Running โดย aoikyosuke ภาคพิเศษ ตอน บ่น [01/05/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Running โดย aoikyosuke ภาคพิเศษ ตอน บ่น [01/05/12]  (อ่าน 149108 ครั้ง)

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † เมิน † [21/03/12]
«ตอบ #330 เมื่อ21-03-2012 13:39:54 »




ตอน เมิน



“คุณซ้งสบายดีเนอะ”

เงียบ

“สบายดีอยู่แล้ว หน้าตาบ่งบอกว่าสบายดีซะขนาดนี้”

เงียบ

“ถ้าไม่สบายก็ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลจะมานั่งทำหน้าหล่อให้ผมได้เห็นได้ยังไง จริงมั้ย.......เอ่อ ใช่หรือเปล่า หืออออออ”

เงียบสนิท

เงียบชนิดที่ว่าแทบจะได้ยินเสียงแมลงหวี่บิน

“งอนแบบนี้ เดี๋ยวใครเข้าใจผิดว่าผมเป็นแฟนคุณซ้งนะ”

ฉีกยิ้มให้หนึ่งที และแซวออกไปด้วยไมตรีจิต หวังจะได้รับคำด่าแต่ก็ไร้ผล

เย็นวันศุกร์ เวลา 17.00 น. ณ สนามวิ่ง
หลังจากไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลาสองสัปดาห์เต็ม

นุชา ก็มาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ

ชลบุรีใครว่าไกล
ใม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดถ้าเสียงหัวใจมันร่ำร้องหาเธอ

อยากจะตัดใจให้ขาด แต่หน้าหล่อ ๆ ขาวใสปิ๊งของน้องแรงบันดาลใจซ้งก็ตามมาหลอกหลอน จนไม่ได้หลับได้นอน เพราะความคิดถึงอย่างท่วมท้น
รู้อย่างนี้ ไม่น่าหาเรื่องลำบากให้ตัวเองด้วยการหนีไปทำงานซะไกลเลย

แทนที่จะได้ตัดใจ
กลายเป็นคิดถึงมากกว่าเดิม

ในเวลานี้สมาคมนักวิ่งวัยดึก ออกสตาร์ทวิ่งกันไปมากกว่าสามรอบสนาม
ด้วยอัตราการวิ่ง เร็วสุด แทบจะเหมือนเต่าคลาน

มีผู้ที่อู้งานไม่ยอมวิ่ง อยู่สองคน

คือนุชา ผู้อยู่ในชุดทำงาน สภาพกระเซอะกระเซิงสุดขีด พร้อมด้วยเป้หนึ่งใบ
หลังจากพาตัวเองมาตามหาหัวใจ ด้วยการต่อรถมากกว่าสามต่อ เพื่อให้มาถึงสนามก่อนฟ้าจะมืด เพราะอยากเห็นหน้าน้องแรงบันดาลใจซ้งให้ชัด ๆ

แต่สิ่งที่ลืม คือชุดสำหรับใส่วิ่ง

สุดท้ายแม้กายใจพร้อม แต่เสื้อผ้าไม่พร้อม ก็เลยได้โอกาสมานั่งกระแซะหวานใจที่วันนี้ก็ไม่ยอมวิ่ง และอยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อขาว กางเกงยีนส์ และนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ก็แสนจะหล่อเหลาดึงดูดใจสำหรับนุชาเหลือเกิน
“เงียบจริงจังเนอะ”

หันไปมองหน้าของน้องแรงบันดาลใจซ้งอีกครั้ง ตามด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่

สุดยอดของความถือตัวเลยว่ะ

จะหยิ่งไปถึงไหน

จะเก็กหน้าไปถึงไหน

จะทำเฉยชาใส่ไปถึงไหน

เราใช่ว่าจะได้เจอกันบ่อย ๆ นะคุณซ้ง นาน ๆ จะได้เจอกันที
ก็รู้หรอกว่าน้องแรงบันดาลใจซ้งไม่อยากเจอหน้า แต่อย่างน้อย พูดกันสักคำให้ชื่นใจก็ยังดี จะด่าก็ได้นะ ไม่ว่ากัน แต่อย่าเมิน อย่านิ่ง อย่าเฉย

แบบนี้ปวดใจยิ่งกว่าโดนด่า

“โกรธอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้มาตามจีบอาม่ากิมหรอกน่า เชื่อกันบ้าง สาบานให้ฟ้าผ่าตายก็ได้”

พูดปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว เข้าใจบ้างมั้ยนี่ ว่าไม่ได้มาตามจีบอาม่ากิม
แค่อยากเป็นหลานอาม่ากิมอีกคนเท่านั้น แบบว่าเป็นหลานเป็นญาติมิตรกัน ผ่านทางคุณซ้งไง

ยังคงเงียบอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีวิญญาณ ไม่มีความรู้สึกว่างั้น

โคตรเย็นชาเลยว่ะ นี่กูหลงรัก หลงชอบ หลงพิศวาสคนเย็นชาแบบคุณซ้งเข้าไปได้ยังไงวะ

มีอันต้องถอย

เพราะนอกจากไม่ทักไม่ทาย ไม่โมโหใส่ ไม่ด่า

คุณซ้งยังมีพฤติกรรมปิดช่องทางการสนทนาด้วยการหยิบหูฟังมาเสียบเข้าที่หู
แถมยังกดหาเพลงฟัง และเปิดเสียงดังสุด จนได้ยินเสียงออกมาถึงข้างนอก

ยอมแพ้แล้วครับ

ถ้าจะเมินกันขั้นสุดยอดขนาดนี้ กูยอมแพ้ครับ ยอมจริง ๆ

นุชาที่พยายามจะยิ้ม ยิ้มไม่ออกอีกแล้ว
จากนั่งยืดขาอย่างสบายอยู่ข้างสนาม

คราวนี้ก็มีอันต้องเปลี่ยนท่าเป็นนั่งกอดเข่า ตามองที่สมาคมนั่งวิ่งและโบกไม้โบกมือให้พร้อมกับยิ้มหวาน

สลับกับการหันมามองท่าทีเมินเฉยของน้องแรงบันดาลใจซ้ง
ที่ก้มหน้าก้มตาสนใจอยู่กับการฟังเพลง

ขอโทษครับ
ที่มารบกวนใจเธอ

ไอ้เรามันคนน่ารำคาญ รู้ตัวดี

ถ้าจะเมินกันแบบนี้ ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้อยู่แล้ว

“กินขนมมั้ย มีท็อฟฟี่ด้วย เอาอันไหน”

หันไปค้นหาในกระเป๋าเป้ที่วางไว้ข้างตัว
แล้วก็ควานหาท็อฟฟี่หลากสีมาไว้ในมือ แบมือออกและส่งให้คนทำหน้าเฉย

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหุ่นยนต์หนุ่มหล่อที่ทำเหมือนโลกนี้มีเพียงฉันเพียงผู้เดียว

ทำร้ายจิตใจกันซะขนาดนี้

เกลียดไม่ว่า โกรธไม่ว่า จะด่าจะแกล้ง จะทำไม่ดีใส่แค่ไหน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทนได้หมด ขออย่างเดียวอย่าเฉย อย่าทำเหมือนไม่มีตัวตน

รู้มั้ยมันปวดใจ

นุชาหน้าเฉา เก็บท็อฟฟี่ลงกระเป๋าเป้ และนั่งเงียบ ก้มมองที่มือตัวเอง

มีคำถามผุดขึ้นในหัว

มาที่นี่ทำไม

คำตอบคือ มาเพื่อให้เจอน้องแรงบันดาลใจซ้ง
มาเพื่อมาทักทายอาม่ากิม อาเจ็ก อากง อาอึ้ม และเพื่อน ๆ สมาชิกในชมรม
มาเพื่อขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง

หายไปพักใหญ่ ก็เพื่อจะปรับตัวให้ชินกับสถานที่ใหม่ที่ไปทำงาน
ผิดที่แอบหนีไปแบบไม่บอกกล่าว รู้สึกผิดจนต้องมาขอโทษและจะไม่ทำตัวเหลวไหลให้สมาชิกชมรมที่รักและเอ็นดูเหมือนลูกหลานต้องเป็นห่วงอีก

วินาทีแรกที่ก้าวเท้ากลับมาที่สนามในสภาพกระเซอะกระเซิง

สายตารีบมองหาเหล่าสมาชิกชมรม ที่กำลังเตรียมตัวอยู่ข้างสนาม
ตรงดิ่งมาหาแทบจะวิ่ง

และเมื่อเหล่าสมาชิกชมรมหันมาเจอ ก็ยิ้มทักทายด้วยความดีใจ
บางคนลูบหลัง บางคน ถามไถ่ว่าหายไปไหนมา

อาม่ากิมแซวว่าหนีออกจากบ้านทำไมไม่มาอยู่บ้านอาม่า
หนีไปไหนมาทำไมไม่เจอกันพักใหญ่

มีเพียงคนเดียว ที่ไม่พูดไม่คุยไม่ทัก และพาตัวเองออกจากกลุ่มการสนทนาไปนั่งหน้าเฉยอยู่ข้างสนาม

หลังจากทักทายกันเสร็จสรรพนุชาก็เลยแกล้งเนียนมานั่งอยู่ข้าง ๆ น้องแรงบันดาลใจซ้งหน้าหล่อ ที่วันนี้ไม่อยู่ในชุดฟอร์มนักกีฬา แต่เป็นชุดนักศึกษาที่นุชามองแล้ว ยิ่งบาดใจเหลือเกิน

แต่ก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะแม้จะพยายามพูดพยายามถามพยามคุย

แต่คุณซ้งก็ยังทำร้ายจิตใจคนมาเหนื่อย ๆ ได้ลงคอ

แล้วถ้าถูกเมินกันขนาดนี้ จะทนให้อีกฝ่ายเมินไปเพื่ออะไร

แรก ๆ ก็หลงแค่ที่ใบหน้า
แต่พอใกล้กันไม่นานเท่าไหร่ ได้พูดคุยได้แกล้งให้โมโห ได้เห็นมุมต่าง ๆ
จากหลงแค่หน้า คราวนี้เลยหลงอะไรบางอย่างที่มีแรงดึงดูดให้เข้าใกล้มากมายเหลือเกินของคุณซ้งไปแล้ว

คนเรานี่ก็แปลก รู้ว่าถูกเกลียดขี้หน้า แต่ก็ยังพาตัวเองเข้ามาอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายให้ได้

โง่สิ้นดี

นั่งกอดเข่า อมยิ้มเล็ก ๆ ในความงี่เง่าบ้าบอของตัวเอง
ละสายตาจากน้องแรงบันดาลใจผู้แสนเมินเฉย ไปที่สนาม
มองเหล่าสมาชิกที่กำลังวิ่งเหยาะ ๆ ช้า ๆ แล้วก็ถึงเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้

ใจมันไปอยู่ที่ใครบางคน
โดยลืมนึกไปว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่แคร์

เราดูแลและให้ใจกับคนที่รักเรามากพอหรือยัง
หรือทำเหมือนเขาเป็นแค่ตัวประกอบในชีวิต

ที่ผ่านมา มัวเสียเวลาให้กับอะไร มัวทำอะไรอยู่ถึงไม่ได้หันมามองคนที่เขารักเรายิ่งกว่า สนใจเรายิ่งกว่า และเป็นห่วงเป็นใยเราอยู่เสมอ

ทอดสายตามองไปพร้อมกับการตั้งสติ และทบทวนความคิดของตัวเอง
คิดแล้วก็อมยิ้ม

ไม่ใช่รอยยิ้มแบบขมขื่นฝืนใจ แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เพิ่งสำนึกบางอย่างได้

บางอย่างที่แว่บเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว

เร็วมากซะจน ต้องเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเป้มาถือเอาไว้
และกดหาหมายเลขที่เคยโทรเข้ามาหาซ้ำ ๆ

คิดว่าตัวเองจะไม่มีวันรับสายนี้อีกเด็ดขาด
แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายโทรหาซะเอง

“ชาเอง......พี่.......เป็นยังไงบ้าง....ชาก็เรื่อย ๆ ไม่มีอะไร ชาเรียนจบแล้วนะ
เปลี่ยนงานมาสองที่แล้ว....อืมมมมม”

ถ้าจะมีอะไรที่หยุดอาการเมินเฉยของน้องแรงบันดาลใจซ้งได้
ก็คงจะเป็นท่าทางการคุยโทรศัพท์ของนุชา ที่เหมือนเคร่งเครียดในคราวแรก
แต่ในเวลานี้เริ่มผ่อนคลาย และพูดคุยบางอย่างยืดยาว จนน้องแรงบันดาลใจซ้งต้องหรี่เสียงเพลงของตัวเองลง

ไม่คิดจะสนใจในคราวแรก แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นจึงทำบางอย่าง

ก็อั๊วไม่ได้แอบฟัง ไอ้นุชามันอยากมาคุยให้ได้ยินเองทำไม

แค่หรี่เสียงเพลงก็ได้ยินชัด

“เกลียดชามากเลยสิพี่ ชามันก็แบบนี้แหละ ชามันเย็นชาสมชื่อ
ตอนนี้ชาเจอกับตัวเองแล้ว โคตรเจ็บปวดจริง ๆเพิ่งจะรู้ว่า เวลาถูกเมินมันรู้สึกยังไงก็คราวนี้แหละ”

ยิ้มเยาะตัวเอง และหันไปมองหน้าน้องแรงบันดาลใจซ้ง
ที่ในเวลานี้กำลังจ้องมองนุชาอยู่

ดวงตาที่ได้สบกันด้วยความไม่ตั้งใจ

นุชาส่งยิ้มบาง ๆ ให้คนที่หันมาจ้องหน้ากัน เพียงไม่นานก็ต้องเบนหลบสายตาและหันมองไปอีกทาง เพราะเข้าใจสถานะของตัวเองดี

น้องแรงบันดาลใจซ้งถอดหูฟังออกอย่างรวดเร็ว
ทำให้รู้ทำให้เห็นว่ากำลังฟังอยู่ด้วย

ตั้งใจให้รับรู้ว่า ได้ยินทุกอย่างที่นุชาพูด

“ใครใช้ให้มา ช่วยไม่ได้ ไม่ได้ง้อ ไม่ได้ขอ อยากมาเอง แล้วจะมาบ่นมาตัดพ้อต่อว่าทำไม”

พูดเสร็จแล้วน้องแรงบันดาลใจซ้งผู้แสนทำร้ายจิตใจ ก็ลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อ ๆ
ทิ้งให้คนที่มาตัดพ้อนั่งอยู่คนเดียว

จะอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ
ขอให้มันหลุด ๆ ออกไปจากหัวซะที

ขอให้มันหายไปจากสมองให้เร็วที่สุด
อะไรบ้า ๆ ที่มันผ่านเข้ามาในหัว

ตั้งแต่ไอ้ตี๋นุชาหน้ามึน เริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ ๆ มาพูดจาประหลาด ๆ
มาทำท่าทางแปลก ๆ ใส่ และยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ที่มันหายไปดื้อ ๆ ไม่โทรมากวนประสาท เงียบหายเหมือนตายจาก

จนทำให้ต้องขับรถไปหาถึงหน้าบ้าน แม้จะรู้ว่านุชาไม่ได้อยู่บ้านก็ตาม

จะอะไรก็ตามช่างมันไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ขอให้มันรีบ ๆ ผ่านไปซะที
อย่าให้ต้องทำอะไรเพ้อเจ้อไม่ควรทำอีก

เช่นว่า การกดโทรศัพท์ไปหาไอ้นุชาเมื่อหลายวันก่อน แล้วได้รู้ว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่เรียก

กดซ้ำ ๆ อีกหลายวัน หลายครั้งหลายหน แต่ก็เป็นแบบเดิม คือติดต่อไม่ได้

อะไร มันคืออะไร ความรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ ยิ่งเมื่อได้เห็นหน้าตาท่าทางของคนที่เงียบหายไปอีกครั้ง และฝ่ายนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งรู้สึกถึงความไม่พอใจที่เพิ่มทวีคูณมากขึ้น

ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร

แต่เกลียดอาการที่กำลังเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง
เกลียด ไม่ชอบ

ไม่ชอบความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้เหลือเกิน



TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † รีบ † [21/03/12]
«ตอบ #331 เมื่อ21-03-2012 13:42:19 »




ตอน รีบ



“คุณซ้ง คุณซ้งอ่า คุณซ้งจ๊ะ คุณซ้งจ๋า คุณซ้งคนดี”

คนดี ๆ ที่ไหนเขาพูดจากันแบบนี้ ถ้าไม่ใช่มัน ไอ้นุชา

“ทำไมต้องโกรธ ทำไมชอบเมิน ทำไมถึงได้ทำท่าเย็นชาได้ถึงขนาดนี้ล่ะ แค่คุยโทรศัพท์กับกิ๊กเก่าแค่เนี้ยะ ทำเป็นหึงไปได้”

อยากตายมากนักใช่มั้ย ใจคอมันจะกวนประสาทให้ตายกันไปข้างเลยหรือไงวะ

“ไม่เห็นผิดตรงไหน ผมหน้าตาดีขนาดนี้ จะไม่มีใครมาสนใจได้ยังไงกันล่ะ ถูกมั้ยคุณซ้ง คุณซ้งจ๋า”

โว้ยยยยยยยยยยยยย ฆ่าให้ตายซะตรงนี้เลยดีมั้ย

“เป็นบ้าหรือไงวะ ไม่ได้กวนประสาทสักวันจะตายหรือไง”

โห
แรงงงงงส์

หึงดิ

หึงก็บอกมาเถอะว๊า จะทำท่าโมโหกลบเกลื่อนไปทำม้ายยยยย

“เอ้า ช่วยไม่ได้คุณซ้งอยากจิตอ่อนเอง นี่จะบอกอะไรให้ ผมอยู่ชลบุรีนะ นอนคิดถึงคุณซ้งทุกวันเลย รีบมาเลยนะเนี่ยคิดว่าคุณซ้งคงจะรู้สึกเช่นเดียวกันใช่มั้ยล่ะ”

มันช่างพูดจายอกย้อน โยกโย้ ได้น่าโมโหที่สุด

“นี่นุชา เป็นห่าอะไรไม่ทราบ จีบอาม่าอั๊วไม่ได้ ก็หันมาเล่นงานอั๊วแทนใช่มั้ย จะบอกให้นะ แค่นี้ทำอะไรอั๊วไม่ได้หรอก บอกไว้ตรงนี้เลย ว่ายังไงก็ไม่มีทางยกอาม่าให้ลื้อเด็ดขาด”

โห
ถามจริง ๆ
เอาอะไรคิด คิดเข้าไปได้เนอะคนเรา

จะมีใครคิดอะไรประหลาดได้เท่าน้องแรงบันดาลใจคุณซ้งอีกมั้ยเนี่ย โคตรปวดใจเลยที่คิดได้แบบนี้ แล้วไอ้หน้าตาท่าทางขึงขังนี่มันอะไรกัน

น่ารักเน้อออออ

เหอ เหอ เหอ

“ด่าแบบนี้ค่อยใจชื้นหน่อย ถ้าทำตัวเงียบ ๆ อยู่แบบเงียบ ๆ จะขาดใจตาย ยิ่งคุณซ้งทำเป็นเมินด้วยนะ ยิ่งทนไม่ไหว เดาใจไม่ถูกหัวใจจะวายให้ได้เลย รู้หรือเปล่า”

คิดถึงจริงๆ ครับคุณซ้ง
เห็นหน้าคุณซ้งแล้วโคตรดีใจเลย
รู้มั้ยแค่เห็นแว่บแรกก็แทบอยากจะกระโดดกอดด้วยความคิดถึงแล้ว ได้ยินเสียงด่านิดเดียว หัวใจก็กระชุ่มกระชวย เหมือนใจทั้งดวงแทบจะหลุดลอยไปหาคุณซ้งแล้ว

เข้าใจมั้ย ว่าชอบมากขนาดไหน
ชอบ มาก มาก มากซะจนแทบไม่อยากเชื่อตัวเองว่าจะชอบได้ขนาดนี้

“คุณซ้ง”

นุชาหน้าระรื่น เปลี่ยนสภาพเป็นนุชาหน้าตาจริงจัง

หยุดยืนนิ่ง ๆ และยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

จริง ๆ นะ ไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเองหรอก
รู้สึกคิดถึงจริง ๆ
คุณซ้งรู้มั้ยว่าเรื่องที่พยายามทำอยู่มันยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน
ยากจริงจังนะ การตัดใจ การตัดความรู้สึกคิดถึงของตัวเองออกไป

คุณซ้งไม่รู้แล้วก็ไม่เคยเข้าใจสินะ ว่าที่บอกว่ายาก มันยากแบบไหน

เพราะคุณซ้งไม่เคยรู้สึกอะไรเลย

แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยการไปอยู่ซะไกล
คงพอช่วยอะไรได้บ้าง แม้ตอนนี้จะไม่สามารถหยุดความรู้สึกของตัวเองได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางคงทำให้หยุดตัวเองได้บ้าง แม้มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ในวันหนึ่งมันก็ต้องเป็นไปได้
วันที่หยุดความคิดถึง วันที่สมองจะหลงลืมเรื่องของคุณซ้งและตัดออกจากความรู้สึกไปจากใจให้หมด

วันที่ชินชากับการไม่ต้องพบเจอกัน

หรืออาจเป็นการไปพบใครคนใหม่ ที่น่าสนใจกว่า
บางทีมันคงจะช่วยดึงความรู้สึกให้หยุดได้ ไม่มากก็น้อย

“กินท็อฟฟี่เถอะนะ”

ค้นหาท็อฟฟี่ในกระเป๋า คว้ามาทั้งหมด และกำใส่ไว้ในมือ
เพื่อแบ่งให้กับคนที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

น้องแรงบันดาลใจซ้งจะ ข้าพเจ้าไม่เคยล้อเล่น ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่เคยล้อเล่น ถึงหน้าตาจะเหมือนคนพูดอะไรจริงจังไม่เป็น แต่ใจ จริงจังตลอด แม้กระทั่งเวลานี้ก็จริงจัง

“อยากได้สีไหน”

เป็นคำถามที่กวนประสาทที่สุด เท่าที่เคยได้ยินมา

ไอ้นุชามันน่าฆ่า น่าบีบคอให้ตาย
มันวิ่งตามคนที่กำลังโมโห เพื่อจะมาหยอกล้อเล่น
มันทำอะไรของมัน เห็นมั้ยว่ารู้สึกยังไง
มันก็ยังจะตามมากวนประสาทจนได้
ปวดหัว บ้าบอ
เรื่องบ้าบอน่าปวดหัวนี่มันอะไรกัน

นุชาทำไมมันพูดอะไรง่าย ๆ แบบนี้
พูดจามักง่ายไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเองเลย
คิดอยากจะพูดอะไรมันก็พูด อยากจะทำอะไรมันก็ทำ

ตั้งแต่แรก ตั้งแต่มันเข้ามาพัวพันในวันแรกจนถึงตอนนี้
มีแต่เรื่องน่าปวดหัว

“ไปห่าง ๆ ถอยไปยืนไกล ๆ จะกระแซะเข้ามาทำไม สภาพดูยังไงก็ไม่เหมือนคนดี ๆ เขาเป็นกัน”

แบ่งท็อฟฟี่ให้ก็ไม่เอา

แถมยังโดนว่าอีก รู้บ้างมั้ยว่าคนมันรีบ จะให้ดูดีขนาดไหนกัน ได้แค่นี้ก็บุญถมเถ หล่อซะอย่างกลัวอะไร คนหล่อทำอะไรไม่เห็นน่าเกลียด แนวดีด้วย คุณซ้งจะมาต่อว่าให้หมดกำลังใจไปทำไม

เคยรู้เคยเข้าใจเหตุผลบ้างหรือเปล่า
ขืนมาช้ากว่านี้ คุณซ้งหนีกลับบ้านไปจะทำยังไง
อดเห็นหน้ากันพอดี

“ดูไม่ได้ตรงไหนกัน ดูไม่ได้ก็ดูหน้าสิ หน้าออกจะหล่อ น่ารักสดใส ดูสิ ไม่ว่าตรงไหนก็น่ารักน่าสนใจไปหมดใช่มั้ยล่ะ”

นุชาเป็นพวกทำอะไรไม่รู้จักคิด
ยื่นหน้ายื่นตาเข้าไปใกล้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ลอยหน้าลอยตาพูดโดยไม่มีความสำนึก ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ไม่มีใครที่ไหนเขาทำกัน

“หน้าก็มัน หัวก็ยุ่ง เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่”

ว่าเข้าไปเถ้อออออ หลงรักผมวันไหนขึ้นมา
หน้าตาแบบนี้ เสื้อผ้ายับยู่ยี่แบบนี้ หัวยุ่ง ๆ แบบนี้แหละ

จะทำให้คุณซ้งคิดถึงจนทนไม่ไหวเลยคอยดู

“เกลียดอะไรผมนักหนา ไปทำอะไรให้ตอนไหน อยากเป็นเพื่อนด้วยแค่นี้ทำไมต้องหยิ่ง”

แกล้งทำหน้าตาย ตีมึน พูดไปเรื่อย ๆ
ยิ่งน้องแรงบันดาลใจซ้งจะเดินหนี ก็ยิ่งต้องเดินไปลัดหน้าลัดหลัง คอยเดินตามเหมือนแกล้ง

แอบยิ้มเล็ก ๆ หัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว
โดยมีน้องแรงบันดาลใจหน้าใสปิ๊งแต่บูดบู้บี้เป็นองค์กระกอบหลัก

“ไอ้นุชา”

โดนตะคอก และคนที่ตะคอกเสียงดังใส่ก็ยิ่งทำหน้าบูดบึ้งบู้บี้
ด้วยความหงุดหงิดโมโห

“จ๋า”

ยิ้มร่าหน้าระรื่น
ตอบรับไปแล้วก็ยังทำเริงร่า
ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
จนต้องรีบคว้ามาดูว่าหมายเลขที่โทรเข้ามาเป็นใคร

อ่า

ว่าแล้ว

ว่าต้องใช่ กี่โมงแล้วเนี่ย

ยังไม่ทันถึงเวลานัดเลย

“ครับ....เดี๋ยวชาไป ออกจากที่นี่ก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ชาเข้าบ้านเอาของไปเก็บก่อนได้หรือเปล่า งั้นถ้าชาไปถึงแล้วชาจะโทรบอกพี่แล้วกันนะ”

ผิดกันราวฟ้ากับเหว
การพูดจาดีมีมารยาท แถมซ้ำยังแทนชื่อตัวเองแบบที่ไม่เคยใช้คำแทนตัวกับใคร มันทำให้คนที่แม้ไม่อยากฟังแต่ยืนอยู่ด้วยกันและได้ยินชัดเจนถึงบทสนทนา เริ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดที่ได้ยิน

คนพูดไม่ทันมองหน้าคนที่ยืนอยู่ด้วย

พูดคุยเหมือนเป็นเหตุการณ์ปกติ

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่ต้องฟังด้วยมันไม่ใช่

คุณซ้งกำลังรู้สึกถึงบางอย่างที่น่าหงุดหงิดโมโห

บางอย่างที่น่าโมโหยิ่งกว่าการถูกนุชากลั่นแกล้ง

ท่าทางการพูดคุยที่ดูผิดจากปกติ
ความรู้สึกบางอย่างที่รู้สึกได้ว่าดูยังไงฝ่ายนั้นก็ต้องเป็นคนที่สนิทสนมด้วย

“งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะคุณซ้ง”

คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป
คิดจะจากไปก็จะจากอย่างง่ายดาย

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เดินตามมาแกล้งถึงที่

แต่เวลานี้กำลังจะเดินผละจาก

ยังไม่ทันที่นุชาจะหันหลังเดินหนีก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้จากคนที่เริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจ โดยที่เจ้าตัวเองไม่ทันรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงความรู้สึกบางอย่างออกไป

“จะไปไหน”

เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ให้แน่ชัดถึงสถานที่ที่นุชากำลังจะไป

“ไปไหนล่ะ ไม่ได้ไป จะกลับบ้านนอนแล้ว เหนื่อยจะตาย”

พูดออกไปได้หน้าตาเฉย
เพราะไม่คิดว่าจะมีใครรู้สึกรู้สา แต่สิ่งที่นุชาคิด มันกำลังจะไม่เป็นอย่างที่เคยอีกต่อไปแล้ว

“ดี....งั้นไปกินข้าวด้วยกันก่อน มาเหนื่อย ๆ ก็ต้องหิวข้าว งั้นรีบขึ้นรถเดี๋ยวจะพาไปหาข้าวกิน ดึก ๆ ค่อยกลับบ้าน”

บ้าแล้ว

คุณซ้งบ้าไปแล้ว

ทำอะไรของท่านกันล่ะครับคุณซ้ง
ก็ได้ยินชัดไม่ใช่เหรอ ว่ามีนัด และกำลังจะไปตามนัด

ยังจะพาไปกินข้าวที่ไหน

จะแกล้งกลับคืนหรือยังไง
ไม่ได้หรอกครับ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ กำลังจะไปคุยเรื่องจริงจัง อย่าหาเรื่องให้ต้องปวดหัวเลย

“ไม่ได้หรอกคุณซ้ง วันนี้รีบ”

ข้ออ้างคงไม่ต้องหา เพราะก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไรถึงต้องบอกว่ารีบ

“งั้นขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

อ้าว

แล้วคุณซ้งไม่มีโทรศัพท์เหรอ ถึงต้องมายืมของผมใช้
จะเอาไปโทรหาใครกันล่ะ

ไม่ทันคิดก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบโทรศัพท์มายื่นให้กับคนที่เอ่ยปากยืม

คนตัวสูง หน้าใสปิ๊ง แต่ไม่เลิกทำหน้ายู่ยี่อย่างน้องแรงบันดาลใจซ้งกำลังทำอะไรบางอย่าง

รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้ และจัดการปิดเครื่องเสร็จสรรพ
ก่อนจะพลิกไปด้านหลังของตัวเครื่องและดึงแบตเตอรี่ออก

คืนเฉพาะตัวเครื่องโทรศัพท์ให้กับนุชา แต่ไม่ยอมคืนแบตเตอรี่ให้

“เฮ้ยยยยยยย คุณซ้งงงงงงงงงงง ทำไมทำแบบนี้”

แหกปากโวยวายไปก็เท่านั้น

เพราะนอกจากจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว

ผู้ที่ทำการแยกชิ้นส่วนโทรศัพท์ออกจากกัน ยังอมยิ้มที่มุมปากเหมือนแกล้งเยาะเย้ย

ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะคุณซ้ง
ทำไมทำแบบนี้

“ถ้าไม่ให้แบตเตอรี่คืน นับหนึ่งถึงสิบจะโกรธจริง ๆ นะ”

เหรอ

โกรธไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ

ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว จะโกรธหรือไม่โกรธก็ไม่เห็นมีผลอะไรกับชีวิต

ไม่ต้องเดา นุชาก็รู้ผล
ไม่ต้องนับหนึ่ง สอง หรือสาม ก็รู้ว่าไม่ได้แบตโทรศัพท์คืน

ไม่ว่ายังไงคุณซ้ง ก็ต้องทำตามใจของตัวเอง

งั้นถ้าอยากได้ขนาดนั้น ก็ไม่ว่า

นุชาไม่ได้ขอแบตเตอรี่โทรศัพท์คืน

แต่จัดการยัดเยียดเครื่องโทรศัพท์ใส่มือคนแกล้งให้ถือเอาไว้

“...............”

ไม่มีคำพูด

ไม่อยากได้คำตอบ

ไม่มีคำถามที่อยากถาม

นุชาหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว

ไม่รอให้รั้ง

ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น

เดินลิ่ว ๆ จากไป ปล่อยให้น้องแรงบันดาลใจซ้งยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้พบเจอ

เดินจากไปง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอนุชา
ทำแบบนั้น เรียกว่าโกรธจริง ๆ ใช่มั้ย

แล้วยังเอาโทรศัพท์มาทิ้งไว้ให้อีก
แบบนี้ไม่กลัวว่าจะมีใครโทรมาหรือยังไง

แล้วนั่น จากเดินกลายเป็นวิ่ง แล้วก็วิ่งลิ่ว ๆ จากไป แถมยังไปโบกมอร์เตอร์ไซด์วินและจากไปง่ายดายอย่างหน้าเฉย

ทำอะไร

ไอ้นุชามันกำลังทำอะไร

มันต้องการจะทำอะไร มันทำไปเพื่ออะไร
สิ่งที่มันทำตอนนี้คือ...................

ใช่สิ

คงสนุกมากนักใช่มั้ย สนุกที่ได้ปั่นหัวคนอื่นเล่นแบบนี้
คงจะคิดว่าสนุกมาก ถึงได้ทำ

ไอ้ตี๋นุชาหน้ามึน ทำไมถึงได้นิสัยเสียแบบนี้ ทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำ ทำอย่างที่ต้องการ เคยมีความคิดในหัวสักนิดบ้างมั้ย เคยคิดเคยแคร์บ้างมั้ยว่าคนที่ต้องรับผลจากการกระทำของมัน

กำลังรู้สึกยังไง



TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน ไม่เป็นไรนะ



22.30 น. ณ หน้าบ้านของนุชา

นุชา นุชา นุชา นุชา ไอ้นุชา ไอ้นุชา ไอ้นุชา

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้องแรงบันดาลใจซ้ง ผู้อยู่ในอาการของคนจิตใจร้อนรนอย่างรุนแรง
กำลังเดินวนไปวนมารอบ ๆ รถของตัวเองที่ขับมาจอดไว้ ณ สถานที่ ที่ไม่ควรมา

มาทำไม มาเพื่ออะไร มาหาใคร

ตอบไม่ได้

แต่หงุดหงิด

ขับมาจอดแล้วก็เดินวนไปวนมารอบรถสามสิบแปดตลบโดยมีโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่ยังไม่ถูกประกอบให้เข้าที่เข้าทางอยู่ในมือ

พลัดพรากจากนุชาเมื่อช่วงเกือบหัวค่ำ
ร้อนรนจนทนไม่ไหว จนต้องมารอถึงหน้าบ้าน รออยู่นาน นานมาก นานซะจนทนไม่ไหวจนต้องไปกดกริ่งหน้าบ้าน เพื่อสอบถามหาไอ้ตัวปัญหาใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูเลยสักคน

แถมบ้านยังปิดเงียบ เปิดทิ้งไว้แต่โคมไฟหน้าบ้าน

ไปไหนกันหมดวะ บ้านนี้

แล้วไอ้นุชามันไปไหนของมัน ให้รออยู่ได้ตั้งนานสองนาน

กลับไปบ้านมาสองรอบแล้ว

รอบแรกบอกอาม่าว่าจะไปซื้อบะหมี่กินที่หน้าปากซอย แล้วก็เลยถ่อมาถึงที่นี่

รออยู่นานจนทนไม่ไหว ขับรถกลับบ้านไปอีกหนึ่งรอบ และก็เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น ทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง รู้อย่างเดียว คืออาการร้อนรนจนอยู่ไม่ได้
ต้องหาเรื่องขับรถออกมาอีกรอบ โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า
บะหมี่ที่ซื้อไปไม่ค่อยอร่อย ต้องออกมาซื้อโจ๊กไปกิน

และในเวลานี้

ถุงโจ๊กก็ยังอยู่ในรถ

แต่เจ้าของรถไม่ยอมกลับบ้านไปกินโจ๊กที่ซื้อ แต่มาเดินวนรอบรถตัวเอง
และสายตาคอยแต่จะมองหาว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาเปิดประตูบ้านซะที

มันไปไหนของมันวะ
ไปตั้งแต่เย็น
ก็ไหนว่าจะกลับมาบ้านก่อน แต่ก็ไม่เห็นกลับมา

หงุดหงิด หงุดหงิด โมโห โมโห

อยากจะบีบคอไอ้นุชาตัวปัญหาให้ตาย ๆ ไปจริง ๆ โว้ยยยยยยยยยยยยย

ยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ หงุดหงิดงุ่นง่านเดินไปเดินมา และกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
คือยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่

ทำไมทำแบบนี้วะ

อั๊วไม่เคยต้องมารอใครแบบนี้นะนุชา

หน้าตามึน ๆ ทำตัวเหมือนเด็ก ๆ โตกว่าแล้วยังไง ไม่เห็นทำตัวให้โตเป็นผู้ใหญ่สมอายุ นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป
นึกอยากจะโทรมากวนประสาท มาทำท่าทางกวน ๆ ใส่ มันก็ทำ

มันอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง

คนที่ได้รับผลกระทบก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน ไม่รู้สึกสำนึกบ้างหรือไง “นุชา”

น้องแรงบันดาลใจซ้งผู้เคยมีมาดเคร่งขรึม และหน้าบูดบู้บี้อยู่เสมอ
เปลี่ยนสภาพกลายเป็น น้องแรงบันดาลใจผู้มีสภาพใบหน้าเหมือนคนเซ็งโลก

ยืนหูลู่ หางตก อยู่หน้าบ้านนุชา และยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง

ปาเข้าไปจะห้าทุ่มแล้ว มันหายไปไหนของมันวะ

แล้วนี่อะไร เอามาทิ้งไว้ทำไม อย่าถามหามารยาทจากอั๊วนะ
ก็ลื้อยัดโทรศัพท์ใส่มืออั๊วมาเอง หลังจากมันอยู่อย่างผิดสภาพมานาน อั๊วจะประกอบร่างให้โทรศัพท์เดี๋ยวนี้แหละ

น้องแรงบันดาลใจซ้ง ผู้สิ้นสุดการรอคอย
จัดการประกอบร่างให้โทรศัพท์ที่ถูกแยกส่วน และกดเปิดหน้าจอเพื่อดูข้อมูลบางอย่าง

มันติดต่อใครบ้างวะ

ทำอะไรบ้างวัน ๆ

มีรูปอะไรให้ดูบ้าง

สมองคิด แต่ยังไม่ทันได้ลงมือปฏิบัติ สำนึกบางอย่างกำลังผุดขึ้นในความสมองอย่างรวดเร็ว

ทำไมต้องอยากรู้ว่าวัน ๆ ไอ้นุชาทำอะไร

ทำไมต้องอยากรู้ ว่ามีรูปอะไรให้ดูบ้าง

ทำไมต้องอยากรู้อยากเห็น ทำไมต้องสนใจ ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้อยู่ในหัว

ซ้ง ลื้อไม่ใช่คนแบบนี้
มันผิดจากที่ลื้อเป็น สิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่นิสัยของลื้อ

ทำไมต้องมาหา
ทำไมต้องมาวน ๆ เวียน ๆ ไป ๆ กลับ ๆ
หาข้ออ้างสารพัดล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างไร้สาระทั้งนั้น
แค่คืนโทรศัพท์ที่เจ้าของไม่ต้องการ ไม่ใช่ปัญหาคาใจที่จะต้องมาถึงที่นี่

แล้วยังจะมาทำไม

ทำไมถึงมา

ครุ่นคิดด้วยความแปลกใจ
มองโทรศัพท์ในมือและและจัดการแยกชิ้นส่วนโทรศัพท์ให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมที่ได้รับมา

แบบนี้ไม่ใช่

ไม่เคยเป็นแบบนี้
ไม่เคยต้องตามใครแบบนี้
ไม่เคยร้อนรุ่น กระวนกระวายแบบนี้

ไม่เคยรู้สึกแปลก ๆ ไม่เคยรู้สึกอยากสนอกสนใจใครแบบนี้เลยสักครั้ง

แต่กำลังรู้สึกกับ ไอ้นุชาหน้ามึน

ไม่จริง

คงเป็นแค่ความรู้สึกคาใจ เหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ข้างใน ไม่ทันได้เอ่ยไม่ทันได้ถาม
ก็เลยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เท่านั้นเอง

บอกตัวเอง ปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก

และหย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋า

พยายามสลัดเรื่องแปลก ๆ ที่ผุดขึ้นในหัวออกไปให้หมด
ตั้งใจว่าจะไม่มีการหาเหตุผลโง่ ๆ มายืนรอนุชาอีกเป็นรอบที่สาม

กำลังจะก้าวเดินไปเปิดประตูรถ ก็พอดีกับที่มีรถแท็กซี่แล่นมาจอดที่หน้าประตูบ้านของนุชา หัวใจเต้นระทึก ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมายืนลุ้นอะไรที่ไม่ควรลุ้นแบบนี้

ยืนมอง เพ่งมอง และคิดในใจว่าขอให้ใช่คนที่กำลังรอคอยอยู่

มีใครบางคนกำลังก้าวขาลงมาจากรถ

“เฮ้ยยยยยยย นุชา”

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าใคร เพราะคนที่ก้าวขาลงมาอยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงยิ่งกว่าช่วงเย็นแถมยังสะพายเป้ใบเดิม

แปลได้ความว่า มันไม่ได้กลับมาที่บ้าน
แต่มันหายไปตั้งแต่ช่วงเย็น และเพิ่งกลับมาป่านนี้
ซึ่งกำลังจะห้าทุ่มแล้ว ไปไหนทำไมไม่รู้จักเวลา นี่มันดึกแล้ว รู้บ้างมั้ยวะ

และ.....

บ่นด้วยความไม่ใจ แต่...

แว่บแรกที่เห็น ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าคือไอ้นุชาหน้ามึนแน่ ๆ
แต่พอเดินเข้ามาใกล้ ๆ

คนตรงหน้าเหมือนไม่ใช่ไอ้นุชาหน้ามึน กวนประสาท ที่เคยได้รู้จักอยู่เสมอ

“นุชา”

เรียกชื่อ และกำลังรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่มาพร้อมกับคนที่มายืนก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้า

บอกได้ว่าไม่ใช่นุชาแน่ ๆ ไม่ใช่นุชาที่รู้จัก

“นุชา”

เรียกซ้ำอีกครั้ง และคราวนี้ นอกจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่หันกลับมามองแล้ว ยังหันหนีไปอีกทาง และไปยืนไขกุญแจประตูบ้าน

ทำเหมือนไม่สนใจกันเลย

ไม่ใช่อาการเมินเฉย แต่เป็นการหลบหน้า

ทำไมหลบหน้ากันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้

“อย่าทำตัวกวนประสาทอั๊วไม่ชอบ”

ว่าเข้าให้ด้วยประโยคทำร้ายจิตใจ แต่นอกจากคนฟังจะไม่สนใจแล้ว ยังไขกุญแจและเดินเข้าบ้านไปแบบไม่สนใจกันเลยสักนิด

“นุชา อย่ากวนประสาทเข้าใจมั้ย”

ไม่พอใจและไม่ชอบ คว้าข้อมือของคนที่เดินหนีเอาไว้ และรั้งให้หันมาเผชิญหน้ากัน
และก็ทันได้เห็นบางอย่าง

“จะไม่กวนจะไม่ทำให้โมโห จะไม่ยุ่งด้วยอีกแล้ว”

น้ำเสียงแผ่ว ๆ เบาจนแทบไม่ได้ยิน มาพร้อมกับการที่คนตรงหน้ายกหลังมือขึ้น
เช็ด.......หยดน้ำตา

ไม่ใช่นุชา

แบบนี้ไม่ใช่
“จะไม่ยุ่ง จะไม่ไปที่สนามอีกแล้ว”

น้ำเสียงแผ่วโหย และคนพูด พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนจะขาดใจ จนคนตัวสูงกว่า
ต้องยึดไหล่ของคนที่พูดไปก้มหน้าก้มตาไปให้หันมาคุยกันให้รู้เรื่อง

“อะไร พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง พูดดี ๆ ไม่ได้หรือไง......นุชา”

จากที่เหมือนคนกำลังโกรธและแทบจะควบคุมความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ไม่อยู่
แต่พอได้เห็นหน้า ได้เห็นสภาพที่ไม่เคยได้เห็น

หัวใจที่เคยครุกรุ่นไปด้วยความโกรธก็มีอันหล่นวูบลง เพราะสภาพดวงตาที่แดงก่ำ
และการยกหลังมือขึ้นปาดปาดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหลของนุชามันทำร้ายจิตใจมากเหลือเกิน

“สัญญา สาบานก็ได้ ยอมแพ้แล้ว ต่อไปจะไม่ไปให้คุณซ้งเห็นหน้าอีกตลอดชีวิตก็ได้”

ไม่เข้าใจ พูดเรื่องอะไร

อยู่ดี ๆ ก็พูด ลื้อพูดเรื่องแบบนี้กับอั๊วทำไม

“นุชา อั๊ว ไม่ใช่ว่า เอ่อ ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้.....มีใครว่า มีใครทำอะไรลื้อมาใช่มั้ย”

สงสาร

ไม่น่าใช่

เห็นใจ

ยิ่งไม่ใช่

แล้วในเวลานี้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันคืออะไร

คนหน้ามึน คนที่แกล้งให้ปวดหัว คนที่ไม่เคยชอบ และอยากจะเตะให้ไปไกล ๆ จากชีวิตอยู่ตลอดเวลา คน ๆ นั้นที่เคยรู้จัก

ผิดกับคน ๆ นี้ที่ยังก้มหน้าก้มตาร้องไห้ไม่ยอมหยุด

มีบางอย่างไม่ปกติ

ความรู้สึกอึดอัดและทุกข์ทนถูกส่งผ่านมาพร้อมกับร่างกายที่กำลังสั่นไหวเพราะควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้

มีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ

บางอย่างที่นุชา ไม่ได้พูดออกมา

แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับการที่ นุชาที่ดื้อรั้นและดึงดันเอาแต่ใจตัวเองคนนั้น
เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้

สงสัยแต่ไม่ได้ตั้งคำถาม

จะหาว่าเป็นคนขี้สงสารหรือใจอ่อนก็ได้
แต่ในเวลานี้ สิ่งที่ทำได้ คือรั้งร่างของคน ๆ นั้นเข้ามาหา

กอดเอาไว้ และแตะเบา ๆ

ลูบไล้ไปมาที่เส้นผม และแผ่นหลัง ของคนที่มายืนร้องไห้ให้กอด
พูดถ้อยคำซ้ำ ๆ ที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะพูด แต่ก็พูดออกไปแล้วด้วยความรู้สึกจริง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ทั้งหมด

“ไม่ร้องแล้วนุชา ร้องไห้ทำไม ไม่เป็นไรแล้วนะ มีอะไรค่อย ๆพูด ค่อย ๆ คิด ไม่ร้องแล้วนุชา อย่าร้องไห้เลย นุชาที่ซ้งรู้จักไม่ร้องไห้ง่าย ๆ หรอก ร้องไห้แบบนี้ไม่สมเป็นนุชาที่ซ้งเคยรู้จักเลยนะ รู้มั้ย”




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † กลับมา † [21/03/12]
«ตอบ #333 เมื่อ21-03-2012 13:59:52 »




ตอน กลับมา



“น้ำฝนกำลังจะแต่งงาน....” น้ำเสียงแหบพร่าที่เอ่ยบอก ขาดหายไปเป็นช่วง คนที่เอ่ยบอกพยายามจะปรับน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงพยายามพูดให้จบประโยคเท่านั้น

“ตลกดีนะ สุดท้ายทั้งพี่ทั้งน้ำฝนก็หนีไม่พ้น”

ได้ยินชัดเจน และรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเป็นไป


เราไม่ได้เจอหน้ากันสองปีเต็ม สองปีที่พยายามหลบเลี่ยงหนีหาย

พี่ฟ้ายังโทรมาหาอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นเวลาสองปี ที่ไม่เคยได้เห็นหน้ากันอีกเลย

อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่สิ่งที่ต่างฝ่ายต่างพยายามทำคือ

หนีห่างจากกันให้มากที่สุด

ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งที่ทำไม่ได้ อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายช่วยด้วยการปิดโทรศัพท์หนีไปซะ หรือไม่ก็กดวางสาย เพื่อให้คนที่โทรมาได้สงบจิตสงบใจลงบ้าง

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถตัดใจจากกันได้




นุชาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้ากลับลงมาที่เดิม
จ้องมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง และยิ้มออกมาอย่างเศร้า ๆ

เรื่องนั้นก็ถูกกำหนดไว้แล้วสินะ

“หนีไม่พ้นเหมือนพี่ฟ้าเลย” นิ่งคิด และเอ่ยตอบกลับไปเสียงเบา

ชะตากรรมของใครบางคนถูกกำหนดมาแล้ว และไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แม้อยากจะหนีอยากจะฝืน แต่สุดท้าย สามัญสำนึกก็บอกให้กลับไปสู่ที่เดิม

ต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้น

ที่ถูกกำหนดไว้

เหมือนกับที่คนตรงหน้าเคยพยายาม เคยหนี เคยฝืน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้

“พี่ฟ้า....ที่พี่ทำอยู่ ถูกต้องที่สุดแล้วนะ ที่พี่ทำ ... สำหรับชามันคือสิ่งที่ถูกต้อง”

บางครั้งสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต้องถูกแยกออกจากความรู้สึก

อย่าถามเลย ว่ายังรักเหมือนเดิมหรือเปล่า

ตอบได้ว่าไม่เคยเปลี่ยน แม้แต่ในเวลานี้ ความรู้สึกนั้นก็ยังอยู่
มันยังอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่เคยลบเลือนลงไปเลยสักนิด

แม้จะแกล้งลืม แม้จะพยายามลืม แม้จะพยายามแค่ไหน แต่ไม่เคยมีสักวันที่ลืม

“ชาเหมือนคนเป็นอะไรหรือไง ตั้งสองปีแล้วนะ พี่ฟ้าสบายใจเถอะ ชาอยู่ได้”

แม้พยายามจะทำเสียงให้ร่าเริงแค่ไหน แต่ใจใจลึก ๆ ก็รู้ตัวเองดีว่าบาดแผลที่คิดว่าหายแล้ว มันกำลังปริออกและเหมือนมีหยดเลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมา

พี่ฟ้ายังเป็นพี่ฟ้าคนเดิม เป็นเหมือนเดิม

วันเวลาเก่า ๆ หมุนย้อนกลับมาอีกครั้ง วันเวลาที่พยายามจะลืม อยากจะลืม และตั้งใจจะลืมมันไปให้หมด

สิ่งที่ทำให้พี่ฟ้าให้ความรู้สึกต่างจากเดิมมีเพียงเล็กน้อย คือใบหน้าซีดเซียว และดูเหมือนจะผอมลงกว่าเดิมจากครั้งหลังสุดที่เจอกัน

พี่ฟ้า

ชารู้ว่าพี่ฟ้ายังสบายดี แค่รู้ว่ายังสบายดี แค่ชารู้......ว่าพี่ยังสบายดีอยู่

“แล้วพี่ล่ะชา ใจพี่ล่ะ ชาก็รู้ดีว่าจนถึงตอนนี้มันเป็นยังไง”

รู้สิพี่ฟ้า ชารู้ดีว่าใจพี่เป็นยังไง

ชารู้

แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเราต่างก็รู้ดี ว่าวันเวลาของเรามันหมดลงไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว

ตั้งแต่วันที่.......พี่ฟ้าแต่งงาน

เจ็บปวดใช่เล่น

แต่มันก็เท่านั้น

เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราหมุนเวลาของเรากลับไปไม่ได้
สิ่งที่เราต้องทำคือเดินไปข้างหน้า มุ่งตรงไปและอย่าหันกลับมามองข้างหลังอีก

“ชาสงสัยมาตลอดเลย ว่าทำไมชาถึงได้สะดุดตาเขา พี่ฟ้าเชื่อป่ะ ชามองเขาตลอด ทั้งที่เป็นแค่เด็กที่อายุน้อยกว่า แต่เพราะว่าเขาตัวสูง ๆ เหมือนพี่ฟ้า มองเผิน ๆ บางครั้งชาก็นึกว่ามองหน้าพี่ฟ้าอยู่”

นุชาเอ่ยบอกกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

เล่าเรื่องของน้องแรงบันดาลใจซ้ง เล่าให้คนตรงหน้าฟัง เล่าตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอเล่าให้ฟังจนถึงวันนี้ เวลานี้ เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นาน

“เหมือนพี่ฟ้าหลายอย่างนะ เขาเหมือนพี่ฟ้าเมื่อสองปีก่อน ที่เราเคยเจอกัน
ปากก็ร้ายทั้งบ่นทั้งว่าชาตลอดเลย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนใจดีมากเลยนะพี่ฟ้า”

พูดได้เพียงเท่านี้ และนุชาก็สำนึกได้ถึงความเลวของตัวเอง

เลวเหลือเชื่อ

ใช้ใครบางคนเป็นตัวแทนความรู้สึกที่หล่นหายไป
คนที่แม้คล้ายกันมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางใช่

“ชา.....”

ได้ยินเสียงเรียกแผ่ว ๆ แต่มันก็แสนห่างไกล

แม้คนตรงหน้าจะอยู่ใกล้แค่ไหน แต่ยิ่งมองก็ยิ่งลางเลือนและไกลออกไป

มันเป็นเรื่องเมื่อสองปีก่อน ที่เราได้เจอะเจอกัน
เรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

พี่ฟ้าเป็นรุ่นพี่

เป็นรุ่นพี่ที่ดุมากซะจนรุ่นน้องทุกคนพากันเข็ดขยาด
แม้แต่นุชาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถเข้าหน้าติด แต่มันก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกของผู้ชายตัวโต ที่มีใบหน้าเคร่งขรึมอยู่เสมอ

ที่จริงแล้วพี่ฟ้าเป็นคนที่ใจดีมาก ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

โดยที่ไม่ทันได้คิด โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เราก็กลายเป็นคนรักกันไปซะแล้ว
รักกัน ทั้งที่รู้ว่า สุดท้ายพี่ฟ้าก็ไม่สามารถหนีจากครอบครัวพ้น

แม้พี่ฟ้าจะพยายามหนี แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางพ้น

“ใจพี่ฟ้า ยังอยู่ในนี้นะ มันยังอยู่ในนี้ของชาเสมอแหละพี่ฟ้า ไม่เคยไปไหนหรอก”

นุชาเงยหน้าขึ้นและแตะฝ่ามือของตัวเองที่อกข้างซ้ายของตัวเอง

เอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม เอ่ยบอกทุกความรู้สึกทั้งหมดที่ไม่เคยเปลี่ยน

“ชาหวังว่าสักวัน ชาจะเอากลับไปคืนให้พี่ฟ้า แต่มันก็ยังอยู่จนถึงตอนนี้จนได้”

เจ็บ

ปวด

ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้

แต่สิ่งที่ต้องทำคือพยายามตั้งสติให้มั่น

“พี่ฟ้าสัญญากับชาไว้ยังไง วันนี้ชาก็ยังทวงสัญญานั้นอยู่นะ พี่ฟ้าอย่าแม้แต่จะคิด อย่าทำ พี่ฟ้าอย่าหักหลังครอบครัว”

ในสายตาของฟ้า

นุชาเป็นคนเย็นชาอย่างร้ายกาจ
ทั้งที่รัก แต่แค่คำว่า ทำเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง นุชาก็พร้อมจะทำ

มันเป็นเวลาสองปี ที่ต้องทนทุกข์ทรมานและไม่อาจตัดใจได้

แต่นุชาก็ยังคงเป็นนุชา ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความตั้งใจของนุชาได้เลย

เป็นแค่เด็กขี้เล่น เรื่อยเปื่อย ดูเหมือนไม่จริงจังกับอะไร แต่ยึดมั่นในความถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ

“คิดถึงชา ชาก็อนุญาตนะพี่ฟ้า แต่แค่ปีละครั้ง ชาจะมาดูหน้าพี่ฟ้าแค่ปีละครั้งเท่านั้นแหละ พี่ฟ้าอย่าหวังจะเรียกร้องอะไรให้มากกว่านี้เลย”

คำพูดที่เสียดแทงเข้าไปในหัวใจ ยอมรับว่าเจ็บปวด

แต่มันก็คือความจริง

“พี่ฟ้า....อย่าหักหลังครอบครัว”

เจ็บที่สุด

เหมือนหัวใจจะหลุดออกมาจากอก

เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ทุรนทุราย

แต่สิ่งที่ฟ้าทำได้คือ นั่งงัน ฟังทุกถ้อยคำของนุชา และตอกย้ำมันเข้าไปในสมอง มันคือความจริง ที่ต้องทำ

มันคือภาระ และหน้าที่ของชีวิต

“ชาไม่โกหกหรอก ชารักพี่ฟ้า ถึงตอนนี้ชาก็ยังรัก ชาจะเลิกรักไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่ทำไม่ได้ซะที แต่พี่ฟ้าก็รู้นิสัยชา ชามันเย็นชาเหมือนชื่อนั่นแหละ พี่ฟ้าก็เห็นใช่มั้ย ว่าตอนนี้ชาก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

ถ้าจะมีใครใจร้ายได้มากที่สุด

คน ๆนั้นย่อมเป็นนุชา

ถ้าจะมีใครที่ทำร้ายความรู้สึกคนอื่นได้มากที่สุด

คน ๆ นั้นย่อมเป็นนุชา

“ดึกแล้ว ชากลับก่อนนะพี่ฟ้า”

ไม่ต้องรอให้อีกฝ่าย ไม่ต้องรอให้ตั้งคำถาม ไม่มีการเหนี่ยวรั้ง นุชาส่งยิ้มให้กับคนตัวโตที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้า

ทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร ทำเหมือนเข้มแข็ง

ทำเหมือนไม่รู้สึก

ก้าวขาเดินออกมา โดยไม่หันกลับไปมอง

เดินไปที่ถนนและโบกมือเรียกแท็กซี่ให้จอดรับ บอกที่หมายที่จะไป
และเข้ามาอยู่ในรถ

กอดกระเป๋าแน่น จิกปลายเล็บลงไป เพื่อระบายความรู้สึกทั้งหมด

พี่ฟ้า...........ชามันเลว ............. ชามันคนเห็นแก่ตัว.........

ชามันก็แค่ไอ้คนเห็นแก่ตัว

นุชาขบริมฝีปากตัวเองแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้
บอกตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้จะไม่มีน้ำตา

วินาทีแรกที่สบตาของพี่ฟ้า ก็รู้แล้ว ว่าความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดที่พยายามลบมันกำลังย้อนกลับมา มันถาโถมเข้ามาในใจ ทะลักทลายเข้ามาอย่างห้ามไม่อยู่ กัดฟันฝืนทน และทำเหมือนเข้มแข็ง แต่ในใจมันกำลังจะระเบิดออกมา

ชากำลังจะตาย

แทบไม่อยากหายใจ ไม่อยากรู้สึก

ที่แย่ไปกว่านั้น คือสำนึกที่กำลังเกิดขึ้นในหัว

ขอโทษคุณซ้ง........ ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมถึงสะดุดตาคุณซ้งขนาดนั้น
ทำไมถึงอยากอยู่ใกล้ ๆ ทำไมถึงอยากแกล้ง อยากทำให้โมโห

แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไม

เลวที่หลอกตัวเองว่าย้อนเวลากลับไปในวันเวลาเก่า ๆ ได้
เลวที่หลอกให้คนอื่นย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาเก่า ๆ โดยที่เจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องด้วยเลย

เลว......

ยิ่งรู้ว่าตัวเองเลว ยิ่งเหมือนไม่มีพื้นที่ให้ยืน

และเมื่อตั้งสติ ให้พาตัวเองกลับมายืนอยู่ที่หน้าบ้านได้ และได้เห็นว่าใครยืนรออยู่ตรงหน้า นุชาก็แทบอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ

“เฮ้ย นุชา”

ได้ยินเสียงเรียก ได้ยินชัดเจน แต่พยายามหนี พยายามก้มหน้าหลบ
แต่ก็ไม่พ้น

ไม่เคยพ้น

ไม่ว่ายังไงก็หนีไม่เคยพ้น ไปไหนก็ไม่พ้น

ไม่รู้จะไปทางไหน ไม่มีที่ให้ไป ไม่มีทางให้หนี ไม่มีทางหลีกเลี่ยง

ไม่มีที่จะให้ไปได้อีกแล้ว

ไม่มี........


“อย่าทำตัวกวนประสาทอั๊วไม่ชอบ”


“นุชา อย่ากวนประสาทเข้าใจมั้ย”

นุชาแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำ ว่าคนตรงหน้าพูดอะไร จิตใจไม่ได้อยู่ที่คำพูดของคนตรงหน้าเลยสักนิด แต่สิ่งที่อยู่ในหัว คือจะไม่หาใครมาเป็นตัวแทนของพี่ฟ้าอีกแล้ว

“จะไม่กวนจะไม่ทำให้โมโห จะไม่ยุ่งด้วยอีกแล้ว”

น้ำเสียงแผ่ว ๆ เบาจนแทบไม่ได้ยิน มาพร้อมกับการที่นุชายกหลังมือขึ้น
เช็ด.......หยดน้ำตา
ที่แม้จะพยายามสะกดกลั้นแค่ไหน แต่ในเวลานี้ก็ไม่มีอะไรมาหยุดน้ำตาที่หลั่งรินหยดลงมาที่ข้างแก้มได้อีกแล้ว


“จะไม่ยุ่ง จะไม่ไปที่สนามอีกแล้ว”

น้ำเสียงแผ่วโหย และคนพูด พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนจะขาดใจ

“อะไร พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง พูดดี ๆ ไม่ได้หรือไง......นุชา”

ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงอะไรบ้าง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวใจกำลังจะหลุดลอยไปไกลแสนไกล และเอาแต่พร่ำพูดแต่คำพูดเดิม ๆ ไม่เลิก

“สัญญา สาบานก็ได้ ยอมแพ้แล้ว ต่อไปจะไม่ไปให้คุณซ้งเห็นหน้าอีกตลอดชีวิตก็ได้”

นุชารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหายใจไม่ออก กำลังจะขาดอากาศหายใจ
ไม่มีแม้แต่พื้นที่จะให้อยู่ ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง หัวใจที่เคยแข็งแกร่ง กำลังปริแตก มันค่อย ๆ ร้าว และเหมือนกำลังจะหล่นลงไปอยู่กับพื้น


“ไม่ร้องแล้วนุชา ร้องไห้ทำไม ไม่เป็นไรแล้วนะ มีอะไรค่อย ๆพูด ค่อย ๆ คิด ไม่ร้องแล้วนุชา อย่าร้องไห้เลย”

รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคน
ใครคนนั้นที่กำลังลูบไล้เส้นผม และเอ่ยถ้อยคำที่ฟังแทบไม่รู้เรื่องว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

แต่มันอุ่นวาบ และสัมผัสอุ่น ๆนั้น ซึมซาบเข้าไปภายในหัวใจของนุชาอย่างช้า ๆ สัมผัสแผ่วเบา ที่ดึงสติของนุชาให้กลับคืนมา

กลับมาในที่ ที่ควรอยู่

ใครกัน......ที่ดึงให้กลับมา

ใคร.......ที่ดึงหัวใจที่หลุดลอยให้กลับมา

“นุชาที่ซ้งรู้จักไม่ร้องไห้ง่าย ๆ หรอก ร้องไห้แบบนี้ไม่สมเป็นนุชาที่ซ้งเคยรู้จักเลยนะ รู้มั้ย”



TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน ไม่เข้าใจ



“ซ้งไม่ยอมรักใครเลยตลอดชีวิตนี้อาม่าไม่ว่า
แต่ซ้งอย่าเป็นคนไม่มีหัวใจ อย่ากลายเป็นคนไร้หัวใจ”


คำสอนของอาม่ายังดังก้องอยู่ในหัวเสมอ

อย่าทำเหมือนทุกอย่างรอบตัวไม่มีอะไรน่าสนใจค้นหา
อย่าเมินเฉย ต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง

เพราะการไม่ยอมรักใคร ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นคนเย็นชา

และเพราะไม่ใช่คนไร้หัวใจ ถึงทนไม่ได้เวลาเห็นคนกำลังเป็นทุกข์
เพราะไม่ใช่คนไร้หัวใจ ถึงทนไม่ได้เวลาเห็นคนร้องไห้เหมือนจะขาดใจอยู่ตรงหน้า

ถึงจะไม่เคยรักใครเท่าอาม่า แต่ก็ไม่อยากเป็นคนไร้หัวใจ

แม้คนนั้นจะเป็นนุชาหน้ามึนที่ชอบกวนประสาทและทำให้โมโหอยู่เสมอ

สิ่งที่เห็นในเวลานี้ นุชาไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนนุชาคนที่ปกติจะทำแค่หน้ามึน และชอบทำท่าทางกวนประสาท เวลานี้ที่ได้เห็นไม่ใช่นุชาคนนั้น แต่เป็นนุชาที่น่าสงสารมากซะจนทนไม่ได้ ต้องรั้งให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน กอดเอาไว้ และสัมผัสได้ถึงแรงสะอื้นไห้อย่างรุนแรง

ไม่ใช่แค่เพียงร่างกายที่กำลังไร้เรี่ยวแรงแต่รวมไปถึงหัวใจที่ดูเหมือนจะย่ำแย่ไม่ต่างกัน

“นุชา”

เอ่ยเรียกชื่อย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ หลายครั้งหลายหนเพื่อเรียกสติของคนในอ้อมแขนกลับมา ลูบไล้ฝ่ามือไปมาที่แผ่นหลังของคนที่ยืนให้กอดเพื่อหวังจะช่วยปลอบใจอยู่อย่างนั้นเป็นนาน

นุชายืนนิ่งในอ้อมแขนไม่ได้ผลักไสหนีห่าง

ในเวลาไม่นานเมื่อตั้งสติได้ ก็ค่อย ๆ ผละออกจากอ้อมแขนที่กอดเอาไว้อย่างช้า ๆ

ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล

“ไม่เป็นไรนะ”

เป็นคำพูดที่นุชาได้ฟังแล้วไม่คิดว่าตัวเองจะดีใจขนาดนี้
คำว่าไม่เป็นไร คำพูดง่าย ๆที่แฝงมากับน้ำเสียงที่เหมือนคนพูดอยากปลอบโยนจากใจจริง

ไม่เป็นไรงั้นเหรอ

ไม่เป็นไร

เคยไม่เป็นไร เคย.....

ทั้งที่มั่นใจอยู่เสมอว่าจะไม่เป็นไร และจะอยู่กับความรู้สึกเจ็บปวดนี้ให้ได้
แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยทำได้จริง

วันนี้ไม่คิดว่าจะได้ยินถ้อยคำนี้จากคนตรงหน้า ไม่เคยคิดไม่เคยฝัน แต่ก็ได้ยิน

การที่มีใครสักคนมาปลอบใจ และบอกว่าไม่เป็นไร มันทำให้รู้สึกดีไม่น้อย

ดี

รู้สึกดีมาก รู้สึกดีมากกว่าเวลาที่ต้องปลอบตัวเองเพียงลำพัง

“……….” ไร้เสียงตอบกลับ แต่นุชาก็พยักหน้ารับ

แสดงความรู้สึกให้รู้ว่าได้ยินคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากของอีกฝ่ายชัดเจน

“โทรศัพท์ อั๊วเอามาคืน”

โทรศัพท์ที่ถูกแยกชิ้นส่วน ถูกยื่นส่งให้และนุชาก็ทำแค่เพียงนิ่งมอง

ไม่ได้รับมาถือเอาไว้ แต่มองแล้วแค่นยิ้มให้กับตัวเอง

ไม่จำเป็นต้องใช้แล้วคุณซ้ง

สิ่งที่เคยยึดติด มันหลุดลอยไปตั้งนานแล้ว

ที่เอาแต่ทำเรื่องบ้า ๆ อยู่ทุกวัน
ก็เพราะหลอกตัวเอง และแอบหวังลึก ๆ ว่าช่วงเวลาที่ผ่านไปนานแล้วจะคืนกลับมา

เพราะนุชาไม่รับ

ซ้งก็เลยต้องคืนด้วยการยัดเยียดใส่มือให้

“นุชา ถึงลื้อจะกวนโมโห และแกล้งมึนใส่อั๊วบ่อย ๆ แต่อั๊วว่าอั๊วเกลียดนุชาคนนั้น น้อยกว่านุชาคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าอั๊วตอนนี้ว่ะ”

ถ้าใครสักคนจะปลอบใจได้น่าหมั่นไส้และน่าโมโหที่สุด

คน ๆ นั้นคงเป็นน้องแรงบันดาลใจซ้ง

ไม่ได้บอกว่าชอบ แต่ใช้วิธีการลำดับความเกลียดเพื่อปลอบใจ
น่าแปลกที่คำพูดนั้นใช้ได้ผล

นุชาที่คิดว่าความรู้สึกของตัวเองย่ำแย่จนไม่มีอะไรมาสามารถรั้งเอาไว้ได้
กลับปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก

เกลียดเหรอ

เกลียดสินะ

น้องแรงบันดาลใจซ้งหน้าใสกิ๊ง ที่มักทำหน้าบูดบึ้งบู้บี้ใส่อยู่เสมอเวลาที่ทำให้ไม่พอใจ
กำลังพูดว่าเกลียด

เป็นครั้งแรกที่นุชาบอกตัวเอง ว่ารู้สึกชอบคำว่า “เกลียด” คำนี้มาก
แปลกใจที่ชอบ

เป็นเรื่องประหลาดที่คิดว่าตัวเองชอบคำว่าเกลียดคำนี้

คุณซ้ง.....

ขอบคุณจริง ๆ

อยากบอกว่าขอบคุณ

ขอบคุณจากหัวใจ

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันในเวลาที่หัวใจหลุดลอยจากไปไกลแสนไกลและไขว่คว้ากลับคืนมาไม่ได้

นุชาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้ ควานหาท็อฟฟี่เม็ดเล็ก ๆ ที่ยังหลงเหลือติดกระเป๋าแบมือออกและยื่นส่งให้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“หมดนี่...ผมให้คุณซ้ง”

ซ้งไม่เข้าใจสิ่งที่นุชากำลังทำ

คนตัวสูง ขมวดคิ้วมุ่น แต่ยินยอมรับท็อฟฟี่หลากสีเอาไว้ในมือทั้งหมด

ไม่รู้สาเหตุที่นุชามอบท็อฟฟี่ให้

แต่เมื่อรับท็อฟฟี่หลายเม็ดมาไว้ในมือ และเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง กลับพบกับความรู้สึกบางอย่างที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

แม้จะมีน้ำตาคลอรินอยู่ที่หน่วยตา

แม้ว่านุชาจะยังไม่เลิกยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

แม้ว่านุชาจะอยู่ในสภาพยับเยินกระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิงและดูน่าทุเรศแค่ไหน
แต่รอยยิ้มหมอง ๆ ที่ส่งผ่านมากับความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงก็ทำให้ซ้งถึงกับชะงักนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

“ซ้งไม่ยอมรักใครเลยตลอดชีวิตนี้อาม่าไม่ว่า
แต่ซ้งอย่าเป็นคนไม่มีหัวใจ อย่ากลายเป็นคนไร้หัวใจ”

คำพูดของอาม่ายังดังก้องไปก้องมาในหัว
ความมุ่งมั่นส่วนตัวที่จะไม่ยอมหลงรักใครให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนโง่และเจ็บปวดหัวใจจนตาย เหมือนที่หม่าม๊ารักป๊าจนหมดหัวใจ และต้องตรอมใจตายเพราะไม่ว่าจะรักป๊ามากแค่ไหนแต่สุดท้ายป๊าก็ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยให้หม่าม๊าต้องช้ำใจ และตรอมใจตายในที่สุด

เกิดมาไม่เคยรักใคร

สาบานและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมรักใคร

ความมุ่งมั่นนั้นไม่เคยมีใครมาสั่นคลอนลงได้ จนถึงเดี๋ยวนี้

ไม่ว่าจะมีผู้คนผ่านเข้ามาในชีวิตมากมายแค่ไหน แต่ซ้งไม่เคยยอมรับหรือเปิดใจให้ใครเลยสักครั้ง

---------อย่ากลายเป็นคนไร้หัวใจงั้นเหรอ-------

ซ้งแตะฝ่ามือลงที่อกข้างซ้ายของตัวเอง และพบว่าหัวใจกำลังเต้นแรง
เร็วและแรงจนเหมือนมันกำลังจะหลุดออกมาจากอก

หัวใจยังอยู่ในนี้ ยังมีอยู่ในนี้เหมือนเดิม มันยังคงอยู่ที่เดิม

แต่.......

.......อาม่ากิมครับ.....

แล้วความรู้สึกที่กำลังโลดแล่นอยู่ภายในหัวใจตอนนี้ล่ะ

ความรู้สึกที่ว่าหัวใจกำลังฟูฟ่องและล่องลอย

ความรู้สึกนี้........เรียกว่าอะไร………….



TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † เซ็งโลก † [21/03/12]
«ตอบ #335 เมื่อ21-03-2012 14:14:09 »




ตอน เซ็งโลก



“ซ้ง....โลกนี้ไม่ได้มีแค่เฮีย กับอาม่ากิม มันยังมีคนอื่น ๆ อีกตั้งมากมายในโลกใบนี้ด้วย”

เรื่องเดิมอีกแล้ว

เฮียเหวงพูดเรื่องนี้อีกแล้ว

รู้

ทำไมจะไม่รู้ว่าโลกนี้มีคนมากมายหลายร้อยหลายพันล้านคน

แล้วยังไง ต่อให้โลกนี้จะมีคนมากน้อยแค่ไหนก็ไม่เห็นจะเกี่ยว
เพราะไม่เคยคิดจะสนใจและไม่เห็นว่ามันจะสำคัญหรือจำเป็นกับชีวิตตรงไหน

“เปิดใจบ้างซ้ง.... อย่าปิดตายขังตัวเองแบบนี้”

ไม่ได้ปิดตาย

ไม่ได้ขัง

แต่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วย
แล้วที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่ดีตรงไหน ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วทำไมจะต้องให้ใครเข้ามาในชีวิต เรื่องยุ่งยากวุ่นวายแบบนั้น
ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร

“รู้แล้ว”

ตอบออกไปแล้ว และซ้งก็เริ่มทำหน้าบึ้ง

ไม่ชอบเรื่องนี้
เฮียเหวงพูดเรื่องนี้อีกแล้ว พูดหลายรอบ พูดทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

เรื่องเดิม ๆ
เรื่องเป็นคนไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เรื่องที่ชอบทำเป็นนิ่งเฉยกับเรื่องราวรอบ ๆ ตัว
เรื่องที่ชอบทำเหมือนไม่สนใจใคร ๆ ทั้งหมดในโลกใบนี้

“เฮียก็กลับมาอยู่บ้านกับซ้งแล้วก็อาม่าสิ”

จนได้

หน้าแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าไอ้ซ้งมันคิดอะไร
หน้าแบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันกำลังน้อยใจ

แต่เรื่องที่บอกเรื่องที่สอนเรื่องการใช้ชีวิต มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ยอมกลับบ้าน มันคนละประเด็นคนละเรื่องกัน


ซ้งเอ้ยยยยยยยย

จะให้เฮียพูดจะให้เฮียอธิบายยังไงถึงจะเข้าใจวะ

เหวง ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

และนั่งมองหน้าน้องชายนิ่ง ๆ

ปัญหาใหญ่ของซ้งคือ การที่ไม่ยอมพูดยอมจากับคนรอบข้าง

ไม่ยิ้มไม่หัวเราะ แทบจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไรออกมา

พอใจก็เฉย ไม่พอใจก็นิ่ง

ไม่ว่าใครจะทำอะไร ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ก็ทำได้อยู่หน้าเดียวคือหน้านิ่ง ๆ กับหน้าเรียบเฉย

เมินโลก

และไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิต

เข้าใจว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งด้วย

เข้าใจว่าเรื่องหม่าม๊ามันฝังอยู่ในหัวของซ้งตลอดเวลา รู้ว่าไม่อยากเจ็บปวดไม่อยากเสียใจกับเรื่องของคนอื่น รู้ว่าไม่อยากเป็นแบบหม่าม๊า

แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็เกินไป

เล่นปิดตายตัวเองแบบนี้ มันก็ไม่ไหว

กลายเป็นว่า ไม่ยอมออกจากโลกของตัวเองมาพบเจอผู้คนบ้าง

อยู่คนเดียว และใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ทุกวัน

ชีวิตแบบเดิม ๆ แบบที่ไม่ค่อยมีใครเขาใช้กัน

เฉพาะเพื่อนเรียกว่านับตัวกันได้ไม่ยาก

อยู่กับอาม่า ติดอาม่า จนไม่ยอมไปไหน
ไม่ยอมไปค้นหาอะไรใหม่ ๆ ให้กับชีวิตบ้างเลย

“ถ้าเฮียอยากให้ซ้งไปเจออะไรบ้าง เฮียก็ต้องกลับมาอยู่กับซ้ง กับอาม่า
เฮียไม่เห็นต้องไปทำงานพิเศษหามรุ่งหามค่ำขนาดนั้น แค่เก็บค่าเช่าจากตึกแถวแล้วก็บ้านเช่าก็พอแล้ว เฮียจะไปอยู่ข้างนอกให้ลำบากทำไม”

มันไม่เกี่ยวเลย

เรื่องนั้นมันก็คนละเรื่องกับเรื่องที่กำลังคุยกัน

“นั่นมันของซ้งไม่ใช่ของเฮีย ซ้งดูแลอาม่ามากกว่าใครมันก็ต้องเป็นรายได้ของซ้งไม่ใช่ของเฮีย”

เถียงกันรอบที่ร้อย

และก็จะพาลโกรธกันเมื่อพูดเรื่องเดิม ๆ

“ก็นั่นแหละเฮีย ถึงซ้งไม่สนใจใคร แต่ซ้งมีหัวใจ เฮียไม่ต้องกลัวว่าซ้งจะเป็นพวกไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคนรอบข้างหรอก ซ้งไม่ใช่คนไร้หัวใจ”

ให้มันจริงอย่างปากพูด

พูดแบบนี้ แต่ไม่ว่ากี่ครั้งกี่หน ก็ไม่เคยเห็นจะแก้นิสัยนี้ได้ซะที

นิสัยเมินเฉย
และชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้ ไม่ยอมพูดไม่ยอมบอกใครว่ารู้สึกยังไง

นิสัยซ้งมันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร จนปัญญาจะพูด และไม่รู้จะแก้ไขยังไงจริง ๆ

“หรือเฮียจะให้ซ้งลองเก็บกระรอกมาเลี้ยงแบบเฮีย เผื่อจะดีขึ้น”

มันเข้าใจเปรียบ

เห็นกัดกันทุกครั้งที่เจอหน้า

ถ้าจะเลี้ยงกระรอกแบบไอ้คุณยิ้มมันก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร

แต่ต้องดูดี ๆ เพราะกระรอกที่เลี้ยงอยู่ กินเก่ง กินดุมาก ให้ข้าวให้ขนมกินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม ไม่เคยพอ วันดีคืนดีก็ทำให้มึนงงกับพฤติกรรมแปลก ๆ บางทีก็ได้แต่อึ้งกับความคิดประหลาด ๆ ที่ไม่รู้ว่ากระรอกที่เลี้ยงไว้มันคิดได้ยังไง แต่ถึงจะทำให้รำคาญใจเล็ก ๆ ในบางครั้ง

แต่กระรอกที่เลี้ยงเอาไว้ โคตรน่ารัก ชอบเวลาที่กระรอกยิ้มหวาน ๆ ชอบมองเวลาที่อ้อน ไม่รู้ว่ามันหลงมาจากไหน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กลายเป็นคนเลี้ยงกระรอกไปแล้ว

“ซ้ง เลี้ยงกระรอกไม่ได้หรอก ถ้าเป็นกระต่าย เฮียว่าไม่แน่”

กระต่าย

กระต่ายที่ไหน

ไม่เคยเห็น

“กระต่ายตัวสีขาว ๆ ที่กระโดดไล่ตามซ้งในสนามบ่อย ๆ ตัวที่ขาเป๋ ๆ วิ่งช้า ๆ ถ้าจะลองเลี้ยงดู เพื่อทำให้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้น เฮียก็ว่าไม่เลวนะ”

คิดได้ยังไงเฮีย

นั่นไม่ใช่กระต่าย

นั่นมันไอ้ตี๋นุชาหน้ามึน

มันชอบทำหน้ามึน และกวนประสาทให้โมโหอยู่บ่อย ๆ

“ เลี้ยงไม่ได้หรอกเฮีย มันกวนประสาท ชอบยั่วโมโห เดี๋ยวตีมันตาย เพราะความกวนประสาทของมัน”

เอ่ยบอกออกไปแล้ว และน้องแรงบันดาลใจซ้ง ก็ทำหน้าเซ็งโลกเมื่อนึกถึงหน้าของคนที่ชอบพูดจาวกวน และชอบทำเรื่องให้ปวดหัวและไม่พอใจอยู่บ่อย ครั้ง

“เฮียว่ากระต่ายตัวนี้มันเก่ง ..... มันทำให้ซ้งสนใจมันได้ ”

ทำให้สนใจ

ทำให้สนใจได้งั้นเหรอ

ทำให้สนใจได้………อย่างนั้นหรอกเหรอ

ทำให้สนใจได้.......แบบเมื่อคืนหรือเปล่า

แบบเมื่อคืนที่สนใจมัน.....จนต้องปลอบใจเพราะไม่อยากเห็นเวลาร้องไห้
ทำให้สนใจจนต้องคว้าเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมแขน เพราะไม่อยากให้เสียใจ

ทำให้สนใจ ทำให้ต้องนั่งมองนิ่ง ๆ อยู่เป็นเวลานาน
ทำให้รอว่าเมื่อไหร่จะหยุดร้องไห้
ทำให้ต้องพูดคำพูดแปลก ๆ ที่ไม่เคยพูดกับใคร

ทำให้.....สนใจ

ทำให้อยากดูแล อยากปลอบใจ อยากเห็นชัด ๆ อยากแน่ใจว่าในเวลานั้นก่อนที่จะกลับบ้าน นุชาหยุดร้องไห้ได้แล้วจริง ๆ

ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถสนใจใครได้มากขนาดนี้

แค่เพียงนิดเดียวก็ไม่เคยคิด

เฮียเหวง......เรื่องไม่ค่อยสนใจใครนั่นน่ะ ซ้งก็รู้ตัว

แต่ซ้งไม่ใช่คนไร้หัวใจหรอก
รู้หมดแหละว่าคนที่อยู่รอบข้างรู้สึกยังไง
แต่นิสัยซ้งมันเป็นแบบนี้ มันแก้ไม่หาย
นอกจากทำเป็นเฉย ๆ ใส่ซะ ซ้งก็ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง จะให้เข้าไปคุยด้วย มันก็ไม่ใช่ เรื่องแบบนั้น ทำไม่เป็นหรอก

แต่นุชามันเป็นคนแปลก ๆ ที่ทำให้ซ้งรู้ว่า

จุดเริ่มต้นของคนเรา บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นต้องมาจากการพูดคุยกันตั้งแต่แรก
บางทีมันอาจจะเป็นการไม่ถูกชะตากันก็ได้

บางที.....ซ้งอาจไม่ได้เกิดมาเพื่อรู้สึกรู้สากับใคร
และบางที....ซ้งอาจเกิดมาเพื่อรู้สึกบางอย่าง กับคนแค่บางคน

ยกตัวอย่างเช่น คนอย่างนุชา




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † อมยิ้ม † [21/03/12]
«ตอบ #336 เมื่อ21-03-2012 14:16:44 »




ตอน อมยิ้ม


ปวดหัว

รู้สึกว่าอาการปวดหัว เริ่มตามมาเล่นงานตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวาน
หลังจากเลิกงานและนั่งรถทัวร์กลับมากรุงเทพ

คิดว่าจะแอบหลับสักนิด แต่ว่าตาค้าง เพราะหัวใจมันคิดถึงแต่หน้าของน้องแรงบันดาลใจซ้งหน้าใสกิ๊ง แต่ชอบทำหน้าบึ้ง และทำเป็นเมินเฉยไม่ยอมสนใจใคร

ทำไมไม่รู้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเพราะอะไร

ชอบว่ะ

โคตรชอบคุณซ้งเลย

น่ารัก

บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงมองว่าเป็นคนน่ารัก ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่เป็นอะไรบางอย่างที่รวมกันเป็นคุณซ้ง

ยอมรับว่ามีหลายครั้งที่มองหาใครบางคนในตัวคุณซ้ง
มองบ่อย ๆ คิดบ่อย ๆ และมักจะอมยิ้มทุกครั้งเวลาที่ได้เห็น

เจอทุกครั้งที่มองหา มีคนบางคนที่นึกถึงอยู่ตลอดเวลาอยู่ในนั้น

แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

เพราะมีใครอีกคนอยู่ในนั้นด้วย มีใครบางคนที่ไม่ใช่คนที่นึกถึง

เป็นใครสักคน ที่ชอบนั่งนิ่ง ๆ เฉย ๆ ข้างสนามในบางครั้ง
คน ๆ นั้นมักจะกวาดสายตามองไปเรื่อยๆ รอบ ๆ บริเวณสนาม

นั่งนิ่ง ๆ คนเดียว เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

น้องแรงบันดาลใจซ้ง ตัวสูง หน้าใสกิ๊ง มีบุคลิกประจำตัวที่ไม่เหมือนใครคือ
หลังจากวิ่งรอบสนามอย่างบ้าเลือด ชนิดที่น่าไปคัดตัวทีมชาติ วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย วิ่งโดยไม่มองใครใด ๆ ทั้งสิ้น

หลังจากวิ่งจนได้ที่ ก็จะมานั่งชันเข่าเหงื่อหยดอยู่ข้างสนาม โดยมีกระติกน้ำเล็ก ๆ วางอยู่ข้าง ๆ

เห็นอยู่บ่อย ๆ ที่นั่งมองอะไรไปเรื่อย มองผู้คนมองต้นไม้ใบหญ้า
แต่ไม่รู้ว่าระหว่างมอง คุณซ้งกำลังคิดอะไร

นุชายกหลังมือขึ้นขยี้ตา และพลิกตัวไปอีกทาง

สะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามบ่าย

แสงแดดลอดเข้ามาระหว่างบานหน้าต่าง

ยังง่วงงุนจนไม่อยากจะลืมตา เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา สมองก็เริ่มคิด คิดไปเรื่อย ๆ เพราะหยุดความคิดของตัวเองไม่ได้

คิดถึงเรื่องคุณซ้ง

ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดถึง ทั้งหน้าตา ทั้งน้ำเสียงเวลาพูด

ทั้ง..........อ้อมกอดอุ่น ๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับ จากคุณซ้ง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้

แต่ถึงไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว
น่าแปลกที่อ้อมแขนนั้น ให้ความอบอุ่นได้จริง ๆ และยังเรียกสติที่หลุดล่องลอยให้กลับคืนมาด้วย

ปกติเราไม่เคยพูดจากันดี ๆ ด้วยซ้ำ คุณซ้งปากจัดพูดมาแต่ละคำเจ็บปวดสุด ๆ แต่จะโทษก็ไม่ได้ ไปแหย่ไปแกล้งเอง ก็ต้องยอมรับสภาพ

ก็ถ้าไม่แกล้งก็ไม่ค่อยจะยอมพูดอะไรออกมาสักคำ

วัน ๆ เจอกันทีไร ก็เอาแต่วิ่ง ๆ ๆ ไม่สนใจจะมองกันบ้าง
จะยอมพูดยอมจาก็ตอนที่แกล้งไปกระแซะอาม่ากิมนั่นแหละ

อยู่ตรงไหนคุณซ้งก็วิ่งมาด่าเอาจนได้ หวงจริงจังมาก
ชนิดไม่ยอมให้อาม่ากิมคลาดสายตา

พฤติกรรมแบบนั้น มันน่ารักจริง ๆ แปลกที่มองยังไงก็ว่าน่ารัก

คุณซ้ง น่ารักมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า ถึงเราไม่เคยคุยกันดี ๆ
แต่.....คุณซ้งเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลยนะ
ถ้าคืนก่อนคุณซ้งจะด่าจะว่าหรือไม่สนใจก็ได้ แต่คุณซ้งก็ไม่ทำ แถมยังดึงเข้าไปกอด และปลอบใจด้วย ทั้งที่ถ้าคนเราไม่ชอบหน้ากันขนาดนั้น น่าจะสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ

เป็นคนที่ดีจริง ๆ นะคุณซ้ง รับรู้และรู้สึกจากใจอยู่เสมอ ว่าคุณซ้งเป็นคนดีคนหนึ่งเลย

เป็นคนดี....เหมือนคนนั้น


อ่า.......อีกแล้ว เรื่องนั้นชอบผุดเข้ามาอยู่ในหัวเรื่อยเลย เป็นบ่อย ๆ จนเริ่มชิน
พักหลัง ๆ นี้หลังจากมีอะไรให้คิดให้ทำมาก ๆ เข้า ก็เริ่มเลือนหายไป

เรื่องเดิม ๆ ที่กำลังเริ่มเลือนหายไป....ไม่เหมือนเมื่อแรก ๆ ที่ชัดเจน
บางทีที่กลับมาคิดอีกครั้ง หลังจากเลิกคิดไปนาน คงเป็นเพราะเมื่อคืนได้เจอหน้ากัน หลังจากไม่ได้เห็นหน้ามานาน

ความรู้สึกมันก็ยังเหมือนเดิม
ต่างจากเดิมนิดหน่อย ตรงที่ทำใจได้มากขึ้น
ไม่ฟูมฟายไม่ร้องไห้เสียใจ ทำให้ตัวเองไม่แสดงกิริอาการอะไรออกไปได้แล้ว

ถ้าเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็คงจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

และ.....

เหี้ยเอ้ยยย กำลังคิดกำลังบิ๊วเพลิน ๆ ใครโทรมาวะ

นุชาลุกขึ้นจากเตียงในสภาพหัวยุ่ง น้ำท่าไม่ได้อาบตั้งแต่เช้า
ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ที่ประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเรียบร้อยแล้ว และได้เห็นหมายเลขที่โทรเข้ามา

เอาจริงดิ

จริงจังนะนี่

คิดถึงผมเหรอค้าบบบบบบบบคุณซ้ง

ก็ถ้าคิดถึงกันขนาดนี้ ทำไมไม่รีบโทรมาเร็ว ๆ กำลังชมว่าน่ารักอยู่เชียว

“ครับ”

ตอบออกไปและยิ้มเล็ก ๆ เมื่อคิดได้ว่านาน ๆ ทีคุณซ้งจะเป็นฝ่ายโทรมาหา
ถึงจะโทรมาบ่นมาด่าก็เอาเถอะ แค่โทรมาก็ยินดีมากมายท่วมท้น

“นึกว่าตายแล้ว”

คิดถึงเสียงนี้จัง

เสียงเข้ม ๆ คำพูดประชดประชันอยู่ในที ตัวจริงเสียงจริงแหละนั่น ถ้าพูดดี ๆ คงไม่สมเป็นคุณซ้งหรอก และนี่แหละตัวจริงเสียงจริงของแท้ดั้งเดิม

“เกือบ ๆ แต่ยังไม่ตาย รอจีบคุณซ้งติดก่อน”

นุชายังเหมือนเดิม พูดจากวนประสาทได้เหมือนเดิม และเริ่มมีรอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก

ขอโทษจริง ๆ คุณซ้ง ขนาดรู้สึกว่าตัวเองกำลังแย่ขนาดนี้ แต่พอสติเข้าร่างก็อยากจะกวนคุณซ้งขึ้นมาทันที มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติจริง ๆ

“ไม่รีบตายไปวะ จะได้ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”

โห่

ก็ว่าจะอยู่แหละ

แต่ก็อย่างที่บอก รอจีบคุณซ้งติดก่อน ค่อยตายไง จำไม่ได้เหรอ

“เป็นห่วงก็บอกมาเถอะ ฟอร์มเยอะจริงจริ๊งงงงง”

ได้ผลในทันที

ยังไม่ทันพูดจบ แล้วนุชาก็ต้องมานั่งขำอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะปลายสายชิงวางไปซะก่อนอย่างรวดเร็ว

ไม่ชอบจริง ๆ ด้วยสินะ คำพูดแบบนี้น่ะ

แกล้งแบบนี้ทีไร ได้หัวเราะทุกทีสิน่า

คุณซ้งน่ารัก แบบนั้นแหละที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว
แม้จะคล้ายกันมาก แต่ก็ไม่มีทางเหมือน

คิดแล้วก็ปลง

ลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าขนหนูเตรียมจะเดินไปอาบน้ำ และหาข้าวกิน
เพราะรู้สึกถึงเสียงท้องร้อง

หิวข้าวชะมัด

นอนหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ

หลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
เศร้าพอแล้ว ใจมันทุกข์พอแล้ว จะให้ทุกข์ต่อไปคงไม่ไหว
เดี๋ยวจะตายซะก่อนอย่างที่คุณซ้งว่า

นุชารวบรวมสติเข้าร่าง และเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น
ผิดกับอีกคนที่หลังจากกดวางโทรศัพท์แล้วก็เริ่มทำหน้ายุ่งเหยิง

วางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะด้วยความหงุดหงิดไม่ชอบใจ

เริ่มเปิดหนังสือหน้าถัดไปที่อ่านค้างเอาไว้
ใช้ปลายนิ้วควงปากกาเล่นแก้เซ็ง ดึงสติและสายตาให้มาจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือที่กำลังเปิดอ่าน

และ....

นึกถึงนุชา

ยังไม่ตาย และดูเหมือนว่าจะสนุกสนานร่าเริงได้เหมือนเดิม
ยังปากดีและกวนประสาทได้เหมือนเดิม

ถ้าทำได้ถึงขนาดนั้น มันก็คงยังไม่เป็นไร ยังไม่ตายง่าย ๆ
แม้ว่าสภาพเมื่อคืน จะดูไม่เหมือนผู้เหมือนคนเลยก็ตาม

เปิดหนังสือหน้าถัดไป และเริ่มอ่านไปอีกสองบรรทัด

แต่สมองก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องของนุชา นึกถึงแต่หน้าของนุชา

เห็นเป็นภาพ เห็นว่านุชายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
สัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นสะท้านยามที่เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
นุชามันไม่ใช่คนตัวสูง แต่ทำไมเวลากอดแล้วถึงได้รู้สึกว่าตัวเล็กนิดเดียว

และทำไมในเวลานั้นถึงรู้สึกว่าปล่อยเอาไว้แบบนั้นไม่ได้

แล้วยังคำพูดนั้นอีกล่ะ

“หมดนี่...ผมให้คุณซ้ง”

นึกขึ้นได้ และซ้งก็เลยลุกขึ้นเดินไปหยิบท็อฟฟี่หลากสีที่ได้รับมาเมื่อคืนและยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อที่ถอดทิ้งไว้ในตะกร้าผ้า ค้นหาและคว้าเอามาทั้งหมด
มาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ หนังสือที่กำลังเปิดอ่าน

คำขอบคุณแปลงค่าได้เท่ากับท็อฟฟี่หลากสีหลายเม็ด

แล้ว......ขอบคุณเรื่องอะไร เรื่องที่กอด เรื่องที่ปลอบ หรือเรื่องอะไร

“นุชา....นุ ชา ชา....ชา....นุชา...”

บ่นออกมาเป็นชื่อของคนที่ทำให้อยากค้นหาคำตอบของคำถาม
และจิตใจก็พาลไปนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่คนกวนประสาทมันจะได้พูดจาเพ้อเจ้อต่อไปให้ยืดยาว

.......เป็นห่วงก็บอกมาเถอะ.......

ประสาท

คิดได้ยังไง ไม่ได้ห่วงเลยสักนิด

บ้าหรือเปล่า คิดไปเองหรือไง เรื่องอะไรจะต้องเป็นห่วง

หวังสูงไปหน่อยแล้วนุชา

สูงไปเยอะเลย

แต่ทั้งน้ำเสียงและคำพูดกวน ๆ ของนุชาที่ได้ยินก็ยังวน ๆ เวียน ๆ ในหัวของซ้งไม่เลิก

“เป็นห่วงก็บอกมาเถอะ ฟอร์มเยอะจริงจริ๊งงงงง”

“เป็นห่วงก็บอกมาเถอะ ฟอร์มเยอะจริงจริ๊งงงงง”

“เป็นห่วงก็บอกมาเถอะ ฟอร์มเยอะจริงจริ๊งงงงง”

คำพูดนั้นยังดังไปมา ท้ายประโยคยังแกล้งทำเสียงสูงใส่ให้โมโหได้อีก

นุชา นุชา นุชาเอ้ยยยยยยยยยยย นุชา

ซ้ง เหลือบสายตาขึ้นมองกองท็อฟฟี่ที่วางเอาไว้ข้างหนังสือและส่ายหน้าให้กับทุกคำพูดที่ได้ยินชัด

นึกขำ กับความกวนประสาทบ้าบอของอีกฝ่าย
แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาคนเดียวเงียบ ๆเสียงเบา ก่อนจะเปิดหนังสือหน้าถัดไปและใช้ปากกาเมจิคขีดที่หัวข้อสำคัญเอาไว้

ขีดไปยิ้มไป ยิ่งขีดก็ยิ่งยิ้ม และส่ายหน้าไปมาหลายครั้ง โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าอาการทั้งหมดที่เป็นอยู่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้า
ไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังอมยิ้มให้กับเรื่องบ้า ๆ ของนุชา




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน โกรธทำไม


วันนี้เป็นวันดี วันที่ฤกษ์งามยามดีที่สุดแห่งปี

มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว

อยู่ดี ๆ คุณซ้ง ผู้เย็นชาและไม่ค่อยสนใจคนทั้งโลกกลับให้ความสนใจกันอย่างท่วมท้น

คิดถึงล่ะสิ ไม่ต้องทำเป็นอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ บอกมาเลยตรง ๆ ก็ได้
อย่าฟอร์มเยอะ เดี๋ยวฟอร์มเยอะกลับแล้วจะหนาว ฮี่ ฮี่

นุชาผู้อยู่ระหว่างปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก กำลังนั่งคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน คิดไปคิดมาแล้วก็นั่งอมยิ้มคนเดียว เรื่องที่โมเมเอาเองว่า น้องแรงบันดาลใจซ้งของชา โทรมาหาด้วยความรักใคร่ ห่วงใย และคิดถึง

แบบนี้แหละเขาถึงเรียกว่าฟ้ามีตา
เห็นความดีงามกันแล้วล่ะสิ ไม่เห็นวันนี้จะเห็นวันไหน คนมันน่ารักน่าใคร่ก็แบบนี้ ใครเห็นก็รักใครเห็นก็หลง ไม่งั้นจะได้รับตำแหน่งขวัญใจชมรมนักวิ่งวัยดึกเหรอ ใคร ๆ ทั้งชมรมหลงรักนุชาทุกคน เว้นไว้แค่คนเดียว

อย่างว่าแหละคนมันมีอะไรดี ก็แบบนี้

นุชาผู้น่าหมั่นไส้ นั่งยิ้มกับถ้วยจานชาม นั่งยิ้มกับตะเกียบที่ถือเอาไว้ในมือ
และคิดเข้าข้างตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นและนั่งกดหารายชื่อที่โทรเข้ามา

คุณซ้ง โทรหากันบ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะ

โทรมาแต่ละครั้ง ก็จะมีโทรมาด่า โทรมาประณาม โทรมาหยามเหยียด โทรมาพูดให้ช้ำใจเจ็บปวด

มีอะไรอีก

โทรมาแกล้ง โทรมากวน โทรมายั่วโมโห สารพัดว่าจะคิดอะไรได้

แต่ก็แปลก
ขนาดรู้ว่าโทรมาด้วยวัตถุประสงค์ที่เป็นมิตรซะขนาดนั้น

แต่พอได้ยินเสียงเข้ม ๆ ของปลายสายที่ชอบทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่อยู่ตลอด ไม่เคยจะออดอ้อนให้ดีใจเลย ทั้งที่รู้ว่าเป็นเสียงของคนที่ไม่ค่อยพอใจกัน

แต่ทำไมไม่รู้

ดีใจทุกครั้งที่คุณซ้งโทรมาหาทุกทีสิน่า

คุณซ้งหนอคุณซ้ง คุณซ้งผู้อารีแต่มีวาจาเชือดเฉือน
คุณหนูซ้ง
หน้าตาท่าทางคุณหนูซะขนาดนั้น

เคยเข้าใจอะไรบ้างมั้ย ว่าคนเขามาจีบ
แกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริง ๆ

โดยปกติมีใครที่ไหนเขาคิดได้ว่ามาจีบอาม่ากิม

ยอมรับว่าจีบเอาขำ รู้อยู่แล้วว่าไม่เล่นด้วย แต่ที่ทำก็เพื่อบรรเทาอาการหน้าหงิกและนิสัยที่ไม่ยอมรับคนทั้งโลกเข้ามาในความคิดนี่แหละ

เลยต้องทำให้พูดหรืองี่เง่าใส่กันซะบ้าง จะให้พูดจากันดี ๆ คงเป็นไปได้ยาก
เพราะดูเหมือนคุณซ้งไม่มีความคิดจะพูดจากับใครอยู่ในสมองเอาซะเลย
เรียกว่ามนุษย์สัมพันธ์ค่อนไปทางแย่

“ซ้งอีเป็นคนแบบนี้ อาม่าก็ไม่รู้จะทำยังไง นุชารุ่นราวคราวเดียวกัน น่าจะคุยกันรู้เรื่อง ม่าอยากให้อีมีเพื่อนเยอะ ๆ ถึงอีจะทำเป็นหงุดหงิดไม่ค่อยอยากพูดด้วย แต่ม่าว่าจริง ๆ แล้วอีดีใจที่มีเพื่อน”

นั่นคือการแสดงออกของคนที่ดีใจสินะ

ดีใจซะจน ทำให้น้ำตาตกในกันได้บ่อย ๆ เลยคุณซ้งครับ

พิจารณาข้อดีแล้วมีออกเยอะแยะ

หน้าตาดีมาก

ผิวขาว ๆ หน้าใส ๆ แต่ทำไมถึงได้เอาแต่ทำหน้าบึ้ง

อันที่จริงแค่ยิ้มซะหน่อย ใคร ๆ ก็อยากเข้าหาแล้ว นี่เล่นตั้งกำแพงเอาไว้ซะสูง ใครมันจะกล้าข้ามไปหา มันก็ต้องใช้วิธีกวนประสาทเข้าว่านี่แหละ

และดูท่าว่า จะได้ผลดีซะด้วย

คุณซ้งด่าได้สะใจมาก มีปฏิกิริยาตอบกลับคู่สนทนาด้วยการ
ทำหน้างี่เง่าประกอบการสนทนาเพิ่มขึ้นได้ด้วย เริ่มพัฒนาแล้วนะนั่น

เป็นการพัฒนาในด้านแย่ ดิ่งเหว ที่เข้าท่าซะจริง

จะมีใครคิดบวกได้ขนาดนี้ถ้าไม่ใช่นุชาที่กำลังไล่อ่านรายชื่อที่โทรเข้ามาหาและเห็นมีแต่เบอร์ของคุณซ้ง

เป็นทางนี้ซะอีก ที่ไม่ค่อยจะกล้าโทรกลับไปหา
แล้วใครจะกล้า

ถึงจะบอกว่าอยากกวนโมโห
แต่เวลาที่ไม่เห็นหน้า มันก็เดาอาการไม่ออก เดาหน้าตาไม่ค่อยได้
ว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหนเวลาพูด

ไม่เหมือนเวลาที่เจอหน้ากันตรง ๆ เพราะสามารถสังเกตได้จากแววตาและท่าทาง ที่จะคิดได้ว่าเริ่มโมโหจริง ๆ หรือแค่อยากด่าเล่น

เวลาไม่เห็นหน้ากันเวลาที่พูดคุย นอกจากจะเดาไม่ออกแล้ว
ยังมีอีกข้อที่คิดได้

คือ....

บางทีคุย ๆ ไปก็คิดถึงหน้าคนด่าขึ้นมา

คิดถึงจริงจัง ไม่ใช่คิดถึงแบบล้อกันเล่นเพื่ออยากให้งี่เง่าใส่กัน

มันช่วยไม่ได้ ก็รู้ดีว่าแกล้งทำเหมือนหยอกไปหยอกมาแบบนั้น เป็นใครก็คงไม่คิดหรอก ว่าที่จริงนั่นน่ะแสดงออกมาจากใจจริง ๆ นะ

ถึงจะหาข้ออ้างให้ตัวเองอยู่บ่อย ๆ เพื่อลดความละอายใจลงบ้าง

แต่ถ้ามองลงไปในใจลึก ๆ ก็ต้องยอมรับตัวเอง

ว่าคุณซ้ง เป็นคนน่าค้นหา น่าเข้าไปทำความรู้จัก อยากเข้าใจจริง ๆ ว่าในหัวกำลังคิดอะไรอยู่ อะไรที่ทำให้ต้องนั่งเฉย ๆ และมองผู้คนที่วิ่งอยู่ในสนามนิ่ง ๆ แบบนั้นทุกครั้งที่หยุดพักการวิ่ง จะว่าพักสายตามันก็ไม่น่าจะใช่

คุณซ้งคิดอะไรอยู่

บางทีก็จับสังเกตได้ถึงความหมองเศร้าในแววตาคู่นั้นที่มองไปที่ผู้คน
มันเป็นช่วงเวลาเดียว ที่จะสามารถสังเกตท่าทางที่ต่างออกไปจากทุกทีของคุณซ้งได้

โดยพื้นฐานแล้วคุณซ้งไม่ใช่คนนิสัยแย่หรอก

เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ ใจจริง ๆ แล้วคุณซ้งไม่ใช่คนเมินโลก
ออกจะเป็นคนดีมีน้ำใจด้วยซ้ำ

เห็นบ่อย ๆ ว่าไม่ว่าอากงจะปวดเข่า อาม่าจะปวดหัว อาอึ้มจะเมื่อยแขนขา
ก็เห็นคุณซ้งผู้เมินโลกนี่แหละ ที่วัน ๆ ไม่เห็นจะค่อยพูดกับใครแต่พอเป็นแบบนั้นทีไร ก็เห็นเดินเข้าไปหาและบีบ ๆ นวด ๆ ให้เหล่าผู้สูงวัย แถมซ้ำยังขับรถไปส่งถึงบ้านแบบไม่ต้องรอให้ขอร้องด้วย

คนนิสัยแย่ที่ไหนเขาทำแบบนั้น

แล้วถ้าคิดกันจริง ๆ จะมีใครที่ไหน ทนมาวิ่งกับสมาคมนักวิ่งสูงวัยได้
ไม่เห็นมีลูกหลานอากงอาม่าคนไหน มาวิ่งเลยสักคน เห็นมีอยู่คนเดียว

คงไม่มีใครคิดหรอกว่าหนึ่งในสมาชิกของชมรม จะเป็นชายหนุ่มร่างสูง ที่หน้าใสกิ๊ง แต่ชอบทำหน้านิ่งและเหมือนเบื่อคนทั้งโลกอยู่

โดยปกติมีใครที่ไหนเขาทนได้ ที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่น่าจะเข้ากันได้

แต่น่าดีใจแทนคุณซ้งจริงๆ ที่เหล่าอากง อาม่า อาอึ้ม ดูเหมือนจะเข้าใจและรักใคร่เอ็นดูคุณซ้งอยู่ไม่น้อย

คนที่ผ่านโลกมาก่อน เข้าใจทุกอย่างจริง ๆ

และบางที สนามวิ่ง คงเป็นที่ที่คุณซ้งสบายใจที่จะอยู่ก็ได้
ถึงไม่ต้องพูด ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร แต่ทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการตั้งแง่ต่อกัน อยู่ด้วยกันแบบรักใคร่กลมเกลียว

แล้วเราจะไม่ลองมารักใคร่กันเหมือนคนอื่นบ้างหรือคุณซ้ง

เนอะคุณซ้งเนอะ

ใช่หรือเปล่า

เน้ออออออออออออออออ

“ประสาท”

นี่ขนาดไม่เห็นหน้า แต่ก็ยังมีเสียงมาให้คิดถึงได้นะ

คิดถึงจริง ๆ จนตามมาหลอนเลยหรือไง

“คร้าบบ....ประสาทก็ประสาทจ้า” ตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ และคีบเส้นบะหมี่เข้าปากเคี้ยว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทั้งที่เส้นบะหมี่ยังอยู่เต็มปาก

เมื่อเห็นว่ามีใครมายืนอยู่ตรงหน้าแถมยังลากเก้าอี้พลาสติกมานั่งด้วยอีก

“อะไร”

เปล่า ไม่มีอะไร

ที่ควรถามน่ะผมครับ ว่าคุณซ้งน่ะมีอะไร แล้ว......มายังไง

แถมซ้ำยังจะมานั่งทำหน้าเฉยใส่อีก

แล้ว....จะจ้องกันทำไมครับ คนกำลังกินบะหมี่ ไม่ได้ทำตัวไม่ดีนะ
ยังไม่ได้กวนเลย กินบะหมี่เฉย ๆ จริง ๆ

อย่ามองกันแบบนั้น

อย่าทำเป็นกระพริบตามองแบบนั้น อย่าเลยไปถึงยกมือขึ้นมานั่งท้าวคางมองหน้ากันแบบนั้น และอย่า.....

นุชาสำลักบะหมี่และรีบคว้าแก้วน้ำยกขึ้นดื่มแทบไม่ทัน

เมื่อเหลือบสายตามองหน้าคุณซ้งแล้วพบว่า มีรอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปากของอีกฝ่าย ยิ้มจริง ๆ แม้จะเหมือนทำหน้านิ่งเฉยอยู่ก็เถอะ

แต่ถ้าสังเกตกันแบบจริง ๆ จัง ๆ จะรู้ว่าคุณซ้งแอบยิ้ม

ยิ้มจริง ๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น

ตอนแรกไม่ทันได้เห็น แต่พอสายตามองไล่ไปที่ริมฝีปากคู่นั้น ที่กำลังอมยิ้มแบบไม่ยอมให้ใครสังเกตเห็นก็ทำให้นุชาสำลัก

“แอ่ก คุณซ้ง อ่า แค่ก ๆ แอ่ก”

กำมือและทุบเบา ๆ ที่อกตัวเอง และยิ่งเห็นชัดว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่แอบอมยิ้ม
คราวนี้กลายเป็นยิ้มกว้างไปแล้ว

ถึงจะเป็นรอยยิ้มเพื่อแสดงอาการ...........สะใจ
แต่รอยยิ้มของคุณซ้งมันทำให้คนที่พบเห็นกำลังละลาย ยิ้มทั้งทีเหมือนจะแกล้งฆ่ากันให้ตาย

และนุชาก็กำลังจะตายเพราะสำลักบะหมี่จริง ๆ

คุณซ้งงงงงงงงงงงงงงงง แกล้งกันได้นะนี่

แกล้งกันได้ลงคอ แล้วนั่นทำอะไรอีกล่ะนั่น จะทำอะไรอีก

เทน้ำในขวดใส่แก้ว และยังเอามาวางไว้ให้ตรงหน้าอีก

ไม่ไหวนะคุณซ้ง อย่ามาทำแบบนี้ อย่ามาทำเป็นใจดี

อย่า อย่าขอร้อง อย่ามาทำหน้าตาหล่อบาดใจ อย่าทำแบบนี้ครับ

“ทำไม มองหน้าทำไม มีปัญหาหรือไง”

ยังไม่หยุดอีก ยังจะพูดไปยิ้มไปอีก
แน่ะ ยังจะหัวเราะอีก ยังจะหัวเราะแล้วส่ายหน้าอีก ยังจะ....

ยังจะทำแบบนั้นอยู่อีก ยังจะ……ยังจะ....ยังไม่ยอมเลิกทำหน้าแบบนั้นอีกนะ

นุชายังทุบอกตัวเองและยกแก้วน้ำที่ถูกยื่นมาให้ขึ้นดื่ม

แต่สายตากำลังจับจ้องและไล่ตามรอยยิ้มหวาน ๆ และท่าทางที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากคนตรงหน้า

พูดตอบออกไปว่าอะไรไม่รู้

รู้แค่ว่าหลังคำตอบนั้น คุณซ้งหน้ายิ้มหวานบาดใจ กลายเป็นคุณซ้งหน้านิ่งงอหงิกอีกแล้ว

และอยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นเดินหนีไปแบบไม่มีคำอำลา

โกรธทำไมล่ะ โมโหเรื่องอะไร

ไม่ได้พูดอะไรเลยสักนิด ไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้ขัดเคืองใจเลย แค่คิดแล้วก็พูดออกไปจากใจจริงเท่านั้น

มีอะไรที่ทำให้ไม่ชอบใจเหรอ ทำไมอยู่ดี ๆ กลายเป็นโกรธจริงจังขนาดนั้น

ยังไม่ได้ด่า ยังไม่ได้ว่า หรือตั้งใจทำให้โมโหเลยนะ

ก็แค่ตอบไปว่า

“คุณซ้งเวลายิ้มแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ”

ตอบออกไปแค่นี้เอง แล้วโกรธกันทำไม ทำไมถึงโกรธล่ะคุณซ้ง
กลับมาบอกก่อนสิว่าโกรธผมทำม้ายยยยยยยยยย




TBC...



ตอนนี้อัพทันเท่าที่เท็นแต่งเอาไว้แล้วนะคะ
ถ้าหายไปนานอีก มีอยู่2อย่าง คือ เท้นไม่อัพ หรือ แนนยุ่งเอง  :laugh:
แล้วเจอกันตอนหน้าคะ(เมื่อไหร่ไม่รู็้ อิอิ) :bye2:


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
Re: Running โดย aoikyosuke † โกรธทำไม † [21/03/12]
«ตอบ #338 เมื่อ22-03-2012 11:00:52 »

ขอบคุณมาลงให้อ่าน

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: Running โดย aoikyosuke † โกรธทำไม † [21/03/12]
«ตอบ #339 เมื่อ22-03-2012 12:41:19 »

น้องแรงบันดาลไจน่ารัก!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Running โดย aoikyosuke † โกรธทำไม † [21/03/12]
« ตอบ #339 เมื่อ: 22-03-2012 12:41:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tender

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Running โดย aoikyosuke † โกรธทำไม † [21/03/12]
«ตอบ #340 เมื่อ22-03-2012 15:05:16 »

น่ารักสวดๆไปเลย น้องแรงบันดาลใจ :o8: :-[ :impress2:
ขอบคุณที่มาต่อค้า
รอๆๆๆตอนต่อไป o22

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † ขอโทษ † [23/03/12]
«ตอบ #341 เมื่อ23-03-2012 00:27:57 »




ตอน ขอโทษ



เพราะว่าอยู่ในระหว่างทำรายงานกลุ่ม และเฮียก๋วยบอกให้มาเอาเอกสารไปพิมพ์เพราะเฮียพิมพ์ดีดไม่เป็นแต่ร่างข้อความไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หลังจากหาเอกสารประกอบรายงานได้ และจัดการกับหัวข้อใหญ่ในวิชาที่เรียนเรียบร้อย ซ้งจึงขับรถออกมารับเอกสารที่ร้านเฮียก๋วย

หาที่จอดรถเรียบร้อย และเดินลิ่วเข้ามาในร้าน เดินไปทักทายเจ้าของร้านและมองไปที่เฮียก๋วยหน้าโหด ที่กำลังปรุงเส้นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ลวกและเตรียมจะนำใส่ชามเพื่อเสริฟให้ลูกค้า

“รายงานวางไว้บนโต๊ะหลังร้าน เข้าไปดูก่อน หยิบไปได้เลยเฮียเรียงไว้หมดแล้ว ลวกเย็นตาโฟร์ใส่ถุงให้แล้วเดี๋ยวมาเอาได้เลย”

เห็นอยู่ว่ากำลังยุ่ง และไม่ได้รีบไปไหน
ซ้งหันซ้ายหันขวาและมองไปที่ด้านหลังของร้าน
มาบ่อย ๆ จนเป็นเรื่องปกติ เดินไปหาที่นั่งหลบมุมที่หลังร้าน ลากเก้าอี้ออกมานั่ง
และรวบรวมเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ

พลิกกระดาษที่มีข้อความเขียนจากลายมือ และอ่านงานร่างที่เขียนเอาไว้
จัดเอกสารใส่แฟ้มเรียบร้อย และเดินออกมาหาเจ้าของร้าน

“ขายดีมั้ยเฮีย นี่ผมมาอุดหนุนเฮียถึงที่เลยนะวันนี้” พูดคุยและหยิบธนบัตรในกระเป๋าออกมาจ่ายค่าเย็นตาโฟร์ที่ทำเสร็จใส่ถุงไว้เรียบร้อย

“เลี้ยง ๆ ไม่ต้องจ่ายนะ ถ้าจ่ายวันหลังไม่ต้องสั่ง ไม่ทำแล้ว”

อีกแล้ว
ก๋วยเตี๋ยวอร่อยสุดยอด อดใจไม่ไหวต้องสั่งซื้อกลับบ้าน
แต่เจ้าของร้านก็เป็นซะแบบนี้ ให้ตังค์ทีไรไม่เคยเอา
เกรงใจครับเฮีย

ซ้งยกมือไหว้และขอบคุณเฮียก๋วยที่ยิ้มและพยักหน้าให้เหมือนบอกว่าไม่เป็นไรกล่าวลาเจ้าของร้านและกำลังจะก้าวขาเดินออกจากร้าน

สายตาก็ไปสะดุดกับใครบางคน ที่กำลังถือตะเกียบคีบบะหมี่เข้าปาก

นุชา........

ซ้งยืนนิ่งอึ้ง กำลังจะอ้าปากทักทาย แต่คิดขึ้นได้ว่าแบบนี้มันไม่ปกติ
ทำหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วมุ่น กำลังจะก้าวขาเดินจากไป แต่เมื่อคิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ ขาก็พากลับมาที่ร้าน และใจก็พาให้ร่างกายเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะของคนที่กำลังคีบเส้นบะหมี่

บ้าไปแล้ว

คิดว่าตัวเองกำลังทำเรื่องบ้า ๆ อยู่

เห็นคนตรงหน้าชะงักมือที่กำลังถือตะเกียบคีบเส้นบะหมี่
ทำหน้าเหมือนตกใจกับอะไรบางอย่าง

ทำไมต้องตกใจ ทำไมต้องทำหน้ามึนใส่ จะแปลกตรงไหนที่เจอกัน
อยู่ชมรมเดียวกันแท้ ๆ ถ้าไม่เข้ามาทักทาย มันคงจะน่าเกลียดจนเกินไป

ซ้งกำลังคิดในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิด หาเหตุผลมารองรับการกระทำของตัวเอง
และลากเก้าอี้พลาสติกมานั่งอยู่ตรงหน้าของนุชาเรียบร้อย

นั่งมองหน้าของคนที่กำลังกระพริบตาปริบ ๆ สังเกตกิริยาท่าทาง และนิ่งมองใบหน้าของนุชาอยู่นาน

อาการไม่ได้ดูย่ำแย่อะไรนัก ผิดจากที่คิด

แล้วยังนั่งกดโทรศัพท์เล่นอะไรสักอย่าง กดแล้วก็วางแล้วก็อมยิ้มกับโทรศัพท์อีก ไม่รู้ว่าจิตใจฝักใฝ่ถึงใครในโทรศัพท์นักหนา

“ประสาท”

ก็พูดแบบนี้ทุกที ไม่เห็นน่าแปลก ถ้าขืนถามไปว่า ---เป็นยังไงสบายดีมั้ย--- นุชามันคงช็อค ตกใจจนตกเก้าอี้

“คร้าบบ....ประสาทก็ประสาทจ้า” ดูสิ่งที่มันตอบ ลากเสียงยาวเหยียด ๆ ไม่รู้ว่าพูดแบบนี้เข้าไปได้ยังไง พูดเสร็จมันยังทำหน้ามึนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองพูดเลยสักนิด

“อะไร”

ถาม

และก็เห็นฝ่ายนั้นยักไหล่ ทำเป็นคีบบะหมี่เข้าปาก ทำเป็นไม่สนใจกันสักนิด

อุตส่าห์เดินเข้ามาทัก มารยาทมีมั้ย คีบบะหมี่กินอยู่นั่น

ผักชีติดที่ขอบปากแล้ว รู้มั้ยว่ามันตลก

มีผักชีติดอยู่ข้างริมฝีปากของนุชาด้วย เห็นแล้วก็ขำ ขำจนแทบจะหยุดขำไม่ได้

แต่ก็ไม่อยากเป็นคนไร้มารยาท จะบอกมันดีหรือเปล่า หรือไม่บอก

ให้ผักชีมันติดอยู่แบบนี้ก็ท่าจะดี

ซ้งยกแขนขึ้นมาท้าวคางและมองหน้านุชาที่กำลังกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย

ยิ่งมองก็ยิ่งอยากหัวเราะ กลั้นรอยยิ้มเอาไว้ และมองเลยไปที่ดวงตาของนุชาที่ยังมองไปที่บะหมี่ในชาม

แล้วนั่น..........

อะไรของมันนักหนา ....อยากจะขำให้ตาย ใครใช้ให้รีบกิน สำลักบะหมี่แล้วเป็นไง
สมน้ำหน้า อยากทำเมิน ทำเป็นไม่สนใจกันดีนักแต่เดี๋ยวจะหาว่าเป็นคนใจดำ เทน้ำในขวดใส่แก้วให้ก็แล้วกัน

“แอ่ก คุณซ้ง อ่า แค่ก ๆ แอ่ก”

ซ้งนั่งมองนุชาที่กำลังกำมือและทุบเบา ๆ ที่อกตัวเอง

ภาพที่ซ้งเห็นมันทำให้ยิ้มออกมา ยิ่งมองยิ่งขำ แถมซ้ำคนที่กำลังยกมือทุบอกตัวเอง ยังมีการทำหน้าหงิกใส่อีก นาน ๆ ทีจะเห็นทำอะไรตลก ๆ แบบนี้
คนอุตส่าห์ยกน้ำให้กิน ยังจะมองหน้ากันอีก ผิดหรือไงที่มีน้ำใจ

“ทำไม มองหน้าทำไม มีปัญหาหรือไง”

ซ้งเอ่ยถาม และยิ่งอมยิ้มไม่เลิก

นุชามันเป็นคนที่มองแล้วเพลินตาจริง ๆ ทำไมถึงคิดว่ายิ่งมองยิ่งเพลิน
ความเป็นธรรมชาติแบบนี้น่ะเหรอ ที่คนทั้งชมรมยกใจให้หมด
นุชา หน้ามึน ไอ้ตี๋นุชา ลื้อมันเป็นคนตลกดีนะ มองแล้วก็คิดว่าตลกดี

“คุณซ้งเวลายิ้มแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ”

เวลายิ้มแล้วโคตรน่ารัก

อะ อะ....ไร...อะไรใครน่ารัก ใครยิ้มแล้วน่ารัก นุชามันพูด....พูดบ้าอะไรของมัน

ซ้งกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน หุบยิ้มแทบไม่ทัน และไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่ได้ยินและรู้สึกว่ากำลังทำตัวไม่ถูก เริ่มมีทีท่าลุกลี้ลุกลน
กับคำชมที่ไม่เคยมีใครเคยพูดด้วย

ไม่เคยมีใครพูดจาแบบนี้ ไม่เคยมีใครพูดจาบ้อบอแบบนี้ใส่

ไม่เคยพบเคยเจอใครแบบนุชามาก่อน

ซ้งไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ไม่เข้าใจอะไรเลย

รีบลุกขึ้นเดินหนีออกมา เพราะกำลังทำตัวไม่ถูก

ไม่รู้ว่าทำไมต้องเดินหนี
แค่รู้สึกว่า กำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง ความเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นกำลังเลือนหายไปเรื่อย ๆ

อะไรบางอย่างผิดไปจากเดิม

นุชาที่เห็นไม่เหมือนนุชาคนก่อน

นุชาเป็นแค่คนกวนประสาทที่มายุ่งวุ่นวายกับสมาชิกในชมรม
นุชายิ้มให้กับทุกคนที่ชมรม อาอึ้ม อาม่า อาเจ้ ไม่ว่าใคร นุชาก็ยิ้มให้ไปซะหมด แถมยังพูดจากับคนรอบข้างได้อย่างไม่มีความเคอะเขิน

พูดคุยกับใคร ๆ ก็ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

มีแต่คนชอบ มีแต่คนถามถึงนุชา หายหน้าไปก็มีแต่คนคิดถึง มีแต่ถามไถ่หาอยู่ตลอดเวลา

นุชาชอบยิ้มเรื่อยเปื่อยให้กับทุกคน นุชาเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์ดีเกินเหตุ
นุชาที่กำลังวิ่งบางครั้งก็เหม่อลอย เหมือนคิดอะไรอยู่

เหมือนกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ

ถึงจะพูดคุยกับใครๆ รอบตัวได้อย่างราบรื่น มีคนรักมากมาย
แต่นุชาก็มีเส้นของตัวเองขีดเอาไว้ ไม่ให้ใครล้ำเข้าไปหา


สำหรับซ้งนุชาไม่เคยมีความน่าสนใจ ไม่เคยเลยสักนิด

แต่วันนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องเดินเข้าไปหา แต่เพียงไม่นานก็ต้องรีบผลักไสและเดินหนีออกมา

นุชาชอบยิ้มเรื่อยเปื่อยให้กับทุกคน
นุชาชอบพูดทุกอย่างตามใจตัวเอง โดยไม่เคยคิดถึงใจของคนฟังว่ารู้สึกยังไง

นุชา.........นุชา


โธ่โว้ยยยยยยยยย ไอ้ตี๋นุชา

ซ้งกำลังรู้สึกว่าในหัวของตัวเอง มีแต่ภาพของนุชา มีแต่เรื่องของนุชาอยู่เต็มหัว

ทำไมเป็นแบบนี้ ไอ้ตี๋นุชาชอบทำหน้ามึนคนนั้น มันหาเรื่องให้หงุดหงิดอีกแล้ว

นุชามันเป็นบ้า มันทำตัวน่าโมโห มันงี่เง่า มันปากพล่อย มันพูดจาไม่รู้จักคิด
มันชอบทำให้หงุดหงิด พูดออกมาได้ยังไง ว่ายิ้มแล้วน่ารัก เอาอะไรคิด ถึงได้พูดออกมา แล้วยังจะทำหน้าตาท่าทางแบบนั้นอีก

ทำไมต้องจ้อง ทำไมต้องทำหน้าเหมือนเห็นเรื่องประหลาด
ทำไมต้อง.......

ซ้งกำลังขมวดคิ้วมุ่น ไม่ชอบความรู้สึกแปลก ๆของตัวเองที่หาคำตอบไม่ได้

รีบเดินลิ่ว ๆมาขึ้นรถ หน้ากำลังงอหงิก รู้สึกว่าความเป็นตัวของตัวเองกำลังหายไป

แต่ไม่ได้รู้สึกแย่ กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ

และเพิ่งคิดได้ว่าลืมหิ้วถุงเย็นตาโฟร์ออกมาด้วย

บ้าเอ้ยยยยยยยยยยย ทำไมถึงได้..........

หงุดหงิด และต้องรีบลงจากรถเดินลิ่ว ๆ กลับไปที่โต๊ะของคนที่ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นและมันเพิ่งจะเริ่มเป็น ๆ หาย ๆ เมื่อไม่นาน

นุชาเงยหน้าขึ้นมองและอยู่ในท่าเดิม คือถือตะเกียบค้าง และอ้าปากจ้องมองคนมายืนอยู่ตรงหน้า

อะไรของมันจะมองทำไม

ก็คนมันลืมถุงเย็นตาโฟร์ เลยกลับมาเอา ทำเป็นมึน ทำเป็นเห็นของแปลกไปได้

อย่ามาทำให้ขัดใจ อย่ามาทำให้โมโห อย่ามาทำให้หงุดหงิดเพิ่มขึ้นได้มั้ยขอร้อง

“คุณซ้ง....ขอโทษครับ ไม่รู้ว่าทำอะไรให้คุณซ้งโกรธ...ไม่รู้จริง ๆ นะว่าทำอะไร แค่พูดไปตามที่คิด ไม่ได้มีเจตนาร้าย คุณซ้งจะโกรธก็ได้ แต่อย่าโกรธผมนานเลยนะ....ผมขอโทษจริง ๆ คุณซ้ง”

เอ่อ

เปล่า เปล่า คือว่า ไม่ได้โกรธ

ไม่ได้.....เอ่อ

รู้สึกผิด

ซ้งกำลังยืนนิ่งฟังคำพูดของอีกฝ่ายที่วางตะเกียบลงแล้วและเงยหน้าขึ้นมามองกันอีกครั้ง สายตาของคนมอง บ่งบอกว่ารู้สึกผิดจริง ๆ กับสิ่งที่ทำลงไปโดยไม่รู้ตัว

ซ้งกำลังยืนนิ่ง และถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

ไม่ได้บอกว่ายกโทษให้ แต่หยิบถุงเย็นตาโฟร์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือไว้ และก้าวเดินออกมา โดยไม่ได้หันกลับไปมองคนที่กำลังมองตามมาอีก

ไร้มนุษย์สัมพันธ์ นิสัยแบบนี้ที่ใคร ๆ ก็บอกให้แก้ไข

รู้สึกตัว ว่าเป็นพวกไร้มนุษย์สัมพันธ์อย่างรุนแรง เพราะไม่ชินกับการต้องพูดคุยกับใคร ยิ่งได้ยินคำพูดขอโทษจากใจของนุชาแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่าต้องตอบกลับไปยังไง

ใช้วิธีเดินหนีมาขึ้นรถ แต่ขับออกไปไม่ได้ นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ คนเดียวและกำลังเริ่มใช้ความคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ควรจะมีปฏิกิริยายังไง ต้องทำยังไง

ควรบอกมั้ย ว่าไม่โกรธ ไม่ได้คิดอะไร ทั้งที่จริง ๆแล้วก็ไม่ชอบใจกับสิ่งที่นุชาพูดออกมาโดยไม่รับผิดชอบ

สิ่งที่ควรทำคืออะไร

ต้องทำอะไรต่อจากเหตุการณ์นั้น.....คิดแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น และนึกโมโหที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เป็นปกติ เวลาต้องพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใคร

ยอมรับจริง ๆ ว่าเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์เข้าขั้นแย่มาก และไม่รู้ควรจะทำยังไง

ยกโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหาหมายเลขโทรศัพท์ของนุชา

กดโทรออกและรอสัญญาณให้อีกฝ่ายรับสาย

“ครับ”

เอ่อ......ควรพูดยังไง ต้องพูดอะไร ต้องทำยังไง

“ครับ คุณซ้ง....หายโกรธหรือยัง”

หายโกรธหรือยัง......ก็....หายโกรธมั้ยเหรอ....หายโกรธ

“อืม....” ตอบออกไปแล้ว และได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของคนที่รับสายก่อนที่เสียงถอนหายใจจะกลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ

“โห....ทำไมหายง่ายจัง”

อ่า.....ไอ้นุชา....ไอ้ตี๋นุชา มัน..... ซ้งกดตัดสายในทันทีและเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเรื่องงี่เง่าอยู่

นุชา นุชา นุชา มันกวนประสาท นุชา นุชา นุชา ชอบทำให้รู้สึกหงุดหงิดโมโหจนแทบจะตาย

นุชา นุชา

นุชามันบ้า มันกวน มันแกล้ง มันปากพล่อย มัน.........

คิด คิด คิด มีแต่เรื่องนุชาเต็มหัว

คิดแต่เรื่องงี่เง่าของนุชา

คิด ...และอาการไม่เป็นตัวของตัวเองก็กลับมาอีกครั้ง
อาการแปลก ๆ ที่มาพร้อมกับความหงุดหงิดไม่ชอบใจ

อาการประหลาด ที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่น
อาการที่ว่า เกิดขึ้นทุกครั้งหลังการพูดคุยกับนุชา

ซ้ง แตะฝ่ามือที่อกข้างซ้ายและรู้สึกว่าหัวใจตัวเองยังเต้นในจังหวะปกติ
แต่ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ภายในหัวใจกำลังผิดปกติ

อาการแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว

เกิดขึ้นได้ยังไง

ทำไมถึงได้คิด แต่ไม่มีคำตอบ

เพิ่งจะรู้สึกว่าอารมณ์และความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นไม่นานมันกำลังมีผลกับรอยยิ้มบนใบหน้า

ทั้งที่ไม่ควรยิ้มก็ยิ้ม
ทั้งที่ไม่ควรโกรธก็โกรธ ยิ้มทั้งที่รู้สึกโกรธ แบบนี้เหมือนคนบ้า
เป็นแบบนี้อีกแล้ว
คนที่ยิ้มทั้งที่โกรธก็คงใกล้จะบ้า

ซ้งยกมือขึ้นตบเบา ๆ ที่แก้มของตัวเองเพื่อเรียกสติกลับคืนมา
แต่แปลกตรงที่ว่า ในหัวมีแต่คำชมของนุชา ที่ชมว่ายิ้มแล้วน่ารัก

“น่ารักบ้าบออะไรวะ...ก็หน้าแบบนี้ทุกที”

บ่นและสะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าของตัวเอง
สตาร์ทรถและขับกลับบ้าน โดยมีคำชมของนุชาดังก้องไปก้องมาตลอดเวลาที่ขับรถกลับบ้าน

“คุณซ้งเวลายิ้มแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ”


TBC...



อัพ2ตอนรวดนะคะ  :กอด1:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน คืนวันเก่า ๆ



“ซ้งจะอยู่กับหม่าม๊าใช่มั้ยลูก ซ้งจะไม่ไปไหน ซ้งจะอยู่กับหม่าม๊านะลูกนะ”

เด็กชายวัยห้าขวบ ร่างกายแคระแกร็นผิดจากเด็กวัยเดียวกันกำลังยืนนิ่ง ๆ อยู่ในอ้อมแขนของแม่

ดวงตากลมโตดำสนิท ไร้สีสัน ไร้อารมณ์ความรู้สึก
เด็กชายเห็นภาพทุกอย่าง รับรู้ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับใครได้ว่ากำลังรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ได้ยินได้เห็น

ซ้งมองหม่าม๊าที่เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด

สงสารหม่าม๊า ทุกคนทำให้หม่าม๊าทุกข์ใจอีกแล้ว ทำไมต้องบังคับหม่าม๊าของซ้งด้วย ทำไมต้องทำให้หม่าม๊าเสียใจ

หม่าม๊าร้องไห้และกอดซ้งเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ไปไหน

“อายุจะเลยเกณฑ์เข้าเรียนแล้ว ยังไม่ยอมให้ไปโรงเรียนไม่ได้นะอาเหมยคิดถึงอนาคตของลูกบ้าง”

อาม่ากิม พยายามจะดึงแขนเด็กชายตัวเล็กออกจากอ้อมแขนของแม่ที่ยังร้องไห้ฟูมฟาย พูดจาไม่รู้เรื่อง

พูดดีก็แล้ว พูดร้ายก็แล้ว แต่อาเหมยก็ยังทำเหมือนคนไร้สติ
ฟูมฟายร้องไห้ กลัวว่าจะถูกพรากลูกไปจากอก

เด็กโตขึ้นทุกวัน ต้องไปโรงเรียน แต่อาเหมย ไม่ยอมให้ลูกไป
ไม่ยอมให้ลูกเล่นกับใคร ไม่ยอมให้ไปโรงเรียน ยึดลูกเอาไว้กับตัวเอง
ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น

“เหวง ก็เอาไปส่งเข้าโรงเรียนประจำ นี่ยังจะเอาซ้งไปอีกคน อย่าคิดว่าจะพรากลูกเหมยไปได้นะ ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด เหมยไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว”

หญิงวัยกลางคนกำลังเกรี้ยวกราดโมโห ทั้งลากทั้งดึงให้ลูกชายตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ไม่ยอมปล่อย ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อย และเริ่มพูดจาเหมือนคนไม่ได้สติ พร่ำเพ้อพรรณนาพูดแต่เรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านเลยมาแล้ว

“เอาไปเข้าโรงเรียน ไม่เรียนหนังสือไม่ได้ ซ้งมันโตขึ้นทุกวันจะให้อยู่กับลื้อตลอดเวลาได้ยังไงอาเหมย”

ให้เหตุผล ทั้งขู่ทั้งปลอบ แต่แม่ของซ้งก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับฟังเลยสักนิด
ยังคงร้องห่มร้องไห้ และยิ่งกอดรัดลูกชายเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง


“อย่ามาพรากลูกเหมย เฮียทิ้งเหมยไปแล้ว ทิ้งเหมยไปกับอีผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น แล้วยังจะเอาอะไรจากเหมยอีก อย่าเอาลูกเหมยไปไหน อย่าเอาไป ฮืออออ ฮือ”

เพราะหัวใจแตกสลาย จึงทำให้ควบคุมสติไม่อยู่ ไร้สติ พูดจาเลอะเลือน กอดลูกเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมหยุด เป็นอย่างนี้มานาน จนคนรอบข้างท้อใจ

ไม่ว่าจะทำยังไง เธอก็ไม่เคยเลิกด่าทอสามีที่ทอดทิ้ง และไม่ยอมปล่อยลูกชายคนเล็ก ไม่ว่าจะกินหรือนอน ก็ไม่ยอมให้ลูกห่างตัว

“ซ้งไม่ไปไหนใช่มั้ย ซ้งจะอยู่กับหม่าม๊าใช่มั้ยลูก ซ้งจะอยู่กับหม่าม๊าไปตลอดชีวิต ซ้งจะไม่รักใครเท่าหม่าม๊า ซ้งจะไม่เป็นเหมือนป่าป๊าใช่มั้ย ซ้งลูกแม่”

เด็กชายยืนนิ่ง ๆ มองภาพใบหน้าอาบน้ำตาของแม่ที่ไม่ว่าใครจะมองว่าเธอเหมือนคนเสียสติ แต่สำหรับซ้งในวัยห้าขวบมันไม่ใช่

หม่าม๊าเป็นทุกข์ เจ็บปวด ร้องไห้ทุกวัน

เพราะป่าป๊าไม่รักหม่าม๊าแล้ว

ซ้งจะรักหม่าม๊าคนเดียว ไม่รักใครมากกว่าหม่าม๊า
ทำไมหม่าม๊าต้องรักป่าป๊าด้วย ถ้าไม่รักก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้
หม่าม๊าคงไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ทุกข์ทนทรมานขนาดนี้

ความรักน่ากลัว มันทำให้หม่าม๊าร้องไห้ทุกวันไม่ยอมหยุด

ซ้งจะไม่รักใคร

ซ้งไม่อยากร้องไห้ ถ้ารักใครแล้วต้องร้องไห้ เสียใจ ก็จะไม่รัก

“ซ้งจะไม่รักใคร สัญญากับหม่าม๊าสิ สัญญา ซ้งจะอยู่กับหม่าม๊าไปตลอด อย่าทิ้งหม่าม๊าไปเหมือนใคร ๆ อย่าทำอย่างนั้นกับหม่าม๊านะซ้ง สัญญากับหม่าม๊านะซ้ง สัญญา”

สัญญากับหม่าม๊าสัญญา

สัญญา

เด็กชายตัวเล็กร่างกายแคระแกร็น ยืนกระพริบตาปริบ ๆ
แม้ดวงตาจะเลื่อนลอย แต่จิตใจรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ซึมซับทั้งหมดเข้าในสมองและความรู้สึก

ปลายนิ้วเล็ก ๆ
เกลี่ยหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของแม่ที่พร่ำพูดแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำซาก
และซบใบหน้าลงกับร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยที่ยกแขนขึ้นโอบกอดร่างกายที่สั่นสะท้านของแม่เอาไว้ และแม้จะเป็นอ้อมแขนเล็ก ๆ แต่สิ่งที่เด็กห้าขวบทำได้ก็มีเพียงเท่านี้

การที่ซ้งไม่ยอมพูด ไม่ใช่พูดไม่ได้ แต่เป็นเพราะหม่าม๊าบอกว่าห้ามพูด ถ้าพูดแล้วจะไม่ได้อยู่กับหม่าม๊าไปตลอดชีวิต จะต้องไปโรงเรียน โรงเรียนคือสถานที่น่ากลัวไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ไม่อยากไป อยากอยู่กับหม่าม๊า

“สัญญานะซ้ง อย่ารักใคร สัญญาสิ”

สัญญาจะไม่รักใคร สัญญา สัญญา สัญญา

ซ้งสะดุ้งตื่นขึ้นมาในกลางดึกคืนหนึ่ง และพบว่าน้ำตากำลังหลั่งรินรดที่ข้างแก้ม หัวใจปวดร้าว รู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทนจนต้องร้องไห้สะอึกสะอื้น

ร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจ

ร้องเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้

ขบริมฝีปากแน่น และซบใบหน้าลงกับหมอนเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจ แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งพยายามจะหยุดความรู้สึกตัวเอง น้ำตาก็ยิ่งไม่ยอมหยุดไหล เหมือนว่าจะขาดใจตาย แต่ก็ทำได้แค่เพียงพยายามรวบรวมสติให้กลับมาโดยไว

“อาซ้ง อาซ้ง เปิดประตูให้อาม่าหน่อย”

ได้ยินเสียงเคาะที่หน้าประตูห้อง แล้วซ้งก็รีบลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที

“ร้องไห้อีกแล้ว ไม่เป็นไรน๊า อาม่าอยู่นี่ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งกำลังยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา และกอดร่างของอาม่ากิมเอาไว้แน่น ร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ เพราะเจ็บปวดหัวใจกับเรื่องราวในอดีตที่ไม่เคยลบเลือนหายไปจากความรู้สึก

“ม่ายเป็นไรนา ซ้ง อาม่าอยู่นี่แล้ว ไม่เป็งไร”

มือเล็ก ๆ มีแต่ร่องรอยเหี่ยวย่นของอาม่ากิม ลูบหลังลูบไหล่หลานชายที่กำลังพยายามรวบรวมสติให้กลับคืนมาให้ได้

“ซ้งไปนอนกับอาม่านะครับ คืนนี้ซ้งขอไปนอนกับอาม่าซ้งไม่อยากนอนคนเดียว”

น้ำเสียงสั่นไหว ร่างกายกำลังสั่นสะท้าน

อาม่ากิมได้แต่ถอนหายใจ และลูบไหล่ของหลานชายตัวโตที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยเปลี่ยน

แม้ร่างกาย รูปร่าง หน้าตาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ซ้งก็ยังเป็นหลานชายตัวเล็ก ๆ ของอาม่ากิมเสมอ

“ล่ายซิ ไป ไปนอนห้องอาม่ากานนะ ไม่เป็งไรแล้ว ไม่เป็งไร”

อาม่ากิมเดินนำหน้า โดยมีหลานชายตัวโตจูงมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเหมือนตอนเด็ก ๆ

ซ้งกำลังเดินตามอาม่ากิมเข้าไปในห้อง และล้มตัวลงนอนกอดอาม่าเอาไว้แน่น

น้ำตายังไม่ยอมหยุดไหล

แต่หัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำเมื่อหลายนาทีก่อน เริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว

“อาม่าอยู่กับซ้งไปตลอดไม่ได้นา ถ้าอาม่าเป็นอารายไปแล้วซ้งจะทำยางงาย”

รับรู้ได้ถึงเรื่องนี้

ทุกครั้ง สมองรับรู้ แต่หัวใจไม่เคยยอมรับ

“ถ้าอาม่าตาย ซ้งก็ไม่อยากอยู่ อาม่าอย่าทิ้งซ้งไปแบบหม่าม๊านะ อาม่าอย่าทิ้งซ้งไปแบบหม่าม๊า”

ไม่มีใครรู้ ว่าหัวใจของคนที่ทำเป็นเมินเฉยต่อโลก ผ่านความทุกข์ใจอะไรมาบ้าง
ซ้งกลายเป็นเด็กชายตัวเล็กที่หวาดกลัวต่อโลกทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ

ความรู้สึกหวาดกลัวไม่เคยจางหายไป และเมื่อปล่อยใจให้ล่องลอย แม้แต่ในความฝันภาพวันเวลาเก่า ๆ ที่ฝังจิตฝังใจก็กลับมาหลอกหลอนให้ฝันถึงอยู่บ่อยครั้ง

“ความรักไม่น่ากลัวหรอกอาซ้ง เหมือนเรื่องอาม่ากับอากงที่ซ้งชอบฟังยังงายยย อาม่ารักอากง อาม่าก็มีความสุข มันม่ายล่ายมีแต่ความทุกข์หรอก เชื่ออาม่านะซ้ง”

อยากจะเชื่อ

อยากจะปล่อยหัวใจให้เชื่อดูสักครั้ง แต่ก็ไม่กล้า

ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า ไม่กล้าเข้าหาใคร ๆ ทั้งนั้น

ซ้งนอนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ฟังทุกคำพูดคำสอนของอาม่ากิม และยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

ซ้งกลัวอาม่า ซ้งกลัวเป็นแบบหม่าม๊า

ถ้าซ้งไม่โชคดี แล้วซ้งจะทำยังไง

ความรักมันน่ากลัว มันทำให้หม่าม๊าร้องไห้ทุกวัน ทำให้หม่าม๊าไม่มีความสุข
และซ้งสัญญากับหม่าม๊าไว้แล้ว ว่าจะไม่มีความรัก

แล้วจะผิดคำพูดที่สัญญากับหม่าม๊าได้ยังไง

ไม่เป็นไร ซ้งจะไม่รักใครจะอยู่ไปอย่างนี้ตลอด
ทำได้แน่และจะไม่ยอมเป็นแบบหม่าม๊าเด็ดขาด

อาม่าครับ ซ้งอยากจะเป็นเหมือนคนอื่นๆ บ้างแต่ก็รู้ตัวเองว่าไม่มีทางทำได้

ถ้าต้องอยู่บนความไม่แน่นอน สู้อย่าเข้าไปหาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง
ซ้งไม่มีทางทำให้ตัวเองเจ็บปวดเด็ดขาด

ซ้งจะทำให้ได้ เชื่อว่าจะต้องทำได้

สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วครับอาม่า และซ้งจะทำให้ได้ตามสัญญา


TBC...



เจอกันเมื่อเท็นอัพนะคะ ฝันดีคะ   :bye2:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ฝันดีเช่นกันค่ะ


อ่านแล้วนอนหลับสบาย

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † รอ † [27/03/12]
«ตอบ #344 เมื่อ27-03-2012 01:18:14 »




ตอน รอ



“นุ่น”

“จ๋า...”

นุชารีบตอบกลับโดยไว ขืนตอบช้ามีหวังโดนบ่นหูชาหาว่าไม่สนใจครอบครัว

“เอาปิ่นโตไปด้วย เอาไปกินระหว่างทางก็ได้”

ใครจะกินข้าวบนรถทัวร์ระหว่างทางกันล่ะแม่ โดนด่าเปิดเปิงกันพอดี
ห่วงไม่เข้าเรื่องเล้ยยยยย
แต่ไม่เอาไปก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็หาว่าไม่ใส่ใจอีก หาว่าไปอยู่ไกลแล้วทำเป็นเมิน

นุชากำลังอยู่ในสภาพรีบเร่ง สะพายเป้ และเตรียมไปรอรถในเวลาเกือบพลบค่ำ เพื่อกลับไปทำงานที่ชลบุรีให้ทันในเช้าวันถัดไป

วันหยุดทั้งที่ ตอนบ่ายเลยนอนเพลินไปหน่อย สะดุ้งตื่นอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

ข้าวเย็นที่แม่ทำก็ไม่ทันได้กิน ต้องหิ้วใส่ปิ่นโตกลับไปกินด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวโดนบ่นไม่เลิก เดี๋ยวจะหาว่าชอบทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาทั้งที่ครอบครัวไม่เคยสร้างปัญหาให้

แม่บ่นยาวเหยียด แต่สุดท้ายพอใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อยก็ต้องเดินไปหอมแก้มก่อนไปทุกที ไม่งั้นคงจะโทรไปบ่นยาวแม้ว่าจะกลับไปถึงชลบุรีแล้วแต่ก็คงโทรตามไปบ่นได้เรื่อย ๆ

“นุ่นอยู่ทางโน้น อย่าปล่อยให้ตัวเองอดนะลูก ไม่สบายใจก็กลับบ้านเรานะ”

ก็ผมเลือกจะไปเองนี่ครับ ไม่สบายใจก็ไม่ได้แล้ว ขืนกลับมาก็เสียฟอร์มแย่สิ
ถึงช่วงแรก ๆ จะรู้สึกเหงา ๆ บ้างก็เถอะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงครับแม่สบายมาก

“แล้วก็อย่าปล่อยให้ห้องรก เวลาซักผ้าต้องแยกผ้าสีผ้าขาวออกจากกันเดี๋ยวสีตก รีดผ้าดี ๆ อย่ารีดแบบที่ใส่มาจีบเต็มไปหมด แม่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าไป นุ่นก็ไม่เชื่อแม่ แล้วทีนี้เป็นยังไง แม่บอกไม่เคยฟัง”

ยาวแล้วงานนี้
ขืนอยู่ต่อคงจะยิ่งยาว

อารมณ์เหมือนดูหนัง หนังจบอารมณ์ไม่จบ
นี่ก็เหมือนกัน กำลังจะไปแล้ว แต่อารมณ์อยากบ่นก็ไม่เคยจบ แม้จะก้าวขาเดินออกจากบ้านไปแล้วก็สามารถโทรไปบ่นได้เช่นกัน

ขืนไม่รีบหนีตอนนี้ท่าทางจะไม่รอด
กลายเป็นเหยื่อสำหรับการบ่นของแม่แน่ ๆ

นุชารีบยกมือไหว้แม่ ก่อนจะพาตัวเองเดินลิ่ว ๆ ออกจากบ้านและยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

เวร

เผลอแป๊บเดียว จะทุ่มอยู่แล้ว

รีบเดินออกจากซอยในหมู่บ้านด้วยความรีบเร่ง
จะโบกมอร์เตอร์ไซด์วินก็ไม่มีผ่านมา

ไม่น่านอนเพลินเลยจริง ๆ
ตอนแรกว่าจะไปที่สนามซะหน่อย เลยไม่ได้ไปเลย
เพราะมัวแต่บ้านอนนี่แหละ เลยอดเห็นหน้าคุณซ้งเลย

คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้ง จะกลับแล้วน๊า

ว่าแต่พักนี้ดูแปลก ๆ ไปเล็กน้อย จากเดิมที่เวลาอยู่ใกล้ ๆ กัน คุณซ้งชอบทำหน้าเครียดและไม่ยอมพูดยอมคุยด้วย

แกล้งแหย่ให้โมโหก็เห็นว่าทั้งโมโหและทั้งหงุดหงิดอย่างเอาเป็นเอาตาย
เข้าใกล้อาม่ากิมไม่ได้เลยสักนิด

แต่นั่นแหละเรื่องน่ารักของคุณซ้งเลย

โตขนาดนั้น มีใครที่ไหนเขาติดอาม่ากันอยู่บ้าง ทำเหมือนเด็ก ๆ ไปได้
แกล้งล้อไปก็ไม่เห็นมีปฏิกิริยาอะไร แถมยังด่ากลับให้เจ็บปวดหัวใจอีก
แบบนี้ไงก็เลยทำให้อยากแกล้ง

เวลาคุณซ้งทำหน้าหงิกหน้างอ เหมือนคิดคำด่าไม่ออก
มองแล้วยิ่งเพิ่มความน่ารักให้ผู้ชายตัวโต ๆ ขึ้นได้ทวีคูณ

พักนี้ เหมือนเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น ได้เห็นด้านต่าง ๆ ของคุณซ้งแล้ว

พูดกันตามจริง
คุณซ้งเป็นคนจิตใจดีนะ เป็นคนที่จิตใจดีมาก ถึงจะไม่ค่อยพูดและทำเหมือนไม่สนใจใคร แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนใส่ใจคนอื่นมาก
แม้จะไม่ค่อยแสดงออกมาให้เห็นบ่อย ๆ ก็เถอะ
แต่เวลาได้เห็นได้สัมผัส ก็รู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ

เรื่องวันก่อนขอบคุณมากนะคุณซ้ง ถ้าวันนั้นไม่เจอคุณซ้งคงจะยิ่งเศร้า
แต่เพราะอ้อมแขนอุ่น ๆ นั่นแหละ ที่ทำให้สลัดความคิดโง่ ๆ ออกจากหัวไปได้อย่างรวดเร็ว

แล้วก็

พักนี้ได้เห็นคุ   ณซ้งยิ้มด้วยนะ ไม่เคยเห็นซะที แต่พอได้เห็นแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่นึกว่าภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ หงิก ๆ งอ ๆ มีหน้ายิ้มสดใสแบบนั้นแอบไว้ด้วย

อยากเห็นอีก

อยากเห็นด้านอื่น ๆ ที่หลากหลายกว่านี้ของคุณซ้งอีก
ทั้งที่อายุน้อยกว่าแท้ ๆ แต่ทำไมถึงเป็นคนน่าค้นหาขนาดนี้

น่าแปลกจริง ๆ

นุชาเดินมาถึงหน้าปากซอยและยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์

ใจคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของน้องแรงบันดาลใจซ้งไปเรื่อย ๆ
คิดถึงเรื่องราวต่างๆ คิดถึงรอยยิ้มหวาน ๆก็ติดอยู่ในความทรงจำตลอดเวลาที่นึกถึงหน้าของคนที่ทำให้นึกถึง

“คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้ง”

พูดเล่น ๆ เรียกเล่น ๆ พูดเบา ๆ กับตัวเองและอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าเจ้าของชื่อ

คุณซ้ง.......

เรียกปุ๊บมาปั๊บ ถึงตัวไม่มา แต่ส่งเสียงมาให้ได้ยินทางโทรศัพท์ซะด้วย
พักนี้โทรหาผมบ่อยนะครับคุณซ้ง
คิดถึงล่ะเซ่ อย่าอ้อมค้อม คิดถึงก็บอกมาเล้ยยยยยยยย ตรง ๆ


“ครับ......”

ตอบออกไปด้วยใจร่าเริงสุดขีด
แต่เมื่อได้ยินเสียง จากหน้าดีใจสุดขีด กลายเป็นหน้าเครียดขึ้นมาทันที

“อ่า...คือว่าอย่างนี้นะคุณซ้ง”

ยังไงล่ะ จะให้อธิบายยังไง

จะให้พูดอะไร

รู้สึกเหมือนถูกโกรธอย่างจริงจัง ก็เล่นอยู่ดี ๆ โทรมาถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เย็น ๆ ชวนขนหัวลุกขนาดนั้น

เลยไปไม่ถูกเลย

“ทำไมไม่มา”

ทำไมเหรอ ทำไมกันหว่า เอ้ออออออ นั่นสิทำไม ก็แบบว่านอนเพลินไปนิดเดียว ก็เลยตื่นไม่ทัน กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวออกมาได้นี่ก็ปาเข้าไปจะหนึ่งทุ่มแล้วนะคุณซ้ง ไม่ได้อู้ไม่ได้เหลวไหล

คิดถึงอยากเห็นหน้าคุณซ้งจะตาย แต่ถ้าไปหาที่สนาม พรุ่งนี้คงไปทำงานไม่ทัน ที่สำคัญ หลังหกโมงเย็นก็กลับบ้านกันหมดแล้ว จะไปหาใครล่ะ

ไม่มีใครอยู่แล้ว

คุณซ้งเองก็กลับบ้านแล้วเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านล่ะสิ

ชัวร์....เลย เน้อออออออ

“ตื่นไม่ทันน่ะคุณซ้ง นี่ก็ยืนรอรถอยู่เหมือนกัน ป่านนี้แล้วยังไม่ได้ขึ้นรถทัวร์เลย ไม่รู้จะกลับไปถึงกี่ทุ่ม”

ตอบออกไปตามความจริง

และปลายสายก็รับฟังด้วยความนิ่งเงียบ
อะไรจะตั้งใจฟังขนาดนั้นวะ

ตั้งใจฟังคำอธิบายมากไปแล้ว เอ่อออออ แล้วไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ
นี่อธิบายจบนานแล้วนะ

คุณซ้งครับ คุณซ้ง คือว่าเล่าจบแล้วนะ

“อือ”

แค่เนี้ยะ ตอบกลับมาแค่นี้เหรอ ไม่สงสัยใคร่รู้อยากถามอะไรหน่อยเหรอจะได้มีเรื่องคุยกันยาว ๆ กว่านี้อีกนิด ทำไมตอบกลับแค่นี้ล่ะคร้าบบบบ

“รอผมเหรอ”

แกล้งถามและอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
เดี๋ยวก็ได้เรื่องอีกแหละ คราวนี้คงทั้งบ่นทั้งด่า ทั้งหาว่าไม่มีมารยาท
อะไรอีกนะ ที่เป็นคำด่าเฉพาะตัวของคุณซ้ง อ๋อออออออออ ---ประสาท---
คำนี้มาแน่

“รอ”

อ่า

รอ....งั้นเหรอ
รอที่ไหน มันทุ่มแล้วนะคุณซ้ง รอได้ยังไง
มีอะไรในหัวผิดปกติอยู่หรือเปล่า รอผมเนี่ยเหรอ ไม่จริงหรอก
รอทำไม ปกติไม่คิดว่าจะรอ อย่างคุณซ้งเนี่ยนะ จะรอ

“รอใคร”

เอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่คำตอบที่ได้ เล่นเอานุชายิ้มกว้าง
ยิ้มจนตาหยีหลังจากได้ฟังคำตอบนั้น

“รอนุชา”

โหหหหหหหหหหหหหหหหหหห

ตาย ตาย งานนี้ตายแน่ พูดจาน่ารักที่สุดเลย รอผมจริงเร้ออออออ
คิดถึงจริงๆ ล่ะสิ งานนี้จริงจังนะ อย่ามาทำให้ดีใจแล้วเดินหนีกันง่ายๆ ล่ะ
รับผิดชอบคำพูดตัวเองด้วยนะครับ

ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะตอบอะไร เป็นปลื้มไปซะหมด

แต่ความเงียบหลังคำตอบนั่นแหละ ที่มาพร้อมความกดดัน

เงียบซะจนน่ากลัว เหมือนโกรธจริง ๆ ที่ไม่ยอมไปให้เห็นหน้า

“กำลังจะกลับชลบุรีครับ”

ทำเสียงให้นิ่ง ๆ เข้าไว้ ระงับอาการดีใจเกินเหตุแทบไม่ได้
นุชาพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตัวเองยิ้มไปมากกว่านี้

แต่อาการเดิมก็กลับมาอีก คือคุณซ้งไม่ตอบกลับ แถมยังวางสายกันไปดื้อ ๆ

อ้าวเฮ้ยยยย....อะไรวะ….ทำไมทำแบบนี้

โกรธจริงจังหรือนี่ โกรธอะไรวะ ก็คนกำลังจะกลับก็ต้องบอกไปตามความจริงว่าจะกลับแล้ว ทำไมต้องโกรธ ทำไมต้องทำแบบนี้ ตัดสายทิ้งอีกแล้วนะ

ทำเหมือนงอนกันไม่มีผิด

ทำแบบนี้ ทางนี้คิดนะครับคุณซ้ง

ทำแบบนี้มันน่าคิด

“งอนเหรอวะเนี่ย......อย่าบอกนะว่างอน...อะไรวะ แค่ไม่ไปแค่เนี้ยะต้องงอนกันด้วย มันน่ารักนะคุณซ้ง.....โคตรน่ารักเล้ยยยยยน้องแรงบันดาลใจคุณซ้งเอ้ยยยยย”



TBC...




nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน  สาเหตุของความเครียด



ตื่นนอนตอนหกโมงเช้า

นั่งจิบโอวัลตินที่อาม่าชงให้ หรือไม่ก็ขี่มอร์เตอร์ไซด์ไปตลาดไปซื้อโจ๊กกับน้ำเต้าหู้ หรือน้ำขิงให้อาม่า

ดูรายการข่าว ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย
วิ่งออกกำลังกายที่สนามหน้าบ้าน รดน้ำต้นไม้

สิบโมงพาอาม่ากิมไปเล่นไพ่นกกระจอกที่สมาคมแล้วก็ขับรถเลยไปที่อพาร์ทเม้นให้เช่า ตรวจเช็คเอกสาร ตรวจเช็คความเรียบร้อย

นั่งทำงานอยู่ที่อพาร์ทเม้นจนถึงสี่โมงครึ่ง ขับรถกลับมารับอาม่ากิมเพื่อเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และไปวิ่งออกกำลังกายที่สนามใกล้บ้าน

วันอาทิตย์ไปเรียนตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น
ระหว่างวัน บ้านโน้น จะมารับอาม่าไปอยู่ด้วยที่เลยไม่ต้องห่วงว่าอาม่าจะอยู่บ้านคนเดียว

ชีวิตเป็นแบบนี้ทุกวัน
สงบ เรียบเรื่อย เป็นไปอย่างที่ควรเป็น
ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่มีอะไรให้ดิ้นรนไขว่คว้า
หวังแค่เพียงให้เวลาทุกนาทีที่ผ่านไป ยังรับรู้ได้ว่ายังมีอาม่ากิมอยู่ข้าง ๆ
แค่เพียงทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา ยังได้ใช้ชีวิตร่วมกับอาม่าในทุก ๆ วัน

เช้าวันจันทร์

น้องแรงบันดาลใจซ้ง ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ

เป่าที่ช้อนให้โจ๊กหายร้อน และตักเข้าปาก ตักโจ๊กใส่ปากไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เคี้ยว ค่อย ๆ กลืน นั่งกินอย่างเชื่องช้าอยู่ที่โต๊ะในสนามหญ้าหน้าบ้าน โดยมีอาม่ากิมกำลังรำไทเก็กตามรายการโทรทัศน์อยู่ในบ้าน และสามารถมองเห็นกันได้แม้อยู่ที่โต๊ะที่สนามหญ้า

นั่งมองผู้คนที่เดินผ่านหน้าบ้านที่กำลังรีบเร่งไปทำงานในเช้าวันจันทร์
แล้วก็พาลให้นึกถึงใครบางคน

วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ นุชาคงจะมีสภาพไม่ต่างจาดผู้คนที่พบเห็น คงกำลังรีบเร่งไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ

โทรไปหาเพราะเห็นว่าผิดเวลามากเกินไป วิ่งไปหลายรอบ ฟังเพลงก็แล้วหยุดพักดื่มน้ำก็แล้ว แถมซ้ำยังนั่งรออีกนานแต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมา

หกโมงเย็นสมาชิกในชมรมก็สลายตัวเริ่มทยอยกลับกันไปหมดพร้อมกับรับรู้ได้ว่า วันนี้นุชาคงไม่มา

ไม่คิดว่าตัวเองจะเหลือบสายตาไปมองที่ประตูทางเข้าสนามบ่อยครั้ง

ทุกครั้งที่วิ่งถึงรอบที่ใกล้ประตูทางเข้าก็จะหยุดชะเง้อคอมองหา

แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

รอ

ไม่ควรรอ ไม่เคยรอ แต่ครั้งนี้ความรู้สึกแตกต่างจากทุกวัน
จิตใจมันพะว้าพะวงคอยแต่นึกถึง

รู้สึกเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

มีบางคนคล้ายนุชาเดินเข้ามาที่ประตูทางเข้า หน้าก็ยิ้มระรื่นขึ้นมาทันที ดีใจแบบเก็บอาการไม่อยู่ แต่เมื่อเพ่งมองดี ๆ และเห็นว่าไม่ใช่ คราวนี้ก็เลยใจแป้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ไปไหนของมันวะ

สมควรจะมา ก็ไม่ยอมมา ทีแต่ก่อนไม่อยากเห็นไม่อยากเจอหน้า
เสือกมาได้มาดี

บ่นกับตัวเองและเพิ่มความเร็วในการวิ่งเพราะรู้สึกว่าเริ่มหงุดหงิดโมโห

สุดท้าย เมื่อเลยหกโมงเย็นถึงต้องยอมรับสภาพว่านุชาไม่มาจริง ๆ

ขับรถพาอาม่ากิมกลับบ้านด้วยจิตใจห่อเหี่ยว และหาเหตุออกมาที่สนามอีกรอบด้วยการอ้างว่าออกมาซื้อบะหมี่ สุดท้ายขับรถแวะวนมาดูอีกรอบจนได้
และก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ปล่อยให้รอตั้งแต่ห้าโมงเย็น

นุชาไม่มาจริง ๆ

ป่านนี้คงกลับชลุบรีไปแล้ว

และก็เป็นจริงอย่างที่คิด
เพราะเมื่อโทรไปหา นุชามันยังกล้าทำเสียงระรื่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ถ้าจะเข้าใจสักนิดว่ามีคนรอ ก็ไม่น่าทำแบบนี้

แถมซ้ำยังมีการมาย้อนถามให้โมโหว่ารออยู่หรือเปล่า

แน่ล่ะ รออยู่แล้ว ถ้าไม่รอก็คงไม่ขับรถกลับมาที่สนามอีกรอบหรอก
ใครที่ไหนจะบ้ามา ถ้าไม่หวังว่าจะได้เจอ

แล้วยังมีการพูดจาเยาะเย้ยให้โมโหอีกว่า กำลังจะกลับชลบุรีแล้ว

คนรอก็รอไป

ไอ้คนไปไม่รอ ก็ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนที่กำลังรอเลยสักนิด
คนทั้งชมรมรอนุชากันทั้งนั้น
ที่โทรมาหาก็เพื่อจะถามเผื่อคนที่ชมรมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงจะได้ไม่ต้องถามถึงว่าวันนี้นุชาจะมาวิ่งหรือเปล่า

ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นเจือปนสักนิด

ไม่มี

ไม่มีอะไรทั้งนั้น ก็แค่คนที่ชมรมเขารอนุชาเขาพูดถึงนุชากัน ถ้าไม่มาก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก คนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องรอ ไม่ต้องเป็นห่วง

ซ้งเป่าโจ๊กร้อน ๆ ในชาม และนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

คิดไปเรื่อย และเริ่มรู้สึกหงุดหงิดโมโหกับพฤติกรรมไม่ดีของนุชา

แย่มาก

นุชามันแย่มาก จะไม่มาก็น่าจะโทรบอกกันสักคำ ทำไมทำเป็นเมินเฉยเหมือนคนที่ชมรมไม่มีความสำคัญกับมันเลยสักนิด

คงคิดว่าในชมรมมีแต่คนแก่ มีแต่อากง อาม่าอาอึ้มสินะ คงคิดว่าไม่น่าสนใจ
ถึงได้ทำอะไรง่าย ๆ แบบนี้

นุชา นุชา นุชา

เริ่มคิดก็เริ่มหงุดหงิด หาเรื่องมาต่อว่าพฤติกรรมของนุชาได้เรื่อย ๆ

เมื่อก่อนในสมองไม่เคยคิดเรื่องของนุชา แต่ตอนนี้เห็นทั้งภาพเห็นทั้งเสียง

“หน้ามึนเอ้ยยยย ทำไมชอบทำแบบนี้นักวะ”

บ่นกับตัวเอง และวางช้อนลง รู้สึกอิ่มและไม่อยากกินขึ้นมาแบบกะทันหัน
เพราะคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“วันศุกร์นี้บ้านโน้นจัดงานแซยิดอาป๊าลื้อนา ซ้งต้องปาย ม่ายปายไม่ล่าย”

ทำไมจะไม่ได้ ป๊าก็ต้องให้คนบ้านโน้นมารับอาม่าอยู่แล้ว

แต่เรื่องอะไรต้องไป ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ

เลี่ยงได้แค่ไหนยิ่งอยากจะเลี่ยง ยิ่งงานรวมญาติเยอะแยะมากมายแบบนั้นยิ่งไม่ไป
โทรถามเฮียเหวงแล้ว ก็เห็นว่าไม่ไปเหมือนกัน

ลูกทางโน้นก็มี ไม่ต้องมาสนใจลูกทางนี้หรอก
ไม่ต้องมาสนใจกัน ไม่เคยคิดจะให้สนใจอยู่แล้ว ตัดได้ยิ่งดี ตัดขาดกันไปเลยยิ่งดี

คิดแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

พักนี้มีแต่เรื่องชวนหงุดหงิด รำคาญใจ
มีแต่เรื่องเยอะแยะมากมาย

ทั้งที่ก็ใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาอยู่ทุกวัน ทำไมพักนี้จิตใจถึงได้แกว่ง ๆ พิกล

วันก่อนก็ด้วย เรื่องหม่าม๊าที่ไม่ได้ฝันถึงมานาน แต่อยู่ดี ๆ ก็ฝันถึงขึ้นมา

หลังจากนั้นก็นอนไม่ค่อยหลับ จิตใจมันพะว้าพะวงเหมือนมีเรื่องคาใจ
ปวดหัวจี๊ด ๆ อยู่ตลอดเวลา จนต้องไปหาหมอ

หมอบอกว่าน่าจะเกิดจากความเครียด เครียดโดยไม่รู้ตัวเลยส่งผลไปถึงร่างกาย
กำลังฝืนใจกับเรื่องบางอย่างอยู่หรือเปล่า ถึงได้ระบายออกมาด้วยการฝัน

พยายามเก็บ ยิ่งเหมือนกับจะเปิดออก

เรื่องที่กำลังฝืนอยู่มันเรื่องอะไรกัน คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

เรื่องอะไรที่พยายามเก็บเอาไว้ แต่เหมือนกำลังฝืนใจตัวเองอย่างหนัก ฝืนและเก็บกดเอาไว้จนทำให้เครียดโดยไม่รู้ตัว

เรื่องป๊า ก็เป็นแบบนี้มานาน ถ้าจะเครียดคงเครียดไปนานแล้ว

มาคิด ๆ ดู ถ้าจะมีอะไรชวนให้ปวดหัวก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบ้า ๆ ของไอ้ตี๋นุชาหน้ามึนคนนั้น ที่วันก่อนทำหน้าเศร้าดูน่าสงสารจนต้องรั้งเข้ามากอดเอาไว้

นุชา.....

นุชางั้นเหรอ

ทำไมถึงได้

ทำไมอั๊วนึกถึงแต่เรื่องของลื้อ และทำไมต้องเครียดเรื่องลื้อด้วย
ดูยังไงก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลสมควรเลยสักนิด

ไม่จริงหรอก ใครมันจะบ้าให้ตัวเองเครียดเรื่องของไอ้คนหน้ามึนแบบนั้น

คิดยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้

ยิ่งคิด ยิ่งบอกได้คำเดียวว่าไม่มีทาง




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน  แล้วจะทำไม



วันศุกร์

วันเอ๋ยย วันศุกร์
เฮ่ออออออ วันศุกร์

นุชาใช้ปากกาเมจิคขีดกากบาทวันที่ในปฏิทินและถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เจอ ไม่ได้แกล้งไม่ได้หยอกให้โมโห
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ คุณซ้งเอ้ยยยยยยยย

มาพูดให้ยิ้ม พูดให้รู้สึกดี แล้วก็เงียบหายแบบนี้เลยเหรอ
ไม่คิดจะโทรมาด่าเล่นแก้เหงาปากบ้างหรือไง

นุชาเหลือบสายตามองไปที่โทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้หลังโต๊ะทำงาน
เงียบสนิท ไม่มีสายเรียกเข้ามาตั้งแต่วันที่กลับมา

สิบโมงครึ่ง หลังจากลูกค้าคนก่อนหน้าลุกขึ้นเดินจากไปแล้ว
นุชาก็ดึงกระดาษทิชชู่มาพันรอบแก้วกาแฟเย็นแก้วที่สามที่ลูกค้าหิ้วมาฝากและในเวลานี้น้ำแข็งเริ่มละลายและน้ำกำลังนองอยู่บนโต๊ะ

เฮ่ออออ

คิดยังไงถึงหิ้วแต่กาแฟเย็นมาให้
ไม่กินก็ไม่ได้
ไม่กิน ลูกค้าก็คะยั้นคะยอให้กิน
ปาเข้าไปแก้วที่สามแล้วมีหวังคืนนี้คงได้นอนตาค้างกันบ้างล่ะ

นุชาเงยหน้าขึ้นมองที่หน้าเคาร์เตอร์ และยังเห็นลูกค้าต่อคิวยาวเหยียดเป็นหางว่าว

อีกนานกว่าจะเลิกงาน

ถอนหายใจอีกเฮือก แล้วก็กดคิวถัดไป เชิญลูกค้าให้นั่งลง และเริ่มรับฟังปัญหาการเงินของลูกค้า ตรวจสอบเอกสารที่แนบมาด้วย
ฟังการอธิบายเหตุผลของการขอสินเชื่อ

ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

และพยักหน้ารับฟังสิ่งที่ลูกค้าพยายามนำเสนอ
พลิกเอกสารสำคัญที่แนบมา ซักถามข้อสงสัยเมื่ออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม

ชีวิตคนทุกคนน่าสนใจเสมอ บางคนก็เหลือเชื่อ บางคนก็บ้าบอ

และสิ่งที่ไม่อยากได้ ก็กำลังถูกเสนอ

อีกแล้ว

กาแฟเย็นอีกแล้ว

นี่มันแก้วที่สี่แล้วนะ

อยากจะบ้า ของฝากอย่างอื่นไม่มีหรือไง

แล้วยังจะ……….โอยยยยยยย อยากจะเป็นบ้าจริงโว้ยยยย

“คุณนุชาครับ กาแฟเย็นซะหน่อยครับ เพิ่มความสดชื่น”

เหอ เหอ เหอ อยากบอกว่า ผมสดชื่นจนใจสั่นแล้วครับ

แก้วที่สี่แล้ว มีหวังคืนนี้ไม่ต้องนอนกันแล้วล่ะครับ

แม้จะคิด แต่นุชาก็ทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ และแกล้งจิบ ๆ กาแฟเย็นแก้วที่สี่ที่ลูกค้าหิ้วมาฝาก

ถ้ามีแก้วที่ห้า กูตายแน่

ถึงจะคิดแต่ก็พูดไม่ได้
สาบานเลย จะเลิกกินกาแฟเย็นอีกพักใหญ่
แค่ได้กลิ่นก็เอียนเกินทน

เกลียดกาแฟเย็น เกลียดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แกล้งจิบแล้วก็ยิ้ม

ทั้งที่ในใจกำลังรำพึงรำพัน

แล้วใครจะเข้าใจและรับรู้ถึงชีวิตรันทดของกูบ้างวะนี่

เฮ่อออออออออ กลุ้ม

“นุชา วันนี้กินอะไรดี”

“อิ่มอยู่เลยครับพี่ เดี๋ยวนั่งเล่นก่อนแล้วกัน”

ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละ กาแฟเย็นสี่แก้ว กินจนแทบอ้วก
ยังจะให้กินอะไรได้อีก

พักแล้ว พักเที่ยงแล้ว และนี่มันเป็นเวลาที่จะได้พักสมองจากความเครียดบ้าง

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง และเริ่มบ่นพึมพำคนเดียว
ไม่ยอมโทรหากันเลยเนอะคุณซ้ง
อยากโทรมาด่าตอนนี้ก็ไม่ว่านะ

ยินดีอย่างมาก
อยากได้ยินเสียงจะตายแล้ว

ทำไมใจร้ายใจดำจริงว๊า ก็ไหนบอกว่ารอนุชา แล้วทำไมไม่โทรหานุชาเลยวะ
หลอกให้รักแล้วจากไป ฮือ ฮือ ฮือ

นุชากำลังพร่ำเพ้อรำพึงรำพันกับตัวเอง

นั่งท้าวคางมองโทรศัพท์ แล้วก็กดดูหมายเลขที่โทรเข้ามาบ่อย ๆ
และครั้งล่าสุดที่โทรเข้ามาคือเมื่อวันอาทิตย์แต่ขาดการติดต่อไปหลายวันแล้ว

อยากโทรหาอยู่หรอก
แต่มันก็ไม่เหมือนคุณซ้งโทรมา
เพราะถ้าคุณซ้งโทรมานั่นแปลว่าต้องอยากพูดคุยด้วย

แหย่ได้ แกล้งได้ แต่ถ้าไม่เห็นหน้าก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นยังไง
ไม่อยากรบกวนหรือสร้างความวุ่นวายให้รำคาญ

อยู่ตั้งไกล แทนที่ความรู้สึกหลงใหลได้ปลื้มจะหายไปบ้าง
ทำไมมันยิ่งดูเหมือนจะหนักกว่าเดิมวะ

หรือว่าจะชอบคุณซ้งแบบจริง ๆ จัง ๆ กันล่ะนี่
คิดอะไรเพ้อเจ้อ และสะบัดหัวไล่ความคิดบ้า ๆ ออกไป

มองนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลาเที่ยงตรง

ไปพักหาอะไรกินก่อนดีกว่า

ขืนนั่งอยู่อย่างนี้ต่อไปยิ่งจะพาลคิดอะไรเพ้อจ้อไม่ยอม.............หยุด

เฮ้ยยยยยยยยยย

รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูและกดรับแทบไม่ทัน เมื่อเห็นว่ามีสายเรียกเข้าจากใครบางคนที่กำลังบ่นถึง

“คร้าบบบบบ” ลากเสียงยาวเหยียด และหน้าก็เริ่มยิ้มไปตามเสียง

“เฮ้ยยยย เอาจริงเรอะคุณซ้ง ยังไงล่ะนั่น อ่า คือว่า...อ๋อ ยูเทิร์นมาได้
ขับมาไม่ไกล แล้วก็เลยปั้มน้ำมันมาหน่อย ใช่ ใช่ อย่าเลี้ยวเข้าซอยนั้น ขับตรงมาได้ อ่า....ก็เข้ามาได้เลย...บอกว่ามาพบนุชา”

อย่างกับพายุ ถามทางเสร็จเรียบร้อย
แล้วก็วางสายไปแบบไม่ต้องรอให้พูดจบ ไม่เคยผิดคอนเซ็ปเล้ยยยยยย
ถ้าไม่ได้วางสายก่อนมันจะเป็นอะไรหรือครับท่าน อยากทราบจริง ๆ

แม้จะบ่น แม้จะคิด แต่นุชาก็ห้ามรอยยิ้มตัวเองไม่ได้

อยู่ดี ๆ ก็ขับรถมาถึงชลบุรี
บอกด้วยว่าตั้งใจมาหาโดยเฉพาะ

อะไรมันจะคิดถึงกันขนาดน้านนนนนนนนนน
วันนี้วันศุกร์ยังไงตอนเย็นผมก็ต้องรีบกลับไปหาที่สนามอยู่แล้ว
ใจร้อนจริงจริ๊งงงงงงงง คิดถึงผมมากล่ะสิ เลยต้องมาหาถึงนี่

“นุชา มีลูกค้ามาหา”

เชิญครับ เชิญครับ เชิญเลยครับคุณลูกค้า

คุณลูกค้าเชิญนั่ง.....อ่า....เลย...ครับ

ชายหนุ่มร่างสูง หน้าใสปิ๊ง แต่งกายด้วยชุดลำลองธรรมดา
แต่หน้าหล่อน่ารักกระชากใจอย่างแรง

คุณลูกค้าที่น่ารัก ถอดแว่นกันแดดออกและมานั่งหน้าบู้บี้ ขมวดคิ้วมุ่นอยู่ตรงหน้า

คิดถึงอ่า

น้องแรงบันดาลใจคุณซ้ง

“มีอะไรให้รับใช้ครับ ถึงได้มาถึงนี่เลย”

นุชาพยายามบังคับหน้าตัวเองให้หุบยิ้มเข้าไว้ และเอ่ยถามแบบเดียวกับที่ถามลูกค้า ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอของน้องแรงบันดาลใจคุณซ้งแล้วก็แทบจะหลุดขำออกมา

“ประสาท”

คิดถึงคำนี้จริง ไอ้คำนี้เลย คำพูดนี้เป๊ะ ๆ ออริจินัลต้องเป็นคุณซ้งพูดเท่านั้น
ถึงจะได้อารมณ์

“เอ้า.....แล้วจะให้เข้าใจว่ามาหาเพราะคิดถึงหรือไง แล้วใครเขาจะไปรู้กับคุณซ้งล่ะ”

แกล้งแหย่เข้าไปอีกนิด คราวนี้นอกจากเสียงจิ๊จ๊ะแล้วยังมีการหันหน้ามาจ้องหน้ากันด้วย อะไรวะ พูดอะไรผิดไปตรงไหน นี่เป็นข้อความจากใจเลยนะ

ไม่ชอบหรือไง คนปากตรงกับใจแบบผมหาไม่ได้ง่าย ๆ นะครับคุณซ้ง

“ง่วงนอน...จะไปนอนห้องนุชา”

บ้า

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

บ้าแล้ว

บ้าไปแล้ว

นี่มันยิ่งกว่าคิดถึงอีกนะเว้ยเฮ้ยยยย

“พูดเล่นนนนน”

เอ่ยถามเสียงสูง และมีปรัศนีขึ้นเต็มหัว

แต่ท่าทางคนบอกจะไม่ได้พูดเล่น เพราะคุณซ้งลุกขึ้นยืนและยังเรียกให้เดินตามอีก

“ป่ะ...”

บ้า

อย่ามาป่ะอะไรแถวนี้

แล้วนั่นจะไปไหนล่ะ เฮ้ยยยยยยย เอ้ย เดี๋ยวคุณซ้งงงงงงงงง คุณซ้ง รอก๊อนนน

“ทำไม อยู่กับแฟนหรือไง”

เปล่าไม่ได้อยู่กับแฟน แต่แฟนกำลังจะไปเยี่ยมก็เลยทำอะไรไม่ถูก

นุชารีบส่ายหัวเป็นการปฏิเสธและก็เห็นคุณซ้งยิ่งขมวดคิ้วมุ่น
อ้าวว แล้วไม่พอใจอะไรของคุณอีกล่ะครับ

“เออ ไม่ได้อยู่ก็ดี ป่ะ เร็ว ๆ”

เยี่ยมครับ

ไม่ต้องรอกันเลย เล่นเดินนำหน้ากันไปแบบนั้น
แล้วผมจะทำอะไรได้หรือครับคุณซ้ง

ก็ต้องเดินตามนั่นแหละ

และก็เดินตามมาอยู่บนรถเรียบร้อย บอกทางอย่างงง ๆ และแอบเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของคุณซ้งด้วยความมึนงงในพฤติกรรม

ถึงจะหน้าหงิกแค่ไหน ชอบทำอะไรแปลก ๆ แค่ไหน
แต่ไม่ว่ามองยังไงก็น่ารักได้อีก

หน้าแบบนี้ เสียงพูดแบบนี้ มองยังไงก็น่าร้ากกกกกก

“คิดถึงก็บอกมาเห้ออออ”

นุชาอมยิ้ม และแกล้งหันไปถามคนที่กำลังขับรถ และก็เห็นว่านอกจากไม่ตอบแล้ว คุณซ้ง ยังทำหน้างี่เง่าใส่อีก

อ้าว คิดถึงก็บอก ทำไมต้องหงุดหงิดใส่ด้วย ฟอร์มจัดจริงวะ

แบบนี้เขาเรียกพวกปากไม่ตรงกับใจ

“แล้วจะทำไม”

โหหหหหหหห เล่นตอบมาแบบนี้ ทำไมเหรอ
จะทำไมเหรอ ทำไมกันว๊า ทำไมล่ะ ทำไมกันหนอ

“ก็ถ้าคิดถึง....ก็จะได้ดีใจ”

อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา และหันหน้าหนีไปอีกทาง ตอบแบบไม่เต็มเสียง
แต่คนฟังคำตอบก็พอได้ยิน แม้จะได้ยินแบบไม่ค่อยชัด

แต่ก็ได้ยิน

จากที่ไม่ค่อยพูดอะไร คราวนี้ซ้งยิ่งนิ่งเงียบมากกว่าเดิม

คิ้วยังขมวดอยู่ แต่หัวใจเริ่มเต้นแรง
รอยยิ้มเล็กๆ กำลังจุดขึ้นที่มุมปากโดยไม่ทันรู้ตัว

ให้ตอบว่าคิดถึง ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจอาการที่ตัวเองเป็นอยู่
สิ่งที่ทำได้คือทำเหมือนเดิม พูดจาด้วยคำพูดเดิม ๆ และทำหน้างี่เง่าใส่เหมือนเดิม

ทั้งที่ความรู้สึกเริ่มไม่เหมือนเดิม

“ถามอะไรบ้าบออยู่ได้ ประสาทหรือไงนุชา”





TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน  การคาดเดา



หลับหรือนี่ มาเพื่อหลับจริง ๆ เหรอ นึกว่าพูดเล่น

แต่พอกลับมาแล้วพบว่ามีใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงจริง ๆ
ก็เลยได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง ด้วยความไม่เข้าใจ

เชื่อเลยว่ะ

เชื่อเลยว่าง่วงนอน และมาเพื่อนอนจริง ๆ

นุชากำลังยืนท้าวเอวมองร่างของคนที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างอยู่บนเตียง

แอบไขกุญแจเข้ามาอย่างเงียบกริบ
และเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ถึงได้เห็นว่าคุณซ้งที่บอกว่าง่วงนอน
กำลังหลับอยู่บนเตียง

เชื่อแล้วล่ะครับ ว่าง่วงนอนแล้วก็ตั้งใจจะมาหาที่นอนจริงอย่างที่พูด

เที่ยงวันนี้มีโทรศัพท์เข้ามาหาจากหมายเลขของคนที่กำลังคิดถึง
ปลายสายบอกว่ากำลังขับรถมาหา

คิดว่าพูดเล่น แต่พอเห็นมายืนอยู่ตรงหน้าถึงเชื่อ และรู้ว่าคุณซ้งพูดจริง

มายืนทำหน้าบูดใส่ และลากให้พามาที่ห้อง

มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าหมอนได้ ก็ลงไปนอนหน้าตาเฉย

เล่นเอานุชาถึงกับยืนงง

แค่หัวถึงหมอน ในเวลาไม่ถึงห้านาทีคุณซ้งก็หลับเป็นตาย
ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน

ยกข้อมือขึ้นมองที่นาฬิกา ก็เห็นเป็นเวลาเกือบบ่าย ต้องรีบกลับไปทำงาน
ล็อคห้องและเดินลงมาเรียกมอร์เตอร์ไซด์วิน ขับไปส่งที่ทำงาน

ทำงานด้วยใจพะว้าพะวง แถมซ้ำยังต้องมามึนงงกับพฤติกรรมของผู้มาเยือน

อยากจะรีบกลับให้เร็วที่สุด แต่ก็ติดลูกค้าที่คุยยาวจนปาเข้าไปหกโมงเย็น
เคลียร์เอกสารอีกเล็กน้อย และหอบแฟ้มเอกสารกลับมาทำต่อ

วางแฟ้มไว้บนโต๊ะเรียบร้อย ปลดกระดุมที่ปลายแขนเสื้อ และถอดเนคไทออก

ยืนมองและเพ่งพินิจพิจารณาคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง

นอนจริงจังมากไปแล้วคุณซ้ง

เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงมาหา มาตั้งไกลมาจนถึงที่นี่
ถ้าเป็นคุณซ้งในเวลาปกติ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

แต่เมื่อนิ่งมองใบหน้าซีด ๆ เซียว ๆ ของคนที่มาหาแล้ว ก็คิดได้ว่าคงไม่ใช่คุณซ้งในเวลาปกติแน่ ถึงแม้จะโต้กลับและเอาคืนได้ทุกประโยคคำพูดที่หยอกล้อ แต่ถ้ามองให้ดี
จะรู้ ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

นุชาเดินไปหยิบผ้าขนหนู และหาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน

หันไปมองใบหน้ายามหลับของคนที่ยังนอนกอดหมอนข้างแล้วก็อมยิ้ม

ไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณซ้งที่กำลังนอนหลับแบบนี้อีกครั้ง

แต่ก็มาให้เห็น มาให้ดูแบบใกล้ชิดซะด้วยสิ

ยืนมอง มองด้วยความรู้สึกหลากหลาย และยังหยุดรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น ให้สมองปลอดโปร่ง หลังจากวันทั้งวัน คร่ำเคร่งกับกองเอกสาร

และอยู่กับความสงสัยมึนงงเรื่องคุณซ้งมาตลอดทั้งบ่าย

“อือออออออออ”

ได้ยินเสียง แล้วนุชาก็หันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงด้านหลัง

มือยังถือปากกา แต่สายตาหันกลับไปมองคนที่กำลังยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจและยกหลังมือขึ้นขยี้ตา

สโลโมชั่นได้อีก ขนาดบิดขี้เกียจยังน่ารักเลยเว้ยคนเรา

นั่งรอตั้งนานกว่าจะตื่น

หกโมงครึ่งแล้วคุณซ้ง

หันกลับมาพิจารณาเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ และยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจตามคนที่เพิ่งตื่น ยกมือปิดปากหาวนอน และหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง

อ่า....

อะไรของคุณซ้งวะ

นอนทำตาแป๋ว แล้วก็จ้องมองกันซะขนาดนั้น จะให้ทำยังไงต่อไปดี

“เอ่อ...หิว..หิวข้าวหรือเปล่า”

นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร ก็เลยเอ่ยถามออกไปทั้งที่เริ่มทำตัวไม่ถูก
ปกติไม่ใช่แบบนี้ แต่ว่าเห็นคุณซ้งเพิ่งตื่นนอนจะไปแกล้งตั้งแต่ตื่นก็ไม่ใช่เรื่อง

เห็นคุณซ้งขมวดคิ้วมุ่นและทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่เล็กน้อย
แล้วก็ได้คำตอบกลับมาว่า

“หิวมาก”

ไม่พูดเปล่า คนตอบยังทำหน้าเหมือนอยากบอกให้รู้ว่าหิวจริง ๆ อย่างที่พูด
แล้วคนที่ได้รับคำตอบก็แทบจะหลุดขำออกมา

รู้ตัวมั้ยครับ ว่าคุณซ้งที่เป็นแบบนี้น่ารักดี และน่ารักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนอยากเทคะแนนให้ร้อยเต็มสิบ

ถ้าหิวขนาดนั้น ก็....ไปหาข้าวกินกันก่อนก็ได้

“ล้างหน้าก่อนป่ะ” เอ่ยถามและคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นนั่งในสภาพหัวยุ่งเหยิงและยกมือขึ้นลูบ ที่เส้นผมตัวเองสองสามที จัดสภาพหน้าตาและร่างกายให้เข้าที่

“อือ”

ตอบคำถาม แล้วซ้งก็ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ

โดยมีสายตาของนุชาที่มองตามหลังและถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

เฮ่อออออออออออ

ไม่ไหวเว้ยยยยย คุณซ้งดูมึน ๆ แปลก ๆ ไม่เหมือนปกติที่แม้หน้าจะบูดบึ้งขนาดไหนแต่ก็รู้ว่าไม่ได้เป็นอะไร สามารถแกล้งหรือแหย่เล่นให้โมโหได้

แต่ในเวลานี้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้ว่าไม่ใช่

เหมือนว่ามีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ แต่อย่าหวังว่าฝ่ายนั้นจะเล่าให้ฟัง
แค่อยู่ดี ๆ มาหากันถึงที่นี่ก็เหลือเชื่อแล้ว

ว่ากันตามจริงเราก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันถึงขนาดไปมาหาสู่กันด้วยซ้ำ

“วันนี้ก็คิดจะเบี้ยวไม่กลับอีกแล้วสินะ”

เฮ้ยยยยยยยยยย

ไม่ได้คิดเลยจริง ๆ งานมันเยอะ ไม่ได้เบี้ยวเลย งานกองท่วมหัวแล้วจะให้กลับยังไง

ละสายตาจากกองเอกสารและเงยหน้าขึ้นมองคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า

หน้าเปียกหัวเปียก และยังคงคอนเซ็ปหน้าบึ้งไม่เลิก

คำพูดที่มาพร้อมกับหน้าบึ้ง ๆ นั่นทำให้นุชาต้องหรุบสายตาลง

ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าแก้ตัว เห็นยังไงก็เอาตามนั้น
แล้วแต่คุณซ้งจะพิจารณา

ไม่ได้พูด ไม่ได้ตอบ แต่ยังเปิดอ่านเอกสารที่แนบมาในแฟ้ม
แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยิน และคราวนี้คุณซ้งก็เปลี่ยนจากยืนมานั่งหน้าเปียกอยู่ตรงหน้านุชาแทน

นั่งมอง

และทำเหมือนสนใจกับสิ่งที่นุชากำลังอ่านนักหนา

“ผ้าขนหนูไม่มีเหรอ”

มี

ผ้าขนหนูมีอีกผืน

ชี้นิ้วไปที่ผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนไว้ที่ไม้แขวน และก็เห็นคุณซ้งลุกขึ้นเดินไปหยิบมาซับที่ใบหน้า ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเดินกลับมานั่งตรงหน้าเหมือนเดิม และยังใช้ผ้าขนหนูซับหน้าไปมาอีกหลายครั้ง เสร็จแล้วก็นั่งมองหน้าของคนที่ยังสนใจกับงาน

ไม่สนใจคนที่รอ

“หิว”

ครับ

“หิวข้าว”

จ่ะ

หิว....

ทำไมถึงได้ทำเสียงแบบนั้นล่ะ มันจะทำให้คนฟังขาดใจตายนะครับ

“กินเสร็จแล้วกลับเลยหรือเปล่าครับ แล้วนี่อาม่ากิมอยู่กับใครตอนนี้”

เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย ตอนนี้ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว
ขับรถกลับมืด ๆ ไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นห่วงอาม่ากิม อยู่ ๆ คุณซ้งก็มาแบบนี้แล้วอาม่ากิมอยู่กับใคร ไม่ได้ไล่นะ แต่อยากรู้ว่าจะทำยังไงต่อไป

เห็นคุณซ้งทำหน้าลังเลใจอยู่เป็นพัก

อะไรล่ะคุณซ้ง ไม่ได้ถามคำถามยาก ๆ เลยนะ อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ใช่ว่าจะบีบบังคับ

เห็นเงียบอยู่นานกว่าจะตอบ แค่ตอบแค่นี้ทำไมต้องคิดอะไรขนาดนั้นครับ

“ม่าไม่อยู่ไปแซยิดบ้านป๊า”

อ่อ

ก็เลยมาถึงนี่ ซึ่งจริง ๆแล้ว ก็ไม่น่าจะเกี่ยว ที่มีเยอะแยะ ทำไมถึงได้มาหาผมล่ะคุณซ้ง

ไม่ถาม เพราะรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบ
วางปากกาลงและลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์

“ป่ะ.....หิวแล้ว”

ครับ ๆ ก็กำลังจะไปอยู่นี่ไง

ใครมันจะไปคิด ว่าคุณซ้งจะทำเสียงเล็กเสียงน้อยได้น่ารักขนาดนี้
ขืนไม่รีบพาไปหาอะไรกิน เดี๋ยวได้หิวขาดใจตายไปก่อนพอดี

เดินออกจากห้อง โดยมีคนตัวโตเดินตามต้อย ๆ เหมือนเด็กน้อยลงทาง

“ที่นี่ คนเป็นแฟนกัน เขาต้องเดินจูงมือกันนะคุณซ้ง”

แกล้งพูด และคราวนี้ก็ได้เห็นว่าคุณซ้งเบะหน้าใส่ เล่นเอาหัวเราะไม่หยุด

ที่ไหน คนเป็นแฟนกันก็เดินจูงมือกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ที่นี่หรอก เราเป็นแฟนกัน รักกัน คิดถึงกัน มาหากันถึงนี่ เราก็ต้องเดินจูงมือกันเหมือนคนอื่นๆ ให้สมกับความรักที่เราสองมีให้กันหน่อยนะครับ

“ประสาท อย่ามาพูดอะไรเพ้อเจ้อ”

โถถถถถถถถ พ่อคุณเอ้ยยยยย
แบบนี้แหละมันน่านัก มันน่าแกล้งยิ่งขึ้นไปอีก

“ไม่ได้หรอก คุณซ้ง เราต้องเดินจูงมือกันนะ”

พูดบ้าอะไรอยู่ได้

ไม่มีทางเด็ดขาด

มันบ้าไปแล้ว

ไอ้ตี๋นุชาหน้ามึนมันเป็นบ้าไปแล้ว พูดจาเพ้อเจ้อ ใครจะไปทำอย่างที่มันพูด
แค่ขับรถเพลินจนเลยมาถึงนี่ แล้วไม่รู้จะไปไหนต่อก็เลยแวะมาทักทายตามประสาคนรู้จักกัน ก็ถือว่าเยอะแล้ว นี่ยังจะพูดจาเพ้อเจ้อใส่อีก มีมารยาทบ้างมั้ย

“คุณซ้งอ่ะ คุณซ้ง อยากจับมือ อยากจูงมือ นะ นะ นะ”

แกล้งทำเสียงออดอ้อน และแกล้งสะบัดขาไปมา เหมือนเด็กอ้อนอยากได้ของ
คราวนี้ฝ่ายที่ยืนตะลึงกลายเป็นซ้ง ที่กำลังอ้าปากค้าง ยืนนิ่งอึ้งกับพฤติกรรมแปลก ๆ ที่นุชากำลังทำ

“บ้า ลื้อเป็นบ้านุชา นึกว่าน่ารักตายเลยหรือไง ทำแบบนั้น”

เปล่า ไม่ได้นึกว่าน่ารัก แต่ทำแล้วมันสะใจ เวลาเห็นคุณซ้งทำหน้าเหวอ
ยิ่งหน้าเอ๋อ ๆ แบบเมื่อกี้ เห็นแล้วยิ่งขำ

“คุณซ้งงงงงงงงงงง จับมือ จับมือ”

พูดไม่พูดเปล่า คราวนี้คนพูดแกล้งดึงมือของคนที่เดินอยู่มาจับเอาไว้แน่น

แกล้งทำตาโตและกระพริบตาปริบ ๆ หลายที เหมือนกำลังอ้อนขอของ

ยิ่งเห็นซ้งสะบัดมือ นุชายิ่งจับมือของอีกฝ่ายแน่นไม่ยอมปล่อย

“อะไรวะ”

อะไรไม่รู้ รู้แต่สนุก

สนุกดีเวลาได้แกล้งได้แหย่ ได้เห็นเวลาคุณซ้งทำหน้างี่เง่า หงุดหงิดโมโหใส่

นุชากำลังหัวเราะและสนุกกับสิ่งที่คนตัวโตทำ

ทั้งดึงมือออก ทั้งสะบัด ยิ่งเห็นยิ่งขำ ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้งไม่ยอมหยุด

“โธ่โว้ยยยยยย”

อะไรวะ ทำไมพูดไม่เพราะ

แค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิดกันด้วย

หัวเราะด้วยความขำ แล้วนุชาก็เลิกแกล้งคนที่ทั้งพยายามทั้งดึงทั้งสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม

ปล่อยมือง่าย ๆ

และยังหัวเราะไม่ยอมหยุด กำลังจะก้าวเดิน แต่ก็ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
ปล่อยมือออกแล้ว แต่คราวนี้กลับถูกคว้ามือกลับไปอีกครั้ง
ทั้งที่ในคราวแรก ไม่ยอมให้จับ ทั้งสะบัดทั้งดึงมือหนีแท้ ๆ

แต่คราวนี้กลับเป็นฝ่ายยื้อให้กลับไปหาซะเอง

“เอ่อ....นุ...นุชาไม่..อ่า”

อะไร

ยังไง อะไรครับ ทำอะไรล่ะครับนั่น

อะไรล่ะคุณซ้ง

อยากจะพูดอะไรก็พูดมา ทำไมถึงไม่พูด

อยากจะถาม แต่เมื่อก้มมองที่มือของตัวเองที่ปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว
พร้อมกับที่คนที่คว้ามือกลับไปกุม หรุบสายตาลงต่ำ และทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คราวนี้นุชาก็เลยได้แต่นิ่งเงียบ

“ไปกินข้าว...เถอะ”

กินข้าว

ไปกินข้าว

ไปก็ไป ไปกินข้าวกัน

ก้าวขาเดินนำหน้าโดยมีคุณซ้งเดินตาม

คำถามที่เกิดขึ้นในหัวนุชามีเต็มไปหมด

ไอ้ที่ทำนั่นน่ะมันหมายความว่ายังไงครับ พักนี้ดูคุณซ้งยิ่งดูแปลก ๆ ไปด้วย
เหมือนมีอะไรในใจ อยากจะพูดแต่ไม่ยอมพูด

อย่าให้ต้องแปลอย่าให้ต้องเดาเลย

เดาไม่ออกจริง ๆ ว่าคิดอะไร หน้านิ่ง ๆ แบบนั้น พูดก็ไม่ค่อยพูด
ถ้าไม่แหย่ถ้าไม่แกล้ง ก็ไม่ยอมพูด ใครจะไปเข้าใจ ใครจะไปเดาความคิดได้

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณซ้งทำ

เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรอยากพูดก็พูดออกมาบ้าง
อย่าทำให้งง อย่าทำให้สงสัย เดี๋ยวคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป มันจะไม่ดีกับคุณนะครับ น้องแรงบันดาลใจคุณซ้งที่น่ารัก




TBC...





ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † การคาดเดา † [27/03/12]
«ตอบ #348 เมื่อ27-03-2012 03:43:37 »

เดี๋ยวจะตามอ่านให้ทันฮ่ะ ชอบเรื่องของคุณ aoikyosuke ทุกเรื่องเลย
เป็นกำลังใจให้คนโพสด้วย  :L2:  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2012 01:08:40 โดย 2pmui »

Ken Ken

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † การคาดเดา † [27/03/12]
«ตอบ #349 เมื่อ28-03-2012 10:48:12 »

หลงรักคู่นี้อีกครั้ง....
หลังจากลืมเลือนไปพักนึง
พอได้กลับมานั่งอ่านใหม่ กับตอนใหม่ๆแล้วก็เกิดอาการนั่งยิ้มอยู่น่าคอม
คุณซ้งกับนุชาน่ารักมากๆ

ความรู้สึกมันท้วมท้นมากนะจุดนี้ ชอบอ่า   ฮา
เป็นกำลังใจให้ทั้งผู้แต่งและผู้โพสต์เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Running โดย aoikyosuke † การคาดเดา † [27/03/12]
« ตอบ #349 เมื่อ: 28-03-2012 10:48:12 »





ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † การคาดเดา † [27/03/12]
«ตอบ #350 เมื่อ30-03-2012 21:16:45 »

น่าร๊ากกก มากอะคู่นี้ ซ้งพ่อหนุ่มสุดซึน เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วละเซ่
นุชาก็จีบได้น่ารักตลอด ความอดทนเป็นเลิศ
มาต่ออีกนะฮ่ะ ยังรอเสมอน้าาา  :L2:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป




ตอน คำขอบคุณ



“ป๊าให้คนมารับอาม่าแล้วนะ”

สิบปีมันเร็วยิ่งกว่าเร็ว
เสียงที่ไม่เคยได้ยินอีกเลยตลอดสิบปี ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย เส้นขนานที่ไม่มีทางเชื่อมต่อกันได้ มันทำให้ซ้งนิ่งเงียบ เมื่อรับรู้ว่ากำลังพูดคุยอยู่กับใคร

มีโทรศัพท์โทรเข้ามาในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี ในขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับการลงบัญชีรายได้ค่าเช่าจากอพาร์ทเม้นท์

ไม่คุ้นและไม่ชิน

ขมวดคิ้วมุ่น แปลกใจที่มีคนขอสาย

แต่แค่ได้ฟังคำพูดแรก ประโยคแรก ก็จำได้ดีว่าเสียงจากปลายสายเป็นใคร

ไม่เคยลืม
ให้ตายก็ไม่มีทางลืม

แต่ไม่รู้จะพูดหรือตอบอะไร ได้แต่นิ่งเงียบ และพยายามระงับความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่เคยอยู่ลึกสุดหัวใจ และตอนนี้มันกำลังประทุลุกโชนในใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

คิดว่าลืมความรู้สึกแบบนี้ไปแล้ว
แต่วันนี้ก็ทำให้รู้ว่า ไม่เคยลืม และไม่เคยมีสักวันที่ลืม

ไม่เคยพูดคุยกันตลอดสิบปี ทั้งที่บ้านก็อยู่ไม่ห่างกัน
และบ้านโน้นก็มารับอาม่ากิมทุกวันอาทิตย์

แล้วทำไมถึงเพิ่งโทรมาหา ทำไมถึงเพิ่งนึกได้ว่ามีลูกชายอยู่อีกคน

“อาซ้ง...พรุ่งนี้ป๊าจะเข้าไปหานะ”

อย่ามา

อย่ามายุ่ง อย่ามาข้องเกี่ยวกัน

อย่ามา ไม่อยากเห็นไม่อยากพบเจอ ไม่อยากรับรู้

เกลียดคนที่ทอดทิ้งหม่าม๊า เกลียดคนที่ทำให้หม่าม๊าเสียใจ เกลียดคนที่ทำให้หม่าม๊าเป็นทุกข์และร้องไห้ ที่หม่าม๊าตรอมใจตาย ก็เพราะป๊า เพราะป๊าทำให้หม่าม๊าต้องตาย ความผิดของป๊า ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของป๊า เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะป๊าคนเดียวเท่านั้น

“ไม่ต้องมา ผมไม่อยู่บ้าน”

พูดเพียงเท่านั้น

และซ้งก็รีบกดวางสายอย่างรวดเร็ว

พูดอะไรไม่ออก นิ่งมองโทรศัพท์ในมือ กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น มือกำลังสั่น และเริ่มรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ขอบตา น้ำตากำลังรื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัดกำลังก่อตัวขึ้นและมาจุกอยู่ที่อก ความสับสนว้าวุ่นตีกันอยู่ในสมอง

อย่ามา

อย่ามายุ่งกับผม

ป๊าทำให้หม่าม๊าเสียใจ ชีวิตผมไม่มีหม่าม๊า ก็เพราะป๊า

ทุกอย่างมันหยุดนิ่งตั้งแต่หม่าม๊าไม่อยู่

ลืมผมไปซะ อย่ามายุ่ง อย่าเข้ามาหา รีบ ๆ ลืมไปซะว่ามีผมอยู่ในโลกนี้

ซ้งกำลังคิดบางอย่างเงียบ ๆ

คืนนั้นทั้งคืนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ภาพต่าง ๆ มันย้อนกลับไปกลับมาอยู่ในหัว ทั้งเรื่องหม่าม๊า เรื่องราวสมัยยังเป็นเด็กที่ล่วงเลยผ่านมาหลายปี แต่ความเจ็บปวดก็ไม่เคยจางหาย ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำ แม้จะพลิกกายมาหลายครั้งก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้

ทุกอย่างมันกำลังย้อนกลับมา กำลังหมุนวนกลับมาที่เดิม

ไปทำงานและพยายามจะทำบัญชีรายได้ค่าเช่าต่อให้เสร็จ แต่ก็ทำไม่ได้
ไม่มีสมาธิ สมองไม่แล่น เพราะอดนอนมาทั้งคืน ร่างกายกำลังอ่อนล้า
และหัวใจกำลังหมดแรงไปตามร่างกาย

กลับบ้านไม่ได้ เพราะป๊าบอกว่าจะมาหา

ไม่รู้จะไปที่ไหน ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปที่ไหนดี

ขับรถออกมาตั้งแต่สิบโมง ขับไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะไปที่ไหน
รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าขับมาไกลและกำลังมุ่งหน้าไปชลบุรี

ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นชลบุรี

แต่เมื่อมองไปที่เม็ดท็อฟฟี่หลายเม็ดที่ได้รับมาจากใครบางคนก็ทำให้พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง

วันนี้คงมีที่ให้ไป

นุชา....

ไปหานุชา.....

อยู่กับนุชาไม่เคยต้องคิดอะไร บางครั้งรู้สึกหงุดหงิดโมโหจากนิสัยบ้า ๆ ของนุชาแต่ก็รู้สึกสบายใจ ไม่ต้องเก็บงำความรู้สึก โมโหได้อย่างที่อยากจะโมโห หงุดหงิดได้อย่างที่อยากจะทำ พูดอะไรก็ได้อย่างที่อยากจะพูด ทำตัวเอาแต่ใจได้อย่างที่อยากจะเป็น ไม่ต้องคอยกังวล แม้ไม่ชอบ อยู่ใกล้กันมีหลายครั้งที่โมโห แต่ก็ไม่เคยอึดอัดใจ

นุชา

นุชาหน้ามึน ที่ทำให้หงุดหงิดหัวเสียอยู่บ่อยครั้ง

นุชา.....

“เฮ้ย คุณซ้งเป็นอะไร ตาลอยไปโน่นแล้ว ไปเก็บให้เอามั้ย”

สะดุ้ง และหันกลับมามองคนที่เดินอยู่เคียงข้าง

จิตใจล่องลอยไปถึงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามือสองข้างกำลังหิ้วถุงแตงโมสองลูกใหญ่
หนักมาก และไม่รู้ว่าจะซื้อมาทำไมมากมาย
แต่นุชาบอกว่า จะได้เอามาแบ่งกันกิน ซื้อลูกเล็ก กินสองคนจะพอได้ยังไง

ห้ามแล้ว และไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะฟัง

ดึงดันจะซื้อมาให้ได้

จะซื้อมาทำไมมากมายนักหนาวะ รู้มั้ยว่าหนัก ไม่ช่วยถือเดี๋ยวก็จะหาว่าไม่มีน้ำใจ ร้อนก็ร้อน เหงื่อก็ออก ไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นเบ๊ลื้อนะนุชา

“หิวน้ำ”

บ่น และมองไปที่คนที่เดินถือแก้วน้ำผลไม้และหมุนหลอดเล่นอย่างอารมณ์ดี

อั๊วหิ้วถุงแตงโมทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อน แต่ไอ้ตี๋นุชา เดินตัวปลิวสบายใจเฉิบ แบบนี้มันหมายความว่ายังไงวะ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย

“หิวเหรอหนู อย่าร้องนะ เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

ห๊า

หมายความว่ายังไง

มันจะตายใช่มั้ย ถ้าไม่ได้กวนประสาทกันสักห้านาทีมันจะลงแดงชักดิ้นชักงอตายหรือไงวะ

นุชา นุชา นุชา ไอ้...........โธ่โว้ยยยยยยยยยยย

“ใจน้อย น้อยใจอีก อ่ะ อ่ะ กิน กินอย่าเบะหน้าสิหนู โอ๋ โอ๋ อย่าร้องนะคนดีของพี่นุชา”

พูดไม่พูดเปล่า

มันยังเอาแก้วน้ำที่มันกำลังกินมายื่นใส่หน้าอีก แกล้งกันชัด ๆ
ยิ่งเห็นรอยยิ้มกวน ๆ นั่นยิ่งเริ่มโมโห

ตาบอดหรือไง มืออั๊วหิ้วถุงแตงโมของลื้ออยู่ไม่ใช่หรือไงวะ จะเอามือที่ไหนไปถือแก้วน้ำได้

หน้างอหงิก บูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม

และซ้งก็พยักเพยิดหน้าให้รู้ว่ากินเองไม่ได้
พยายามยกถุงแตงโมที่หิ้วอยู่มาโชว์ให้เห็น

และคราวนี้นุชายิ่งหัวเราะชอบใจเข้าไปใหญ่

“มา มา ป้อน ป้อนกินซะนะหนูซ้ง”

หนูซ้ง ไอ้.......

อยากจะบ้า...อยากจะเป็นบ้าตาย มันขยันขุดหาคำพูดประหลาดแบบนี้มาจากไหนนักหนาวะ เป็นบ้าหรือไงไอ้หน้ามึนเอ้ยยยยยยยยยยย

อยากจะอ้าปากด่ากลับไป

แต่เพราะหลอดจากแก้วน้ำที่มาจ่อให้ถึงปาก ก็ทำให้ต้องเงียบเสียงลงและดูดน้ำในแก้วด้วยความกระหาย

ชื่นใจ และผละใบหน้าออกจากแก้วน้ำ

สงบสติลงได้บ้างเล็กน้อย

เดินเรื่อย ๆ

และหันไปมองคนที่ดึงแก้วน้ำกลับคืนไปแล้ว และยกหลอดขึ้นดูดอีกครั้ง
โดยไม่ได้หันมามองว่ามีใครกำลังแอบลอบมองอยู่

ไม่รู้ตัวจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่สนใจกันแน่

“....ขอบใจมากกกกกกกกกนะ......หนูนุ่น” ซ้งลากเสียงยาว ๆ และแอบลอบยิ้มในใจ เมื่อเห็นว่านุชารีบหันขวับกลับมามองและกำลังอ้าปากค้าง

นุ่น

ชื่อ........กู

เหี้ยยยยยยย........แล้วนี่เสือกรู้ชื่อเล่นกูได้ยังไงครับนี่

“นุ่นไหน ใครนุ่น”

นุชาทำหน้าเลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวา ตีมึนในแบบฉบับดั้งเดิมที่ไม่มีใครเลียนแบบได้

ไม่รู้สิ ใครล่ะนุ่น จะไปรู้เหรอ มีกันอยู่สองคน ชื่อหมาข้างทางล่ะมั๊ง

“อะไรหนูซ้ง ใครนุ่น ไม่มีอ่ะ ใครนุ่น อย่ามา”

หนูซ้งเหรอ อ๋ออออออออออออ ได้ หนูซ้งใช่มั้ย หึ หึ หึ

“อะไรหนูนุ่น อะไร ทำไม จะทำไมหนูนุ่น” แกล้งกวนกลับ แล้วคราวนี้นุชาก็กำลังทำหน้าประหลาดให้ได้เห็น

ตลก

หน้าตาแบบนี้เห็นทีไรก็ตลก จนต้องขำ

“หนูนุ่น หนูนุ่น ชื่อน่ารักนะเรา....หนูนุ่นนนนนนนนนน”

ซ้งเดินหิ้วถุงแตงโมและหัวเราะร่า โดยมีใครอีกคนกำลังพยายามเอาคืนด้วยคำพูดในแบบเดียวกัน แต่ก็ไม่ทำให้สะทกสะท้านเลยสักนิด

“อะไรหนูซ้ง หนูซ้ง หนูซ้งงงงงงงงงงงง”

ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ซ้งขำจนหยุดไม่อยู่

หัวเราะ ในเวลาที่ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะหัวเราะออกมาได้

หัวเราะ และยิ้ม ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะยิ้มหรือหัวเราะจากใจแบบนี้ได้อีก
หันกลับไปมองคนที่เดินตามและยังพยายามจะเรียกชื่อประหลาดไม่เลิก

เห็นแล้วยิ่งทำให้ต้องยิ้ม ยิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มจากใจ รอยยิ้มที่เป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลาย ๆ ปี

รอยยิ้มที่ซ้งเพิ่งรู้สึกตัวว่า ยังหัวเราะและยิ้มได้เหมือนคนอื่นๆ อยู่

มองคนที่เดินตามมา และส่งยิ้มจาง ๆ ให้
นิ่งมองคนที่กำลังหงุดหงิดหัวเสียไม่เลิก นิ่งมองและเพิ่งรู้สึกว่าในวันที่อ่อนล้า ยังมีบางอย่างที่ทำให้สามารถยิ้มออกมาได้

ขอบใจนะ ที่มาอยู่ด้วยกันในเวลาแบบนี้
ในเวลาที่ไม่รู้จะไปไหน ในเวลาที่ไม่มีที่ให้กลับไป

“ขอบใจมากนะ...ขอบใจจริง ๆ นุชา”




TBC...



อัพ3ตอนรวดนะคะ  :กอด1:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] Running By aoikyosuke † เพื่่อน † [30/03/12]
«ตอบ #352 เมื่อ30-03-2012 22:06:41 »




ตอน เพื่่อน



“ครับม่า ซ้งอยู่กับนุชาครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับครับ ซ้งไม่เป็นไรครับ ม่าไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ ม่าคร้าบบบบ ซ้งไม่เป็นไรจริง ๆ คร้าบบบบ”

น่ารัก

พูดกับอาม่ากิมอย่างน่ารัก

ทีพูดกับผมทำไมไม่น่ารักแบบนี้บ้างครับคุณซ้งเช่นว่า
นุชาจ๊ะ นุชาจ๋า ซ้งอย่างนั้นซ้งอย่างนี้ แบบนี้เลยนะ ขอแบบนี้เลย อยากได้แบบเน๊ เจง เจง

นุชาใช้มีดหั่นแตงโมเป็นชิ้นและวางใส่ไว้ในจาน
นั่งมองคนที่คุยโทรศัพท์และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ทำให้ต้องอมยิ้มตามไปด้วย

“อะไรนุชา มองทำไม มีปัญหาหรือไง”

เปล่าครับ

ไม่มีอะไร ไม่ได้มองทำอะไรด้วย เพราะถึงอยากทำอะไรก็ยังทำไม่ด้ายยยย
ดุซะขนาดนี้ ใครเขาจะกล้า

ใครเขาจะกล้ามีปัญหากับคุณซ้งล่ะคร้าบบบ

ไม่มีอาร๊ายยยยยยยยยย ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับคุณซ้งหรอก
แล้วดูนั่น แค่ดุยังไม่พอ ยังจะหันมามองแล้วทำตาขวางใส่ด้วย กลัวครับ
อย่าดุมากนักได้มั้ย กลัวววววววว

“ไม่นอนดึกครับม่า เดี๋ยวก็นอนแล้ว ครับ ครับ หวัดดีครับ”

น่ารัก

น่าร้ากกกกกกกกกก

“ครับม่า หวาดดีคร้าบบบบ”

แกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วก็เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าถลึงตาใส่

อ้าว ทำไมล่ะ

คนเขารักเขาชอบเขาถึงหยอก ไม่งั้นใครเขาจะแหย่คุณซ้งได้ทุกวัน
ถ้าคนไม่สนใจใครเขาจะอยากยุ่งด้วย

“อะไรหนูนุ่น”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

หยุดดดดดดดดด หยุดเรียกชื่อนี้ อย่าเรียก มันทุเรศ แล้วนี่ไปรู้มาจากไหนว่าที่บ้านเรียกว่านุ่น ใครบอก

อย่าบอกนะว่า เป็น....

แม่แน่ ๆมีคนเดียวที่รู้ชื่อนี้ แล้วก็มีเรียกอยู่คนเดียว
ไปรู้จักกันตอนไหน นี่รู้จักกันแล้วใช่มั้ย ทำไมถึงไม่บอกกันบ้าง
แถมยัง....

“ห้ามล้อเลียนผู้มีอาวุโสกว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง”

แกล้งตีหน้าขรึมใส่ และผ่าแตงโมออกเป็นสองส่วน หันเป็นชิ้นและเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของคนหล่อหน้าใสปิ๊ง ที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นสูงทำหน้าเหมือนสงสัยสิ่งที่เพิ่งบอกไป

คราวนี้ก็เลยต้องย้ำให้ชัดเจนอีกครั้ง

“ห้ามล้อเลียนครับ เข้าใจนะ หนูซ้ง”

ไม่เข้าใจ

แล้วทีลื้อมาล้อเลียนอั๊ว ยังทำได้ ทำไมจะล้อกลับบ้างไม่ได้ ถ้าไม่อยากให้ล้อก็อย่ามากวนกันตั้งแต่แรก

ใครมันเริ่มก่อน แล้วยังจะมีหน้ามาห้าม ใครเชื่อก็บ้า

เห็นน้องแรงบันดาลใจซ้งทำเป็นเมินหน้าไปทางอื่น นุชาก็เลยวางมีดและยกปลายนิ้วขึ้นป้ายไปที่ปากของคนที่ทำเป็นเมิน

“เฮ้ยยยยยยยย เล่นอะไรวะ สกปรก”

เล่นอะไร ไม่ได้เล่น นี่เขาเรียกว่าสั่งสอนเด็กนิสัยไม่ดี ถ้าพูดจาไม่ดีหรือไม่ไพเราะต้องสั่งสอนให้หลาบจำ คราวหลังจะได้ไม่กล้าทำอีก

“ห้ามดื้อ ห้ามงอแง ต้องเชื่อฟัง เป็นเด็กหนีออกจากบ้านไม่ใช่เหรอเรา”

เด็กหนีออกจากบ้าน

อั๊วเนี่ยนะเด็กหนีออกจากบ้าน ไปเอามาจากไหนว่าหนีออกจากบ้าน
โตป่านนี้จะเป็นเด็กหนีออกจากบ้านได้ยังไง

ไอ้ตี๋นุชาหน้ามึนมันวอนตายแต่หัววัน ปากแบบนี้มันน่านัก

“โอ๋ โอ๋ คุณซ้ง อย่างอนเลยนะ อย่าโกรธเล้ยยย หน้างอไม่น่ารักนะ ดูสิหน้าบึ้งอีกแล้ว เวลายิ้มคุณซ้งน่ารักกว่าตั้งเยอะ อ่ะกินแตงโม กิน กิน จะได้ใจเย็น ๆ นะจ๊ะ”

ใช้ส้อมจิ้มแตงโมแล้วยื่นไปให้คนที่ทำหน้าหงิกและเริ่มทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ

แหย่ไปนิดเดียวเอ๊งงงงง เริ่มงอแงใส่อีกแล้ว

แบบนี้ต้องรีบเอาใจ เดี๋ยวหนีกลับบ้านไปเสียใจแย่

อุตส่าห์มาทำหน้าใสปิ๊ง ให้หัวใจละลายจนถึงนี่ ไม่รีบเอาใจคงไม่ได้
โอกาสใช่ว่าจะมีมาหาบ่อย ๆ

“ไม่กิน”

อะไรเนี่ย ทำไมเอาใจยากจัง ถือว่าหล่อเหรอ ถึงได้กล้าทำแบบนี้

“กิน เอ้า... อ้ำ อ้ำ”

พยักหน้าใส่ อ้อนให้กินแตงโมที่ยื่นมาให้ ทำเหมือนกำลังโอ๋เด็ก
คราวนี้ซ้งก็เลยยิ่งขมวดคิ้วมุ่น และทำหน้างี่เง่าใส่คนที่ยังหาเรื่องหยอกล้อไม่เลิก

ใครจะบ้าไปตามมัน นุชาหน้ามึนมันสติไม่ดี ถ้าใครบ้าตามมันก็คงเป็นบ้าไปด้วย

ซ้งไม่ได้กินแตงโมที่นุชายื่นส่งให้

แต่คว้าส้อมที่มีชิ้นแตงโมอยู่มาถือเอาไว้

มองหน้าของคนที่ยิ้มหวาน กระพริบตาปริบ ๆ และยกมือสองข้างขึ้นมาประกบกัน ทำเหมือนกำลังอ้อนวอนขอให้กิน

จะยิ้มก็ไม่กล้ายิ้ม ต้องพยายามทำหน้าขรึม
และกัดแตงโมไปหนึ่งคำ ก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอื่น เพราะไม่ชอบท่าทางประหลาดของนุชาที่มาทำให้เห็นอยู่บ่อย ๆ

“เด็กดีจริงจริ๊งงงงงงง แบบนี้สิถึงน่ารัก”

น่ารักบ้าอะไรของมัน

นุชามันเป็นบ้า ชอบแกล้ง ชอบทำหน้าตาท่าทางแปลก ๆ
แล้วยังพฤติกรรมประหลาดพวกนี้อีก อะไรของมันวะ ทำไปทำไม ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน คิดว่าดีหรือไงที่ทำแบบนี้

“ยกให้หมดจานเลย ยกนี่ให้ด้วย จะทำงานต่อแล้ว”

รีโมทโทรทัศน์มาวางอยู่ตรงหน้า และคนที่เอ่ยบอกกำลังหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ห่างออกไปออกมาวางบนโต๊ะ เริ่มเปิดเอกสารที่อยู่ในแฟ้มดูทีละหน้า

อะไร

นุชามันกำลังทำอะไร

นี่มันสองทุ่มกว่าแล้ว ยังจะทำงานอีกเหรอ งานอะไรนักหนาไม่เสร็จซะที
เห็นทำตั้งแต่กลับมาแล้ว ป่านนี้ก็ยังจะทำอีกหรือไง ยุ่งอะไรนักหนาวะ
หน้าตาแบบนี้ทำงานเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นทำแต่หน้ามึนแล้วก็ชอบทำตาลอยพูดจาก็ไม่สมกับเป็นคนที่โตกว่าเลยสักนิด

แน่ใจนะว่าทำงานเป็นจริง ๆ

“คุณซ้งนอนดูทีวีไปก่อนนะ ง่วงแล้วนอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมนอนตรงนี้คุณซ้งนอนบนเตียงแล้วกันนะ”

ทำไม

ไม่ต้องก็ได้ ไม่ได้........เอ่อ

ที่จริงถ้าพูดกันตามตรงเป็นฝ่ายมารบกวนแท้ ๆ ไม่เห็นจะต้องทำให้ขนาดนี้ก็ได้

“นอนไม่ดิ้นหรอก......”

หือ

นอนไม่ดิ้น

แล้ว......

แล้วยังไงจะสื่อว่า....

เลิกคิ้วขึ้น และเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยบอก คำพูดแปลก ๆ ที่พูดให้ได้ยินนั่น หมายความว่ายังไง นอนไม่ดิ้น อืมมม นอนไม่ดิ้น

“แล้ว...........”

ก็ไม่แล้วไง นุชามันทำไมเข้าใจอะไรยากจังวะ จะต้องให้อธิบายอะไรมากมาย
เรื่องแค่นี้ มันไม่เข้าใจหรือไง

ก็....


“เตียงกว้าง....นอนด้วยกันก็ได้มั๊ง”

อ๋ออออออออออออออออออ

เหรอครับ เหรอครับ เหรอออออออออคร้าบบบบบบบ

นอนด้วยกันก็ได้

อยากนอนข้างๆ พี่นุชาทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะจ๊ะ

ดีใจนะนี่

กำลังรอประโยคนี้อยู่เลยนะครับ น่ารักมากคุณซ้ง เป็นเด็กที่ใจดีขนาดนี้ต้องให้รางวัล

“จ้า......นอนก็ได้ เห็นว่าหนูซ้งขอร้องเลยนะ เดี๋ยวพี่นุชาจะนอนเป็นเพื่อน”

พูดไม่พูดเปล่า คนพูดยังยื่นมือไปหยิกแก้มของเด็กดีมีน้ำใจด้วย

แก้มนิ่ม

เด็กชายหนูซ้งน่ารักที่สุด ไม่มีใครน่ารักเกินเด็กชายหนูซ้งของพี่นุชาได้หรอก

นุชากำลังหัวเราะชอบใจ และโดนปัดมือออกอย่างรวดเร็ว

คนปัดมือออก ทั้งทำหน้างี่เง่า ทั้งบ่น และกำลังหงุดหงิดโมโห
ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก มองยังไงก็น่ารักที่สุด

“หน้ามึนเอ้ยยยยยย ชอบทำแบบนี้ ระวังเถอะ นิสัยแบบนี้ระวังจะไม่ได้ตายดี”

แช่งกันอีก แค่นี้ทำไมต้องแช่งด้วย

ชอบสิ ไม่ชอบใครจะทำ นั่น อย่ามาพูดมากนะ หนีมาอาศัยห้องเขานอนแท้ ๆ ยังจะกล้าหืออีกเหรอ เดี๋ยวเถอะ

“ทำไมนิสัยแบบนี้วะ ทำไมชอบแกล้ง ทำไมชอบทำให้โมโห ลื้อเป็นบ้าหรือเป็นประสาทนุชา ไปหาหมอบ้างไป”

ไล่เราไปหาหมออีก

แค่คุณหมอน้องซ้งคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก

“งอน แค่นี้ทำเป็นงอน คนไม่ชอบที่ไหนเขาจะอยากแกล้งคุณซ้งกันล่ะ”

อ้อมแอ้มพูดเสียงเบา และแกล้งทำเป็นเปิดเอกสารหน้าถัดไป ยกปากกาขึ้นขีดข้อความและตีมึนทำหน้าเฉยเมย เหมือนกับว่าไม่ได้พูดอะไร

แอบเหลือบสายตามองไปที่คนที่หยิบรีโมทมากดดูรายการโทรทัศน์และยืดขาเหยียดยาว อยู่ในท่าทางสบาย ๆ แล้วก็ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองเงียบ ๆ

เห็นคุณซ้งใช้ส้อมจิ้มแตงโมมากินอีกหลายชิ้น ทั้งที่ตายังมองไปที่รายการโทรทัศน์ก็ยิ่งทำให้ยิ้มกว้างมากขึ้น

ไม่น่าเชื่อ ว่าเราจะสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบาย ๆ แบบนี้

ไม่น่าเชื่อ ว่าคุณซ้งจะมานั่งอยู่ใกล้ ๆ และได้มีช่วงเวลาผ่อนคลายแบบนี้ด้วยกัน

บางที ถ้าเราได้รู้จักกันมากขึ้น ได้เห็นหน้า ได้พูดคุยกันมากขึ้นกว่านี้
เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้

เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

เป็นเพื่อน.....

อืมมม เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

“กินป่ะ”

มีแตงโมหนึ่งชิ้นยื่นมาให้ระหว่างที่กำลังอ่านเอกสาร นุชาเหลือบสายตาขึ้นมองคนที่ทำหน้าเฉย แต่มีการพยักหน้าให้ เหมือนอยากจะบอกว่าให้กัดซักคำได้แล้ว

ไม่ได้รับส้อมมาถือเอาไว้

แต่กัดลงไปที่ชิ้นแตงโมที่ยื่นมาให้หนึ่งคำ

เงยหน้าขึ้นมองคนที่ดึงส้อมกลับไปและกินแตงโมต่อทั้งที่สายตายังมองไปที่รายการโทรทัศน์ไม่ได้สนใจจะมองหน้ากันสักนิด

ปากเคี้ยว แต่ในใจกำลังคิด

บางที......

ถ้าเราได้พูดคุยหรืออยู่ใกล้ชิดกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้เข้าใกล้กันมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

เราอาจเป็น.....มากกว่าเพื่อน

บางทีเราอาจเป็นได้มากกว่า

เพื่อนที่ดีต่อกัน




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป



ตอน คำพูดปลอบใจ



“คุณซ้งไปอาบน้ำ ดึกแล้ว”

หันไปบอกคนที่นั่งเอาคางเกยเข่าอยู่ข้างเตียง และตากำลังปรือได้ที่

เออนั่น จะหลับอยู่แล้วแต่ก็ยังพยายามฝืนจะดูต่อให้ได้
สายตายังพยายามจ้องมองไปที่รายการโทรทัศน์ไม่ยอมเลิก
ง่วงขนาดนี้ รีบไปอาบน้ำนอนได้แล้วคุณซ้ง อย่าให้ต้องพูดหลายครั้ง

ติดพันกับการดูรายการอะไรนักหนา ก็แค่ช่องรายการ......การ์ตูน

เชื่อเลย

นั่งดูอยู่นานสองนาน ดูการ์ตูน

โธ่เอ้ยยย คุณซ้ง

“เดี๋ยวดูจบก่อน เอ่อ ไม่ได้ชอบดูหรอกนะ เปิดเจอเห็นสนุกดีก็เลยดู”

ครับ

สนุกดี

ก็ไม่ได้ว่าอะไร อธิบายแค่นี้ก็เข้าใจแล้ว

ไม่มีใครว่าอะไรเลยนะนั่น ถ้าอยากดูใครเขาจะไปห้าม เด็กมันก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละว๊า การ์ตูนมันก็ต้องคู่กับเด็กก็ถูกต้องแล้ว

“แบ๊ว”

แกล้งพูด และนุชาก็อมยิ้ม ทั้งที่สายตายังมองไปที่เอกสารในแฟ้ม
แซวเล่น ๆ ไปเล็กน้อย

ดึกแล้วไม่กล้าแซวมาก เดี๋ยวคุณซ้งจะลุกขึ้นมาโมโหงี่เง่ากลางดึก แล้วมันจะขำจนทนไม่ไหว

“ใครแบ๊ว ไม่มีอ่ะ”

ใครแบ๊ว ถามมาได้ จะมีใคร ถ้าไม่ใช่คุณซ้งนั่นแหละครับ

แบ๊ว...... มีการดูการ์ตูนก่อนนอนซะด้วย
ถ้าจะแบ๊วขนาดนี้เดี๋ยวชงนมแล้วตบตูดให้นอนด้วยเลยเป็นไง
จะได้เข้ากับความแบ๊ว

“ไม่แบ๊วเล้ยยยยยย ซะขนาดนั้น”

ยิ่งหันไปมองก็ยิ่งขำ น่ารักจริงจังนะนั่นคุณซ้ง พอแซวหน่อยรีบหยิบรีโมทมาเปลี่ยนช่องไปดูรายการสารคดีทันที เกิดจะมาวิชาการอะไรดึกดื่นป่านนี้

“ผ้าขนหนูกับชุดสำหรับเปลี่ยนแขวนไว้ให้แล้วนะ แล้วก็....นี่”

นุชาเอื้อมมือไปที่ตู้เล็ก ๆ ข้างเตียงดึงลิ้นชักออกและหยิบแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้แกะใช้มาวางไว้ให้คนที่ยังนั่งดูรายการโทรทัศน์ไม่เลิก

“ไม่รู้ว่าคุณซ้งใช้แปรงสีฟันแบบไหน ตอนซื้อก็ลืมถาม น่าจะแปรงได้อยู่นะ”

คนพูดไม่ได้คิดอะไร

แต่คนฟัง หยิบแปรงสีฟันขึ้นมาพลิกไปพลิกมาพิจารณาและอ่านข้อความที่ระบุไว้หน้าแพ็คใส่แปรงสีฟัน

ซื้อมาตอนไหน

ไปซื้อมาตอนไหน ทำไมไม่ทันสังเกตุ

ขากลับแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำดื่มและขนมขบเคี้ยวเล็กน้อย

ไม่นึกว่า....นุชาจะซื้อแปรงสีฟันติดมาให้ด้วย

จะบอกว่าลืมซื้อก็ใช่ และไม่นึกว่าจะมีใครใส่ใจหรือสนใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ยิ่งคนนั้นคือนุชาด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยคิด

ลุกขึ้นยืนและไปหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิดออกและหยิบธนบัตรยื่นส่งให้คนที่นั่งอ่านเอกสาร

และก็เห็นว่านุชาเงยหน้าขึ้นมอง แต่ไม่ได้รับเงินยื่นส่งให้

“นี่...ถ้าน้ำใจมันมีค่าเท่ากับเงินแค่นั้น ก็อยากจะรับไว้หรอกนะ”

ขอโทษ

คือ เอ่อ คือว่า....

ไม่ได้จะหมายความอย่างนั้น แต่ว่ามารบกวนก็เกรงใจ แค่มาขอค้างด้วยก็ถือว่ามากพอแล้ว นี่ยังจะเป็นภาระในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก แบบนี้ไม่ว่าจะมองยังไงไงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ขอกันกินมากกว่านี้น่าคุณซ้ง....”

เป็นคำปฏิเสธที่ทำให้ซ้ง ต้องนิ่งอึ้ง

ยืนนิ่งมองคนที่ยังสนใจกับเอกสาร และตั้งหน้าตั้งตาอ่านอย่างเต็มที่ไม่มีเว้นแม้บรรทัดเดียว

นุชา....เป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ เพี้ยน ๆ และชอบทำตัวแปลก ๆ ชอบหยอกชอบแกล้ง และชอบพูดจาประหลาด

แต่สิ่งที่ได้รับรู้ในเวลานี้คืออีกด้านที่ไม่เคยได้เห็น

นุชาเป็นคนมีน้ำใจ แม้จะชอบทำหน้ามึน และแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องบางอย่างบ่อย ๆ

แต่ในเวลานี้ เมื่อได้รู้จักกันเพิ่มขึ้น นุชาเป็นคนมีน้ำใจ และใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนอื่น แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย

“นุชา”

เรียกชื่อคนที่นั่งอยู่และเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง ซ้งก็ได้แต่พูดออกมาเสียงเบา

“เอ่อ ขอบ...ขอบคุณจริง ๆ นะ”

อืมมมมม

ไม่เป็นไรหรอกคุณซ้ง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะมาเกรงใจอะไรกับเรื่องแค่นี้
ไม่ได้สำคัญหรือใหญ่โตอะไรเลย ทำให้คุณซ้งนี่ ไม่ได้ทำให้ใคร ยังไงมันก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว

“ทำให้แฟนก็ต้องแบบนี้แหละ เรื่องปกติ”

ตอบกลับและยิ้มใส่หน้าคนที่ยืนอยู่และกำลังเก็บธนบัตรเข้ากระเป๋า

“น้ำใจลื้อมีค่าแค่ห้าสิบตังค์ ไม่เต็มบาท เอาไปเลย ว่าจะให้เยอะกว่านี้ แต่เอาไปแค่นี้พอ ขอคืนคำแล้วกัน ที่พูดไปเมื่อกี้ถือว่าไม่ได้พูด”

มีเศษเหรียญห้าสิบสตางค์วางอยู่บนโต๊ะที่นุชากำลังอ่านเอกสาร

คราวนี้คนที่ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินแค่ห้าสิบสตางค์ ถึงกับขำไม่ยอมหยุด เมื่อเห็นคุณซ้งเบะหน้าใส่ คาดว่ากำลังงอน และในเวลานี้กำลังเดินลิ่ว ๆ คว้าผ้าขนหนูที่แขวนไว้เดินเข้าห้องน้ำไป

นุชาก็เลยได้แต่ขำไม่ยอมหยุดอยู่คนเดียว

ไม่ชอบจริง ๆ นั่นแหละ

แกล้งหยอกแบบนี้ไปทีไร เห็นทำหน้าบูดหน้าบึ้งหน้าหงิกหน้างอขึ้นมาทันที

ก็ไม่ได้หวังอะไร แค่ขยับฐานะจากคนรู้จักมาเป็นเพื่อนกันแบบห่าง ๆ แบบนี้ก็ถือว่าพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

ส่วนเรื่องที่แกล้งพูดไป แม้แต่คิดยังไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ
เรื่องแบบนั้นมันไกล เกินไป มันห่างไกลเกินไป ไกลจนเกินกว่าจะนึกถึง

ตีสองแล้ว แต่งานยังไม่เสร็จ

นุชาปิดปากหาวนอนและเงยหน้ามองที่หน้าจอโทรทัศน์ที่ยังมีรายการบันเทิงเปิดค้างเอาไว้

รายการอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อหันไปมองคนที่ขึ้นไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม

ไปซะแล้ว คุณซ้ง
หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าขนาดหลับมือยังกำรีโมทเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ใครเขาจะแย่ง ยกให้แล้ว ก็ดูอยู่คนเดียว

ลุกขึ้นยืนและขยับร่างกายไปทางซ้ายและขวาเพื่อคลายจากความเมื่อยล้า
ปิดแฟ้มและลากโต๊ะพับเล็ก ๆ ให้ย้ายไปอยู่ที่หน้าโทรทัศน์เพื่อให้มีพื้นที่เหลือสำหรับเดินได้สะดวก ดึงรีโมทออกจากมือคนที่นอนหลับสนิทมาถือเอาไว้ และกดปิดรายการโทรทัศน์

กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
ง่วงนอน เพ่งมองเอกสารจนล้าไปหมด อยากจะพักผ่อนเต็มที

เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงนอนกอดอก และตะแคงคุ้ดคู้เหมือนรู้สึกหนาว ก็เลยต้องดึงผ้าห่มที่ตกอยู่ข้างเตียงมาคลุมให้คนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องแล้วก็ยืนมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

ยืนมองนิ่ง ๆ และเริ่มครุ่นคิดพิจารณาบางอย่าง

เคยคิดว่าคล้าย

เคยคิดมาตลอด

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้เรียนรู้ได้สัมผัส ได้ใกล้ชิด ความคิดที่ว่าคล้ายเริ่มเลือนหายไปอย่างช้า ๆ

คุณซ้งก็คือคุณซ้ง

คุณซ้งไม่ใช่......คนนั้น

เคยหลอกตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

บางอย่างของคนที่นอนหลับนิ่งสนิทอยู่ มันอบอุ่น แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมากมาย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

คนบางคน แม้จะไม่ได้พูดจากันดี ๆ หรือพูดคุยกันบ่อยครั้ง

แต่ทุกครั้งที่ได้เจอได้พูดคุยกัน กลับทำให้รู้สึกดีได้อย่างน่าประหลาด
เหมือนว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน มีบางอย่างที่เราต่อกันติด

แปลกที่เราเข้าใจกันยิ่งกว่าคนที่พูดคุยกันบ่อย ๆ บางคนด้วยซ้ำ
ทั้งที่ในระหว่างนั้น เรากำลังทะเลาะกัน

นุชายืนมองใบหน้ายามหลับใหลของคนที่นอนอยู่บนเตียงอยู่นาน
ก่อนจะก้าวขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ

ไม่ทันสังเกตว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายและขมวดคิ้วมุ่น

พลิกร่างกายไปอีกทาง และเหมือนว่า ระหว่างการหลับนั้นกำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

“คุณซ้ง คุณซ้งเป็นอะไรคุณซ้ง”

มีบางอย่างไม่ปกติ

เรียกชื่อคนที่เหมือนนอนหลับสนิทแต่มีท่าทางกระสับกระส่าย และเริ่มพูดบางอย่างที่ได้ยินไม่ชัด

เข้าใจว่านอนละเมอ แต่ท่าทางแบบนี้เหมือนกำลังฝันอยู่
และไม่น่าจะฝันดี

ปลุกแล้วแต่ก็ไม่ยอมตื่น

“คุณซ้ง....คุณซ้ง”

เรียกอีกหลายครั้ง และเขย่าให้คนที่นอนหลับอยู่รู้สึกตัว

“หม่าม๊า หม่าม๊า”

“ไม่ใช่หม่าม๊าคุณซ้ง นี่นุชา ไม่ใช่หม่าม๊า”

เห็นอาการผวา และปรือตาตื่นขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วของคุณซ้ง
คราวนี้นุชาก็เลยตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น

สายตาของคนที่สะดุ้งตื่นมองไปทั่ว ๆ ห้อง และเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้

ไม่ได้พูด ไม่มีคำพูดออกมาสักคำ

นอกจากการที่อยู่ดี ๆ คุณซ้ง ก็เริ่มหันหน้าหนีไปอีกทาง
และ.....หยดน้ำมากมายเริ่มหลั่งรินลงมาที่ข้างแก้ม
คนตัวโตยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลไม่ยอมหยุด

แต่คนที่เห็น ใจหายวูบ และถึงกับทำอะไรไม่ถูก

“คุณซ้ง...เป็นอะไร”

ละล่ำละลักถามและก้าวขาขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง พยายามจะแตะฝ่ามือไปที่ใบหน้าของคนที่หันหนีให้หันมาเผชิญหน้ากัน แต่คุณซ้งก็เอาแต่หันหนีและยกหลังมือขึ้นเช็ดหยดน้ำตาที่ยังเช็ดก็ยิ่งไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล

“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรนุชา ไม่เป็นไร”

ไม่เป็นได้ยังไง

ก็เห็นอยู่ว่าร้องไห้ ไม่เป็นได้ยังไงคุณซ้ง แล้ว....ทำไมตัวสั่นแบบนั้น
ทำไมถึงได้....

เห็นชัดเจน

อาการไม่เป็นตัวของตัวเอง บางอย่างที่เห็นชัด

แม้ว่าอีกฝ่ายจะหลบสายตาและยังยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาไม่หยุด แต่นุชาก็สัมผัสได้ถึงความปวดร้าวรุนแรงที่ส่งผ่านมากับเสียงสะอื้นในลำคอของคนที่พยายามกลั้นเสียงเอาไว้ ไม่ยอมให้ได้รับรู้ให้ได้เห็น

“คุณซ้ง....”

นิ่งมอง และไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี สงสาร เห็นแล้วน่าสงสารจนทำเป็นเมินเฉยไม่ได้

ไม่ใช่คุณซ้ง....คนที่เห็นอยู่ในเวลานี้ไม่เหมือนคุณซ้ง

คนนี้ไม่ใช่คุณซ้ง แต่เป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่กำลังพยายามต่อสู้กับความรู้สึกบางอย่าง

ต่อสู้เพียงคนเดียวลำพัง
และไม่ยอมเอ่ยปากบอกใคร

บางทีมันอาจเป็นการต่อสู้เพียงลำพังที่ยาวนานเกินไป

“กลางคืนนา บางทีอีนอนคนเดียวม่ายล่าย น่าสงสาร บางทีร้องไห้ อาม่าก็ม่ายรู้จาทำยางงาย”

เคยได้ยิน แต่ไม่ค่อยเชื่อ

เคยได้ยิน แต่ไม่อยากเชื่อ

เคยได้ยิน แต่ในเวลานี้ แม้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

คุณซ้งตัวโตกว่าก็จริง แต่ตอนนี้คุณซ้งเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ที่ไม่ว่าใครเห็น ก็ไม่มีทางจะปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้ได้

เห็นคนบางคนเอาแต่หันหน้าหนี เป็นนุชาเองที่เป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้
และรั้งร่างของคนที่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ เข้ามาโอบกอดเอาไว้

รู้สึกถึงการขืนตัวออก แต่เมื่อกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
คราวนี้กลายเป็นคนที่ไม่ยอมให้กอดในคราวแรก เป็นฝ่ายยกแขนขึ้นกอดตอบนุชาซะเอง

ฝ่ามือเรียวลูบไล้ไปที่แผ่นหลังของคนที่ยังสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด
และเอ่ยบอกเสียงเบา ๆ ซ้ำ ๆ

ความรู้สึกสงสารจับใจ ทำให้นุชาต้องทั้งกอด ทั้งพูดปลอบประโลมด้วยคำพูดเท่าที่สมองจะคิดได้ในเวลานั้น

“คุณซ้ง....คุณซ้ง....นุชานะคุณซ้ง นี่นุชาไม่ใช่หม่าม๊า ไม่เป็นไรคุณซ้ง
ถึงไม่มีหม่าม๊า แต่ตอนนี้มีนุชาอยู่นะ ไม่เป็นไรคุณซ้ง ไม่เป็นไร”





TBC...



:bye2:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † คำพูดปลอบใจ † [30/03/12]
«ตอบ #354 เมื่อ03-04-2012 00:03:24 »

หนูนุ่น กับหนูซ้ง น่าร๊ากกก หนูซ้งแอบไปรู้ชื่อเล่นหนูนุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ใครบอกกันนะ
ความใกล้ชิด ทำให้หนูซ้ง ยอมเปิดใจให้นุชาบ้างแล้วสินะ
นุชาเองก็ลืมแฟนเก่าไ้ด้แล้วนะ หนูซ้งออกจะน่าสงสาร
ลุ้นกับความซึนของหนูซ้งจริงๆ

อะ  :L2:  :L1:  ให้ คนโพส และคนเขียน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2012 00:31:09 โดย 2pmui »

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † คำพูดปลอบใจ † [30/03/12]
«ตอบ #355 เมื่อ05-04-2012 00:11:28 »

เพิ่งอ่านจบสด ๆ เรย ตามทันแล้ว แล้วก็อยากอ่านต่อกระทันหัน
คุณซ้งเริ่มเปิดใจให้นุชามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว คนอะไรปากแข็งชะมัด
เอาเข้าจริงจะรักนุชาก่อนที่นุชาจะรักคุณซ้งซะอีกแน่ะ นุชาอ่ะเห็นแบบนี้ดูจะใจแข็งนะ...
คุณซ้งน่ารัก...นุชาก็น่ารัก...อาม่ากิมก็น่ารัก...อยากให้เป็นครอบครัวเดียวกันที่ซู้ด

รอมาต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † มึน † [06/04/12]
«ตอบ #356 เมื่อ06-04-2012 14:13:59 »




ตอน มึน



ความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยคือการที่ยอมให้ใครบางคนเห็นความอ่อนแอได้ง่าย ๆ

ไม่ควรให้ใครเห็น ไม่ควรให้ใครรับรู้ด้วย

ไม่ควรเลย

แต่ก็ทำไปแล้ว บังคับตัวเองไม่ได้ เพราะว่าหัวใจมันอ่อนล้า
ทำยังไงก็ไม่สามารถสงบใจลงได้ พยายามฝืนพยายามบังคับตัวเองและตั้งสติแต่ไม่ว่ายังไงน้ำตาก็ไม่ยอมหยุดไหล

ร้องไห้ให้นุชาเห็น ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ ไม่ควรเป็นนุชาที่จะได้เห็น
ไม่ควรเลยจริง ๆ

ตื่นขึ้นมาและพบว่านอนหลับไปโดยมีอ้อมแขนของใครบางคนโอบกอดเอาไว้
ยอมรับว่าความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับ มันทำให้สงบใจลงได้ ทำให้ความปั่นป่วนสับสนในหัวคลี่คลายลง

ทั้งที่หวาดกลัว และรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง
แต่เมื่อได้รับอ้อมกอดจากใครบางคน ทั้งที่อยากจะผลักไส พยายามจะฝืนและขืนตัวออกห่าง แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าไม่ยอมปล่อย และยังพยายามโอบกอดเอาไว้ ปลอบประโลมด้วยถ้อยคำง่าย ๆ แต่อุ่นวาบไปถึงหัวใจ เพียงเท่านั้นก็ยึดอ้อมแขนนั้นมาเป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ

หัวใจที่เคยแห้งผากและอ่อนล้ากลับชุ่มชื่นขึ้น และเหมือนกับว่ามีใครสักคนฉุดขึ้นมาจากความมืดมิดให้ได้พบกับแสงสว่างรำไร

แสงสว่างที่ไม่เคยพบเห็นมานาน
แสงสว่างเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกถึงความหวัง
รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่จะช่วยให้สามารถก้าวขาเดินออกมาจากความมืดที่ลึกสุดในหัวใจ

รู้สึกตัวตื่นขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังนอนหลับอยู่ข้างกาย

นิ่งมองใบหน้าเนียนขาวนั้นชัด ๆ และกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตา อยากเห็นภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้น ยิ่งจ้องมอง ยิ่งรู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น
ภายในใจมันเคยสงบมานาน

นิ่งสงบและไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ นอกจากความหวาดกลัวลึก ๆ

นุชา .....
คนที่ทำให้สงบลงและหยุดร้องไห้ได้เมื่อคืนที่ผ่านมา
เป็นนุชาจริง ๆ

นุชาคนที่ชอบแกล้ง ชอบพูดจากวน ๆ ชอบทำให้หัวเสียอยู่บ่อย ๆ
แต่เมื่อรู้สึกว่าหัวใจกำลังจะทนไม่ไหว เหมือนมันจะระเบิดออกมาในวินาทีนั้น
บางอย่างที่กักเก็บไว้ภายในหัวใจ กำลังจะประทุออกมา
แต่ก็เป็นนุชา เพราะความอ่อนโยน ความอบอุ่นที่ได้รับจากนุชา

ทั้งหมดที่ได้จากนุชา มันช่วยลดความเจ็บปวดภายในหัวใจได้

ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้ แต่ในความรู้สึกดี ๆ กลับมีความรู้สึกบางอย่างเพิ่มขึ้นมาด้วย

ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ว่าอาการไหววูบในอกทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด
ทุกครั้งที่ได้มองหน้า ทุกครั้งที่ได้พูดคุย ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันคืออะไร อยากจะหาคำตอบ แต่ทุกครั้งที่พยายามจะหา สมองก็บอกให้เลิกคิด

ลืม พยายามลืม และความรู้สึกนั้นมันก็หายไปทุกครั้งที่พยายามลืม เป็น ๆ หาย ๆ กลับมาเป็นพัก ๆ ทุกครั้งที่ได้พบ ได้เห็นหน้านุชา

ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่รู้สึกเป็นสุขเล็ก ๆ

ซ้ง ขยับร่างกายออกห่างคนที่ยังหลับใหล ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ
นิ่งจ้องมองไปที่ใบหน้ายามหลับของคนที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง

ห้ามตัวเองไม่ได้

ห้ามความรู้สึกไม่ได้

ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ไปที่ข้างแก้มเนียนขาว เกลี่ยไล้เล่น

แต่ก็ต้องรีบดึงมือกลับทันที เมื่อรู้สึกถึงความเป็นตัวเองกำลังหายไป เหมือนถูกดึงให้เข้าไปหา และต้องเรียกสติให้กลับมาทุกครั้ง

“ทำบ้าอะไรอยู่วะ”

ด่าตัวเอง และรีบลุกขึ้นจากเตียง

ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสับสน คิดไม่ออกว่าความหวั่นไหวที่เป็นอยู่มันเกิดขึ้นเพราะอะไร

ขออย่าให้ใช่ อย่างที่เคยกลัว

อย่าให้เป็นอย่างที่เคยกลัวมาตลอด อย่าให้ความรู้สึกนี้คือสิ่งที่เคยเลี่ยงและพยายามวิ่งหนีมาตลอดชีวิต

ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย

เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้น....

“คิดอะไรวะ ไม่มีทางหรอก หน้ามึน ๆ แบบนี้เหรอ ไม่มีทางแน่ ๆ”

สะบัดหัวไล่ความคิดบ้า ๆ ให้ออกไปจากหัว และเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น และหวังว่าเมื่อร่างกายสดชื่นแล้ว คงจะช่วยหยุดความคิดฟุ้งซ่าน และสลัดความรู้สึกบ้า ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นลงไปจากสมองได้บ้าง

“คุณซ้งลืมอะไรหรือเปล่า”

ลืม……

ลืมอะไร ไม่มีนะ ไม่ได้ลืม ไม่มีอะไรลืม ไม่น่าจะมี....คิดว่าคงไม่มี

หันไปมองคนที่เอ่ยถาม แล้วซ้งก็ส่ายหน้า
หลบสายตาของนุชาที่มองมา และรีบก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย
เดินเรื่อย ๆ ลงมาข้างล่าง และเดินไปที่รถที่จอดเอาไว้

จะเปิดประตูรถ และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ลืมกุญแจ

ให้มันได้อย่างนิ้สิวะ เป็นอะไรนักหนา ลืมนั่นลืมนี่ ลืมได้ลืมดี

“ไหนว่าไม่ลืม”

กุญแจรถถูกยื่นส่งให้ และซ้งก็แบมือรับกุญแจเอาไว้

ถือกุญแจที่ได้รับและเอาแต่นิ่งมองกุญแจในมือ

เงยหน้ามองคนที่ส่งกุญแจให้ สลับไปมากับการมองที่มือตัวเอง

ท่าทางเหม่อ ๆลอย ๆ นิ่งเงียบผิดปกติทำให้นุชาขมวดคิ้วมุ่น และรู้สึกไม่ไว้วางใจกับท่าทางที่ไม่ปกติของคนตรงหน้า

“ไหวมั้ยคุณซ้ง”

เอ่ยถาม แต่ไม่ได้คำตอบ เพราะคนที่ต้องตอบคำถาม ยังยืนนิ่งมองกุญแจในมือไม่ได้ฟัง ไม่ได้สนใจคนที่มายืนอยู่ด้วยว่ากำลังพูดอะไร

เหม่ออีกแล้ว

คิดอะไรอยู่

จิตใจล่องลอยไปถึงไหนแล้ว

สติมีหรือเปล่า ทำไมถึงได้นิ่งเฉย และทำเหมือนกับว่าอยู่ในโลกของตัวเองคนเดียวแบบนี้

“คุณซ้ง ไหวมั้ยถามจริง ๆ นอนไม่พอหรือไง หรือว่าตัวร้อน”

ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของคนที่ยังยืนนิ่ง และคราวนี้เหมือนว่าคุณซ้งเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีใครยืนอยู่ด้วย

รีบถอยหนีออก ไม่ยอมให้แตะที่หน้าผาก ขมวดคิ้วและจ้องมองใบหน้าของนุชาด้วยความสับสน

“อะไรวะ ทีเมื่อคืนร้องไห้แง ๆ ให้เรากอด เช้ามาทำเป็นเมินเฉยห่างเหิน สามนาทีจาก ก็จะเป็นอื่นแล้วเหรอคุณซ้ง”

ไม่คิด

ไม่ทันคิด

ทำเหมือนทุกวัน หยอกล้อเหมือนทุกวัน แกล้งให้โมโหเหมือนทุกวัน

แต่วันนี้คนที่เคยด่า กลับยืนนิ่งเงียบ และรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง

อ้าว

ทำไมทำแบบนั้นล่ะ โกรธจริงๆ เหรอ
ปกติก็เห็นโกรธอยู่บ่อย ๆ แต่แปลกที่คราวนี้ไม่มีด่ากลับ

ขมวดคิ้ว ทำหน้าบึ้ง และไม่ยอมพูดด้วยเลยสักคำตั้งแต่เช้าถามอะไรก็ไม่ยอมพูด ชวนคุยก็ไม่ยอมคุย อาบน้ำเสร็จก็จะกลับบ้านอย่างเดียว

ชวนไปกินข้าวเช้าด้วยกันก็ไม่ยอมไป

เป็นอะไรของเขาวะ

จะว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน ก็ไม่น่าจะใช่.....

เรื่องเมื่อคืน.......เห็นแล้วก็ได้แต่คิด อะไรที่ทำให้คุณซ้งที่เมินเฉย ปากร้าย ร้องไห้ได้ถึงขนาดนั้น รู้สึกถึงความทุกข์ใจ ความเจ็บปวดที่มากับหยดน้ำตา

คุณซ้ง.....ถ้ามันทุกข์มากมายขนาดนั้น แบ่งมาบ้างก็ได้
ความทุกข์ใจนั้นน่ะ ถึงแม้จะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าแบ่งมาทางนี้ได้บ้าง
ก็อยากให้ทำนะ อย่าเก็บมันไว้ในใจเลย ความเจ็บปวด ยิ่งเก็บมันก็ยิ่งเยอะ มันยิ่งเพิ่มขึ้นทุกนาที คนอื่นไม่ได้เจ็บปวดกับเราด้วย มีแต่เรานั่นแหละที่แบกเอาไว้คนเดียว เป็นทุกข์ใจ เสียใจร้องไห้อยู่คนเดียว โดยไม่มีใครมารับรู้ด้วย

ถ้าปล่อยมันไปไม่ได้ ก็พยายามอยู่กับมันอย่างเข้าใจเถอะ
อยู่กับมัน หรือถ้าอยากจะแบ่งมา ก็จะรับไว้ให้จริง ๆ นะคุณซ้ง

“คุณซ้ง....อย่างน้อยในเวลาแบบนี้คุณซ้งก็ไม่ได้ร้องไห้ไม่ใช่เหรอ ถ้าวันไหนฝันแล้วร้องไห้มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก บางคนนะคุณซ้ง ร้องไห้ทั้งในความจริงทั้งความฝัน พยายามลืม ๆ มันไปบ้างแล้วแต่มันก็แวะเวียนมาทำให้ร้องไห้อยู่บ่อยๆ ไม่ชอบเลยเนอะ ความทุกข์ที่แบกเอาไว้ไม่ยอมวางเนี่ย”

เรื่องบางอย่าง คำพูดบางอย่าง ซ้งไม่เข้าใจ
แต่เมื่อหันกลับมามอง และพยายามจะเข้าใจกับสิ่งที่นุชาพูดก็ทำให้ต้องนิ่งคิดตาม

ดวงตาที่เคยสว่างไสวและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ กลายเป็นหมองเศร้าลงในทันที

แม้ในความจริงและความฝันก็ยังร้องไห้อยู่เหรอ

เรื่องแบบนั้นไม่เคยรู้หรอก แต่.....ก็อยากจะรู้ว่า....เรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจและร้องไห้ได้ทั้งในความจริงและความฝันของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันคือเรื่องอะไร

“คุณซ้งไม่ใช่คนเดียวในโลกที่ร้องไห้หรอก เพราะฉะนั้นเรื่องร้องไห้แค่นี้ เวลาเอามาล้อคุณซ้งมันไม่เห็นจะสะใจตรงไหน สู้หาเรื่องอื่นมาล้อน่าจะสนุกว่าตั้งเยอะเนอะ”

กวนประสาท และหาเรื่องให้ตายได้แต่เช้าจริง ๆ นะนุชา

แต่เพราะนิสัยแบบนี้ เพราะคำพูด เพราะท่าทางแบบนี้แหละ
เวลาที่ได้อยู่ด้วย แม้จะทะเลาะแม้จะโมโหใส่อยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้รู้สึกอึดอัดใจเลยสักครั้ง

“หาเรื่องตายนะลื้อนุชา แล้วเอ่อ วันนี้จะไปวิ่งที่สนาม....ด้วยกัน...มั้ย”

หือ

ไปวิ่งด้วยกันเหรอ

จะไปได้ยังไง วันนี้วันเสาร์แล้ว ถ้าไปแล้วพรุ่งนี้นั่งรถกลับมา ดูท่าจะไม่ไหว
อะไรก็ยังไม่ได้ทำ งานก็ยังไม่เสร็จ จะไปได้ยังไง

“ศุกร์หน้าถ้าเคลียร์งานเสร็จก็....อาจจะไป”

ตอบออกไปแล้ว และไม่ทันได้สังเกตสีหน้าและแววตาของคนที่รอคอยคำตอบ

“แต่ถ้างานไม่เสร็จก็คงจะยาวเลย”

ไม่มีความหวังให้กันเลยสักนิดหรือไงวะนุชา

นุชาตอบไปโดยไม่ทันคิด แต่คนฟัง เกิดอาการใจแป้วขึ้นอย่างกะทันหันแอบลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความผิดหวัง

“แล้วจะกลับเมื่อไหร่”

ถามอีกแล้ว
จะถามก็ไม่ว่าหรอก แต่ทำไมต้องทำเสียงดุขนาดนั้นด้วย

เมื่อไหร่เหรอเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถามทำไมล่ะคุณซ้ง ปกติเห็นขับไล่ไสส่งสาปแช่งสารพัดให้ไปที่สนามไม่ได้ แล้ววันนี้เป็นอะไร เกิดจะอยากให้ไปขึ้นมาซะอย่างนั้น แปลกคนขึ้นทุกวัน

“ไม่รู้สิ แล้วแต่อารมณ์”

ตอบเสร็จแบบไร้ความคิด และต้องรีบเบิกตากว้าง
เมื่ออยู่ดี ๆ ข้อมือก็ถูกจับเอาไว้ และคนจับก็ทั้งลากทั้งดึงแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เปิดประตูรถอีกฝั่งและใช้มือผลักเบา ๆ ให้เข้าไปนั่งอยู่ในรถ

มึน งง สงสัยและไม่เข้าใจ
แต่ก็เข้ามานั่งในรถเรียบร้อย โดยมีใครบางคนเดินอ้อมไปนั่งบนเบาะที่นั่งคนขับ สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งขับออกนอกถนนทันที โดยมีนุชาที่หันมามอง และอ้าปากค้าง และอยากจะถามว่ากำลังทำอะไร แต่ก็มีคนตอบคำถามให้เรียบร้อย

“ชลบุรีแค่นี้ ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ก็กลับด้วยกันนี่แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็น ๆ ขับรถมาส่งก็ได้น่า ไม่เห็นจะยาก”

เฮ้ยยยยยยยยย

มันไม่ใช่อย่างนั้น มันไม่ใช่ง่ายหรือยาก

แต่มัน.......ไม่ใช่แบบนี้

“กระเป๋าตังค์ก็เอามาแล้วนี่ กุญแจห้องก็มีแล้ว จะมาทำหน้างงทำไมกะอีแค่กลับด้วยกัน”

ไม่ใช่ คือแบบนี้มันไม่ใช่

คุณซ้ง คุณซ้ง เฮ้ยยยยยยยยยยย คุณซ้งงงงงงงงงง

“ใจดีใช่มั้ยล่ะ อยากขอบคุณก็รีบบอกมาเถอะ นาน ๆ ทีจะใจดีไม่ใช่ว่าจะใจดีแบบนี้บ่อย ๆ หรอกนะ สัญญาก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาส่ง เลิกทำหน้าตาเลิ่กลั่กแบบนั้นได้แล้ว”

ประเด็นไม่ใช่ใจดีหรือไม่ดี แต่ประเด็นคือคุณซ้งเป็นอะไร

ทำไมพักนี้ถึงมาหา แล้วยังจะโทรบ่อย ๆ แถมยังชอบพูดจาแปลก ๆ อีก
แล้วนี้เกิดใจดีอะไรขึ้นมาถึงได้อยากจะพากลับบ้านด้วย

หรือว่า............ แอบชอบผมอยู่หรือเปล่าคุณซ้ง

ทำแบบนี้มันน่าสงสัยนะ ถ้าชอบกันก็บอกมาตรง ๆ
อย่ามาทำวกไปวนมาแบบนี้ มันไม่ใจเลยรู้หรือเปล่า

ทำแบบนี้มันไม่ใจเลย รู้มั้ยคุณซ้ง ถ้าเกิดอ้อมโลกอยู่แบบนี้
แล้วเมื่อไหร่เราจะได้คบกันซะที
คิดจะจีบคิดจะทำอะไรก็บอกกันมาตรง ๆ เลยดีกว่า
อย่ามาทำตีมึน อย่ามาแกล้งทำเป็นงง อย่ามายืมพฤติกรรมของผมไปใช้แบบนี้
มันไม่ดีนะ ไม่ดี อาการตีมึนผมใช้ได้คนเดียวครับ คุณซ้งห้ามใช้
ห้ามเด็ดขาด เข้าใจมั้ย




TBC...



มารวดเดียว 8 ตอน อ่านกันให้เต็มอิ่มคะ :กอด1:


nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ชื่อ † [06/04/12]
«ตอบ #357 เมื่อ06-04-2012 14:15:56 »





ตอน ชื่อ



มอง แล้วก็มอง มองเสร็จแล้วก็หันหน้าไปอีกทาง ผ่านไปไม่ทันไรมันก็หันกลับมามองอีก มองแล้วมันก็อมยิ้ม มันมีอะไรน่าทำให้ยิ้ม มีอะไรทำให้ขำขนาดนั้น วน ๆ เวียน ๆ เป็นแบบนี้มาพักใหญ่ ตั้งแต่ขับรถออกมาแล้ว

บางทีก็หันไปมองนอกกระจกรถ แล้วมันก็ยิ้ม ยิ้มอยู่คนเดียว อมยิ้มบ้าบออะไรอยู่ได้

ถามว่าเป็นอะไร เป็นบ้าหรือไง ก็ไม่ยอมตอบ

ไม่ตอบไม่พอ คราวนี้มันหันกลับมามองหน้า เลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วหุบยิ้ม แต่ทำตาวิบ ๆ วับ ๆ และเหมือนพยายามกลั้นรอยยิ้มนั่นมันอะไรกัน

“นุชา”

ทำเสียงดุใส่ และพยายามปั้นหน้าให้ขรึมเข้าไว้
ทั้งที่ใกล้จะยิ้มตามคนแกล้งเข้าไปทุกที
เหมือนอีกฝ่ายจะเชื่อ เหมือนจะฟัง แต่ท่าทางแบบนี้มันเหมือนแกล้งกันชัด ๆ

ทำอะไรของมันวะ นุชา หยุดทำหน้าแบบนี้ซะที

“ครับ”

“ครับ”

“ครับ มีอะไรให้รับใช้ ยินดีและเต็มใจบริการ ครับพ้ม”

จะขานรับทำไมมากมาย แล้วยังจะยกมือขึ้นมาทำท่าตะเป๊ะอีก
นี่มันเห็นเป็นอะไรวะ ความสำนึกมีบ้างมั้ย ใจคอจะแกล้งยั่วให้เป็นประสาทตายไปเลยหรือไงวะ

“โธ่โว้ยยย”

อ้าวววววววววว

คนอุตส่าห์เชื่อฟัง และยินดีรับคำสั่ง ทำไมถึงได้มาทำหงุดหงิดหัวเสียใส่กันแบบนั้นล่ะคุณซ้ง

ใครใช้ให้ทำหน้าหงิกหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลาล่ะ

ช่วยไม่ได้ อยากทำหน้าแบบนี้ก่อนทำไม
ยิ้มซะหน่อยไม่ได้หรือไง อุตส่าห์มีหน้าหล่อ ๆ เป็นของตัวเองแล้ว
จะทำให้ชื่นใจด้วยการยิ้มหวาน ๆ ให้เห็นบ่อย ๆ ไม่ได้เลยหรือ

“อะไรล่ะโว้ยยย”

เลียนแบบกิริยาอาการของคนที่กำลังทำหน้างอ ทั้งที่ตายังมองทาง
และเหมือนพยายามตั้งสมาธิให้อยู่กับการขับรถ

แล้วคราวนี้นุชาก็เลยยิ่งยิ้มร่ามากขึ้นกว่าเดิม

น่ารักจริงจังนะคุณซ้ง

งอนอะไร แหย่นิดแหย่หน่อย โมโหง่ายขนาดนี้ มันยิ่งน่าแกล้งไม่รู้บ้างหรือครับคุณซ้ง

“ชอบก็จีบเลย ชอบก็จีบเลยเซ่ ชูวับ ชูวับ”

เปล่า

ไม่ได้มีความหมายแฝงนะ แค่ร้องเพลงเฉย ๆ
เพลงมันน่ารัก ออกจะไพเราะเพราะพริ้ง ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องจีบ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าชอบ......อย่าเก็ก อย่ามาทำเป็นกั๊ก ถ้าคิดจะกิ๊กกันก็รีบ ๆ
ช้าจะอด หมดใจไม่รู้ด้วยนะ

“นุชา”

เอ้า

อะไรวะ ร้องเพลงก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ห้ามยิ้ม ห้ามชวนคุย ห้าม ห้าม ห้าม
ห้ามชอบด้วยเลยมั้ยล่ะ เดี๋ยวจะจัดให้

“ครับ ครับ ครับ”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง และคราวนี้หันไปนั่งจ้องหน้าคนที่กำลังขับรถ
เท่านั้นยังไม่พอ นุชายกแขนขึ้นมาท้าวคางและจ้องมองคนที่ชอบทำหน้ายุ่งอยู่ตลอดเวลา

กระพริบตาปริบ ๆ และเริ่มอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

สังเกตใบหน้าและท่าทางที่เหมือนกำลังไม่เป็นตัวของตัวเองของคุณซ้งแล้วยิ่งอยากจะหัวเราะดัง ๆ

“ชอบก็บอก อย่ามาแกล้งมึน”

ไอ้.......

โธ่โว้ยยยยยยยยยยย คิดผิดจริง ๆ ที่บ้าพาไอ้ตี๋นุชาหน้ามึนมาด้วย
มันเห็นเป็นของเล่นสนุกหรือไง ถึงได้พูดจาบ้าบอเพ้อเจ้ออยู่ได้ตั้งแต่ออกมาแล้ว

แล้วนี่อะไร พยายามทำอะไรของมันอยู่ คิดจะทำให้เป็นโรคประสาทตามมันไปด้วยหรือไง

แล้วยังเพลงบ้า ๆ บอ ๆ พวกนั้นอีก

คิดอะไรของมันอยู่กันวะ จีบบ้าจีบบออะไร

หน้าตาแบบนี้ นิสัยแบบนี้ เพ้อเจ้ออะไรอยู่ ถ้าไม่ได้ทำให้ปวดหัวมันคงจะลงไปชักดิ้นชักงอตายสินะ

“ถ้าลื้อไม่หยุดพร่ำ ก็ลงไปเลย”

อ้าว

อะไรวะ ลากกูมาถึงนี่ จนจะถึงบ้านอยู่แล้ว พอทีนี้จะไล่ลงจากรถเฉยเลย
นี่กูขอมากับคุณหรือครับคุณซ้ง ลากผมมาเองไม่ใช่เรอะ

ความผิดกูหรือครับนี่
แกล้งหลับมันเลยดีกว่า แม่งงงงงงงงง

“นุชา”

ซ้งเรียกคนที่หันหน้าไปเอนซบกระจกรถและหันหนีไปอีกทาง

แกล้งหลับชัด ๆ แกล้งกันเห็น ๆ นี่ใจคอจะมึนกันต่อหน้าตาตาแบบนี้เลยใช่มั้ย

“ไม่ต้องเรียก หลับแล้ว ห้ามรบกวน”

อ่า

ไม่ต้องเรียก ห้ามรบกวนเหรอ

“นุชา”

บอกว่าไม่ต้องเรียก อย่าเรียก ไม่ต้องมาเรียก ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อย
ทีเมื่อกี้ยังดุได้ดุดี เอ็ดอยู่นั่น แล้วยังจะหาว่าพร่ำอีก

ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

ก็เห็นทำหน้าหงิกอยู่ได้ อยากให้บรรยากาศมันดี ๆ หน่อย
นี่ก็พาแต่จะทำหน้าหงิกอยู่นั่น เออออออออ ไม่ชอบก็ไม่ว่า แต่อย่ามาทำเหมือนมีใจสิวะ คิดนะเนี่ย เข้าใจมั้ยว่าคิด

“นุ่น......”

เออออออออออออออ

เยี่ยมเลยยยย

เรียกเข้าไป ไอ้ชื่อทุเรศ ทุเรศนั่น เรียกเข้าไปสิวะ ไม่ชื่อนี้บ้างก็แล้วปายยยย

ใช่เซ่ ชื่อตลกนี่ ก็เลยเรียกได้เรียกดี เห็นเป็นจุดอ่อนเอาไว้ล้อ สนุกตายเลยใช่มั้ยล่ะ

“นุ่น นุ่น นุ่น”

เอาเล้ยยยยยยยยย
ตามสบ้ายยยยยยยยยยยยยย เรียกได้เรียกไป อย่าให้เล่นคืนบ้างแล้วกัน
แล้วจะร้องไม่ออก

“ถ้าเรียกชื่อนี้อีกคำเดียว โกรธจริงนะ”

น้ำเสียงนิ่ง ๆ เย็น ๆ และท่าทางนิ่งเงียบ
ทำให้ซ้ง ต้องหันกลับไปมองคนที่แกล้งหลับหัวพิงกับกระจกอีกครั้ง

โกรธ ถ้าเรียกอีกจะโกรธ

แค่โกรธ

มีอะไรน่าสน

ไม่เคยคิดจะสนใจ จะโกรธหรือไม่โกรธ หรืออยากจะทำอะไรก็ไม่มีผลอยู่แล้ว
แล้วทำไมต้อง...สนใจด้วย...

ทำไมต้อง....รู้สึกผิด รู้สึกไม่ดี ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ชอบหรือไม่พอใจ

“นุชา”

เรียกชื่อรอบที่ร้อย แต่น้ำเสียงเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เรียก
นุชางั้นเหรอ นุชา......ทำไมถึงอยากเรียก ทำไมชื่อนี้ถึงแว่บเข้ามาในหัวเสมอ ๆ และเผลอพูดเผลอเรียกออกไปบ่อยๆ

“ครับ”

มีเสียงตอบกลับมา ทั้งที่คนตอบยังแกล้งหลับ

น่าแปลกที่เมื่อซ้งหันไปมองเจ้าของชื่อ กลับทำให้ต้องลอบยิ้มออกมา

กำลังขับรถ และสาตากำลังมองถนน

แต่ต้องรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เพราะกลัวว่าคนที่แกล้งหลับจะตื่นขึ้นมาและมานั่งท้าวคางจ้องหน้ากันเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

ทำไมล่ะ

ทั้งที่บอกว่าจะโกรธ ทั้งที่ไม่ชอบ แต่ก็ยังขานรับ เวลาที่เรียกชื่อ

ทำไม......

“เรียกอีกครั้งสิ”

หือ

เรียก...

เรียกใคร....เรียก....

ได้ยินชัดว่าคนที่แกล้งหลับพูดว่าอะไร
คราวนี้ซ้งเลยรีบหุบปากเงียบ และพยายามบังคับหน้าไม่ให้แสดงท่าทางแปลก ๆ ออกไป

เรียกอีกครั้ง

เรียกทำไม ทำไมต้องเรียก

ไม่เห็นต้องเรียก ไม่เห็นจำเป็น ไม่จำเป็นเลยสักนิด

“คุณซ้งงงงง คุณซ้ง”

เฮ้ยยยยยยย

อีกแล้ว นุชามันหาเรื่องให้โมโหอีกแล้ว คราวนี้มันลืมตาตื่นขึ้นและหันมามองหน้ากันตรงๆ อีกแล้ว มองแล้วมันก็ลากเสียงยาว ๆ แล้วยังมาเรียกกันด้วยน้ำเสียงชวนกวนประสาทแบบนี้อีกแล้ว

“ครับสิ ครับ ครับ ครับ ครับ อุตส่าห์เรียกแล้วคุณซ้งก็ต้องตอบว่าครับสิ”

ไม่

ไม่มีทาง อย่ามาทำอะไรเพ้อเจ้อแถวนี้ ไม่มีทางบ้าตามอยู่แล้ว
อย่ามาหาเรื่องให้โมโห ขอร้อง อย่ามาทำให้เป็นบ้ามากไปกว่านี้

“ชายังขานเลยนะ ตอนที่พี่เรียก”

ชา......

และพี่.....

พี่ที่ไหน ใครคือชา

นุชาที่อยู่ในอาการนิ่งตะลึงค้างกับสิ่งที่ตัวเองพูด
หัวใจกระตุกวูบ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไป

พูดผิด

มีบางอย่างผิดปกติ
มีบางอย่างที่ไม่สมควรพูด

มีบางอย่างที่ไม่ควร

นิ่งอึ้ง
ไม่พูดไม่ล้อเล่น ไม่ทำเหมือนที่เคยทำ

พี่....ทำไมถึงยัง....

“ชา”

ได้ยินเสียงเรียกชื่อ

ไม่ใช่นุชาเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นชื่อเล่นที่เคยมีคนเรียกเมื่อนานมาแล้ว
และเมื่อหันกลับไปมองคนที่เรียก ก็ได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วมุ่น และหันกลับไปสนใจกับการขับรถอีกครั้ง

น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ท่าทางนิ่งเงียบ และบรรยากาศชวนอึดอัดที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้นุชาต้องก้มหน้าลงมองที่มือของตัวเอง ที่เริ่มกำแน่น

ไม่ได้ขานรับ

ไม่ได้ตอบกลับ แต่นิ่งเงียบ

นุชาเงียบ
และซ้งเองก็ไม่ต่างกัน

มีบางอย่างที่ต่างฝ่ายต่างกำลังครุ่นคิด

นุชากำลังคิดเรื่องบางอย่างที่ผ่านเลยมาแล้ว และซ้งเองก็กำลังคิดเรื่องที่ไม่ควรคิด

“คุณซ้งจอดรถข้างหน้าก็ได้ เดี๋ยวผมนั่งรถเข้าไปเอง ไม่ต้องลำบากไปส่งถึงบ้านหรอก ไม่อยากรบกวนมากไปกว่านี้แล้ว”




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ถาม † [06/04/12]
«ตอบ #358 เมื่อ06-04-2012 14:17:56 »




ตอน ถาม



“หิวข้าวมั้ย”

ไม่หิว

“แวะกินข้าวก่อนมั้ย”

ไม่แวะ

“นุ่น”

อย่าเรียก

“ไอ้นุ่นเน่า”

อย่าเรียก ไม่ชอบ

“เป็นห่าอะไรวะ เรื่องมากชิบ”

ได้ผล คราวนี้นุชาผู้นั่งเงียบ รีบหันขวับมามองคนที่ทั้งขมวดคิ้วมุ่นทั้งทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างขัดใจ

เออออออออ เรื่องมาก เรื่องมากสิวะ ไม่เรื่องมากได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณซ้ง

“จีบก็ไม่จีบ ชอบก็ไม่ชอบ มาทำเป็นมึน ๆ งง ๆ ใส่อยู่ได้ เรื่องเยอะเหมือนกันแหละวะ”

เฮ้ยยยยย เกี่ยวกันตรงไหน
ไม่ใช่แล้ว นี่มันหาเรื่องกันชัด ๆ

อั๊วก็ เห็นลื้อ... ลื้อเป็นเพื่อน เป็นแค่เพื่อนกัน เป็น.... เป็นคนรู้จักกันเฉย ๆ จะมาช่งมาชอบอะไร
แล้วไอ้เรื่องจีบ เรื่องชอบอะไรนั่นเลิกพูดไปซะ บ้าหรือไง อย่ามาพูดจาจริงจังแบบนั้น มันไม่ใช่ และไม่มีทางเป็นไปได้

“แล้วใครพี่ แล้วยังจะมาพูดอีก ชาอะไร ใครพี่ใครชา แฟนหรือไง พูดถึงกันนี่ทำเหมือนดีใจมากเลยนะ”

ไม่เกี่ยว

อย่าพูดถึง ทำไมต้องลากมาเกี่ยวด้วย
ไม่เกี่ยวกันแล้ว ถึงเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ตอนนี้เราก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันอยู่ อย่าดึงมาเกี่ยวข้อง หยุดพูดไปซะที ผิดหรือไง ที่ลืมไม่ได้
ก็คุณซ้งไม่ทำให้ชัดเจน จะปล่อยให้มึนงงอยู่อย่างนี้อีกนานมั้ย จะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะ

“คุณซ้ง”

เสียงแข็ง และหันขวับไปมองคนที่ขมวดคิ้วมุ่น และทำหน้าขรึมยิ่งกว่า

รู้ว่าคุณซ้งไม่พอใจ

รู้ว่าไม่ชอบหน้า

แต่ไม่มีสิทธิ์ว่ากันถึงขนาดนี้ ไม่ได้เป็นอะไรกัน อยากจะอยู่ในสถานะไหนก็ทำไป ไม่อยากจีบไม่อยากชอบ ไม่อยากทำอะไรให้ชัดเจนก็ไม่ว่า

แต่อย่าทำให้โกรธขึ้นมาบ้างแล้วกัน

จะหนีไปให้ไกลยิ่งกว่าชลบุรีอีก
เอาแบบไม่ต้องเจอกันอีกเลยชาตินี้ก็ยังได้

ก็เพราะคุณซ้งนั่นแหละ ทำให้หวั่นทำให้ไหว ทำให้คิด ทำให้หลง
ทำให้ชอบ ทำให้เพ้อ ทำให้เป็นบ้าแบบนี้

ก็ใช่ที่เคยมองว่าเหมือนใคร

ก็ใช่ที่เคยหลอกหัวใจตัวเอง

ใช่ที่ว่าอยากหนีอยากถอยให้ห่างออกมา ถึงได้พาตัวเองไปไกล ๆ จะได้ห่างๆ ซา ๆ ลงไปบ้าง เพื่อจะกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องทำตัวโง่ ๆ บ้าบอเพ้อเจ้อแบบนี้

สำหรับคุณซ้ง ก็แค่ปลื้ม แค่ชอบ
อยากหยอกล้อ อยากเล่นด้วยเท่านั้น

ไม่ได้มีสำคัญกับชีวิตขนาดที่ทนไม่ได้ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณซ้ง

เชื่อว่า คุณซ้ง ก็คงคิดไม่ต่างกัน

เห็นเราเป็นอะไรวะ เป็นตัวก่อกวน เป็นตัวปัญหา เป็นคนมาวุ่นวายมาสร้างปัญหาให้หรือไง

เห็นเป็นคนบ้าบอ เห็นคนเพ้อเจ้อ เป็นคนน่ารำคาญ

เป็น...............

“รู้อย่างนี้ไม่มาตั้งแต่แรกก็ดี”

พูดตรง ๆ พูดใส่หน้าคนที่กำลังขับรถและนิ่งเงียบ
มองหน้าคนที่ขับรถไปโมโหไปแบบตรง ๆ

สิ่งที่นุชาพูดมันทำให้ซ้งโมโห

และนุชาก็รู้สึกไม่ต่างกัน

และมันยิ่งกำลังจะกลายเป็นมากกว่าความโมโห

“ก็ไม่ได้ชอบ จะให้ทำยังไง พูดจาบ้าบออยู่ได้น่ารำคาญ เลิกทำตัวเพี้ยนๆ แบบนี้ซะทีจะดีมาก หยุดทำอะไรบ้า ๆบอ ๆ ซะที”

สะท้านถึงขั้วหัวใจ

คำพูดร้าย ๆ คำพูดที่ร้ายกาจที่สุดตั้งแต่ได้รู้จักกันมา

นุชาเบิกตากว้าง และฟังทุกถ้อยคำทุกประโยคนั้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

หัวใจมันเจ็บ

ทั้งเจ็บทั้งปวดทั้งชา

ชาวูบไปทั้งหน้า และแสบร้าวไปหมดจนถึงภายในใจ

ไม่ได้ชอบ ก็รู้ตั้งแต่แรก ไม่ได้คิดอะไรก็รู้ตั้งแต่แรก
แล้วดื้อด้าน คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าอีกฝ่ายมีใจให้เพื่ออะไร

หลอกตัวเอง

คนไม่สมหวังในความรัก ชอบหลอกตัวเอง
หลอกว่าเมื่อได้รักหรือชอบใครอีกครั้ง จะสมหวัง

หลอกตัวเอง

หน้าโง่

นุชามันโง่ หน้าโง่ เพ้อจ้อ บ้าบอ มันเป็นคนแบบนี้ เป็นคนไม่ดี
เป็นคนแย่ แย่มากจนคุณซ้งชอบไม่ได้

“นุชา”

อย่าเรียก

พอแล้ว อย่าเรียกอีกเลย

อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้อีก อย่าทำให้คิดเข้าข้างตัวเองอีก
อย่าทำเหมือนมีใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คิดอะไร

อย่า.......

“ครับ”

ตอบกลับ แต่น้ำตาหยด

เสียงที่เอ่ยบอกไปมันมาพร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ หยดลงที่ข้างแก้ม

สายตาที่มองไปที่คนที่พูดจาทำร้ายกันอย่างรุนแรงมีแต่ความปวดร้าว

ร้าวไปถึงข้างใน

“อย่ามารับมาส่ง อย่ามาเรียก อย่าโทรมาคุย อย่ามาแกล้ง อย่าทำเหมือนมีใจ
อย่าทำให้คิดไปเอง ..... มันเจ็บนะคุณซ้ง โคตรเจ็บเลยว่ะ อย่าทำแบบนี้อีก ขอร้อง”

ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้

แค่โมโห

โมโห เพราะนุชาชอบทำให้โมโห
ชอบยั่วให้โมโห ชอบแกล้งให้โมโห
และเอาแต่พูดว่าให้รักให้ชอบ ให้จีบ หรือแม้กระทั่งเป็นแฟนกัน
คำพูดบ้าบอเพ้อเจ้อแบบนั้น

มันก็แค่การหยอกล้อ ล้อเล่นเพื่อความสนุก ล้อให้คนฟังโมโห

ทำให้โมโห....

“อย่าทำกับผมแบบนี้”

แต่นุชาร้องไห้

กำลังร้องไห้

พูดทั้งที่น้ำเสียงกำลังสั่น ใบหน้าที่หันมองมามีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด
สายตาที่มองมามีแต่ความรวดร้าว

หลังมือที่ยกขึ้นปาดน้ำตา

ใบหน้าที่หันหนีไปอีกทาง หันไปมองที่นอกหน้าต่างรถ

ทำให้ซ้งต้องกลืนน้ำลายลงคอ หัวใจกระตุกวูบ และเพิ่งสำนึกได้ว่า
ทำเรื่องไม่ดีลงไปแล้ว เรื่องที่ไม่ควรทำอย่างรุนแรง

นุชา.....

“หิวข้าว แวะกินข้าวก่อนนะ”

น้ำเสียงที่แผ่วเบา ดวงตาไหวระริกเมื่อนิ่งมองคนที่นิ่งเงียบ และยังยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาเงียบ ๆ

สงสาร

อยากรั้งเข้ามากอด

อยากโอบไหล่ อยากถามว่าเป็นอะไร แต่ก็รู้ว่าสาเหตุทั้งหลายมาจากตัวเอง

“ครับ”

นุชาไม่เคยไม่ตอบ โกรธแค่ไหน โมโหมากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยไม่ตอบถ้าถามอะไรออกไป

นุชาไม่ใช่คนน่ารำคาญ แต่นุชาเป็นคนที่ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง
ที่บอกว่าชอบ.......นั่นมันอาจจะแปลว่าชอบจริง ๆ อย่างที่ปากพูด

มองหาร้านอาหารข้างทางที่พอจะจอดรถแวะได้

และเลี้ยวรถเข้าไป

หันไปมองคนที่พยายามเช็ดน้ำตาออกจากดวงตา ยิ่งใจหาย

“หยุดร้องไห้หรือยัง”

อืมมม

หยุดแล้ว

ถึงอยากร้อง แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
ถ้าชอบ อย่าทำให้อีกฝ่ายเสียใจ อย่าทำให้เป็นทุกข์ อย่าทำให้เจ็บปวด ช่วงเวลาที่ได้ใช้ด้วยกันมันมีไม่นานนักหรอก

วันหนึ่งเมื่อเราไม่ได้เจอกันอีก จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ มาโทษตัวเอง

ว่าในวันหนึ่งเราไม่น่าเสียเวลาไปกับการโกรธหรือโมโหใส่กันเลย

อยากจดจำว่าในเวลานี้มีช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน

ถึงจะโมโหกัน ถึงจะโกรธกันอยู่ แต่คุณซ้งก็พามากินข้าว
มันอาจจะเป็นการกินข้าวที่แย่ที่สุด

แต่เราก็ได้กินข้าวด้วยกัน ได้ใช้เวลาด้วยกัน

ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกัน

“นุชา...ชอบซ้งจริง ๆ หรือเปล่า”

เงยหน้าขึ้นมอง คนที่เอ่ยถาม และก็เห็นชัดถึงความกังวลในแววตาคู่นั้นที่มองมา

ชอบจริง ๆ หรือเปล่า
นั่นคือคำถามที่เคยถามคุณซ้งไม่ใช่เหรอ

เคยมีใครในใจ และเขายังอยู่ในใจเสมอ
แต่มันจะแย่แค่ไหน ถ้าปิดตายหัวใจตัวเองและจมอยู่กับความเจ็บปวด
ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในชีวิต

มันจะน่าเศร้าแค่ไหน ถ้าพี่ฟ้ารู้ว่าไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข
มันจะแย่ยิ่งกว่าแย่ขนาดไหน ถ้าหัวใจดวงนี้รักใครไม่ได้อีกแล้ว

ไม่มีทางหรอก

เรื่องอะไรจะปล่อยให้หัวใจของตัวเองด้านชาเพราะความเจ็บปวด
ถึงมันจะเจ็บมันจะปวดอีกกี่ครั้ง ก็ไม่เป็นไร มันจะได้เข้มแข็ง
มันจะได้ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องมีอะไรน่าหวาดกลัวอีก

ถ้าได้ใช้มันอย่างเต็มที่ ได้ใช้มันจนคุ้ม ก็ไม่มีอะไรน่าเสียใจอีก

หนีไปตั้งไกลแล้วนะคุณซ้ง....แต่หนีใจตัวเองไม่พ้น

ยิ่งรู้ว่าคุณซ้งเกลียด ยิ่งอยากจะตายซะตรงนี้...แต่ไม่เป็นไรหรอก..ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสียใจ แค่ร้องไห้มันไม่ตาย...ดีกว่าคนรักใครไม่เป็นอย่างคุณซ้ง...หัวใจของคุณซ้งมีไว้แค่สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ไม่ได้มีไว้รักใคร....
แต่สำหรับผม หัวใจของผมมันมีอะไรให้ทำมากกว่าแค่สูบฉีดเลือด

ถ้าคุณซ้งไม่ยอมรับหรือเปิดใจ คนที่เสียใจก็จะกลายเป็นตัวคุณซ้งเอง

“คนเป็นแฟนกัน จะไม่ชอบกันได้ยังไง”

ยิ้มให้คนที่เอ่ยถาม

ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มทั้งที่ยังร้องไห้

รอยยิ้มที่ได้เห็น มันทำให้ซ้ง นั่งนิ่ง และขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสับสนว้าวุ่นไม่รู้ว่าควรจัดการกับชีวิตและความรู้สึกของตัวเองต่อไปยังไงดี

“แต่ถ้าเราเลิกกันแล้ว.....ชอบหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วคุณซ้ง”




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † หอม † [06/04/12]
«ตอบ #359 เมื่อ06-04-2012 14:21:21 »

ตอน หอม



รู้สึกว่าพูดจาไม่ดี รู้สึกว่าพูดเรื่องไม่ดี และทำให้คนฟังเสียใจ

บางทีสิ่งที่กำลังทำอยู่อาจเรียกว่าง้อ การง้อ คือการทำให้คนที่เสียใจเพราะคำพูดที่ไม่ดี รู้สึกดีขึ้น
แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดเพี้ยนไป
นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้ว การง้อยังเหมือนเป็นการสร้างความรู้สึกแย่ ๆ ให้คนที่ถูกง้อด้วย

กินข้าวด้วยกันแต่รู้สึกว่ากินไม่อร่อย เพราะนุชากินไปสองสามคำแล้วก็บอกว่าอิ่ม ไม่อยากกินแล้ว

ไม่ยอมเล่น ไม่ยอมพูดด้วย ถามคำตอบคำ ถามสิบคำ ก็ตอบแค่คำเดียว
แค่นี้ก็รู้แล้วว่านุชารู้สึกไม่ดี

แต่ทำไมต้องแคร์ ทำไมต้องสนใจ ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน

“ครับ กำลังกลับบ้านครับ อะไรนะครับ ให้ผมไปด้วยเหรอครับ อืมมม กี่ทุ่มครับ
ได้ครับ นาน ๆ จะได้เจอพวกพี่ซะที ยินดีครับ เจอกันคืนนี้ครับ”

มีสายเรียกเข้า และได้ยินสิ่งที่นุชาคุยกับปลายสาย
วางสายไปแล้ว แต่ยังทำหน้าพะว้าพะวงเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

จะไปไหน คิดจะไปไหน
ไม่ต้องแปลไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าคืนนี้ต้องไปไหนแน่ ๆ

ฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดและพาลไม่ชอบใจ หันไปมองคนที่ทำหน้าเฉย และเมินมองไปนอกหน้าต่างรถก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจเพิ่มขึ้น

ไม่ชอบใจ

แต่เมื่อชำเลืองสายตามองอีกครั้งก็เห็นว่านุชายังเมินมองไปทางอื่นไม่ยอมหันมาสนใจกันอีกเลย

อดไม่ได้ ทนไม่ไหว อดรนทนไม่ไหว

“มีนัดไปวิ่งนะ อย่าลืม”

พูดลอย ๆ และก็เห็นคนที่นั่งเงียบหันกลับมามองและเลิกคิ้วขึ้นสูง
เหมือนกำลังตั้งคำถาม

แต่ไม่ยอมถามออกมาเป็นคำพูด

“แต่สี่ทุ่มไม่ต้องวิ่งแล้ว”

ไม่ได้วิ่งแต่ก็ควรกลับบ้านไปนอนหลับพักผ่อน ไม่ใช่ไปเที่ยวกลางคืน
ทำแบบนี้มันสมควรหรือไงวะ แล้วจะเรียกว่าวิ่งเพื่อสุขภาพได้ยังไง

“แต่มันดึกแล้ว เป็นเวลานอน”

เวลานอนของคุณซ้งคนเดียว ไม่ใช่เวลานอนของคนอื่น คุณซ้งหลับแต่คนอื่นไม่เห็นจำเป็นต้องหลับด้วย เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ

“ไม่ได้ง่วง”

อ่อออ
ไม่ได้ง่วง ก็เลยไม่ยอมหลับยอมนอน ก็เลยจะไปเที่ยวเตร่ดึก ๆ ดื่น ๆ

“ไม่ง่วงก็กลับบ้านนอนได้”

อะไรครับ คุณซ้งจำทไมครับ แล้วทำไมต้องเชื่อ โตป่านนี้แล้ว แค่ไปดื่มไปเที่ยวกลางคืน มันเรื่องปกติด้วยซ้ำ ทำงานแล้ว มันก็ต้องมีบ้าง

ขนาดแม่ยังไม่ว่าเลย

แล้วคุณซ้งจะมาโมโหใส่ทำไม

“ถึงกลับบ้านแล้วใครจะไปนอนได้ คนเพิ่งอกหักต้องไปปาร์ตี้ให้หายซึมเศร้า”

เหตุผลบ้าบอ

ไปขุดเหตุผลบ้าบอแบบนี้มาจากไหน อกหัก
ปาร์ตี้คนอกหัก อยากไปให้หายซึมเศร้า จะบ้ากันไปใหญ่แล้วอกหักได้ยังไง
ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย จะรีบอกหักไปทำไม แบบนี้มันเหตุผลกวนประสาทชัด ๆ

“อกหักได้ยังไง ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน”

หงุดหงิด และขมวดคิ้วมุ่น ไม่ชอบคำพูดของนุชาแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา

“ก็ไม่ได้เป็น แล้วคุณซ้งจะมาเดือดร้อนมายุ่งอะไรด้วย จะนอนหลับไม่หลับ จะง่วงไม่ง่วงคุณซ้งจะใส่ใจทำไม”

ยอมแพ้กับคำตอบ อึ้ง และทำอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่นุชาพูดคือความจริง

เพราะแบบนี้ไงถึงได้โมโหนัก

ทำอะไรไม่ได้ เพราะไอ้คำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันคำเดียวนั่นแหละ

ทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่ไม่ชอบใจกับสิ่งที่นุชาทำอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน

“คุณซ้งไม่ต้องไปส่งหรอก จอดหน้าปากซอยก็ได้ เดี๋ยวเข้าบ้านเอง”

เพราะรถกำลังจะเลี้ยว เลยต้องรีบบอก
ถึงกำลังตีรวนคุณซ้งอยู่ แต่ก็รู้จักความเกรงใจ
ให้ไปส่งถึงหน้าบ้านทั้งที่ไม่ใช่ทางผ่านมันก็ไม่ดี อุตส่าห์พามาถึงที่นี่
อีกนิดเดียวก็เข้าบ้านแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรนั่งรถไปต่อเองได้

“อย่างี่เง่า บอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง”

อะไรวะ

ไม่ได้งี่เง่า จะไปส่งก็ไม่ได้ว่า แต่ทำไมต้องหาว่างี่เง่า ไม่ได้งี่เง่าแต่เกรงใจ
เข้าใจคำว่าเกรงใจมั้ยวะ เกรงใจกับงี่เง่ามันคนละเรื่องกันโว้ยยย

“ตอนเย็นจะมารับไปสนามด้วยกัน ออกมารอที่หน้าบ้านด้วย”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย

บังคับทำไมเนี่ย อะไรของคุณซ้งครับ

ไม่เข้าใจ เป็นอะไรวะ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละ คุณซ้งทำอะไรอีกแล้ว
ถามจริง ๆในสมองคิดจะทำอะไรกันแน่

“ทำแบบนี้เรียกว่าจีบนะ เรียกว่ามีใจด้วย ให้ความหวังนะรู้จักมั้ยคุณซ้ง คำว่าให้ความหวังน่ะ”

ไม่รู้
ให้ความหวังอะไร ยังไม่ได้ให้ อย่ามาเหมารวมคิดเอาเอง
ไม่ได้จีบ ไม่ได้มีใจ แล้วก็ไม่ได้ให้ความหวัง แค่จะมารับเฉย ๆ
ทำไมต้องมากเรื่อง ทำไมต้องแปลความหมายใหญ่โตไปถึงขั้นนั้น

“เกี่ยวอะไรนุชา มารับก็คือมารับ จะไปเกี่ยวกับให้ความหวังได้ยังไง”

มึน

สุดยอดความมึน
คุณซ้ง อย่ามาแกล้งมึนนะ แบบนี้มันแกล้งมีนชัด ๆ ทำแบบนี้เขาเรียกว่าแกล้งมึนครับ

“บอกว่าไปก็คือไป รับปากแล้วยังไงก็ต้องไป ไปเองได้ ไม่ต้องมารับโว้ย”

อะไรนุชา มากเรื่องอีกแล้ว ทำไมไม่ให้มารับวะ
ก็คนจะมารับ จะทำไม คิดจะขัดขวางเพื่ออะไร

“จะมา”

คนตอบลอยหน้าลอยตาตอบ กวนประสาทที่สุดเท่าที่นุชาเคยเห็นมา
คุณซ้งเป็นคนแบบนี้เหรอวะ เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้

“คุณซ้ง”

เรียกแล้วก็เห็นว่าคนถูกเรียกหันมามองแว่บเดียวด้วยหางตา
และยังทำหน้าตาเฉยเมยแถมยังเรียกชื่อกลับด้วยคำพูดกวนประสาทสุด ๆ

“นุชา”

เออ

ชื่อนุชา แล้วจะทำไม จะเรียกทำไม เรียกคุณซ้งเพื่อให้คุณซ้งเลิกแกล้งมึนใส่ไม่ใช่ให้คุณซ้งมาเรียกชื่อผมกลับแบบนี้ครับ

“คืนนี้สี่ทุ่มใช่มั้ย ไม่มีปัญหา เดี๋ยวมารับ ให้แค่ อืมมมมม สองชั่วโมงก็เที่ยงคืน
ถ้าเลยเที่ยงคืนเดี๋ยวจะเดินเข้าไปตาม ผับไหนนะ รู้สึกว่าจะอยู่ใกล้ ๆ”

คุณซ้งงงงงงงงงงงงงง

คุณซ้งน่าโมโห คุณซ้งงงงงงงงง อะไรของคุณครับ อะไรของคุ๊ณณณณณณ คร้าบบ

“แต่คุณซ้งต้องอยู่เป็นเพื่อนอาม่ากิม มาไม่ได้”

แล้วยังไง
ทำไมจะมาไม่ได้ แซยิดบ้านโน้น แต่วันอาทิตย์ต้องไปเรียน อาม่าก็เลยค้างบ้านโน้นสามวันไม่งั้นจะมาเทียวรับเทียวส่ง เทียวแกล้งลื้อได้ยังไงนุชา

“มาได้ก็แล้วกัน”

ห๊า นี่คือคำตอบของคุณซ้งเหรอ ตอบได้ไร้ความรับผิดชอบที่สุด
ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย ทำไมตอบได้หน้าตาเฉยแบบนี้
คุณซ้ง เล่นเกมส์อยู่หรือไง นี่มันไม่ใช่เกมส์นะ อย่ามาแกล้งปั่นหัวเล่นกันหน่อยเลย

“อย่ามามึนขอร้อง”

เหรอ

แบบนี้เรียกว่ามึนเหรอ เห็นลื้อทำบ่อย ๆ นี่นุชา ก็เลยยืมมาใช้บ้าง
มันก็สนุกดีนะ มิน่าล่ะ ลื้อชอบทำแบบนี้ใส่อั๊วบ่อย ๆ มันสนุกแบบนี้นี่เอง

“ใครมันทำก่อนล่ะ”

ยอกย้อน โยกโย้ น่าโมโหที่สุด

ไม่ชอบ ไม่ได้จีบ ไม่ได้อะไรด้วย แล้วพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ ทำไม อยากแกล้งให้บ้าตายกันไปข้างหนึ่งเลยหรือไง

ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าชอบ แสดงออกให้เห็นชัดเจนขนาดนี้ ว่าชอบคุณซ้งมาก
ก็เลยอยากแกล้งให้ทรมานเล่นใช่มั้ย

“ชอบผมหรือไง ทำเหมือนหึงหวง คอยตามเช็คอยู่ได้ แคร์ผมล่ะสิ”

เอาสิคุณซ้ง ถ้าอยากมึนขนาดนั้นก็ได้ อยากมึนก็มา

อยากมึนนักก็จะจัดให้หนัก ๆ

“ไม่ได้แคร์ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้หึงหวง อยากไปขับรถเล่นเฉย ๆ”

อยากไปขับรถเล่นเฉย ๆ ขับรถเล่นกลางดึกเนี่ยนะ
รวยนักนี่ รถที่บ้านเติมน้ำแทนน้ำมันว่างั้น

“โหขับรถเล่น คิดนานมั้ย แต่ว่าไม่ได้จีบใช่มั้ย ไม่ได้ชอบด้วย งั้นเราก็โสด แถมอกหักด้วย แบบนี้ใครมีทีท่าก็เปิดใจได้เลยสิ เฮ่อออออออออ สบายยย”

เป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบที่สุด

ซ้งรีบหันขวับกลับมามองคนที่ทำท่าเริงร่า ทั้งที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ร้องไห้น้ำตาหยด เพราะถูกปฏิเสธ

แถมยังให้ง้อด้วยการพาไปกินข้าว
ขึ้นรถมาก็ทำเป็นนิ่งทำเป็นเฉย ทำให้อึดอัดหัวใจเล่น

แล้วดูสิ่งที่นุชามันทำเวลานี้ มันพูดออกมาฉอด ๆ พูดแต่ละคำยอกย้อนวกวนได้เหมือนคนไม่เป็นอะไรแล้ว แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องง้อแล้วสิ

ก็ดูท่าสบายอกสบายใจขนาดนี้แล้ว ไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี่

“กล้าก็ลอง”

อย่ามาพูดคุณซ้ง อย่านึกว่าไม่กล้า
แล้วทำไมจะไม่กล้า แฟนก็ไม่ใช่ ชอบก็ไม่ชอบ
เพราะฉะนั้นก็ไม่มีสิทธิ์

“แน่นอน กล้าอยู่แล้ว จีบคนเย็นชาไม่มีหัวใจอย่างคุณซ้งไม่สำเร็จ งั้นจะไปจีบคนมีหัวใจ นิสัยดีคนอื่นดู ถ้าสำเร็จก็ถือว่าโชคดี ว่ามั้ย”

นุชา

อีกแล้วนะ

เอาอีกแล้วนะ ทำแบบนี้ใช่มั้ย พูดแบบนี้ใช่มั้ย

“ถึงบ้านแล้ว ลงไปเลย”

ไม่ต้องรีบไล่ขนาดนั้นก็ได้ แค่นี้ก็บุญคุณล้นเหลือแล้ว
อุตส่าห์มาส่งถึงหน้าบ้าน ถึงจะทะเลาะกันมาตลอดทาง แต่ผมมันคนนิสัยดี
ถ้าไม่รู้จักขอบคุณ ไม่สำนึกบุญคุณคนก็เกินไป

“อืม ขอบคุณ....คุณ...เอ้ยยยย...คุณซ้งงงงง”

ผละใบหน้าออกห่างอย่างรวดเร็ว
จ้องมองคนที่ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยความตกใจ

แน่ใจ ยิ่งกว่าแน่ใจ
มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจ

ตอนที่หันหน้ากลับมาเพื่อขอบคุณ ปลายจมูกของคนทำเป็นเฉยชากดหนัก ๆ ลงมาที่ข้างแก้ม มาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แล้วก็ผละออกอย่างรวดเร็ว

ยกหลังมือขึ้นขัดไปมาที่ข้างแก้มของตัวเอง
ขบริมฝีปากแน่น พูดอะไรไม่ออกขึ้นมากะทันหัน

“อะไรนุชา ไม่รีบลงไปล่ะรออะไรอยู่”

ไม่ได้รอ ไม่ได้รออะไรทั้งนั้น

ไม่ได้รอ เปล่า ไม่ได้รออะไรเลย

นุชารีบเปิดประตูรถและก้าวขาลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
ยืนมึนงงอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ทั้งที่มือยังไม่เลิกขัดถูที่แก้ม

ไม่รู้ว่าควรหันกลับไปมองคนที่ขับรถออกไปแล้วหรือไม่

อึ้ง และกำลังยืนมึนงง กระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสับสน
อาการหน้าร้อนผ่าวกำลังมาเยือน

ยกหลังมือขัดถูไปมาที่ข้างแก้มอีกหลายครั้ง
และพบว่าความรู้สึกที่ควรจะจางหาย ยิ่งชัดเจนและแจ่มชัดเพิ่มขึ้น

ไม่เข้าใจความคิดของคนที่ทำให้รู้สึกได้ถึงขนาดนี้ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

รู้แค่ว่า ที่เคยคิดเอาไว้ มันวกวนสับสนไปมาจนเกินจะเข้าใจ

ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณซ้งเป็นคนแบบไหน

รู้แค่ว่า คุณซ้งเป็นคนที่มาหอมแก้มกันได้หน้าตาเฉย ทั้งที่ไม่ได้ชอบ ไม่ได้จีบ
ไม่ได้คิดอะไร

“แล้วจะเอายังไงวะ จะเอายังไงแน่ คุณซ้งงงง จะเอายังไงของคุณกันแน่ครับบบ”




TBC...




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด