.
.
.
.
.
ผมรีบเดินไปห้องครัว เห็นจานอาหารอยู่บนโต๊ะ ดูท่าว่าจะทำมาสักพักใหญ่ๆแล้วจานถึงได้เย็นขนาดนี้ ผมเลยเอาเข้าไมโครเวฟ แล้วมันอุ่นยังไงละนี่ ผมเก้ๆกังๆอยู่นานเลยตัดสินใจบิดมันให้ถึงจุด Max ไปเลย
“ไม่ต้องหมุนขนาดนั้น เราไม่ได้อุ่นนาน เดี๋ยวระเบิดพอดี” มันพูดแล้วเดินมาหมุนกลับให้เหลือไม่เท่าไร
“ผมว่าผมไปนั่งรอดีกว่า จะได้ไม่ระเบิด” เออนะ เล่นเองเจ็บเอง ก็คนทำไม่เป็นนี่หว่าทำไงได้ละ
ทานอาหารเสร็จก็ช่วยกันเก็บไปล้าง ผมมีหน้าที่ส่งจานอย่างเดียวแล้วก็ดูอีกคนล้างจานไปพลางๆ ยิ่งนานไปผมก็ยิ่งหลงรักมันหมดใจเลยนะ ผมพยายามหาเหตุผมแล้วนะว่าทำไมถึงได้รักมันมากมายขนาดนี้ แต่ก็หาไม่ได้เลย มันมากมายจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรหรือความรักไม่มีเหตุผลอย่างที่ใครเคยพูดกันก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ ผมรักมัน แค่นี้แหละที่ผมรู้ตอนนี้
“ผมเริ่มยาวแล้วนะ ไม่รำคาญ?” แอบสะดุ้งกับเสียงมันนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มให้ มันเลิกคิ้วมองงงๆว่าผมเป็นอะไร
“ก็รำคาญนะครับ อยากให้ตัดเหรอ”
“อย่างนี้ก็น่ารักดี เหมือนแมวขนยาว” หือ บนหัวเรียกว่าผมไม่ใช่เหรอ ขนมันตรงแขนตรงขาโน่น
“แต่ผมคุณก็ยาวแล้วนะครับคงแยงตาแย่ งั้นเราไปตัดผมกันเลยไหม” เมื่อเห็นว่ามันล้างจานเสร็จแล้วก็จูงมือให้ไปถึงโซฟา มันมองตาปริบๆ
“แล้ว..หนังสือ?” วันนี้เกียร์สอบตัวสุดท้ายเสร็จแล้วครับ แต่ผมยังมีอีกตัวสอบวันพรุ่งนี้
“เอ้า ก็เอาไปอ่านที่ร้านสิครับจะไปยากอะไร เกียร์นี่นะไม่รู้เรื่องเลย” ผมได้ทีก็ทับถมใหญ่ หึๆ
“คนเยอะ” มันไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆนี่นาผมลืมไป แต่ร้านทำผมก็ต้องคนเยอะเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ
“แล้วปกติไปตัดที่ไหนอะครับ” ผมถาม มันนั่งลงบนโซฟาแล้วกระตุกมือให้ผมนั่งคล่อมตัก โอ้ย ชอบให้ทำท่าส่อแววอนาจารตลอด
“กลับบ้านไปให้แม่ตัด” คุณน้ำแข็งลูกทัพพี ขนาดจะตัดผมยังต้องใช้แม่อีก ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
“คุณรักสันโดษเกินไปแล้ว ป่ะ ลุกได้แล้วเกียร์ ไปตัดผมกัน” ผมแทบจะรับไม่ได้กับสภาพของเกียร์ตอนนี้ อยู่ไปอยู่มาเริ่มเหมือนโจรใต้ ผมเผ้ารุงรังแถมหนวดเคราเฟิ้ม ถ้าผมไม่โกนให้มันก็ไม่ยอมโกนหนวดเองอีก
“ไม่เหนื่อยแล้วเหรอ แดดก็ร้อน ออกไปเดี๋ยวไม่สบาย” มันอ้างโน่นอ้างนี่ ความจริงขี้เกียจออกไปเจอคนละสิไม่ว่า
“คุณชอบดื้ออะ! นี่ก็เย็นแล้วนะครับ ไปรถผมก็ได้เหอะไม่เหนื่อยหรอก ผลัดวันประกันพรุ่งอย่างนี้ไม่ได้ไปตัดสักที” ผมเริ่มหงุดหงิดกับไอ้คุณหมาน้ำแข็ง ไม่รู้จะเบื่อคนอื่นทำไมนักหนา แค่เจอหน้าคนที่ไม่รู้จักนี่มันยากนักเหรอทำตัวเป็นเด็กไปได้ อยากจะตบกระโหลกมันจริงๆแต่ก็กลัวตาย
“ตัดให้เกียร์สิ” มันไม่ยอมลุกแถมยังให้ผมตัดให้อีก
“คุณอยากได้ทรงนักบวชเหรอครับ ถ้าเกียร์ให้ผมตัด ผมต้องโกนหัวคุณแถมยังไถหนังหัวคุณแน่ๆ” มันนิ่งไปก่อนพยักหน้า
“ยอม” ยอมพ่อง!
“แต่ผมไม่ยอม ลุกมาซะดีๆเลย” ผมลุกขึ้นจากตัวเกียร์ ลากแขนให้มันลุก แต่คุณน้ำแข็งทำตัวเหมือนลูกตุ้มห้ากิโล ไม่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี ผมว่าต้องใช้แผนเผด็จการแล้วละ
“ได้ งั้นผมกลับไปนอนบ้านแล้วกัน” ว่าแล้วหันตัวกลับไปทางประตู ยังไม่ทันจะก้าวก็มีเสียงกับแรงดึงจากด้านหลังเสียก่อน
“ร้านไหน รอใส่รองเท้าก่อน” มันจับมือผมให้หยุดยืนมองมันรีบใส่รองเท้า
“ไปร้านประจำของผมแล้วกันนะครับ” พูดจบก็ยิ้มประจบ มันคงหมั่นไส้แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่มองอย่างคาดโทษ
ผมชวนมันออกไปโดยมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่คันเดิม ไหนบอกว่ากลัวร้อน กลัวจะไม่สบายไง อะโด่ นี่มันก็เย็นแล้วเถอะ แดดเดิดอะไรไม่มีหรอก ร้านที่ผมไปอยู่แถวทาวน์ อิน ทาวน์ ค่อนข้างไกลจากคอนโดพอสมควร แต่ใกล้กับวัดที่ผมไปมาเมื่อวานนะ
“จอดข้างหน้านะครับ ร้านนี้ละ” มันเทียบจอดฟุตบาท หันมาถอดหมวกให้ผมก่อนจะถอดให้ตัวเองเหมือนปกติแล้วหันไปมองร้าน
“แพงไปไหม”
“วันนี้ผมเลี้ยงเอง ไหนๆเมื่อวานก็ได้ฟังเสียงหล่อๆของคุณแล้ว” ผมพูดยิ้มแซว แต่คุณน้ำแข็งก็ยังเป็นคุณน้ำแข็งอยู่วันยันค่ำ หน้านิ๊งนิ่งเป็นรูป -_- ตลอด
“ขอแค่ที่เกียร์เคยพูดไว้ก็พอแล้ว” มันพูดแล้วขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด ดีที่อยู่หน้าร้านทำผมแล้วนะ ไม่งั้นคงได้เดินหัวฟูกลับบ้านแหงๆ
“สวัสดีค่ะคุณอชิระ วันนี้มาเย็นเชียวนะคะ เป็นยังไงบ้างคะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย” พี่พนักงานผู้หญิงที่เป็นช่างประจำของผมปรี่เข้ามาทักทาย พนักงานที่นี่ถูกเทรนด์มาดีครับ ไม่มีการกระโตกกระตากให้เห็นจนน่าหงุดหงิดเหมือนที่อื่น ไม่เข้าใจทำไมเจอผมแล้วต้องกริ๊ดกร๊าดอย่างกับดาราคนดังมาเยือนอย่างนั้นละ
“สบายดีครับ พอดีเดี๋ยวนี้ยุ่งๆน่ะครับเลยไม่ได้แวะมาตัดผมเลย นี่ก็ผมยาวมากแล้ว” พูดแล้วจับผมเบาๆ
“อ๋อค่ะ งั้นวันนี้ตัดเป็นทรงเดิมหรือจะเปลี่ยนทรงดีคะ?”
“ดีไซน์ให้ใหม่เลยแล้วกันครับ ทรงเก่าซ้ำมาสองปีแล้ว” ผมพูดแล้วหัวเราะ จริงๆนะ ผมไม่ค่อยเปลี่ยนอะไรบ่อยหรอก ไม่ได้เป็นคนขี้เบื่อขนาดนั้น
“ฮ่าๆ ได้ค่ะ”
“แล้วก็จัดการคนนี้ด้วยนะครับ” ผมพูดแล้วชี้ไปที่คนข้างๆ
“ค่ะ สะดวกเป็นช่างเพชรไหมคะ หรือสนใจเป็นคนไหนพิเศษ” พี่พนักงานยื่นรายชื่อช่างในร้านให้เกียร์ดู มันมองนิดหน่อยแล้วหันมาสบตาผมเหมือนให้จัดการแทน
“ช่างเพชรก็ได้ครับ” เพชรคือใครผมยังไม่รู้เลย แต่เขาแนะนำมาเลยเออออไป
“ได้ค่ะ งั้นกรุณาเชิญทางด้านนี้เลยค่ะ”
ผมเดินล้าหลังพนักงานทั้งสองคนแล้วพูดกับเกียร์เสียงออดอ้อน
“เกียร์ ผมอยากย้อมผมจัง”
“เป็นหมอห้ามย้อมผม” มันพูดสวนขึ้นทันควัน
“ไม่ได้ห้ามเถอะ แค่ไม่ได้แดงเกินหน้าเกินตาก็ไม่เป็นไรหรอก..มั้ง” ก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอก เพราะปกติถ้าใครทำสีผมก็จะถูกนักเรียนแพทย์คนอื่นมองแถมอาจถูกประนามในใจ เพราะในฐานะที่เป็นว่าที่แพทย์ การย้อมสีผมจัดๆจะทำให้ดูลดความน่าเชื่อถือลงไปน่ะครับ
แต่คิดเหรอว่าถ้าผมมีโอกาส จะย้อมแค่สีพื้นฐาน ไม่มีท๊างง
“แต่เกียร์ไม่อยากให้ย้อม แค่นี้ก็เด่นพอแล้ว” มันพูดเสียงติดหงุดหงิดดูจะไม่ค่อยชอบใจนัก
“มั่วแล้ว เด่นตรงไหนกัน สรุปผมย้อมด้วยดีไหมครับ อยากได้เป็นสีพาร์ทเทลแบบชมพู ฟ้า ชานิดหนึ่ง” ถ้าย้อมแบบนี้ต้องโดนอาจารย์เรียกไปดุแน่ๆ แต่เห็นเดี๋ยวนี้เขาฮิตกันเลยอยากทำบ้าง มันก็สวยดีนะครับ เสียดายที่เหมาะแค่กับคนผิวขาว ถ้าเข้ากับผิวสีแทนน้ำผึ้งป่านนี้คงทำกันหมดประเทศแล้วละ
“........” งอนแน่ๆ หันหน้าหนีแบบนี้
“ได้หรือเปล่าอะครับ”
“....ตามใจ” เสียงแข็งมาแต่หน้ายังไม่หันตรงตามเดิม
“โกรธผมเหรอ” นั่น ยังไม่ตีหน้ากลับอีกนะ ดึงหน้าอยู่ได้ทุกวันเดี๋ยวก็เหี่ยวไวหรอก
“เปล่า” แต่หน้าคุณไม่เปล่าเหมือนอย่างที่พูดเลยนะคุณน้ำแข็ง
“ก็ได้ ไม่ย้อมก็ไม่ย้อมสิ”
“....” มันหันมามองปรายตา หูย เย็นชาชะมัด
“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมทำ ผมก็ไม่ทำหรอก แค่คุณบอกผมก็ไม่ทำแล้ว ถึงจะอยากทำมากก็เถอะ” มันหันมามองผมเต็มตาแล้วนิ่งไปก่อนจะส่งสายตาแปลกๆมาให้
“กลับบ้านกันเลยไหม”
ผมถลึงตาใส่คนชอบหื่นก่อนจะตีแขนมันไปทีกลบเกลื่อนความเขินอายแล้วรีบนอนบนเตียงสระผม ผมแอบมองคนข้างๆที่ดูไม่ค่อยชอบใจที่มีคนมาแตะหัวแตะตัวแต่ก็ยอมนอนหายใจอยู่นิ่งๆ ผมว่าบางทีมันก้นิ่งเหมือนปลาตายไปนะแต่ผมก็รักที่มันเป็นแบบนี้ละ ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำให้คนอื่นชื่นชม
“สนใจเป็นทรง under cut ไหมคะ ตอนนี้กำลังฮิตกันอยู่ อีกอย่างรูปหน้าของคุณอชิระก็ดูดีอยู่แล้ว ทรงนี้ต้องเหมาะแน่ๆเลยค่ะ” พี่พนักงานถามขณะที่พวกผมนั่งเตรียมตัดผมแล้ว
“ก็ดีครับ จะได้ไม่ร้อน”
“สั้นไป” ผมหันไปตามเสียงคนข้างๆที่อยู่ๆก็โพล่งออกมา
“หือ งั้นเอาทรงอะไรดีละครับ” พนักงานมองพวกผมงงๆ คงสงสัยว่าหัวไอรักแต่มึงเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาเสนอความคิดเห็นขนาดนี้ละสิ ไม่อยากจะบอกเลยว่าฐานะลึกซึ้งกว่าที่พวกคุณคิด
“ทรงแมว” มันหยิบหนังสือมากางบนตักผม เป็นวัยรุ่นญี่ปุ่นผู้ชายหน้าใสที่ซอยผมเข้ารูปหน้า มีความยาวประบ่า ส่วนด้านหน้ามีหน้าม้าพริ้วๆปัดข้าง ..คาวาอิไปไหมนั่น
ร้อนฉิบหายเถอะทรงนี้
“โหอย่าเลย หน้าอย่างผมทำไม่ไหวหรอก อีกอย่างผมยาวๆมันรำคาญตาด้วย เอาสั้นๆไปก็ดีแล้วนิครับ”
“...” มันครุ่นคิดพลางทำหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
“แล้วเกียร์จะตัดทรงอะไรละครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องของมันกลัวช่างทั้งสองคนจะรอนาน
“สกินเฮด” ผมหันมองควับแทบไม่ทัน
“หือ แน่ใจนะครับ?” มันพยักหน้า
“ให้ทำไหม” มันเอ่ยปากถามความเห็น หัวคุณนี่ครับผมจะไปบังคับได้อย่างไรกันเล่า
“ก็..ได้มั้งครับ ไหนๆคุณก็อุส่าออกมาตัดผมได้แล้วเนอะเอาให้สั้นไปเลยก็ได้ งั้นคนนี้เอาทรงสกินเฮด ส่วนของผมเป็น under cut นะครับ” ผมกันไปบอกช่างทั้งสองคน ถ้าจะให้เกียร์สั่งวันนี้คงไม่ต้องตัดกันแล้วละ
“ได้ค่ะ”
จากนั้นก็เริ่มตัดผมพลางเอาหนังสือเรียนที่หยิบติดมากางอ่าน ดีที่ร้านนี้เขาไม่ค่อยพูดในเวลาที่กำลังตัดผม เห็นว่าเป็นกฎเพราะลูกค้าบางท่านไม่ค่อยชอบ สงสัยกลัวน้ำลายกระเด็นใส่หัวตัวเอง ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเราชวนคุยเขาก็จะคุยครับ
“นาน” ผมเงยหน้าจากหนังสือไปมองเจ้าของเสียงที่หันมาบอกผมโดยไม่ได้สนใจช่างทำผมเลย นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทรงมันไม่ได้ใช้เวลานานเท่าผมนะแต่พี่แกเก็บรายละเอียดซะนึกว่าตัดครั้งละแสน
“เกียร์” ผมเอ็ดมันเบาๆ เพราะเหลือบไปมองช่างเขาทำหน้าเสียนิดหน่อย
“เอ่อ เสร็จแล้วครับ ขอประทานโทษที่ช้าไปหน่อย”
มันลุกขึ้นแล้วบอกผมว่าจะไปนั่งรอที่ห้องรับแขกของร้าน ผมมองจนลับตาเลยครับ ผมทรงใหม่หล่อเลวบาดใจ(ผม)สุดๆ ปกติมันตัดผมสั้นธรรมดาอยู่แล้วแต่ไม่สั้นถึงขนาดสกินเฮด อีกอย่างคือตอนนี้ผมมันก็เริ่มยาวเพราะไม่ได้ตัดมานาน พอตัดสั้นแบบนี้เลยแปลกตาไปนิดหน่อย ผมเลิกสนใจแล้วนั่งตัดผมต่อจนเสร็จ
“เสร็จแล้วค่ะ ชอบไหมคะ หรือให้ดิฉันแก้ตรงไหนหรือเปล่าบอกได้นะคะ” ทรงนี้ก็เท่ดีครับ ผมชอบเลยละ พอดีช่างที่นี่เขาก็มีฝีมือดีอยู่แล้ว เวลาทำออกมาทรงไหนทีไรเขาจะจัดให้มันเข้ากับผมได้ตลอด
“ไม่ละครับ” ผมเดินไปหาเกียร์แล้วจ่ายเงินที่แคชเชียร์ กว่าจะได้จ่ายพนักงานแทบหลับรอสามตื่นเพราะพวกผมเถียงกันว่าใครจะได้จ่าย สุดท้ายมันก็ได้จ่ายเงินเพราะมันขู่ผมว่าถ้าไม่ให้ออกเงินคืนนี้ผมไม่ได้นอนเหมือนเมื่อคืนแน่ ผมเลยตีแขนมันไปทีแล้วเดินดุ่มไปที่รถโดยไม่รีรอ
………………………………………...
กลับมาถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนเกียร์รู้ใจไปทำอาหารรอ ออกมาก็เจอคุณน้ำแข็งกำลังนั่งกดโทรศัพท์ผมอยู่
“พี่อุ่นโทรมา” มันพูดแล้วยื่นโทรศัพท์ให้
“หือ เขามีอะไรหรือเปล่าอะครับ”
“คิดถึงเฉยๆ”
ผมหัวเราะแล้วกดโทรกลับ เกียร์ก็ลุกไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปพอดีกับพี่อุ่นรับสายแล้วบอกว่าคิดถึงมาคำแรก ผมก็หัวเราะแล้วบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน พี่อุ่นบอกว่าอีกสองวันจะบินไปญี่ปุ่นอยากจะได้อะไรเป็นพิเศษไหม ผมนิ่งพลางนึกไปครู่หนึ่งแล้วบอกว่าอยากได้ชุดของลูกๆผมทั้งสามตัว เขาก็ถามกลับว่าแค่นี้เหรอ แล้วของตัวเองละ ผมก็บอกว่าไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ จากนั้นก็คุยเรื่องอื่นกันนานเกือบชั่วโมงจนเกียร์เดินมาบอกว่ารอทานข้าวอยู่ ผมก็ลืมไปเลยขอพี่อุ่นวางสาย
ทานอาหารเสร็จผมก็นั่งอ่านหนังสือต่อ ส่วนเกียร์ก็ทำงานที่เคยบอกไปว่ารับงานจากอาจารย์มาทำน่ะครับ คราวนี้ให้ซ่อมโน๊ตบุ๊คสองเครื่อง ตอนแรกๆที่มีเคสเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มามันยังทำไม่ค่อยเก่งเท่าไร แต่ตอนนี้ฝีมือดีแล้วสบายเขาเลยละ
“นมไหม” ผมเงยมองมือที่ยื่นแก้วนมมาให้ เห็นถือของตัวเองอีกแก้วด้วย ผมยิ้มเผล่
“ขอบคุณครับ แล้วงานคุณเสร็จแล้วเหรอ” ผมรับมาดื่มแล้วหันไปถาม มันเอานิ้วโป้งมาเกลี่ยบนริมฝีปากผม ผมจึงพึ่งรู้ว่าตัวเองกินเลอะขนาดไหน แล้วมันก็ทำผมหน้าร้อนวูบวาบก็ตอนเห็นมันเลียนิ้วนั้น
“ยัง” มันพูดเสียงเรียบ
ผมเสหน้ามองไปที่อื่น บ้าที่สุด เขินเวลามันมองมาจริงๆ ชอบทำตาแปลกๆมาให้ผมใจเต้นตลอด
“..อ๋อ แอบอู้งานนี่เอง ผมจะฟ้องอาจารย์” พรุ่งนี้เป็นวันเส้นตายครับ อาจารย์บอกให้ส่งภายในวันพรุ่งนี้ แต่มันน่าจะเสร็จทันละ
“เอาสิ” มันเลิกคิ้วแล้วกระดกยิ้มมุมปากนิดๆ โอ้ย ใจไอรักสั่นไปหมดแล้วคร๊าบทุกคน น่าย๊ากมากก
“คุณจะไม่เอาของมาปิดปากผมหน่อยเหรอ ความลับรั่วไหลไปนี่แย่เลยนะ”
อยู่ๆมันก็ก้มหน้าลงมาดูดปากผมดังจ๊วบ ก่อนจะกดปากอีกครั้ง คราวนี้แน่นและนานกว่าตอนแรกมาก ร้อนแรงจนผมแทบละลายกลายเป็นน้ำ ขนทุกส่วนในร่างกายผมลุกซู่เลยแม่ง
“พอจะปิดปากได้ไหม”
“.....”
“หึหึ” ไอ้บ้าเอ๊ย มันคว้าแก้วนมไปวางตอนไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆตอนนี้ผมนอนซบอกอย่างกับคนไม่มีแรงอย่างไงอย่างนั้น
ถ้าผมตอบไปว่ายังไม่พอใจ มันจะจัดให้ผมไปเดี้ยงไปข้างเลยหรือเปล่าวะ แรงคุณน้ำแข็งน่ากลัวชะมัด
“เมี้ยว เมี้ยว” เสียงไอซิสมาพร้อมเล็บที่กำลังตะกุยตะกายขึ้นโซฟา ไม่ทันจะถึงตัว เกียร์ก็ผลักไอซิสให้ลงไปอยู่บนพื้นแต่โดยดี ไอซิสเอ๋ย ลูกทำผิดนะ นี่โซฟาหนังที่เกียร์อุส่าเก็บเงินซื้อมา เอาเล็บออกเพื่อเกาะแบบนี้มันผิดมหันต์เลยนะ เกียร์ไม่ทุบหัวแบะก็ดีขนาดไหนแล้วลูกเอ๋ย
“ร้องอยากทานนมด้วยมั้งครับ ผมไปเอามาให้ดีกว่า” ไอซิสร้องไม่หยุดเลย พยายามจะขึ้นมาหาตลอด
“เดี๋ยวไปเอาให้” มันรั้งตัวเอาไว้แล้วตัวเองลุกขึ้น
“เอานมแพะที่แช่อยู่ในตู้เย็นนะ อย่าให้ทานเยอะนะครับ ได้รับโปรตีนมากไปมันไม่ดี” เกียร์เลิกคิ้วแล้วมองค้อนไปทางไอซิสที่ยังร้องเมี้ยวเมี้ยวอยู่ ก่อนจะพูดเสียงรำคาญ
“แมวห่าอะไรเรื่องมากฉิบหาย” ทำเป็นสะบัดบ๊อบแต่ก็ยอมเดินไปทำให้นะครับ ไอนี่ก็แปลก ขอให้ได้บ่นก่อนเถอะ อายุแก่ขึ้นไม่พอ นิสัยยังแก่ขึ้นตามไปอีก เฮ้อแฟนกู
มันให้นมไอซิสเสร็จแล้วก็เดินมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะบอกให้รีบดื่มนมแล้วอ่านหนังสือให้จบ จะได้รีบนอน ส่วนมันก็ลุกไปซ่อมคอมพิวเตอร์หลังขดหลังแข็งอยู่ที่พื้นอีกฟากหนึ่งของห้องรับแขก
เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง เกียร์เดินเข้ามาบอกให้พอได้แล้ว จึงได้รู้ว่ากว่าจะปิดหนังสือได้ก็ปาไปเกือบตีสามครึ่ง ความจริงในเวลานี้เพื่อนคนอื่นๆยังโด๊ปเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อทบทวนหนังสือให้แม่นยำ แต่ผมก็อ่านไปหลายครั้งแล้วนะ อยู่ในห้องก็ตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมาตลอด
เอาตรงๆเลยไหม ที่พูดหรูหราฟู่ฟ่าเมื่อกี้ความจริงคือขี้เกียจอ่านแล้วน่ะครับ
“ตาจะปิดแล้ว” ผมเดินตามมันเข้าห้องนอน เข้าไปล้างมือกันก่อนจะนอนสลบคาอกหนาๆบึกๆ
“ก็นอนสิ ฝืนทำไม” มันดึงผ้าห่มให้ถึงคอแล้วยกมือกอดตอบ
“ไม่รู้สิ ไม่อยากนอนเลย สงสัยตื่นเต้นที่จะได้ปิดเทอมมั้ง” ผมพูดงึมงำแล้วหัวเราะเบาๆ
“แล้วจะทำอะไร หื้ม?” พูดพลางลูบหลังผมเล่น
“ร้องเพลงให้ฟังอีกทีได้ปะ”
“เอาไอ้ทรุดไปทิ้งก่อนค่อยว่ากัน”
“โหย เกียร์อะ คิดร้ายกับลูกผมได้ยังไง ไอซิสออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย เชื่อฟังผู้ใหญ่ ตามใจเจ้านายขนาดนี้”
“เหอะ ฟังไอรักคนเดียวละสิ”
“ได้ไง ผมก็พูดภาษาเดียวกับคุณนะ ถ้าไอซิสเชื่อฟังผม ก็ต้องเชื่อฟังเกียร์ด้วยสิ”
“แมวกับแมวคุยกันรู้เรื่องไง กับเกียร์หน้ามือเป็นหลังตีน” มันว่าผมเป็นแมวอีกแล้ว ไอรักหนวดไม่เข้มไม่เส้นยาวเหมือนแมวสักหน่อย ขาก็มีสองข้าง ไม่ใช่สี่ข้างนะ
“ไอซิสผิดแค่เรื่องหยุมหยิมเอง” ผมแก้ตัวแทนลูกด้วยเสียงแผ่วเบา
“อืม หยุมหยิม.. ไล่กัดขา งับนิ้วตีน กินข้าวหก ชอบร้องไล่ ลับเล็บบนเก้าอี้ ล่าสุด..ข่วนโซฟา” มันพูดเสียงเนือย จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
“ก็แมวเด็กนี่ครับ เอาไว้ให้แม่บ้านเอาที่ลับเล็บจากบ้านมาให้ก็ได้”
“อืม.. พรุ่งนี้ตื่นเช้า นอนเถอะ” มันคงง่วงมากไม่ต่างกับผม นี่ก็ทนฝืนหนังตาที่หนักอึ้งต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมเลยกล่าวฝันดีราตรีสวัสดิ์ก่อนจะนอนหลับไปพร้อมอ้อมกอดเคยชินที่แสนอบอุ่น
TBC-------------------------------------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
+ตอนนี้ยาวสุดๆ เป็นการขอโทษที่โซ่มาต่อช้าไปนะคะ
+ อาทิตย์แห่งการทำลายล้างนิสิตมาอีกแล้ว.. อาทิตย์นี้-หน้าโซ่สอบค่ะ อ่านหนังสือกันให้ตายไปข้าง นี่ก็ว่าจะวิ่งไปซื้อกาแฟมาตุนเอาไว้นะเนี่ย (อิโซ่ อิเวอร์)
+ความจริงว่าจะตัดไปเข้าค่ายเลย แต่เอาไว้ตอนหน้าก็ได้เนอะ ฮ่าฮ่า
+ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ เป็นกำลังใจให้เราแต่งต่อไปจริงๆนะ ถ้าผิดพลาดอะไรก็บอกได้ค่ะ
โซ่
ทุกคน