#ซอโซ่ล่ามธีร์
ด่านที่ 20 ตอนจบ (Part 1/2)
Pro Player
การเอาชนะทีม ‘อวสานอาหารหนอน’ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ ‘ขี้ซุยบราเทอร์’ ก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเป้าหมายที่เรียกว่าชัยชนะ ระหว่างซ้อมธีร์เห็นว่ามีคนดูถูกทีมเขาไว้มากมายนัก มันเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรชิน กับการดูถูกว่าที่ผ่านมาก็แค่โชคช่วย บวกกับมีมือดีอย่างน้องเด๋อที่เข้ามาทำให้ทีมดูมีภาษีขึ้น
คนเหล่านั้นไม่ได้สนใจว่าทุกคนในทีมพยายามมากแค่ไหน ในเมื่ออคติมันบังตา การต่อว่าถากถางจึงเป็นเรื่องสนุกรายวัน
ไหนจะความกดดันเพราะชัยชนะอยู่ห่างอีกแค่เอื้อมมือ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ผ่านเข้ารอบชิงไปได้ในที่สุด ทางโซเชียลหลากหลายทางต่างพูดถึงเรื่องนี้ ว่าในที่สุด LV ก็จะได้พบกับ ขี้ซุยบราเทอร์ และทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัลห้าแสนบาทพร้อมตั๋วไปแข่งเกาหลีอีกคนละหนึ่งที่นั่ง
เสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเป็นวันเด็กที่ผู้ใหญ่ตัวเท่าควายอย่างขี้ซุยบราเทอร์ได้มารวมตัวกัน ณ จุดนัดพบ จากตอนแรกแพลนกันไว้อย่างดิบดีว่าจะไปเที่ยวสวนสนุกกัน อยากขึ้นเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวแล้วแหกปากลั่นระบายความกดดันออกมาให้หมด แต่ความตั้งใจนั้นก็ต้องถูกพับเก็บใส่กระเป๋าเมื่อพวกเขาได้ยินคำบอกเล่าจากปากไอ้แหลม
“อีกสองอาทิตย์ก็จะแข่งรอบชิงแล้ว กูก็เครียดอะนะพี่มึง แบบ กูรู้สึกว่าฝีมือยังไม่ดีพออะ ไม่มีชั้นเชิงห่าไรเลย ที่ไอ้โซ่สอนให้ก็ยังเงอะ ๆ งะ ๆ กูเลยชวนพี่แจ็คกับพี่ตั้บซ้อมกันรอบดึกแล้วปล่อยให้พวกมึงพักไปเล่นเกมอื่นแก้เครียด คือเกมแรกก็โอเคอะ แต่เรื่องมันเกิดที่เกมสอง”
“...”
“อยู่ ๆ พี่เท็นก็แอดสตรีมพี่แจ็คมาแล้วชวนเข้าเกม ตอนนั้นกูก็อยากห้ามพี่แจ็คนะแต่อีกใจกูก็อยากลองตบเกรียนดูอะ เพราะคิดว่าพี่เท็นมาเล่นช้ากว่าฝีมือคงไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่แม่งไล่ฆ่าพวกกูหยั่งหมาเลยว่ะ และที่ยิ่งกว่านั้นคือมันไลฟ์สตรีมด้วย คนดูตั้งเจ็ดพัน แต่นั่นยังไม่จบ”
แหลมยิ้มแห้งใส่หัวหน้าทีมที่คิ้วกระตุกอยู่ทุกขณะเหมือนพร้อมจะแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าหลังจากได้ยินชื่อพี่เท็น เด็กลูกครึ่งหันไปขอความช่วยเหลือจากซึมเศร้าแมนที่นั่งนิ่งเหมือนไม่อยากออกความเห็นห่าเหวอะไรทั้งนั้น ก่อนจะหยุดสายตาอยู่กับพี่ตั้บที่พยักหน้าส่ง ๆ บอกให้รู้ผ่านทางสายตาว่าคงมีแค่ไอ้แหลมคนเดียวเท่านั้นที่จะอธิบายได้
“มึงเคืองกูปะวะพี่ กูขอโทษเว้ย กูไม่ได้ตั้งใจทำให้ทีมเราโดนด่าอะ”
“ไม่นี่ หน้ากูเหมือนคนกำลังโกรธอยู่เหรอ?”
“เออ” ทุกคนยกเว้นน้องเด๋อพยักหน้าพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“โซ่รู้ว่ามันน่าหงุดหงิดเพราะพี่เท็นไลฟ์ให้คนดูด้วย บางทีเจตนาของพี่เค้าอาจจะไม่มีอะไรเลย หรืออาจจะมีก็ได้ แต่โซ่คิดว่าเล่นเกมมีแพ้มีชนะมันเป็นเรื่องปกติครับ โปรเพลย์เยอร์ระดับโลกก็เคยแพ้ระหว่างเล่นขำ ๆ เหมือนกันนะ แต่ทุกคนครับ มันจะดีกว่าไหมถ้าเราจะเอาความรู้สึกนี้ไปใช้ในการแข่งรอบสุดท้าย?” อยากกราบไอ้โซ่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะแววตาพี่มันเริ่มอ่อนลงทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“จริงอย่างที่ไอ้โซ่บอก การที่แพ้ไอ้เท็นเมื่อคืนไม่ได้หมายความว่าเราจะแพ้รอบชิงนะ มึงอย่าลืมว่าคนที่ลงสนามเป็นกู ไม่ใช่ไอ้โซ่” ตุ้บตั้บเสริม เขาไม่อยากบอกน้อง ๆ ว่ารู้สึกผิดที่ทำให้ต้องอับอาย เพราะลึก ๆ ในใจก็อยากให้ไอ้ธีร์เรียนรู้ความพ่ายแพ้ไว้บ้าง มันจะได้ไม่ประมาทตอนแข่งรอบชิง
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยครับ พี่ตั้บก็เล่นเก่ง แต่พี่ตั้บแค่ไม่ได้เล่นทุกวันเหมือนพวกเราแค่นั้นเอง” ไอ้โซ่ก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย พยายามให้กำลังใจคนในทีมเสมอแม้ว่าวันนั้นจะมีคนทำพลาดไปหลายครั้ง
“มันแค่อยากทำให้กูขายหน้า ไม่มีอะไรหรอก” แจ็คดันหัวแพรวออกจากองศาก่อนจะพ่นควันบุหรี่ เด็กสาวเลิกคิ้วมองอย่างเอาเรื่อง คนกำลังอินเรื่องทีมชาวบ้านทำไมต้องขัดจังหวะตอนนี้ด้วย “ไปนั่งตรงนั้นไป พี่จะสูบบุหรี่”
“แล้วทำไมพี่แจ็คไม่ไปสูบไกล ๆ คนอื่นอะ คนเขาจะคุยกัน ทำตัวเป็นมลพิษอากาศเฉย”
“...”
“หว่าย โดนเด็กด่า” แหลมทำจมูกบานกวนประสาท แต่พี่แจ็คดีกว่าพี่ธีร์หน่อยตรงที่พี่มันด่าทางสายตาแทนที่จะลงไม้ลงมือ และสุดท้ายพี่แจ็คก็เลือกไปยืนห่าง ๆ เพื่อสูบบุหรี่
“อยากโชว์เหนืออะไรขนาดนั้น ห่าราก ทุกวันนี้ยังท็อปฟอร์มไม่พอไงวะ?” คนเป็นหัวหน้าทีมบ่น ใจอยากแอดสตรีมไปเรียกมาตบเกรียนสักโบกสองโบก แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเล่นตำแหน่งฆาตกรเหมือนกัน
“คงอยากขิงให้แฟนคลับเห็นแหละว่า ‘เออ กูเพิ่งมาเล่นได้ไม่นานนะ แต่ฝีมือเทพกว่าไอ้ห่าธีร์ที่เล่นมานานเป็นปี ๆ อีก ไงล่ะ ตบขี้ซุยบราเทอร์ดิ้นยับทั้งทีมเลย’ อะไรประมาณนี้”
“ให้พี่เท็นขิงไปเลยครับ พอถึงเวลาแข่งเขาวัดกันที่คะแนนอยู่แล้ว”
“พูดก็พูดเถอะ โซ่ มึงโลกสวยเกินไป” แหลมขมวดคิ้วจ้องหน้ารุ่นน้อง “มึงเล่นเก่งมึงก็พูดได้ดิ กูนี่เครียดพอตายละห่าสู”
“โซ่ก็เครียดนะครับ แต่เราจะมานั่งปวดหัวเพราะพี่เท็นคนเดียวจริง ๆ เหรอ?”
“...”
“...”
“...”
ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ แม้แต่หัวหน้าทีมที่เคยประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนบนโลกว่าไม่เคยกลัวใครขอแค่ดาหน้าเข้ามา
“ลองมองอีกด้านไหมครับ ว่าถ้าศัตรูที่เราต้องเจอไม่ใช่พี่เท็นแต่เป็นฆาตกรเก่ง ๆ คนหนึ่งเหมือนที่เราเคยเจอ มันจะทำให้ผ่อนคลายกว่านี้หรือเปล่า?” โซ่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็อยากลองพยายามดูสักครั้ง เพราะไม่อยากให้ทุกคนยึดติดกับคน ๆ เดียวที่เคยสร้างบาดแผลให้จนก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ “อีกอย่าง ทีมเราก็มีฆาตกรมือดีอยู่เหมือนกัน คะแนนที่พี่ธีร์ทำไม่เคยต่ำกว่าเกณฑ์ที่พี่ธีร์เคยบอกเราไว้เลย ดูนี่นะครับ”
โซ่วางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะพร้อมกดเข้าเว็บบอกคะแนนการแข่งขันในแต่ละรอบของทุกทีม
“ทีมที่แพ้ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เก่ง เพียงแต่ว่าอีกทีมสามารถทำคะแนนได้มากกว่าครับ ยิ่งช่วงทีมหลัง ๆ คะแนนห่างกันแค่นิดเดียวเอง ทีมเราก็ด้วย”
น้องเด๋อพยายามหาเหตุผลมาอธิบายให้ทุกคนใจเย็นขึ้น ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้ธีร์คงเดินหนีไปสงบสติอารมณ์ หรือไม่ก็กดเข้าเกมไปไล่ฆ่าคนให้หายหงุดหงิด แต่ตอนนี้เขากำลังตั้งใจฟัง และพยายามคิดตามถึงความเป็นจริงที่บางครั้งทุกคนอาจจะมองข้ามไป
“รู้ไหมครับว่าทำไมเราถึงชนะ?”
“...”
“สติ” ธีร์ตอบสั้น ๆ ก่อนจะเบนสายตาไปทางคนข้าง ๆ น้องเด๋อกำลังยิ้มพลางพยักหน้า เพื่อบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง
“ใช่ครับ เพราะพวกเรามีสติ ต่อให้สถานการณ์จะกดดันจนได้กลิ่นความแพ้ แต่ถ้าพวกเรายังมีสติ โซ่เชื่อว่าความหวังที่จะพลิกสถานการณ์มันก็ยังพอมี แล้วเราก็เคยทำได้แล้ว”
“พูดอะมันง่าย แต่กูควบคุมตัวเองยากว่ะ” แหลมถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ เรายังมีเวลาซ้อมอีกตั้งสองอาทิตย์นะ ระหว่างนี้ขอแค่ทิ้งเรื่องที่พี่เท็นไปก่อน พี่แหลมอาจจะใจร้อน เวลาลนแล้วทำตัวไม่ถูก แต่พี่แหลมไม่ได้สู้อยู่คนเดียวนะ นี่เลยครับ ทุกคนจะวิ่งจู๊กไปพร้อม ๆ พี่แหลม”
“ปากดี เดี๋ยวโดนสับหลังแอ่นแล้วกูจะปล่อยเซอร์ไม่ไปช่วย” แหลมบึนปากใส่เด็กนั่นที่เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ หมั่นไส้โว้ย
“เลื่อนเป็นหัวหน้าทีมเลยไหมถ้าจะคอนโทรลคนเก่งขนาดนี้” ธีร์ยีผมคนข้าง ๆ เรื่องไอ้เท็นแม่งน่าโมโหจริง แต่ก็อย่างที่น้องเด๋อพูด ว่าถ้าเอาเรื่องไอ้เวรนั่นมาคิดก็มีแต่จะเครียดเปล่า ๆ
“จากประสบการณ์แข่งในสนามที่มีคนดูเต็มฮอลล์ หนูบอกได้เลยว่ามันกดดันโคตร ๆ เลยพี่ มันไม่เหมือนตอนเราไลฟ์ให้คนดูอะ หนูบอกไม่ถูก แต่คนมั่นหน้าอย่างพี่ธีร์คงรอดเพราะไม่เคยอายสิ่งใด”
“อ้าว อยู่ดี ๆ ด่ากูเฉย นี่พี่ปะ?” คนถูกพาดพิงถลึงตามองเด็กสาวคนเดียวในโต๊ะ
“หนูแชร์เรื่องตัวเองให้ฟังเฉย ๆ งาย เพราะตอนแข่ง RoV เหนูก็พลาดไปหลายครั้งเพราะประหม่าอะ ไม่อยากให้พี่ ๆ เป็นคนกากนะ สู้ ๆ”
“ทำงานหนักกันหน่อยนะ เพราะการจะเป็นที่หนึ่งได้พวกมึงต้องผ่านด่านทดสอบเยอะเลยว่ะ ที่ผ่านไปแล้วก็ดี ที่ยังไม่เจอก็ดี แต่การเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับปัญหามันก็เป็นเรื่องที่ควรทำ ทั้งปัญหาที่มาจากคนอื่น แล้วก็ปัญหาที่มาจากความกังวลของตัวเอง” ตุ้บตั้บแนะนำในฐานะรุ่นพี่ที่อยากให้น้องไปถึงฝั่งฝัน
“พวกมึงจำแผนบีที่กูเคยเล่าให้ฟังวันนั้นได้ไหม?”
‘แต่ผมไม่ใช่พวกคิดแผนแบบรอบต่อรอบว่ะซ้อ ผมจะวางแผนล่อมันตั้งแต่ตอนนี้เลย จะได้รู้ว่าไม่ควรทะลึ่งกับใคร’
ทุกคนมองหัวหน้าทีมที่อยู่ ๆ ก็พูดเรื่องนั้นขึ้นมา กับแผนที่พวกเขายังลังเลและไม่กล้าตัดสินใจเลือกให้เป็นแผนสองเพราะมันค่อนข้างเสี่ยงเกินไป แม้แต่โซ่ที่เคยช่วยผ่อนคลายบรรยากาศก่อนหน้านี้ก็ยังมีสีหน้าไม่ต่างกัน
“กูอยากใช้แผนนั้นจริง ๆ นะ พวกมึงคิดว่าไง?”
“มันเสี่ยงไปไหมวะพี่มึง พูดตรง ๆ กูไม่เห็นด้วย” แหลมว่า แม้จะมั่นใจฝีมือคนในทีม แต่แผนที่ไอ้พี่ธีร์เคยบอกมันเข้าขั้นเสี่ยงจนมองไม่เห็นหนทางชนะเลยว่ะ
“มีเวลาแค่สองอาทิตย์ มึงคิดว่าจะทันเหรอ?” ตุ้บตั้บขมวดคิ้ว “พวกมึงเคยลองซ้อมแผนนี้กันมาแล้วก็จริง แต่มันยังออกมาได้ไม่ดี กูพูดถูกไหม?”
“ทันครับพี่ตั้บ” น้องเล็กของทีมแทรกขึ้นมา แม้ว่าลึก ๆ ก็กังวลอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นโซ่ก็อยากไว้ใจพี่ธีร์ “ตอนนี้แผนสองยังไม่ลงตัวเพราะแบบแผนที่เราไม่ถนัด แต่ถ้าซ้อมหนักกว่านี้โซ่เชื่อว่าต้องออกมาดีแน่”
“แต่คนลำบากไม่ใช่พวกกูไง แต่เป็นมึงกับพี่ธีร์ ไหนจะเรื่องใครจะแบกทีมอีก กูนึกภาพไม่ออก” แหลมโซเครียด “กูไม่ได้หมายความว่าต้องให้ใครคนหนึ่งเป็นคนแบกทีมนะ แต่มึงก็เห็น ๆ อยู่ว่ากูไม่ได้เทพ พี่แจ็คก็ไม่น่าจะแบกคนเดียวไหว”
“เดี๋ยวกูแบกเอง จะแบกเกมหรือจักรวาลก็บอกมาเหอะ กลัวเชี่ยไรนักหนา มึงอะเล่นดีแล้ว มั่นใจในตัวเองหน่อยไอ้ฉิบหาย” ธีร์ขมวดคิ้วคาดโทษรุ่นน้อง การที่ไอ้แหลมเล่นช้ากว่าคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะกระจอกแดกจนหาความดีไม่ได้เปล่าวะ
“มันคงหนักแค่ตอนซ้อมเท่านั้นแหละครับ แต่ตอนแข่งทุกคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำตามที่วางแผนไว้อยู่แล้ว”
“กูเห็นด้วย” จากที่เงียบมานานแจ็คก็ทิ้งก้นบุหรี่แล้วขยี้ด้วยรองเท้า เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยสบตากับเพื่อนพร้อมพยักหน้าบอกให้รู้ว่าต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นแจ็คก็จะสนับสนุนความคิดธีร์ ไม่ว่าจะเป็นตอนสมัยมัธยมหรือปัจจุบัน
“พวกมึงแบบ ไอ้ฉิบหายเอ๊ย...” แหลมพึมพำพลางนั่งดีดดิ้นงอแงเป็นเด็กจนแพรวหรี่ตามอง “ที่กูแย้งไม่ใช่เพราะกลัวแพ้ แต่กูกลัวพวกมึงจะโดนไอ้เชี่ยพี่เท็นหยามกว่าเดิมอะเข้าใจไหม?”
“เออ กูเข้าใจ กูถึงได้เลือกทางนี้ไง มึงอย่าลืมดิว่ากว่าจะเป็นโปรเพลย์เยอร์ได้ทุกคนก็ต้องผ่านการเป็นนูปมาก่อนทั้งนั้น คราวนี้ก็รอดูตอนแข่งแล้วว่าใครจะมีกึ๋นมากกว่ากัน” ธีร์เริ่มมีไฟ ขอแค่ทีมเห็นด้วย เขาก็พร้อมที่จะตั้งหน้าตั้งตาซ้อมเป็นบ้าเป็นหลังยิ่งกว่าที่เคย
“อย่าลืมนะว่านี่รอบชิงชนะเลิศ ถ้ามึงเอาเรื่องส่วนตัวไปรวมกับเป้าหมายที่วางไว้ อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้มาถึงตรงนี้อีก ถ้ามึงพาทีมพลาด ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะไม่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งที่เกาหลี แล้วมึงก็จะโดนสมน้ำหน้ายิ่งกว่าเดิม”
ตุ้บตั้บอยากให้เด็กพวกนี้คิดเยอะ ๆ เพราะถ้าใช้อารมณ์ชั่ววูบตัดสินใจเกรงว่าผลจะออกมาไม่ได้ดั่งที่คาดหวัง แต่ไอ้ธีร์ก็คือไอ้ธีร์ ความเก่งบวกกับความมั่นหน้าของมันถึงไม่เคยหาวิธีง่าย ๆ ให้กับทีม และไอ้เด็กกะโหลกกลุ่มนี้ก็พร้อมเสี่ยงไปด้วยเสียอย่างนั้น
“แพ้สะกดยังไงวะ เหมือนไม่ได้เขียนคำนี้มานานแล้ว”
*
สุดท้ายแพรวก็ได้ไปเที่ยววันเด็กในร้านเกม ตบ RoV กับพวกพี่ตั้บบรรเทาความเครียด ส่วนโซ่กับพี่ธีร์ไม่มีใจไปเที่ยวไหนแล้วเพราะตอนนี้สมองมันจดจ่ออยู่กับการซ้อมแผนบี และบรรยากาศแบบนี้คงฟุ้งอยู่รอบตัวไปจนกว่าจะถึงวันแข่งจริงในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
“เดี๋ยวพี่ไปคุยกับสปอนเซอร์แป๊บนึงนะ”
“ครับ” โซ่พยักหน้าพลางมองตามคนตัวโตที่เดินลงจากรถแล้วหายเข้าไปในห้างเพื่อเจรจาเรื่องการสนับสนุนและรับเสื้อทีมมาใส่ในวันแข่งรอบชิง ดังนั้นคนที่ยังปิดบังหน้าตาตนเองจึงต้องรออยู่ในลานจอดรถ
เด็กหนุ่มหงายโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความในไลน์ที่พี่เท็นส่งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน โซ่ไม่อยากตอบตอนอยู่กับพี่ธีร์เพราะกลัวคนมีประเด็นต่อกันจะหัวร้อนจนทำหน้าบึ้งไปหาสปอนเซอร์
TEN10: พี่เคยยื่นข้อเสนอดี ๆ แล้วนะ แต่เราเลือกหันหลังให้พี่เอง
TEN10: อย่าหาว่าพี่ใจร้ายแล้วกัน
Derya MK12: โซ่เข้าใจครับ ไว้เล่นด้วยกันวันแข่งนะครับ
TEN10: ท้าพี่?
Derya MK12: พี่เท็นครับ
Derya MK12: พี่เท็นอาจจะมีเรื่องกับคนในทีมโซ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโซ่จะต้องประชดพี่เท็นไปด้วยนะครับ
TEN10: ใครจะรู้ เราก็ยิ่งหัวอ่อนอยู่ด้วย
Derya MK12: ครับ โซ่หัวอ่อนไม่ทันใคร พี่เท็นเคยพูดแบบนี้ตั้งแต่วันเกิดพี่ธีร์แล้ว
TEN10: พูดแล้วก็จะพูดอีก
TEN10: ถ้าไม่ติดว่าวันนั้นไอ้ธีร์มาแทรกเราก็คงเข้า Blue-Viper ตามที่พี่ชวนเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?
Derya MK12: คำตอบโซ่คงไม่มีผลอะไรกับสิ่งที่พี่เท็นคิดหรอกครับ ปล่อยผ่านไปดีกว่า
Derya MK12: เอาเป็นว่าเราคิดแค่เรื่องปัจจุบันดีกว่านะครับ เรื่องที่เราจะได้เจอกันในรอบชิง มันเป็นเรื่องจริงที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
TEN10: เก่งขึ้น ไอ้ธีร์คงสอนมาดี
TEN10: ชอบ ๆ ปรบมือให้
TEN10: แต่ระวังหลังไว้ให้ดีล่ะ พวกจู๊กเก่ง ๆ พี่ก็ฟันมาแล้ว ถ้าชื่อเสียงดับวันนั้นก็ขอโทษล่วงหน้าไว้เลยแล้วกันนะ เราน่ะเล่นดี แต่ดันเลือกอยู่ทีมผิดเอง
Derya MK12: ขอบคุณที่เตือนครับ
Derya MK12: ระหว่างนี้พี่เท็นก็ดูแลสุขภาพให้ดีนะ ถ้าหักโหมมากไประวังจะป่วยเอา
TEN10: บอกทีมตัวเองเถอะ เพราะพี่จะทำให้ลากเลือดกันทั้งหมดนั่นแหละ
Derya MK12: ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ
TEN10: ไม่ได้เป็นห่วง
Derya MK12: แต่ยังไงโซ่ก็อยากขอบคุณอยู่ดีครับ :3
TEN10: ...
TEN10: รำคาญว่ะ
โซ่อมยิ้มหลังจากส่งสติ๊กเกอร์ให้คนขี้โมโห พี่เท็นมีความเหมือนพี่ธีร์เหมือนกันแฮะ แต่โซ่รู้สึกว่าพี่เท็นดูโดดเดี่ยวมากกว่าทั้งที่มีคนรายล้อมในฐานะทีมตัวแทนระดับประเทศของเกม DotA 2
เด็กหนุ่มหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบกับมือถือ ก่อนจะกดเข้าไปดูไลฟ์ย้อนหลังของพี่เท็นซึ่งคิดว่าทางนั้นก็คงเข้ามาดูทีมเขาเช่นกัน ผ่านไปครึ่งชั่วโมงโซ่ก็ได้รู้ว่าแนวทางการเล่นของพี่เท็นเหมือนโปรเพลย์เยอร์ชื่อดังฝั่งอเมริกาคนหนึ่ง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเกมเมอร์หลายคนก็ศึกษา How to หรือทริกซ์เจ๋ง ๆ จากโปรเพลย์เยอร์เพื่อพัฒนาฝีมือและเอามาปรับใช้ให้เข้ากับแนวทางของตนเอง ซึ่งโซ่ก็เช่นกัน แต่พอดูไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งเอะใจว่าทำไมวิธีการเล่นของพี่เท็นถึงดูเหมือน... จะลอกเลียนมาอย่างกับจับวางอะไรอย่างนี้
“มาแล้ว”
โซ่รีบกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์พร้อมเงยหน้ายิ้มแหย ๆ มันคงดีกว่าถ้าช่วงนี้จะปล่อยให้พี่ธีร์ซ้อมในส่วนของตัวเอง แทนที่จะเล่าทุกเรื่องของพี่เท็นให้ฟังจนกลายเป็นการสุมความเกลียดชังเพิ่มกว่ายิ่งกว่าเดิม
“โห สีสวยจังเลยครับ”
“พี่เอาเบอร์แอลมาให้เรากับไอ้แหลม น่าจะพอดีนะ ลองดูสิ” พี่ธีร์เอาเสื้อออกมาจากถุงพร้อมแกะกระดุมให้อย่างเสร็จสรรพ “ส่วนพี่กับไอ้แจ็คใส่เอ็กซ์แอล พี่ตั้บก็โคตรพ่อโคตรแม่เอ็กซ์เอ็กซ์แอลไป”
“ใส่แล้วเหมือนคนจะได้ไปแข่งที่เกาหลีไหมครับ?” ธีร์หลุดขำกับคำพูดน้องเด๋อ ก่อนจะเอนหลังออกเล็กน้อยพร้อมหรี่ตามองสำรวจความน่ารักตรงหน้า
“เชี่ย ราศีแชมป์ก็มาว่ะ” ธีร์จิ๊ปากพลางจัดคอเสื้อให้เด็กเด๋อที่นั่งอกผายไหล่ผึ่งอย่างที่คนสูงร้อยเจ็ดสิบต้น ๆ จะทำได้แล้ว
“เนื้อผ้าดีด้วยครับ ใส่แล้วไม่ร้อน สปอนเซอร์ทีมเราสุดยอดจริง ๆ เลย”
“พี่หล่อปะ?” ชายหนุ่มปรือตา เท้าศอกกับพวงมาลัยรถพร้อมทำมือไนกี้ใต้คาง
“ถ้าบอกว่าไม่หล่อเดี๋ยวจะมีคนโวยวาย เอาเป็นว่าหล่อก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องเขินที่จะชมพี่หรอกนะโซ่ คือพี่ก็ชินแล้วที่จะได้ยินอะไรแบบนี้ เพราะงั้นเราสามารถพูดคำว่า ‘พี่ธีร์หล่อจัดจ้านสะท้านแกนโลกมากเลยครับ’ ตลอดเวลาก็ย่อมได้”
“พี่ธีร์เหมือนพวกนักเลงในซีรีส์วัยรุ่นอเมริกันมากกว่าครับ แบบที่เข้าไปอย่างเท่แล้วก็โดนพระเอกต่อยจนล้ม”
“เนี่ย บทจะหวานแล้วก็ชอบเตะตัดขากัน” เขาบ่นอุบอิบพลางบีบปากเป็ดจนร้องอู้อี้ “นักเลงแล้วชอบปะหื้อ ตอบให้ชื่นใจดิ๊?”
“หูย มีเสื้อสำรองเบอร์เอ็มให้แพรวด้วย...”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง มานี่เลยเราอะ” ธีร์โอบแก้มน้องให้หันมาสบตากัน มองปากจู๋เป็นเป็ดเพราะแรงบีบแล้วก็ก้มลงไปจุ๊บเหม่งเบา ๆ “ขอบคุณที่ทำให้ทุกคนเชื่อใจพี่”
“เข้าใจผิดแล้วครับ ความจริงทุกคนเชื่อใจพี่ธีร์อยู่แล้ว แต่พี่ ๆ แค่ปวดหัวกับเรื่องพี่เท็นก็เท่านั้นเอง” น้องยิ้มตาหยี ธีร์รู้สึกดีเหลือเกินกับพลังงานด้านบวกดี ๆ ที่คนตรงหน้ากำลังส่งมาให้
“แล้วเราเชื่อใจพี่ไหม?” น้องไม่ได้ตอบคำถามเอาใจทันที แต่เขากลับคิดเอาเองว่าดวงตาคู่นี้ได้ให้คำตอบมาแล้ว แววตาที่ไม่เคยผิดหวังในตัวเขา แววตาที่ทำให้ธีร์มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
“ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทีมเลยล่ะครับ” ชายหนุ่มมองมือน้องที่จับมือเขาอีกที ตอนนี้ความกังวลเรื่องความเสี่ยงกำลังถูกทลายด้วยความไว้ใจจากเด็กคนนี้และเพื่อนร่วมทีมที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน “ต่อให้รอบชิงจะยากแค่ไหน แต่เราทุกคนจะสู้ไปด้วยกันนะครับ”
“เราทำได้ใช่ไหมโซ่ บอกพี่หน่อย”
“ได้ครับ โซ่เชื่อว่าถ้าเราเต็มที่แล้วผลจะต้องออกมาดีแน่ อย่างน้อยเราก็ยังได้พยายาม มันดีกว่าการประมาทและปล่อยไปเพราะคิดว่าทำได้ดีแล้ว พี่ธีร์อย่าท้อนะ โซ่ก็จะไม่ท้อเหมือนกัน เราจะไปเป็นโอปป้าเข้ม ๆ ที่เกาหลีกันนะครับ”
“เข้มมากเหรอเราอะ หื้อ โอปป้าตัวแค่นี้” ธีร์ย่นจมูกแล้วก้มลงไปจุ๊บปากน้องเบา ๆ ก่อนจะผละออกมาสบตากัน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราสองคนจะต้องฝึกหนักกว่าคนในทีมแล้วนะรู้ไหม พี่เป็นห่วงว่ะพูดจริง ๆ เราเองก็เปิดเทอมแล้วด้วย เพราะงั้นถ้าไม่ไหวก็บอกพี่นะ”
“โซ่จะแบ่งเวลาให้ดีครับ โซ่เป็นห่วงพี่ธีร์เหมือนกันนะ พี่ธีร์ชอบดื่มกาแฟวันละหลาย ๆ แก้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพ ลดลงหน่อยได้ไหมครับ?” อ้อนขนาดนี้ให้เลิกแดกข้าวก็ต้องยอมแล้วปะวะ ธีร์คิดอย่างนั้น
“ถ้าไม่ซัดกาแฟพี่ก็ต้องจัดเอ็มร้อยอะโซ่ พี่อยากอยู่ซ้อมนาน ๆ”
“แต่พี่ธีร์ก็ต้องพักผ่อนนะ ร่างกายพี่ธีร์ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โซ่กลัวว่าจะวูบไปครับ”
“งั้นทำไงดี ให้พี่ไปอยู่กับโซ่จนกว่าจะแข่งได้ไหม ตอนนั้นเราจะดุเรื่องดื่มกาแฟกับเรื่องนอนยังไงก็ได้ พี่จะยอมทำตามทุกอย่างเลย”
เสียงคุยกันเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ จนแทบเป็นเสียงกระซิบ พี่ธีร์จับมือโซ่ไปทาบที่แก้มตนเองพร้อมถูเบา ๆ ขณะสบตากัน เจอลูกอ้อนแบบนี้ใครจะทนได้ ใจโซ่อ่อนยวบเลยล่ะ สีหน้าพี่ธีร์ตอนนี้เหมือนพ่อหมีสุดโหดที่ยอมเก็บคมเขี้ยวแล้วหันไปกอดไหน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น
อันที่จริงโซ่ก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะการซ้อมแบบตัวต่อตัวมันคงดีกว่าเปิดไมค์คุยกันเป็นไหน ๆ แต่ที่เลือกเก็บไว้ในใจก็เพราะกลัวถูกเข้าใจผิด กลัวพี่ธีร์คิดว่าโซ่กำลังอ่อย
“พี่ธีร์จะไม่ดื้อกับโซ่ใช่ไหมครับ?”
“ครับ พี่ธีร์จะนอนตามเวลา แล้วก็กินข้าวให้ดูด้วย”
“กาแฟแก้วเดียวได้ใช่ไหมครับ?” โซ่ไม่ใช่คนชอบบังคับ สาบานได้เลย แต่ในกรณีพี่ธีร์มันจำเป็นจริง ๆ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายสุขภาพย่ำแย่เพราะหักโหมไปกับการซ้อม แล้วตอนพี่ธีร์อ้อนก็น่ารักมาก ๆ เลยด้วย “เราจะตั้งใจซ้อมด้วยกัน ห้ามหัวร้อนด้วยนะครับ ถ้าหัวร้อนจะให้ไปนอนระเบียง”
“ระเบียงเลยเหรอ ยุงมันเยอะนะ โซ่จะใจร้ายกับพี่ลงเหรอครับ?” โซ่กลั้นยิ้มกับความขี้อ้อนไม่ไหวหรอก ทำไงดีนะ เสื้อทีมที่เคยคิดว่าใส่สบายเหมือนจะร้อนแล้วล่ะ
“อือครับ เพราะงั้นห้ามดื้อกับโซ่นะ”
“ครับ เกี่ยวก้อยสัญญาเลย” คนทะเล้นกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ชูนิ้วก้อยขึ้นมาตรงระดับริมฝีปากและน้องก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ก่อนหน้านี้ธีร์อาจจะเป็นคนเอาแต่ใจ หัวรั้น ไม่ค่อยฟังคำพูดคนอื่นนัก แต่เด็กคนนี้ได้เข้ามาเปลี่ยนโลกของเขา กล่อมเกลาจากสิ่งที่น้องเป็นและซึมซับมาจนสามารถพูดคุยกับน้องชายแท้ ๆ ได้อย่างเปิดใจ ตอนนี้ธีร์ก็กำลังฟังเพื่อปรับเปลี่ยนอะไร ๆ ให้ดีขึ้น และเขาหวังว่าด้านดี ๆ ของตนจะมอบสิ่งดี ๆ ให้น้องเด๋อเช่นกัน
“งั้นเราไปเอาคีย์บอร์ดกับเมาส์ที่คอนโดพี่ธีร์ดีไหมครับ พอตอนโซ่ไปเรียนพี่ธีร์จะได้เล่นถนัดขึ้นถ้าเป็นอุปกรณ์ของตัวเอง”
“เอาสิ เดี๋ยวพี่เอาโน้ตบุ๊กกับเสื้อผ้าไปด้วย” หักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากลานจอดรถ ในหัวแพลนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะตื่นไปส่งน้องที่มหาลัยแล้วขับกลับมาซ้อม พอตอนเย็นก็ออกไปซื้อของกลับมาตุนไว้เพื่อมื้อดึก
“วันนี้เด็กชายธีร์น่ารักจังเลยครับ เดี๋ยวโซ่ให้ดาวบนมุมกระดาษนะ”
“สะดวกใจกี่ดวงล่ะครับ?”
“สามแล้วกันครับ วันนี้โซ่อารมณ์ดี”
“พี่ไม่ได้หมายถึงดาว แต่หมายถึงใจที่รักของพี่อะครับจะให้สักกี่ดวงดี?”
คนถูกเรียกด้วยคำหวานหน้าขึ้นสีจัด โซ่กลอกตาล่อกแล่กพลางคาดเข็มขัดแล้วปล่อยให้อีกคนฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี จนเขาต้องเบือนหน้าเข้าหาหน้าต่างเพราะความขลาดอาย แค่พูดครับคนฟังก็แทบแย่แล้วยังจะเรียกว่าที่รักอีก พี่ธีร์เนี่ยเป็นฆาตกรจริง ๆ ด้วย
( จบ PART 1/2 )