[นิยาย] +++ "UNTITLE" +++ By Sake
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยาย] +++ "UNTITLE" +++ By Sake  (อ่าน 273428 ครั้ง)

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
มารอตอนพิเศษด้วยคนค้าบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Untitle ภาคพิเศษ ตอน ใต้ฟ้าสีคราม หัวใจเราใกล้กัน

Part I


เสียงคลื่นซัดซาดเข้าหาพื้นทรายขาวดังครืนๆสอดแทรกเข้ามาภายในห้องโถงตอนรับแขกและยังเป็นจุดลงทะเบียนเข้าพักของบรรดาผู้ใช้บริการในรีสอร์ท พร้อมทั้งให้บริการเรือนำเที่ยวและสปา หากแต่เสียงพลิ้วแผ่วฟังรื่นหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับไม่ทำให้คนหน้าขาวหลับตาลงซึมซับความไพเราะที่ธรรมชาติได้บรรจงขับกล่อมอย่างวันก่อน...หรือวันก่อนโน้น...เอ?

ร่างโปร่งเพรียวบางดูจะตั้งอกตั้งใจกระแทกนิ้วเรียวยาวลงบนแป้นเครื่องคิดเลขแบบไม่ยั้ง แต่สายตากลับจับจ้องไปยังร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำแดดยืนแนะนำบริการของรีสอร์ทให้กับนักท่องเที่ยวสาวๆอย่างคล่องปากพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนใบหน้าชนิดที่ใครเห็นเป็นต้องเคลิ้มไปตามๆกัน

เออ! เป็นเจ้าของดีๆไม่ชอบ ชอบทำตัวเป็นพนักงาน ไผ่คิดค่อนขอดประวิชอยู่ในใจขณะตรวจสอบบัญชีกับเจ้าหน้าที่รีสอร์ท สายตาคู่สดใสร่าเริงอยู่เป็นนิจขณะนี้กลับขุ่นมัวเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปซะหมด ได้แต่มองอาฆาตคนตัวโตไม่รู้เรื่องรู้ราวระบายความอึดอัด ก็จะไม่ให้รู้สึกได้ยังไงในเมื่อเขาต้องเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกือบทุกวัน!

มาตรวจบัญชีตรงนี้บ้างดิ เดี๋ยวฉันจะไปต้อนรับแม่สาวๆ แกล้งโง่พวกนั้นเอง เห็นถามซ้ำๆซากๆอยู่นั่นละ ไปยังไงคะ ไปทางไหนคะ ไกลมั้ยคะ กลัวหลงจังเลยค่ะ แม่เจ้าประคุณเอ๊ย! แล้วพวกหล่อนมาถึงนี่กันได้ยังไงเนี่ย ไม่ขับรถหลงเข้าไปในพม่ามันซะเลยล่ะ...

ริมฝีปากสีสดขมุบขมิบไปกระแทกแป้นเครื่องคิดเลขไปจนเจ้าหน้าที่หญิงสูงวัยออกอาการใจสั่นหวิวๆด้วยกลัวใจคนตัวเล็กจะยกโต๊ะทุ่มระบายอารมณ์ตึงเครียดที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุ รู้แต่ว่าหากคนตัวเล็กนี้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟวันไหน วันนั้นเจ้าหน้าที่เตรียมตัวหนาวสันหลังได้ เพราะคนหน้าขาวนี้จะกลายเป็นสายฟ้าที่พร้อมจะผ่าเปรี้ยงๆกับใครก็ตามที่ทำงานไม่ได้ดังใจคุณ แม้กระทั่งเจ้าของรีสอร์ทแสนใจดีของเธอก็ไม่ว่างเว้นโดนหางเลขไปด้วย...หรือจะโดนมากว่าใครเพื่อน?

ความรู้สึกเหมือนมีคนจับจ้องทำให้ประวิชกวาดสายตามองและฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างโปร่งบางของไผ่ยืนเคาะเครื่องคิดเลขที่โต๊ะใกล้ๆ แต่ศีรษะเล็กทุยกลับก้มลงมองเอกสารตรงหน้าเหมือนไม่เห็น ร่างสูงจึงหันกลับไปใส่ใจลูกค้าที่กำลังสนใจโปรแกรมทัวร์ที่เขานำเสนอต่อ ไม่ได้รู้สึกถึงเงามืดทะมึนคล้ายฝนตั้งเค้า และกำลังจะตกอีกไม่นานนี้!

ร่างสูงจัดส่งบรรดาสาวๆขึ้นรถตู้ที่มีไว้บริการตามโปรแกรมทัวร์ของรีสอร์ทด้วยรอยยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธการร่วมเดินทางตามที่หญิงสาวนางหนึ่งเสนอขึ้นดังออกมาจากในรถตู้ ซึ่งมันไม่ใช่คำชวนครั้งแรกของพวกเธอ แต่เขาก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเช่นทุกครั้งก่อนจะเลื่อนปิดประตูรถ พร้อมกับโบกไม้โบกมือให้พวกเธอเที่ยวกันให้สนุก แล้วจึงเดินกลับเข้าไปภายในห้องโถงรับแขกตรงดิ่งไปหาร่างบางที่ยังมีสีหน้าคร่ำเครียดไม่จาง

“ปะ...ไปทานข้าวกัน บ่ายกว่าแล้ว” ร่างสูงชะโงกหน้าเข้าไปใกล้คนทำงานทั้งสองคน ก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้าหน้าที่หญิงอย่างคนคุ้นเคย

“...ยังไม่เสร็จ” คำตอบสั่นกุดแถมหน้าตายังปั้นแต่งให้ดูเอางานเอาการผิดปกติ ทำให้ประวิชพยักหน้าอย่างซื่อๆ

“พอก่อนก็ได้นี่ เดี๋ยวค่อยมาทำต่อ คนอื่นเขาทานข้าวกันหมดแล้วเหลือแต่เรานี่ล่ะ ป่านนี้กับข้าวที่พนักงานเขายกไปไว้ให้ที่บ้านเย็นชืดหมดแล้ว” ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มบางมองคนตัวเล็กตั้งหน้าตั้งตาทำงาน

ก็เพราะใครกันฟะ! อุตส่าห์ออกมารอจะได้ไปกินข้าวด้วยกันตั้งแต่ยังไม่เที่ยง ก็เห็นยังยิ้มระริกระรี้กับแม่พวกสาวๆจนลืมกินลืมเวลาเลยนี่ ได้พวกสาวๆยกยอกันจนอิ่มแล้วละมั้ง ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้วข้าวน่ะ...ไผ่ตวัดสายตามองร่างสูงนิดแล้วจึงแสร้งก้มหน้าลงไปถามเจ้าหน้าที่ให้อีกฝ่ายรอ

หากแต่ร่างสูงยังคงยืนมองอย่างสงบอยู่สักพักแล้วจึงเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินเพียงสองคน

“งั้นฉันไปรอที่บ้านนะ รีบตามไปล่ะ”

ไผ่พยักหน้ารับหงึกๆแต่ไม่คิดจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก ด้วยเจ้าตัวลากยาวเป็นชั่วโมงกว่าจะหันหลังให้เจ้าหน้าที่ได้ และเท้าเล็กไม่เร่งรีบสับก้าวให้ไปถึงที่ๆร่างสูงรออยู่แม้ว่าท้องตัวเองจะร้องโครกครากอยู่ก็ตามที

ไอ้อาการแบบนี้เขาเรียกว่างอน! ถึงจะรู้ตัวดีก็เถอะนะ

บ้านหลังหย่อมมุงด้วยหญ้าคาขนาดสองห้องนอนเล็กๆแยกตัวออกมาจากรีสอร์ทคึกคักเข้ามาตั้งอยู่กลางต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น เป็นสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่กันสองคนแทนห้องพักหรูหราในรีสอร์ท เพราะอยากให้เป็นสถานที่ส่วนตัวและพักผ่อนจากการงาน แต่ก็มีเจ้าหน้าที่มาดูแลทำความสะอาดอยู่เนื่องๆ ด้วยเจ้าคนตัวใหญ่ชอบทำเองซะมากกว่า

ทำเองไม่ว่า แต่อย่าลากเขาไปทำด้วยได้มั้ย... คนหน้าขาวขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะออกแรงผลักประตูเข้าไปภายในบ้าน สายลมเย็นปะทะผ่านร่างกายให้กล้ามเนื้อตึงเครียดคลายลงอย่างไม่รู้ตัว สายตากวาดมองหาร่างสูงที่ควรจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวแต่กลับไม่มี จึงไล่มองหาจนหยุดอยู่ที่โซฟาตัวยาวตั้งติดหน้าต่าง ให้สายลมอ่อนโลมไล้ผิวกายอย่างเงียบเชียบ ศีรษะคนขี้โมโหหันกลับไปยังโต๊ะอาหารที่ยังคงรอนิ่งไม่มีการเว้าแหว่งจากการตักทาน ทำให้ร่างโปร่งบางค่อยๆหย่อนตัวลงบนพื้นแล้วเท้าคางมองใบหน้าสีเข้มหลับบนโซฟา

แม้จะรู้ว่าทำตัวเหมือนภรรยาขี้โมโหขี้วีน แต่ก็ไม่อาจข่มใจให้สงบได้ ในเมื่อรู้อยู่กับใจว่าไอ้หมอนี่มันไม่ใช่เกย์มาแต่เกิดอย่างเขา แล้วมามีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังทุกวันแบบนี้มันจะไม่หวั่นไหวกันบ้างเชียวเหรอ

คนตัวเล็กพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วจึงหันหลังพิงโซฟามองไปทางโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารวางไว้พร้อมสรรพแต่กลับไม่เหลือความอยากเหมือนตอนมา ศีรษะทุยก้มซบลงบนเข่าตั้งชันอย่างครุ่นคิด

แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้แม่สาวๆพวกนั้นได้ละ หน้าอกก็ไม่มี เนื้อตัวก็ไม่ได้นุ่มนิ่ม แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายรักและห่วงเขามากแค่ไหน แต่เขาก็ยังอยากได้ในสิ่งที่มันสัมผัสได้ด้วยสองมือเปล่า เขาจะโลภเกินไปมั้ยนะที่ต้องการการสัมผัสอย่างรุ่มร้อนมากกว่าการนอนกอดอย่างทะนุถนอมเช่นทุกวันนี้ที่...

กอดอย่างเดียวจริงๆ!

“อะ!” เสียงร้องตกใจเมื่ออยู่ๆคนตัวใหญ่ก็ลุกขึ้นมาคว้าไหล่เล็กเข้าไปโอบกอด

“งอนอะไรอีกล่ะ เห็นทำหน้าเป็นตูด หึๆ” ประวิชหัวเราะลงคอยิ่งไปกระตุ้นต่อมตบะที่มีอยู่น้อยนิดให้แตกกระจาย

“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อย! ไปกินข้าวได้แล้ว งานมันยังไม่เสร็จมาหิ้วท้องรอทำไม”

เห็นท่าทางตะบึงตะบอนของร่างเล็ก คนตัวใหญ่ก็ยิ่งต้องกลั้นหัวเราะด้วยกลัวจะไปทำให้โมโหมากกว่าเดิม ซึ่งก็มีอยู่เรื่องเดียวล่ะ

คนขี้หึง!

“ไม่เอาน่ะ ไปกินด้วยกันสิ” มือใหญ่โยกไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“ดูสิจะบ่ายสามแล้วยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย”

“ ใครใช้ให้รอล่ะ” เสียงพึมพำแววดังมาให้ประวิชได้ยินจนต้องถอนหายใจกับความดื้อแพ่งของอีกฝ่าย

“ไผ่...” เจ้าของชื่อเหลือบมองสายตาคู่อ่อนโยนจ้องมาก่อนจะหลุบหลบไม่กล้าสบตา ด้วยรู้ตัวดี

“ฉันทำงานให้บริการนักท่องเที่ยว มีพนักงานในปกครองก็มากมาย ถ้าไม่ทำงานแล้วจะเอาอะไรไปจ่ายเงินเดือนเขาล่ะ...”

“รู้แล้วล่ะน่า อย่ามาบ่นเป็นตาแก่หน่อยเลย” ไผ่ตัดบทเมื่ออีกฝ่ายเริ่มจะสาธยายเหตุผลเหมือนคราวก่อนๆ

“รู้แล้วแต่ไม่เข้าใจ” ประวิชสัพยอกจนคางมนแทบจะชิดติดอก

“ฉันตอนรับแขก ขายบริการของรีสอร์ท ไม่ได้ไปจีบพวกเธอซะหน่อย อย่าคิดมากเลย” ร่างสูงพยายามพูดอย่างใจเย็น ด้วยถ้าไม่เย็นเป็นได้วางมวยกันแน่นอน

เพราะคนตัวเล็กแต่ฤทธิ์ไม่ได้เล็กตามตัวเสียหน่อย

ไผ่เงยหน้าขึ้นมองคนรักที่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องเสียน้ำตากันเป็นปี๊บๆ ถึงจะเข้าใจแต่ก็อดรู้สึกขัดใจไม่ได้ ก็คนมันหวงนี่!

“ขอโทษ” ไผ่ตอบเสียงสั้นกุดหากแต่ทำให้คนบนโซฟายิ้มออกแกมโล่งใจพลางยกตัวอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนโซฟาด้วยกัน

“ฉันอยู่กับนายเพราะฉันอยากอยู่เอง เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลเรื่องของคนอื่นเลยนะไผ่” คำพูดเรียบเรื่อยที่หวังเพียงให้คนหน้าหงิกหายโกรธกลับเป็นเหมือนสายน้ำเย็นที่ไหลรดมาดับความร้อนในอกให้มอดลงอย่างง่ายดาย

ร่างเล็กโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่นแล้วจึงซุกหน้าลงกับซอกคอหนา โดยมีมือใหญ่ค่อยลูบแผ่นหลังให้อย่างปลอบประโลม

“เข้าใจยัง” เสียงกระซิบถามชิดใบหูขาว คนตัวเล็กจึงทำได้แต่ส่งเสียงตอบอู้อี้ในลำคอ

ประวิชยิ้มรับด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าแค่นี้ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กฤทธิ์เยอะหมดฤทธิ์ลงง่ายๆหรอก แค่สงบชั่วคราวเท่านั้นล่ะ ไอ้ตัวร้ายที่เขารัก ริมฝีปากได้รูปอมยิ้มกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะตบหลังบางให้ลุกขึ้นไปทานข้าวที่ตั้งคอยท่ามาตั้งแต่เที่ยง ร่างเล็กผละออกห่างเพียงคืบแล้วจับจ้องใบหน้าชายคนที่ตัวเองรักนักรักหนา ก่อนจะยกมือขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายพลางประทับริมฝีปากลงบนคางสากเบาๆ โดยมีร่างสูงให้ความร่วมมือ

เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันเบาๆดังขึ้นแทรกเสียงคลื่นน้ำก่อนจะได้ยินเสียงชุ่มฉ่ำของปลายลิ้นตวัดรัดเกี่ยวสร้างความรู้สึกดื่มด่ำให้ลุ่มหลงจนยากจะผละตัวออกห่าง ต้องครางเครือระบายความพึงพอใจผ่านลมหายใจร้อนผ่าว มือเล็กลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างก่อนจะสอดแทรกเข้าไปใต้สาบเสื้อแล้วดึงทึ้งเนื้อผ้าที่ขวางกั้นผิวกายออก

“อืม...ไผ่” ร่างสูงผละออกห่างพยายามยึดจับมือเล็กให้หยุดไต่เป็นหนวดปลาหมึก “ยังต้องกลับไปทำงานอีก” หากแต่เสียงของเขาเหมือนจะหายวับไปกับสายลมที่พัดผ่านทะลุออกนอกประตูไป เมื่อใบหน้าขาวตามเข้ามาระดมจูบไม่ยั้ง

ปลายลิ้นสีแดงสดรุกไล่จนร่างสูงจำยอมปล่อยตามใจคนตัวเล็ก...แต่...เฮ้ย!...ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มสะดุดลงเมื่อถูกมือเล็กรุกล้ำแถวขอบกางเกงยีนส์จนตามตะปบแทบไม่ทัน

“ไผ่” เสียงประท้วงร้องขึ้นไม่ทันไรก็ถูกอีกฝ่ายโถมแรงใส่ จนหงายหลังล้มลงบนโซฟาตัวนิ่ม มีร่างบางนอนทับอยู่บนอกพอดิบพอดีพร้อมกับมือใหญ่คอยประคอง

ดวงตาคู่สดใสเป็นประกายบอกความนัยให้ประวิชขนลุกซู่อย่างทุกครั้งที่เจ้าคนตัวเล็กคิดจะรวบหัวรวบหาง ใบหน้าขาวเคลื่อนเข้ามาใกล้แล้วค่อยๆกดแนบกลีบปากสีสดลงบนมุมปาก และกดย้ำซ้ำไปซ้ำมาจนร่างสูงต้องเป็นฝ่ายเรียกร้องหาความอบอุ่นจากปลายลิ้นนิ่มที่คอยโฉบเฉี่ยวหลอกล่อให้ติดบ่วง

เสียงครางเครือดังออกมาจากลำคอหนาพร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังเล็กหนักมือ ก่อนจะหยุดลงขยุ้มบั้นท้ายแน่นตึงอย่างหมั่นเขี้ยว

คนอะไรยั่วเก่งชะมัด

ไผ่ยิ้มบางเมื่อได้รับการตอบสนองแล้วจึงขยับเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้าได้ถนัดถนี่

“ไผ่...” ประวิชท้วงขึ้นเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งให้อีกฝ่ายต้องรีบยิ้มประจบ

“ไม่หิวข้าวรึไง” ไผ่ยิ้มหวานให้กับคำถามเรียบเรื่อยแต่แฝงการหลบเลี่ยงอยู่ในทีอย่างรู้ทัน

“ไม่หิว” คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ พลางขยับนิ้วเรียวยาวเขี่ยขอบกางเกงยีนส์ไปมาอย่างชั่งใจ ให้คนรอฟังนึกแปลกใจกับการนิ่งเงียบ

“นี่” ประวิชมองคนเอ่ยยังก้มหน้าก้มตาเหม่อมองกลางลำตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาให้ร่างสูงหนาวสะท้านไปกับแววตาหมายมาด และเด็ดเดี่ยวที่พร้อมจะรวบหัวรวบหางเขาเต็มที่

“ฉันรอมานานแล้ว และฉันจะให้เวลานายอีกแค่อาทิตย์เดียว พร้อมไม่พร้อมฉันก็จะเอา!”

คำประกาศก้องโต้งๆของคนตัวเล็กทำให้ประวิชตาค้างอ้าปากพะงาบๆเหมือนอากาศจะหมดตัว

เห็นฤทธิ์ของคนตัวเล็กรึยังละไอ้วิช! ร่างสูงคิดด้วยสุดจะหนักอกหนักใจกับอีกฝ่าย จะบอกว่าหมดเวลาวิ่งเล่นไล่ปล้ำกอดอย่างที่แล้วๆมาใช่มั้ย กรรม!

