บทบาทที่ 3
นานๆจะได้มาภูเก็ตทั้งที ผมเองก็อยากที่จะเที่ยวหรือเล่นน้ำทะเลให้หายอยาก เเต่กลับถูกเบรคจนเเทบหงายหลัง
"จะรีบเที่ยวไปไหน ยังไงๆก็ต้องอยู่นี่อีกนาน" คนพูดยังทำหน้านิ่ง สายตาที่กำลังอ่านเอกสารอยู่นั้นไม่ได้หันมามองผมเลย
"อะไรอ่ะ ขอนิดเดียวเอง"ผมทำสายตาอ้อนวอนแต่มันคงจะไร้ผลเลยทำได้เเค่เบะปากอย่างหมดอารมณ์
"เมื่อซักพักยังบอกว่าเหนื่อยอยู่เลย" คนพูดชำเลืองตามอง ผมเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เเล้วท้าวคางมองคนตรงหน้า
"ก็เหนื่อยนะแต่คงไม่เท่านายหรอก ไม่เหนื่อยหรอ มาถึงก็ทำงาน"นายไนท์หยุดอ่านเเล้ววางเอกสารลง
"ถามจริงๆเถอะนายเป็นพวกสมาธิสั้นหรือไง"ผมเกาหัวเหมือนไม่เข้าใจความหมาย
"ขึ้นไปดูหนูดรีมให้หน่อยว่าตื่นหรือยัง"คนพูด พูดเเล้วกลับไปสนใจกับเอกสารต่อ ผมชี้มือมาทางตัวเองเพื่อให้เเน่ใจว่าเมื่อ กี้นี้บอกกับผมหรือเปล่า
"นายนั้นเเหละ"นายไนท์พูดกึ่งตวาด คิดว่ากลัวหรือไง ชิไปก็ได้
ผ่านมาชม.กว่าๆเเล้ว ที่ผมได้เป็นเหมือนสมาชิกใหม่ เเละยังไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับคนอื่นนักเเต่เพราะตัวเอง เป็นคนชอบจุ้นมันเลยเป็นผลดี เเละ ผลเสีย ผมยืนอยู่หน้าห้องของน้องดรีมที่ตอนนี้เหมือนได้ยินเสียงของเด็กน้อยตัวเล็กๆ ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูเเล้วชะโงกหน้าเข้าไป ปรายหันกลับมามองดูว่าใครเปิดเข้ามา เธอชักสีหน้าใส่ผมทันที
"ใครสั่งให้คุณเข้ามา"เธอทำน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ และทำเหมือนห้องๆนี้เป็นห้องของเธอซะเอง
"พี่ไนท์"ผมพูดชื่อไอ้คนที่ชอบกวนอารมณ์ให้ดูเหมือนจะสนิทสนม อาจเป็นเพราะปรายทำให้ผมต้องพูดเเบบนี้ ทั้งๆที่พอพูดเเล้วมันกระดากปากชอบกล ที่เรียกไอ้คนที่ชอบทำตัวไม่เหมือนนาม ที่ผมใช้เรียกเลยเเม้เเต่น้อย
"น้าปรายนั่นใครหรอคะ"น้องดรีมทำหน้าอิดโรยอาจเป็นเพราะเธอคงไม่สบายอยู่เเล้ว เลยทำให้รู้สึกอย่างนั้น
"คนใช้น่ะน้องดรีม"คำตอบที่เธอมอบให้มันช่างเจ็บเเสบจริงๆ
"หรอคะ น้องดรีมก็นึกว่าเขาเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ของดรีมซะอีก" น้องดรีมทำหน้าเศร้าลงทันที เหมือนความรู้สึกที่ผิดหวัง
"น้องดรีม น้องดรีมเป็นซะเเบบนี้เเล้วใครเข้าอยากจะอยู่กับน้องดรีมได้ทนล่ะคะ"ไม่รุูว่าความหมายที่ปรายพูดมันหมายความว่าไง แต่ผมรู้สึกว่าน้องดรีมทำสีหน้าเเย่กว่าเดิม จนผมอดใจไม่ไหวเลยเดินเข้าไปหาเเล้วเเนะนำตัวใหม่
"สวัสดีครับน้องดรีม เมื่อกี้พี่ปรายเขาพูดเล่นนะครับ จริงๆเเล้วพี่ปรายนี่เเหละจะมาเป็นคนดูเเลน้องดรีมเอง" ผมโน้มตัวเข้าไปเเนะนำ ด้วยน้ำเสียงร่าเริ่ง น้องดรีมฉีกยิ้มขึ้นมาทันที ปรายกัดฟันแล้วทำหน้าเหมือนหมั่นใส้แต่เธอยังคงอยู่ที่เดิม
"จริงเหรอคะ น้าปรายโกหกดรีมทำไมล่ะคะ ดรีมละใจแป้วเลยที่นึกว่าพี่สาวคนนี้เป็นเเค่คนใช้"น้องดรีมหันไปถามน้าสาวของเธอด้วยใบหน้าใสซื่อ แต่เดี๋ยวนะครับน้องดรีมเมื่อกี้พี่พูด"ครับ"เต็มๆคำทำไมยังเรียกพี่ว่าพี่สาวอีกอ๊า
"ไม่รู้สิน้าก็นึกว่าพ่อของน้องดรีมจ้างมาเป็นคนใช้" ผมรู้ว่าเธอจงใจ ทั้งๆที่รู้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่เขยของเธอเพราะสิ่งที่นายไนท์พูดมันโจ่งเเจ้งซะขนาดนั้นว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันแต่เธอก็ยังทำหน้าตายและไม่กลัวในสิ่งที่เธอพูดมาเลยแม้เเต่น้อย
"แล้วอีกอย่างน้องดรีมก็มีน้าดูเเลอยู่แล้วจะหาคนอื่นอีกทำไม" เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ น้องดรีมทำหน้าหงอเเละหลบสายตา
"ดรีม ดรีม"น้องดรีมเหมือนพูดไม่ถูกว่าจะเเก้ตัวยังไง ได้เเต่พูดอ้ำอึ้งเท่านั้น
"คุณปรายครับ ผมว่าคุณจะดุน้องดรีมมากเกินไปนะครับ ผมว่าให้เธอตัดสินใจดีกว่าว่าจะเลือกใครเเต่ก็ เอาเถอะนะ ยังไงๆพี่เขยคุณก็ให้หน้าที่ผมมาดูเเลน้องอยู่เเล้ว คุณก็ไม่น่าจะพูดอะไรมากมายอีก" ผมรู้ว่าคำพูดมันเหมือนผมเอาตีนเเสกหน้าเขาก็ไม่ปาน แต่ผมคงทนเห็นเด็กน้อยถูกข่มเหงด้วยสายตาอีกต่อไปไม่ไหว
"แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ น้าหลานเขาคุยกันนะ"
"ผมก็ไม่อยากยุ่งนะ แต่นี่มันเป็นหน้าที่ของผมเเล้ว"
"ไม่เชื่อ ฉันจะไปถามพี่ไนท์ ถึงเธอจะมาอยู่ในตำเเหน่งอะไรก็ช่างแต่พี่ไนท์ไม่มีทางให้ใครดูเเลดรีมแทนฉันเเน่"เธอลุกพรวดแล้วเชิดหน้าออกไป
ผมหันกลับมามองหน้าน้องดรีมแล้วยิ้มให้เธอ เธอทำหน้าลำบากใจแล้วก้มหน้างุดๆ น้องดรีมคงจะมีบทบาทที่เยอะที่สุดของบ้านหลังนี้เเล้วสินะ เพราะใครๆก็ต่างให้ความสำคัญและอยากได้เป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดสำหรับคนบางคน โดยเฉพาะพ่อของเธอคงรักและเอ็นดูเธอมากจริงๆ
"พี่สาว พี่สาวสวยจังเลยค่ะ"น้องดรีมพูดเเล้วยิ้มจนตาหยี ส่วนผมได้แต่ทำท่าเขินๆ
"ที่จริงพี่ไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆซักหน่อยครับพี่เเค่เหมือนผู้หญิง"น้องดรีมทำหน้างง
"พี่เป็นผู้ชายหรอค้ะแต่ดรีม ดูยังไงก็ผู้หญิง.........อ้อ เสียงพี่เหมือนผู้ชายนิดหน่อย"เธอทำมือแล้วหลี่ตาว่ามันนิดหน่อยจริงๆ
"แต่พี่เป็นผู้ชายนะ ฮะๆ"ผมหัวเราะกับท่าทางที่เเสนน่ารักของเธอ เธอทำท่าทางเขินๆ มันยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่
"น้าปรายบอกว่าคุณพ่อไปแต่งงาน แล้วทำไมน้องดรีมไม่เห็นคุณแม่คนใหม่เลยล่ะคะ ดรีมไม่กล้าถามคุณพ่อค่ะดรีมกลัวคุณพ่อดุ" น้องดรีมทำตาแป๋วด้วยความอยากรู้ จากที่ตอนเเรกเหมือนเธอไม่ค่อยร่าเริ่งเเละดูป่วยหนัก ตอนนี้มันกลับกันอย่างสิ้นเชิง
"คุณแม่คนใหม่หรอ.....อ่อ พี่ก็ไม่รู้นะครับบางทีคุณพ่ออาจจะยังไม่พร้อมที่จะพามาเเนะนำก็ได้"ผมพูดเพื่อให้เธอหายข้องใจและสงสัย แต่ใครล่ะจะกล้าบอกความจริงกับเด็กที่ไร้เดียงสาเเบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าน้องดรีมคงจะเป็นเจ้าหนูจำไมอีก ผมว่าคำถามคงจะพรั่งพรูออกมาจากปากเธอมายมายจนผมอธิบายไม่ถูกแน่ๆ
"ว้าน่าเสียดาย"เธอถอนหายใจเล็กๆ ผมว่าน้ำเสียงเธอดูร่าเริ่งเหมือนไม่ได้ป่วยเลยแม้เเต่น้อย
ก๊อกๆ
"น้องดรีมคะคุณพ่อเรียกให้ทานข้าวเที่ยงค่ะ คุณพ่อให้ถามว่าน้องดรีมลงไปทานข้าวข้างล่างไหวไหม"ป้าแป๊ด โผล่เข้ามาแล้วถามทันที จากที่น้องดรีมทำตัวร่าเริงกับผมเมื่อกี้ ตอนนี้เธอทำคิ้วตก พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนหมดเเรง
"น้องดรีมไม่ไหว น้องดรีมอยากให้พี่คนนี้ป้อนข้าว" ใครบอกว่าเด็กๆไม่มารยา ผมว่าพวกคุณคิดผิดเลยล่ะ!!!!!
.....................
ตอนนี้ผู้รู้สึกว่าตอนนี้ผมกำลังเข้าขากับน้องดรีมได้ดีเลยทีเดียว ผมเเนะนำตัวกับเธอเพราะทนไม่ไหวจริงๆที่น้องดรีมเรียกผมว่าพี่ๆ บางที่ก็หลุดคำว่าพี่สาวเเทบจะทุกครั้ง ผมกับน้องดรีมเราเข้ากันได้ง่ายมาก ง่ายจนปรายคงรู้สึกหมั่นใส้ หลังจากที่เธอหายไปที่ตอนเเรกคิดว่าคงจะไปพูดกับนายไนท์เรื่องน้องดรีม แต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างมันก็ยังดูปกติดี ดูเหมือนผู้เป็นพ่อจะรู้สึกพึงพอใจด้วยซ้ำไป แถมยังกำชับผมหนักหนาอีกด้วยว่าถ้าผมดูเเลน้องดรีมไม่ดี เขาจะจับผมโยนทะเล มีการขู่ทิ้งท้ายหลังจากอาหารมื้อเที่ยงเเล้วหายต๋อมไปเลย
"น้องดรีมชอบภาพวาดพวกนี้ค่ะ น้องดรีมอยากไปสถานที่พวกนี้ น้องดรีมเคยหวังว่าซักวันดรีมจะหายดีเเล้วกลับมาวิ่งได้" เธอพูดเเละชี้ไปกับพวกรูปภาพทิวทัศน์ในหนังสือ
ผมเพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่วินาทีนี้เอง ที่น้องดรีมเดินไม่ได้เพราะประสบอุบัติเหตุ เมื่อ2ปีก่อน ป้าแป๊ดและพวกพี่หนูนาบอกผมเมื่อถึงอาหารมื้อเย็นของวันนี้ และน้องดรีมอยากนั่งเก้าอี้ ทีเเรกผมเเปลกใจว่าทำไมน้องดรีมถึงไม่เดินเองเพราะเด็กวัยหกขวบพอคิดอะไรก็มักจะทำเลย เหมือนกับผมสมัยเด็กๆที่ชอบโดนเเม่ดุบ่อยๆว่าซนเกินเด็ก
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอีกเรื่องของเด็กตัวเล็กๆ เธอไม่สามารถเดินได้เพราะการรักษาที่ยาวนาน มีเพียงกำลังใจจากหมอและทุกๆคนที่หวังให้ขาเธอหายเป็นปกติ แต่ถ้าวันหนึ่งขาเธอดีขึ้นหรือหายเมื่อไรก็สามารถทำกายภาพเเล้วกลับมาเดินได้อีกครั้ง และน้องดรีมเธอก็คงหวังเช่นนั้นเหมือนกัน เธอจึงไม่ได้ทุกข์อะไรและยังทำตัววัยใสๆเหมือนเดิม ถ้าเป็นเด็กปกติทั่วไป ป่านนี้เธอคงได้เข้า ร.ร. และมีเพื่อนมากมาย คงไม่ต้องมาอุดอู้อยู่เเต่ในห้องแบบนี้หรอก ป้าแป๊ดขอร้องผมไม่เอาเรื่องที่แกเล่าไปบอกนายหัวของเธอในสิ่งทีเธอเล่า ผมเองก็คงจะไม่ซักถามหมอนั่นมากเพราะรู้จากป้าเเป๊ดเเล้ว เเละเรื่องเเบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนเป็นพ่อแน่ๆ ป้าแป๊ดบอกผมแค่ว่าน้องดรีมเสียขาเพราะอุบัติเหตุแต่ไม่บอกอะไรมากกว่านั้น แต่ผมเองก็เข้าใจอยู่หรอกว่าทำไม คงไม่มีใครอยากรื่อพื้นวันเวลาที่เลวร้ายขึ้นมา ให้สะเทือนจิตเหมือนกับผมในตอนนี้ ที่กำลังนึกถึงตอนที่สูญเสียพ่อของตัวเอง
"อื้ม ดีเลยถ้างั้นน้องดรีมหายดีเมื่อไร พี่จะเป็นคนอาสาพาน้องดรีมไปเที่ยวเอง"
"จริงหรอคะ น้องดรีมดีใจที่สุดเล้ย"น้องดรีมชูมือขึ้นสูงเเสดงท่าทางดีใจ ผมเลยยิ่งรู้สึกหลงรักน้องดรีมมากขึ้นไปอีก
"น้องดรีมได้เวลาอาบน้ำแล้ว" ปรายเดินเข้ามาแทรกทันทีในขณะที่ผมคุย
น้องดรีมทำหน้าหงอยเเล้วเกาะเเขนผม
"ดรีมอยากให้พี่ซินอาบน้ำให้"
"แต่พี่ซินของน้องดรีมเขาเป็นผู้ชายนะคะ น้องดรีมจะให้เขาอาบให้ได้ไง"เธอทำเสียงดุ
"พี่ซินขาน้องดรีมอาบน้ำก่อนนะคะเเล้วเดี๋ยวเรามาคุยกันใหม่"ผมพยักหน้าให้เธอ เเล้วอุ้มน้องดรีมนั่งลงบนรถเข็นที่ถูกเตรียมไว้รอเเล้ว
.............................
ผมเเละน้องดรีมเราคุยกันสนุกมากจนห้องของน้องดรีมมีเเต่เสียงหัวเราะ พวกป้าแป๊ด และ พี่หนูนาขึ้นมาดูเป็นพักๆ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนั้นผมกับเธอเรากำลังอยู่ในโลกส่วนตัว ผมวาดภาพรูปการ์ตูนมากมาย ที่เป็นกำลังเป็นที่นิยมของพวกเด็กผู้หญิงให้น้องดรีม ดูเธอจะชอบมาก เเละร้องขอให้ผมช่วยสอนเธอวาดรูปซึ่งผมก็รับปากโดยทันที เราคุยเเละเล่นกันซักพักน้องดรีมก็อ้อนให้ผมเล่านิทานก่อนนอนจนเธอเผลอหลับไป รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันกับการเลี้ยงเด็กทั้งๆที่ไม่เคย เเต่มันก็รู้สึกเพลินไปในตัว โดยเฉพาะการได้ดูเเลน้องดรีม จนผมลืมเรื่องที่คิดจะทำตั้งแต่มาถึงที่นี่เเล้ว
ผมเดินออกมาด้านนอกของบ้านที่ตอนนี้มันมืดสนิท หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเเล้วกดเบอร์ของทราย อยากลองลุ้นดูว่าจะติดไหม แต่มันก็ไร้สัญญาณสายอยู่ดี ผมเปลี่ยนไปโทรเบอร์พี่ต้นเเทน
"ฮัลโหล สวัสดีครับน้องซิน"พี่ต้นทักทายด้วยคำสุภาพเช่นเคย
"สวัสดีครับพี่ต้น คือผมจะถามว่าทรายเขาอยู่กับพี่ต้นหรือเปล่า"
"เปล่านี่ครับ พี่ก็เพิ่งจะคุยกับทรายเมื่อเร็วๆนี้เองนะทรายจะอยู่กับพี่ได้ไง"ผมถึงกับตาโต
"คุยอะไรกันครับแล้วทรายบอกไหมว่าอยู่ที่ไหน"ผมถามอย่างตื่นเต้น และร้อนรนไปในตัว
"ก็เหมือนปกตินะครับ ทรายเขาก็บอกว่ากำลังจะกลับบ้านเพราะช่วงนี้ฝึกงานหนัก พี่ก็เเค่ให้กำลังใจเขาแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก"
"แค่นั้นเองหรอครับ"ผมถามเพื่อความมั่นใจรู้สึกเหมือนใจมันห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
"มีอะไรหรือเปล่าซิน"
"เปล่าครับเเค่นี้นะครับ ครับ สวัสดีครับ"ผมตัดสายทิ้งทันทีที่คุยเสร็จ พี่ต้นคงยังไม่รู้ว่าทรายเเต่งงาน เเต่มันเป็นไปได้ยังไงที่เรื่องนี้มันไม่เป็นข่าว เป็นถึงนักธุรกิจชื่อดังที่มักถูกปาปารัสซี่หมายหัวหวังว่าจะได้ข่าวเด็ดเพื่อทำยอดขายแท้ๆ แต่ทุกอย่างมันกลับเกินคาดที่คิดไว้ ทั้งๆที่เมื่อวานเเต่งงานวันนี้มันต้องมีข่าวหน้าหนึ่งให้บรรดาพวกชอบซุบซิบนินทาให้เเย่งซื้อ อยากน้อยๆมันก็ต้องมีในข่าวสังคมบ้างล่ะนะเพราะผมเเอบเห็นพวกนักข่าวเก็บภาพงานเเต่งไปก็หลายอยู่ หรือเพราะว่าพี่ต้นเป็นพวกไม่ชอบเรื่องเเบบนี้หรือเปล่าเขาถึงได้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันก็อดโมโหเเทนทรายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังพูดคุยเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทรายยังคงปลอดภัยดีในตอนนี้เท่าที่ผมคิด ผมไล่เบอร์กดโทรหาเเม่
"แม่ เจอทรายหรือยัง"ผมกรอกสายทันทีที่เเม่รับสาย
"ยังเลยลูก เเม่ก็ตามหาตามความสามารถของเเม่ โทรหาเพื่อนทรายทุกคนก็บอกว่าไม่รู้ แต่เหนื่อยมากเลยซินเเม่เป็นห่วงทราย ถึงเเม่จะเป็นเเบบนี้เเต่เเม่ก็รักเเละเป็นห่วงลูกๆนะ"เเม่เหมือนบอกความรู้สึกให้ผมฟังเเละคงอยากให้มันส่งไปถึงทรายด้วย
"แม่ ทรายคงไม่เป็นไรหรอก เธอแกร่งจะตายเเม่เถอะดูเเลตัวเองดีๆล่ะครับ"ผมปลอบเเม่ บางทีก็รู้สึกอยากกอดเเม่ขึ้นมาจับใจ
"จ้ะลูกก็เหมือนกัน ลูกคงไม่ถูกคุณไนท์รังเเกใช่ไหมลูกแม่ขอโทษนะ" แม่พูดน้ำเสียงเหมือนจะร้อง
"แม่.......ซินไม่เป็นไรไม่มีใครทำอะไรซิน"ผมย้ำเพื่อให้แม่สบายใจ แต่มันคงจะยาก
.................
บางทีผมก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันกับข่าวของนายไนท์ที่ถูกพาด ลงนิตยาสารกับข่าวเสียๆ กับเรื่องผู้หญิงหรือไม่ก็นิสัย จากที่รู้ๆว่าเเค่ตัวหนังสือนั้น ผุ้ชายคนนนี้ค่อนข้างมีข่าวควงผู้หญิงบ่อย และอีกอย่างผู้ชายคนนี้ชอบทำตัวเป็นเจ้าชายเย็นชา ไร้รอยยิ้ม และ อะไรอีกมากมายซึ่งส่วนมากจะไม่ค่อยดีนัก แต่มันยิ่งทำให้เขาถูกสาวๆมากมายหวังใกล้ชิดเเละทำตัวสนิทสนม
"ไม่เห็นจะเหมือนในข่าวเลย"ผมนั่งเท้าคางตบยุ่งมองดาวบนท้องฟ้าตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ถึงเเม้ว่าลุงชัยจะเตือนผมว่าตรงนี้มันมืดเเละอันตราย แต่ก็ขอให้ผมได้นั่งคิดก่อนซักพักเเล้วค่อยเข้าบ้านดีกว่า
นายไนท์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขาถูกกล่าวหา ล้วนเเล้วแต่ตรงข้ามกันสิ้นเชิงกับสิ่งที่พวกนั้นป้ายสี ใส่ไข่ อาจเป็นเพราะเจอมากับตัวเอง ผมไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะเจ้าชู้จริงไหม แต่ผู้ชายเจ้าชูไม่น่าทำตัวอย่างนั้นกับผู้หญิงสวยๆอย่างปราย เพราะถ้าเจ้าชู้จริง ปรายคงไม่รอดหมอนั่นไปหรอก หรือเพราะปรายเป็นน้องเมียหรอ? เเต่ก็อีกอย่าง นั่นคือนิสัย ผมว่าหมอนี่มันออก กวนๆขี้เก๊ก แล้วก็ปากร้ายนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับหยิ่งอะไรมากมาย หัวเราะบ้างก็มี เเต่ไม่เเสดงออกมาให้ชัดเจน มักจะทำน้ำเสียงหึที่ผมไม่ชอบนั่นมากกว่า หมอนี่มักทำท่าทางอ่อนโยนเวลาอยู่กับลูก เเละ ทำตัวเป็นผู้นำเวลาอยู่ต่อหน้าลูกน้อง มันเป็นอะไรที่หลากหลาย มากมายเกินที่คาดคิดไว้อย่างมาก อิมเมจเเรกผมนึกว่าจะเป็นพวก ชีกอนิสัยเเย่ๆซะอีกแต่พอมาเจอเองกับตัวมันเลยบรรยายไม่ถูก บางทีผมอาจจะประเมินหมอนี่เร็วไปคงต้องดูไปนานๆซะเเล้ว ถึงยังไงซะผมก็ได้น้องดรีมและพวกป้าๆเป็นพวกเเล้วละนะ
"นายบ้าหรือเปล่านั่งยิ้มอยู่ได้คนเดียว" คนที่หายไปครึ่งวัน เเล้วกลับมาอีกทีซะมืด ยืนกอดอกมองผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินก็ตกใจสะดุ้งใจหาย
"นายกลับมาเมื่อไรอ่ะ"ผมถามเพราะไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลยเเม้เเต่น้อย
"มัวเเต่คิดอะไรล่ะถึงได้หูตึงขนาดไม่ได้ยินรถเข้าบ้าน นี่ถ้าขโมยเข้าบ้านนายคงเป็นรายเเรกที่ถูกโจรฆ่าปล้นทรัพย์ล่ะน่ะ"คนพูด พูดพร้อมยิ้มยียวน ถึงมันจะมืดเเต่เเสงจัทร์ก็ทำให้ผมมองเห็นอยู่นะว่า หมอนี่ทำหน้าได้กวนขนาดไหน
"เหอะ เจ้าของบ้านไม่อยู่เเบบนี้ก็สมควรขึ้นล่ะ"ผมเถียงโดยที่สมองไม่ทันได้ประมวลผล
"น้องดรีมหลับเเล้วหรอ"ผมพยักหน้า
"นายเป็นพวกเลือดไม่ดีหรอ ถึงได้ให้ยุงมันมากัดเเบ่งเลือดไปหน่ะ"
"ห๊ะ"ผมไม่เข้าใจความหมายเลยได้แต่ร้อง งงๆ
"เข้าบ้าน ฉันซื้อเสื้อผ้ามาให้" พูดเสร็จก็เดินหันหลังตรงเข้าบ้านไป ผมเลยลุกตามไป เพื่ออยากดูชุดใหม่ที่ว่า
ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบชุดพวกนี้เท่าไร เสื้อเชิต สีเรียบๆทั้งเเขนยาวเเละเเขนสั้นมันไม่ถูกใจผมอย่างเเรง
"จะให้ผมอยู่บ้านใส่เเต่ชุดพวกนี้หรอไง"
"ทำไมไม่ชอบหรอ"
"ไม่ชอบ ผมชอบใส่เสื้อยืดมากกว่าเพราะมันสบาย" ผมเถียงเเล้วทำหน้ายุ่ง
"ฉันว่านายใส่ชุดพวกนี้เหมาะกว่า"
"ทำไมถึงคิดว่าเหมาะ"
"ก็นายมันกุ้งเเหง" ห๊ะผมเนี่ยนะกุ้งเเห้ง ผมมองตัวเอง ผมว่าผมก็ไม่ผอมถึงขนาดที่เรียกว่ากุ้งเเห้งนะ
"นายเปรียบได้ดูเเย่มากเลยนะ" ผมทำน้ำเสียงไม่พอใจเพราะตัวเองไม่ได้ผอมขนาดกุ้งเเห้งซักหน่อย
"ซื้อให้ใส่ก็ใส่ๆไปดีกว่าไม่มีใส่ไม่ใช่หรอไง เรื่องมากจริงๆ" คนพูดเริ่มเเสดงอาการรำคาญ
"ก็มันตัวผมนี่"ผมเถียงกลับ
"เอามาจะไปโยนถังขยะซะ" ผมรีบเอาเสื้อผ้ามากอดแล้วส่ายหัวทันที ซื้อมาก็เเพงจะลงถังขยะง่ายๆได้ไง
"ก็เเค่นั้น"พูดจบหมอนี่ก็ทำท่าลุกจะเดินขึ้นด้านบน
"เดี๋ยว"ผมเรียกเมื่อนึกอะไรออก
"มีอะไรอีกล่ะ"คนถูกเรียกเริ่มท่าทีหงุดหงิดอย่างชัดเจน
"เเล้วผมนอนไหนอ่ะ" ผมถามเพราะตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องนอนห้องไหน
"แม่บ้านไม่ได้บอกหรือไง"ผมส่ายหัว
"น่ารำคาญจริงๆ"ยังไม่ได้ให้คำตอบผมเลย ว่าผมน่ารำคาญอีกต่างหาก หมอนี่ก็เดินขึ้นชั้นบนไปเฉยปล่อยให้ผมงงกับท่าทีนั่น แล้วผมจะถามให้เมื่อยปากเเล้วโดนว่าไมเนี่ย
"พี่หนูนา ซินต้องนอนห้องไหนหรือครับ"ผมเดินเข้าไปในครัวเเล้วถามพี่หนูนาที่กำลังเก็บของอยู่
"ตายจริงคุณซิน พี่หนูนาลืมบอกค่ะ ป้าแป๊ดบอกว่าคุณซินต้องนอนห้องนายหัวค่ะ ขอโทษนะคะพี่ลืมบอกคุณซินคงเหนื่อยเเย่ เเล้วก็ไม่รู้ว่านอนที่ไหนสินะคะ"ผมพยักหน้า
"ผมต้องนอนกับหมอ....เอ่อพี่ไนท์นั่นด้วยหรอครับ"ผมถามเพื่อความมั่นใจ
"ค่ะน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะไม่มีห้องว่างเลยค่ะคุณซิน" แล้วทำจะทำยังไงล่ะเนี่ย เหมือนเสืออยู่ถ้ำเดียวกันเลยนะนั่น มีหวังได้กัดกันตายไปข้างพอดี ผมทำท่าทางคิดหนักเเล้วรู้สึกไม่อยากขึ้นไปพักผ่อนเลยให้ตายสิ
"คุณซินคะ"พี่หนูนาเรียกผมเสียงเบา
"ครับ"
"ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ คุณน้องดรีมเธอดูมีความสุขเเละร่าเริงมากเลยค่ะวันนี้ พวกหนูนาไม่เคยเห็นเธอเป็นเเบบนี้มานานเเล้วล่ะค่ะขอบคุณนะคะ"
"คะ ครับ" พี่หนูนาพูดเสร็จเธอก็เดินออกจากครัว ปล่อยให้ผมงงกับสิ่งที่เธอพูดมาเมื่อกี้ การที่ผมเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้มันมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ
"แล้วคืนนี้ต้องนอนกับหมอนั่นจริงๆหรือไงเนี่ยเฮ้อ" ผมบ่นกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะทำใจดีสู้เสือดูซักตั้งอย่างน้อยตอนนี้ก็อยากพักผ่อน เเละเอนตัวลงบนที่นอนเต็มที่เเล้ว หวังว่าคงไม่มีการตีกันก่อนนอนนะไอ้ซิน ขันติๆ ท่องไวๆ
...........
จินตนาการมากมายมันมีอยู่เต็มหัวสมองไปหมดเเต่การที่มันจะให้เเต่งมาเป็นตัวหนังสือนี่มันยากจริงๆ ทั้งๆที่ตอนนี้ก็คิดฉากเเละบทบาทมาเป็นบทๆแล้ว เหมือนมันยังตะกุกตะกักเเต่ก็พยายามเต็มที่เเล้ว จินตนาการตัวเองบรรเจิด เเต่ เอาเรียบเรียงเเล้วขัดๆนิดหน่อยเเต่ก็พยายามค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่รอคอยนะค้ะ และเเล้วเราก็ไปนอนหลับตามน้องซินเราเถอะค่ะ อิอิ