ตอนที่ ๕ ภาพนายเหมืองหนุ่มและสองแสบปั่นจักรยานใช่ว่าจะหาดูได้ง่ายๆ เนื่องเพราะคนเป็นพ่อนั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน ห่างหายภาพครอบครัวกับเจ้าลูกชายสองแสบไปนานแล้ว ยิ่งวันนี้บนจักรยานคันใหญ่ของนายเหมืองไม่ได้มีแค่คนปั่น กลับมีใครอีกคนนั่งห่อตัวเก็บแขนเก็บขาอยู่หน้ารถนายเหมืองด้วย ยิ่งเป็นจุดเด่นไปกันใหญ่ นายเหมืองสิงห์อาศัยการปั่นจักรยานหนนี้ตรวจงานในแต่ละโซนเสียเลย ครูบัวจึงพลอยได้อานิสงส์โดนแนะนำตัวและได้ความรู้ในการทำงานภายในเหมืองแบบละเอียดยิบไปด้วย
บัวยอมรับว่าหลายครั้งชายหนุ่มก็ใส่ใจเขาอยู่พอสมควร นายเหมืองจะคอยหันมองหาบัวทุกครั้งเวลาที่บัวไม่เดินตามเพราะหยุดยืนดูอะไรบางอย่างภายในโรงงาน ก่อนจะเข้ามาทำเป็นพูดเปรยอธิบายว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำงานยังไง เวลาปั่นจักรยานชายหนุ่มก็จะคอยหลบเลี่ยงบริเวณหลุมบ่อหาทางเรียบๆปั่นเอา ส่วนบัวก็คอยนั่งจับแฮนด์รถตรงกลางพยายามทรงตัวไม่เทน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อลดภาระของคนปั่นให้น้อยที่สุด อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน จู่ๆชายหนุ่มก็หยุดรถจักรยานกลางทางในขณะที่สองแสบปั่นนำหน้าไปเสียไกล เพียงเพราะชายหนุ่มต้องการถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกเอามาคลุมแขนให้เขากันแดดเผา เพราะส่วนที่พวกเขาปั่นผ่านมาตอนนี้เป็นบริเวณดินแดงที่เป็นโซนระเบิดดิน แต่ตอนนี้ที่ปั่นเข้ามาชมได้เป็นเพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก นายเหมืองหนุ่มจึงสั่งให้หยุดทำงานเพื่อซ่อมแซมและตรวจเครื่องจักรว่ามีอะไรเสียหายบ้างหรือไม่ แม้ว่าการทำเหมืองสุตนันท์นั้นจะถูกต้องตามมาตรฐานทุกอย่าง แต่ในฤดูที่อะไรก็ไว้ใจไม่ได้อย่างนี้นายเหมืองสิงห์ก็ไม่อยากพลาด เกิดเครื่องจักรไฟช็อตขึ้นมาคงไม่สนุกแน่
“ขอบคุณครับ...” บัวบอกขอบคุณ ก่อนจะถามอีกฝ่ายต่อว่า “แล้วคุณไม่ร้อนเหรอครับ ผมไม่เป็นไรหรอกคุณ...”