ประวิชมองใบหน้าขาวค่อยๆห่างออกไปด้วยอาการอกสั่นขวัญเสีย ตัวก็เล็กออกปานนั้นแต่ทำไมถึงได้ฤทธิ์มากแท้ ร่างสูงจัดเสื้อผ้าตัวเองเงียบๆแต่ในหัวกลับคิดไปสารพัด

จะหาเรื่องผัดผ่อนไปอีกก็เป็นอย่างที่ได้ยินเมื่อครู่

หรือจะไปทำธุระที่กรุงเทพฯ...แต่ก็เพิ่งจะไปมาเมื่อไม่นานนี้เอง

แต่จะยอมตามใจอีกฝ่าย เขาก็ยังรู้สึกตงิดๆ ถึงได้ค้างคามาจนถึงทุกวันนี้

ไม่ใช่ไม่รักแต่ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน

เอาไงดีวะ...ไอ้วิชเอ๊ย

...............................................................................................

สามวันหลังจากการคำประกาศก้องของคนมากฤทธิ์ก็ทำให้ประวิชเสียวสันหลังวาบๆทุกครั้งที่ร่างเล็กเฉียดกายเข้ามาใกล้ เพราะกลัวจะถูกจู่โจมก่อนกำหนด และทุกอากัปกิริยาของร่างสูงอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายตลอดเวลา แววตาคู่แวววาวทอประกายแสงบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดา ก่อนหายลับไปเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา

“มีอะไรรึเปล่าไผ่” ประวิชส่งยิ้มแห้งๆขณะถอนสายตาจากกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาสอบถามการเช่าเรือไปดูปะการัง

“คือ...เพื่อนที่กรุงเทพเขาลงมาเที่ยวเลยจะแวะมาเยี่ยม”

“จะมากันกี่วันล่ะ แล้วมีที่พักรึยัง ยังไงให้ทางเจ้าหน้าที่กันห้องพักไว้ให้มั้ย” ร่างสูงยิ้มตาเป็นประกายเมื่อการสนทนาดูจะห่างไกลจากเรื่องที่เขากังวลนักหนา

“คงไม่ค้างหรอก แค่แวะมาเยี่ยมแล้วคงกลับกรุงเทพเลย” ไผ่ตอบราบเรียบ

“อ้าวเหรอ...แล้วเมื่อไร”

“อืม กลางเดือนโน้น” ร่างสูงพยักหน้ารับ “ฉันกลับบ้านก่อนนะ ทางนี้เสร็จแล้ว” หน้าขาวบุ้ยใบ้ไปที่ทำงานของตนแล้วจึงสาวเท้าออกเดิน ทิ้งให้ร่างสูงจมอยู่ในกลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่ไม่ต่างจากทุกวัน แต่ที่แปลกกับเป็นคนที่กำลังเดินเรื่อยเฉื่อยจากไป เพราะแม้แต่การทิ้งหางตาตวัดใส่ร่างสูงอย่างที่เคยก็ไม่มี

เอ...ไอ้ท่าทางอย่างนี้มันแปลว่าอะไร ประวิชคิดอยู่ในใจด้วยยังคงต้องทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า

หรือจะรอรวบคิดบัญชีทีเดียวเลยหว่า...

คิดได้แค่นั้นร่างสูงก็รู้สึกถึงขนอ่อนแถวท้ายทอยตั้งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะรีบอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจแล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่คนอื่นมารับผิดชอบโดยที่ตัวเองหันหลังเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หนังนุ่มในห้องทำงาน รอจนตะวันตกดินแล้วจึงเดินกลับบ้านพักด้วยความรู้สึกพิลึกพิลั่นในใจ

ยอม...ไม่ยอม...ยอม...ไม่ยอม...โอ๊ย! ไอ้ไผ่แกทำฉันประสาทจะกิน

----------------------------------------------------------------------------------

กลิ่นเครื่องแกงโชยเข้ามาแตะจมูกเมื่อประวิชผลักประตูเข้าไปภายในบ้านหลังเล็ก คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยคล้ายแปลกใจกับกรุ่นกลิ่นอาหารหอมฟุ้ง เท้ายาวก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงมุมห้องที่จัดแบ่งเป็นครัวเล็กๆ แผ่นหลังคุ้นตาหันกลับมาส่งยิ้มเกลื่อนทั่วใบหน้าหลังจากวางจานในมือลงบนโต๊ะทานข้าว

ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งอย่างเก้ๆกังๆ สายตากวาดมองอาหารตรงหน้าอย่างแปลกใจแกมอึ้ง ด้วยคงจะเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เจ้าคนฤทธิ์มากยอมทำกับข้าว เพราะที่ผ่านๆมาก็อาศัยฝากท้องกับครัวของรีสอร์ทตลอด อย่างมากถ้าหิวกลางดึกก็นี่เลย อาหารยอดฮิต มาม่า!

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละเนี่ย

“หิวยัง กินเลยมั้ย” คนตัวเล็กถามพลางนั่งลงข้างๆ

“อะ...อืม กินเลย” ประวิชตอบแล้วค่อยๆไล่มองกับข้าวไปที่ละอย่าง ไก่ตุ๋นยาจีน ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ปูผัดผงกะหรี่ ผัดพริกแกงกุ้งกับเห็ด ไข่เจียวหมูสับ...ร่างสูงเหลือบมองไผ่แว๊บหนึ่งแล้วต้องก้มหน้าก้มตาอีกครั้งจากอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของคนตรงหน้า

โปรตีนล้วนๆ ตั้งใจจะขุน...เอ...หรือโด๊บกันรึเปล่าฮึเจ้าไผ่! อาการมึนงงเหมือนลมในท้องตีขึ้นคอ ทำให้ประวิชถามอีกฝ่ายด้วยอาการเหมือนสติใกล้หลุดลอย

“ทำเองหมดเลยเหรอ”

“ปะ...เปล่าหรอก ฉันทำแค่ผัดพริกแกงกุ้งกับไข่เจียวหมูสับเท่านั้นล่ะ ที่เหลือให้ครัวที่รีสอร์ททำให้น่ะ” คนตัวเล็กบอกอย่างเขินๆแต่อีกฝ่ายไม่ได้ทันสังเกตด้วยกำลังลมจะจับ ว่าอาหารทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะล้วนแต่เป็นของที่ตัวเองนิยมชมชอบทั้งนั้น

“ระ...เหรอ ลำบากรึเปล่า กินที่รีสอร์ทเขาจัดไว้ให้ก็ได้ จะได้ไม่เหนื่อย”

ศีรษะทุยส่ายปฏิเสธรวดเร็วก่อนจะส่งยิ้มหวาน เพราะตั้งแต่วันที่ตัวเองเผลอพูดเรื่องเอาแต่ใจแบบนั้นออกไปด้วยความหงุดหงิดกับท่าทีครึ่งๆกลางๆของคนรัก ก็ทำให้ร่างสูงมีท่าทางแปลกๆไป ถึงได้สำนึกว่าตัวเองพูดเอาแต่ใจ...ไม่ใช่สิ เอาแต่ได้ต่างหาก ก็เลยอยากทำดีไถ่โทษอีกฝ่ายบ้าง แต่...ทำไมดูเหมือนเจ้านั่นจะไม่ดีใจเลยล่ะ หรือกับข้าวมันน้อยไป

“นี่...เอาอะไรเพิ่มมั้ย ไข่ดาวแบบยางมะตูมอีกอย่างเป็นไง” ไผ่เลิกคิ้วขึ้นถาม หากอีกฝ่ายเห็นเป็นอาการเจ้าเล่ห์จนต้องส่ายหน้าดิก ฉันไม่อยากถูกขุน!

ประวิชส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปากแม้จะไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติของมันเลยก็ตาม หลังทานเสร็จท่ามกลางความอิ่มอกอิ่มใจของอีกฝ่าย คนตัวใหญ่จึงลุกขึ้นอาสาล้างถ้วยชามให้ จนกระทั่งไผ่เก็บโต๊ะเสร็จจึงตั้งใจเข้าไปช่วยร่างสูง มือเล็กแตะเข้าที่บั้นเอวตึงแน่นเบาๆ แต่รู้สึกได้ถึงแรงสะดุ้งจากกล้ามเนื้อแน่นนั้น

คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ดวงตาคู่โตทอแสงวาบด้วยฉุนโกรธ เห็นเขาเป็นพวกเซ็กซ์ขึ้นสมองรึไง ถึงต้องหวาดผวากลัวเขาปล้ำทุกย่างก้าวแบบนี้ เอาเถอะ...กลัวนักใช่มั้ย...

จะแกล้งซะให้เข็ด!

ร่างโปร่งบางนึกหมายมาดโดยลืมความตั้งใจเดิมไปเรียบร้อย ก่อนจะพาร่างเพรียวบางไปยังห้องนอนแล้วบรรจงรินเหล้าใส่แก้วสองใบไว้คอยท่า จนประวิชจัดการล้างถ้วยชามจนเสร็จแล้วจึงเดินตามเข้าไปก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างเคยชิน

“อาบน้ำยังไผ่ เดี๋ยวจะดึกนะ เพราะฉัน...” คำพูดหยุดชะงักลงเพราะเห็นร่างโปร่งบางนั่งจิบเหล้าพลางทอดสายตาหวานฉ่ำชวนหนาววาบๆ ไผ่ชูแก้วเชิงชวนก่อนจะตบเบาๆที่ว่างข้างตัว

“ซักแก้วมั้ย”

เอาอีกแล้วไง...ประวิชคิดอย่างกลัดกลุ้มเมื่อมองเห็นน้ำสีทองพร่องไปจากขวด จึงเดินลงส้นไปหาคนที่นั่งสบายอารมณ์ส่งสายตาเชิญชวน มือใหญ่คว้าแก้วเหล้าขึ้นยกดื่มรวดเดียวแล้ววางลง พลางส่งสายตาดุขวางใส่

“เหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังมากินเหล้าอีก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลุกไม่ไหวหรอก ไปอาบน้ำนอนเถอะ” ประวิชขยับเข้าไปฉุดแขนเล็ก

“นิดเดียวเอง ไปทำงานไหวหรอกน่า”

ประวิชส่ายหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะยื้อแก้วเหล้าในมืออีกฝ่ายออก หากแต่ถูกไผ่กระตุกให้เซจนต้องทรุดนั่งบนโซฟาไปด้วยกัน ดวงตาสีเข้มหรี่มองใบหน้านวลอย่างระอาด้วยของเหลวในแก้วกระเซ็นเปรอะเปื้อนทั้งมือทั้งเสื้อผ้า

“เปื้อนแล้วเห็นมั้ย เดี๋ยวฉันต้องออกไปข้างนอกอีกนะ”

“หือ...ไปไหน” ร่างโปร่งชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมกลิ่นแอลกอฮอร์

“เมื่อกี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่โทรมา บอกว่ามีวัยรุ่นเข้ามาทะเลาะกันที่หน้ารีสอร์ทฉันเลยจะออกไปดู ถึงให้นายอาบน้ำนอนไปก่อนไง” ประวิชพูดไปพลางสะบัดหยดเหล้าที่มือไป ก่อนจะถูกมือเล็กคว้าไปยึดครอง แล้วค่อยๆแลบลิ้นไล้เลียหยาดน้ำสีทองตั้งแต่หลังมือไปยังซอกนิ้ว ให้เจ้าของมือตัวแข็งกับการกระทำเชิงยั่วยุ

ผะ...ไผ่! ประวิชได้แต่ครางอยู่ในอก

ดวงตาคู่เจ้าเล่ห์เฝ้าสังเกตใบหน้าสีเข้มที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างสมใจ แล้วจึงเอ่ยเสียงแหบแห้ง พร้อมดวงตาหวานเยิ้ม

“กลับมาเร็วๆนะ จะรอ”

คำพูดสำทับแกมคาดหวังทำให้ประวิชรีบชักมือออก

“อะ...อืม แล้วรีบไปอาบน้ำนะ ฉะ...ฉันไปละ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขาจะคอยนาน”

ร่างสูงผละออกห่างคนตัวเล็กอย่างอิหลักอิเหลื่อ ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะแล้วรีบจ้ำจากไป

ไผ่มองร่างสูงใหญ่เดินมึนแกมผวาออกจากบ้านแล้วจึงค่อยๆยกยิ้มขำ

สมน้ำหน้า...

...

“คุณประวิชคะ...คุณประวิช” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์หญิงเดินถือจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์นำมาส่งหอบใหญ่เข้ามาวางบนโต๊ะ โดยเจ้านายตัวเองยังนั่งเหมอไม่ได้ยินเสียงเธอทัก อาการลังเลเกิดขึ้นแต่ก็กลั้นใจเรียกซ้ำ

“คุณวิช...เป็นอะไรรึเปล่าคะ”

เงาวูบวาบด้านหน้าดึงสติร่างสูงให้กลับมาสู่ตัว หลังจากที่ล่อยลอยไปไกลด้วยวันนี้คือวันครบกำหนดที่เจ้าคนตัวเล็กได้ลั่นปากไว้ หลังจากทำทีเป็นหมาหยอกไก่อยู่หลายวัน แต่เขายังคิดหาวิธีรับมือไม่ออกเลยจริงๆ

ไอ้ตัวแสบ!

ประวิชถอนหายใจยาวแล้วจึงเหลือบมองเจ้าหน้าที่หญิงส่งยิ้มงงๆ พร้อมกับรอคำสั่ง กองจดหมายตรงหน้าเรียกความมีเหตุมีผลคืนมา แล้วจึงยกยิ้มให้คนตรงหน้าคลายกังวล

“คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ มีอะไรสำคัญมั้ยครับ”

“มีจดหมายจาก เอสดีกรุ๊ป แล้วก็จาก บริษัททัวร์สิงขร เข้ามาค่ะ” เจ้าหน้าที่เลือกบอกชื่อคู่ค้าที่สำคัญให้ทราบ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเมื่อเจ้านายมีท่าทีสนใจกับจดหมายตรงหน้าและไม่ได้ซักถามเรื่องอะไรอีก

สีหน้าของประวิชอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเปิดอ่านเอกสาร เขาได้พันธมิตรและคู่ค้าเพิ่ม และนั่นก็หมายถึงผลประโยชน์ที่จะตามมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น หลังจากธุรกิจนี้ซบเซาไปช่วงปีที่ผ่านมา เขาและไผ่ต้องพยายามอย่างมากที่จะพากิจการขนาดใหญ่มีพนักงานมากมายรอดพ้นภาวะขาดทุนมาได้

ใบหน้าคล้ำแดดฉายแววความอบอุ่นเมื่อนึกถึงคนตัวเล็ก ที่ถึงแม้จะแสบสะท้านแต่ก็ไม่เคยทิ้งกัน จนกระทั่ง...เกิดเรื่อง ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เหตุการณ์นั้นย้อนกลับมาอีก

ความทุกข์ทรมานแบบนั้น ครั้งเดียวก็เกินพอ


ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จบรวดเร็วมากเลยค่ะ ไม่ทันตั้งตัวจบซะแล้ว
รอตอนพิเศษค่ะ
แล้วอย่าทิ้งกันนะอยากอ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
ประวิชนั่งทำงานจนกระทั่งเย็นจึงเดินออกไปแอบมองคนรัก หากแต่ภายในห้องทำงานว่างเปล่าทำให้คนตัวใหญ่เหลียวหา และต้องเดินเข้าไปถามเอากับเจ้าหน้าที่ในห้องเมื่อรออยู่ซักครู่ก็ยังไม่เห็นกลับมา

“เห็นออกไปได้ซักพักแล้วล่ะค่ะ”

“กลับบ้านเหรอ”

“ไม่เห็นคุณไผ่บอกไว้นะคะ บ่นแต่ว่าเมื่อย”

“เหรอ...ขอบคุณมาก” ประวิชพยักหน้ารับ คงไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายละมั้ง ขายาวก้าวไปตามระเบียงพลางมองหาร่างเล็กๆที่น่าจะเดินเล่นอยู่ตามสวนหย่อมรอบๆตึก

ลมทะเลพัดตีเส้นผมที่เริ่มยาวระต้นคอหนาแตกกระจาย ประวิชสูดลมหายใจรับไอความสดชื่นผิดกับในอกที่กำลังหนักอึ้ง ด้วยยังคิดจะหาวิธีละมุนละม่อมบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นในการผัดผ่อนไม่ได้ แต่แม้จะหนักอกหนักใจ หากสายตาก็ยังคงกวาดหาด้วยความเป็นห่วง จนไปสะดุดเข้ากับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และในกลุ่มนั้นก็มีร่างคุ้นตายืนอยู่ตรงกลาง

ท่ามกลางผู้ชายเป็นฝูง!

