลอบขวัญคนตรงหน้าก่อน
" เขาคิดฝังตนเองให้อยู่ในห้วงความฝัน เขากำลังลงโทษตนเองอย่างที่เจ้ากล่าว เขากำลังจะทิ้งข้าไป.."
ไอร่ากล่าวทั้งน้ำตา น้ำตาของไอร่าไหลออกมาเงียบๆ เขาเกาะแขนของอลันเพื่อหาที่พักพิง ไอร่าร้องไห้อีกพักใหญ่ภายใต้การปลอบโยนโดยการลูบหลังของอลัน จนเมื่อเขาสงบใจได้ เขาจึงเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกไป
" ทำไมเขาถึงรู้สึกผิดมากขนาดนั้น เขาไม่น่าจะใช่คนที่จะยอมละทิ้งประชาชน แม้ข้าจะไม่เคยออกว่าราชการกับเขา แต่ข้าก็เห็นว่าเขาทำงานหนักมาก ทำไมเขาถึงยอมแพ้ง่ายๆกับเรื่องแค่นี้"
คำถามของไอร่าทำให้อลันนิ่งคิด เขาคิดอยู่นานจนเมื่อคิดหาสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้เจอ เขาประคองร่างบางให้นั่งดีๆหลังจากที่รู้สึกว่าอีกฝ่ายตั้งหลักได้ อลันคุกเข่าลงตามมารยาทยามที่เขาพูดคุยกับเจ้านายที่นั่งอยู่
" ท่านเคยได้ยินเรื่องคำสาปหรือไม่ขอรับ คำสาปที่เป็นเหมือนคำอวยพรจากทวยเทพ" อลันถามเสียงเรียบราวกับพูดคุยด้วยเรื่องธรรมดา
ไอร่างุนงง เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคำสาปกัน คำสาปคือเรื่องราวที่เหล่าพ่อมดแม่มดตราขึ้นมาเพื่อสาปแช่งคนที่เกลียดชั่งไม่ใช่หรือไร แต่โครอสไม่ใช่พ่อมด แม้จะมีมนตราแต่โครอสไม่น่าจะใช่พ่อมดเต็มตัว แล้วคำสาปจะเกี่ยวข้องอันใดกับทวยเทพ
" ข้าไม่เคยได้ยิน คำสาปย่อมเป็นคำสาป มันจะกลายเป็นคำอำนวยพรจากทวยเทพได้อย่างไร"
เสียงกล่าวอย่างงุนงงทำให้อลันลอบยิ้ม ท่านไอร่ายามนี้ช่างเหมือนเด็กน้อยที่รอฟังเรื่องเล่าก่อนนอน อาจเป็นเพราะท่านไอร่าอยู่คนเดียวมานาน อีกทั้งยังเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่มีมนตรา ท่านไอร่าจึงไม่มีความรู้ด้านนี้
" ไม่ว่าคำสาปหรือคำอำนวยพร ทุกอย่างล้วนมีต้นกำเนิดมาจากทวยเทพ พลังแห่งพ่อมดแต่เดิมก็เป็นสิ่งที่ทวยเทพประทานให้แก่ลูกหลาน ดังนั้นหากเหล่าเทพสามารถตราได้ทั้งคำสาปและคำอำนวยพร พ่อมดก็สามารถทำได้เช่นกัน"
" ข้านึกว่าการมอบคำอวยพรเป็นเรื่องของนักบวชเสียอีก" ไอร่าพึมพัมเสียงเบา
ที่ประเทศของเขามีนักบวชและพ่อมดมากมาย เรียกได้ว่าถ้าแดนตะวันออกเป็นดินแดนของนักรบ แดนเหนือก็เปรียบเสมือนเป็นดินแดนต้นกำเนิดของพ่อมด และพ่อมดกับเหล่านักบวชจะทำงานแยกกัน พ่อมดจะทำหน้าที่ในการต่อสู้หรือร่ายมนต์เพื่อสร้างวงเวทย์ ในขณะที่นักบวชจะเป็นผู้รับพระประสงค์จากทวยเทพและท่องบทสวดเพื่ออำนวยพรแก่ประชาชนรวมถึงการรักษาบาดแผล จะมีก็แต่พ่อมดทั้งห้าเท่านั้นที่มีความสามารถในการเป็นทั้งพ่อมดและเป็นนักบวช
" แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับการที่นายของเจ้าลงโทษตนเอง หรือโครอสก็เป็นพ่อมดที่มีความสามารถของนักบวช"