“คุณใส่ไว้เถอะ ผมไม่อยากให้คุณกลับไปที่บ้านแล้วป้าพุดตกใจด่าผม หาว่าผมพาครูบัวของแกมาทรมานกลางแจ้ง ให้ผิวสวยๆของครูบัวของแกต้องเกรียมแดด” คนปั่นจักรยานส่งเสียงพูดมาจากเหนือหัวเขา บัวเงยมองคนพูดเล็กน้อยแล้วก็กลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิม แอบเผลอยกมือจับแก้มตัวเองที่รู้สึกว่ามันร้อนผ่าวแปลกๆหลังได้ยินประโยคบ่งบอกความเป็นห่วงข้างต้น
...จะแก้มร้อนทำไมเนี่ยบัว เขาก็บอกอยู่ว่าให้เสื้อเพราะกลัวโดนด่า ไม่ได้จะอะไรกับเรามากมายเสียหน่อย...เด็กหนุ่มคิดแล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่ก้มลงมองเสื้อของชายหนุ่มที่คลุมอยู่บนแขน มันชื้นเหงื่อของชายหนุ่มเล็กน้อย ทว่าบัวกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยซักนิด บัวเสสายตาจากเสื้อที่คลุมแขนหันมองไปข้างหน้า เห็นสองแสบปั่นจักรยานเลี้ยวกลับมาหาพวกเขา ก่อนจะเลี้ยวโค้งกลับมาปั่นคู่ขนานเขากับนายเหมืองสิงห์ซ้ายขวา ลักษณะคล้ายก้อนแซนวิชอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งภาพนั้นก็ทำเอาคนงานเหมืองหลายคนที่ทั้งสี่ปั่นผ่านอมยิ้มกันเป็นแถวๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“อ้าว...กลับกันมาแล้วเหรอคะ แหม กลับกันมาซะเย็นเชียว” พุดฤทัยที่ยืนชะแง้คอยอยู่หน้าบ้านยิ้มยินดีพร้อมเดินมาต้อนรับทั้งสี่กลับบ้าน สองแสบมีอาการเมื่อยแขนเมื่อยขาพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ ออกปากบ่นพ่อว่าที่พวกตนสองคนกลับเย็นย่ำค่ำมืดขนาดนี้ก็เพราะพ่อนั่นแหละ ที่มัวแต่พาครูบัวตะลอนเที่ยว แถมไม่ใช่แค่พาเที่ยวในเหมืองเท่านั้น พ่อเขายังอุตส่าห์พาไปวนที่ตลาด พาครูบัวเดินซื้อนู่นซื้อนี่ด้วยตัวเองอีก แถมยังเอาแต่ตามใจครูบัว เขาสองคนอยากได้การ์ดยูกิพ่อก็ไม่ยอมให้ซื้อ...
“อ๋อ...สรุปที่ทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวกันนี่เพราะพ่อไม่ยอมซื้อของเล่นให้ใช่มั้ย” นายเหมืองสิงห์ที่หอบหิ้วของพะรุงพะรังเดินตามหลังครูบัวมาออกปากถามลูกชาย บัวยืนยิ้มๆมองสองแสบที่บ่นง้องแง้งฟ้องป้าพุดกันใหญ่ด้วยความเอ็นดู
“แล้วนี่ได้อะไรกันมาบ้างคะ” พุดฤทัยเลิกสนสองแสบหลังไล่ให้ขึ้นไปอาบน้ำก่อนลงมาทานข้าวเย็นได้เรียบร้อย บัวยื่นถุงอาหารและผักสดที่ตัวเองซิ้อติดมือมาให้ป้าพุด พร้อมบอกให้ป้าเก็บเอาไว้ทำมื้ออื่นก็แล้วกัน บัวมาอยู่เปล่าๆหากช่วยอะไรตนก็ยินดี
“แหม...พ่อคุณ หน้าตาดีแล้วก็ยังจิตใจดีอีก...นายเหมืองก็อย่าไปร้ายกับครูบัวเขาอีกนะคะ เห็นความดีของแกบ้าง...”
“แต่ป้าพุด...” ฟังแล้วมันตงิด รู้สึกเหมือนกำลังโดนด่านายเหมืองหนุ่มเลยคิดจะแก้ต่าง ทว่าเสียงใสๆกลับเร็วกว่า บัวก้าวเข้าไปหาป้าพุดก่อนจะเอ่ยบอกเสียงใสว่า
“นายเหมืองดีกับบัวมากครับ วันนี้ก็อุตส่าห์อู้งาน พาบัวไปดูนู่นดูนี่ในเหมือง แล้วก็พาบัวไปที่ตลาดมาด้วย...นี่บัวซื้อปลาทูมาเพราะสองแสบบ่นอยากกิน พรุ่งนี้บัวเลยว่าจะลงมาทอดให้น่ะครับ...อ้อ มีเม็ดสาคูด้วย บัวว่าจะทำสาคูเปียกข้าวโพดเพิ่ม...” เด็กหนุ่มบอกพุดฤทัยด้วยรอยยิ้ม ป้าพุดมองเด็กหนุ่มที่เข้ามาปะเหลาะหล่อนอย่างรู้ทัน แหม...ไม่เท่าไหร่ก็มีแก้แทนให้กันแล้วนะเนี่ย
“ค่า...ค่ะ...แล้วเดี๋ยวลงมาทานข้าวเย็นกันนะคะ หรือว่าอิ่มกันมาแล้วป้าจะได้เอาไปเก็บ...” สาวใหญ่เอ่ยถาม ยังมีแอบค้อนปะหลับปะเหลือกให้นายเหมืองหนุ่มทำที่หน้าตายกยิ้มให้หล่อนว่าคราวนี้แกชนะ
“ยังไม่ได้ทานมาหรอกครับ หิ๊วหิว...ทานที่ไหนก็อร่อยไม่เท่าฝีมือป้า ยังไงเย็นนี้บัวขอฝากท้องไว้อีกซักมื้อนะครับ” เด็กหนุ่มรู้จักประจบ เนื่องเพราะตัวเองอยู่กับแม่แค่สองคนและค่อนข้างสนิทกันมาก ทำให้การเข้าหาผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบัวนัก
พุดฤทัยได้ฟังแล้วก็ยิ้มแย้มแก้มปริ แกกอดครูบัวของแกกอดแล้วกอดอีกไม่ปล่อย ติดตาต้องใจในอัธยาศัยนัก ปกติอยู่บ้านนี้ก็มีแต่ผู้ชาย แถมแต่ละนายน่ะใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ไม่เค้ยไม่เคยหรอกที่จะได้ยินใครมาอ้อนมาชมอย่างที่บัวทำ พอได้เจอเข้าแกเลยทำเหมือนได้พบเพื่อนอย่างไรอย่างนั้น
บัวกำลังจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดหลังจากป้าพุดแกขอตัวออกไปจัดโต๊ะ ทว่าจู่ๆข้อมือก็ถูกดึงไว้ บัวจึงชะงักเท้าไว้ที่บันไดขั้นแรกแล้วหันกลับมามอง เขาเจอนายเหมืองกำลังยื่นซองยางรัดผมหลากหลายสีมาให้ บัวทำหน้างงๆส่งกลับไป นายเหมืองหนุ่มจึงเอานิ้วเกาที่จมูกแล้วเลยไปที่หู แลดูเหมือนเขินอายแต่บัวก็ไม่กล้าฟันธง นายเหมืองยืนยื่นซองยางรัดผมแล้วก็เงียบอยู่อย่างนั้นเกือบหนึ่งนาที ในที่สุดเมื่อเห็นบัวยังไม่ยอมยื่นมือออกมารับมันไปซักทีนายเหมืองหนุ่มจึงยอมเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ผมซื้อมาให้ เห็นผมคุณยาวปิดหน้าปิดตาหมดแล้ว”
บัวมองคนพูดที่ไม่ยอมสบตาด้วยแล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงอยากยิ้มขึ้นมา เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเวลาสิงห์เขินนี่มันก็น่ามองเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ...แล้ว...บัวจะใช้นะครับ...” บัวบอกขอบคุณก่อนจะเอื้อมมือไปรับมา รู้สึกดีใจที่ตอนนี้เจ้าบ้านเริ่มยื่นมิตรไมตรีมาให้เขาบ้างแล้ว นายเหมืองหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเดินหายไปทางห้องทำงาน บัวชะแง้คอมองตามจนเห็นอีกฝ่ายเดินหายลับไปทางห้องทำงานแล้วจึงก้มกลับลงมามองของฝากในมือ ไปด้วยกันแท้ๆ แอบแว่บไปซื้อตอนไหนนะ
“คิดว่าเราเป็นผู้หญิงรึไงนะ ถึงได้ซื้อของแบบนี้มาให้...” ถึงปากจะบ่นไปเรื่อยๆแต่มือกลับแกะถุงพลาสติกออกแล้วเอายางออกมาดู...นั่นเป็นครั้งแรกเลยที่บัวรู้สึกว่าของราคาห้าบาทสิบบาท แต่กลับมีคุณค่ามหาศาลเมื่อคนให้ กลับเป็นใครบางคนที่บัวไม่เคยคาดคิดว่าจะได้อะไรจากกันมาก่อนเลย
เช้าวันต่อมา บัวตื่นแต่เช้าด้วยความสดชื่น เด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาสั้นครือเข่าแล้วก็รีบลงมาข้างล่าง ทันเห็นป้าพุดแกกำลังจะยกถาดออกไปนอกบ้าน บัวเลยได้รู้ว่าไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าไรนักมีวัดอยู่ ป้าพุดแกเลยได้ตักบาตรทุกเช้า คนติดตักบาตรกับแม่ทุกเช้าอย่างบัวจึงได้ขอปวารณาตัวเป็นลูกมือช่วยป้าพุดในการตักบาตรด้วยอีกคน ตอนนี้ป้าพุดแกเลยยิ่งปลาบปลื้มบัวขึ้นไปกันใหญ่ อารมณ์เหมือนแกกำลังได้เพื่อนสนิทที่เล่นเป็นเพื่อนแกได้ทุกอย่าง ตอนนี้บัวเลยได้รับอนุญาตให้เข้ามาใช้สมรภูมิรบส่วนตัวของแกเพื่อทอดปลาได้ด้วย
บัวเอาปลาทูที่ซื้อมาเมื่อวานลงทอด มีป้าพุดตำน้ำพริกและลวกผักอยู่ข้าง แกชวนบัวคุยโน่นนี่นั่นอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเรื่องส่วนมากที่คุยก็คือเรื่องเกี่ยวกับเทคนิคการทำอาหาร ไม่ก็ประสบการณ์การสอนเด็กที่บัวเคยผ่านมา บัวยังต้มสาคูเปียกข้าวโพดเพิ่มเพื่อเตรียมเป็นของว่างให้เด็กๆอีกอย่างก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงมาทานอาหารเช้าพร้อมเด็กๆและเจ้าบ้าน
ตอนเดินผ่านหน้าห้องเด็กแสบสองคนบัวหยุดเท้าไว้ตรงนั้นแล้วลองแนบหูลงไปฟัง เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรดังขึ้นเด็กหนุ่มก็นึกรู้ทันที...
...งานแรกของวันได้เริ่มขึ้นแล้ว...
บัวเสียเวลาปลุกปล้ำกับสองแสบไปพักใหญ่ กว่าจะงัดไลเกอร์ให้ออกมาจากที่นอน และกว่าจะยัดไทกอนเข้าไปในห้องน้ำ และกว่าจะห้ามทัพทั้งไลเกอร์และไทกอนไม่ให้แย่งโถสุขภัณฑ์กันได้ บัวก็ต้องเหงื่อตกกีบไปหลายแก้ว เด็กหนุ่มเอามือเท้าโต๊ะเครื่องแป้งของสองแสบไว้แล้วก้มหน้าถอนหายใจ ไรผมชื้นเหงื่อที่หน้าผากเริ่มทำให้บัวรำคาญ พอเอามือล้วงลงไปที่กระเป๋ากางเกงก็สัมผัสได้ยินเสียงกรอบแกรบของอะไรบางอย่าง พอดึงออกมาถึงได้เห็นว่าเป็นยางรัดผมที่เจ้าของบ้านหนุ่มเป็นคนยื่นให้
...เมื่อวานบอกไว้ว่าจะใช้ งั้นก็ใช้เสียตอนนี้เลยแล้วกัน...
คิดแล้วบัวก็หยิบยางสีส้มขึ้นมาจากในถุงแล้วเอามามัดปอยผมน้อยที่ปรกอยู่บนหน้าขึ้นไป ผมหน้าม้าชี้ฟูเป็นกระจุกดูน่ารักน่าเอ็นดู ถึงขนาดที่ไลเกอร์กับไทกอนซึ่งอยู่ในชุดผ้าขนหนูผูกปมยังต้องร้องว้าว แล้ววิ่งมาขอให้ครูตาหวานของแกมัดจุกให้บ้าง บัวหันมองสองแสบแล้วยิ้มขำ ทำตัวไม่ต่างจากเด็กอนุบาลเลยจริงๆ...คุณครูหนุ่มน้อยจับสองแสบสวมเสื้อแต่งตัวเสร็จก็จับมานั่งตักทีละคน คนพี่นั้นบัวมัดจุกเอียงซ้ายด้วยยางสีฟ้าให้ ส่วนคนน้องบัวมัดยางสีน้ำเงินให้เอียงไปด้านขวา เด็กสองคนยืนยิ้มแฉ่งรอครูตาหวานของแกอยู่หน้าประตูเมื่อเตรียมตัวเสร็จ บัวยืนมองผลงานเป็นแก้มยุ้ยขาวๆเปื้อนแป้งเด็กหอมๆแล้วก็ยื่นแขนออกไปทั้งสองข้าง ไลเกอร์ก็กระโดดเข้าแขนซ้าย ส่วนไทกอนก็กระโดดเข้าแขนขวา สองแสบแกดูมีความสุขมากกับการได้เกาะกึ่งลากแขนครูตาหวานออกไปห้องทานข้าวพร้อมกัน
นายเหมืองสิงห์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะอาหารตอนที่เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาตามทางเดิน ร่างครูตัวบางๆมีเด็กสองคนห้อยโตงเตงแถมผมทรงกระจุกหน้าม้าคนละปอยทำเอานายเหมืองสิงห์ตาค้าง ก่อนจะรีบเบี่ยงหน้าไปกลั้นขำ เพราะภาพของคนสามคนนั้นมันช่าง...น่าถ่ายรูปแล้วเอาแปะไว้บนฝาบ้าน จากนั้นก็เอาไว้แบล็กเมล์ยามทั้งสามคนมีอายุในอีกห้าสิบปีข้างหน้าเสียจริงๆ
“คุณอยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาเลยก็ได้ครับ...” บัวมองหน้าคนกลั้นขำแล้วก็อดแขวะไม่ได้ สองแสบปล่อยมือจากเขาแล้ววิ่งไปกอดคอพ่อแล้วหอมฟอดกันคนละที บัวหน้าแดงแป๊ดขึ้นมาทันทีโดยไม่รู้ตัวเพราะเมื่อเช้าทั้งสองแสบก็หอมเขาก่อนออกมาจากห้องเช่นกัน...
...ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่า...
“ครูตาหวานนนนน!!! มัดผมให้พ่อหน่อยยยย”
“เอ่อ...อะไรนะครับ” บัวสะดุ้งเมื่อเสียงไทกอนมาตะโกนอยู่ข้างตัว ในมือเด็กมียางรัดผมสีดำที่เคยอยู่ในกระเป๋าเขามาก่อน แต่นี่ไม่รู้ไปหยิบมาตอนไหนเอามาโบกสะบัดไปมาอยู่ตรงหน้าเขา บัวรับยางมาอย่างงงๆก่อนจะมองไปทางพ่อเด็ก ซึ่งกำลังทำหน้าซังกะตายใส่ลูกชายคนโตที่กำลังพยายามปีนร่างเขาขึ้นไปเล่นกับผมบนหัวเขาให้ได้ บัวมองคนโดนรีเควสให้มัดผมสลับกับยางในมือ ก่อนจะก้มลงไปบอกไทกอนว่า
“ไม่ดีมั้งลูก...ไปนั่งทานข้าวดีๆไป เดี๋ยวกินเสร็จแล้วครูจะพาทำข้าวกล่องเผื่อตอนเที่ยงกัน วันนี้มีสาคูด้วยนะ” บัวแสร้งเสความสนใจของเจ้าเด็กแสบสองคนไปที่จานข้าว ไลเกอร์และไทกอนมีอาการงอแงเล็กน้อยที่เขาไม่ยอมตามใจ ทว่าก็ยอมลงไปนั่งทานข้าวเช้าด้วยกันแต่โดยดี
“วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนกันอีกล่ะ” คำถามจากพ่อเลี้ยงในตอนที่ทานข้าวใกล้จะเสร็จดังขึ้น ฟังดูเหมือนคำถามที่ถามกับทุกคนในโต๊ะทว่าสายตากลับจ้องมองตรงมาที่บัว บัวเลยรวบช้อนให้เสร็จสรรพก่อนจะเป็นคนเอ่ยตอบให้เองตามความประสงค์ของเจ้าของบ้าน
“สองคนบอกว่าจะพาผมไปฐานทัพลับที่บ้านต้นไม้ครับ” บัวบอก มีสองแสบพยักหน้าให้เป็นลูกคู่
“...บ้านนั่น...อยู่ใกล้รั้วของเขตเหมืองผม อย่าอุตริปีนไปเล่นที่ฝั่งตรงข้ามล่ะ” นายเหมืองพูดจบก็รวบช้อนตามบ้าง คราวนี้เป็นบัวที่พยักหน้ารับคำ “แล้วก็...”
“...” บัวนิ่งรับฟังข้อห้ามที่อาจมีเพิ่มขึ้นอีกของเขา
“...สาคูน่ะ มีแค่สำหรับลูกผมเหรอ...ผมทานด้วยได้มั้ย”
บัวทำตาปริบๆฟังคนตัวใหญ่ไว้เคราตามกรอบหน้าพูดจบแล้วก็แอบอ้าปากค้างนิดๆอึ้งไปครึ่งนาที ก่อนจะหาเสียงตัวเองเจอแล้วลุกขึ้นยืน
“เอ่อ...งั้นคุณรอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปตักมาให้” บัวบอก ก่อนจะหยิบจานของตัวเองขึ้นเตรียมจะเดินเข้าห้องครัว
“ครูตาหวาน! เกอร์อยากกินด้วย...”
“ไทด้วยคร้าบ...ไทก็อยากกิน”
จู่ๆสองแสบก็ร้องตะแง้วๆจะเอาขึ้นมาด้วย บัวหันมาเอามือลูบหัวไทกอนที่นั่งอยู่ใกล้ๆก่อนจะบอก
“ของสองคนเดี๋ยวไว้กินเป็นของหวานหลังอาหารเที่ยงนะครับ...ตอนนี้ให้คุณพ่อทานก่อนนะลูกแล้วเดี๋ยวเราเอาใส่ข้าวกล่องไปทานกัน ตกลงมั้ยครับ...” บัวหลอกล่อ ซึ่งสองแสบก็ยอมตามใจแต่โดยดี บัวเลยถือโอกาสนั้นเดินเข้าไปในครัว
ไลเกอร์ด้อมๆมองๆเห็นครูตาหวานเดินเข้าครัวไปแล้วก็รีบกระแซะพ่อทันที
“พ่อ...จะเอาคนนี้จริงๆใช่ม้า...” เด็กแก่แดดทำมือป้องปากกระซิบกับพ่อ แต่ไอ้กระซิบของเด็กมันคือการที่น้องชายอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขาได้ยินชัดเจนไปด้วยน่ะสิ
“แต่ครูเขาไม่มีเนื้อ นม...มีแต่ไข่เหมือนกันนะพ่อ” ไทกอนพอได้ยินพี่ชายพูดก็เอากับเขาบ้าง นายเหมืองสิงห์ฟังแล้วก็คิ้วขมวดก่อนจะกางแขนสองข้างให้กว้างเข้า แล้วก็ตบป้าบเข้าให้ที่ศีรษะเหม่งๆของลูกชายสุดแสบทั้งสองคนเบาๆ
“ไอ้เม่นสอนแกอีกแล้วใช่มั้ย” นายเหมืองสิงห์เค้นเจ้าลูกชาย แต่สองแสบกลับยิ้มเผล่ก่อนจะชี้ไปทางพ่อพร้อมกัน
“
พ่อแหละสอน” สองแสบตะโกนขึ้น
“ไอ้...!”
“ใครสอนอะไรใครครับ...นินทาครูอยู่รึเปล่าสองแสบ” บัวที่เดินถือถ้วยขนมออกมาพอดีออกปากถาม นายเหมืองสิงห์ส่ายหน้าให้ แต่สองแสบกลับพยักหน้า...บัวมองอาการของทั้งสามคนอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามซ้ำ “ตกลงมันยังไงกันแน่ครับเนี่ย...”
“ไม่มีอะไรหรอก...แล้วตกลงสาคูนี่ผมจะได้กินวันนี้หรือปีหน้าครับครู” นายเหมืองหนุ่มหันเหความสนใจจากครูบัวด้วยการให้ความสนใจกับสาคูในมือขาวๆแทน ซึ่งบัวก็รีบวางขนมอุ่นน้ำกะทิลงตรงหน้าคนนั่งหัวโต๊ะ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิมอย่างสงบเสงี่ยม
นายเหมืองสิงห์ตักของหวานสีเขียวตองอ่อนสลับเหลืองของเม็ดข้าวโพดราดหน้าด้วยน้ำกะทิเข้าปาก กลิ่นหอมยวนใจพาสองแสบที่มองพ่อทานขนมฝีมือครูบัวด้วยความลุ้น แต่คนที่ลุ้นที่สุดเหมือนจะเป็นคนทำ เพราะถึงแม้จะนั่งนิ่งไม่พูดอะไร แต่มือกลับสั่นและเย็นด้วยความตื่นเต้น...ทว่าหลังจากทานคำแรกไปแล้วนายเหมืองสิงห์กลับไม่ได้พูดอะไร จนตักทานไปได้สามสี่คำก็หมดถ้วย ชายหนุ่มถึงวางช้อนแล้วกระแอมไอทำท่าคล้ายมีอะไรอยากพูด บัวถึงได้เตรียมใจรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“...พรุ่งนี้ครูพอจะมีเวลารึเปล่า” จู่ๆเสียงเข้มก็ถามขึ้น คนฟังที่รอคำชมหรือติจากผู้ชายตัวสูงถึงกับใจแป้ว นึกว่าเขามีอะไรอยากจะพูดกับขนมฝีมือเขาเสียหน่อย ที่ไหนได้...
“ก็ว่างครับ...คุณมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ” บัวถาม นั่นไม่ได้กะจะประชดประชันหรืออะไรเลยนะ
“ผมแค่...อยากให้ครูทำสาคูนี่ซักหม้อ ผมจะให้ไอ้เม่นเอาไปให้พวกคนงานได้กินด้วย พวกเขาคงจะดีใจ ถ้าได้กินขนมอร่อยๆฝีมือครู...”
บรรยากาศบนโต๊ะเกิดอาการเดธแอร์ไปชั่วครู ขนาดสองแสบยังช่วยกันเงียบเพราะงงงวยกับอาการของพ่อตัวเองเป็นเพื่อนครูตาหวาน ส่วนเจ้าตัวคนโดนวอนขอให้ทำขนมอร่อยๆในวันพรุ่งนี้ออกอาการม้วนนิ้วแล้วก็เขินหน้าแดงออกมาสมอยากคนอยากเห็นนัก
“ครับ...” คำตอบรับเบาๆสั้นๆของครูบัวทำเอานายเหมืองหนุ่มใจสั่น ยิ่งได้ของแถมเพิ่มมาเป็นรอยยิ้มหวานๆ นายเหมืองก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งเจ้าลูกชายแก่แดดของเขาพูดมาก่อนหน้านี้ก็เข้าทีดีไม่หยอก
----------------------------------------- --- - - - - - -
to be continue...
เอาน้องบัวหวานๆมาเสิร์ฟแล้วค่ะ
และจะมาบอกว่า
...
แพทกำลังจะเปิดเทอมอีกแล้วนะ =_=+
แงงงงง