…………
โซ่สีดำมันเลื่อมถูกปลดไปกองอยู่ที่ปลายเตียง ผมซึ่งนอนเปลือยกายอยู่ถูกห่อหุ้มด้วยอ้อมกอดของคนที่ตัวเล็กกว่าภายในผ้าห่มจนเหมือนก้อนผ้ากลมกองอยู่บนเตียง
ผมตื่นมาด้วยอาการปวดร้าวไปหมดทั้งร่าง พร้อมทั้งมองค้อนไอ้ตัวต้นเหตุอย่างบึ้งตึง แต่คนที่นอนกอดเขาอยู่กลับนอนหลับสนิทไม่ไหวติง
ป๊าบ!!!!
เสียงผ่ามือปะทะต้นแขนแกร่งกล้ามเนื้อล้วน เสียงดังลั่น
“เฮ้ย! อะไรน่ะ!?” พี่โน่ลืมตาหันมาหาผมแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น
“ลงโทษ!!” ผมพูดสั้นๆ ห้วนๆ
“ลงโทษพี่ทำไม?” อีกฝ่ายยังตอบได้ไม่เต็มเสียงพลางมุดตัวเข้ามาหาผมมากขึ้นทั้งร่างที่เปลือยเปล่า
“ดูสิ! เจ็บไปทั้งตัวเลย จะเป็นรอยโซ่ไหมเนี่ย? ไม่เอาแล้วนะเล่นอะไรบ้าบอแบบนี้!” ผมโวยเบาเบา
“จ้าๆ แต่ก็ดูมีความสุขดีนี่!” รู้สึกถึงรอยยิ้มจากน้ำเสียงโดยที่ผมไม่ต้องมองหน้ามันเลย
“แต่มันเจ็บ ไม่เอาแล้ว!!” ผมโวยอีกรอบ
“จ้าๆ ไม่เอาแล้วก็ได้จ้า แต่ก็อยากลองแบบอื่นบ้างนะ” ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ้ย ผมได้แต่กรอกตาตอบกลับในใจ
“ถ้าไม่เจ็บตัวก็โอเค! ผมไม่ใช้พวกซาดิสม์นะ ผมมีแม่นะ จะให้เอาร่างกายมาทำแบบนี้ผมไม่โอเคเลย!!” ผมคิดพักใหญ่ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง
“จริง!! แล้วเมื่อไหร่จะบอกแม่ล่ะ เรื่องแบบนี้!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล แต่เป็นเสียงที่ทรงพลังมาก ผมและพี่โน่สะดุ้งตัวโยนและลุกขึ้นนั่งทั้งผ้าห่ม พลางมองหาต้นตอของเสียง
ในความมืดภายใต้ผ้าม่านป้องกันแสงยูวีนะดับพรีเมี่ยมในห้อง สายตาของผมที่ปรับให้เข้ากับห้องที่แสงน้อยเคลื่อนไปพบเงาร่างหนึ่งที่ประตูห้องจุดที่สัมผัสแสงในห้องน้อยที่สุด
“จัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยแล้วไปคุยกันข้างล่าง” เสียงจากเงาร่างที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น ก่อนจะเปิดประตูห้อง แสงจากภายนอกสาดเข้ามา เผยให้เห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวจากผู้เป็นมารดา
เสียงประตูลั่นปิดดังกริ๊ก เพราะก้านปิดนิรภัยที่ประตูห้อง ไม่เช่นนั้นอาจเป็นเสียงประตูกระทบบานกบดังสนั่น
ผมสบถในใจเป็นพันรอบ พร้อมมองพี่โน่อย่างลนลาน ผมไม่อยากบอกแม่ถึงความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อนแม่แบบนี้เลย
“ใจเย็นๆ อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปสู้พร้อมกัน” พี่โน่ตอบกลับสีหน้าลนลานของผมอย่างใจเย็น
“เชิญพี่เย็นไปคนเดียวเหอะ!!” ผมโวยขณะลุกขึ้นยืนอย่างร้อนลน
“ฟังพี่!” พี่โน่คว้ามือผมด้วยความรวดเร็ว ฉุดรั้งให้ผมล้มลงนั่งอย่างทรงตัวไม่อยู่ และกดริมฝีปากอันอุ่นนุ่มลงไปที่ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา
มันคงเป็นวิธีช่วยให้ผมใจเย็นลงตามแบบฉบับของพี่โน่ ซึ่ง…. มันได้ผล
ผมสงบลง และตอบสนองจุมพิตนั้นอย่างอ่อนโยน
“ทำไงดี?” ผมเอ่ยขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกห่าง
“ไม่รู้นะ พี่เองก็ไม่เคยนึกถึงเหตุการณ์แบบนี้ พี่เคยคิดว่าหลังจากที่ไอซ์เรียนจบแล้ว พี่จะขอคุยกับมล แม่ของไอซ์ อย่างเป็นกิจลักษณะ บอกตามตรง แม้แต่พี่เองก็ยังเกรงใจมล ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง” พี่โน่ผ่อนลมหายใจออกมายาว
“แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี้ พี่จะไม่หยุดคบกับไอซ์นะ ยังไงพี่ก็รักไอซ์นะ” พี่โน่มองตาผมขณะที่พูดประโยคเลี่ยนๆ แบบนี้ออกมา
แต่ผมกลับไม่ติดใจอะไร ผมดันยิ้มกลับถ้อยคำหวานเลี่ยนแบบนั้นอย่างช่วยไม่ได้
…………
แม่ของผมนั่งนิ่งอยู่ที่ห้องรับแขกแสนรักของเธอ เหม่อมองออกไปที่สวนข้างบ้านอย่างไร้จุดหมาย
ลุงโต้งที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มแห้งตอบกลับมาที่พวกผมกับพี่โน่ทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกัน
ผมเดาว่าลุงโต้งน่าจะรู้เรื่องบ้างเพราะว่าสนิทกับพี่โน่มาก พี่โน่คงแอบปรึกษาไปบ้างแล้ว เพราะจากสีหน้าแล้ว ไม่มีอาการแปลกใจกับเหตุการณ์นี้เลย
“มล…คือ….” พี่โน่เปิดฉากสนทนาก่อน
“นั่งลงก่อนสิ!!” แม่ของผมปัดการเริ่มสนทนาของพี่โน่ตกไปอย่างหน้าตาเฉย แม่ของผมคือผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
ผมและพี่โน่เดินไปนั่งข้างกัน ในจุดที่แม่ของผมชี้เชิญเป็นนัย หลังจากนั่งลงเรียบร้อย พี่โน่ก็คว้ามือผมไปจับเสียแน่น
แม่ผมคิ้วขมวดทันทีที่เห็น
“มลเคยคุยไปแล้วนี่ว่า อย่ามายุ่งกับลูกของมล จะไปเจ้าชู้ที่ไหนก็ไป จะพนักงานของมล ญาติพี่น้องมล มลไม่เคยยุ่ง!! แต่กับลูกมล มลขอนะ!!” เสียงแข็งกร้าวทรงพลังออกจากปากของแม่ ผมไม่เคยเห็นแม่ทำหน้าแบบนี้มาก่อน
ผมฟังประโยคแม่แล้วพลางคิดไปด้วย หากที่แม่พูดเป็นเรื่องจริง ที่ไล่เรียงมาทั้งหมดนี่มัน ไอ้พี่โน่จัดการไปหมดแล้วเหรอฟะ? ว่าแล้วผมก็จิ๊กเนื้อที่มือของไอ้คนที่กำมือผมแน่นอยู่ตอนนี้
พี่โน่แสดงสีหน้าเจ็บปวดพลางหันมากระซิบทำนองว่า “แค่เปรียบเปรยไหม?” ผมถึงหยุดหยิกไอ้คนตัวเล็กข้างๆ
แม่กระแอมเสียงดังทำให้ผมสะดุ้งและก้มหน้าไม่รู้ตัว ถึงผมจะเป็นเด็กดื้อแต่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ การทำให้แม่เสียใจ ผมเห็นน้ำตาแม่มามากแล้ว และผมไม่ต้องการเห็นอีก ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน พอถึงจุด ๆ หนึ่ง อาการผมจะเป็นแบบนี้โดยอัตโนมัติ
“มล…. แต่ครั้งนี้ผมจริงจังนะ ผมรักลูกชายของมลด้วยใจจริง” สีหน้าท่าทางของพี่โน่กลับไปเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าด้วยท่าทางหรือคำพูดที่หนักแน่นของพี่โน่ ที่ทำให้แม่ของผมหยุดนิ่งและครุ่นคิดอย่างหนักจนสังเกตได้ทางสีหน้า และมีความประหลาดใจปะปนออกมาทางสายตาที่ส่งมาทางผมเป็นระยะ
“พูดจริงใช่ไหมเนี่ย?” แม่ผมมีท่าทีอ่อนลง
“จริง!! ผมจริงใจ และผมมีแผนที่จะขออนุญาตมลอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้มลมาจับได้เองแบบนี้เลย ผมพยายามคิดหลายแบบแล้วว่าจะเริ่มต้นเรื่องนี้ยังไงให้มลโกรธน้อยที่สุด แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ผมก็จะใช้ความจริงใจของผมเข้าสู้แล้วนะ!!” โหมดคำพูดจริงจังของพี่โน่ ทำให้แม่ของผมคิดหนักอีกครั้ง
“จากประสบการณ์…. คำพูดของโน่แทบจะเชื่อถือไม่ได้เลย รู้ใช่ไหม?” แม่ผมผ่อนลมหายใจพลางตอบกลับมา
“รู้สิ.. ไม่ใช่ครั้งแรกนี่นะ ที่ผมมาขออะไรแบบนี้!!”
“เพราะแบบนี้เราเลยไม่สามารถลงเอยกันได้ เพราะมลรู้ว่า มลคบกับโน่ได้แค่เพื่อนนะดีที่สุดแล้ว!! ถึงแม้ในตอนนั้นจะผิดหวังกับโต้งมาก็ตาม” คำตอบของแม่ผม ทำให้ผมอึ้งจนคิดอะไรไม่ออก
“เอาน่าๆ มล โต้งขอช่วยมันพูดได้ไหม? โต้งไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้กับใครมานานแล้ว มันจริงจังนะ!!” ลุงโต้งช่วยพูดเสริมขึ้น ผมแปลกใจนะที่ลุงโต้งยังนั่งอยู่ในห้อง เพราะแทบจะไม่รู้สึกตัวเลย ความโกรธของแม่ทำให้ผมความสนใจของผมพุ่งไปที่เดียว
“คุณก็เอากับเขาด้วย! อย่าบอกนะว่ารู้เรื่องนี้นานแล้วแต่ไม่ยอมบอกมลน่ะ!” แม่ผมมีท่าทีน้อยใจในน้ำเสียง
“ก็รู้ไงว่ามลเคยยื่นคำขาดกับมันไปแล้ว ผมเป็นกลางก็ลำบากใจนะ คนหนึ่งก็เพื่อน คนหนึ่งก็เมีย แต่ผมรู้จักเพื่อนผมดี ครั้งนี้มันจริงจังนะ” ลุงโต้งเองก็พยายามหว่านล้อมให้แม่ใจเย็นๆ ลงหน่อย
แต่สุดท้ายแม่ก็ยังโวยวายลั่นบ้านไม่เลิก ผมผู้ไม่เคยกลัวใครยกเว้นแม่ได้แต่นั่งก้มหน้ารับผลที่จะเกิดขึ้นด้วยใจที่ห่อเหี่ยว ผมรู้ว่าคนดื้อดึงอย่างแม่ไม่มีทางยอมรับเรื่องแบบนี่ได้แน่นอน ยิ่งเคยเอ่ยปากห้ามไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะดื้อดึงเพียงใด
จากห้านาที ณ จุดเริ่มต้น ยาวนานไปจนถึงเกือบจะหนึ่งชั่วโมง แต่สำหรับผมมันเหมือนเวลาถูกยืดยาวไปมากกว่านั่น ผมเหมือนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิผู้ใหญ่ที่คนหนึ่งผิดหวังและโกรธเกรี้ยวที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจ ไม่ชอบการผิดคำพูด อีกคนก็พยายามแสดงความจริงใจและแสดงจุดยืนของตนเอง ส่วนอีกคนได้แต่พยายามกล่อมและหว่านล้อมให้ทุกคนหาจุดกึ่งกลางของความต้องการแต่ละฝ่ายได้
“มลต้องการให้ผมพิสูจน์อะไร ผมทำได้หมด เพียงแต่อย่าแยกพวกเราออกจากกันเลย ผมรอของผมมานานกว่าที่ลูกของมลจะยอมรับรักผม ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครเลย ผมคงรักใครไม่ได้นอกจากไอซ์!!”