คราวนี้รอยยิ้มของอลันหุุบหายไปจากใบหน้า หากพิจารณาจากผิวพรรณ ท่านไอร่าคงเป็นคนจากแดนเหนือ แต่จากคำพูดที่กล่าวมาไม่กี่ประโยค ทำให้อลันรู้แล้วว่าทำไมนายของเขาจึงสนใจแดนเหนือมากขึ้นนับตั้งแต่จับตัวแมวป่ากลับมาได้ ท่านไอร่าไม่ใช่คนธรรมดา และอาจเป็นถึงองค์ชายจากแดนเหนือ การกล่าวถึงการว่าราชการ หรือความรู้อย่างลึกซึ้งในตัวพ่อมดแดนเหนือทำให้อลันมั่นใจ แดนตะวันออกไม่มีนักบวชที่ควบรวมตำแหน่งพ่อมด แม่มดที่มีฐานะเป็นนักบวชเพียงหนึ่งเดียวของแฮริออสคือเสด็จย่าของโครอส ซึ่งนั่นเป็นความลับของราชวงศ์ แต่การที่ท่านไอร่ากล่าวถึงพ่อมดที่มีฐานะควบรวมนักบวชได้ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้อลันมั่นใจว่าไอร่าต้องมีความสนิทชิดเชื้อกับเหล่าพ่อมดทั้งห้าแห่งแดนเหนือซึ่งมีฐานะเป็นถึงคนในราชวงศ์
" ฝ่าบาทไม่ใช่นักบวชหรือพ่อมดหรอกขอรับ ฝ่าบาทเพียงแต่มีเชื้อสายมาจากนักบวชผู้บูชาเทพแห่งไฮพีเรีย ดังนั้นการที่ฝ่าบาทจะได้รับการคุ้มครองจากทวยเทพจึงไม่ใช่เรื่องแปลก"
" แล้ว..."
" ในตอนก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงหลับไป ฝ่าบาทได้ขอร้องทวยเทพเพื่อหยิบยืมพลังมาใช้ในการต่อสู้ การหยิบยืมพลังจำเป็นต้องมีการจ่ายค่าตอบแทน และสิ่งตอบแทนนั้นคือพลังกายของฝ่าบาท แต่ในตอนก่อนที่ฝ่าบาทจะสลายวงเวท์ได้เสร็จสิ้นฝ่าบาทกลับได้รับยาพิษ ข้าคิดว่าพิษที่ฝ่าบาทได้รับน่าเป็นยาพิษที่ทำให้เกิดภาพหลอน ฝ่าบาทพร่ำเพ้อเรียกชื่อท่านก่อนที่จะล้มลง ข้าคิดว่านั่นทำให้เกิดการตีกลับของมนตรา การพร่ำเพ้อถึงท่านคงเป็นการกักขังฝ่าบาทให้อยู่ในห้วงฝัน และเฝ้าฝันถึงท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการอำนวยพรของทวยเทพกัน" ไอร่ายังคงไม่เข้าใจ แม้เขาจะเป็นคนจากแดนเหนือที่คลุกคลีอยู่กับเหล่าพ่อมดมากมาย แต่เพราะเขาเป็นผู้ไร้ซึ่งมนตราเขาจึงไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งในส่วนนี้มากนัก เขารู้ว่าการหยิบยืมพลังต้องจ่ายค่าตอบแทน แต่เมื่อโครอสจ่ายไปแล้้ว เขาจะหลงอยู่ในห้วงฝันได้อย่างไร
" คำอวยพรบางครั้งก็เป็นเหมือนคำสาปได้ขอรับ ข้าไม่ทราบว่าท่านจะเคยได้ยินประวัติความเป็นมาของแฮริออสมาก่อนหรือไม่ แฮริออสนั้นแต่เดิมเป็นเมืองที่ได้รับความคุ้มครองจากเทพไฮพีเรีย เทพผู้เป็นดังตัวแทนของไฟและความอุดมสมบูรณ์ แต่เทพไฮพีเรียนั้นมีน้องสาวอยู่หนึ่งองค์ นามของเทพธิดาองค์นั้นคือเทพีไดเอนเธีย ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงจันทร์และความรัก ในค่ำคืนที่ฝ่าบาทใช้มนตราในการต่อสู้นั้น ฝ่าบาทได้หยิบยืมพลังมาจากดวงดาว กลุ่มดาวแห่งนักล่า กลุ่มดาวนี้ถือเป็นตัวแทนของเทพีไดเอนเธีย ข้าคิดว่าเพราะฝ่าบาทเอาแต่คิดคำนึงถึงแต่ท่านยามไถ่ถอนคืนพลังให้แก่ทวยเทพ เทพีไดเอนเธียจึงชื่นชมในรักแท้และส่งมอบคำอวยพรให้"