ขายาวก้าวพรวดๆแบบไม่ต้องคิดไปยืนระบายลมหายใจหนักด้านหลังร่างโปร่งบาง พลางมองดูคนรักฟุดฟิดโฟฟายกับไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวกันสนุกปาก และแม้จะนึกตงิดกับมือไม้ที่คอยพาดไหล่พาดคอเล็กอยู่เนืองๆแต่ด้วยสำนึกของความเป็นเจ้าของรีสอร์ทผู้ให้บริการ จึงได้แต่เก็บกดอารมณ์บูดบึ้งไว้ในใจแล้วเอ่ยทักเสียงแจ่มใส

“สวัสดี มีอะไรกันเหรอไผ่” ภาษาอังกฤษสำเนียงเจ้าของภาษาทุ้มรื่นหู ทำให้ไผ่และผู้ชายทั้งฝูงหันมอง

“พวกเขาจะไปเที่ยวเกาะกันน่ะวิช เลยแนะนำให้เขาไปดำน้ำที่เกาะเล็กข้างๆกันด้วย” ไผ่ตอบและขยิบตาเป็นอันรู้กันว่าเจ้านี่กำลังล่อหลอกให้นักท่องเที่ยวเทกระเป๋าจ่ายค่าบริการนำเที่ยว และจะมีค่าอื่นๆตามมาให้นักท่องเที่ยวได้จ่ายแบบไม่ยั้ง ด้วยในสมองเล็กๆแต่เก็บกักความแสบสะท้านแบบไม่จำกัด ได้บรรจงเคาะเปอร์เซ็นรายได้ที่จะได้รับจากกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไว้เสร็จสรรพ

นี่เขาควรจะให้โล่พนักงานดีเด่น ที่หายใจเข้าออกเป็นรายได้ของรีสอร์ทมั้ยฮึ! ประวิชคิดอย่างขำๆ แต่ต้องชะงักไปกับคำพูดถัดมาของอีกฝ่าย

“แต่พวกเขาอยากชวนฉันไปเป็นไกด์ด้วย เอาไงดีล่ะ ดูท่าจะเป็นพวกจ่ายไม่อั้นซะด้วยสิ ดูแลกันดีๆมีหวังรับทรัพย์กันถ้วนหน้าแน่ๆ”

ไม่ต้อง! เสียงคำรามดังขึ้นในใจร่างสูงหนาพอฟัดพอเหวี่ยงกับฝรั่งตัวโตตรงข้าม หากริมฝีปากได้รูปคงฉีกยิ้มกว้างให้แขก แต่ไม่วายทิ้งหางตาดุใส่คนรัก จะไปได้ยังไงผู้ชายเป็นโขลงแบบนี้ ดูตามันสิแวววาวพิกล ไว้ใจได้ที่ไหน ไปสิ! จะได้เยินกลับมา

ไผ่เลิกคิ้วให้กับแววตาหมายมาดของร่างสูง แล้วจึงเอะใจคิดได้ ก่อนจะหลุดขำกับคำแก้ต่างของอีกฝ่าย

“ทางเรามีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญไว้บริการให้อยู่แล้วน่ะครับ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่สนุก รับรองว่าคุณจะมีความทรงจำดีๆกลับไปเล่าได้ไม่เบื่อเลยล่ะครับ” ประวิชยิ้มการค้าให้ฝรั่ง

“แต่เจ้านี่...” มือใหญ่จับบ่าเล็กโยกไปมา

“เอาไป...ได้หลงทางกันแน่ๆครับ เพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่บัญชี ไม่ใช่ไกด์นำเที่ยวน่ะครับ”

เหมือนจะเป็นพวกไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ฝรั่งผมทองผิวแดงจากการอาบแดดถึงได้ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชวนเพื่อนๆเดินห่างออกไป ทิ้งให้คนตัวเล็กตั้งท่าจะตะกายตามไปเค้นให้ซื้อทิปนำเที่ยวเพิ่ม ที่ตัวเองเพิ่งจะหมดน้ำลายล่อหลอกไปเป็นปี๊บๆ แต่กลับสลายไปตรงหน้า หากไม่ถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้เสียก่อน

“จะไปไหน เย็นแล้วกลับบ้านเหอะ”

“ก็...น่าเสียดาย ดูสิ...เสียรายได้เป็นกอบเป็นกำ” ร่างเล็กแสร้งทำเสียดงเสียดายหากในใจกลับฟูพอง

ใครบอกว่าคนไม่คอยพูดไม่ขี้หึง! ขี้หึงสุดๆไปเลยต่างหาก ไผ่คิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ก่อนจะเดินตามคนอารมณ์ไม่ดีกลับบ้านพักหลังน้อยที่คนตัวใหญ่ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะเตรียมสรรหาวิธีอะไรไว้รอคอย ด้วยชายหนุ่มไม่ได้หันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายจากการไม่สบอารมณ์

แต่ชายหนุ่มคงคิดถูกแล้วที่ไม่หันกลับไปมอง เพราะใบหน้าแววตาอีกฝ่ายมันเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบายที่พร้อมจะงัดมาใช้เต็มพิกัด

...

แสงสีทองยามเย็นลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาภายในตัวบ้านหลังน้อย บรรยากาศเงียบๆกับลำแสงที่ค่อยๆอ่อนแรงลงไม่ช่วยให้หัวใจคนตัวโตสงบ มีแต่จะเต้นดังโครมครามหนักขึ้นๆเมื่อลอบมองเห็นลำแสงสุดท้ายของวันหายวับไปกับแนวเทือกเขา

จะรอดคืนนี้ไปมั้ยเนี่ย...

ท่าทางกระสับกระส่ายของประวิชอยู่ในสายตาของไผ่ตลอดขณะนั่งทานข้าวเย็น ร่างสูงอ้าปากตั้งท่าจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ก็เงียบหายไป เป็นแบบนี้มาร่วมชั่วโมง หากแต่คนตัวเล็กก็แสร้งไม่สนใจชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศไปเรื่อย หากก็ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเป็นระยะ

ประวิชยืนเก้ๆกังๆหลังจากล้างจานเช็ดโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ความรู้สึกประหม่าไหลวนไปทั่วร่าง มือไม้ของตัวเองแท้ๆแต่กลับไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี เตร่ไปเตร่มาชั่วครู่ก็ยังเห็นอีกฝ่ายยังเถลไถลไม่เข้ามาทวงสัญญาที่เคยลั่นปากไว้จึงตัดสินใจเดินเข้าไปอาบน้ำ ให้สายน้ำเย็นลดความร้อนในอกลงเสียบ้าง ก่อนจะตั้งใจกลับออกมากล่อมคนมากฤทธิ์ให้เป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง

แผงอกตึงแน่นเต็มไปด้วยหยาดน้ำเกาะพราว ศีรษะทุยสลัดผมเปียกชุ่มไปมาแรงๆก่อนจะปาดหยดน้ำออกจากหน้าท้องราบเรียบ ไรขนอ่อนหลุบหายไปในผืนผ้าสีขาวที่เจ้าตัวนำมาพันเอวไว้ลวกๆก่อนออกจากห้องน้ำ แต่เท้าใหญ่ก็ต้องชะงักหยุดอยู่แค่ประตูด้วยเห็นร่างโปร่งบางยืนยิ้มดวงตาเป็นประกายอยู่กลางห้อง แถมเนื้อตัวยังบ่งบอกว่าเจ้าตัวแอบไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆมาเสร็จสรรพ

ร่างเล็กสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ด้วยอาการเยื้องย่างของแมวเห็นหนู และพร้อมที่จะตะครุบจับเหยื่อที่อุตส่าห์เสียเวลาต้อนกว่าจะจนมุม พอใจที่เห็นอีกฝ่ายยืนอกสั่นขวัญแขวน และที่สำคัญ

เจ้าแมวจอมแปรปรวนอวดดีตัวนี้ชอบเล่นกับเหยื่อที่ตัวเองหลอกล่อก่อนจะจับกินเสียด้วย!

ดวงตาสีเข้มเลิกขึ้นนิดก่อนจะยกมือเกาศีรษะแกรกๆ เพราะ...

เหตุผลที่เฝ้าอดตาหลับข่มตานอนขบคิดเผื่อที่จะผัดผ่อนต่อรองแตกกระเจิง เมื่อได้สบตาคู่แวววาวแฝงความเอาแต่ใจของอีกฝ่ายไปตั้งแต่แรก จนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเสียเวลานั่งกลุ้มนั่งคิดไปทำไมในเมื่อสุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับ...ตามใจอีกฝ่ายจนได้ มือใหญ่ตกลงข้างตัวอย่างหมดแรงและหมดหวังจะรอดพ้น มองใบหน้าขาวนวลอมยิ้มจนแก้มบุ๋ม

น่ารัก... ร่างสูงใหญ่บอกกับตัวเอง แม้จะเป็นการเอาแต่ใจที่น่าชังที่สุดของอีกฝ่ายก็ตามที...

เพราะที่สุดแล้ว...เขาเลือกที่จะเป็นฝ่ายยอมเสียดีกว่าต้องเสียใจ

“ไผ่...” ประวิชครางเมื่ออีกฝ่ายเข้าประชิดตัว ดวงตาคู่ใสเปล่งประกายความต้องการอย่างไม่ปิดบัง จนต้องโอบประคองเอวเล็กไว้หลวมๆแล้วถอนหายใจยาวหลายเฮือก

“จะปฏิเสธก็ได้นะ” ร่างเล็กเอ่ยอย่างใจดีขัดกับสีหน้าและมือไม้ที่เริ่มลูบไล้ไปตามแผงอก

ประวิชกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากเย็น พลางรู้ตัวดีว่าโอกาสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้นั้นไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุที่แปรปรวน

ทำๆไปเดี๋ยวก็ชินละน่า...ร่างสูงนึกปลุกปลอบใจเหี่ยวๆ ก่อนถอยตามแรงดันไปติดขอบเตียงและทรุดนั่งโดยมีอีกฝ่ายนั่งคร่อมทับหน้าขา ใบหน้าขาวลอยเด่นประดับรอยยิ้มอ่อนเชื่อม ดวงตาคู่ดำเป็นประกายขณะช้อนตามองคนเหงื่อแตกพลั่ก

“จูบได้มั้ย” ริมฝีปากหยักโค้งเอ่ยชิดติดขอบปากได้รูปเหยียดเกร็ง และรอจนต้องส่งเสียงทวงถามในลำคอ เมื่อร่างสูงยังคงนั่งแข็งเอาแต่หลุบตาจ้องมองริมฝีปากฉ่ำน้ำ ก่อนจะตอบด้วยเสียงเบาตะกุกตะกัก หากแต่ในอกกลับเต้นดังโครมคราม

“ดะ...ได้” สิ้นเสียงตอบ ใบหน้าขาวก็เคลื่อนเข้าไปใกล้แล้วแนบริมฝีปากอ่อนนุ่มทำนองหยั่งเชิงแผ่วเบา เมื่อยังรู้สึกถึงความเงียบจึงได้ยกมือขึ้นโอบรอบลำคอหนาแน่น ไล้ลิ้นเลียเส้นขอบปากเด่นชัดหนักๆ ประวิชรู้สึกได้ดึงแรงดุนดันของลิ้นอุ่นที่พยายามรุกรานเข้ามาในโพรงปากหนักหน่วงและเร่งเร้าอยู่ในที กลิ่นมิ้นเย็นสดชื่นของยาสีฟันหลอดประจำสร้างความรู้สึกคุ้นเคยจนกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดผ่อนคลาย ดวงตาคู่คมหรี่ลงตอบรับลิ้นเล็กอย่างติดกังวลนิดๆก่อนจะเริ่มเป็นฝ่ายรุกไล่บ้าง

อ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดรัดร่างบางไว้หลวมๆ ประสานสายตากับคนในอ้อมแขนเมื่อผละออกห่างเพียงเล็กน้อย เสียงหอบหายใจดังสะท้อนไปทั่วห้องเหมือนวิ่งมาไกล คนตัวเล็กไม่ยอมให้ทิ้งช่วงนาน ด้วยกลัวใจคนที่เริ่มอ่อนลงจะเปลี่ยนท่าทีจึงรีบฉกฉวยริมฝีปากหยักโค้งสลับกับวาดมือไปลูบไล้แผ่นหลังกว้าง แล้วกดปลายนิ้วแน่นหนักเพื่อหวังกระตุ้นความปรารถนาในตัวคนรัก ให้ปั่นป่วนจนสามารถบดขยี้ร่างกายเขาที่พร้อมจะเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดมา

ปฏิกิริยาของประวิชไม่ทำให้ไผ่ผิดหวังเมื่อมีแรงดูดกลืนลิ้นเล็กหนักขึ้น มือใหญ่บดคลึงแผ่นหลังขาวผ่านเนื้อผ้าบางจนยับย่นแล้วจึงสอดเข้าไปสัมผัสเนื้อเนียนละเอียด กลิ่นกายหอมกรุ่นแป้งเด็กทำให้ประวิชฝั่งใบหน้าลงกับซอกคอขาวสูดดม อารมณ์ที่นิ่งสงบเริ่มก่อตัวเป็นคลื่นบิดเกลียวในช่องท้องให้ร่างเล็กรู้สึกได้ถึงความร้อนที่กลางลำตัวจากการนั่งคร่อมทับหน้าขา จนต้องลอบอมยิ้มและไม่ปล่อยให้โอกาสของตนหลุดลอย

ไผ่ฉวยโอกาสที่อารมณ์คนตัวโตเตลิดไปไกลลงมือกระตุกผ้าเช็ดตัวออกรวดเร็วจนอีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว ผละใบหน้าออกห่างร่องไหปลาร้าที่ตนดูดเม้นเป็นรอยแดงทันที

“ไม่ได้หรือ?” ไผ่ยิงคำถามพร้อมรอยยิ้มแฝงความนัย เมื่อสบสายตาเต้นไหวระริกที่บ่งบอกความกังวล ไม่แน่ใจปนเปอยู่ในแววตา

ไม่มีเสียงตอบหากกิริยาท่าทางก็เป็นคำตอบได้ดีที่สุด ร่างสูงได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดเรียกกำลังใจเฮือกใหญ่พลางเม้มปากระงับความรู้สึกหลากหลายที่กำลังประดังประเดกันเข้ามาในหัว เมื่อมองเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและปรารถนาของคนเอาแต่ใจ และหากมันจะมีแค่นั้นเขาคงไม่แปลกใจ แต่เพราะมันแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่ทำให้เขารู้ตัวเองว่า

ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจแน่!

ความหวังเล็กๆน้อยๆในซอกหนึ่งของความคิดหมดลงทันที! แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตารับความรู้สึกที่คนรักมอบให้ ด้วยคงเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำให้อีกฝ่ายพอใจและรู้สึกดีกว่าที่ผ่านมา สายตามองตามมือเล็กเริ่มลูบไล้ส่วนกลางลำตัวแข็งแรง แรงรูดรั้งพอเหมาะพอดีกระตุ้นความปรารถนาในตัว แม้จะตะขิดตะขวงอยู่ในใจก็ตามที

เสียงครางหลุดรอดผ่านพ้นริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

“อืม...” ข้อนิ้วแข็งแรงกดเกร็งลงบนผิวเนื้ออ่อนตรงเอวที่ตนเกาะกุมแน่นหนัก ความร้อนเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในมืออีกฝ่ายจากการเอาใจใส่ดูแลแบบเอาแต่ใจของคนนั่งทับ แต่อยู่ๆความเพลิดเพลินก็สะดุดลงเมื่อถูกผลักหงายหลังล้มลงบนที่นอน

ประวิชมองอีกฝ่ายที่โถมตัวตามลงมาทาบทับอย่างงุนงง พร้อมกับเกร็งตัวรับสถานการณ์ที่ไม่รู้อีกฝ่ายจะเริ่มรุกเมื่อไรจากแววตาตาเจ้าเล่ห์น้อยๆนั้น และไผ่ก็ไม่ปล่อยให้ความกังวลนั้นเกิดขึ้นนาน เพราะอีกฝ่ายมีคำตอบในการกระทำเสมอ ดวงตาคู่อ่อนแสงเบิกกว้างเมื่อเห็นไผ่ดึงกางเกงผ้าเนื้อเบาลง ก่อนจะเขี่ยออกจากปลายเท้าอย่างง่ายดาย

“...!” รุกเลยเรอะ ร่างสูงร้องประท้วงได้เพียงในลำคอ ด้วยร่างขาวนวลตรงหน้าค่อยๆยกตัวขึ้นนั่งคร่อมทับส่วนร้อนผ่าวกลางลำตัวพอดิบพอดีแบบไม่ให้ร่างสูงได้มีเวลาคิดหรือต่อรองขั้นสุดท้ายได้อีก

กล้ามเนื้อตึงเครียดกระตุกแรงพลางจ้องมองใบหน้าขาวตื่นๆ

“ไผ่...ผะ...ไผ่ ฉันกลัวนายเจ็บ” แม้โค้งสุดท้ายประวิชก็ยังคงอุทธรณ์ต่อรองจนได้

“ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บหรอก” ไผ่ยิ้มกว้างลงเสียงหนักให้ประวิชทำใจสถานเดียว

“ตะ...แต่...” ประวิชเหมือนง่อยเปลี้ยเสียขาหมดแรงซะดื้อๆ ได้แต่ขมวดคิ้วผงกศีรษะขึ้นดูร่างเล็กจะทำอะไรต่อไป

บั้นท้ายแน่นตึงค่อยๆขยับบดเบียดส่วนกลางลำตัวเชิงยั่วเย้า มือขาวบางวางทาบกดลงบนหน้าท้องแข็งตึงเพื่อพยุงตัว ก่อนจะเพิ่มแรงกดจนได้ยินเสียงประวิชร้องคราง มือไม้ที่ตกลงข้างตัวยกขึ้นยึดจับต้นขาเพรียวแล้วยกสะโพกสวนขึ้น

“ไผ่...”

ประวิชมองใบหน้าแดงก่ำส่งยิ้มติดขวยเขินนิดๆมาให้ร่างสูงนึกแปลกใจ แต่อารมณ์ที่กำลังเตลิดเปิดเปิงทำให้ร่างสูงมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยแม้คิดจะตามใจร่างน้อยๆที่กำลังตั้งอกตั้งใจกระพืออารมณ์พิศวาส และก็ได้ผลดีเกิดคาดเสียด้วย แต่มันก็แค่ความสัมพันธ์ทางภายนอกเท่านั้นที่เขาสามารถปล่อยตัวปล่อยใจตามใจอีกฝ่ายได้ แต่ถ้า...

ร่างเล็กขยับตัวก้มมองสิ่งที่ผงาดอยู่ตรงหน้า อันบ่งบอกถึงความพร้อมทำให้ต้องกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ หัวใจที่เคยตั้งมั่นหมายมาดเต้นระทึกเมื่อสิ่งที่รอคอยมาตลอดพร้อมหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ดวงตาคู่สวยเงยหน้ามองใบหน้าคร้ามแดดอีกครั้ง ราวกับจะพิจารณาสีหน้าอีกฝ่ายชัดๆอีกครั้ง และ...

สะโพกมนยกสูงขึ้นเล็กน้อย ประวิชมองเจ้าของมือเรียวประคองแกนกายขึ้นตั้งชันแล้วจึงค่อยๆโน้มตัวเข้ามาหาจนใบหน้าแทบจะชิดติดกัน ไม่มีคำพูด มีแต่ความรู้สึกให้รับรู้ถึงสัมผัสที่กำลังจดจ่ออยู่ตรงหน้า

ปลายเนื้อหยุ่นรับรู้ถึงความร้อนผะผ่าวที่กำลังแนบชิดเข้ามา ประวิชหรุบตามองลอดช่องหวังจะเห็นว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อมีชายเสื้อบางส่วนปิดบังไว้ แต่ความร้อนที่ใกล้จนรู้สึกถึงการกดแนบเข้ากับรอยจีบของเนื้อนุ่มทำให้หัวใจของร่างสูงเต้นดังจนกลบสรรพเสียงรอบตัวได้ในทันใด ดวงตาสีเข้มหรี่ลงพลางกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆบนแก้มเย็น และน้ำเสียงแผ่วเบาของอีกฝ่าย

“ฝันดี”

ฝันดี!

ทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่หยุดชะงัก ร่วมทั้งสติสตังของร่างสูงที่กลับมาจดจ่ออยู่บนใบหน้าขาวนวลที่ห่างเพียงปลายจมูกประดับรอยยิ้มไหวระริก

ไผ่มองใบหน้างุนงงของคนรักแล้วยกยิ้มบางเบา พลางก้มจูบอีกฝ่ายหนักๆเหมือนเรียกพลังใจให้ตัวเองก่อนจะเอ่ยอะไรออกไป ประวิชมองอีกฝ่ายถอนใบหน้ารักษาระยะห่าง อีกทั้งยังเลื่อนตัวเองลงมานอนข้างๆให้นึกงง และก็หายงงเมื่อรอยยิ้มอบอุ่นของคนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มปีศาจน้อยๆในเวลาต่อมา

“คิดว่าฉันจะข่มขืนนายรึไงวิช”ไผ่หัวเราะลงคอ

“ฉันรู้ว่าทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ไว้นายพร้อมเมื่อไร นายต้องบอกฉันนะ...ฉันขอโทษที่พูดอะไรงี่เง่าแบบนั้นออกไป”

“...”

