ตอนที่24
หลังจากเม่ยเหนียงผละไปเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงยังอยู่พูดคุยกับอู่เหว่ยกั๊วะในกระโจม พวกเขาสนทนาถกเถียงกันหลายเรื่องรวมไปถึงเรื่องที่ท่านอู่ได้รับราชโองการอีกด้วย
“จริงๆพวกเราต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงในอีกไม่นาน คุณชายเสวี่ยหากว่าการเดินทางของเจ้าไปในทางเดียวกับเราก็เดินทางร่วมไปกับเราเถอะนะ”
เสวี่ยหมิงนิ่งคิดตามจริงพรรคมังกรพิโรธนั้นอยู่ในหุบเขาหมื่นปีซึ่งตั้งอยู่ทางชายแดนทิศเหนือ หากเดินทางไปกับท่านอู่ซึ่งจะไปยังเมืองหลวงที่อยู่ตรงภาคกลางก็น่าจะไม่มีปัญหาอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นได้เม่ยเหนียงคงจะดีใจน่าทีเดียว
“ว่าอย่างไรเล่าคุณชายเสวี่ย ข้อเสนอของข้าเจ้าเห็นเป็นเช่นไร”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่านอู่มากเกินไปพวกเราก็ขอร่วมเดินทางไปด้วยจนถึงเมืองหลวงนะขอรับ”
เสวี่ยหมิงตกลงใจได้ในที่สุด อู่เหว่ยกั๊วะยิ้มกว้างท่าทางพึงพอใจ ตามจริงแล้วมันใช่ไม่รู้ว่าบุตรีหลงไหลในตัวเสวี่ยหมิง การที่มันชวนให้ร่วมเดินทางไปด้วยนอกจากอยากรักษาไมตรียังต้องการเปิดโอกาศให้ลูกรักสานสัมพันธ์อันดีงามกับคนแซ่เสวี่ย
“นายท่าน” ขณะที่กำลังจะกล่าววาจาต่อไป พ่อบ้านของสกุลอู่ก็วิ่งเข้ามาหน้าตื่น คนในกระโจมทั้งหมดหันไปมองพ่อบ้านเป็นจุดเดียว
“คนของเราถูกทำร้ายกลับมา ทั้งคุณหนูก็ถูกลักพาตัวไปด้วยคนชุดดำขอรับ”
กล่าวจบคนของค่ายอาชาก็แบกคนเจ็บเข้ามา อู่เหว่ยกั๊วะร้อนใจถึงที่สุดรี่เข้าไปซักถามคนเจ็บ เสวี่ยหมิงรีบขยับลุกตามไปดู
“นายท่านข้าไร้ความสามารถ ทำให้คุณหนูถูกชายชุดดำลักพาตัวไประหว่างการเดินทางไปเมืองเหวยกัง”
คนเจ็บพยายามเค้นวาจาพูดดูจากบาดแผลตามร่างกายเสวี่ยหมิงคาดว่าคงพยายามอย่างมากที่จะหนีกลับมาเพื่อแจ้งข่าวร้าย
“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าคนลักพาตัวบุตรีข้าไปเป็นใคร”
“ไม่รู้ขอรับนายท่านพวกมันปกปิดหน้าตาและล้วนใส่ชุดดำ พวกมันไม่พูดไม่จาตรงเข้าทำร้ายพวกเรา มีข้าแค่คนเดียวที่รอดกลับมาได้ขอรับ”
อู่เหว่ยกั๊วะฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“นำคนเจ็บไปพักผ่อน”
เมื่อไม่รู้จะสืบหาความอะไรอีกจึงสั่งให้ข้ารับใช้นำคนเจ็บออกไป เสวี่ยหมิงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ครุ่นคิดอยู่แต่แรก เขาใช่จะเดาไม่ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง กระนั้นก็ยังเป็นแค่การคาดเดา
“ท่านลุงอู่ข้าคิดว่าเม่ยเหนียงอาจจะถูกเหลยเฟิงลักพาตัวไปก็ได้”
เสี่ยวหลงเป็นคนพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาออกไป ทุกคนในกระโจมหันไปมองที่เด็กน้อยเป็นจุดเดียว
“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเสี่ยวหลง” อู่เหว่ยกั๊วะถาม ในขณะที่เสี่ยวหลงยักไหล่
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกขอรับท่านลุงอู่ ข้าแค่คิดว่ามันมีทางเป็นไปได้ แล้วอีกอย่างเหลยเฟิงเองก็ยอมถอยง่ายเกินไป ตามจริงระหว่างทางที่เราเดินทางมาพบเห็นพฤติกรรมของลูกน้องคนผู้นี้มาก็มาก จากคำสั่งและการกระทำของชนชั้นมุสิกที่ฉุดคร่าสาวชาวบ้านอยู่เนืองๆ ใครๆก็อาจคิดได้ว่าเหลยเฟิงเป็นคนลงมือ”
เสวี่ยหมิงและอู่เหว่ยกั๊วะรู้สึกว่าคำพูดของเสี่ยวหลงมีเหตุผล แต่ทุกอย่างยังเป็นข้อสันนิษฐานเพียงเท่านั้นจึงยังไม่ปลงใจเชื่อเสียทีเดียว
“หากว่าพี่ใหญ่กับท่านลุงอู่ยังแคลงใจในข้อสันนิษฐานของข้า ถ้าอย่างไรรอให้ข้ากับพี่ใหญ่ลอบเข้าจวนของเหลยเฟิงไปสืบข่าวเม่ยเหนียงซักคราดีหรือไม่”
เสี่ยวหลงเสนอความคิดดีดีออกมา มันหวังว่าทุกคนจะเห็นด้วย ตามจริงถึงมันจะไม่พอใจที่เม่ยเหนียงมีใจให้พี่ใหญ่ แต่มันใช่เป็นคนไร้น้ำใจ มันเองรู้สึกดีกับเม่ยเหนียงไม่มากก็น้อย หากเด็กหญิงนั่นถูกฉุดคร่าไปย่ำยีทั้งที่มันยังอยู่ที่ตรงนี้ มันยอมรับ ตัวมันเองก็ทนไม่ได้เช่นกัน
“หากว่าข้าจะฝากให้คุณชายเสวี่ยรับเรื่องนี้ไปทำจะเป็นการรบกวนหรือไม่” อู่เหว่ยกั๊วะเอ่ยถามสีหน้าดูเคร่งเครียดแต่ยังมีความเกรงใจอยู่ในแววตา
“ไม่มีปัญหาขอรับท่านอู่ เม่ยเหนียงเองก็เป็นเหมือนน้องสาวข้าคนหนึ่ง ไม่แค่ไปสอดแนมเท่านั้นข้าจะช่วยตามหาเม่ยเหนียงให้ท่านด้วย”
เสวี่ยหมิงใช่ว่าจะกล่าววาจาลอยๆ เขาตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้าช่วยท่านอู่อย่างจริงจัง ด้วยไม่อาจเมินเฉยต่อการหายตัวไปของเม่ยเหนียงได้ ยิ่งมีเบาะแสให้พอจับต้องได้อยู่บ้าง เขาเองก็จะตั้งใจตามหาเม่ยเหนียงอย่างสุดความสามารถ
“ถ้าอย่างนั้นลอบเข้าจวนของเหลยเฟิงคืนนี้เลยดีหรือไม่พี่ใหญ่”
เสี่ยวหลงเสนอ เสวี่ยหมิงกับอู่เหว่ยกั๊วะเองก็เห็นพ้องต้องกัน ยิ่งเร็วยิ่งดี ก่อนที่อะไรๆจะเสียไปจนไม่อาจทวงคืนกลับมาได้
เม่ยเหนียงหลังจากถูกคนชุดดำลักพาตัวมาก็ถูกพามายังหมู่ตึกหรูหราแห่งหนึ่ง นางโดนบังคับให้อยู่แต่ในห้อง สิ่งที่นางทำได้อย่างเดียวคือรอคอยให้เจ้านายของคนชุดดำโผล่หัวออกมาพูดกับนาง
รอคอยอยู่นานหลายชั่วยามในที่สุดการรอคอยของนางก็จบลง คนที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องหับคือคนชั่วเหลยเฟิง นางไม่น่าจะลืมคนผู้นี้ไป พฤติกรรมชั่วช้าอย่างฉุดคร่าหญิงชาวบ้านจากพ่อแม่ แค่ลักพาตัวนางมาอีกคนใช่จะทำไม่ได้
“คนชั่วอย่าคิดว่าจะทำอะไรได้ตามใจชอบนะ”
เม่ยเหนียงถลึงตาใส่เหลยเฟิง คนตรงหน้าถึงแม้จะถูกด่าทว่าหาโกรธไม่ กลับเอาแต่ยกยิ้มพึงพอใจ แววตาที่เต็มไปด้วยความกรุ้มกริ่มนางเห็นแล้วก็ให้ขนลุกชัน
“เจ้าห้ามเข้ามาใกล้ข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะกัดลิ้นตายให้ดู”
นางไม่ได้ล้อเล่นแน่นอนหากต้องสูญเสียความบริสุทธิ์นางยอมเป็นหยกแหลกสลายแต่จะไม่มีวันที่นางจะปล่อยให้ใครมาย่ำยีอย่างเด็ดขาด ทว่าเหมือนคำขู่ไม่ได้ผลเหลยเฟิงยังคงยิ้มละไมและยังรักษาระยะห่างกับนาง
“ฮูหยินอย่าได้พูดจาเหลวไหล เจ้ายังไม่ทราบความร้ายกาจของข้า ตัวข้าเองนอกจากจะเรียนรู้กลวิชากามาอันเป็นวิชาสุดยอดของสำนักกุสุมาลย์ ยังมียาปลุกกำหนัดที่ใช้ได้ผลยิ่ง ด้วยสองสิ่งที่มีอยู่ในมือนี้เชื่อว่าฮูหยินจะมีความสุขทั้งยังไม่ปันใจไปหาชายอื่นนอกจากข้า”
เหลยเฟิงไม่ได้โกหก สำนักกุสุมาลย์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงล้วนได้เรียนรู้วิถีแห่งกามารมณ์จนเจนจัด การฝึกเรื่องโลกียะเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกวิชาหยกรัญจวน สำหรับศิษย์ซึ่งเป็นบุรุษนับเพื่อมอบความสุขสุดยอดให้แก่เหยื่อที่ใช้ฝึกวิชา สำหรับศิษย์สตรีนอกจากมอบความสุขให้แก่เหยื่อยังเป็นการฝึกฝนการเป็นสายลับบนเตียงให้กับสำนักกุสุมาลย์อีกด้วย
“ชั่วช้าต่ำทรามนัก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮูหยินจะว่าข้าต่ำทรามก็ได้ ข้าจะให้เวลาฮูหยินได้ทำใจซักหน่อย ข้าเป็นสุภาพบุรุษเยี่ยงนี้ คาดว่าอีกไม่นานฮูหยินคงรักข้าจนหมดใจ”
กล่าวจบเหลยเฟิงก็ออกจากห้องหับไป เม่ยเหนียงอยากจะกรีดร้องให้เต็มเสียงนัก ทว่านางกลับทำไม่ได้ เนื่องจากความเสียใจและหวาดกลัวขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย กระนั้นนางยังมีความหวังว่าพี่ใหญ่และพ่อของนางจะมาช่วย แต่ใช่ว่านางจะยอมงอมืองอเท้า นางมองไปยังไฟในตะเกียงตรงหน้า มีความคิดที่จะจุดไฟเผาตึกนี้ให้วอดวายแล้วฉวยโอกาสหลบหนีไปในเวลาฉุกละหุก
ทว่ากลับไม่เป็นดั่งใจคิด หลังจากเหลยเฟิงออกไปไม่นานนัก คนของเหลยเฟิงก็พากันเข้ามาในห้องพวกนางล้วนเป็นสตรีที่รูปโฉมงดงาม นี่คงมาเฝ้าดูการกระทำของนางช่างน่าตายนัก ไม่เพียงแค่สตรีจอมจุ้นพวกนี้ที่หน้าประตูยังมีชายหลายคนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
“พวกเจ้าใช่คนที่ถูกเหลยเฟิงลักพาตัวมาใช่หรือไม่” เม่ยเหนียงไม่ยอมแพ้คิดจะหาพวกด้วยการพูดคุยหากนางเกลี่ยกล่อมสตรีเหล่านี้ให้ช่วยนางได้ นางนอกจากจะเอาตัวรอดได้ก็จะพาพวกนางหนีไปด้วยกัน ทว่าพวกนางกลับหัวเราะเสียงเจื้อยแจ้ว
“ฮูหยินอย่าได้คิดหาพวก พวกเราหาใช่พวกเดียวกับฮูหยินไม่” สตรีนางแรกกล่าวกับนาง
“ตามจริงพวกเราล้วนเกลียดชังฮูหยินนัก เพราะว่ามีฮูหยินมาเพิ่มนายท่านจึงเอาใจใส่พวกเราน้อยลง” สตรีอีกนางพูด
“บอกกล่าวตามตรงพวกเราพอใจต่อรสรักของนายท่าน อีกทั้งนายท่านยังฝึกสอนวรยุทธให้แก่พวกเรา พวกเราต่างชั้นกับสตรีที่ถูกขังอยู่ในคุกของจวนแห่งนี้มากมายนัก ยังมีสิ่งใดให้เราไม่พอใจคิดทรยศนายท่านอีก”
กล่าวจบพวกนางก็พากันหัวเราะเยาะเย้ยเม่ยเหนียง นางคล้ายกลายเป็นตัวตลกไป อยากจะเอามีดกรีดหน้าของพวกนางนัก ทว่าพวกนางมีกันหลายคนจึงได้แต่คิดหนทางหนีอื่นต่อไป หากไม่ถึงที่สุดนางไม่ยอมกัดลิ้นตายไปง่ายๆอย่างเด็ดขาด
นอกจากนั้นจากที่สตรีชั่วช้าเหล่านี้พูด ยังมีเด็กสาวอีกมากถูกขังอยู่ในจวน เม่ยเหนียงรู้สึกสงสารพวกนางที่ต้องมารับชะตากรรมเดียวกัน ทว่าแค่เอาตัวรอดยังไม่มีหนทาง นางจึงไม่กล้าคิดเรื่องช่วยเหลือใครอื่นอีกได้แต่ทำใจให้นิ่งสงบครุ่นคิดหาทางออกต่อไปเงียบๆ
มาต่อกันแล้วนาจา รู้สึกว่าเขียนยากเลยกระดืบๆๆๆๆๆ น้อยอีกแล้ว555555
ตอบคำถามนิดหน่อยกับคุณแมคโนเลีย เราเป็นแฟนหนังสือของคุณหวงอี้ค่ะ5555
ดังนั้นนิยายเราจึงเฉียดกรายเนื้อหาใกล้ๆกันมาก หวงัว่าคงไม่เหมือนมากเกินไปนะ
เราชอบทั้งสามเรื่องเลยค่ะทั้งมังกรคู่สู้สิบทิศ จอมคนแผ่นดินเดือด เทพมารสะท้านภพ ตอนนี้เริ่มอ่านเหยี่ยวมารอยู่อิอิ
อ่านเยอะแต่เวลาเขียนกลับทำไม่ได้ดีเท่าไหร่55555 ถ้ายังไงฝากท่านผู็อ่านติดตามต่อด้วยนะคะ
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า