IT is เต็มสิบ.2
“กลับได้เลย ไม่เป็นไรเดี๋ยวที่เหลือกูดูต่อเองไม่น่าจะมีอะไรแล้ว คืนนี้ก็ยาวกันทั้นคืนแล้ว”
ระบบล่ม
งานใหญ่งานยักษ์ กว่าจะกู้ระบบได้ ก็เล่นเอาแทบปางตาย
จากเช้าจรดค่ำถึงอีกวัน อยากจะร้องเพลงของพี่ปูพงษ์สิทธิ์ซะจริง แต่ตอนนี้เหนื่อยล้าจนหมดอารมณ์จะพูดอะไรได้
“แล้วพี่เต็มล่ะพี่ ยังไง”
จะยังไงล่ะ ก็เฝ้าตู้เซิร์ฟเวอร์อยู่นี่ไง กินนอนด้วยกันนี่แหละ จะแต่งงานกันแล้ว
“เออน่า เดี๋ยวกูนอนที่นี่แหละ มีอะไรเดี๋ยวโทรตาม รีบ ๆ กลับไปนอนกันได้แล้วไป เจอกันพรุ่งนี้”
ไล่ให้น้อง ๆ ร่วมแผนกกลับบ้านไปนอนหลังจากฝ่าฟันด้วยกันมาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน
ตีสามกว่าแล้ว และเต็มสิบก็ทรุดลงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และยกขาขึ้นวางบนโต๊ะคอม
โคตรเพลียใจจริง ๆ เพลียทั้งกายเพลียทั้งใจ จนอยากจะหลับไปทั้งอย่างนี้ ดึงเสื้อที่แขวนไว้ที่พนักเก้าอี้มาคลุมให้หายหนาวและถอดแว่นวางทิ้งไว้บนโต๊ะ
ตั้งใจจะหลับซักงีบเพื่อพักสายตา และความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ทำให้หลับไปได้อย่างง่ายดาย
+++
ตีสามกว่าแล้ว และธีรพลที่ควรจะกลับบ้านไปนานแล้วก็มาปรากฎตัวอยู่ที่หน้าแผนกไอที
กินนอนกันที่นี่เลย สบายเหลือเกิน
เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้ เห็นแล้วก็นึกโมโห
ในขณะที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ต้องไปกินดื่มกับลูกค้า ต้องคอยเอาใจลูกค้าเพื่อให้ซื้อโฆษณา ทำงานงก ๆ แต่ฝ่ายไอที เสือกนอนหลับมีความสุขอย่างสบายใจอยู่ที่บริษัท
มันน่าโมโหมั้ยแบบนี้
“สบายจริงนะคุณเต็มสิบ”
พาตัวเองมานั่งอยู่บนโต๊ะที่เต็มสิบใช้เป็นที่วางขาและคนที่หลับไปแล้วก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงทัก งัวเงีย ปรือตาตื่นขึ้นมาและพอเห็นว่าเป็นใครที่มานั่งอยู่บนโต๊ะ เต็มสิบก็แกล้งหลับต่อทันที
“นี่คิดว่าผมโง่จนดูไม่ออกว่าคุณแกล้งหลับเหรอ”
“ก็ดูออกไม่ใช่เหรอ แล้วจะพูดทำไมครับ แล้วนี่คุณมีธุระอะไรถึงได้ถ่อมาถึงนี่ อย่าบอกนะว่าคอมเปิดไม่ได้ มันไม่ใช่เวลาที่ผมต้องไปแก้คอมให้คุณนะ ขยับปลั๊กดูหรือยังล่ะ”
นี่ไง วิธีแก้ปัญหาของฝ่ายไอที เหอะ ขยับปลั๊ก ปิดแล้วเปิดใหม่ อะไรอีกที่ีฝ่ายไอทีทำได้
“ก็มาดูความเป็นอยู่ที่สุขสบายของคุณไง คนที่ไม่เคยให้เกียรติบริษัท คนที่สร้างปัญหาและไม่เคยจริงใจในการแก้ปัญหาให้กับทุกคน”
พล่ามอะไรวะ แม่งน่ารำคาญชิบหาย นี่ไม่ได้กินไม่ได้นอนมาเกือบตลอดทั้งคืนแล้วยังต้องมาฟังเสียงไอ้ประชาสัมพันธ์นี่พูดจาไม่เข้าหูอีกเหรอวะ
“เออ ผมสุขสบายดีมาก ขอบคุณที่เป็นห่วง เห็นว่าผมสบายดีแล้วก็ไปได้แล้วมั้ง”
ไล่คนมาเยือนด้วยความรำคาญ และธีรพล ก็เริ่มโมโหขึ้นมาทันที
“จ้างมาแพง แต่ไม่เคยทำงานจริงจัง”
แม่ง
มันจะพูดอีกนานมั้ยวะ
“คนจ้างไม่ใช่คุณ คุณจะเดือดร้อนทำไมเนี่ย รีบ ๆ กลับบ้านไปได้แล้วไป๊ ผมว่ามันน่าจะมีประโยชน์กว่าการที่มาคอยจับผิดกันแบบนี้นะ คนจ้างเขายังไม่เดือดร้อนเลย คุณจะเดือดร้อนทำไมมากมายครับ”
เพราะรำคาญ เพราะเหนื่อยล้าและอยากจะนอน เต็มสิบเลยไม่คิดจะรักษาน้ำใจคนฟัง
จะรักษาทำไม ไม่เคยมีน้ำใจให้กันอยู่แล้ว
“ผมก็ไม่ได้อยากรายงานหรอกนะว่าคุณเอาเปรียบบริษัทขนาดไหน”
“ผมรบกวน ขอร้อง อ้อนวอน วิงวอนให้คุณช่วยรายงานไปเลยครับ คุณกลับไปเขียนรายงานของคุณตอนนี้เลยก็ได้เอาที่คุณสบายใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปซะทีเถอะ ผมจะนอน”
คนเรานี่ต้องให้ไล่กี่ครั้งวะถึงจะไป
ไล่ครั้งที่หนึ่งก็แล้ว ครั้งที่สองก็แล้ว เสียงบ่นงุ้งงิ้งที่ฟังไม่รู้เรื่องของพ่อประชาสัมพันธ์คนดีของบริษัทนี่แม่งน่ารำคาญชิบหาย
“นี่คุณเต็มสิบ คุณน่าจะ.........”
กำลังจะอ้าปากพูดต่อ และเต็มสิบที่เกิดความรำคาญอย่างถึงที่สุดก็ลุกพรวดพราดขึ้นยืนทันที
“แม่งน่ารำคาญว่ะ นี่ผมถามจริงเหอะ คุณชอบผมหรือไง ตามจิีบผมอยู่ได้”
ทั้งเหนื่อยทั้งล้า แล้วยังต้องเจอกับความน่ารำคาญขั้นสุดของธีรพลไม่ว่าใครก็ทนไม่ไหว
ปล่อยให้พล่ามมาหลายนาทีแล้ว ไล่ไม่รู้กี่รอบแล้วก็ยังไม่ไป เลยต้องลุกขึ้นถามเพื่อไล่ให้คนน่ารำคาญรีบ ๆ กลับไป
ธีรพลนิ่งชะงักกับสิ่งที่คนตรงหน้าถามและหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น
ถามมาได้ยังไงคำถามโง่ ๆ แบบนี้ ถ้าไม่บ้าจริง ๆ จะมีใครถามหรือพูดแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันมั้ย
“ว่าไงนะ”
“ผมถามว่าคุณเป็นอะไร ชอบผมมาก รักผมมาก เลยต้องตามจีบ ตามรักตามห่วงหรือไง”
“...........”
ตะคอกถามไปอีกครั้งเพื่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าโมโหจะได้รีบ ๆ ไป
แต่อาการชะงักนิ่งและอ้าปากค้างของคนที่ถูกถาม ก็ทำให้เต็มสิบที่กำลังหงุดหงิดอย่างถึงที่สุดได้มองหน้าของธีรพลที่อยู่ห่างกันแค่เพียงเล็กน้อยแบบชัด ๆ
“ชอบ...คุณ..เนี่ยนะ?”
เออใช่ ชอบกูนี่แหละ มีปัญหาหรือไง
ธีรพลเอียงคอด้วยความสงสัย และกำลังคิดว่าเจ้าหน้าที่แผนกไอทีอย่างเต็มสิบเอาสมองส่วนไหนคิดถึงตีความแบบนี้ออกมาได้
“ชอบคุณเนี่ยนะ?”
ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ และเต็มสิบก็ขมวดคิ้วมุ่น เพราะอีกฝ่ายยังถามคำถามโง่ ๆ แบบเดิมไม่เลิก
มันแปลยากตรงไหนวะ ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ จะให้พูดภาษาซีหรือยังไง
“เออ”
“..................”
“What?????”
What พ่อง จะวอทห่าอะไร
เพราะโดนคุกคาม ธีรพลก็เลยรีบลุกขึ้นจากโต๊ะและมายืนตัวตรง
“ถ้าชอบแล้วจะทำไม”
“ห้ะ!?!”
ถ้าชอบแล้วก็ไม่ทำไมครับ
“What?????”
ถามกลับไปในแบบที่ถูกถาม และกำลัง “งง” กับคำตอบที่ได้รับ
ธีรพลลูกรักของบริษัทจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ จัดเสื้อให้เข้าที่และเอียงคอไปมาอย่างมีมาดเหมือนเคย ยืนเก็กหล่อได้น่าหมั่นไส้ที่สุด และเต็มสิบก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจก่อนจะลงไปนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง
เลิกสนใจคนที่มาก่อกวนและดึงเสื้อมาคลุมเพื่อคลายหนาว หลับตาลงและไม่สนใจธีรพลที่อุตส่าห์ถ่อมาเยือนมาสร้างความรำคาญให้ได้แม้จะดึกดื่นป่านนี้
ไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีก
ธีรพลจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ดูมีมาดอยู่เสมอ เดินออกไปแล้ว และยังไม่เข้าใจคำตอบที่ตัวเองเพิ่งตอบออกไป
“ถ้าชอบแล้วจะทำไม”
คืออะไรวะ แปลว่าอะไร หมายความว่ายังไง ทำไมถึงตอบไปแบบนั้น ไม่เข้าใจ
แม้ตัวเองยังไม่เข้าใจแล้วจะมีใครเข้าใจได้
และเต็มสิบที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่า ก็พยายามข่มตาลง หลับตาแล้ว แต่ก็ยังงงกับคำตอบที่ได้รับจากธีรพล
ถ้าชอบแล้วจะทำไม แปลว่าอะไรวะ แปลว่าชอบกูเหรอ หรือยังไง
“อะไรของแม่งวะ”
ได้แต่บ่นพึมพำคนเดียวด้วยความไม่เข้าใจ และส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
ใครชอบได้ก็เอาเลย แต่ไม่ใช่กูแน่ มีคนน่ารำคาญแบบนี้อยู่ใกล้ตัว ประสาทแดกตายห่า พูดจาไม่รู้เรื่อง ใครจะเอาจะชอบก็แล้วแต่ตามใจ ยกเว้นเต็มสิบไว้หนึ่งคนก็พอ
TBC.