ผมรู้สึกสะท้านเมื่อผมฟังจบประโยค ที่ผ่านมาผมคบกับทุกคนด้วยความต้องการทางเพศของผมเท่านั้น แต่การโดนใครสักคนรักผมมากมายขนาดนี้ ผมเพิ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก
“เพราะมลรู้จักโน่ดี เลยรู้ไงว่าความรักของโน่มันไม่มีอยู่จริง โน่ไม่เคยเชื่อใจใคร ไม่เคยไว้ใจใคร และไม่เคยมีใครที่จริงจังด้วยเลย!! มันทำให้มลไม่สามารเขื่อถือคำพูดของโน่ได้!!” คำพูดทำนองนี้ออกจากปากแม่ผมตลอด 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“มล….” ลุงโต้งเดินมาจับมือแม่ของผมที่กำลังสั่นเทา เป็นภาพที่เจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจ
“มล….. เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่า หากเป็นนีโน่คนเก่า เขาจะไม่ทนฟังมลแบบนี้ ป่านนี้คงลักพาตัวไอซ์ไปเสพสุขที่ไหนสักแห่ง ไม่กลับมาแล้ว แต่มลรู้ใช่ไหมว่าทำไมผมไม่ทำแบบนั้น!” เป็นคำพูดของคนที่ผมรัก และทำให้ผมกลัวได้ในเวลาเดียวกัน
นี่มันเคยทำอะไรแบบนั้นจริงหรือวะ? ผมคิดพลางขนลุกไปพลาง
“งั้นพิสูจน์มาเรื่องหนึ่ง!” เหมือนแม่ผมคิดอะไรออก จึงตัดสินใจพูดออกมา
“ได้!! ผมรับปากได้ทุกเรื่องหากจะพิสูจน์ให้มลรู้ว่าผมจริงจังแค่ไหน?” พี่โน่ยึดอกมั่นใจ
“งั้นโอนที่ดินตรงศาลากลางจังหวัดให้ไอซ์!” แม่ผมพูดอะไรที่ทำให้ผมงงมาก ของแค่นี้มันจะไปพิสูจน์อะไรได้
แต่สีหน้าตกใจของพี่โน่ทำให้ผมรู้สึกกังวลขึ้นมา
“มล!! มลก็รู้ว่า กว่าที่ไอ้โน่มันซื้อที่ดินของเตี่ยมันคืนยากแค่ไหน! ทำไมถึงได้…..” ลุงโต้งที่ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนของเขาโพล่งพูดขึ้นมา
“ตกลง!!” พี่โน่พูดตัดบทลุงโต้ง และเป็นลุงโต้งที่ตกใจมากกว่าแม่ผมเสียอีก
“เฮ้ยๆๆ ไหนมึงบอกว่าจะเก็บที่ดินนั้นไว้นะลึกถึงเตี่ยมึงไง! ที่ดินที่มึงเติบโตมา ที่ดินที่พ่อมึงขายส่งมึงเรียน!!” คำพูดของลุงโต้งถูกหยุดโดยผ่ามือที่ผายขึ้นมาของพี่โน่
“ไม่เป็นไร… ของๆ กูก็เหมือนของแฟนกู” พี่โน่พูดด้วยถ้อยคำมาดมั่นไม่ละสายตาจากแม่ของผม
“เอาไปคิดดูก่อนสักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบ” แม่ผมพูดสวนกลับแทบจะทันที
“แม่ แบบนี้มันเกินไปไหมครับ?” ผมที่เงียบอยู่นานเริ่มทนไม่ไหวเลยเผลอแทรกบทสนทนาเข้าไป
แม่ผมจ้องกลับตาแทบจะลุกเป็นไฟ ผมก้มหน้าโดยอัตโนมัติ
“กลับไปที่ห้องเดี๋ยวนี้ แม่ขอกักบริเวณลูกจนกว่าจะเปิดเทอม ไปสำนึกผิดในห้อง ถ้าไม่เรียกไม่ต้องออกมา!!” เสียงแม่ผมดังแหวกอากาศมาถึงผม
“Mom! Is doesn’t make any sense!!” ผมโวยขึ้น
“Isack!!, don’t make me do the hard way, go now!!” แม่ผมสวนกลับด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงดั่งไฟ
ผมผ่อนลมหายใจแรง และเดินกระทืบเท้าจากไป ด้วยน้ำตาที่คั่งค้างอยู่ในดวงตา
ก่อนขึ้นไปถึงชั้นสอง ผมได้ยินแม่พูดเสียงดังเป็นการเชิญแขกให้กลับไปได้แล้ว
“หมดเรื่องที่จะคุยแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน!!”
ไม่นานต่อจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับออกจากบ้านไป พร้อมอาการหน่วง ๆ ในทรวงอก ผมเผลอจับหน้าอกตัวเอง รู้สึกถึงความว่างเปล่าภายใน แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้
…………