‘
‘
‘
เฮือก!ผมลืมตาโพลง สะดุ้งตัวลุกขึ้นพรวดจนรู้สึกวูบจนต้องหลับตาลงเพื่อปรับสภาพ พอลืมตาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสีขาว หลังมือขาวเจ็บจี๊ดจากการรั้งของสายอะไรสักอย่างไว้
โรงพยาบาล?
ผมมองไปรอบๆอย่างงุนงง ก่อนสติจะกลับมาพร้อมภาพและสัมผัสอันน่าขยะแขยง
“ฮึก...” อาการเจ็บที่บั้นท้ายทำให้น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมกอดตัวเองไว้ จิกเล็บลงกับต้นแขนจนเจ็บปวด...นี่คือเรื่องจริง
ตัวผมที่...สกปรกไปแล้ว
เสียงเปิดประตูไม่ได้อยู่ในโซนประสาทของผมที่กำลังแหลกสลาย เสียงร้องแสะแรงเขย่าตัวไม่ได้ทำให้ผมหายจากการทำร้ายตัวเอง
“คีริน!”
แต่เสียงตวาดคุ้นหูนั่นทำให้ผมได้สติขึ้นมา
“คีริน! ริน! มึงมองกู!”
“เม...ฆา” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยสียงแห้งผาก บุคคลตรงหน้าคือคนที่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอมากที่สุด
“ไม่...เมฆอย่าจับเรา...เราไม่.. เมฆ!” ผมขยับตัวหนีคนตรงหน้า ดิ้นหลบฝ่ามือที่จะเข้ามาจำจบสายน้ำเกลือหลุด
หมับ!
“ริน ใจเย็น” เมฆารวบผมไว้ในอ้อมกอด สัมผัสเบาๆที่ลูบแผ่นหลังและความอบอุ่นจากอีกคนไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้น แต่กลับกัน ผมรู้สึกขยะแขยงตัวเองมากกว่าเดิมเมื่อเมฆายังคงทำเหมือนทะนุถนอมผม
ปึก! ปึก!
ผมทุบลงกับหลังอีกคนเมื่อหลีกหนีอ้อมกอดอุ่นไม่ได้ ยิ่งคำปลอบของเมฆาที่ข้างใบหูทำให้ผมร้องไห้หนักมากขึ้น
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
“ฮึก...”
“ฟังนะ มึงไม่ได้โดนทำอะไร กูไปช่วยทัน”
“.....”
“เงียบครับคนดี ชู่ว” มือใหญ่ของเมฆาลูบลงกับศีรษะผมเบาๆพร้อมกับคำพูดนั่น เสียงทุ้มนุ่มที่ไม่เคยได้ยินดังขึ้นซ้ำๆจนผมหยุดสะอื้นไห้
“จริงหรอ ที่ไปช่วยเราทะ..” สัมผัสแผ่วเบาแตะลงมาที่ริมฝีปากแทนคำตอบ เมฆาขบเม้มปากผมราวกับมันเป็นขนมหวาน ผละออกแล้วจูบลงมา เมฆาทำอย่างนั้นซ้ำๆจนผมรู้สึกว่า...หน้าร้อนจัด
“จริงสิ ขึ้นอยู่กับรินว่าพร้อมฟังหรือเปล่า” เมฆาว่าก่อนกัดลงกับปากล่างผมอีกครั้งแล้วผละออกห่าง
“ฟัง...”
เมฆายกยิ้มขึ้นมุมปาก “รู้ตัวไหมว่าสลบไปสองวัน” ผมส่ายหัวรัว “วันนั้นที่มึงกลับไปก่อน กูก็ตามมึงไปจนรู้ว่ามึงกลับบ้าน แต่กูก็อยู่แถวๆนั้นแหละ พยายามโทรหามึงแต่มึงไม่ยอมรับสาย จนหกโมงกว่าๆป๊ากูโทรมาเลยละสายตาจากบ้านมึงไปคุยกับป๊า แต่พอได้ยินเสียงมึงร้องกูเลยวิ่งไปตามเสียงมึงไป อย่างแรกที่กูเห็นคือมึงนอนตัวเปล่าอยู่กับพื้น ไอ้เวรพวกนั้นคนนึงกำลังใช้นิ้วกับ..”
เมฆาขบกรามนานจนขึ้นสัน
“กูเลยกระโจนไปกลางวงพวกมันแล้วกระชากตัวมึงออกมา โชคดีที่ป๊าที่ยังไม่วายสาย พอได้ยินเสียงตะโกนกูก็คิดว่าคงมีเรื่องเลยส่งลูกน้องมาหา กูเลยปล่อยให้พวกนั้นจัดการแล้วพามึงมาโรงบาลก่อน”
“แล้วคีรี...” ผมว่าเสียงสั่น ยกมือกอบกุมเสื้อของอีกคนที่กอดไว้จนยับ
ดีแค่ไหนที่เมฆาอยู่ใกล้ๆ
“...กูไม่รู้ มันหนีไปก่อนกูจะเข้าไปหามึง” เมฆารวบตัวผมเข้าไปกอด “หลังจากนี้ไปอยู่กับกูนะ ป๊ากูก็ไม่ได้ห้าม”
ผมผละออกทันที่ได้ยินประโยคหลัง จ้องมองเมฆาด้วยความไม่เข้าใจ “...ทำไม”
“กูรักมึง” คำพูดนั้น...น้ำเสียงหนักแน่นของเมฆาทำให้ผมร้อนวูบไปทั้งตัวจนต้องหลบหน้า
“แต่...”
“กูรู้ว่ามึงก็รักกูคีริน กูรู้ตั้งนานแล้ว” เมฆาล็อกหน้าผมให้หันไปมอง “มึงไม่อยากให้กูรู้ว่ามึงคิดยังไงกับกู กูก็ทำเป็นไม่รู้ ไหนจะกฎบ้าๆที่มึงตั้งเพื่อปิดกั้นตัวเอง ทั้งๆที่มึงและกูทำผิดกฎนั้น”
“เมฆ...” นับน์ตาสีเข้มวูบไหวเมื่อผมมอง
“เรารักกันไม่ใช่หรอคีริน กูขอโทษที่ปล่อยมึงไปวันนั้น ยกโทษให้กูได้ไหม...” เมฆารวบผมไปกอดอีกครั้ง แผ่นอกที่แนบชิดกันจนรู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวของเมฆา...เป็นจังหวะเดียวกับผม
“ฮึก...” น้ำตาที่แห้งเหือดของผมไหลออกมาอีกครั้ง
“เรา...เรารักเมฆ รัก..ฮึก” ผมปล่อยโฮกับไหล่เมฆา พูดคำเดิมวนไปซ้ำๆจนอีกคนหัวเราะหึ
“กูรู้แล้ว รักมึงเหมือนกัน แต่ตอนนี้เงียบเถอะคีริน แม่งร้องยังกับเด็กโดนแย่งของเล่น ตาบวมหมดแล้ว” เสียงหัวเราะหึและเสียงปลอบกลั้นขำทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาตาม
“กูอยู่ตรงนี้นะ จะไม่หายไปไหนแล้วนะ” เมฆาว่า นิ้วมือปาดคราบน้ำตาที่ติดอยู่ออกใก้ผม ก่อนใบหน้าของเมฆาจนเคลื่อนเข้ามาใกล้
จนกระทั่งริมฝีปากแตะกันอีกครั้ง
“เมฆ รินฟื้นหรือยะ...” เสียงชะงักของผู้ที่เข้ามาใหม่ทำให้เราผละจากกันทันที... ป๊าของเมฆา
“ป๊ามาไมวะ แม่ง” เมฆาเหวี่ยงใส่ผู้เป็นพ่อ
ของแรร์แฮะ...เมฆโหมดเหวี่ยง
“อ้าว นั่นสะใภ้ป๊าจะไม่ให้มาเยี่ยมหรือไร” ป๊าของเมฆา..ชายวัยสี่สิบปลายๆที่ยังดูหล่อเหล่าเอ่ยขึ้นเรียบๆ สะใภ้อะไรกัน!
“นี่เมียผมป่ะป๊า รินฟื้นแล้ว รู้แล้วป๊ากลับไปได้ยัง?”
“นี่ไล่ป๊า?”
“เออ ไปดิ ไป๊”
ผมมองสองพ่อลูกที่เถียงกันด้วยใบหน้าแดงก่ำ สะใภ้บ้างละ เมียบ้างละ ถามผมสักคำยังว่าจะเอาตำแหน่งพวกนี้ไหม!!
คำตอบคือเอา...
“ฟื้นแล้วก็ดี ป๊ามีเรื่องจะคุยด้วย” ป๊าหันมาหาผม “ป๊าไปคุยกับพ่อรินแล้ว เรื่องของรินไปอยู่ในความดูแลของป๊าและเขายอม”
ผมกลืนน้ำลายอึก
“แล้วเรื่องพี่ของริน...” ป๊าเงียบเสียงไปเมื่อเจอสายตาของเมฆา คีรีทำไม?
“คีรีทำไมครับป๊า” ผมถามชายสูงวัย
“อ่า..เรายังตามหาเขาไม่เจอ พอออกจากโรงบาลแล้วกลับบ้านเรานะริน ป๊ายินดีรับเราเป็นลูกอีกคน” ว่าจนป๊าก็ก็ก้มมาหอมแก้มผมเบาๆอย่างเอ็นดู เมฆาโวยวายดังลั่นพอๆกับเสียงหัวเราะของป๊า ก่อนที่คนแก่จะโดนเมฆาโยนออกจากห้องผู้ป่วยอย่างไม่ปราณี...
นั่นป๊าตัวเองป่ะเมฆา....
“ริน! ยอมให้ป๊าหอมง่ายๆได้ไง!” เมฆาว่า ยกมือขึ้นถูแก้มข้างที่โดนป๊าหอมจนเจ็บ ก่อนเจ้าตัวจะหอมลงมาย้ำๆจนผมต้องบอกให้พอ
ทันทีที่เมฆาหยุด ผมและเขาก็มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ
“รักรินนะ” เสียงกระซิบข้างหูทำให้ผมหน้าขึ้นสี เมฆาปีนขึ้นเตียงผู้ป่วยมาคร่อมตัวผมไว้ ดึงสายรัดของเสื้อโรงพยาบาลออกจนหมด ก่อนจะจูบลงกับซอกคอขบเม้มจนขึ้นสีแดงเรือ
“รัก..” เมฆาทำให้เกิดรอยแดงทุกที่ที่ริมฝีปากลากผ่าน กางเกงผู้ป่วยที่ไร้ชั้นในถูกดึงออกอย่างเบามือจนผมเย็นวาบเพราะไม่มีอะไรปกปิดส่วนล่าง
เมฆายกยิ้มเมื่อเห็นผมเอื้อมมือปิดส่วนนั้น เขาใช้ร่างกายที่ใหญ่กว่าผมแทรกเข้ามาหว่างขา รวบข้อมือผมไว้ด้วยกันยึดไว้หัวเตียงด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างบีบเฟ้นไปทั่วลำตัวผม
“อื้อ..อืม” ผมครางในลำรอเมื่อเมฆาจูบ... ลิ้นร้อนไล้ทั่วริมฝีปากจนผมยอมเปิดปากให้ลิ้นซนนั่นเข้ามาหยอกเย้าทั่วโพรงปาก
...จูบแรกของพวกเรา...
“แฮ่ก..” ผมหอมเมื่อเมฆาผละออก หายใจได้ไม่ทันไรคนขี้แกล้งก็จูบลงมาอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าเดิม
“อื๊อ!”
“แค่นี้เหนื่อยหรอเมีย” เมฆายออมหยุดจูบเพราะผมประท้วง แววตาพราวระยิบนั่นทำให้ผมไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่
“ก็จูบแรก! พอใจเมฆายัง!” ผมว่าเสียงดัง เมฆาหัวเราะขำก่อนก้มจูบผมแรงๆอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะแทนที่ด้วยการสอดนิ้วเข้ามาในปากผม
เมื่อเมฆาเห็นว่าทุกอย่างพร้อม เขาก็จัดการให้สะโพกผมขึ้นไปอยู่กับหน้าขาเขา ก่อนจะส่งนิ้วที่ชุ่มด้วยน้ำลายไปที่ช่องทางด้วยหลัง
“ไม่! อย่าทำ...อย่า!”
ผมหวีดร้องด้วยความกลัวเมื่อนิ้วของเมฆากดเข้ามา ความกลัวที่ทับซ้อนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...
เมฆาชะงักเมื่อเห็นผมน้ำตาไหล เขาถอนนิ้วออกมาแล้วจูบปลอบประโลม เมฆาที่ผละออกจากตัวผมไปแล้วทำให้สติผมคืนมา
คนตรงหน้าคือเมฆา...คนที่ผมรัก ไม่ใช่ไอ้พวกนั้น
“เมฆ...เราไม่เป็นไร” ผมว่าเสียงแผ่ว “นะเมฆา”
เขายังเงียบ...
“เม...อ๊า!” ไม่ทันได้เรียกอีกฝ่าย เมฆาก็จับผมพลิกคว่ำให้สะโพกโก่งขึ้น ก่อนความรู้สึกชื้นแฉะจะเข้าแทรกจนเสียววูบตรงท้องน้อย
เมฆาใช้ปากกับตรงนั้นของผม!
“เมฆ มันสกปร...อ๊า!” ผมครางออกมาเมื่อเมฆาสอดนิ้วเข้ามาอีกครั้ง ความแปลกประหลาดนั่นแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน
นิ้วที่ควงอยู่ภายในเพิ่มขึ้นจากสองเป็นสาม...เมฆาจัดการขยายช่องทางจนพร้อมที่จะรับตัวตนของอีกฝ่ายได้
“รินไม่สกปรกหรอน่า” เมฆาที่ปากว่างแล้วพูดขึ้น ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ถูไถกับช่องทางอยู่ “พร้อมไหม”
“อ๊า ลึก...ไป!” ไม่รอคำตอบ เมฆาก็กระแทกตัวลงมาครั้งเดียวจนสุด ความใหญ่โตของเมฆาที่ไม่ยอมขยับสักทีทำให้รู้สึกอึดอัดและเจ็บปวด
“โทษที” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมา ก่อนเมฆาจะค่อยขยับจนผมตัวโยกไปตามแรงส่ง
“เม..ฆา ช้าลง ช้าอีก อืมมม” ช่วงบนผมราบไปกับที่นอน มีแค่สะโพกที่ยกขึ้นเพราะถูกเมฆายึดเอาไว้ แรงกระแทกในแต่ละครั้งทำให้ผมหลุดครางออกมาลั่น
“อืม..อย่ารัดแน่นสิริน” เมฆาครางต่ำ ก่อนจะพลิกตัวผมโดยที่อะไรๆยังเชื่อมกันอีกแล้ว!
“อ๊า!” ผมหวีดร้องออกมาพร้อมๆกับน้ำสีขุ่นที่ปลดปล่อยจนเปื้อนหน้าท้อง เมฆาทำหน้ายิ้มถูกใจที่ทำให้ผมถึงได้
“ไม่รออีกแล้วนะเมีย” เจ้าของเสียงก้มลงมาจูบกั้นเสียงผม ถอนตัวตนออกจนสุดแล้วกดกระแทกลงมาจนผมเผลอกัดลิ้นเมฆา
คนตัวสูงตาวาวเหมือนได้ของเล่นถูกใจ เมฆาถอนตัวออกจาผมโล่ง จับผมยกตัวให้ขึ้นมาบนตักอย่างงงๆ
“เมฆ...” ผมเรียกอีกฝ่ายแผ่วเบา
“ครับเมีย... อยากได้ก็ทำเองสิ” คนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มเมื่อเห็นผมเหลอหลากับตำแหน่งตอนนี้
ออนท็อป...
“ไม่..เป็น” ผมส่ายหัวจนผมกระเซิง ตั้งแต่มีอะไรกับเมฆามา ผมปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนคุมจังหวะทุกอย่างไม่เคยที่จะเป็นฝ่ายคุมเอง..
“นั่งลงมา จับไว้ให้แล้วนี่ไง” เมฆาว่าเสียงอ่อนโยน สวนกับการกระทำ แท่งร้อนถูกสะกิดกับปากทางเข้ากระแทกกับมันเบาๆแต่ไม่ใส่เข้าไปราวกับยั่วยวน
ผมมองค้อนใส่อีกคนก่อนกลั้นใจกดตัวรับแก่นกายใหญ่ ไม่มีปัญหาเรื่อความฝืดเคืองเพราะเมฆา...
“อืมม...” ผมครางแผ่วเมื่อกดตัวครอบครองตัวตนที่ร้องผ่าวของเมฆาสุด ก่อนจะจุกช่องท้องเพราะท่านี้มันลึกกว่าปกติมาก!
“ขยับสิ ตามใจรินเลย” ผมทำตามเมฆาอย่างว่าง่ายแต่เงอะงัน จังหวะที่ไม่ประสีทำให้เมฆาน่าจะหงุดหงิดพอตัวจนต้องเป็นฝ่ายชักนำ
“อ๊า อ๊ะ เมฆ...” ครางชื่อคนตรงหน้าออกมาเมื่อเมฆากระทุ้งตัวสวนขึ้นตอนที่ผมกำลังขยับลง
ลึกเกินไปแล้ว!
ผมซุกตัวลงกับไหล่เมฆาเมื่อหมดแรงที่จะยกตัวอีก เมฆาหัวเราออกมาน้อยๆก่อนจะยกสะโพกผมให้ค้างในอากาศ ก่อนกระแทกกระทั้นตัวขึ้นมาเต็มแรง
“เม อ๊า! เมฆา ลึก! อื๊อ” ผมปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สองเมื่อเมฆากระทุ้งตัวเข้ากับจุดกระสันซ้ำๆ ก่อนหลังผมจะลงติดกับเตียงอีกครั้ง
“ไม่รอกูเลยนะริน” ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้ามาจูบผมเบาๆ เมฆาขยับตัวอย่างเชื่องช้าแบบที่ผมไม่เคยได้รับ ความอ่อนโยนในจังหวะเนิบช้าไม่รีบเร่งทำให้เมฆาได้สนุกกับส่วนอื่นของผมไปด้วย
เช่นริมฝีปากที่คลอเคลีย ฝ่ามือที่เค้นคลึงหยอกล้อ
“อีกนิดนะ” เมฆากระซิบติดหู งับใบหูเบาๆแล้วซุกหน้ากับซอกคอชื้นเหงื่อ
ผมโอบกอดเมฆาเหมือนที่เจ้าตัวกำลังมอบความอบอุ่นให้ผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจิกเล็บลงกับแผ่นหลังเมื่อเมฆาเร่งตัวเองเพราะใกล้ถึงจุดหมาย
“ริน...อืม รักริน” เสียงทุ้มเอ่ยกล่าว มือข้างหนึ่งละจากการยึดสะโพกเอื้อมมาประสานมือผมแน่น
“เราก็ อ๊ะ รักเมฆ” ผมตอบคำรักให้อีกคนได้ยิน เมฆาส่งยิ้มที่ผมคิดว่ามันอบอุ่นและอ่อนโยนให้ผม กระแทกตัวมาอีกไม่กี่ครั้งก่อนจะปล่อยความอุ่นวาบเข้ามาภายใน พร้อมๆกับผมที่เสร็จเป็นครั้งที่สาม
“แฮ่ก...เหนื่อย” ผมว่า ขยับตัวหมายจะให้เมฆาลุกออกไปได้แล้ว แต่เมฆากลับทำแค่ลุก แล้วขยับตัวตนที่ยังไม่ถอนออกเบาๆคนผมหวีดร้อง
“แกล้งสะใภ้ป๊าพอหรือยัง” ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงของบุคคลที่สามภายในห้อง
“ป่ะ...ป๊า” ผมเสียงสั่น เมฆาจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ แล้วคว้าผ้าห่มมาปิดผมทั้งตัวแต่ยังไม่ยอมลุกออกไปไหน “เมฆา!”
“ป๊ามีไร” เมฆาถามเมินเสียงผมแล้วถามอีกคนเสียงห้วน คนเป็นพ่อทำแค่ยิ้มๆแล้วส่งสายตาสงสารมาให้ผม “ป๊า มี อะ ไร”
“โอเคๆอย่าทำเสียงดุใส่ป๊าสิ นี่ป๊าแกนะ” ป๊ายกมือยอมแพ้ “แค่จะมาบอกหนูรินว่าป๊าขนของออกไปไว้ที่บ้านหมดแล้ว ส่วนหมอบอกว่าพรุ่งนี้เช้าก็กลับได้เลย”
“บอกแล้วก็ออกไป ผมจะเอาเมียต่อ” ไม่พูดเปล่า เมฆาก็กระแทกตัวตนที่แข็งขึ้นมาอีกครั้งเข้ามาแรงๆจนผมหวีดร้อง
ต่อหน้าป๊าไม่ได้นะเมฆ!
“ก็เอาไปดิป๊าขี้เกียจขับรถกลับบ้าน ไม่ต้องสนป๊านะหนูริน” ป๊าว่าหน้าระรืน ปิดไฟในห้องจนมืดสนิทแล้วทิ้งตัวลงกับโซฟา
เมฆายกยิ้มร้ายให้ผมที่ส่ายหน้าห้าม แต่คนขี้แกล้งก็ยังเป็นคนขี้แกล้งที่รวบมือผมไว้เหนือหัวแล้วกระแทกตัวมาแรงๆเพื่อร่วมรักอีกครั้ง…
“อ๊าเมฆ! ป๊า...ยังอยู่ อึก”
“ช่างป๊าสิ”
“เมฆา! มันลึก อ๊า”
“อืม...รัดอย่างนั้นแหละริน ดีครับ”
“อึก...เมฆา!!”
“อ่า...”
สุดท้ายควาหน้าด้านหน้าทนของเมฆา...ก็ทำให้ผมเสร็จอีกรอบจนได้ โดยมีป๊าเป็นพยาน...
ต่อไปนี้จะให้เรามองหน้าป๊ายังไงฮะเมฆา!
.
.
.
“หนูรินเป็นไงบ้าง” เสียงผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชาย เมื่อเช้าเขาทั้งคู่พาคีรินออกจากโรงพยาบาลกลับมาที่บ้าน ตอนแรกเขาก็จัดห้องให้หนูรินดีๆ แต่ลูกชายสุดดื้อของเขากลับงอแงว่าจะเอาเมียไปนอนด้วย ในฐานะป๊าที่แสนดีก็ต้องให้ล่ะนะ ผลคือแทนที่หนูรินจะได้พัก เลยต้องขนของจากห้องนู้นมาห้องเมฆาจนหมด ก่อนจะสลบไปต่อหน้าต่อตาพวกเราจนเมฆาอุ้มไปประเดิมห้องนอน
“นอนอยู่ แล้วเรื่อง...คีรี” เมฆาเอ่ยเสียงแข็ง ตาสีเข้มฉายแววแข็งกร้าวราวกับบุคคลที่พูดถึงยืนอยู่ตรงหน้า
“โกดังเรา แกจะเล่นไรก็เพลาๆมือแล้วกัน อย่างน้อยนั่นก็พี่ชายของหนูรินนะ” ป๊าเอ่ยห้ามส่งๆ เขารู้ว่าลูกชายเขาเลือดร้อยแค่ไหน แต่กลับเย็นได้เพราะมาเจอเด็กดีอย่างริน
“พี่เหี้ยๆอย่างนั้นควรเพลาหรือป๊า หึ วางยาน้องชายให้คนอื่นข่มขืน” เมฆายิ้มแสยะ ก่อนยื่นหน้าไปใกล้ผู้เป็นพ่อ “ลูกน้องพ่อ..รวมทั้งคนของผม เอาไปที่โกดังนั่นให้หมด ผมรู้ว่าป๊าเข้าใจความหมายนะ”
ชายสูงวัยไม่ได้พูดอะไรต่อ มีเพียงรอยยิ้มต้นแบบของเมฆาที่ประดับมุมปากเท่านั้น
“และอย่าให้คีรินรู้”
สองพ่อลูกพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนเสียงหัวเราะสยองขวัญของทั้งคู่จะดังไปทั้งห้อง
คนนึงหลงเมีย อีกคนก็หลงลูกสะใภ้
ก็พอกันทั้งคู่ล่ะ...
“เมฆา...” เสียงเรียกเบาๆทำให้เมฆาหันไปมองตามเสียง ก่อนหุนหันออกไปจากห้อง
“ริน กูอยู่นี่”
ผู้เป็นพ่อมองตามภาพนั้นแล้วส่ายหัวออกมาเบาๆ
“สงสัยต้องจัดงานแต่งแล้วมั้งคู่นี้”
=======================
-End-
=======================
เรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งระบายความเครียดค่ะ...ถูกที่บ้านกดดันจนไม่รู้จะไปลงไหนเลยมาเป็นเรื่อง... ภาษาเลยอาจจะแปลกไปหน่อยรวมทั้งฉากเอ็นซียังง่อนแง่น ///ขนาดที่ว่าเกลามาแล้วสองสามครั้งเรายังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี แฮ่ๆ
ส่วนชื่อเรื่องมาจากช่วงแรกที่คีรินบิดบังความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเมฆา กับเรื่องที่เมฆาและป๊าปิดคีรินไว้ค่ะ---