พอนพวางไมค์ ก็กลายเป็นว่านพเปิดเพลงแล้วนัทร้องแทน
เสียงเพราะๆของนัทไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาสักเท่าไร
ผมเลยแกล้งง่วงแล้วนอนข่มตาอยู่บนโซฟา แต่เสียงเพลงที่เขาร้องให้กันก็ยังได้ยินอยู่ดี...
แล้วร้องเกะกันเสียหลายชั่วโมง... ไม่สนุกเลย ไม่สนุกเลยที่ต้องมาในวันนี้ มาเจอเรื่องแบบนี้
จนออกจากร้านเกะ ผมแทบรู้สึกเหมือนหลุดพ้นจากบ่วงกรรม แต่เจ้ากรรม...
"พี่กอบ นัทกลับด้วยนะ"
นัทขึ้นมานั่งบนรถผม นั่งข้างๆนพที่ผมต้องไปส่งกลับหอ
"อ่า...ได้ๆ หอนัทอยู่ตรงไหนนะ?"
"ลงหอเดียวกับพี่นพเลยครับ นัทจะไปนอนห้องเพื่อน"
...ดีนะที่สองคนนั้นนั่งข้างหลัง เลยไม่ได้เห็นผมเม้มปาก พยายามสะกดกลั้นอารมณ์
...สงสัยผมคงอิจฉานัท
หรือไม่ก็รู้สึกแย่ที่การช่วยเหลือความรักของนพกับแชมป์ที่ผมทำไป
ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อนพแอบคบกับนัทอีกคน
ตัวประกอบอย่างผมทนขับรถไปส่งทั้งสองคนได้ในที่สุด... ถ้าเป็นในนิยายคงมีฉากร้องไห้ไปแล้ว
แต่ผมดันร้องไห้ไม่ออก ตัวประกอบมีบทร้องไห้เดียวดายเสียที่ไหนล่ะ
ไม่ใช่นายเอกในนิยายเรื่องอื่นๆที่แอบไปร้องไห้คนเดียวให้คนดูสงสาร
พอตื่นมาผมก็ไปเรียนหนังสือตามปกติ ก่อนที่จะเจอนพที่คณะ
สักพัก นัทก็เดินอารมณ์เสียมา ดูเหมือนว่าจะอารมณ์เสียที่ไม่ค่อยมีคนไปช่วยขนย้ายของออกจากโรงละคร
ผมเลยไปช่วยนัทยกของลงจากรถ ก่อนที่จะตามนัทไปโรงละครด้วย นพก็ไป
รู้สึกว่านัทจะโกรธที่นพไม่ยอมไปช่วยนัทแต่แรก งอนไปนั่งหน้ารถ ปล่อยให้ผมกับนพและคนอื่นๆนั่งบนกระบะ
พอไปโรงละครก็ตามสูตรเดิม นัทงอนหนีหายไป ก่อนที่นพจะตามไปง้อแหงๆ เพราะหายไปกันทั้งคู่เลย
ครีม ซึ่งเป็นเพื่อนของผมและนพก็ซื้อขนมมากินกัน พลางถามหานพ...
ผมเลยโทรตามนพเพราะไม่อยากให้ครีมไปเจอนพกับนัทอยู่ด้วยกัน สงสารครีม เจอเรื่องมาเยอะแล้วช่วงนี้
ไหนจะเรื่องแฟนเรื่องงาน ถ้าได้รู้เรื่องนพกับนัทแอบคบกันคงแย่กว่าเดิมแน่ๆ
เพราะครีมเป็นคนที่ห่วงและเป็นกังวลแทนเพื่อนเสมอ
สุดท้ายนพก็กลับมา ส่วนนัทตามมาทีหลัง คงคืนดีกันแล้วล่ะ
ขนของเสร็จ กลายเป็นว่าต้องขี่มอเตอร์ไซค์ของเพื่อนกลับคณะ นพกับนัทก็นั่งซ้อนท้ายผมไปด้วย
...จะแกล้งกันไปถึงไหนหนอโชคชะตา...อย่าเอาบทรันทดมาให้ตัวประกอบอย่างผมบ่อยๆเลย สงสารผมเถอะ
ถ้ามีกล้องสักตัวถ่ายเอาไว้เป็นละครหลังข่าว จะมีภาพของคนสองคนที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์
เป็นภาพของพระเอกที่พูดคุยหัวเราะกับนายเอกคนที่สอง
ส่วนภาพที่กล้องไม่ได้ถ่ายไว้ก็คือภาพของตัวประกอบอย่างผมที่แทบอยากจะร้องไห้ทั้งๆที่ขี่มอเตอร์ไซค์
ทันทีที่ถึงคณะ ผมอยู่ทนปั้นหน้ายิ้มไม่ไหว เลยรีบเดินเข้าตึกไป...แล้วกอดแอนทันทีที่เจอ
"ขอกอดเติมพลังหน่อยนะ...ไม่ไหวแล้ว"
"ได้ค่ะพี่กอบ"
พอนพเข้ามา ผม ครีม นพ และแอนก็นั่งคุยงานกัน
สักพัก อยู่ดีๆ ครีมก็ถามนพว่า
"มีเรื่องอะไรกับนัทเหรอ เมื่อกี้"
นพดูเหมือนตอบไม่ถูก... สุดท้ายตัวประกอบอย่างผมเลยต้องแก้ตัวแทน
"นัทมันอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ แบบว่าไปขนของแล้วไม่ค่อยมีคนมาช่วย"
"อ่อ..."
