1
Boy's love story / Re: ทีเซอร์ - teaser อชิระ - เจ้าเพียง 21.05.2567
« กระทู้ล่าสุด โดย KADUMPA เมื่อ 21-05-2024 10:00:57 »Teaser อชิระ - เจ้าเพียง
“บนเรือนใหญ่เอะอะเสียงดังลั่นกันแต่เช้าอีกแล้ว” เด็กหนุ่มที่กำลังจะอายุเข้ายี่สิบปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มองตามเสียงพูดของผู้สูงวัย ที่กำลังเตรียมข้าวของเครื่องปรุง สำหรับอาหารเช้าของคนบนคฤหาสน์ใหญ่หลังนั้น จากเรือนเล็กด้านหลังนี้ มองเห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมปิดบังตัวเรือนเอาไว้ เห็นเพียงหลังคาด้านบนตระหง่านอยู่ ราวกับมันลอยได้เองอยู่บนฟ้า
“ฉันนึกว่ายายจ๋าจะชินแล้วเสียอีก” ผู้เป็นยายจ๋าหันมาหัวเราะในลำคอกับคำพูดของเด็กหนุ่ม “ข้าก็ควรจะชินอย่างเอ็งว่าจริง ๆ นั่นแหละ เจ้าเพียง” ก่อนจะมองตามเด็กหนุ่มที่ตัวเองช่วยเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตัวเท่าฝาหอย เจ้าเพียงของยายจ๋าเดินมานั่งลงที่ข้าง ๆ วางถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่เพิ่งชงใหม่ ๆ ลงข้าง ๆ ก่อนจะหยิบเอากองใบกะเพราทั้งหมดนั้น มาช่วยผู้สูงวัยที่รับหน้าที่เป็นแม่ครัวมานานหลายสิบปี เด็ดมันลงกะละมังสีขาวใบนั้นอย่างคล่องแคล่ว อย่างที่ช่วยยายจ๋าทำมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
“เป็นแบบนี้มานานจนนับไม่ได้แล้วว่ากี่ปี ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันนักหนา” เจ้าเพียงของยายแม้ตาจะมองไปทางเรือนใหญ่นั่น แต่ปากก็ไม่ได้ปริพูดอะไรออกมา มือก็เด็ดใบกะเพรานั้นไปเงียบ ๆ หญิงชราหันกลับมามองหลานเลือดนอกอกของเธอ มองอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะถามคำถามนั้นกับอีกฝ่าย
“ว่าแต่เอ็งเถอะ ชินกับเขาด้วยหรือเปล่า” เจ้าเพียงหันสายตากลับมาทางยายจ๋า ในสายตาคู่นั้น มีคำตอบอยู่ภายในใจกับคำถามนั้น “โธ่ยาย ยายจ๋าอย่าให้ฉันไปชินอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย” มือที่เด็ดใบกะเพราจนได้ปริมาณ เจ้าเพียงก็ลุกขึ้นเดินถือกะละมังไปใบนั้นไปเปิดน้ำจากก๊อก ล้างผักในนั้นให้สะอาดจนเสร็จสรรพ
“ใช่สิ” เสียงของหญิงผู้สูงวัยกว่ามาก ฟังดูน้อยใจอยู่ในอก “อีกเดี๋ยวเอ็งก็จะสบายหูสบายตา แถมยังสบายใจกว่าข้าเป็นไหน ๆ แล้ว จริงมั้ยล่ะ” เจ้าเพียงของยายจ๋า นั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นยาย ก่อนจะกอดยายผู้มีพระคุณท่วมหัวจนแน่น หอมฟอดใหญ่ลงบนแก้มซ้ายของยายจ๋า “หอมที่สุด” แม้ว่าใบหน้านั้น จะเต็มไปด้วยคราบเหงื่อมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
“เอ็งเป็นเด็กดี เจ้าเพียง อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่คนอุ้มชู” ยายจ๋ายกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเด็กหนุ่มผู้ถือว่าเป็นหลานคนเดียวของตัว ในฐานะที่ยายจ๋าไม่มีญาติอะไรที่ไหนกับใครเขา “ถ้าแม่เอ็งเขายังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวเอ็งมาก ๆ” เจ้าเพียงเม้มปากจนเกือบเป็นเส้นตรง สบตากับยายจ๋า “แม่เขารักเอ็งมากนะ อย่าให้ใครก็ตามมาพูดเป็นอื่นไปเชียว” ยายจ๋าสำทับกับเด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
“จริง ๆ เอ็งจะอยู่ที่นี่” ยายจ๋าพูดเพียงแค่นั้น ก็กลืนคำพูดต่อท้ายทั้งหมดให้หายลงไป เมื่อสีหน้าและแววตาของเจ้าเพียง มันให้คำตอบทุกสิ่งอย่างออกมาหมดแล้ว “คงไม่ต้องรอให้เขามาไล่ด้วยตัวเองหรอก” เจ้าเพียงรู้ดีว่าตัวเองเฝ้ารอคอย วันหนึ่งวันนั้นที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการต่าง ๆ ที่เขาได้รับรู้และอดทนกับมันมาตั้งแต่จำความได้
เจ้าเพียงจัดสำรับขึ้นโต๊ะบนเรือนใหญ่ใกล้จะเสร็จแล้ว เหล่าบรรดาคุณ ๆ ก็พากันทยอยเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร บางคนไม่สังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ แต่สายตาหลายคู่ ก็มองมาด้วยความรู้สึกว่า เจ้าเพียงไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ แม้ว่าจะเห็นหรือเข้าใจความหมายเหล่านั้นดี เจ้าเพียงก็ทำเป็นไม่รับรู้ ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เร่งมือรีบจัดโต๊ะให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ลงไปจากเรือนใหญ่โดยเร็วที่สุด
“ยายจ๋าเธอไปไหน ทำไมเช้านี้เธอถึงขึ้นมาบนเรือนใหญ่ได้” คุณวรกานต์ คุณพี่หญิงใหญ่ของบ้าน ถามขึ้น เมื่อเห็นเจ้าเพียงจัดสำรับอยู่เพียงคนเดียว “ยายจ๋าอายุมากแล้ว จะใช้อะไรคนแก่กันตั้งแต่เช้า หัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่คิดจะเห็นใจกันบ้างหรือไงนะ” นั่นคือสิ่งที่เจ้าเพียงคิดจะพูดออกไป แต่ก็ได้แต่เก็บมันเอาไว้ ก่อนจะตอบคุณวรกานต์ออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า
“ยายจ๋าเจ็บข้อเท้าครับ คุณวรกานต์ เดินไม่ไหว” จงใจจะตอบออกไปเพียงสั้น ๆ เท่านั้น ไม่อยากจะคุยอะไรด้วยให้ยืดยาว “สะเออะล่ะไม่ว่า” เสียงจากน้องชายคนเล็กของบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคู่ รวมน้องสาวอีกคนของตระกูล นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจ้าเพียงพูดกับตัวเอง ตอนอายุน้อยกว่านี้ เจ้าเพียงเองก็คงไม่ยอมปล่อยเรื่องแบบนี้ไปง่าย ๆ
“เผอิญจานชามมันไม่มีขา มันเดินมาขึ้นสำรับบนโต๊ะเองไม่ได้” พูดจบ เจ้าเพียงไม่รอฟังเสียงด่าไล่หลัง ที่ฟังดูแล้ว ไม่ใช่อย่างที่พวกผู้ดีเขาสมควรทำกันแต่อย่างใด และพอก่อนจะเดินเลี้ยวลงบันไดด้านหลังเรือนใหญ่ ก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินสวนขึ้นมาพอดี เจ้าเพียงพอรู้ว่าเป็นใคร ก็รีบหันหลังเดินเลี่ยงไปอีกทางทันที
“เธอจะจงใจหลบหน้าฉันไปอีกนานมั้ย” เสียงทักจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้าเพียงชะงักเท้า เมื่อเกือบจะก้าวพ้นประตูนั้นไป “ฉันไม่เห็นเธอที่เรือนเล็ก” อีกฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “ยายจ๋าเธอบอกว่า เธอขอขึ้นมาจัดสำหรับบนเรือนใหญ่แทน เพราะยายจ๋าง่วนมาตั้งแต่เช้ามืด เธออยากให้นั่งพักก่อน” ใช่แล้ว เจ้าเพียงพูดโกหกคุณวรกานต์และทุกคนบนโต๊ะอาหารไปว่า ยายจ๋าเจ็บข้อเท้า เพื่อหวังใจว่า วันนี้จะไม่มีคนใจร้ายที่ไหน เรียกใช้ยายจ๋าทั้งวัน อย่างทรมานคนแก่ไม่รู้จักจบจักสิ้น
“ฉันจะสั่งห้ามไม่ให้ใครเรียกใช้ยายจ๋าของเธอ” เสียงนั้นพูดด้วยความนุ่มนวลกว่าที่เคยได้ยิน “ขอบคุณละกัน” เจ้าเพียงตอบอีกฝ่ายออกไป โดยไม่ได้หันไปมองหน้า “มารยาทที่ดีที่คุณปู่ของฉันเคยสอนเธอมาตั้งแต่เล็ก อยู่ที่ไหน” อีกแล้วสินะ กับการเอาคุณท่านมาอ้างแบบนี้ เจ้าเพียงข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ หันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“ขอบคุณครับ คุณอชิระ” ทุกคำนั้น เจ้าเพียงเน้นเสียงให้เจ้าของชื่อรู้สึก “เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเชียวหรือ” น้องชายคนรองของตระกูลถามขึ้น ที่ปลายเสียงนั้น สั่นน้อย ๆ จนรู้สึกได้ เหมือนเจ้าตัวกระหวัดถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มีอยู่ในใจ “ถ้าคุณจะคุยเรื่องนั้น คงต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ” อชิระมองเห็นแววตาและสีหน้าของเจ้าเพียง ที่ทำให้เขารู้สึกใจสั่น หวั่นไหวไปกับอาการไม่สน ไม่แคร์ ไม่ยี่หระนั่นของอีกฝ่าย
“อย่างนั้นเองหรือ” อชิระพึมพำออกมา อย่างคนที่นึกอะไรขึ้นได้ “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ ยายจ๋าของเธอไม่ต้องจัดการอาหารขึ้นสำรับบนเรือนใหญ่แล้ว” เจ้าเพียงคิดว่าเขาหูฝาดไป แต่ถ้านั่นจะเป็นเรื่องจริง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับยายจ๋า “แต่ต้องเป็นเธอ เจ้าเพียง เริ่มจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะอาหารที่จัดสำหรับฉัน” เจ้าเพียงมองอชิระอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าอชิระจะมาไม้ไหนกันแน่
“อะไรของคุณผู้ชายไม่ทราบ” เจ้าเพียงหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูรั้วด้านหลังบ้าน ที่ใช้สำหรับให้คนมาส่งของเท่านั้นใช้ และรวมถึงเป็นทางเข้าออกของบรรดาคนรับใช้ของบ้านอีกด้วย “แล้วนั่นเธอจะไปไหน เดี๋ยวนี้เธออยู่ไม่ติดบ้านเลยนะ หรือมันมีอะไรดีที่ข้างนอกนั่น เธอถึงได้ติดอกติดใจมันนัก” ได้ผล เจ้าเพียงหันมามองอชิระด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อมีเสียงเรียกชื่อของเจ้าเพียง จากอีกฟากของประตู
“เดี๋ยวเราไปกันเลยนะ เอกคุณ” อชิระมองเห็นชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ที่ยังคงติดเครื่องอยู่ แต่ยังคงใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบอยู่ อชิระจึงมองเห็นหน้าของชายหนุ่มคนนั้นไม่ชัดนัก “เพียงขึ้นมาเลย เดี๋ยวเราพาไปดูบ้านใหม่หลาย ๆ ที่เลย จะไปกี่ที่ก็ได้ เอาที่เพียงพอใจ จนกว่าเพียงจะพอใจ” อชิระว่าเขาขนลุกขนพองกับคำพูดของหนุ่มบิ๊กไบค์แล้ว ยังต้องเห็นเจ้าเพียงขึ้นซ้อนหลังมอเตอร์ไซค์ของคนนั้นอย่างสนิทสนม
“หาบ้านใหม่ บ้านใหม่อะไรกัน เธอจะย้ายออกจากบ้านหรือไง เจ้าเพียง ทำไม” อชิระพูดรัวเร็ว “เธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพียงออ” อชิระอยากจะคว้าตัวเจ้าเพียงลงมาจากรถ ให้มาคุยกันให้รู้เรื่อง “ก็ไม่นาน” เจ้าเพียงตอบกลับอชิระไป “ก็ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วล่ะ ที่รับรู้ว่าบ้านหลังนี้ ไม่เหลือความปรานีให้แม่ของผมอีกต่อไป” อชิระหน้าชาดิก ที่เจ้าเพียงพูดใส่หน้าเขาแบบนั้น โดยมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วย
ยายจ๋ามองเห็นอชิระหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่อย่างนั้น แม้ว่ามอเตอร์ไซค์คันนั้นจะขับออกไปตั้งนานแล้ว อชิระหงุดหงิดมากกว่าที่เขาเคยเป็นมา ก่อนหน้านี้เขาเคยหงุดหงิดมากเท่าไหร่ ตอนนี้มันเพิ่มเติมจากนั้นอีกหลายร้อยเท่า เมื่อภาพอาการใกล้ชิดอี๋อ๋อของเจ้าเพียงกับไอ้หนุ่มล่ำนั่น อชิระสลัดมันหลุดออกจากความคิดของเขาเองไม่ได้ และเมื่อหันมา ยายจ๋าของเจ้าเพียงก็มายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดออกมาในสิ่งที่ทำให้อชิระนั้น ไม่สามารถเถียงหรือแก้ตัวใด ๆ ได้
*****************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J
ยอมจำนน - ธนนท์
https://www.youtube.com/watch?v=-6IZ7B5FUco
ไม่รู้ว่านานเท่าไร ก็จำไม่ได้นัก
Not sure how long it’s been, can’t exactly remember
ที่ฉันจำเป็นต้องอยู่อย่างคนที่แอบรัก
I am the one hiding my feelings like this
ต่อให้ฉันให้เธอร้อย มันก็น้อยไป
Though I’m giving you all, still falling short
คนที่รอ คนที่คอย ได้แต่น้อยใจ
I’m waiting, I’m wishing, feeling like shit
ถึงฉันจะทำอะไรทุกอย่างไปมากสักแค่ไหน
No matter how much I do, I do a lot for you
ไม่มีสักครั้งที่คล้ายว่าเธอนั้นจะหวั่นไหว
Not even once will make your heart flutter
คนไม่รักคือไม่รัก ก็ต้องเข้าใจ
You don’t really care, I should be fair
คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน จะให้ทำไง
It’s not me, now what can I do?
ถึงฉันไม่ได้ต้องการจะไป
I don’t really wanna leave
แต่ยังไงก็คงจะต้องลา
Yet, this might be my goodbye
เมื่อเธอนั้นให้คำตอบมาทางสายตา
When your answer is in your eyes
ก็คงต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ
I may need to give in since I’m not your love
ยอมจำลา แม้ว่ารักสักเท่าไหร่
Wanna go, though I really love you so
ไม่จำเป็นว่ารักฉันแค่ไหน
Doesn’t really matter how much I love you
แค่เธอไม่ได้รักก็แค่นั้น
You don’t love me, then it’s game over
ยอมจำใจเอ่ยคำว่าลาก่อน
I cave in, finally saying so long
ใจจำยอมรับว่าเธอนั้นต้องไป
Accept that you have your own way
กับความจริงว่าฉันมันไม่ใช่
With the truth that I’m not the one
แค่ต้องจำเอาไว้ เธอไม่รักกัน
Remind myself, you don’t love me
คิดถึงเท่าไร คิดถึงเท่าไร มันก็ไม่เคยถึง
My thought or my heart never reaches you
ไม่รู้ฉันเป็นคนที่เท่าไรที่เธอจะนึกถึง
How many to count until finding me on your list
ต่อให้สายตาของฉันมันบอกว่ารักเท่าไร
My eyes keep saying that I love you
เธอก็มอง มองกลับมาอย่างคนทั่วไป
But how you see me, I am an average Joe
พยายามคือคำที่ไม่มีความหมาย
Trying my best doesn't mean anything for you
จำได้ไหม ที่จริงเธอไม่เคยขอ
The thing is, no you’ve never asked for
ฉันเพิ่งเข้าใจ เพิ่งเข้าใจคำว่าดีไม่พอ
Now I get it, understand that I won’t be good enough
ทำดีให้ตาย ไม่มีความหมายถ้าไม่ใช่คนที่เขารอ
Die trying means nothing, I’m not what you’re longing for
ถึงฉันไม่ได้ต้องการจะไป
I don’t really wanna leave
แต่ยังไงก็คงจะต้องลา
Yet, this might be my goodbye
เมื่อเธอนั้นให้คำตอบมาทางสายตา
When your answer is in your eyes
ก็คงต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ
I may need to give in since I’m not your love
ยอมจำลา แม้ว่ารักสักเท่าไหร่
Wanna go, though I really love you so
ไม่จำเป็นว่ารักฉันแค่ไหน
Doesn’t really matter how much I love you
แค่เธอไม่ได้รักก็แค่นั้น
You don’t love me, then it’s game over
ยอมจำใจเอ่ยคำว่าลาก่อน
I cave in, finally saying so long
ใจจำยอมรับว่าเธอนั้นต้องไป
Accept that you have your own way
กับความจริงว่าฉันมันไม่ใช่
With the truth that I’m not the one
แค่ต้องจำเอาไว้ เธอไม่รักกัน
Remind myself, you don’t love me
ยอมจำนน
I’m throwing in the towel
ยอมจำนน
I surrender to you
“บนเรือนใหญ่เอะอะเสียงดังลั่นกันแต่เช้าอีกแล้ว” เด็กหนุ่มที่กำลังจะอายุเข้ายี่สิบปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มองตามเสียงพูดของผู้สูงวัย ที่กำลังเตรียมข้าวของเครื่องปรุง สำหรับอาหารเช้าของคนบนคฤหาสน์ใหญ่หลังนั้น จากเรือนเล็กด้านหลังนี้ มองเห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมปิดบังตัวเรือนเอาไว้ เห็นเพียงหลังคาด้านบนตระหง่านอยู่ ราวกับมันลอยได้เองอยู่บนฟ้า
“ฉันนึกว่ายายจ๋าจะชินแล้วเสียอีก” ผู้เป็นยายจ๋าหันมาหัวเราะในลำคอกับคำพูดของเด็กหนุ่ม “ข้าก็ควรจะชินอย่างเอ็งว่าจริง ๆ นั่นแหละ เจ้าเพียง” ก่อนจะมองตามเด็กหนุ่มที่ตัวเองช่วยเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตัวเท่าฝาหอย เจ้าเพียงของยายจ๋าเดินมานั่งลงที่ข้าง ๆ วางถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่เพิ่งชงใหม่ ๆ ลงข้าง ๆ ก่อนจะหยิบเอากองใบกะเพราทั้งหมดนั้น มาช่วยผู้สูงวัยที่รับหน้าที่เป็นแม่ครัวมานานหลายสิบปี เด็ดมันลงกะละมังสีขาวใบนั้นอย่างคล่องแคล่ว อย่างที่ช่วยยายจ๋าทำมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
“เป็นแบบนี้มานานจนนับไม่ได้แล้วว่ากี่ปี ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันนักหนา” เจ้าเพียงของยายแม้ตาจะมองไปทางเรือนใหญ่นั่น แต่ปากก็ไม่ได้ปริพูดอะไรออกมา มือก็เด็ดใบกะเพรานั้นไปเงียบ ๆ หญิงชราหันกลับมามองหลานเลือดนอกอกของเธอ มองอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะถามคำถามนั้นกับอีกฝ่าย
“ว่าแต่เอ็งเถอะ ชินกับเขาด้วยหรือเปล่า” เจ้าเพียงหันสายตากลับมาทางยายจ๋า ในสายตาคู่นั้น มีคำตอบอยู่ภายในใจกับคำถามนั้น “โธ่ยาย ยายจ๋าอย่าให้ฉันไปชินอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย” มือที่เด็ดใบกะเพราจนได้ปริมาณ เจ้าเพียงก็ลุกขึ้นเดินถือกะละมังไปใบนั้นไปเปิดน้ำจากก๊อก ล้างผักในนั้นให้สะอาดจนเสร็จสรรพ
“ใช่สิ” เสียงของหญิงผู้สูงวัยกว่ามาก ฟังดูน้อยใจอยู่ในอก “อีกเดี๋ยวเอ็งก็จะสบายหูสบายตา แถมยังสบายใจกว่าข้าเป็นไหน ๆ แล้ว จริงมั้ยล่ะ” เจ้าเพียงของยายจ๋า นั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นยาย ก่อนจะกอดยายผู้มีพระคุณท่วมหัวจนแน่น หอมฟอดใหญ่ลงบนแก้มซ้ายของยายจ๋า “หอมที่สุด” แม้ว่าใบหน้านั้น จะเต็มไปด้วยคราบเหงื่อมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
“เอ็งเป็นเด็กดี เจ้าเพียง อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่คนอุ้มชู” ยายจ๋ายกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเด็กหนุ่มผู้ถือว่าเป็นหลานคนเดียวของตัว ในฐานะที่ยายจ๋าไม่มีญาติอะไรที่ไหนกับใครเขา “ถ้าแม่เอ็งเขายังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวเอ็งมาก ๆ” เจ้าเพียงเม้มปากจนเกือบเป็นเส้นตรง สบตากับยายจ๋า “แม่เขารักเอ็งมากนะ อย่าให้ใครก็ตามมาพูดเป็นอื่นไปเชียว” ยายจ๋าสำทับกับเด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
“จริง ๆ เอ็งจะอยู่ที่นี่” ยายจ๋าพูดเพียงแค่นั้น ก็กลืนคำพูดต่อท้ายทั้งหมดให้หายลงไป เมื่อสีหน้าและแววตาของเจ้าเพียง มันให้คำตอบทุกสิ่งอย่างออกมาหมดแล้ว “คงไม่ต้องรอให้เขามาไล่ด้วยตัวเองหรอก” เจ้าเพียงรู้ดีว่าตัวเองเฝ้ารอคอย วันหนึ่งวันนั้นที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการต่าง ๆ ที่เขาได้รับรู้และอดทนกับมันมาตั้งแต่จำความได้
เจ้าเพียงจัดสำรับขึ้นโต๊ะบนเรือนใหญ่ใกล้จะเสร็จแล้ว เหล่าบรรดาคุณ ๆ ก็พากันทยอยเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร บางคนไม่สังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ แต่สายตาหลายคู่ ก็มองมาด้วยความรู้สึกว่า เจ้าเพียงไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ แม้ว่าจะเห็นหรือเข้าใจความหมายเหล่านั้นดี เจ้าเพียงก็ทำเป็นไม่รับรู้ ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เร่งมือรีบจัดโต๊ะให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ลงไปจากเรือนใหญ่โดยเร็วที่สุด
“ยายจ๋าเธอไปไหน ทำไมเช้านี้เธอถึงขึ้นมาบนเรือนใหญ่ได้” คุณวรกานต์ คุณพี่หญิงใหญ่ของบ้าน ถามขึ้น เมื่อเห็นเจ้าเพียงจัดสำรับอยู่เพียงคนเดียว “ยายจ๋าอายุมากแล้ว จะใช้อะไรคนแก่กันตั้งแต่เช้า หัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่คิดจะเห็นใจกันบ้างหรือไงนะ” นั่นคือสิ่งที่เจ้าเพียงคิดจะพูดออกไป แต่ก็ได้แต่เก็บมันเอาไว้ ก่อนจะตอบคุณวรกานต์ออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า
“ยายจ๋าเจ็บข้อเท้าครับ คุณวรกานต์ เดินไม่ไหว” จงใจจะตอบออกไปเพียงสั้น ๆ เท่านั้น ไม่อยากจะคุยอะไรด้วยให้ยืดยาว “สะเออะล่ะไม่ว่า” เสียงจากน้องชายคนเล็กของบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคู่ รวมน้องสาวอีกคนของตระกูล นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจ้าเพียงพูดกับตัวเอง ตอนอายุน้อยกว่านี้ เจ้าเพียงเองก็คงไม่ยอมปล่อยเรื่องแบบนี้ไปง่าย ๆ
“เผอิญจานชามมันไม่มีขา มันเดินมาขึ้นสำรับบนโต๊ะเองไม่ได้” พูดจบ เจ้าเพียงไม่รอฟังเสียงด่าไล่หลัง ที่ฟังดูแล้ว ไม่ใช่อย่างที่พวกผู้ดีเขาสมควรทำกันแต่อย่างใด และพอก่อนจะเดินเลี้ยวลงบันไดด้านหลังเรือนใหญ่ ก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินสวนขึ้นมาพอดี เจ้าเพียงพอรู้ว่าเป็นใคร ก็รีบหันหลังเดินเลี่ยงไปอีกทางทันที
“เธอจะจงใจหลบหน้าฉันไปอีกนานมั้ย” เสียงทักจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้าเพียงชะงักเท้า เมื่อเกือบจะก้าวพ้นประตูนั้นไป “ฉันไม่เห็นเธอที่เรือนเล็ก” อีกฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “ยายจ๋าเธอบอกว่า เธอขอขึ้นมาจัดสำหรับบนเรือนใหญ่แทน เพราะยายจ๋าง่วนมาตั้งแต่เช้ามืด เธออยากให้นั่งพักก่อน” ใช่แล้ว เจ้าเพียงพูดโกหกคุณวรกานต์และทุกคนบนโต๊ะอาหารไปว่า ยายจ๋าเจ็บข้อเท้า เพื่อหวังใจว่า วันนี้จะไม่มีคนใจร้ายที่ไหน เรียกใช้ยายจ๋าทั้งวัน อย่างทรมานคนแก่ไม่รู้จักจบจักสิ้น
“ฉันจะสั่งห้ามไม่ให้ใครเรียกใช้ยายจ๋าของเธอ” เสียงนั้นพูดด้วยความนุ่มนวลกว่าที่เคยได้ยิน “ขอบคุณละกัน” เจ้าเพียงตอบอีกฝ่ายออกไป โดยไม่ได้หันไปมองหน้า “มารยาทที่ดีที่คุณปู่ของฉันเคยสอนเธอมาตั้งแต่เล็ก อยู่ที่ไหน” อีกแล้วสินะ กับการเอาคุณท่านมาอ้างแบบนี้ เจ้าเพียงข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ หันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“ขอบคุณครับ คุณอชิระ” ทุกคำนั้น เจ้าเพียงเน้นเสียงให้เจ้าของชื่อรู้สึก “เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเชียวหรือ” น้องชายคนรองของตระกูลถามขึ้น ที่ปลายเสียงนั้น สั่นน้อย ๆ จนรู้สึกได้ เหมือนเจ้าตัวกระหวัดถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มีอยู่ในใจ “ถ้าคุณจะคุยเรื่องนั้น คงต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ” อชิระมองเห็นแววตาและสีหน้าของเจ้าเพียง ที่ทำให้เขารู้สึกใจสั่น หวั่นไหวไปกับอาการไม่สน ไม่แคร์ ไม่ยี่หระนั่นของอีกฝ่าย
“อย่างนั้นเองหรือ” อชิระพึมพำออกมา อย่างคนที่นึกอะไรขึ้นได้ “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ ยายจ๋าของเธอไม่ต้องจัดการอาหารขึ้นสำรับบนเรือนใหญ่แล้ว” เจ้าเพียงคิดว่าเขาหูฝาดไป แต่ถ้านั่นจะเป็นเรื่องจริง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับยายจ๋า “แต่ต้องเป็นเธอ เจ้าเพียง เริ่มจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะอาหารที่จัดสำหรับฉัน” เจ้าเพียงมองอชิระอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าอชิระจะมาไม้ไหนกันแน่
“อะไรของคุณผู้ชายไม่ทราบ” เจ้าเพียงหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูรั้วด้านหลังบ้าน ที่ใช้สำหรับให้คนมาส่งของเท่านั้นใช้ และรวมถึงเป็นทางเข้าออกของบรรดาคนรับใช้ของบ้านอีกด้วย “แล้วนั่นเธอจะไปไหน เดี๋ยวนี้เธออยู่ไม่ติดบ้านเลยนะ หรือมันมีอะไรดีที่ข้างนอกนั่น เธอถึงได้ติดอกติดใจมันนัก” ได้ผล เจ้าเพียงหันมามองอชิระด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อมีเสียงเรียกชื่อของเจ้าเพียง จากอีกฟากของประตู
“เดี๋ยวเราไปกันเลยนะ เอกคุณ” อชิระมองเห็นชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ที่ยังคงติดเครื่องอยู่ แต่ยังคงใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบอยู่ อชิระจึงมองเห็นหน้าของชายหนุ่มคนนั้นไม่ชัดนัก “เพียงขึ้นมาเลย เดี๋ยวเราพาไปดูบ้านใหม่หลาย ๆ ที่เลย จะไปกี่ที่ก็ได้ เอาที่เพียงพอใจ จนกว่าเพียงจะพอใจ” อชิระว่าเขาขนลุกขนพองกับคำพูดของหนุ่มบิ๊กไบค์แล้ว ยังต้องเห็นเจ้าเพียงขึ้นซ้อนหลังมอเตอร์ไซค์ของคนนั้นอย่างสนิทสนม
“หาบ้านใหม่ บ้านใหม่อะไรกัน เธอจะย้ายออกจากบ้านหรือไง เจ้าเพียง ทำไม” อชิระพูดรัวเร็ว “เธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพียงออ” อชิระอยากจะคว้าตัวเจ้าเพียงลงมาจากรถ ให้มาคุยกันให้รู้เรื่อง “ก็ไม่นาน” เจ้าเพียงตอบกลับอชิระไป “ก็ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วล่ะ ที่รับรู้ว่าบ้านหลังนี้ ไม่เหลือความปรานีให้แม่ของผมอีกต่อไป” อชิระหน้าชาดิก ที่เจ้าเพียงพูดใส่หน้าเขาแบบนั้น โดยมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วย
ยายจ๋ามองเห็นอชิระหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่อย่างนั้น แม้ว่ามอเตอร์ไซค์คันนั้นจะขับออกไปตั้งนานแล้ว อชิระหงุดหงิดมากกว่าที่เขาเคยเป็นมา ก่อนหน้านี้เขาเคยหงุดหงิดมากเท่าไหร่ ตอนนี้มันเพิ่มเติมจากนั้นอีกหลายร้อยเท่า เมื่อภาพอาการใกล้ชิดอี๋อ๋อของเจ้าเพียงกับไอ้หนุ่มล่ำนั่น อชิระสลัดมันหลุดออกจากความคิดของเขาเองไม่ได้ และเมื่อหันมา ยายจ๋าของเจ้าเพียงก็มายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดออกมาในสิ่งที่ทำให้อชิระนั้น ไม่สามารถเถียงหรือแก้ตัวใด ๆ ได้
*****************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J
ยอมจำนน - ธนนท์
https://www.youtube.com/watch?v=-6IZ7B5FUco
ไม่รู้ว่านานเท่าไร ก็จำไม่ได้นัก
Not sure how long it’s been, can’t exactly remember
ที่ฉันจำเป็นต้องอยู่อย่างคนที่แอบรัก
I am the one hiding my feelings like this
ต่อให้ฉันให้เธอร้อย มันก็น้อยไป
Though I’m giving you all, still falling short
คนที่รอ คนที่คอย ได้แต่น้อยใจ
I’m waiting, I’m wishing, feeling like shit
ถึงฉันจะทำอะไรทุกอย่างไปมากสักแค่ไหน
No matter how much I do, I do a lot for you
ไม่มีสักครั้งที่คล้ายว่าเธอนั้นจะหวั่นไหว
Not even once will make your heart flutter
คนไม่รักคือไม่รัก ก็ต้องเข้าใจ
You don’t really care, I should be fair
คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน จะให้ทำไง
It’s not me, now what can I do?
ถึงฉันไม่ได้ต้องการจะไป
I don’t really wanna leave
แต่ยังไงก็คงจะต้องลา
Yet, this might be my goodbye
เมื่อเธอนั้นให้คำตอบมาทางสายตา
When your answer is in your eyes
ก็คงต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ
I may need to give in since I’m not your love
ยอมจำลา แม้ว่ารักสักเท่าไหร่
Wanna go, though I really love you so
ไม่จำเป็นว่ารักฉันแค่ไหน
Doesn’t really matter how much I love you
แค่เธอไม่ได้รักก็แค่นั้น
You don’t love me, then it’s game over
ยอมจำใจเอ่ยคำว่าลาก่อน
I cave in, finally saying so long
ใจจำยอมรับว่าเธอนั้นต้องไป
Accept that you have your own way
กับความจริงว่าฉันมันไม่ใช่
With the truth that I’m not the one
แค่ต้องจำเอาไว้ เธอไม่รักกัน
Remind myself, you don’t love me
คิดถึงเท่าไร คิดถึงเท่าไร มันก็ไม่เคยถึง
My thought or my heart never reaches you
ไม่รู้ฉันเป็นคนที่เท่าไรที่เธอจะนึกถึง
How many to count until finding me on your list
ต่อให้สายตาของฉันมันบอกว่ารักเท่าไร
My eyes keep saying that I love you
เธอก็มอง มองกลับมาอย่างคนทั่วไป
But how you see me, I am an average Joe
พยายามคือคำที่ไม่มีความหมาย
Trying my best doesn't mean anything for you
จำได้ไหม ที่จริงเธอไม่เคยขอ
The thing is, no you’ve never asked for
ฉันเพิ่งเข้าใจ เพิ่งเข้าใจคำว่าดีไม่พอ
Now I get it, understand that I won’t be good enough
ทำดีให้ตาย ไม่มีความหมายถ้าไม่ใช่คนที่เขารอ
Die trying means nothing, I’m not what you’re longing for
ถึงฉันไม่ได้ต้องการจะไป
I don’t really wanna leave
แต่ยังไงก็คงจะต้องลา
Yet, this might be my goodbye
เมื่อเธอนั้นให้คำตอบมาทางสายตา
When your answer is in your eyes
ก็คงต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ
I may need to give in since I’m not your love
ยอมจำลา แม้ว่ารักสักเท่าไหร่
Wanna go, though I really love you so
ไม่จำเป็นว่ารักฉันแค่ไหน
Doesn’t really matter how much I love you
แค่เธอไม่ได้รักก็แค่นั้น
You don’t love me, then it’s game over
ยอมจำใจเอ่ยคำว่าลาก่อน
I cave in, finally saying so long
ใจจำยอมรับว่าเธอนั้นต้องไป
Accept that you have your own way
กับความจริงว่าฉันมันไม่ใช่
With the truth that I’m not the one
แค่ต้องจำเอาไว้ เธอไม่รักกัน
Remind myself, you don’t love me
ยอมจำนน
I’m throwing in the towel
ยอมจำนน
I surrender to you