คนมากฤทธิ์ฉายาในใจประวิชนั่งหน้าสงบพร้อมรอยยิ้มแห้งๆแฝงความหวั่นไหวบางอย่างในแววตาให้คนนอนนิ่งใจกระตุก ร่างโปร่งบางคว้ากางเกงขึ้นมาสวมแล้วจึงขยุ้มผ้าห่มใกล้ตัวเข้ามาถือแนบอก จากนั้นจึงลุกขึ้นมองประวิชที่กำลังยันตัวนั่งก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้อง

“จะไปไหนไผ่!” เสียงตะโกนไล่หลังอย่างตกใจทำให้ไผ่หันกลับไปมอง

“วันนี้ฉันจะไปนอนข้างนอก” ไผ่สูดลมหายใจแล้วยิ้มจนตาหยี

“ขืนอยู่ใกล้นายตอนนี้ฉันคลั่งตายแน่ หรือนายจะเปลี่ยนใจกันล่ะ” ร่างบางมองอาการนิ่งเงียบของอีกฝ่ายแล้วฝืนยิ้มส่งท้ายก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้ประวิชมองตามแผ่นหลังด้วยอาการเหมือนหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ความเคว้งคว้างเงียบสงัดเข้าครอบคลุมพื้นที่ในห้องเมื่อไผ่ออกไปยึดโซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์เป็นที่หลับนอน หากแต่แรงสั่นสะท้านในอกที่ยังไม่จางหายทำให้ไผ่กดรีโมทเปิดโทรทัศน์ดูภาพเคลื่อนไหวผ่านตาไปเรื่อยๆด้วยสายตาอันว่างเปล่า

“ขอโทษ” ไผ่พึมพำเบาๆกับตัวเอง เมื่อนึกถึงใบหน้าฝืนใจของคนรัก ก่อนจะเปลี่ยนท่าที

“แต่ก็สมน้ำหน้า เล่นตัวดีนัก” น้ำเสียงขึ้นจมูกเอ่ยต่อว่าร่างสูง หากเจตนาปลุกปลอบใจตัวเองเสียมากกกว่า

เสียงผู้ประกาศข่าวดังแววเข้ามากระทบโสตประสาท กระตุ้นร่างสูงที่ยังจมอยู่ในห้วงความรู้สึกสับสน ใจหาย และปวดแปลบอยู่ในอกเมื่อร่างเล็กนั้นเดินออกไปให้ตื่นขึ้นมารับรู้ความจริง

ความจริงที่ตัวเองไม่กล้ากอดอีกฝ่าย!

แม้จะยอมรับกับตัวเองว่ารักและห่วงหวงอีกฝ่ายแค่ไหน แต่การก้าวผ่านความรู้สึกตรงนี้ไปได้ก็หนักหนากับเขาน่าดู ใบหน้าของร่างเล็กก่อนเดินออกไปผุดขึ้นมาในความคิด

อีกฝ่ายก็ต้องอดทนกับเขาเหมือนกัน แล้วไผ่ผิดอะไรล่ะ ต้องอดทนกับอะไรล่ะ ในเมื่อเขาคือคนรักของไผ่

...ตัวเขาเองมากกว่ามั้งที่ไม่ยอมรับความจริงซะที ที่มีคนรักเป็นผู้ชาย มันก็เป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอที่จะมีเซ็กซ์กัน ไม่งั้นเขาจะร้อนรนตามหาอีกฝ่ายที่หายไปทำไม ถ้าไม่เพราะอยากอยู่ด้วยกัน

ความรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนมีเข็มแทงเข้าไปในอก เมื่อนึกถึงการหายไปของไผ่ครั้งนั้น ก่อนจะเงยหน้ามองประตูที่กางกั้นเขาทั้งสองออกจากกัน

เขาปล่อยให้อีกฝ่ายรอโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร เขามันเห็นแก่ตัวอีกแล้ว!

ความรักต้องไม่ใช่การอยู่อย่างเห็นแก่ตัว การอยู่ด้วยกันต้องไม่ใช่การเอาเปรียบจิตใจและความรู้สึกของกันและกัน ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างสายเกินแก้ก็ควรเริ่มแต่ตอนนี้!

เสียงในหัวสะท้อนบอกก้องดังไปมา...สายตาจดจ้องบานประตูไม้เหมือนจะให้ทะลุไปถึงใครข้างนอก

เพียงแค่เปิดประตูนั้น...เขาจะก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองทั้งหมด!
.
.
.
ร่างเล็กบนโซฟาปรากฏอยู่ในสายตาเมื่อประวิชเปิดประตู เสียงย้ำเท้าทำให้ไผ่ตื่นจากภวังค์หันมองร่างสูงด้วยความแปลกใจระคนอุ่นวาบในอก ประวิชาทรุดตัวนั่งเบียดสะโพกมนที่ตะแคงอยู่ใต้ผ้าห่ม มือใหญ่ลูบเกลี่ยเส้นผมที่บดบังผิวแก้มออกให้เบาๆ จากนั้นจึงโน้มตัวเข้าไปโอบกอดร่างเล็กไว้โดยไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา ไผ่ขยับตัวขึ้นมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำของประวิช จะมาปลอบใจเหรอ? ไม่ต้องก็ได้ เขาแค่อยากออกมาสงบสติอารมณ์เท่านั้นเอง แต่รอยยิ้มแยกเขี้ยวที่อีกฝ่ายดูจะพยายามบังคับให้มันเป็นธรรมชาติ กลับกระแทกเข้ามาในตาเขาอย่างแรง

ไม่ต้องยิ้มก็ได้นะ ไม่ได้บังคับ! ไผ่นึกค่อนขอด ก่อนจะเอ่ยเสียงติดฉุน

“อะไร?”

ประวิชไม่ตอบแต่กลับประทับจูบเบาๆลงบนริมฝีปากอิ่มบาง ปลายลิ้นอุ่นลากไล้ไปตามแนวหยักโค้งแล้วจึงขยับแทรกผ่านเข้าไปหาความชุ่มชื้น ใจแห้งๆหลังออกมาจากห้องพองโตขึ้นมาทันที แต่เพราะคลางแคลนในความรู้สึกของประวิช ร่างบางจึงยกมือขึ้นดันใบหน้าอีกฝ่ายให้ออกห่างเล็กน้อยเพื่อพิจารณาสีหน้าสีตาของร่างสูง

“นายจะทำให้ฉันเข้าใจผิดว่านายพร้อมนะวิช” ไผ่จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่ตอนนี้แม้แต่อาการไหววูบก็ไม่มีให้เห็น มีแต่ความแนวแน่สะท้อนออกมาเท่านั้น

“ก็พร้อมน่ะสิ...ถึงได้ออกมาหา” ประวิชเอ่ยราบเรียบ หากแต่ในตาบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขิน และด้วยไม่อยากสบสายตาเบิกกว้างที่ทำท่าไม่อยากจะเชื่อให้ได้ประหม่าหนักกว่าเดิม จึงโถมตัวปล้ำกอดร่างบางแน่นไม่ให้ได้ซักไซ้

จมูกโด่งซุกลงซอกคอขาว สูดดมกลิ่นกายอันแสนจะคุ้นเคยให้ความรู้สึกปลอดโปร่งและอบอุ่น แบบนี้ล่ะ แบบนี้ล่ะดีแล้ว ประวิชครางในลำคอ ขอแค่มีคนๆนี้อยู่เคียงข้างแล้วเขายังจะมีข้อแม้อะไรอีก มีข้อแม้ให้ต้องเลิกร้างกันไปรึไง!

“ฉันรักนาย” ความรู้สึกที่กำลังทะลักทลายไหลบ่าราวกับสายน้ำเชียว ทำให้ประวิชต้องเอ่ยย้ำความรู้สึกของตนกับอีกฝ่าย

ไผ่มองศีรษะทุยบนอกตัวเองด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย สิ่งที่ประวิชกำลังแสดงออกทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง และอดไม่ได้ที่จะกอดตอบด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี

เขาให้ใจไปเต็มร้อย และตอนนี้เขาก็ได้กลับมาเต็มร้อยแล้ว ไผ่นึกพลางน้ำตาซึม

ประวิชไม่ทิ้งช่วงให้ไผ่ต้องงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหัน ร่างสูงกดจูบไปตามหน้าผากลาด พวงแก้มขาวนวล จนหยุดวนจูบย้ำไปย้ำมาที่ริมฝีปากสีสด ไผ่ตอบรับแลกความอุ่นชื้นจนต้องยึดไหล่หนาเป็นที่พยุงตัวเองไม่ให้ลื่นไหลไปตามแรงกดดันของร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคนตัวเล็กเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบที่วันนี้มาถึงจนได้ แต่....

ประวิชผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้านวลพลางยกยิ้ม เมื่อแน่ใจในความรู้สึกของตน

“พร้อมนะ”

“หึ” ไผ่ส่ายหน้าดิก

“...!ส่ายหน้าทำไม” ประวิชขมวดคิ้วในคำตอบทันที

“ฉันไม่พร้อม”

“ห๊ะ!ว่า...ว่าไงนะ” ประวิชร้องเหมือนถูกตีที่ท้ายทอย มองใบหน้าเล็กๆยิ้มน้อยๆในดวงตาพรางพราว

“แต่เมื่อกี้นาย...” ร่างสูงเกิดติดอ่างขึ้นมากะทันหัน จากการช็อกที่ถูกคนรักปฏิเสธทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมายังส่งสายตายั่วยวนเขาอยู่เลย

“เมื่อกี้ก็เมื่อกี้สิ ตอนนี้ฉันหมดอารมณ์แล้ว” ไผ่ตอบดื้อๆ มองใบหน้ามึนงงของอีกฝ่ายแล้วนึกสงสารแต่ก็ สมน้ำหน้า

เวลาฉันมีอารมณ์นายกลับไม่มี แล้วเวลานายมีอารมณ์ฉันต้องมีตามนายรึไงกัน!

ร่างเล็กสะบัดตัวลุกขึ้นแล้วยัดเหยียดผ้าห่มให้ร่างสูงไว้กอดแทน จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนที่เพิ่งเดินออกมาแล้วลงมือใส่กลอนหนาแน่น พลางตะโกนอย่างสะใจนิดๆ

“ฉันจะนอนในห้อง ส่วนนายก็นอนสงบสติอารมณ์อยู่ข้างนอกไปก็แล้วกัน!”

สิ้นสุดเสียงตะโกน ประวิชที่หน้าเจื่อนจากการถูกปฏิเสธอย่างกะทันหันถึงกลับหน้าดำหน้าเขียว เมื่อรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายดัดหลังเข้าให้แล้ว

ไอ้ตัวแสบ!

ประวิชขยี้ศีรษะตัวเองไปมา ก่อนจะมองเลยไปยังผ้าห่มกองยับย่นที่เจ้าตัวแสบทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า และภายในห้องนอนอุ่นสบายก็มีร่างเจ้าคนฤทธิ์มากของประวิชนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนเตียงคนเดียว

“ถึงตาฉันเล่นตัวบ้างล่ะ!”

*******************************************

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Part II

เอกสารตรงหน้าร่างสูงถูกเปิดอ่านอย่างละเอียด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันน้อยๆเมื่อพินิจพิจารณาเนื้อหาภายใน เสียงเคาะประตูทำให้ประวิชเงยหน้ามองร่างโปร่งบางเดินนำเจ้าหน้าที่หญิงเข้ามาภายใน แฟ้มรายงานเงินสดประจำวันถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้เขาเซ็นรับรอง ปกติเจ้าหน้าที่หญิงจะนำมาเสนอเองพร้อมอธิบายรายการสำคัญๆบางรายการ แต่สองสามวันมานี้เจ้าตัวแสบของเขากลับเป็นคนนำมาเสนอเสียเอง

จะมีอะไรถ้าไม่ใช่คิดจะมายั่วโมโหเขาเล่น ประวิชคิดอย่างคับอกคับใจพลางเหลือบมองร่างเล็กยืนตรงหน้าด้วยอาการเคือง หากคนตัวเล็กไม่ได้สะทกสะท้านไปกับอาการดังกล่าว กลับยิ้มหวานรับ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่รายงานข้อมูลไปเรื่อยๆจากนั้นจึงเดินกลับไป ทิ้งให้เจ้านายหน้าเครียดกับลูกน้องหน้าทะเล้นประสานสายตาจนแทบจะเห็นแสงไฟปลาบแปลบแลบออกมาจากในตา

ริมฝีปากหยักโค้งยกยิ้มน้อยๆไม่สนใจคนหน้างอ เริ่มต้นชวนสนทนาเรื่อยๆ

“พอประกาศโปรโมชั่นชุดนี้ออกไป รายรับเข้ามามากกว่าที่คาดไว้ นายว่ามั้ย” ไผ่มองสายตาถมึงทึง ดีสม! หงุดหงิดบ้างแล้วรู้สึกยังไงล่ะ

“อือ” ประวิชรับคำสั่นกุด แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ เขาไม่อยากถูกยั่วโมโหเหมือนหลายวันมานี้ หลังจากไผ่ปล่อยให้เขานอนข้างนอกห้องนอนเสียหนึ่งคืน รุ่งขึ้นเขาก็คอยตามง้อตลอด แต่ดูเหมือนเจ้าตัวดีของเขาจะเอาคืนที่ปล่อยให้รอนาน เลยเชิดใส่เขาเสียไม่มีล่ะ ประวิชถอนหายใจยาวจนคนตรงหน้าอมยิ้มพราย

สมใจรึยังจะล่ะเจ้าตัวดี! ทิ้งให้เขานอนข้างนอกทุกคืน ประวิชนึกเคืองและไม่วายเหลือบมองใบหน้าขาวตรงหน้าด้วยสายตาดุดันอีกครั้ง

“บ่ายนี้เพื่อนฉันจะแวะเข้ามาหาน่ะ” ไผ่เอ่ยบอกเรียบๆขณะจ้องใบหน้าอีกฝ่ายที่ดูเป็นงานเป็นการอีกครั้ง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม นี่เป็นอีกข้อที่เขารักประวิช เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว อีกฝ่ายจะไม่เอามาเป็นอารมณ์โยงใยไปถึงเรื่องอื่นๆ แม้จะกำลังเคืองที่ถูกเขาไล่ให้ไปนอนข้างนอกทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเขาแทบจะข่มขืนอีกฝ่ายได้ ไม่เคืองก็แปลกล่ะ!

แต่เพราะลึกๆในใจแล้วเขาไม่ต้องการฉวยโอกาสจากอีกฝ่าย ขอแค่แน่ใจว่าประวิชพร้อมแล้วจริงๆ เขาจะไม่ลังเลเลย ไผ่นึกแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กๆ

จริงอย่างที่เพื่อนบอกว่าเขาเรื่องมาก หึ! ก็ไม่แปลกอีกเหมือนกันที่จะถูกเอาปูนหมายหัวแบบนั้น เพราะเขาปฏิเสธทุกคนที่เข้ามารายล้อมรอบตัวเพื่อรอคนเพียงคนเดียว เพียงคนเดียวที่แทบจะไม่เห็นทางสมหวัง และแม้จะดูกล้าหาญชาญชัยขนาดไหนแต่สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือ ความรู้สึกของอีกฝ่ายนี่ล่ะ ถึงทำให้ความรักของเขาถูกดองเค็มมาเป็นสิบปี

“กี่คนล่ะ ให้ทางครัวทำอะไรเป็นพิเศษมั้ย หรือจะพาไปดูปะการังที่เกาะกันล่ะ” ร่างสูงหันออกไปมองท้องฟ้าภายนอก

“วันนี้อากาศดี”

“มากันหกคน แต่ไม่ต้องทำอะไรพิเศษหรอก แค่แวะมาเยี่ยม เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวคุยกันซักพักก็กลับกันแล้ว”

“หือ...จะขับรถกันไหวเหรอ ไม่ค้างแล้วรุ่งขึ้นค่อยกลับล่ะ” ประวิชเอ่ยอย่างเป็นห่วง ด้วยระยะทางจากที่นี่ถึงกรุงเทพต้องขับรถกันเกือบทั้งคืน

“ผลัดกันขับไม่เป็นไรหรอก”

“งั้นค่าอาหารลงบัญชีฉันไว้นะ” พูดจบประวิชก็เห็นรอยยิ้มสมใจของไผ่ แล้วให้รู้สึกคันยิบๆที่อวัยวะเบื้องล่าง จะมีมั้ยที่เขาไม่ตกหลุมที่อีกฝ่ายวางเอาไว้น่ะ ดวงตาคู่คมหรี่มอง เงินเดือนหมดแล้วล่ะสิ คนใช้เงินเป็นนึกค่อนขอด และมองร่างเล็กลุกขึ้นเดินมาหา อ้อมแขนขาวเข้าสวมกอดหลวมๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มทั้งสองข้างเสียงดัง

“ขอบคุณ”

ประวิชมองใบหน้ายิ้มพรายแล้วต้องถอนหายใจ ยังไงๆเขาก็ใจแข็งกับยิ้มสวยๆนี้ไม่ได้ซักที ร่างสูงนึกพลางจูบตอบที่ริมฝีปากหยักโค้งเบาๆ ไผ่มองลึกลงในดวงตาอีกฝ่าย ความถวิลหาที่มีไม่ต่างกันกำลังดึงดูดพวกเขาเข้าหากัน มือขาวเข้าประคองต้นคอหนาแล้วไล้ลิ้นตอบรับแรงกดแนบจากอีกฝ่าย ร่างสูงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย ในเมื่อใจเขาพร้อมเขาย่อมต้องการร่างอุ่นหอมระรื่นนี้เข้ามาแนบกาย และความคิดนี้เริ่มรุนแรงจนเขารู้สึกหึงไปหมดทุกคนที่เข้ามาแตะเนื้อตัวคนรัก แม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งแล้วไปใหญ่!

ความร้อนกลางลำตัวเริ่มขยายตัวอึดอัดคับกางเกงยีนส์เนื้อหนา มือใหญ่ฟอนเฟ้นแผ่นหลังนุ่มมือไปมา แล้วสอดลิ้นดุนดันเข้าไปค้นหาความชุ่มชื้นในโพรงปากเล็ก ขยับเปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆจนหอบสะท้านไปทั้งตัวด้วยแรงอารมณ์

“ไผ่...” ประวิชไล้มือลงบดคลึงบั้นท้ายแน่นตึง หากแต่เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ทั้งสองสะดุ้งผละออกจากกัน ใบหน้านวลแดงก่ำก่อนจะถอยออกมายืนห่าง ให้ร่างสูงปรับสภาพอารมณ์ชั่วขณะ

“เข้ามาสิ” เสียงทุ้มแตกพร่าเล็กน้อยส่งเสียงเชิญผู้มาใหม่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่เดินถือแฟ้มงานเข้ามาภายในทำให้ไผ่พยักหน้ากับร่างสูงแล้วหันไปยิ้มกับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินสวนออกไป

เมื่อพ้นประตูออกมาร่างเล็กก็ระบายลมหายใจยาว และยกมือขึ้นทาบหน้าอกที่กำลังกระเพื่อมแรง ท่าจะไม่ต้องรอแล้วมั้ง!