พอครีมกลับไป ผม นพ และแอนก็ทำงานกันต่อ ก่อนที่จะเสร็จในที่สุด แล้วนพก็ลากแอนไปคุยในที่ไกลๆ
คุยเป็นชั่วโมงครึ่งชั่วโมง คงจะปรึกษาเรื่องนัท เรื่องแชมป์ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆเมื่อแอนมาเล่าให้ผมฟังภายหลัง
"เอ้อ พี่นพแปลกใจมากว่าทำไมพี่กอบไม่ถามอะไรพี่นพเลย"
"เออเนอะ แกล้งทำเป็นเฉยๆไม่รู้อะไรมากเกินไปหน่อย ผิดสังเกตแหง"
"เมื่อกี้ก็นางเอกในละครเชียวนะ แก้ตัวแทนพี่นพเนี่ย"
"นพพี่ก็ห่วง แชมป์พี่ก็ห่วง นัทพี่ก็ห่วง ครีมพี่ก็ห่วง ...จะให้ทำยังไงได้ล่ะ อยากเป็นคนดีมันก็เจ็บงี้แหละ"
"นัทนี่ก็นะ ไม่น่าทำอย่างนี้เลย พี่นพก็ด้วย"
"นพมันก็เหมือนเด็กๆแหละ นิสัยเด็กจะตาย ส่วนนัทเอง พี่ก็เข้าใจนัทนะ แต่พี่เลือกจะไม่ทำ"
"ถ้านัทมันคิดได้เหมือนพี่กอบก็ดี สงสารแชมป์"
...ไม่หรอก ยังไงท้ายที่สุด นพก็เลือกแชมป์ ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ
นัทเอง ลองมาถึงจุดนี้แล้ว เรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่ๆ...
การอยู่เป็นตัวประกอบข้างๆชีวิตพระเอกอย่างนพนี่เหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้
แต่พอหันกลับมามองตัวประกอบอย่างตัวผมเองแล้วก็อดน้ำตาซึมไม่ได้...
แย่แล้ว ผมคงต้องแอบไปร้องไห้นอกฉากก่อนนะ ไม่มีที่ว่างให้กับความเศร้าของตัวประกอบหรอก
ผมกลับห้องมานั่งมองดูดอกคาร์เนชั่นลายดอกนั้น... หนามมันคมยิ่งกว่าดอกกุหลาบเสียอีก
เล่นเอาผมเจ็บแปล๊บๆมาจนถึงป่านนี้... ทั้งๆที่ตัวดอกไม่มีหนาม แต่ยิ่งคิดถึงคนให้ ยิ่งทรมาน
การ์ดเล็กๆใบนั้นถูกผมดึงออกมาจากดอกคาร์เนชั่น ไปยืนตรงระเบียงห้อง...อยากจะทิ้งกระดาษแผ่นนี้ไป
เผื่อว่าหนามของดอกคาร์เนชั่นลายดอกนี้จะลดน้อยลงบ้าง
แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า... ก็ผมไม่ใช่พระเอกหรือนายเอกที่ฉีกการ์ดทิ้งแล้วโปรยไปในอากาศด้วยความเสียใจ
ผมเป็นแค่ตัวประกอบ.