อลันลอบมองคนที่นั่งอยู่ บัดนี้ใบหน้างามเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อหลังจากที่ซีดเซียว อลันเห็นไอร่าเม้มปากแน่นก่อนที่คลายออก ภาพริมฝีปากอิ่มแดงช้ำทำให้อลันต้องลดสายตาลงแล้วกล่าวต่อไป
" ท่านเคยได้ยินนิทานก่อนนอนเรื่องเจ้าหญิงนิทราหรือไม่ขอรับ ในนิทานเจ้าหญิงต้องหลับนิทราไปเพราะถูกคำสาปแช่งจากแม่มดที่อิจฉาในความงามขององค์หญิง องค์หญิงผู้ต้องสาปจะสามารถฟื้นตื่นขึ้นมาได้เมื่อได้รับจุมพิตจากรักแท้ ข้าคิดว่าฝ่าบาทก็คงเป็นเช่นกัน เทพีไดเอนเธียคงอยากทดสอบพวกท่าน และอยากให้พวกท่านทั้งสองได้พบใจของตนเอง จึงได้ประทานพรที่เหมือนคำสาปนี้มอบให้แด่ท่านทั้งสอง"
คราวนี้ไอร่าหน้าแดงก่ำ สิ่งที่อลันพูดช่างดูเหมือนเทพนิยายจนเกินกว่าจะเป็นความจริง แม้สิ่งที่อลันพูดจะมีความเป็นได้ แต่หากคนเราสามารถฟื้นตื่นและหลุดพ้นจากคำสาปได้ง่ายๆด้วยการถูกจุมพิต คำสาปของพวกพ่อมดคงกลายเป็นเรื่องขำขันเพราะผู้คนคงไม่นึกหวาดกลัว แต่แล้วในช่วงเวลาที่ไอร่ากำลังถกเถียงอลันอยู่ในใจ คำพูดของท่านลุงกลับดังแว่วเข้ามาในความคิด คำอวยพรที่ท่านลุงร่ายไว้ก่อนตายเพื่อให้เขาหลุดพ้นจากความทรมาน
" ยามเมื่อเจ้าต้องขึ้นตะแลงแกง หากมีคนที่รักเจ้าสุดหัวใจจนยอมตายแทนได้ เมื่อนั้นเจ้าจะพ้นจากความเจ็บปวดและสิ่งที่ต้องทนทุกข์"ไอร่าเริ่มนิ่งคิด หรือว่าเพียงแค่ใช้ความรักจะสามารถทำให้เขาหลุดพ้นจากคำสาปได้ เขารู้ว่าความรักมีพลัง แต่พลังของความรักนั้นช่างเป็นเหมือนดาบสองคม ดาบด้านหนึ่งนั้นสามารถสร้างชีวิต ส่วนดาบอีกด้านก็สามารถคร่าชีวิตได้เช่นกัน ไอร่าเริ่มลังเล เขาลอบมองอลัน แม้ตอนนี้อลันจะกำลังก้มหน้าแต่ไอร่ากลับรู้สึกได้ถึงความมั่นใจที่อลันแผ่ออกมา ไอร่าประคองหน้าของอลันให้เงยขึ้นมองด้วยมือทั้งสอง ไอร่ามองสบตาของอลันที่กำลังฉายแววมุ่งมั่น
" เจ้าจะสัญญากับข้าได้หรือไม่ว่า ไม่ว่าวิธีการที่เจ้ากล่าวมาจะได้ผลหรือไม่ เจ้าจะพานายของเจ้าไป และจะไม่พาเขากลับมาจนกว่าเขาจะแน่ใจในหัวใจของตนเอง"
อลันมองสบตาของไอร่าเช่นกัน เขาพยายามมองหาความหมายในดวงตาคู่งาม เขาเห็นดวงตาคู่สีน้ำตาลฉายแววมุ่งมั่นและการตัดสินใจบางอย่าง ท่านไอร่าคงเดิมพันทุกอย่างของความรักครั้งนี้โดยการมอบจุมพิต หากนายของเขาตื่นขึ้นมาได้ท่านไอร่าคงเปิดใจรับ แต่ถ้าไม่.. ทั้งนายเขาและตัวเขาเองคงไม่ได้พบร่างบางตรงหน้าอีกแล้ว อลันละสายตาลง เขาผละออกจากมือคู่บางนุ่มนิ่มแล้วก้มหัวลงเพื่อรับคำร้องขอ
" ข้าจะพาฝ่าบาทกลับไปขอรับ หากนั่นเป็นประสงค์ของท่านข้าจะทำตาม"
อลันกล่าวแล้วขอตัวกลับออกไปจากห้องเพื่อเก็บข้าวของก่อนเตรียมตัวกลับปราสาท ความจริงเขาไม่มีข้าวของอะไรมากนัก เพราะในตอนที่มาเลนีเมียก็พาเขามาในตอนที่หมดสติ อลันเดินกลับเข้ามาในคอกม้า เขานั่งลงบนเตียงฟางที่คาดว่าไอร่าคงจัดเตรียมให้เขา อลันเหลือบตามองไปรอบๆคอกม้า ม้าสองตัวกำลังกินหญ้าแห้ง อลันทันมองเห็นผ้าขนสัตว์อีกผืนที่พับเรียบร้อยอยู่บนก้อนฟางก้อนหนึ่ง อลันเดินไปหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมา เขาสูดดมผืนผ้าจึงรู้ว่าผ้าผืนนี้ไอร่าคงใช้มันเพื่อปูนอนอยู่ข้างตัวเขา อลันไม่ใช่คนโง่ เขาคิดว่าบาดแผลของเขาคงฉกรรจ์มากจนเจ้าแมวป่าต้องมาคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด อลันสูดดมแล้วแนบริมฝีปากลงไปที่ผืนผ้า เขาเก็บพับผ้าขนสัตว์ผืนนั้นอีกครั้งแล้วนำไปมัดรวมกับเสื้อผ้าเก่าของเขาที่ฉีกขาดแต่ได้รับการทำความสะอาดและปะชุนแล้ว เพียงเท่านี้คงไม่เป็นไร.. หากเขาจะขอเก็บสิ่งของบางสิ่งเอาไว้บ้างแทนการปิดกั้นหัวใจ
อลันเก็บของลงห่อผ้าแล้วมัดไว้กับม้าพันธุ์ดี เขาเหลือบมองไปรอบๆคอกม้าอีกครั้ง คอกม้าแห่งนี้ไม่มีอุปกรณ์หรืออาวุธใดที่พอจะให้เขาหยิบยืมเพื่อใช้ป้องกันตัวยามออกจากป่าได้ แต่แล้วในตอนที่อลันกำลังจะเดินจูงม้าออกไปและออกไปหาอาวุธเพื่อป้องกันตัว เลนีเมียกลับเดินเข้ามาแล้วเอาหัวมาดันตัวเขาก่อนที่มันจะนั่งลงอยู่เคียงข้าง
" ข้าคงต้องขอยืมแรงของเจ้าหน่อยนะเลนีเมีย การเดินทางผ่านป่าคงต้องอาศัยเจ้าเปิดทาง และคงต้องฝากเจ้าปกป้องฝ่าบาทด้วย ไม่ว่าผลแห่งการจุมพิตจะได้ผลหรือไม่ แต่ฝ่าบาทคงไม่ฟื้นในเร็ววัน และพวกกบฎจากแดนใต้ก็อาจฉวยโอกาสนี้มากำจัดฝ่าบาทซ้ำอีก"
อลันกล่าวแล้วลูบแผงคอของเลนีเมีย เลนีเมียครางรับในลำคอก่อนเอียงหน้าเพื่อให้อลันเกาคอให้ เลนีเมียลอบมองอลันที่ตอนนี้กำลังเกาคอให้มันทั้งที่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง เลนีเมียมองตามสายตานั้น มันเห็นคนงามของมันกำลังก้มมองบางอย่างก่อนโน้มตัวลง เลนีเมียคิดว่าคนงามของมันคงกำลังก้มลงจุมพิตนายของมันอย่างที่คนหาอาหารแนะนำ เลนีเมียลอบมองอลันอีกครั้ง ตอนนี้นัยตาของอลันกำลังฉายแววบางอย่างก่อนที่จะหายลับไปเหลือแต่เพียงความมุ่งมั่น เลนีเมียถอนหายใจ จิตใจมนุษย์ช่างยากลึกสุดหยั่งถึง มันคอยเฝ้ามองคนทั้งสามมาตลอดนับตั้งแต่กลับเข้ามาในบ้านโพรงเขา คนสองคนที่มันปกป้องในตอนนี้กำลังหลงวนอยู่ในห้วงของความรู้สึกที่เรียกว่ารัก ส่วนอีกคนที่มีความซื่อสัตย์ก็กำลังกลบฝังความรู้สึกของตนเองไว้ให้อยู่ใต้คำว่าความภักดี
เลนีเมียทิ้งตัวลงแล้วนอนหมอบที่เท้าของอลัน มันนับถืออลันด้วยใจที่คิดจะป้องนายของมันทั้งสองด้วยกายและใจทั้งหมด เลนีเมียหลับตาลงแล้วรอเวลาที่ดวงตะวันขึ้น มันกับคนหาอาหารคงต้องออกเดินทางทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น มันคงต้องปกป้องคนหาอาหารด้วยอีกคน ปกป้องคนที่มีความซื่อสัตย์ที่หาได้ยากยิ่งในหมู่มนุษย์ที่มีจิตใจยากลึกเกินที่มันจะหยั่งถึง