ไผ่เริ่มก้าวเท้าเดินแต่ก็หยุดชะงัก

“ลืมบอกว่าเพื่อนที่จะมาเยี่ยมเป็นเกย์หมดเลย!?”

แถมเป็นกลุ่มที่ประวิชเคยชกหน้าที่ผับอีกต่างหาก แต่ไม่น่าจะจำได้เพราะวันนั้นก็มืดจะตาย ไผ่รำพึงในใจ และเพราะกังวลถึงเรื่องนี้ถึงได้ไม่ชวนเพื่อนค้าง ซึ่งออกจะดูใจดำก็จริง แต่จะให้คนรักที่กว่าจะยอมรับว่ารักผู้ชายด้วยกันได้เขาก็แทบกลั้นใจตาย แล้วถ้าให้เจอเกย์ล้อมหน้าล้อมหลังเป็นฝูงมิวงแตกรึไง!

ไผ่สลัดความกังวลแล้วสาวเท้าเดินอารมณ์ดี โดยลืมคิดไปว่าตัวเองได้ทิ้งฉนวนไว้บนกองเถ้าถ่าน ร้อนระอุแล้ว
.
.
.

รถISUZU MU-7สีขาวมุกชะลอตัวก่อนจะหยุดสนิท หัวหลายสีทั้งทอง ดำ แดง ต่างโผล่ออกมาสูดอากาศ ไผ่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างสูงต่ำนั้น อาการยินดีอย่างเก็บไม่อยู่เอ่อล้นบนใบหน้า เพราะจะบ้าจะบอยังไงแต่เพื่อนกลุ่มนี้ก็คือที่พักพิงทางใจของเขาตลอดมา แม้มีบางคนในกลุ่มเคยคิดจะงาบเขามาแล้วก็ตามเหอะ

หากทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง เขาถึงมีวันนี้

ร่างโปร่งบางเข้าไปต้อนรับขับสู้ แล้วจึงเดินนำไปยังห้องรับรอง เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระลอกๆเมื่อทุกคนนั่งพักบนโซฟารับแขกนิ่ม

“แล้วเมื่อไรจะขึ้นกรุงเทพอีกล่ะไผ่” เอ็มยิ้มกว้างถาม ชายหนุ่มที่เคยสูงโปร่งมาบัดนี้กลับหนาหนั่นจนคนถูกถามนึกนิยมอยู่ในใจในความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ตัวเองพยายามยังไงก็เข็นไม่ขึ้น ด้วยเกียจคร้านนั้นเอง ใบหน้าคมเข้มยังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง ไผ่พินิจพิจารณา ตอนนั้น ตอนที่เขาเสียใจจากประวิช เขาหันไปคว้าเอาคนๆนี้ เอาความรู้สึกของคนๆนี้มาค้ำจุนหัวใจที่แหลกสลายของตัวเอง ความเห็นแก่ตัวของเขาในครั้งนั้นทำให้เอ็มเสียใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในเมื่อเขาเลือกหัวใจของตัวเอง และอีกฝ่ายก็เลือกที่จะคงความรู้สึกของเพื่อนไว้และคบหามาจนถึงตอนนี้

“อีกสักพักล่ะเอ็ม ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะคงไปไหนไม่ได้ซักพัก” ไผ่ยิ้มกับอาการกวาดสายตาสำรวจเนื้อตัวของอีกฝ่าย

“ไม่คล้ำลงเลยนะ อยู่ติดทะเลแท้ๆ”

“อ๋อ...ก็ทำงานอยู่แต่ในออฟฟิส อีกอย่างใส่เสื้อแขนยาวตลอดด้วย ไม่ได้ตั้งใจหรอกแต่อะไรๆมันบัง...พาไปเองน่ะ” ไผ่หยุดคำว่าบังคับ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน ก็จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่เจ้ายักษ์ตัวโตที่คอยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หรือไม่ก็บังคับจับใส่ซะงั้น จนเขาระอาต้องทำๆตามไปงั้น

“ดีแล้วล่ะ ขาวๆแบบนี้ดูดีกว่าตัวดำเป็นไหนๆ”

“งั้นเหรอ”

“อืม...ฉันชอบ” เอ็มยิ้มนัยย์ตาเหมือนมีดาวดาวร่วงใส่ จนคนฟังออกอาการขัดๆเขินๆขึ้นมาซะงั้น

“เฮ้อ...จะจีบกันอีกนานมั้ยวะ ฉันหิวแล้วว่ะ” เสียงเดชาที่นั่งติดกับเอ็มแซวขึ้น พร้อมกับบรรยากาศที่คลายความอึกอัดลง ด้วยรู้ตื้นลึกหนาบางของคนทั้งคู่ดี จึงเอ่ยขัดตราทัพก่อนที่เอ็มจะเริ่มรื้อฟื้นความรู้สึกให้อีกฝ่ายลำบากใจ

ไอ้มดแดงแฝงพวงมะม่วง! เดชาส่งสายตาเตือนเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มกับไผ่

“อยู่ทางนี้คงสบายล่ะสิ หน้าตาระรื่นจริงแก” เดชาเอ่ยทักทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีความสุขที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก คำถามแฝงความนัยทำให้ไผ่อมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบ

“หมั่นไส้” พอเห็นอีกฝ่ายตอบรับอย่างเต็มอกเต็มใจด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ ต่อมอิจฉาก็กำเริบขึ้นมาทันที

“เอาน่า...” ไผ่เสหัวเราะ

“หิวกันรึยัง ฉันให้ทางครัวเตรียมของทะเลไว้เพียบเลย”

“ก็หิ้วท้องไว้ล้มทับเจ้าของอยู่นี่ไง” เดชาเอ่ย

“ของฉันที่ไหนกันล่ะ” ร่างโปร่งค้านเสียงอ่อย ด้วยรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายหยอก

“แล้วพ่อคนดีของนายไปไหนซะล่ะ” เดชาทำท่าชะเง้อหา ในขณะที่คนถูกกล่าวหาว่าเป็นมดแดงแฝงพ่วงมะม่วงทำหน้าเซ็ง

“ยังทำงานอยู่ล่ะมั้ง” ไผ่เงยหน้ามองไปทางห้องทำงานของชายหนุ่ม แต่ลึกๆในใจก็ไม่ค่อยอยากให้ประวิชออกมานัก

“แล้วจะไม่แนะนำให้เพื่อนรู้จักเป็นทางการซะทีเหรอว่ะไอ้ไผ่” ณรงค์เพื่อนหัวทองที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขัดขึ้น

“ฉันไม่อยู่เป็นก้างนานหรอกน่า เดี๋ยวก็ไปแล้ว พามาให้เพื่อนรู้จักหน่อยน่า...ทำหวงไปได้ หรือกลัวฉันจับกินว่ะ” คำพูดห่ามๆและหัวเราะไปพลางของไอ้เพื่อนหัวทองทำเอาไผ่หน้าเสีย

ก็เป็นซะอย่างนี้ ใครจะอยากเอาเนื้อมาวางไว้หน้าสุนัขกันล่ะ! ไผ่หรี่ตามองคนพูดพลางส่งคำตอบไปให้ทางสายตา ถ้ากลับไปแล้วยังครบสามสิบสองก็ไม่ใช่ไอ้ไผ่แล้ว!

“ยังแสบไม่เปลี่ยนจริงๆ” ณรงค์บ่นอุบ ก่อนจะวางมือลงบนศีรษะทุยแล้วโยกไปมา

“ล้อเล่น เตรียมอะไรไว้บ้างล่ะ”

“ปากเสียอย่ากินมันเลยไอ้รงค์” คนเคืองบอกปัด

ณรงค์ยิ้มหน้าแห้ง มันหวงจริงๆแฮะ ก่อนจะต้อนหน้าต้อนหลังร่างโปร่งไปยังห้องอาหาร และพบร่างสูงใหญ่ของประวิชเดินออกมาจากมุมตึก ประวิชเห็นชายหนุ่มห้าหกคนพร้อมกับไผ่กำลังเดินไปยังห้องอาหารจึงรีบสาวเท้าเข้าหา

“ไผ่”

เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ทั้งกลุ่มหยุดชะงักและหันมองร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มในดวงตาฉันท์มิตรเรียกคะแนนจากบรรดาเพื่อนหนุ่มของไผ่ไปมากโข

“เข้ม แมนซะไม่มี” เสียงกระซิบกระซาบดังเข้าหู แต่ไผ่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

ไว้ก่อนเถอะไอ้อิง! ไผ่ชำเลืองตามองเพื่อนสาวแตกภายใน ภายนอกแมนเกินร้อย แต่ชอบกินหนุ่มล่ำเป็นอาหารหวาน ด้วยอาหารหลักแต่ไม่ถูกปากคือภรรยาสาวที่พ่อแม่จัดหาให้

ประวิชยิ้มขณะคนรักแนะนำเพื่อนๆให้รู้จัก ซึ่งทุกคนก็ดูเป็นมิตร ยกเว้นคนเดียวที่ไผ่แนะนำว่าชื่อเอ็ม ด้วยเพราะอาการเฉยจนดูเย็นชานั้นสะดุดใจ กอปรกับบางอย่างที่แวบเข้ามาในหัวแต่ยังไม่ชัด จึงต้องกวาดตามองซ้ำ 'คุ้นๆ' ประวิชเก็บความรู้สึกนี้ในใจก่อนจะทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี

สีหน้าผิดปกติเพียงนิดของประวิชไม่รอดพ้นสายตาคนตัวเล็ก ด้วยผูกพันมานานปีมีหรือจะอ่านสีหน้าสีตากันไม่ออก อาการประหวั่นในใจทำให้ไผ่นึกเสียใจที่ไม่ได้บอกให้ประวิชรู้ตัวก่อน

เจ้าของรีสอร์ทเลือกทำเลบนชั้นสองมองเห็นทะเลยามบ่ายภายนอกไกลสุดลูกหูลูกตา และมีความเป็นส่วนตัวแยกกับแขกคนอื่นๆพอสมควร

“กิจการดีนะครับ ตอนเข้ามาเห็นแขกมากันเยอะเลย” เดชาชวนคนตัวใหญ่หวานใจเพื่อนตัวเล็กคุย

“ช่วง high season ก็คึกคักกันแบบนี้ล่ะครับ พ้นไปอีกไม่กี่เดือนแขกจะบางตากว่านี้”

“เห็นมีบริการนำเที่ยวด้วย”

“ครับ เป็นการนำเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติน่ะครับ ตรงนี้ก็เป็นจุดแข็งของเรา ทำให้ได้รับความสนใจจากแขกมาก”

“อ๋อ...ถึงว่า รีสอร์ทที่นี่ถึงดูกลืนไปกับธรรมชาติรอบๆ”

“ก็ตรงไหนที่เรายังคงไว้ได้ หรือเสริมให้ธรรมชาติกลับมาดีกว่าที่เป็นอยู่เราก็พยายามจะทำ จะได้เป็นที่สำหรับพักผ่อนกันจริงๆ”

เดชาหันไปมองภายนอกที่มีสีเขียวของต้นไม้ตัดกับท้องน้ำสีครามอย่างชื่นชม ที่นี่สะอาด ตั้งแต่เข้ามาเขายังไม่เห็นขยะ เสียงนกร้องแววดังมาไกลๆบวกกับไอเย็นของต้นไม้ใหญ่กำจายทั่วพื้นที่ ทำให้นึกอยากพักค้างซักคืน

“สนใจจะไปดูปะการังมั้ยละครับ ที่นี่สวยมาก ดำไปดูแล้วถ้าเห็นขยะก็หยิบติดมือมาด้วยจะช่วยระบบนิเวศน์ได้เยอะเลยนะครับ” ประวิชเอ่ยชวนอย่างมีอัธยาศัย

“จะพักซักคืนสองคืนแล้วค่อยกลับกันก็ได้ จะเตรียมห้องไว้ให้”

“ฮ้าๆ เห็นแล้วก็อยากอยู่ต่อครับ แต่ไอ้คุณอิงเมียมันหวงมากครับ” เดชาหันไปแขวะเพื่อน ซึ่งก็ทำให้เพื่อนหันมาค้อนขวับ ก่อนจะยิ้มหวานให้ประวิชใจแทบหล่นไปที่ตาตุ่ม ด้วยอาการขนแขนแสตนอัพ

ยิ้มแปลก! พลางเลื่อนสายตามองไผ่กำลังคุยกับหนุ่มชื่อเอ็มเบาๆ รอยยิ้มของไผ่ดูไม่มีอะไรในดวงตา หากแต่อีกฝ่ายกลับเหมือนมีดาวเป็นล้านดวงภายใน ไอ้นี่ก็แปลก!

“เมียนะไม่ใช่แม่ ไอ้คุณเดชา!” อิงตวัดเสียงใส่ให้ประวิชสะดุดหูกับน้ำเสียงสูงๆเหมือน...เหมือนพวกกระเทย!

คนตัวสูงหันมองพลางกวาดตามองชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งจางๆ จะมองตรงไหนก็ดูเป็นผู้ชายทั้งแท่ง! แต่ทำไมทำเสียงแต๋วแตกได้วะ ความสงสัยของประวิชกระจ่างในนาทีถัดมาเมื่อเดชาตอบกลับ

“เหอะ...เก็บเบอร์หนุ่มๆที่แกไปก้อล้อก้อติดเขามาให้ดีๆละกัน เดี๋ยวแม่แกจะมาฉีกอกพวกฉันอีกไอ้อิง” เดชาสำทับด้วยรู้ฤทธิ์เดชภรรยาเพื่อนดี

“เชอะ!...ยุ่งมากนักพ่อจะหย่าซะเลย” อิงทำตาปะหลับปะเหลือกจนความแมนที่ฝืนเก๊กไว้กระเจิง

“แกพูดแบบนี้เป็นล้านครั้งแล้วไอ้อิง ก็เห็นโผล่มาหัวปีท้ายปี”

“นั่นมันทำตามหน้าที่ย่ะ แต่นี่มันใจรัก ห้ามกันได้ซะที่ไหน จริงมั้ยครับคุณประวิช” อิงเก็กแมนอีกครั้ง และโยนหินถามทางมาให้ประวิช

ไผ่ที่คุยกับเอ็มเรื่อยๆรออาหารขึ้นโต๊ะชะงัก หันมองไอ้คุณอิงควันออกหูทันที...ไอ้อิง! ของเพื่อนของฝูงก็ไม่เว้นเลยนะแก

คนตัวใหญ่ที่ดูจะอึ้งไปชั่วครู่กำลังลำดับเรื่องและภาพมัวๆในสมอง และกระจ่างชัดในที่สุด

ไอ้พวกนี้มันเกย์มันกระเทยทั้งนั้นเลยนี่หว่า! ไผ่...ไอ้ไผ่ และสุดท้ายประวิชก็หันขวับไปมองคนรักเต็มๆตาอีกครั้ง เพื่อยืนยันความเข้าใจของตัวเอง และไผ่ก็ยิ้มฝืดเฝื่อนเป็นการตอบรับเงียบๆ

“ทำเป็นงงไปได้คุณประวิช พวกเดียวกันแท้ๆ” อิงหัวเราะท่าทางมึนๆของอีกฝ่าย

เพราะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ประวิชจึงตอบรับเหมือนคนละเมอ แต่ในหัวกลับเหมือนถูกระเบิดตูมใหญ่

พวกเดียวกันแท้ๆ พวกเดียวกันแท้ๆ พวกเดียวกันแท้ๆ ประวิชคิดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา และรู้สึกหนาวสะท้านตั้งแต่ปลายเท้าไล่มาถึงในอก

นี่เขาเป็นเกย์เป็นกระเทยไปแล้วเหรอ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยนึกถึงหรือรู้สึกผิดแผกรุนแรงขนาดนี้เลย เพราะอยู่ด้วยกันกับไผ่แค่สองคน ไม่เคยคบค้าสมาคมกับกลุ่มที่รักเพศเดียวกันมาก่อน จึงคิดมาตลอดว่าคนกลุ่มนี้แตกต่างกับเขา แต่ตอนนี้คนตรงหน้ากลับบอกว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน!

ประวิชเพ่งมองอิงอีกครั้ง แล้วไอ้นี่มันเป็นเกย์หรือกระเทย แต่มันน่าจะค่อนไปทางกระเทยนะ สรุปไว้ในใจแล้วให้รู้สึกเหมือนถูกระเบิดอีกรอบ

เขาไม่อยากเป็นกระเทยนะ! ประวิชที่กลัวว่าจะถูกจัดประเภทให้อยู่ในกลุ่มกระเทยทำหน้าเครียด

อิงมองร่างสูงให้รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเพิ่งจะหลุดออกไปอีกโลกที่ตัวไม่รู้จักพลางอมยิ้ม ทำหน้าน่ากินซะไม่มี นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักของเพื่อนพ่อฟาดไปแล้ว แต่หยอกหน่อยคงไม่เป็นไร ให้ไอ้ไผ่มันหึงเล่น หวงดีนัก

“หรือเจ้าไผ่มันไม่ยอมให้คุณมีกิ๊กกันบ้างเลยเหรอครับ แหมน่าเบื่อแย่” อิงฉีกยิ้มกว้างพลางหันไปยักคิ้วกับเพื่อนรักตัวเล็กที่มองตาเขียวตาแดงอยู่

“บอกนะครับถ้าอยากหนีมันไปเที่ยว จะพาโต้รุ่งเลย”

เห็นไผ่หันซ้ายหันขวาแต่ไม่มีอะไรเหมาะๆมือให้ขว้างปาใส่หัวตัวเองได้ อิงจึงหัวเราะขบขัน ในขณะที่ประวิชอึ้งหนักกว่าเดิม

ไม่...ไม่เอา เขารักไผ่... เขารักไผ่คนเดียว แล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องไปมีกิ๊กด้วยล่ะ ไปนอนกอดกับผู้ชายถึกๆเหมือนกัน ให้เขาไปนอนกะไอ้ตูบซะยังจะดีกว่า

แต่ไผ่มันก็ผู้ชายนะ จิตสำนึกของร่างสูงร้องประท้วง...ไม่ๆ ไผ่ของเขาตัวไม่เหม็น ผมก็หอม ผิวก็ลื่นมือ ยิ้มก็สวย ไม่เหมือนพวกนั้น หรือพวกที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไผ่ของเขาไม่เหมือนใคร ถ้าจะมีอะไรที่ต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเขาขอมีกับไผ่คนเดียวนี่ละ คนอื่นไม่เอา!

