บทที่ 6 (จบ)
ไคริเงียบกริบ ตอนแรกเขารู้สึกถึงความยินดีที่พองโตในหัวใจ แต่เมื่อคิดถึงใครบางคนแล้ว ก็ทำให้เขาเจ็บปวด และฝืนรั้งตัวออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ทั้ง ๆ ที่คุณโชเฮชอบคุณซายากะอยู่แล้วนี่นะครับ”
โชเฮชะงักกับคำถามนั้น ก่อนถอนหายใจยาว แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้เด็กชายตรงหน้า
“นึกแล้วเชียว เดาไม่ผิดเลย รู้สินะว่าฉันชอบซายากะ”
ไคริเงียบกริบก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ ใบหน้าหวานนั้นสลดลง
จนคนมองนึกสงสาร
“เก่งจังนะ ขนาดยัยนั่นยังไม่เคยรู้ตัวเลยสักครั้ง แต่ไม่แปลกหรอก ก็ซายากะเขาเป็นคนความรู้สึกช้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วเสียด้วยสิ”
โชเฮพึมพำกับตัวเองแล้วยิ้มเศร้า ๆ เมื่อหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา
“เพราะเป็นพี่สะใภ้เลยไม่คิดจะบอกความรู้สึกออกไปสินะครับ”
ไคริเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายนิ่ง โชเฮยิ้มแล้วลูบศีรษะเด็กชาย เบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“เธอนี่นะ อ่านฉันออกได้ทะลุปรุโปร่งจนน่ากลัวทีเดียว”
โชเฮบอกด้วยน้ำเสียงชื่นชม เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงกล่าวต่อ
“...ถูกแล้ว ฉันไม่คิดจะบอกความรู้สึกนี้ออกไป จนกระทั่งวันนี้ วันที่ฉันได้เห็นสีหน้าและแววตาของเธอ ที่มันสะท้อนตัวตนของฉันเมื่ออดีตไม่มีผิดเพี้ยน”
“เอ๋?” เด็กชายมองอีกฝ่ายด้วยสายตางุนงง และเมื่อโชเฮรั้งร่างเล็กมากอดหลวม ๆ อีกครั้ง ไคริจึงยอมให้อีกฝ่ายกอดแต่โดยดี และนิ่งฟังที่ชายหนุ่มเอ่ยต่อมา
“ในตอนที่ซายากะแต่งงานกับพี่ชายของฉัน ฉันคิดว่าไม่เป็นไรหรอก ฉันคงตัดใจได้ แต่มันไม่ใช่เลย ภาพตัวฉันที่สะท้อนหน้ากระจกเงา หลังจากที่ปลีกตัวจากพิธีมาที่ห้องน้ำ มันฉายให้เห็นจนฉันนึกกลัว ...กลัวว่าใครจะรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของฉัน แน่นอนว่าหลังจากนั้นฉันต้องเสแสร้งแกล้งยิ้มปั้นหน้าจนงานพิธีจบ ฉันไม่รู้หรอกว่า ใครจะจับได้ไหม แต่ฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าคนที่ไม่เคยรู้สึกแบบฉัน คนนั้นก็คงอ่านความรู้สึกของฉันไม่ได้ เหมือนกับที่ฉันรู้ดีว่า เธอคิดยังไงกับฉันเมื่อเห็นฉันกับซายากะอยู่ด้วยกัน”
ไคริเงียบกริบ เด็กชายจนด้วยคำพูด ไม่อาจหาคำโต้เถียงชายหนุ่มได้ รับรู้ถึงความเป็นเด็กของตัวเองที่ไม่อาจปิดบังผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มากกว่าไม่รู้กี่เท่าอย่างโชเฮก็คราวนี้
“เธอชอบฉันใช่ไหมไคริ?”
โชเฮถามขึ้น ร่างเล็กเงียบแล้วพยักหน้าน้อย ๆ อย่างไม่ดื้อดึงผิดเคย
“แล้วชอบของเธอเป็นแบบไหน อยากอยู่ด้วยกันตลอดไปชั่วชีวิต หรือแค่ชอบเพราะเหงา ชอบเพราะฉันเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอในตอนนี้”
ไคริเงยหน้ามองชายหนุ่มทันทีที่เขากล่าวจบ เด็กชายมองอีกฝ่าย ที่ยังคงสงบนิ่งและเยือกเย็น แววตาคาดคั้นคำตอบนั้นทำให้ ร่างเล็กต้องเผลอหลุบตาหลบอย่างลืมตัว
“ผม ...ไม่รู้ ...”
คำตอบของไคริ ทำให้โชเฮถอนหายใจ แต่ก็ยังคงยิ้มน้อย ๆ และรั้งร่างในอ้อมกอดมานั่งบนตักของตนแทน
“คุณโชเฮ ... ขอโทษนะครับ แต่ผมชอบคุณจริง ๆ นะ”
ไคริเอ่ยต่อเมื่อเห็นโชเฮเงียบไป โชเฮยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กชาย แล้วจึงจูบเบา ๆ ที่เส้นผมนุ่มสลวยนั้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอก การที่เธอยังไม่รู้ใจตัวเองมันก็ถูกแล้ว เธอยังเด็กนะไคริ เป็นแค่เด็กอายุ 8 ขวบ จริงอยู่ที่หลายเรื่องเธออาจจะแก่แดดเกินวัย แต่เรื่องความรักเธอยังเด็กเหลือเกิน ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะไคริ ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ บางทีเมื่อรู้ใจตัวเองดี คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ อาจจะไม่ใช่ฉัน ก็ได้”
ไคริชะงัก เขารีบสั่นศีรษะไปมา พลางจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาคล้ายจะร้องไห้ โชเฮ เห็นเช่นนั้นจึงจูบที่เปลือกตาทั้งคู่แผ่วเบา แล้วกล่าวต่อ
“อนาคตมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนนะไคริ ไม่มีใครบอกได้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ... แต่เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรกับมัน ฉันเองก็แค่อยากจะบอกเธอว่า ให้เธอทำไปตามความพอใจของเธอเถอะนะ เพียงแต่อยากให้เธอรู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีฉันคอยเฝ้ามอง และเป็นกำลังใจให้เสมอ ถึงแม้วันข้างหน้าเธอจะไม่ต้องการตาแก่คนนี้ก็ตาม”
ไคริเงียบกริบ เขาก้มหน้าลงอีกครั้งเนื้อตัวสั่นเทา แล้วจึงตามมาด้วยเสียงสะอื้นค่อย ๆ ก่อนโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น
“คุณโชเฮ ... ผม... ผมชอบคุณนะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณสำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่ผมก็ชอบคุณมากจริง ๆ”
โชเฮยิ้ม ตบบ่าร่างเล็กที่กำลังเอาหน้าซุกลงกับอกกว้างของเขา ปลอบแผ่วเบา ด้วยถ้อยคำที่แสนอ่อนโยน
“ฉันรู้ ... แล้วก็ดีใจมาก ที่เธอชอบฉัน”
ร่างเล็กที่เสียงสะอื้นแผ่วลงเรื่อย ๆ ขยับกายเล็กน้อย ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย น้ำใส ๆ ยังคงคลอวิบวับที่ดวงตา แล้วจึงเอ่ยขออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“คุณโชเฮ ... กอดผมได้ไหม”
โชเฮเลิกคิ้วน้อย ๆ แล้วจูบแก้มอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
“แล้วทำไมถึงคิดว่าจะไม่ได้ล่ะ”
ไคริยิ้มทั้งน้ำตา แล้วชะโงกหน้าจูบริมฝีปากชายหนุ่มตอบ
“ผมชอบคุณที่สุดเลยคุณโชเฮ”
เสียงครางกระเส่าด้วยความเร่าร้อน ระคนสุขสม ดังขึ้นเป็นระยะ แล้วจึงค่อย ๆ เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจหอบผะแผ่วของคนสองคน ร่างเล็กที่ฟุบลงซบอกของอีกฝ่าย เปียกชุ่มไปด้วยคราบเหงื่อและของเหลวขุ่นเบื้องล่าง ช่องทางคับแคบยังคงค้างคาด้วยท่อนเนื้อที่ยังคงแข็งขึงด้วยไฟปรารถนาซึ่งยังคงปลดปล่อยไม่หมด หากเจ้าของยอมทิ้งช่วงเวลาให้ร่างเล็กได้หยุดพักชั่วครู่ แม้การกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายทรมานตัวเองอยู่มากก็ตาม
“คุณโชเฮ ...ไม่ทำต่อหรือครับ...”
ไคริเงยหน้าช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย น้ำเสียงอ่อนเพลียเอ่ยถาม มือเล็กลูบไล้ที่แผ่นอกล่ำของชายหนุ่มแผ่วเบา โชเฮเม้มปากน้อย ๆ สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองแล้วฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย
“ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ ...อีกอย่าง คืนนี้ทั้งคืนฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่”
ไคริยิ้มให้กับคำตอบนั้น แล้วชะโงกหน้าขึ้น หมายจูบปากอีกฝ่าย หากก็ต้องนิ่วหน้าแทบพร้อมกัน เมื่อช่องทางคับแคบยามขยับเสียดสีแก่นกายที่แข็งขึง สร้างความรวดร้าวระคนเสียวซ่านให้ทั้งคู่
“คุณโชเฮ...ผมยังไหว ทำต่อเถอะครับ”
ไคริครางเสียงกระเส่า ซึ่งโชเฮสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ความอดทนของเขาเองนั้นเริ่มหมดลงทุกขณะ และเมื่อไคริใช้มือทั้งสองจับบ่าของเขาแน่น พลางขยับกายขึ้นลงเองช้า ๆ ชายหนุ่มก็สุดที่จะควบคุมตัวเอง แล้วขยับเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว รุนแรง จนร่างเล็กบนตักสั่นสะท้าน
“อ๊า! คุณโชเฮ! ...พะ...พอ ...อื๊อ!”
ริมฝีปากที่เตรียมครางประท้วงถูกปิดลงอย่างรู้ทัน ร่างสูงห้ามตัวเองให้หยุดการกระทำลงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่ายอยู่ดี ต่อเมื่อรับรู้ถึงปฏิกิริยาต่อต้านที่เริ่มคลายลง กลายเป็นตอบสนองด้วยดี ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยริมฝีปากเล็กน่ารักนั่นให้เป็นอิสระ เสียงครางหวาน ๆ จึงดังขึ้นช่วยกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของคนฟังให้เพิ่มทวีคูณ
“ไคริ...ฉันต้องการเธอ...”
โชเฮครางเสียงทุ้มต่ำ พลางขยับเบื้องล่างเร่งความเร็วขึ้นอีก
“อา...ผมก็ต้องการ...คุณ”
ไคริตอบด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ร่างเล็กสั่นสะเทือนตามแรงขยับของร่างสูง ก่อนที่จะกระตุกเกร็ง เมื่อชายหนุ่มกระแทกเบื้องล่างรุนแรงไปอีกสองสามครั้งแล้วหยุดนิ่งเม้มริมฝีปาก เมื่อรับรู้ถึงการบีบรัดอย่างรุนแรง จนเขาเองก็ไม่อาจกลั้นความปรารถนาไว้ได้ไหวอีกต่อไป และปลดปล่อยมันออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของอีกฝ่าย
“อ๊า!! คุณโชเฮ!!”
มือเล็กจิกเล็บลงบนบ่าของร่างสูงเต็มแรง โชเฮนิ่วหน้าแล้วสักพักจึงถอนหายใจออกมาเมื่อความบีดรัดเริ่มคลายลง และมือที่จับบ่าเขาหมดแรงร่วงหล่นแนบตัว ศีรษะเล็กเปียกชุ่มด้วยเหงื่อก็ซบลงบนอกกว้าง ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจแผ่วเบาด้วยความอ่อนเพลีย สม่ำเสมอเท่านั้น
ไคริตอนนี้หลับลงไปแล้ว โชเฮยิ้มน้อย ๆ มองด้วยความเอ็นดู เขาปล่อยให้ร่างเล็กนอนซบอกเขาเช่นนั้นสักพัก ก่อนเอื้อมไปหยิบเสื้อของตัวเองที่ถอดทิ้งไว้ก่อนหน้ามาคลุมร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน สักพักจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้อ ... ต้องมากลายเป็นตาแก่หัวงูซะแล้วสินะเรา แย่ชะมัด...”
โชเฮบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วก็ต้องชะงักที่ร่างบนตักขยับเล็กน้อย แล้วพึมพำแผ่วเบา
“...ชอบคุณโชเฮ ...ที่สุดเลย”
ถ้อยคำละเมอที่ทำให้คนฟังอมยิ้ม พลางบอกกับตัวเอง พลางเอนกายพิงผนังห้องด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“อืม...แต่ก็ไม่แย่ซะทีเดียวหรอกนะ”
วันรุ่งขึ้น โชเฮตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารชุดใหญ่ อย่างอารมณ์ดี
จนไคริที่เพิ่งตื่นและลงมาเห็น เกิดความสงสัย
“ฉลองอะไรหรือครับคุณโชเฮ ของกินเต็มเลย”
โชเฮสะดุ้ง หน้าแดงน้อย ๆ แล้วพึมพำตอบแก้เขิน
“อะ...อ๋อ ก็เปล่านี่ ทำกินตามปกติ ไม่มีอะไร”
ไคริขมวดคิ้ว จ้องหน้าอีกฝ่ายที่หลบตาแล้วหันไปเตรียมอาหารต่อ สักพัก เจ้าตัวจึงร้องอ๋อ และหลุดคิกเบา ๆ
“ฉลองที่คุณโชเฮเป็นของผมทั้งตัวและหัวใจแล้วสินะครับ”
โชเฮสะดุ้ง นิ่วหน้ามองอีกฝ่าย คำพูดนั้นมันควรเป็นของเขาแท้ ๆ เจ้าเด็กตัวแสบนี่ พอกลับมาเป็นปกติ ก็เริ่มหาเรื่องป่วนประสาทให้เขาอีก
จนได้ …ทว่า
“คงอย่างนั้นมั้ง ก็ฉันมันหลวมตัวชอบเธอเข้าไปแล้วนี่นา จะให้ทำยังไงได้”
โชเฮลองตอบออกไปตามตรง ทำเอาคนที่กำลังยิ้มยั่วยวนชะงักกึก หน้าแดงระเรื่อ จนกลายเป็นแดงก่ำ อย่างที่ยากจะได้เห็น
“โอ๋? เพิ่งเคยเห็นเธอหน้าแดงนะเนี่ย เขินงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มแกล้งแหย่ตามมา นึกเอ็นดูความน่ารักของอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก ไคริอึกอักแล้วจึงตวาดใส่คนมองแก้เขิน
“คุณโชเฮบ้า!”
บอกแค่นั้นก็ทำท่าจะวิ่งกลับไปที่ห้องพักบนชั้นสอง แต่ชายหนุ่มยังคงไวกว่า คว้าร่างเล็กยกลอยขึ้นกอด แล้วอุ้มมานั่งบนเก้าอี้ ที่โต๊ะอาหาร ก่อนทรุดลงให้ระดับสายตาเท่ากันพลางส่งยิ้มให้ ทำเอาไคริค้อนขวับ เงียบไปสักพัก แล้วก้มหน้าบ่นอุบอิบบอก
“เมื่อครู่ ...ไม่ได้ตั้งใจว่าจริงหรอกนะครับ…”
โชเฮหัวเราะให้กับคำพูดนั้น แล้วจึงตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“ไม่เห็นเป็นไร ฉันมันก็บ้าจริง ๆ นั่นล่ะ บ้ารักเธอยังไงล่ะ”
คนฟังหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มล้อ ๆ อยู่ เจ้าตัวเลยก้มหน้างุด แต่มือก็ดึงเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มแน่น
“คุณโชเฮ อย่าทิ้งผมไปไหนนะครับ ต้องชอบแต่ผมคนเดียวนะ”
คำพูดเอาแต่ใจ ที่นาน ๆ จะได้ยินสักครั้ง ทำให้ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงใช้มือเชยคางมน สบกับนัยน์ตาคู่สวยที่สั่นระริก และใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายของเด็กชาย
“ฉันจะรักแต่เธอคนเดียว ไม่มองผู้หญิงที่ไหน พอใจหรือยัง”
โชเฮเอ่ยอย่างหนักแน่น คนมองจึงแย้มยิ้มออกมาอย่างน่ารัก แต่ยังคงต่อท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังถอนหายใจ
“ผู้ชายก็ห้ามมองด้วยครับ”
“จ้า ๆ ผู้ชายก็ด้วย”
ไคริหัวเราะคิกเบา ๆ เขายิ้มเอียงอายเล็กน้อย แล้วจึงโน้มใบหน้าลงไปกระซิบกับอีกฝ่าย
“ถ้าอย่างนั้นก็.....”
“เฮ้อ...เจ้าเด็กเอาแต่ใจ”
โชเฮถอนหายใจอีกครั้ง แต่ก็ยอมทำตามคำพูดนั้นอย่างเต็มใจ และยินดี ริมฝีปากได้รูปประกบกับริมฝีปากเล็กเชิดนั้นช้า ๆ แล้วจึงค่อยกระชับเข้าหากันอย่างดูดดื่ม กับข้าวมากมายถูกทิ้งวางโดยไม่แยแส เพราะเจ้าของบ้านและผู้อาศัยตัวน้อย กำลังให้ความสนใจกับกิจกรรมอย่างอื่นแทน แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงเล็กเอ่ยท้วงขึ้นก่อน
“คุณโชเฮครับ ผ้าม่าน...”
ม่านหน้าต่างที่เปิดรับแสงแดดไว้แทบทุกบาน ทำเอาเจ้าของบ้านต้องเกาศีรษะอย่างยุ่งยากใจ แล้วจึงไปจัดการปิดม่านให้เรียบร้อย ก่อนหันมาสั่นศีรษะพลางบ่นกับร่างเล็กที่ยิ้มหวานรอคอยเขาอยู่
“เห็นที ต่อไปนี้คงต้องระวังตัวให้มากเสียแล้วสินะ”
“นั่นสิครับ ขืนบ้ากามไม่เลือกที่ คงไม่แคล้วคุกแน่นอน”
คำพูดลอย ๆ ที่เสริมขึ้น ทำเอาคนฟังสะอึก แล้วจ้องอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาดุ
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ถ้าฉันไปนอนคุกจริง ๆ เธอมีหวังได้ร้องไห้โฮ คิดถึงฉันแน่”
ไคริหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงแสร้งทำเป็นยิ้มยั่ว พร้อมกับลอยหน้าบอก
“อืม...ผมอาจจะไปหาหนุ่มใหญ่คนอื่นให้ช่วยเลี้ยงดูแทนก็ได้นะครับ”
“ก็ลองทำดูสิ...”
โชเฮเค้นเสียงขุ่น ชักไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเสียเฉย ๆ เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ทว่า ประโยคถัดมา ก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจยาว เมื่อรู้ว่าตนโดนเด็กชายปั่นหัวเข้าให้อีกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณโชเฮก็ต้องทำให้ผมรักคุณมาก ๆ จนไม่อาจปันใจให้ใครเลยสิครับ”
“เฮ้อ....ทำยังไงได้ ก็เผลอใจให้ไปแล้วนี่นา”
ชายหนุ่มบอกอย่างยอมรับในชะตากรรมตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะ เบา ๆ จากร่างเล็ก แล้วเด็กชายจึงยืนขึ้นบนเก้าอี้ ชะโงกหน้าจูบแก้มชายหนุ่มอย่างเอาใจ
“รักคุณโชเฮที่สุดเลย”
โชเฮลูบแก้มตัวเองเบา ๆ มองใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดู และดวงตากลมโตซุกซนที่จับจ้องมายังเขา ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี พลางคิดในใจ
... จะว่าไป ชีวิตที่มีปีศาจน้อยที่แสนจะน่ารักคนนี้ เกาะติดอยู่กับเขาตลอดเวลา มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอกนะ …
=== จบบทที่ 6 [end] ===