วันที่สามสิบสามวันหยุดหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวเสมอ จริงไหมครับ ไม่นานก็เปิดเทอมมางมตำราเรียนเหมือนเดิม สวัสดีฮีโมลโกบิน สวัสดีไบคอนเทสต์ สวัสดีการสอบปฏิบัติimmuno ปิเปตที่รักยิ่ง และซีรัมที่ห้ามลืมmixก่อน ไม่งั้นโดนหักคะแนน
อืม... ผมไม่เคยพูดถึงวิชาเรียนของคณะผมเลยเนอะ งั้นขอสักนิดแล้วกันครับ สำหรับเทคนิคการแพทย์เนี่ย หลายคนคงไม่รู้ว่าคณะของเราทำอะไร พวกเราเป็นเบื้องหลังของการรักษาครับ ถ้าคุณมาตรวจสุขภาพ คนที่ทำแลปเพื่อออกผลให้พวกคุณคือเรา จะตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ก็เป็นพวกเราตรวจ รวมไปถึงเพาะเชื้อหาไวรัสหรือแบคทีเรียเพื่อช่วยสนับสนุนในการรักษาโรคต่าง ๆ ของแพทย์ด้วย ถ้าหากพวกเราออกผลผิดพลาด การรักษาของแพทย์ก็จะผิดพลาดเช่นกัน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเวลาเกิดอุบัติเหตุ ต้องหาเลือดมาให้ผู้ป่วย นั่นก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาและเสียงโวยวายของญาติ ผมเชื่อว่าหลายคนคิดว่า แค่การเลือดที่หมู่ตรงกันมันยากตรงไหน มันไม่ได้มีแค่นั้นนะครับ บางครั้งเลือดหมู่เดียวกัน ยังเข้ากันไม่ได้เลย และหมู่เลือดใช่ว่าจะมีแค่ABO นี่ครับ เลือดกรุ๊ปAเนี่ย ก็ไม่ได้มีแค่A ด้วย ยังไม่นับรวมว่าเป็นหมู่เลือกRh ไหน แล้วก็ยังมีบอมเบย์อีก อันนี้แค่ธนาคารเลือดนะครับ ยังไม่นับรวมโลหิตวิทยาที่มานับเซลล์ ดูเซลล์ วิเคราะห์ว่าเป็นเซลล์อะไร ก่อโรคอะไร ก็นะครับ เป็นคณะที่ทำงานหนัก แต่รายได้น้อย และไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ จะมาให้ความสำคัญกับพวเราก็ตอนจะฟ้องร้องเนื่องจากผู้ป่วยเสียชีวิตแบบไม่รู้สาเหตุ หรือพวกเราทำพลาดนั่นแหละครับ
เป็นคณะที่ทำงานคุ้มเงินเดือนสุด ๆ ทั้งงานหนัก ทั้งความเสี่ยงต่อเชื้อโรคที่แสนจะน่ารัก แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักพวกเราล่ะครับ วิเคราะห์โรคออกมาถูก เคยมีใครชมพวกเราที่ไหน
เอาล่ะ... ก้มหน้าก้มตาเรียนกันต่อไปครับ
"หนาว เอาไรเปล่าวะ"ปันปันที่หน้าซีด ๆ มาแต่เช้า แต่ไม่ยอมบอกอะไรกับไอ้ท่าทางเหี่ยว ๆ นั่นทักถามผม "กูจะไปโรงอาหาร เอาไรไหม"
"ไม่ล่ะ ซื้อมาแล้วเมื่อเช้า"ผมยกขนมปังขึ้นโบก แล้วก็หยิบข้าวปั้นขึ้นมาบ้าง "ส่วนอันนี้ เกดมันซื้อมาฝาก วันนี้ประหยัดตังค์ได้โข"
"เออ ๆ คาบบ่ายเจอกัน"ปันปันเดินเหี่ยวออกไปจากห้องพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ผมรอให้โล่ง ๆ ก่อนค่อยออกครับ ไม่อยากไปเบียดกับใครเขา
ผมลุกเดินไปนั่งโต๊ะหินอ่อนที่ประจำ นั่งมาตั้งแต่ปี 1 จนเขารู้กันหมดแล้วมั้งครับว่าจะหาผมเจอได้ที่ไหน แต่มีข้อยกเว้นช่วงรับน้องที่ต้องขอหายตัวไปก่อนล่ะครับ
อยู่ให้น้องเห็นหน้า มีหวังหดกันไปทุกอณู
"หนาว นึกแล้วว่าต้องอยู่นี่"เพื่อนหมอเดินมานั่งลงตรงข้ามผม ดวงตาของเมฆดูเศร้ายิ่งกว่าที่เจอคราวก่อนมากเลยครับ ถึงปากจะส่งยิ้มให้ผมอยู่ก็ตาม "ปิดไปอาทิตย์นึงได้ข่าวว่าไปถ่ายแบบชุดอีกแล้วนี่ แถมยังมีคนพ่วงไปด้วย นี่ไม่ทะเลาะกับวิศวะที่ไปถ่ายด้วยเหรอ"
"งานเป็นงานน่า เมฆ เราไม่ได้กัดกันได้ทุกวันสักหน่อย มีเถียงกันบ้าง ถกกันบ้าง แต่ช่างมันเถอะ ทำงานกันมาตั้งเป็นเดือน ถ้าตีกันทุกวันคงไม่ได้พักผ่อนน่ะ"ผมตอบกลับไปยิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของเพื่อนเอาไว้ "เมฆล่ะ เป็นไงบ้าง ดูไม่ดีเลยนะ"
"อืม... เรายังสบายดีอยู่นะ หนาว"เพื่อนสมัยเด็กผมตอบกลับมาเสียงอ่อน "นี่... หนาว... ปิดเทอมนี้เราจะบินไปอเมริกานะ..."
"จะไปหาปุ๊กเหรอ"มือของผมกุมมือเพื่อนแน่นอย่างให้กำลังใจ "เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อนนะ"
"แต่..."
"เรามีเงินพออยู่ เมฆไม่ต้องห่วงไปหรอก"ไปพอผมก็ขอบากหน้าไปยืมพี่ทิวก่อนล่ะครับ ค่อยหามาใช้คืนพี่เขา "เงินที่ได้จากการถ่ายแบบไม่ใช่น้อย ๆ เมฆก็น่าจะรู้นี่"
"หนาวจะไปกับเราจริง ๆ เหรอ"เมฆถามผมมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีซึ่งความมั่นใจ "เราอาจจะไปแล้วกลับเลยหลังจากเจอปุ๊ก... ก็ได้ ไม่คุ้มค่าเครื่องหนาวหรอก"
"เราบอกแล้วว่าเราจะเป็นที่พึ่งให้กับเมฆ"ผมย้ายตัวไปนั่งข้างเพื่อนที่จมในความเศร้า "คุ้มไม่คุ้ม เงินไม่ใช่ตัวตัดสิน แต่เป็นใจของเราต่างหาก"
"ขอบใจนะ"เมฆส่งยิ้มมาให้อย่างจริงใจ ก่อนจะเท้าคางเหม่อมองไปบนฟ้า "เรากลัว... กลัวว่าสิ่งที่เราไดิยินมามันจะเป็นจริง กลัวว่าปุ๊กจะหมดรักเราแล้วจริง ๆ นะหนาว"
"อย่าคิดมากสิเมฆ เชื่อมั่นในตัวของคนที่เมฆรักสิ"ผมยังอยากเชื่อใจของปุ๊ก ถึงรูปที่ออกมาให้เห็นพักหลังมานี้จะทำให้ผมทำใจเชื่อได้ยากก็ตามที
แต่ปุ๊ก เพื่อนผู้หญิงคนนั้นของผมที่ผมรู้จัก เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ผมยังจำได้ดี วันที่เธอกับเมฆหมั้นกัน เป็นวันที่เพื่อนทั้งสองคนของผมมีแต่รอยยิ้มแห่งความสุข
สัญญารักนั้นจะจบลงเพราะฝรั่งหัวทองตาน้ำข้าวจริง ๆ เหรอ
โลกมันจะโหดร้ายกันเกินไปไหมครับ... หรือที่เขาบอกกันว่ารักแรกมักไม่สมหวังจะเป็นความจริงกันนะ... รักแท้จะต้องแพ้ระยะทางจริง ๆ น่ะเหรอ
"เราพยายามเชื่อมาตลอดนะหนาว แต่ทุกครั้งที่เรากล่อมให้ตัวเองเชื่อมั่นได้แล้วมันก็ต้องมีอะไรบางอย่างทำให้ความเชื่อของเราเขวไป"เมฆฝืนส่งยิ้มให้ผมทั้งที่ดวงตาฉายแววหมอง โศกเศร้า "เรามันไม่ดีเลยเนอะ ไม่เชื่อใจคนที่เรารักเลย"
"ไม่เอาน่าเมฆ อย่าคิดแบบนั้นสิ"ผมใกล้จะหมดปัญญาพูดแล้วล่ะครับ หัวใจคนเปลี่ยนยาก แต่ผมไม่อยากให้ในใจของเพื่อนมืดมัวแบบนี้เลย "อย่าคิดอะไรมากเลย เมฆ อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด"
"นั่นสินะ..."มันคงทำใจรับได้ยากจริง ๆ ล่ะนะครับ กับการที่ต้องเสียคนรักไป... ไม่สิ อาจจะเสีย สำหรับเมฆที่ทุ่มเท และรักเดียวใจเดียวกับความรักครั้งนี้มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เพื่อนของผมคนนี้ยากจะยอมรับ “อะไรมันจะเกิด ก็ต้องเกิด... ชาติก่อนเราคงทำกรรมเอาไว้เยอะ เลยกลับมาสนองเราในชาตินี้ล่ะมั้ง”
ผมได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนผ่านไออุ่นจากมือที่ส่งผ่านไป เรื่องบางเรื่อง เพื่อนอย่างเราก็ได้แต่อยู่เคียงข้างนั่นล่ะครับ เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง...
“อยู่แห่งไหน นายจะมีฉันผูกพัน
จะไม่ลืมกัน...
จะไม่ลืม ไม่ลืม หากเดือนจะจาง
จะไม่มีทางให้นายได้ไกลห่าง
เราจะร่วมเดินทาง
ไปสู่ฝันด้วยกันตลอดไป”เมฆมองหน้าผมที่ร้องเพลงขึ้นมาแล้วยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก แต่ดวงตาของเพื่อนก็ยิ้มด้วยเช่นกัน “หากว่านายเจ็บ ฉันก็เจ็บ
เพื่อนเจ็บ ฉันก็เจ็บเหมือนกัน
เพื่อนต้องอยู่ด้วยกัน จะทิ้งกันได้ไง
หากวันไหนสนุก ฉันยังสุข...
เพื่อนเจ็บ ฉันก็เจ็บเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะ”ยังไง สำหรับมนุษย์เรา สิ่งที่เรียกว่ากำลังใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอล่ะนะครับ “ว่าแต่ คุณเฮดวิศวะที่อยู่ตรงนั้นเหมือนจะมีธุระที่จะคุยกับนายนะหนาว”
ผมหันไปมองทางที่เมฆมองอยู่เห็นพายุยืนกอดอกเก็กหน้าขรึมพิงเสาอยู่ไม่ไกล หมอนั่นกระตุกยิ้มบาง ๆ เมื่อพวกผมสองคนหันไปมอง
มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“ผมได้ยินว่าจะไปเมกาตอนปิดเทอม... มีที่พักกันหรือยังล่ะ”ร่างสูงเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ว่างในโต๊ะเดียวกัน “ถ้ายังไม่มีแผนว่าจะไปพักที่ไหน ไปพักที่บ้านลุงผมไหมล่ะ”
“คุณมีบ้านที่อเมริกาด้วย?”ผมมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อนัก... แต่มีคอนโดกลางกรุงได้ จะมีบ้านที่ต่างประเทศจะไปแปลกอะไร...
พูดถึงคอนโดแล้วทำให้อดนึกถึงคืนที่ไปค้างไม่ได้ เดี๋ยวนะครับ คิดอะไรกันอยู่ ไม่มีหรอกนะครับฉาก 18+ หมอนั่นบอกไม่คือไม่... แต่เป็นผมนี่แหละที่ทำ...
หยุดครับ หยุด ไม่ต้องคิดลึกกันไป ผมแค่ติดหมอนข้างเป็นนิสัยเกินไป ตื่นมาก็เลยเผลอ... ไปนอนซุกหลังหมอนั่นซะแล้ว โชคดีที่มันไม่ได้แซวผมจนพรุน
แต่ไอ้สายตาวิบวับมันน่าจิ้มตาแหกชะมัดเลยครับ
“ลุงผมแต่งงานกับสาวอเมริกัน คงไม่แปลกที่จะมีบ้านที่นั่นใช่ไหมครับ คุณเหมันต์”เดือนวิศวะส่งยิ้มยียวนมาให้ผม เกลียดชะมัด ไอ้รอยยิ้มแบบนี้ของมันเนี่ย
“ยังไงก็ขอรบกวนด้วยนะครับ”เมฆตัดบทตอบรับไปก่อนที่สงครามจะเริ่ม ผมหันไปมองหน้าเพื่อนที่ตอบรับความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรนักสำหรับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ “มองอะไรหนาว ไหน ๆ คุณพายุเขาก็ยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือแล้ว รับเอาไว้ไม่เสียหายตรงไหนนี่ ถ้าไปขอเขาว่าไปอย่าง จริงไหมครับ”
ประโยคหลังเมฆหันไปหาพายุ ซึ่งหมอนั่นก็พยักหน้ารับ พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“อีกอย่าง จะได้ประหยัดค่าที่พักของหนาวไปหน่อยไง ยังต้องจ่ายค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ใช่เหรอ”พูดซะไม่กลัวเพื่อนคนนี้จะอายบ้างเลย
“เอาไว้จะจองตั๋วเมื่อไหร่ก็มาบอกผมแล้วกันครับ เดี๋ยวผมจะช่วยจัดการให้อีกแรง”พายุมันเสนอตัวช่วยอย่างใจดีผิดคาดเหมือนกันนะครับ...
“เดี๋ยวสิครับ คุณพายุ ที่พักอยู่รัฐไหนเหรอครับ”เรื่องสำคัญที่ต้องถามก่อน ถ้าห่างไกลจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลที่ปุ๊กเรียนอยู่มากก็คงไม่ไหว จริงไหมครับ
“นิวยอร์ก เพื่อนของคุณเรียนอยู่ที่ไหนล่ะ ลมหนาว”มันถามผมกลับมา... อืม... ก็พอดีเลยนะครับ อยู่ในรัฐเดียวกัน
“คอร์เนล”
“เป็นอันว่าตกลงนะครับ”
“ครับ”ผมตอบรับไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง “ว่าแต่ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อยน่ะ”
“มีเรื่องจะคุยกับผม?”ผมทวนคำ ตั้งแต่หมดรับน้องมาเอาเข้าจริง ๆ พายุไม่เคยมีเรื่องอะไรมาพูดกับผมเลยนะครับ พูดให้ถูกคือเราไม่มีเรื่องที่จะต้องคุยกันด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับงานพิเศษที่ไปถ่ายแบบนั่นน่ะ “คุณมีอะไรจะพูดกับผม”
“วันศุกร์นี้ที่คุณยะนัดคุณกับผมไปหา ผมติดธุระไปไม่ได้ ฝากบอกและขอโทษคุณยะด้วย”ผมเลิกคิ้วมองคนติดธุระกะทันหัน อ่อ ลืมไปว่ามันไม่มีเบอร์พี่ยะนี่นะ “ถ้าพี่เขามีอะไรเร่งด่วน หรือธุระสำคัญ คุณให้เบอร์ผมกับพี่เขาได้เลย โทรมาได้ตลอด”
“โอเค เดี๋ยวผมบอกพี่เขาให้”ผมรับปากไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเป็นความรับผิดชอบของผมเองส่วนนึงด้วยที่พามันไปทำงานนี้
“แล้วอีกอย่าง.. ถ้าคุณยังไม่ลืม ถึงจะจบรับน้องแล้วแต่ยังมีงานอื่นรอเราอีกเยอะ”พายุหันมาสบตากับผม ก่อนที่เหยียดยิ้มบาง “ผมเลยอยากรู้ว่าคณะคุณมีนักกีฬาอะไรบ้าง”
“เรื่องนี้เดี๋ยวผมให้ฝ่ายกิจกรรมรวบรวมรายชื่อมาให้”
“โอเค”
“คุณจะเริ่มรวบรวมนักกีฬาเพื่อฝึกซ้อมแล้ว?”
“ใช่... ผมจะรวมคนมาฝึกซ้อมก่อน แล้วคัดเลือกอีกครั้งนึง”พายุโซนร้อนตอบรับ ก่อนที่จะอธิบายเพิ่ม “สำหรับกีฬา คุณรู้ ผมรู้ ว่าทีมคือสิ่งสำคัญ เราต้องฟอร์มทีมขึ้นมาให้ดีที่สุด ซึ่งมันต้องอาสัยเวลา”
“เช่นเดียวกันโค้ชก็สำคัญ กับเด็กปีหนึ่งที่พอจะทำงานร่วมกันมาก็อาจจะเข้ากันได้ แต่ปีอื่น ๆ ก็ยังมีขัดแย้งกันค่อนข้างมาก คุณจะทำยังไง พายุ แน่นอนว่าผมคิดว่าคุณคงรู้แก่ใจดีว่าเทคนิคเราไม่ยอมให้วิศวะอย่างพวกคุณเป็นคนเดินหมากโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากพวกเราแน่”
“เรื่องนั้นผมคงต้องให้พวกคุณส่งคนที่คิดว่าเด็กที่สุดสำหรับกีฬาประเภทต่าง ๆ มารวมกับฝั่งของผมสั้งสองคนต่อประเภท แน่นอนว่าพวกผมก็จะส่งมือหนึ่งไปเทรนด์น้องเช่นกัน”
“ก็ดี แฟร์ ๆ ภายในสัปดาห์นี้ผมจะส่งรายชื่อไปให้”
“โอเค ผมไม่ยอมให้เราแพ้คณะอื่นทั้งที่มีเพชรอยู่ในมือหรอก”พายุมันยิ้มออกมาอย่างพอใจ ไม่ใช่แค่มันที่พอใจหรอกครับ ผมเองก็เช่นกัน
“ผมไม่ยอมให้เสียชื่อหรอกน่า”ใช่ครับ ถึงไม่อยากจะพูด แต่ในมือของพวกผมและทุก ๆ คนในคณะตอนนี้ไม่ได้ถือเอาไว้เฉพาะชื่อเสียงของเทคนิคการแพทย์ แต่รวมไปถึงวิศวกรรมศาสตร์ด้วย ที่ผ่านมาเราทำได้ดี และมาตรฐานต้องไม่ตกลง “งานนี้พวกเราต้องร่วมมือกันทำงานให้สำเร็จลุล่วง... หวังว่าจะไม่ตีกันตายไปข้างก่อนล่ะนะครับ”
“ก็ดี งานที่ต้องทำร่วมกัน ผมก็หวังว่าเราจะร่วมมือกันอย่างดี ให้สมกับที่เป็นที่จับตามอง”ดวงตาคมหรี่ลงมองผม ก่อนที่ไอ้รอยยิ้มกวน ๆ จะมาหาอีกรอบ “ส่วนงานที่ไม่ได้ทำร่วมกัน แน่นอนว่าผมไม่ยอมแพ้คุณแน่”
“หึ”ผมทำเสียงขึ้นจมูก “คุณนอนฝันไปก่อนเถอะ”
“เช่นกัน อย่าลืมล้างก้นรอผมนะ... ที่รัก”มันขยิบตาให้ผมแล้วเดินหันหลังกลับไป ใครที่รักมันครับ ให้ตายเหอะ “แล้วเจอกันนะครับ”
“น่ารักดีนะ นายกับคุณพายุน่ะ”เมฆที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมอย่างเงียบ ๆ มาตลอดเอ่ยขึ้นเรียกความขนลุกจากผมเบา ๆ
“ตรงไหนกันเมฆ”
“คุยกันสองคนเหมือนโลกนี้มีแต่สองเราไม่พอ ยังต่อปากต่อคำกันอย่างกับคู่รักแน่ะ”ผมทำหน้าแหย ๆ ให้เพื่อน ขณะเดียวกันแก้มทั้งสองข้างก็รู้สึกร้อนขึ้นมาแปลก ๆ “บทจะร่วมมือกันก็ดูแข็งขันดี พอถึงตรงที่ไม่ได้ทำด้วยกัน นายก็เถียงเขาไปเหมือนแฟนกำลังงอนกันเลย”
“พูดอะไรน่าขนลุกน่า เมฆ”ผมเอามือถูแขนรัว พลังจินตนาการของเพื่อนผมนี่ล้ำเลิศชะมัด
“เอ้า จริง ๆ นะ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวพวกนายมันเป็นอย่างนั้นนี่”เมฆยังคงยืนยันความคิดตัวเอง “นายมองไม่รู้เหรอว่าคุณพายุเขาสนใจนาย”
“ก็เรื่องปกติ พวกเราเป็นคู่กันกัดมาตั้งแต่ปีหนึ่ง มันจะสนใจเราไม่ใช่เหรอ”
“เฮ้อ... หนาวนี่น้า เรื่องอื่นน่ะเก่งจริง ที่เรื่องแบบนี้มองไม่เคยจะออก”เมฆส่ายหน้าน้อย ๆแล้วยิ้มขำ “น่ะ เดี๋ยวก็รู้ตัวเองแหละ”
“โถ่”ผมส่ายหัวให้เพื่อนบ้าง เอาเถอะ อยากคิดยังไงก็คิดไปครับ สำหรับผมแล้ว... ถ้าเมฆคิดแบบนั้นแล้วทำให้เมฆยิ้มได้ ผมก็โอเค
“เดี๋ยวเราไปซีร็อกส์ชีทเรียนละ กินข้าวให้อร่อยนะหนาว แล้วเจอกัน”
“อื้อ เจอกัน”
เมฆลุกขึ้นจากโต๊ะไปพร้อมหอบของไปด้วย สีหน้าของเจ้าตัวยังดูยิ้ม ๆ ไม่หม่อนหมองเหมือนตอนแรก ซึ่งนับว่าดีครับ ดีมาก ๆ เลยด้วย
ผมนั่งกินข้าวปั้นที่น้องเทคซื้อมาให้ไปก็อดที่จะคิดอะไรไม่ได้...
ไม่รู้ว่าตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกับปันปันนะครับ เจ้าตัวดูเพลีย ๆ แปลก ๆ ไม่พอ ช่วงก่อนเปิดเทอม ผมไปนอนค้างห้องมันหลังจากที่มันกลับมาเพื่อทำงานคู่ที่อาจารย์สั่ง (ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์...) ผมได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ดึก ๆ บางทีก็เห็นสีหน้าเครียด ๆ ด้วย
พี่คิสแกก็รู้สึกจะวนเวียนมาน้อยลงกว่าเมื่อก่อนหน้า แต่ก็ไม่ได้หายหน้าหายตาไปซะทีเดียว... ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มพี่เขาดูเจ้าเล่ห์ขึ้นกว่าเดิมแบบแปลก ๆ
ระหว่างสองคนนี้ตอนไปเที่ยวด้วยกันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ... หรือว่าเกิดตอนนี้กันนะ
ยังไม่นับรวมหลานเทคผมที่ดูจะเหม่อ ๆ ให้ลูกบาสอัดท้อง อัดหน้าเป็นระยะ จนจะหมดราศีเดือนมหาลัยอยู่รอมร่อ สีหน้าดูเหม่อลอยบ้าง กลุ้มใจบ้าง ใกล้จะเหมือนคนบ้าเข้าทุกที อยากถามแต่ไม่รู้ว่าจะหาว่าละลาบละล้วงไปไหม พอถามเกดมัน มันก็ยิ้มเย็น ๆ หัวเราะหึหึ ก่อนจะตอบมาสั้น ๆ ว่า เรื่องของหัวใจ... โดยมีน้องป๊อปเสริมมาอีกว่า ที่คนโง่ไม่รู้
ผมนี่... รู้สึกตัวเองโง่ขึ้นมาพิกล ๆ เลยครับ
ยังมีพี่ทิวอีกที่อยู่ ๆ ก็ชอบมองโทรศัพท์มาขึ้นด้วยในระยะนี้มองแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว
เอาเถอะ... ถือว่าเป็นสีสันในชีวิตของแต่ละคนไป ผมมองอยู่เงียบ ๆ แล้วเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าครับ
สวัสดี ตำราเรียน!
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
มาต่อตอนใหม่แล้วค้า พักพี่ทิวไว้ก่อน (ไว้จัดเต็มตอนหน้า) นะคะ ^^ มาหาคู่หลักสุดที่รักของทุกคนก่อน 5555
สัปดาห์หน้าคนเขียนสอบมิดเทอมค่ะ อาจจะไม่ได้มาอัพนะคะ
พบกันสัปดาห์ถัดไปค้า
ปล. ตอนหน้ายาวค่ะ ตอนนี้สันไปหน่อย 5555
ปล.2 ขอฝากแบบฟอร์มสำรวจความสนใจในการรวมเล่มEGvsMT ไว้หน่อยนะคะ
http://goo.gl/forms/vcoaPrVpIJ ขอบคุณค่ะ