ประวิชคิดสรุปในใจ จะเรียกอะไรก็ช่างหัว แต่อย่ามาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเขาเชียว ไม่งั้นพ่อเตะไม่เลี้ยงเลย แล้วจึงเหลือบมองคนรักนั่งหน้าเขียว

ไม่บอกกันเลย ไผ่อ่านแววตาของร่างสูงแล้วต้องยิ้มแห้งๆอีกครั้ง ขอโทษนะวิช มันลืมจริงๆ

เห็นหน้าคนรักเจื่อนไป ประวิชจึงได้แต่ถอนหายใจยาว อยู่กับหมอนี่เขามีเรื่องให้ต้องบริหารหัวใจอยู่เรื่อยจริงๆ เมื่อสงบความคิดฟุ้งซ่านได้ร่างสูงจึงนึกค่อนขอดคนตัวเล็กในใจต่อ

เลือกเพื่อนที่มันแปร๋นหลอดน้อยกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง พวกนี้กลับเมื่อไรต้องคุยกันหน่อยแล้ว ร่างสูงคิด ไม่ใช่จะห้ามคบแต่เขากลัวว่าจะพาไผ่ของเขาไปนอกลู่นอกทาง เขาหวง!

“ขอบคุณครับ” รวบรวมสติสตังได้ประวิชก็เอ่ยขอบคุณไปตามมารยาทหากไม่ต่อความยาวสาวความยืด ตัดบทไปชี้ชวนดูเมนูอาหาร

เมื่อพนักงานนำอาหารมาวางจนเต็มโต๊ะ ทุกคนก็ดูจะเพ็งสมาธิไปที่จุดๆเดียว ความประณีตและกลิ่นหอมๆของอาหารทะเลสดใหม่ทำให้ทุกคนสงบปากสงบคำเตรียมตัวลิ้มรสชาติจนเสียงคุยเฮฮาค่อยเงียบลง

ประวิชมีสีหน้าพึงใจเมื่อเห็นแขกทุกคนพอใจกับอาหารที่เตรียมไว้ต้อนรับ หลายคนชวนเขาคุยอย่างออกรสออกชาติจนเริ่มคลายอาการเกร็งที่ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวกับคนกลุ่มนี้ยังไง และพอได้สัมผัสก็ไม่เห็นจะแตกต่างกับเขาตรงไหน นอกเสียจากคุณอิงที่ดูสาวแตกโอเวอร์ จนเดชาเข้ามากระซิบบอก เจ้านี่มันเก็บกดจากในบ้านต้องมาระบายออกข้างนอก เขาถึงได้พยายามเข้าใจในพฤติกรรมของอีกฝ่าย

“อย่าถือสามันเลยครับ มันหยอกคุณเล่นเฉยๆ” เดชาสำทับในขณะที่ประวิชยิ้มรับ และเริ่มมองไปทางคนรักที่คุยอยู่เงียบๆกับเอ็ม ชายหนุ่มที่เขาคุ้นหน้าเหลือเกิน

ดูเหมือนจะรู้จักกันมานานแล้ว ประวิชใช้สมองทบทวนความจำบางอย่างที่เขานึกไม่ออก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาทำให้ไผ่เสียใจไว้มาก และไผ่เองก็ไม่ได้ปรึกษาอะไรกับทางนทและวี ถ้างั้นเวลามีปัญหาไผ่ก็น่าจะไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้ที่สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกได้ เพราะฉะนั้นก็น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขาพอสมควร ดวงตาสีเข้มสว่างวาบก่อนจะเอียงศีรษะคุยกับเดชาเบาๆ

“เมื่อก่อนรบกวนพวกคุณไว้มาก ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

“หือ...อ๋อ ไม่เป็นไร คนเรากว่าจะรู้ใจตัวเองก็แบบนี้ละ แต่เรื่องวันนั้นก็ทำให้พวกผมกับไผ่ต้องคุยกันยาวเหมือนกัน เห็นแบบนี้คุณประวิชใจร้อนใช่เล่นเลยนะครับ ถ้าวันนั้นไผ่ไม่ห้ามไว้คุณอาจจะไปนอนโรงพยาบาลแล้วก็ได้”

“เรื่องวันนั้น?...คุณก็อยู่ด้วยเหรอครับ” ประวิชคิดถึงวันที่มีเรื่องในผับ เพราะเป็นครั้งเดียวที่เขามีเรื่องกับเพื่อนของไผ่ จึงไม่ยากที่จะจำได้

“ครับ ก็อยู่กันเกือบหมดนั้นล่ะ โดยเฉพาะเจ้านั่น” เดชาพยักเพยิดหน้าไปทางเอ็ม

“ไผ่มันรักคุณ เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับเอ็มมันเลย ไม่มีอะไรหรอก เอ็มมันเป็นห่วงไผ่ ก็เข้าใจมันหน่อยนะคุณ” เดชาที่โดนลักไก่ถามตอบอย่างไกล่เกลี่ย

คำพูดของเดชาสะกิดใจประวิช วันนั้นเขาเห็นไผ่กอดจูบกับผู้ชายจนหน้ามืดเกือบมีเรื่องชกต่อยกับผู้ชายคนนั้น งั้นไอ้ผู้ชายคนนั้นก็...เจ้าเอ็มคนนี้น่ะสิ!

ถึงว่า...สายตาที่มองเขาถึงไม่มีความเป็นมิตรอยู่เลย ริมฝีปากได้รูปขบเม้นเป็นเส้นตรงพลางหรี่ตามองคนทั้งคู่ ตอนไม่รู้ก็ไม่ค่อยจะถูกชะตากันอยู่แล้ว ยิ่งพอรู้ว่าคิดยังไงกับไผ่ยิ่งรู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ดูท่าคงจะเป็นความรู้สึกที่ลืมกันไม่ลงเลยทีเดียว โดยเฉพาะเจ้าหน้าหล่อนั่นมองตาไม่กระพริบเลย

ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ฮึไผ่ บอกเขาสักนิดมันลำบากนักรึไง หรือตั้งใจจะแกล้งกัน ถึงได้เอาคนอื่นมาทำให้เขากังวล เขาไม่เล่นด้วยนะ!

สีหน้าสีตาที่พยายามปิดบังความรู้สึกไม่พอใจไว้เงียบๆ ทำให้ไผ่ต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้คอแห้ง ไม่ผิดแน่ เขาเห็นประวิชคุยเบาๆกับเดชาและมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่เขาเข้าใจดีเป็นที่สุด ประวิชจำเอ็มได้!

ไม่น่าเลย...ร่างเล็กรำพึงในใจ เขาประมาทความจำและความรู้สึกของอีกฝ่ายเกินไป ถึงประวิชจะใจดีไม่ว่าเขาจะทำพิเรนอะไรไว้ก็ตามที หากมันมีขอบเขต และขอบเขตที่ว่านั่นคือการไม่ดึงหรือมีคนที่สามมาเกี่ยวข้อง

แม้วันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็นแล้ว แต่สายตาสุดจะหยั่งถึงเมื่อครู่ก็ทำเอาเขาใจแป้ว

ประวิชคิดอะไรอยู่...

หลังจากจัดการกับอาหารบนโต๊ะจนเรียบ บรรดาชายหนุ่มจึงนั่งพักพุงกางๆด้วยการนั่งชมวิวทิวทัศน์ บนชายหาดขาวๆกับแก้มก้นแน่นๆกล้ามท้องฟิตๆของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ใส่กางเกงว่ายน้ำเดินลงทะเลกันขวักไขว่

“วิวตรงนี้ดีจริง แกว่ามั้ย” อิงหันไปพูดกับเดชาด้วยอาการตาเยิ้ม

“อะไรดีกันแน่วะไอ้อิง วิวหรือไอ้ฝรั่งใส่บิกินี่เป้าตุงตรงโน้น” เดชาย้อนพลางพยักหน้าไปทางคนที่ถูกพาดพิง จนไอ้คุณอิงค้อนขวับเข้าให้

“ก็ทั้งสองอย่างนั้นละ” ชายหนุ่มหันไปมองวิวตรงหน้าอีกครั้ง

“น่าค้างเนอะ แกว่ามั้ยไอ้คุณเดชา”

“อืม แต่อย่าเลย ไว้คราวหน้าเหอะวะ คราวนี้ไปที่อื่นกันหลายวันแล้ว เดี๋ยวเมียแกมาแหกอกฉัน”

“แกก็...ค้างเหอะ เมียไว้ทีหลัง” ไอ้คุณอิงหรี่ตาพลางเลียปากเหมือนเห็นขนมอยู่ตรงหน้า

“แต่เราไม่ได้บอกไอ้ไผ่ไว้ก่อนนา...เกรงใจคุณประวิชเขาด้วย” ความตั้งใจเริ่มสั่นคลอนน้อยๆเมื่อเห็นเพื่อนเตรียมจะกินของหวาน ตัวเองก็อดน้ำลายสอขึ้นมาไม่ได้

“เกรงใจอะไรกันครับ” ประวิชได้ยินประโยคท้ายเอ่ยถามยิ้มๆขณะยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุยกันเล่นๆไปเรื่อย” เดชาเอ่ยตอบหากแต่ไอ้คุณอิงกลับเสนอหน้าปากยาวพูดต่อ

“คุยกันเรื่องถ้าจะค้างซักคืนนี่คุณประวิชพอจะหาห้องให้ได้มั้ยครับ” อิงรีบพูดก่อนจะถูกเดชาผลักศีรษะปราม

“อ๋อ ได้สิครับ อาจจะไม่มีห้องว่าง แต่ถ้าเป็นบ้านน่าจะยังมีว่างอยู่ครับ” ประวิชยิ้มรับ

“อิง!ไม่เอาน่า คนอื่นเขาไม่อยากอยู่ต่อเหมือนแกหรอก”

“แกยังไม่ทันถามคนอื่นเลย” เจอไอ้คุณอิงย้อนกลับทำให้เดชาต้องหันไปมองเพื่อนที่เหลือเชิงถาม ซึ่งคำตอบกลับมาทำให้เดชายิ้มอย่างมีชัยชนะ ด้วยหลายคนต้องกลับไปทำงาน ทำให้คุณอิงหน้างอสะบัดหน้าพรืด แต่แล้วหันมายิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อ...

“ฉันอยู่เป็นเพื่อนเอามั้ย” เอ็มเอ่ยขึ้น หากประวิชที่นั่งมองการถกเถียงอยู่ใจกระตุกทันที ก่อนจะลอบมองสีหน้าคนพูด ตาเป็นประกายซะเหลือเกิน ในขณะที่ไผ่นั่งหน้าซีดลงเรื่อยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2009 23:10:03 โดย jeab_u »

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
เดชาที่เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากลรีบเอ่ยตัดบทก่อนที่ไอ้คุณอิงจะตอบตกลง

“ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนมันหรอกเอ็ม กลับพร้อมหมดกันนี่ล่ะ จะได้ไม่ถูกเมียมันตามมาฉีกอกทีละคนไง” เดชาเอ่ยติดตลกตอนท้ายด้วยหวังให้บรรยากาศไม่อึมครึมไปกว่าเดิม ในขณะที่ตัวต้นเหตุยังทำหน้าระริกระรี้อยากอยู่ จนเดชาต้องยกเท้าเหยียบตีนมันไว้แน่น แบบเจ็บจี๊ดไปถึงสมองทันที

“ทำอะไรของแกวะไอ้เดชา เอาตีนแกออกไปเลยนะ” อิงกระซิบกระซาบ

“เงียบไปเลยไอ้อิง” เดชากระซิบเสียงแข็งก่อนจะลากตัวต้นเหตุไปชมวิวอีกด้านเป็นการตัดบท และสรุปว่าทุกคนต้องกลับพร้อมกันหมด

หากประวิชกลับหันไปมองหน้าเอ็มและเลยผ่านไปยังคนรักชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่ม

“ยังอยากจะค้างอยู่อีกมั้ยครับ จะได้จัดที่พักให้”

ไผ่ใจกระตุกเมื่อประวิชเอ่ยชวนเชิงประชด ดวงตาสีเข้มไร้แววขุ่นมัว แต่เขากลับรู้สึกถึงคลื่นความไม่พอใจอยู่เงียบๆ และคำเชื้อเชิญนั้นก็เหมือนเป็นการท้าทายอยู่ในที ซึ่งเพื่อนหนุ่มของเขาก็รู้สึกได้ถึงได้ยกยิ้มมุมปากชอบกล

ให้ตายเถอะ! คนตัวเล็กคิดอย่างละเหี่ยใจ เพราะถึงไม่รู้วันนี้ วันหน้าก็ต้องรู้อยู่ดีเพียงแต่เสียตรงที่เขาไม่ได้เป็นคนบอก และนั่นทำให้เขาไม่รู้ว่าประวิชคิดอะไรอยู่ ขณะที่ยังอึดอัดใจกับคำตอบของเอ็ม ณรงค์ก็ช่วยเข้ามากู้สถานการณ์ได้ทันควัน

“อย่าอยู่คนเดียวเลยเอ็ม ไม่สนุกหรอก ไว้วันหลังค่อยมากันใหม่ เชื่อฉันเถอะ” ประโยคหลังเหมือนเป็นการเตือนเพื่อนหนุ่มในที ทำให้เอ็มถอนหายใจยาวก่อนจะพยักหน้าตกลง ซึ่งก็ทำให้ไผ่ต้องลอบระบายลมหายใจยาวออกมาเช่นกัน

ประวิชที่พลั้งปากเอ่ยชวนด้วยฉุนโกรธชั่ววูบกลับรู้สึกโล่งอกในทันที ใครจะอยากให้มารหัวใจมาอยู่ใกล้ๆคนรักของตัวเองกันละ ถึงจะเป็นอดีตไปแล้วก็เถอะนะ

แสงสีทองเริ่มลดความร้อนแรงจนรู้สึกได้ถึงไอเย็นปะทะผิวกาย หนุ่มๆจึงได้ถือโอกาสล่ำลาเดินทางกลับกรุงเทพ แต่ก่อนจะขึ้นรถหนุ่มเอ็มกลับหันมาเอ่ยลากับไผ่เป็นการส่วนตัวอีกครั้ง ให้ประวิชได้ขมวดคิ้วเขม่น

“มีอะไรโทรหาเรานะ เราจะมาทันทีไม่ต้องเกรงใจ” ประโยคนี้ชายหนุ่มหันไปมองประวิชเป็นนัยบางอย่าง ก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าขาวนวลทำหน้าลำบากใจอีกครั้ง

“เอ็ม...ขอบคุณมาก แต่ตอนนี้เรามีความสุขดี” ไผ่เดินเคียงเข้าไปส่งเพื่อนขึ้นรถ ซึ่งทำให้เอ็มถือโอกาสกอดไหล่เล็กเขย่า จากนั้นจึงก้าวขึ้นรถและจากไปพร้อมกับปัญหาให้ไผ่ต้องสะสาง

รถยนต์ไปไกลจนลับตาไผ่ถึงได้หันไปมองหน้าคร้ามแดดของคนรัก และถึงอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมองแต่ความรู้สึกบางอย่างทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถหันกลับไปสบสายตาได้ ก่อนจะออกเดินไปเงียบๆ ทิ้งให้ไผ่มองตามด้วยความรู้สึกหดหู่ในใจ

ได้เรื่องอีกจนได้...ไผ่ลูบต้นคอตัวเองแรงๆแล้วทรุดนั่งลงยองๆ ก้มหน้ามองพื้นพลางถอนหายใจยาวเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับคิดหาวิธีปรับความเข้าใจกับอีกฝ่าย แต่เงียบกริบแบบนั้นเขาก็เดาใจไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเข้าหายังไงดี

“เฮ้อ”

..................................

ผ่านไปสองวันไผ่ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ดังใจคิด ด้วยประวิชยังพูดคุยกับเขาเป็นปกติ ผิดแต่ความรู้สึกของเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามันเปลี่ยนไป แปลกไป แม้จะพูดคุยกัน แต่ก็เป็นเรื่องทั่วไป จนเขาเป็นฝ่ายอึดอัดใจที่จะเริ่มต้น

“กลับพร้อมกันนะ” เสียงประวิชกรอกใส่โทรศัพท์หาไผ่เป็นปกติเมื่อถึงเวลาเลิกงาน

“อืม กินอะไรดีเย็นนี้” คำพูดเดิมถูกถามออกไปเช่นวันที่ผ่านมา ทำให้ไผ่รู้สึกสังเวชตัวเองขึ้นมาตงิดๆ จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย...

เพราะความเฉยชาคืออาวุธที่ร้ายที่สุดของคนสองคน

ชายหนุ่มทั้งสองเดินกลับบ้านพร้อมกัน ผิดแต่การพูดเล่นพูดหัวมันหายไปกับเสียงคลื่นที่พัดสาดเข้าหาฝั่งเป็นระลอกๆ

คนตัวเล็กที่หมดฤทธิ์ไปเยอะเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มหลังจากทานข้าวอาบน้ำเสร็จ และแน่นอนว่าประวิชยังคงนอนอยู่ข้างนอกห้องนี้ ทั้งๆที่เขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้เลยแท้ๆ ศีรษะทุยพลิกไปมองประตูที่ขวางกั้นพวกเขาไว้...จะทำยังไงดี ขืนเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเขาต้องอกแตกตายแน่ๆ

ปกติออกจะใจดีแท้ๆ ไผ่มองประตูตาขวาง

ริมฝีปากเล็กเม้นเข้าหากันแน่น การทะเลาะกันไม่ใช่เรื่องแปลกหรือใหญ่โตเกินจะแก้ แต่การไม่เริ่มอะไรเลย หรือทิฐิต่างหากจะทำให้เกิดปัญหา

ประวิชชะงักและผละสายตาจากโทรทัศน์ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูหลังจากอีกฝ่ายเข้านอนแล้ว ร่างสูงผงกศีรษะขึ้นมองร่างโปร่งเดินตรงเข้ามาทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่เขาใช้นอนเป็นประจำหลังจากถูกอับเปหิมาครั้งก่อน สายตาสงสัยกวาดมองคนรักที่ยังคงนั่งเฉยๆไม่พูดไม่จาเอาแต่จ้องหน้า หากร่างสูงเข้าใจปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนี้ดี ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่กลับเสียใจที่เป็นคนทำให้บรรยากาศอึมครึมนี้เกิดขึ้น

แต่เขาก็คนนะ!ไม่ใช่อิฐใช่ปูน ถึงได้พาลอย่างทุกวันนี้ไง ก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่ก็อดเคืองไม่ได้

เขาติดใจเรื่องผู้ชายคนนั้น ถึงจะเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่าย ถ้าหากเพียงจะไม่รู้ไม่เห็นมันอีก ก็คงจะผ่านไปง่ายๆ แต่พอมาเห็นอีกฝ่ายยังคงอาลัยอาวรณ์คนรักของตัวเองอยู่ก็ให้รู้สึกหงุดหงิด และยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาไม่แน่ใจว่าไผ่ต้องการให้เขาเห็นเพื่อจะแกล้งให้เขาคลั่งเล่นรึยังไง หรือการจงใจปล่อยให้เขานอนคอยอยู่ข้างนอกคนเดียวมันยังไม่พอใจ สาแก่ใจที่ทำให้ต้องทุกข์ทรมาน ถึงต้องทำกับเขาแบบนี้

การมีคนอื่นเข้ามาแทรกทำให้เขาปวดหนึบที่หัวใจ และถ้าไผ่ต้องการจะให้เขาเจ็บเสียบ้าง อีกฝ่ายก็ทำถูกต้องแล้ว เพราะเขาเจ็บยิ่งกว่าเจ็บ เจ็บจนพูดไม่ออก

ร่างโปร่งทอดกายเข้าสวมกอดร่างหนาไว้แน่นจนคิ้วเข้มขมวดถาม หากอีกฝ่ายยังไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา ประวิชจึงโอบกอดตอบ และเอ่ยถามในที่สุด

“เป็นอะไร” น้ำเสียงอาทรยังคงเอ่ยเนิบนาบ มือใหญ่ลูบเส้นผมนิ่มไปมา เพราะถึงจะเคืองโกรธแต่ความรักใคร่ที่เขามีต่อคนๆนี้ไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่เวลาโกรธเขาอยากอยู่เงียบๆด้วยกลัวจะระเบิดอารมณ์ให้ต้องเสียใจกันไปใหญ่

“ฉันอยากนอนด้วย” คำพูดง่ายๆแต่สื่อความหมายมากมาย จนอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงความกังวล ประหม่า หวาดหวั่น แล้วสะท้อนเข้ามาในอกให้เจ็บปลาบแปลบไปด้วย

“แต่มันแคบนะ” ประวิชที่ยังกลัวใจตัวเองลังเลหากต้องอยู่ใกล้ๆ

“ไม่เป็นไร ฉันอยากกอดนายไว้แบบนี้...นะ”

“แต่เดี๋ยวฉันคิดอยากกอดนายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ” ประวิชยกเรื่องวันก่อนขึ้นมาขู่

“ก็กอดสิ” เสียงตอบไม่ยี่หระทำให้ประวิชถอนหายใจหนักอก

“ไผ่”

“...” คนตัวเล็กแสร้งนิ่งเงียบจนอีกฝ่ายถอดใจเลิกคิดจะไล่กลับห้อง และกอดกระชับอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม ด้วยเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน อยากกอดร่างเล็กนี้ไว้เงียบๆไม่ต้องคิดอะไรให้หนัก และปล่อยใจที่ร้อนรนค่อยๆสงบลงทีละนิดจนจางหายไป นั้นละดีที่สุด

หากในความเงียบงัน ไผ่ก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“ฉันรักนายนะวิช”

คำย้ำบอกรักเบาๆทำให้ประวิชอุ่นวาบขึ้นในอก ความรู้สึกนี้...กว่าจะได้มา กว่าจะมีวันนี้ มันต้องผ่านอะไรมา? อาการแสบร้อนโพรงจมูกกรุ่นร้อนขึ้นมาทันที

เขาคิดหาเหตุผล หาคำพูด เพื่อจะคุยกับอีกฝ่าย คิดจนหัวแทบแตกเขาก็คิดไม่ตก ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะพูดยังไงให้เรื่องไม่บานปลาย และกระทบกระเทือนใจให้น้อยที่สุด ทั้งเขาและไผ่

แต่คำว่ารัก สั้นๆ คำเดียวกลับหยุดความสับสนวุ่นวายใจทุกอย่างได้ราวปลิดทิ้ง เขาหายใจโล่งขึ้น จนรู้สึกว่าแม้จะเกิดปัญหามากมายกว่านี้เขาก็รับได้ เพราะเขาอยู่อย่างคนรักกัน ไม่ใช่คนเกลียดกัน ที่จ้องแต่จะทำร้ายความรู้สึกกันซะหน่อย

ได้ยินมั้ยล่ะ เขารักแก จะวันนี้หรือเมื่อก่อน หรือแม้จะในอนาคต เขาก็จะรักแก เพราะฉะนั้นลืมไปได้เลยว่าคนที่แกรัก เขาจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อแกเล่นให้เจ็บปวด

ร่างสูงผ่อนลมหายใจก่อนจะจรดจมูกลงบนกระหม่อมเล็กซ้ำๆ เขามันหน้ามืดตามัวจนทำร้ายความรู้สึกคนที่เขารักอีกแล้ว

มือใหญ่ประคองหน้านวลขึ้นสบตา

“ฉันก็รัก...รักนายมากนะไผ่”

ไผ่ยิ้มในดวงตาเมื่อรู้สึกถึงการตอบรับของอีกฝ่าย ดีแล้วที่ตัดสินใจออกมา และถึงถูกไล่กลับตั้งแต่ทีแรก เขาก็ตั้งใจจะนอนกอดอยู่อย่างนี้ให้หายโกรธ หรือตายกันไปข้างหนึ่งเลย ก็เขาไม่รู้จะทำยังไงแล้วนี่ ก็อาศัยลูกดื้อให้เป็นประโยชน์คราวนี้ละ

“เรื่องวันก่อน...ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน แต่เอ็ม...” ไผ่เล่าค้างด้วยมือใหญ่ยกขึ้นปิดปาก

“ชูว์...ฉันรู้ๆไผ่” ประวิชผงกศีรษะมองไผ่ที่ผละใบหน้าออกห่างจากแผ่นอกจ้องมอง ทำให้ร่างสูงต้องเค้นยิ้มแห้งๆให้

“ฉันมันงี่เง่าเองล่ะ ...” ร่างสูงเงียบไปชั่วอึดใจ

“ฉันพาลน่ะ แล้วก็วูบหนึ่งฉันคิดว่านายกำลังเอาแฟนเก่ามาแกล้งฉัน ฉันเลยรู้สึกไม่ค่อยดี”

“วิช...” ไผ่ครางแผ่วๆ

“มันบังเอิญน่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ เพื่อนฉันตั้งใจจะมาเยี่ยมจริงๆ” ดวงตาคู่สวยจ้องมองลึกลงในดวงตาสีเข้ม

“แล้วก็...ฉันเคยทำไม่ดีกับเอ็มไว้ ฉันใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของเขาตอนฉันเสียใจ อยากมีคนเข้าใจ ปลอบใจ ถึงหันไปหาเขา แต่มันก็แค่นั้น ฉันไม่เคยคบกับเขา”

ยิ่งรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากความงี่เง่าของตัวเอง ร่างสูงก็ยิ่งเพิ่มแรงกอดรัดร่างเล็กแน่นขึ้นไปอีก

“ฉันขอโทษ”

ไผ่ยิ้มในตาแม้จะเริ่มรู้สึกเจ็บกับแรงโอบกอดของท่อนแขนกำยำ หากแต่ว่าอ้างว้างหนาวเย็นที่เกาะกินใจมาหลายวันกลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นที่พร้อมจะสอดประสานไปกับหัวใจของอีกคน

ประวิชผ่อนลมหายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วจึงค่อยๆคลายวงแขนเมื่อรู้สึกถึงอาการเกร็งของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มให้คนหน้านวลแต่จมูกแดงก่ำเหมือนคนกลั้นสะอื้นไว้เป็นนานสองนาน

อย่ามีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันบ่อยๆเลยนะ เขาจะอกแตกตายวันละหลายๆรอบ ประวิชกดจมูกลงบนเส้นผมนุ่มอีกครั้งอย่างรักใคร่

“อึดอัดรึเปล่า เข้าไปนอนในห้องดีกว่ามั้ย” เมื่อทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทาง ร่างสูงจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ด้วยโซฟาตัวยาวแม้จะใหญ่แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้คนสองคนนอนได้สบายตัว

“ไม่...ฉันจะนอนกับนาย” เมฆหมองจากหาย คนตัวเล็กก็เริ่มสำแดงฤทธิ์เดชให้ประวิชปวดเศียรเวียนเกล้าอีกรอบ

“ทีวันก่อนยังไล่ฉันโครมๆ” เสียงติดน้อยใจบ่นพึมพำจนคนได้ยินอมยิ้ม

“ก็นายชักช้านี่” ร่างสูงขึงตาใส่ทันทีเมื่อเห็นแววพิเรนในดวงตาคู่ซุกซน

“แล้ว...” ไผ่เอ่ยเนิบๆขณะไล้ปลายนิ้วเขี่ยสาบเสื้อให้เปิดออกช้าๆ

“วันนี้นายพร้อมรึยัง” ร่างเล็กวกเข้าเรื่องเมื่อโอกาสเปิดช่องให้เขาสานงานต่อ มีหรือที่เขาจะไม่รีบคว้าไว้

ฟันขาวขบริมฝีปากล่างพลางช้อนตาขึ้นมองคำตอบในดวงตาสีเข้มเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่ลงอย่างใช้ความคิด แล้วส่ายหน้าช้าๆปฏิเสธคนถาม

“อา...” ริมฝีปากอิ่มครางในลำคอเหมือนรู้ทัน จะเอาคืนเหรอ? เร็วไปร้อยปีถ้าคิดจะใช้ไม้นี้กับเขาน่ะ ลิ้นเล็กไล้เลียมุมปากอย่างคนหมายมั่นปั้นมือให้คนตัวใหญ่ขนลุกเกรียว เพราะ...

“งั้นฉันจะทำให้พร้อมเอง!” ไม่พูดพล่ามทำเพลงมือเล็กก็สอดเลื้อยเข้าไปเกาะกุมส่วนกลางลำตัวรวดเร็วจนประวิชตะปบคว้าไว้ไม่ทัน

“ไผ่!” ร่างสูงสะดุ้งหน้าเสียด้วยยังไม่ทันตั้งตัว และสะท้านไปกับแววตาวูบวาบที่จ้องมองมาราวกับกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้า

วันนี้อย่าคิดว่าจะพ้น! ประวิชรู้สึกหนาววาบไปทั้งตัว จนหลงลืมไปว่าเมื่อสองสามวันก่อนตัวเองอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่เพราะถูกจู่โจมกะทันหันทำให้ความตั้งใจเดิมหายเกลี้ยง!

ริมฝีปากคู่อิ่มก้มลงไล้เลียขอบปากหยักโค้ง ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปในซอกอุ่น กระหวัดพันเกี่ยวลิ้นร้อน เก็บเกี่ยวความหวานฉ่ำทุกตารางนิ้ว นิ้วมือเล็กว่องไวกระตุกดึงกางเกงผ้าฝ้ายลงจนเห็นแกนกายนิ่งสงบ คนฤทธิ์มากขบริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง แล้วจึงออกแรงกดจนรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกของอีกฝ่าย

จะเปรี้ยวเกินไปแล้ว!

เสียงหอบหายใจของร่างสูงทำให้ไผ่เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าประหม่าของคนรัก และบรรจงขยับมือนวดคลึงส่วนปลายจนรู้สึกได้ถึงแรงดึงทึ้งแขนเสื้อจากมือใหญ่กร้าน ต้นขาแกร่งแยกกว้างเมื่ออารมณ์ค่อยๆพุ่งสูงจนไม่สามารถข่มกลั้นได้อีกต่อไป

“ไผ่...หยุด” เสียงครางห้ามดังผะแผ่ว แต่ไม่อาจสลัดหลุดไปจากความอบอุ่นที่โอบล้อมร่างกายไว้ แรงปรารถนาที่เกินจะต้านทานทำให้ประวิชได้แต่เกร็งตัวแข็ง ขณะร่างเล็กค่อยๆร่นกายลงสู่หน้าท้องราบพร้อมกับลูบไล้ผิวเนื้อแน่นตึงและกดจูบไปตามแนวกล้ามท้อง แลบลิ้นเล็กสีสดแตะลงส่วนกลางลำตัวที่ขยายใหญ่จนริมฝีปากเล็กไม่สามารถครอบครองไว้ได้ในคราวเดียว

มือใหญ่กระชากไหล่เล็กออกห่างทันทีเมื่อรู้สึกถึงความชื้นแฉะแตะลงบริเวณกายเนื้อรุ่มร้อนแข็งตึงจนรู้สึกเจ็บ พร้อมกับหอบหายใจถี่

สำนึกในใจบอกให้เขาหยุดการกระทำทั้งหมดของคนตรงหน้า ไม่ใช่ไม่พอใจ หรือรู้สึกไม่ดี หากในทางกลับกัน เขารู้สึกดีจนปั่นป่วนไปทั้งช่องท้องหากไม่ได้ระบายออกในตอนนี้ เวลานี้ เขาคงคลั่งตาย

แต่ทั้งหมดนี้เขาจะเป็นฝ่ายมอบให้คนรัก ไม่ใช่นอนยังคนถูกปั่นหัว

เสียเชิงหมด!

สายตาไม่เข้าใจแกมร้อนใจของอีกฝ่ายที่แฝงเร้นอยู่ในแววตา ทำให้ดวงตาสีเข้มเป็นประกาย

เพราะเขาจะเป็นคนคุมเกมนี้เอง! ไอ้ที่ยั่วเอาไว้มากๆนั่นน่ะ เขาจะทบต้นทบดอกก็คราวนี้ล่ะ

“ทำไม...ยังไม่พร้อมเหรอ” คนตัวเล็กที่ตั้งใจปลุกอารมณ์คนรักใจฝ่อทั้งที่มั่นใจในทฤษฎีเต็มที่ กลับถูกผลักออก หากแต่ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มแปลกตา

“ใครบอก...” ประวิชดึงรั้งร่างเล็กเข้ามาใกล้

“ตอนนี้ฉันพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีก” น้ำเสียงเนิบนาบหากแน่นหนักสั่นสะท้านเข้าไปในหัวใจดวงเล็ก จนดวงตาคู่สายตวัดมองอย่างฉงน อะไรทำให้คนจอมโวยวายหลบเลี่ยงกลับมาพูดหมายมั่นปั้นมือซะขนาดนี้ได้

และก่อนจะได้คิดหาเหตุผล ร่างทั้งร่างก็ถูกพลิกกลับไปนอนใต้ร่างกำยำรวดเร็ว

“อะ!” หลุดเสียงสะดุ้งตกใจเมื่อมือสากปลดกระดุมเสื้อแล้วลงมือลูบไล้ไปตามแนวชายโครง ระเรื่อยไปถึงช่วงเอวโค้งบางแล้วจึงสอดมือเข้าไปกอบกุมแก่นกายที่เริ่มแข็งชัน มือใหญ่ดึงกางเกงให้หลุดไปทางปลายเท้า แล้วจึงยกตัวขึ้นทาบทับท่ามกลางความตื่นใจของอีกฝ่าย เมื่อรู้สึกถึงแรงกดเน้นที่กลางลำตัว พลางขยับแยกต้นขาวให้สะโพกสอบได้สัดส่วนเข้าแทรกกลางได้ถนัดถนี่ ก่อนจะระบายลมหายใจยาวชิดติดปลายจมูกโด่งรั้นอย่างพอใจ

ลิ้นร้อนเข้าตวัดซอกซอนจนริมฝีปากบางต้องเปิดรับแรงดุนดันจับจองเป็นเจ้าของ

“อา...” ไผ่รู้สึกมึนงงกับความปรารถนาที่โหมกระหน่ำเข้ามาทั้งทางริมฝีปากและส่วนกลางลำตัวที่กำลังถูกแกนกายอีกฝ่ายบดเบียดจนแทบจะเป็นเนื้อเดียว

จุดตุ่มไตแข็งสีแดงเข้มกลางแผ่นอกขาวถูกลิ้นร้อนแนบนาบขบเม้นแรง มือใหญ่บีบคลึงยอดอกอีกข้าง ให้คนตัวเล็กสะท้านร้องครางเบาๆ ปลายนิ้วอมชมพูสอดขยุ้มบิดทึ้งเส้นผมหนา โคนขาหนีบกระชับสะโพกสอบราวกับจะเกาะเกี่ยวไม่ให้อีกฝ่ายผละจากไปง่ายๆ

ร่างกายขาวโพลนท่ามกลางแสงสลัววูบวาบของจอโทรทัศน์ กระจ่างชัดในความรู้สึกของร่างสูง เขารู้ ผิวเนื้อขาวๆนั้นนิ่มและหอมแค่ไหน หน้าอกแบนราบหากจุดสีแดงเข้มก็ยั่วเย้าให้ริมฝีปากเคลื่อนเข้าหาและลากไล้ไปตามหน้าท้องราบจนถึงกลุ่มขนอ่อนนุ่ม ศีรษะคนตัวใหญ่ชะงักเล็กน้อยจ้องมองส่วนกลางลำตัวที่ไม่ต่างอะไรไปจากตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2009 22:52:33 โดย jeab_u »

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
สัมผัสลูบไล้อย่างพินิจพิจารณาอยู่เงียบๆทำให้คนนอนหอบน้อยๆหรุบตามองคนอยู่กลางหว่างขา แล้วยกยิ้ม หนักเกินไปสำหรับครั้งแรกของนายรึเปล่าวิช คนตัวเล็กแต่ใจเกินร้อยไม่อยากให้อีกฝ่ายฝืนทำ จึงชันขาขึ้นพยายามขยับตัวออกห่าง หากถูกท่อนแขนแข็งแรงรั้งกลับคืนและก้มลงครอบครองส่วนกลางลำตัว ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียไปรอบๆก่อนจะส่งเข้าโพรงปากแล้วดูดกลืน

“วิช!...อา” เสียงน้ำเฉอะแฉะดังสะท้อนไปมาในโสตประสาท ส่งผลให้ใบหน้าขาวแดงก่ำ และข่มกลั้นเสียงครางไว้ในลำคอเรียวเล็ก กับเกลียวคลื่นที่ค่อยๆก่อตัวอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จสุขสมใจไปกับความสำเร็จที่เฝ้ารอคอยปรากฏชัดในรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้เห็น สองมือเล็กขยุมศีรษะทุยเกร็งแน่นเมื่อแรงดูดกลืนหนักหน่วงจนต้องยกสะโพกขึ้นสวนหาริมฝีปากที่ยังคงครอบครอง

เสียงครางหวิวพร้อมกับแรงหอบหายใจทำให้ประวิชเพิ่มน้ำหนักและขบย้ำส่วนปลายแผ่วเบาจนรู้สึกได้ถึงอาการเกร็งไปทั่วร่าง และหยาดน้ำอุ่นพุ่งเป็นสายเข้ามาในโพรงปาก กลิ่นคาวกำจายกรุ่น ประวิชปล่อยให้สายน้ำอุ่นไหลล้นทางมุมปากแล้วกลืนบางส่วนเล็กน้อยลงคอ จากนั้นจึงลุกขึ้นมองท่าทางอ่อนยวบของคนรัก ที่ไม่เหลือวี่แววอวดดี หรือคึกคะนองบนใบหน้า

มันต้องแบบนี้สิ!

ริมฝีปากอิ่มแวววาวเผยอระบายลมหายใจแรง จนคนมองนึกอยากขบกัดและสอดเข้าไปหาความอ่อนนุ่มอย่างคลั่งไคล้ ร่างสูงก้มตัวลงไปแนบประกบจูบเบาๆก่อนจะออกแรงดันลิ้นร้อนเข้าไปในช่องปากอีกฝ่าย และร่างเล็กก็ดูพยายามตอบรับทั้งๆที่อ่อนแรง

“หมดฤทธิ์ยังล่ะที่นี้” เสียงประซิบเบาชิดใบหูขาว ทำให้ไผ่ลืมตาปรือหรี่มองคนพูด ก็พบรอยยิ้มหยอกเย้าบนใบหน้าคนตัวโตที่ดูจะภูมิใจกับการกระทำครั้งนี้ซะเหลือเกิน

คิดว่าสยบเขาได้แล้วรึไงเจ้านี่! คนตัวเล็กระบายลมหายใจพรืด

“ของจริงยังไม่เริ่มซักหน่อย คนที่หมดฤทธิ์อาจจะเป็นนายก็ได้” รอยยิ้มท้าทายกระตุ้นให้ประวิชอยากกระแทกกระทั้นเข้าไปในตัวอีกฝ่ายให้หมดฤทธิ์ในทันทีทันใด

ทั้งๆที่คิดจะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เพราะตัวเขาเองไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อน เกรงว่าอีกฝ่ายจะเจ็บตัว ด้วยเขาเองก็ไม่ได้เตรียมพร้อมให้อีกฝ่ายเลย นอกจากถุงยางในกระเป๋า!

เจอท้ากันแบบนี้ก็ได้เรื่องสิ มันจะต่างอะไรไปจากผู้หญิงหนักหนาเชียว...

ไม่รั้งรอประวิชก็กดสะโพกลงบนแกนกายอีกฝ่ายแน่นและกระแทกเบาๆ พลางมองใบหน้าซับสีเลือดเบิกตาตกใจกับการกระทำไม่มีปีมีขลุ่ย

ทะ…ทะลึ่ง! ร่างเล็กครางในอก จะทำก็ทำสิ มาแกล้งหยอกมองสีหน้าเขาทำไมกัน! ยอมให้หน่อยชักเอาใหญ่นะเจ้ายักษ์นี่

รอยยิ้มมีชัยปรากฏชัดบนใบหน้าทำให้ไผ่ร้อนรน ก่อนจะควานมือและขยุ้มบั้นท้ายแน่นตึงของอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน ประวิชมองลิ้นเล็กขบริมฝีปากล่างก่อนจะแลบลิ้นเลียมุมปากอย่างท้าทายให้รู้สึกร้อนลุ่มส่วนกลางลำตัว ที่ขณะนี้ผงาดค้ำใหญ่โต

ธรรมชาตินำทางนิ้วมือแข็งไล่ลึกไปยังซอกกลางหว่างขา แยกเนินเนื้อนุ่มก่อนจะสัมผัสลงบนปากทาง กลีบเนื้อคับแน่นปิดสนิทให้ร่างสูงค่อยนวดคลึงอย่างระมัดระวัง

“ไหวมั้ย?” ประวิชมองใบหน้านิ่วเล็กน้อยอย่างใส่ใจ และข่มกลั้นอารมณ์ตัวเองไม่ให้ลุกพรึบจนอีกฝ่ายรับไม่ไหว

ไผ่หรุบตาลงมองแผ่นอกแข็งแรง แล้วจึงสอดมือเข้าไปสำรวจหลักฐานแสดงอารมณ์ที่ตอนนี้แผ่ความร้อนแทบลวกผิวหน้าท้องเขาให้มอดไหม้ ความใหญ่โตที่เคยได้สัมผัส หากวันนี้มันดูผงาดตั้งชั้นจนคนจับอดประหวั่นใจไม่ได้

“ของแบบนี้มันต้องลอง” น้ำเสียงยั่วเย้าเอ่ยกระซิบไม่คิดจะให้อีกฝ่ายเห็นความประหม่าของตนเอง ตลกล่ะ! ที่ผ่านมาแทบจะขึ้นขี่ข่มขืน มาวันนี้จะมาทำเป็นนางเอกหนังไทยเรอะ ทุเรศตายชัก

เขาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะเฟ้ย

เจ็บก็จะไม่ร้องให้ได้ยินหรอก เพราะกลัวอีกฝ่ายหยุดทำ ที่ยั่วมาถึงวันนี้ก็พังกันพอดี

“ซ่าส์เหลือเกิน” ประวิชพึมพำบ่น แล้วดึงมือเล็กออก ก่อนจะค่อยๆแทรกปลายนิ้วตัวเองสำรวจช่องทางอุ่นจัด

อาการตอดรัดนิ้วทำให้ประวิชส่งเสียงครางในลำคอพอใจ แล้วเพิ่มจำนวนนิ้วขยับเข้าออกให้ช่องทางแคบคุ้นเคย ร่างเล็กกอดรัดไหล่ลาดไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงการกระตุ้นภายใน

“วิช...ฉัน...” อารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยไปเมื่อครู่กำลังวนก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ขาเรียวได้รูปขยับแยกกว้างเปิดทางให้อีกฝ่ายสำรวจได้สะดวก

แม้จะสอดนิ้วทำความคุ้นเคย หากแต่ความคับแน่นก็ยังไม่ทำให้ประวิชคิดว่าตัวเองจะสอดกายใหญ่เข้าไปได้หมด น้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนบนหน้าท้องเนียนจึงถูกป้ายปาดมาใช้แทนน้ำหล่อลื่น และก็ทำให้ได้ผลเป็นที่พอใจของร่างสูง ช่องทางเริ่มขยายกว้างและเสียงครางกระเส่าจากริมฝีปากอิ่มหอบถี่ ร่างสูงจึงยกตัวขึ้นประกบจูบ ก่อนจะยกโคนขาขาวขึ้นข้างหนึ่งแล้วค่อยๆกดแกนกายตัวเองลงในช่องทางอุ่นชื้นช้าๆ

“อา...” เสียงร้องสอดประสานดังขึ้น เมื่อสัมผัสและรับรู้ถึงความรู้สึกที่เคยได้แต่เพียงจินตนาการถึง การรอคอยได้จบลง ความสุข ความสมใจ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดเชื่อมโยงด้วยร่างกายอุ่นของทั้งคู่

เลือดในกายสูบฉีดเร็วแรง ร่างสูงหอบสะท้านแล้วโยกกายกระแทกสะโพกช้าแต่หนักหน่วง ให้คนใต้ร่างได้ปรับตัวเข้ากับความใหญ่โตที่สอดแทรกอยู่ในช่องทางเบื้องล่าง ผนังเนื้ออุ่นร้อนภายในโอบล้อมดูดรัดแกนกายทำให้ประวิชสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ระงับความต้องการของตัวเองไว้สุดกำลัง

การมีเซ็กซ์กับคนที่รักให้ความรู้สึกดีจนเขารู้สึกเหมือนได้โอบกอดดวงดาวแห่งความสุขไว้ชั่วนิรันดร์

มือใหญ่ผละออกจากการยึดจับโค่นขาขาว ขึ้นเกลี่ยเส้นผมสลายที่ปกหน้าผากมนเบาๆ เม็ดเหงื่อผุดพรายบริเวณขมับทั้งสองข้างจนอดไม่ได้ที่จะกดปลายจมูกลงบนศีรษะทุยซ้ำๆ

“เจ็บมั้ย”

คนตัวเล็กแต่ไม่กล้าออกฤทธิ์ตอนนี้ส่ายหน้า ดวงตาคู่สวยยิ้มเย้าให้ร่างสูงรู้สึกมั่นใจ ก่อนจะขยับสะโพกเร็วขึ้นจนร่างเล็กสะท้านไหว

“อือ...” ริมฝีปากบางเม้นเข้าหากันแน่น รู้สึกเจ็บ แต่เป็นความเจ็บที่เขาเต็มใจจะรับ

ร่างสูงมองดวงตาหวานฉ่ำยกยิ้มบางๆอย่างรู้สึกหมั่นเขี้ยว จนต้องขบผิวบางบริเวณซอกคอและไล้ไปถึงไหล่เล็กขาวเป็นรอยจ้ำแดงให้คนตัวเล็กสะดุ้ง แล้วจึงผละกายออกห่าง ช้อนสะโพกมนขึ้นรับแรงกระแทกพลางเหลือบมองสีหน้าคนตัวเล็กเป็นระยะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสะท้อนไปรอบบริเวณที่ตอนนี้ร่างสูงไม่คิดจะออมแรง ประวิชขยับเอวเป็นจังหวะให้ร่างเล็กขยับตัวสอดรับ

ความเจ็บปวดเริ่มจางหายเมื่อเลือดในกายเริ่มเดือดพล่านจนรู้สึกพร่ามัว ดวงตาฉ่ำน้ำแดงเรื่อแล้วหลับลงเป็นระยะเพื่อรับรู้เพียงรสสัมผัสผ่านเนื้อหนังที่เชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน แรงปรารถนาเข้าใกล้จะระเบิดทำให้ไผ่ร้องเรียกชื่อคนรัก

“วิช...ฉันจะถึง...แล้ว” มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ขณะที่สะโพกตึงแน่นโถมแรงกระแทกกระทั้นจนร่างเล็กหวีดร้องออกมาเบาๆพร้อมกับสายน้ำอุ่นร้อนทะลักทลายทั่วหน้าท้องและแผ่นอก

ประวิชที่ข่มกลั้นความรู้สึกไว้เต็มเหนี่ยวสะบัดหน้าขบกรามจนนูนเป็นสัน ก่อนจะปลดปล่อยความรักทั้งหมดลงในช่องทางคับแคบที่รองรับไว้ไม่หมด เอ่อล้นออกมาเปรอะเปื้อน

ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงนอนทาบทับแล้วผ่อนลมหายใจยาว มือใหญ่ลูบไล้ศีรษะทุยไปมา สายตามองไปตามไหล่ลาดที่ตอนนี้มีรอยแดงจากการขบกัดของตัวเอง ดูท่าจะเจ็บนะนั่น แต่ตอนนั้นเขารู้สึกอยากจะกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปจริงๆ ประวิชผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าอ่อนแรงแล้วยกยิ้มอย่างรักใคร่ ก่อนจะค่อยๆถอนตัวออกจากช่องทางแคบร้อน ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกว่ามันร้อนจนผิดไปจากอุณหภูมิของร่างกาย น่าจะบวมมากเลยล่ะ

ไผ่ลืมตามองใบหน้าคนรักลอยเด่นตรงหน้า แล้วยกมือขึ้นลูบแก้มสากจากหนวดแข็งๆ แม้จะเริ่มรู้สึกหนึบๆบริเวณนั้น
แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีหรือเปล่า.....เขาดีหรือเปล่า?

“นายรู้สึกดีหรือเปล่า?” ไผ่ไม่เก็บความสงสัยไว้ เอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า

ดวงตาไหวระริกแฝงความไม่มั่นใจของคนที่เคยออกฤทธิ์ไว้มากมาย ทำให้ประวิชก้มลงหอมแก้มซับสีเลือดจางๆ

“ดีมากๆ” ดีจนรู้สึกว่าที่ทำไปยังไม่พอกับความต้องการที่ยังระอุอยู่ภายใน

“แต่นายเป็นไงบ้าง” ประวิชก้มลงมองหว่างขาขาวและแกนกายตัวเองคราบสีน้ำตาลแดงทำให้คิ้วเข้มขมวด

“นายเลือดออก” มือใหญ่รีบเอื้อมหยิบกระดาษเช็ดหน้าบนโต๊ะเตี้ยออกมาซับน้ำเฉอะแฉะปนเลือดให้เบาๆอย่างกังวล พลางชะโงกหน้าก้มดูร่องรอยที่ตัวเองทำไว้จนอีกฝ่ายกระตุกเขินหน้าเสีย

“วิช! ฉันไม่เป็นไรหรอก...อย่า” ห้ามไปก็เท่านั้น ในเมื่อคนตัวใหญ่สำรวจไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีรอยฉีกขาด แต่เพราะเสียดสีไปมาคงถลอกภายในอยู่บ้าง

“จะอักเสบมั้ย?”

“ไม่รู้สิ”

ประวิชพยักหน้าพลางนึกสงสาร ยังไงก็ผู้ชาย สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้ทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว อีกอย่างก็เป็นครั้งแรกของไผ่ด้วย

ครั้งแรก...แต่ยั่วเขาให้ตบะแตกได้ คนอะไร! คิดแล้วให้หมั่นไส้จึงก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายหนักๆ

“กินยากันไว้หน่อยเถอะ เดี๋ยวไม่สบายเอา”

ไผ่เลิกคิ้วขึ้นมองคนรัก “ไม่ใช่ในหนังนะ! จะมาไม่สบงสบายอะไรกันล่ะ เรื่องแค่นี้เอง ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้นล่ะ” เสียงแหวดังขึ้นอย่างสุดกลั้น เพราะอายที่เป็นฝ่ายยั่วเขาก่อน แต่มาเจ็บตัวเสียเอง เสียหน้าหมด!

“อีกรอบมั้ยล่ะ”

เสียงท้าทายดังขึ้นเหยงๆข้างหูทำให้คนที่ยังต้องระงับความอยากไว้ในอกตาวาว ควรจะทะนุถนอมดีมั้ยห่ะ! ไอ้ปากอย่างนี้น่ะ

“อย่าท้านะไผ่!”

“ไม่ท้าหรอก เอาจริงเลยต่างหาก” คนตัวเล็กแต่ไม่เจียมสังขาร ลุกขึ้นพลิกตัวทาบทับอีกฝ่ายแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาน่ะใคร รอมาตั้งนานจะให้จบแค่ครั้งเดียวนี่นะ ฝันไปเหอะ ต่อให้เจ็บกว่านี้เขาก็จะทำ!

เพราะเดี๋ยวก็มีคนดูแล คอยป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ดี

มือเล็กลูบไล้ไปตามหน้าท้องแข็งลาดสู่แกนกายที่ยังไม่สงบดี แล้วกอบกุมบีบเคล้นหนักมือ พลางมองคนตัวใหญ่ตีหน้ายักษ์ก่อนจะพ่นลมหายใจยาวดังพรืด แล้วโถมตัวผลักร่างเล็กนอนหงายอีกครั้ง

“แล้วอย่ามาบ่นนะ” ประวิชลงเสียงหนัก มองคนใต้ร่างยิ้มอย่างวายร้าย ให้นึกคันในหัวใจ

นี่เขาจะไม่มีวันหือคนๆนี้ได้เลยเหรอ...

.................................................................................

END

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่ะ
ขอบคุณเเทนพี่ sake ด้วยค่ะ

อ่านกันตาลายเลย
บางท่านบอกจบเร็ว 55 เพราะลงเร็วไง วันเดียวหลายตอน (บ้าพลังเกิน)
จะได้ไม่ค้างอะเนอะ(เเต่มึนเเทน)
.
.
.
ไว้จะเอาอีกเรื่องมาลงเร็วๆนี้ ว้าวๆ (เเนวน่ารักๆ ไม่น่าจะเครียดนะ)

เจอกันกระทู้หน้า เรื่องใหม่ (คราวนี้ลงช้าละ เพราะมีเก็บไม่กี่ตอน โหะโหะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2009 23:54:58 โดย jeab_u »

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
รอรับชมผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะค่ะ

เรื่องนี้ก็สนุกมากถึงมากที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะค้างๆนิดก็ตามเถอะ

//เปิดอ่านใหม่อีกหนึ่งรอบ

premkoe

  • บุคคลทั่วไป

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ
ลุ้นกันคนละแบบทั้งคู่หลัก คู่รอง
เคยอ่านมาแล้ว แต่ัยังไม่เคยได้อ่านตอนพิเศษ
เลยเข้ามาอ่านตอนพิเศษของไผ่กับประวิช
ขอบคุณคนโพสต์ และขอบคุณคนแต่งด้วยนะคะ
บวก 1 แต้มให้ค่ะ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เรียบร้อยโรงเรียนหนูไผ่  :m25:

ขอบคุณทั้งผู้แต่งและคนโพสต์นะคะ จะเตรียมตัวรอเืรื่องใหม่นะ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จบแล้วววววววววววววววววววววสนุกมากๆเลยคับ รอเรื่องต่อไปเลย อิอิ

LiuXin

  • บุคคลทั่วไป
 :haun4:
ไผ่น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อยากอ่านคู่ไผ่กับประวิชอีกจังค่ะ อิอิ

รออ่านเรื่องต่อไปค่า
 :pig4:

morrian

  • บุคคลทั่วไป
จบไปแล้วเรื่องราวความรัก นท กะ วี

ซึ่งคงยังเหมือนจะทะเลาะกันได้อยู่อีกในอนาคต

เรื่องของผู้ใหญ่ก็ยังคงไม่เคลียร์ -_-''

ก็ก็อ่านสนุกคับ เรียกน้ำตาได้เหมือนกัน ^^

แต่ยกนิ้วให้ไผ่ ของเค้าดีจริงๆ 55

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
อ๊ากกกกกกกกกก จะลงเร็วไปหนายยยยยยยยยยยยยย

เพียวยังตามไม่ทันเลยยย เพิ่งเริ่มภาค 2 ตอน 2 เอง  :z3:

wanwisa

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณค่ะ ที่นำ้นิยายดีๆ สนุกๆ มาให้อ่่าน
ในที่สุดก็จบหมดแล้ว  แต่ว่า....ยังอยากอ่านเีรื่องของเทวัญ กับ ทวีป ต่อค่ะ
ไม่รู้ว่าจะได้อ่านหรือเปล่าน้อ...
 o13 :bye2:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

^
^
^

555+ จิ้มรีบนๆ
ลงเร็วไปออ เเหะเเหะ
จะได้ไม่ค้างไง







DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
แอบมาดูก่อนพอดีต้องรีบไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมาอ่านนะครับ

ออฟไลน์ RAKDEK_KA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1798
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
 :jul1: :jul1: :jul1: นอนจมกองเลือด เนื่องจากอ่านมากไปหน่อย
 :really2: :really2: :really2: แต่เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะ
เดี่ยวไปตามอ่านเรื่องใหม่  วันเดียวจบ ทำเอาแทบ บร้า :z3: :z3:

ออฟไลน์ Chanta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :m25:

เฮ้อ....ลุ้นเเทบตายว่าจะมีอะไรกันมั้ย.....

ไม่ผิดหวังที่รอคอย... o18

แต่อยากได้ตอนพิเศษอีกคู่นึงอ่ะ....

จะรอน่ะ... :bye2:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ kungyung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
จบแว้ววววววววววววว
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมากกกกกกกกกกกครับ

ออฟไลน์ ДηοηγМ

  • 出会えて、よかった
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวที่นำมาลงและพีเอ็มที่ส่งไปบอกเรา  :pig4:
ดีใจมากมายที่ได้อ่านตอนพิเศษแล้ว อิอิ

ชอบงานของคุณ sake จังเน้ออออ

ปล.เพิ่งได้เข้าเล้าเนี่ยอ่ะค่ะ หายไปตั้งแต่ยังไม่ย้ายโฮสต์เลยมั้งเราน่ะ เหอๆ  อ้อ บวก1ให้ค่า

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
หนุกหนาน...อ่านจนวางไม่ลง

ขอบคุนที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่าน

รักจัง... : 222222: : 222222: : 222222: : 222222:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

rero

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องนี้หลายรอบแล้ว
ขอบคุณผู้แต่งและคนโพสต์
เป็นเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก
เนื้อเรื่องเป็นเหตุเป็นผลในตัวมันเอง

คนแต่งเก่งมาก...

จะตามอ่านเรื่องต่อไป

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ฮ่าๆ ชอบคู่ วิช - ไผ่ จังครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด