Come to love . . เข้ามาให้รักกัน *ตอนพิเศษสั้นๆ* [23/06/15] P.17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Come to love . . เข้ามาให้รักกัน *ตอนพิเศษสั้นๆ* [23/06/15] P.17  (อ่าน 285176 ครั้ง)

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดีใจกับเกียร์ไอรักด้วย ผ่านไปได้ด้วยดี

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ดีใจจริงๆ ในที่สุดก็สำเร็จ คุณแด๊ดยอมรับเกียร์แล้ว :mc4:
แถมหมอก็เลิกยุ่งกับไอรักสักที หมอกวนมากเกียร์น่าจะจัดไปซักหน่อย
ชอบที่ไอรักพูดมาก  เด็ดขาดมากหนูไอรัก

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ดีใจด้วยนะเกียร์กับไอรัก
:)

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เกียร์เป็นผู้ชายอบอุ่นและน่ารักมากเลยค่ะ ไม่เคยทำร้ายจิตใจนายเอกเลย

ส่วนไอรักก็น่ารักมากกกกกก ชอบสุดสุด ในความคิดเกรียนไม่เหมือนตอนพูดออกมาเล้ย555555

มาต่อไวๆนะคะ ^_^

ออฟไลน์ ekonut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
สำเร็จแล้วนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
คิดถึงเกียร์ไอรัก :กอด1:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ใกล้จะมาต่อยังน้าาา อยากอ่านตอนทั้งคู่สวีทกันแล้วน้าาา รักเรื่องนี้ มาม่าแทบไม่ต้มให้คนอ่านเกินเลย อิอิ (นอกจากตอนขุ่นพ่อนะคะ แหะๆๆ รายนั้นโหดจริงๆ)

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ตอนที่32




“จริงเหรอคะ พอดีบ้านเอมชอบปลูกต้นไม้แล้วปกติตาเกียร์เขาก็มาช่วยเอมปลูกด้วยตลอด แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแรงขนาดนี้” แม่เกียร์พูดขึ้นพลางตกใจกับความอึดของลูกตัวเองที่แม่ผมถ่ายสวนที่มันจัดขึ้นมา

“ใช่ไหมละคะ มิกิก็อึ้งเหมือนกัน แต่ลูกคุณเอมเก่งมากๆเลยนะคะ มิกิละชอบ” แม่ครับ ใจเย็นนี่แฟนผม แฟนตัวเองนั่งข้างๆทำไมไม่ชมละครับ

ตอนนี้พวกผมอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนดาดฟ้าแถวถนนสีลม วิวดีมากเลยทีเดียว ผมชอบที่มันเป็นจุดที่สามารถมองแสงสีเมืองหลวงจากตรงนี้ได้ มีดนตรีไพเราะคลอเบาๆอยู่กับคนที่ผมรักด้วยยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปใหญ่ ดูท่าครอบครัวผมกับเกียร์จะเข้ากันได้ดีเอามากๆ พวกพ่อๆนั่งคุยเรื่องธุรกิจเรื่องต้นไม้ ส่วนคุณนายก็เม้าโน่นนี่แบบเข้าขาสุดๆ มีการชวนเข้ากลุ่มสมาคมภริยาที่สามีไม่มีเวลาให้ด้วยนะ ผมละโคตรงงเลยใครเป็นคนตั้งขึ้นมา พอฟังไปฟังมาเหมือนเพื่อนของแม่ผมเป็นคนตั้งขึ้นมาเล่นๆน่ะครับเอาไว้นัดไปเที่ยวไปอะไรกัน แต่ผมก็ต้องกลั้นขาเพราะชื่อสมาคมแปลกๆนี่ละ

ส่วนพี่อุ่นพี่ติมกับเกียร์ไม่รู้จะแข่งกันตักอาหารใส่จานผมทำไมนักหนา มันเพิ่มพูนจนไม่รู้จะทานอย่างไรให้หมดแล้ว แค่กุ้งสองโลไอรักก็อิ่มจนจะอืดออกมาจากปากแล้วครับ!

“พอแล้วครับ ไอรักทานไม่ไหวแล้ว” ผมโอดโอย

“ก็ให้นายนิ่งหยุดตักสิ” พี่ติมพูดเสียงแข็งมองไปที่นายนิ่ง เอ่อคือคุณน้ำแข็งชื่อเกียร์ครับไม่ใช่นายนิ่ง เกียร์ชะงักมือที่กำลังวางกุ้งตัวอวบใส่จานผม แล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มมาให้ผมแทน

เอ่อ ตักข้าวไม่ได้ ก็บริการน้ำแล้วกันว่างั้น

จุก จุก จุกทั้งน้ำ จุกทั้งเนื้อ งานนี้ไอรักพุงกางแน่เลยขอรับ!

เวลาล่วงเลยไปจนร้านเขาจะปิดถึงได้แยกย้ายกลับกัน พอดีตอนที่ออกมาพวกผมนั่งรถตู้คันใหญ่ที่บ้านมา เกียร์ก็นั่งมาด้วยกันตอนกลับจึงกลับด้วยกันเหมือนเดิม แต่ก่อนแยกพ่อแม่เกียร์บอกพวกผมว่าว่างๆก็มาเยี่ยมที่บ้านได้ ผมก็ตอบรับไปเพราะยังไงเดี๋ยวก็ต้องไปเยือนอยู่แล้ว ก็เป็นบ้านแฟนนี่นา อิอิ

“ให้ไอรักกลับไปกับผมด้วยได้ไหมครับ” อยู่ๆเกียร์ก็พูดขึ้นขณะที่เรากำลังเดินเข้าบ้านกัน

“หืม เอาสิ”

“อ้าวว ทำไมยอมยกให้ง่ายๆละครับ” ผมงงเลย ยื้อเย้อไม่มี ก่อนหน้านี้ทำไมอยากจะจับแยกกันใจแทบขาด

“หึหึ หรือไม่อยากไปละ งั้นวันนี้มานอนกับแด๊ดไหมละ มาๆ” พ่อผมกวักมือเรียกยิกๆ

“หื้อ ไอรักถามเฉยๆคร๊าบ” ผมหน้ามุ่ยตอบ แม่ผมหัวเราะใหญ่

“คุณไปแกล้งลูกทำไมละคะ ไปเถอะตัวเล็กดูแลตัวเองด้วยนะลูก เกียร์ก็อย่าลืมดูแลน้องแทนมาม๊าด้วยนะคะ ตัวเล็กเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของทุกคนในบ้าน ถ้าดูแลไม่ดีมาม๊าจะรับตัวน้องกลับนะคะ” แม่พูดเหมือนผมอายุเด็กกว่ามันมากทั้งๆที่อายุเราก็เท่ากัน แค่มันตัวใหญ่กว่านิดหน่อยเอง

“ครับ” มันตอบ จากนั้นพวกเขาพากันเดินเข้ามากอดหอมจนพอใจถึงผละออก

“ไม่ไปได้ไหมตัวเล็ก อยู่ให้พี่ได้แกล้งเถอะ เหงา”

“โหพี่ติมอะ เค้าจะไม่อยู่เพราะตัวเองชอบแกล้งนี่ละ” ผมแกล้งพูดหน้าบึ้ง

“ก็ตัวเองอยากน่าแกล้งเองทำไมละ หึหึ” พี่ติมพูดแล้วขยี้หัวผมจนนึกว่าหนังหัวจะหลุดติดมือเขาไปแล้ว

“อย่าชวนน้องพี่ให้เสียคนละ” พี่อุ่นหันไปพูด สีหน้าจริงจัง

“ครับ” เกียร์พยักหน้าตอบรับ เสียคนไม่มีทางแต่ถ้าเสียตัวละก็ไม่แน่ มันต้องคิดอย่างนี้อยู่แน่ๆเลยเพราะดูจากหน้าตามันแปลกๆอย่างไรไม่รู้ เอ๊ะหรือผมหื่นไปเองวะ

“แล้วนี่จะไปยังไงกัน เอามอเตอร์ไซค์มานิ” พี่อุ่นถามขึ้น

“เอ๋ อันตรายนะคะ ขับรถตัวเล็กกลับกันไปไม่ดีกว่าหรือ” แม่พูดด้วยความเป็นห่วง

“เกียร์ขับช้าครับ มีหมวกกันน็อคสองใบเรียบร้อย ไม่ต้องห่วงกันนะครับ” ผมซ้อนทีไรมันจะกลายเป็นเต่าทุกที

“อืม งั้นก็รีบขึ้นไปเตรียมตัวเถอะดึกมากแล้ว ส่วนรถของตัวเล็กเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแด๊ดให้คนขับรถเอาไปให้แล้วกัน” ผมแอบยิ้มทุกครั้งที่พ่อพูดดีกับเกียร์ เป็นภาพประทับใจมากเลยทีเดียว

“ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วขึ้นไปเก็บของเอาแค่ไว้ใช้พรุ่งนี้ ส่วนที่เหลือไว้ค่อยให้คนอื่นแบกมาแล้วกัน เกียร์จัดการพับเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าเป้ ส่วนผมก็เก็บของตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ทำไมมันเยอะอย่างนี้ละนี่

“เกียร์ ให้ไอซิสไปด้วยได้ไหมครับ” ต้องขอมันก่อน กลัวมันดุผมอีกเดี๋ยวเป็นประเด็นเดือด

“แล้วแต่” แหม อารมณ์ดีละสิถึงไม่ทักท้วงอะไร

ผมเก็บของตัวเองเสร็จก็รีบไปเก็บของจุกจิกของไอซิสใส่กระเป๋าแมว ส่วนไอซิสก็อยู่ในนั้นนั่นละมีที่พอให้คุณไอซิสอยู่ได้ไม่อึดอัด ไอซิสลูก หนูต้องทนหน่อยนะ พ่อของหนูจะพาไปแว้นแล้วเย้

“จับดีๆนะ”


“ไปโล้ดด”



………………………………………..



“โถ่ จะไม่ให้ไอซิสนอนข้างในจริงๆเหรอครับ”

“ไม่ได้” มันตอบเสียงเด็ดขาด ใจร้าย

“อะโด่ งั้นมานี่มาไอซิส เขาไม่ให้เราก็นอนเล่นข้างนอกก็ได้เนอะ” ไอซิสวิ่งตามแล้วตะกุยตะกายขึ้นมานั่งบนโซฟา โถ ขาสั้นก็ไม่เคยเจียมเลยนะลูกกู

เกียร์ส่ายหน้าเบาๆด้วยความระอาแล้วเข้าไปเก็บของในห้องนอน ส่วนผมนั่งเล่นกับไอซิสไปพักใหญ่จนมันเดินออกมา

“ไอรัก มาอาบน้ำ” มันพูดเมื่อเห็นผมกำลังจะเคลิ้มหลับบนโซฟาซึ่งมีไอซิสนอนอยู่ข้างตัว

“บู่ ก็ได้” ไม่เห็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่แบบนั้นเลยไอ้คุณน้ำแข็งบ้า

มันจูงผมเข้ามาในห้องน้ำแล้วเปลื้องผ้าให้จนหมด อะไรกัน ให้แก้ผ้าอยู่คนเดียวเสียเปรียบชัดๆ ผมหลบตาอย่างขัดเขินเมื่อมีดวงตาคมดุกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะย่างก้าวเข้ามากอดแนบชิด ก้มลงมาจูบผมส่วนมือทำหน้าที่ได้ดี ลูบไล้ไปทั่วตัว ด้านล่างของผมกับของมันเสียดสีเข้ากันจนตื่นตัวกันเต็มที่

“ไหนบอกจะอาบน้ำไงครับ” ผมพูดเสียงสั่นเบา อยากจะเขยิบออกห่างเพราะกลัวจะบานปลาย แต่ขาเจ้ากรรมดันยืนทื่อให้อีกคนเล้าโลมไม่ยอมขยันเขยื้อนไปไหน

“คิดถึง” มันผละออกมามองตาผมแล้วจูบลงที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา

“คิดถึง” พูดแล้วจูบลงที่เปลือกตาทั้งสองข้าง มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบแก้มเบาๆ

“คิดถึง” จูบลงเรื่อยมาจนถึงแก้มทั้งสองฝั่ง กดแช่อยู่นานก่อนจะผละออกมามองตา สายตาของมันทำเอาผมใจเต้นรัว

“..รัก..” มันพูดจบก็เลื่อนมาประกบปากผมแน่น มอบจูบที่หอมหวานให้ผมอย่างไม่หยุดหย่อน

อย่าว่ามันเลย ผมก็คิดถึงไม่แพ้กัน คิดถึงจนแทบทนไม่ไหว คิดถึงจนสะดุ้งขึ้นมากลางดึกทุกคืน..ผมขาดมันไม่ได้จริงๆ

“ไม่เอา ไม่เอาอย่างนี้” ผมละล่ำละลักเมื่อมันจะยกขาผมข้างหนึ่งให้อ้าพาดอ่างอาบน้ำ แต่ผมยึดขาตัวเองเอาไว้

“หืม?” มันถามด้วยเสียงในลำคอ

“ผม..อาย มันน่าเกลียด..” ผมหลับตาแน่นแล้วพูด ไม่รู้ว่าห่างหายไปนานหรือท่าน่าเกลียดจนผมไม่กล้าทำ แต่ตอนนี้ผมเขินจริงๆ

“น่าเกลียดตรงไหน น่ารัก” มันพูดแล้วจูบผมอีกครั้งอย่างถวิลหาก่อนขยับซ้อนหลังผมแล้วเม้มจูบลงซอกคอเรื่อยจนถึงบั้นท้าย จับขาวางพาดอ่างอาบน้ำอีกครั้งแล้วนั่งคุกเข่าแล้วเลื่อนหน้าไปประตูหลังผมก่อนจัดการ…

“อ๊ะ เกียร์ อย่า..มัน..สกปรก.. อ้ะ อื้อ ผม สะ เสียว..เกียร์..” ผมยืนขาสั่นทันทีที่มันล้างตู้ให้แล้วยังเอื้อมมือมาชักให้ผมอีก มันไม่ฟังเสียงร้องขอกลับเร่งมือให้เร็วขึ้นแล้วฉกลิ้นเข้าออกลึกกว่าเดิม ผมร้องไม่เป็นศัพท์เพราะเสียวมากจนไม่นานก็แตกทั้งๆที่ลิ้นมันยังคารูอยู่

“ขอนะ” มึงยังมีหน้ามาขออีกเหรอ ผมเอี้ยวตัวหันไปมองแว้บหนึ่งแล้วหันกลับก่อนจะพยักหน้าอายๆ

มันจับผมให้นอนในอ่างแล้วอ้าขากว้างไปพาดกับขอบอ่าง เริ่มเล้าโลมจูบผม มือหนึ่งบี้หัวนมผมจนต้องบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน อีกมือเอื้อมไปหยิบเจล(ไปเอามาตอนไหนวะ!?) ตรงชั้นวางครีมอาบน้ำมาเทลงบนฝ่ามือก่อนจะใช้นิ้วให้ แค่นิ้วเดียวทั้งจุกทั้งแสบเลยให้ตาย กี่ทีๆก็ไม่เคยชินกับนิ้วใหญ่ๆและ..ของมันสักที จากหนึ่งก็เพิ่มเป็นสองจนตอนนี้เข้าไปถึงสามนิ้ว ผมกัดปากหน้าดำหน้าแดงอย่างอดกลั้นเพราะมีนิ้วชักเข้าออกควงให้รูขยายตัว โคตรเจ็บ อารมณ์เหมือนครั้งแรกไม่มีผิด ทั้งอายทั้งเจ็บและเสียวไปพร้อมๆกัน

“พร้อมนะ” มันแก้ผ้าตอนไหนไม่รู้ เอานิ้วออกจากตัวผมแล้วรูดลูกชายมันมาจ่อปากทาง เหี้ยเอ๊ย มาเป็นลำจนกูแทบเป็นลม

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วละ” ผมพูดเสียงพร่า มันหัวเราะในลำคอแล้วค่อยๆกดลูกชายมันเข้ามา ผมหายใจลึก มันกดเข้ามายังไม่หมดหัว ผมก็ดันท้องมันให้หยุดเคลื่อนตัว

“เจ็บ?” ผมพยักหน้า กัดปากจนรู้สึกเจ็บไปหมด น้ำตาแม่งก็จะไหลออกมา

มันลูบปากเพื่อไม่ให้ผมกัดไปมากกว่านี้แล้วยืดตัวขึ้นมาโลมเลียหัวนม ชักลูกชายผมที่เหี่ยวไปเพราะเจ็บให้ตื่นขึ้นมาอีกรอบ เกียร์จับขาผมให้คุกเข่าคู้ตัว ผมเลยเกี่ยวรั้งขาทั้งสองข้างของตัวเอง ผมรู้สึกถึงแรงกดที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาอีกครั้งสลับกับหยุดให้ผมได้พักหายใจบ้างจนรู้สึกถึงขนมันแนบติดกับก้นผม เสียงกัดฟันกรอดของผมและมันดังออกมาให้ได้ยิน มันคงอดกลั้นสั่งตัวเองไม่ให้ขยับ ส่วนผมนี่ทั้งเจ็บทั้งเสียวจนอยากร้องออกมาดังๆ มันแช่อยู่สักพักก็ค่อยๆขยับตัวจากช้าเป็นเร็วขึ้น มือยังชักให้ผมอยู่ เสียงหายใจกับเสียงครางดังประสานไม่รู้ของใครเป็นของใคร

“อ๊าส์ อ๊ะ เกียร์ อึก ซี๊ดด อ๊ะ” ผมครางออกมาไม่เป็นศัพท์ มันกระแทกเข้ามาเร็วลึกไม่หยุดเล่นเอาต้องอ้าขากว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม

“อืม..”

“เกียร์ เกียร์.. ผม..” ผมสะบัดหน้าด้วยความเสียว เผลอเด้งสะโพกสวนตามจังหวะมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันควงเอวไปมา ชักให้ผมพร้อมกับซอยเข้ารูผมเร็วขึ้น

“ผม ..ไม่ไหว..ฮะ..แล้ว.. อึ้ก อ้ะ”

“..ฮึ่ม ปล่อยเลย”

“อ๊ะ อึก..” ผมร้องดังขึ้นพร้อมกับกระตุกน้ำสีขุ่นออกมาจนเต็มหน้าท้อง พุ่งแรงจนโดนหน้านิดหนึ่งด้วย ส่วนเกียร์กระแทกไม่นานก็แตกตามผมไปติดๆ

“..เกือบตาย”

มันหัวเราะกับคำพูดผมนิดหนึ่งแล้วหอมแก้ม

“คุณ เอามันออกไปก่อนได้ไหม มัน..” ผมพูดเพราะลูกชายมันยังแช่ไม่ถอยไปไหนมาสักพักแล้ว มีการควงหมุนเล่นอีกนะ

“หืม”

“คือคุณ..ไม่ใส่ถุงอีกแล้ว.. ผมอยากอาบน้ำ มันเหนอะหนะ” ผมก้มหน้าพูดอายๆ

“กล้าเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์” จะบ้าเหรอ นั่นมันสโลแกนผงซักฟอกยี่ห้อหนึ่งไม่ใช่เหรอ ถ้าจะเจ็บตัว เหนียวตัวอย่างนี้ไปมีประสบการณ์คนเดียวเถอะ

“เกียร์ ผมไม่ไหวแล้วนะ..” ลูกมันกระตุกพองตัวขึ้นไม่เกรงใจช่องหลังผมเลย


“คืนนี้ไม่ได้นอนหรอก หึหึ” ม่ายยยยยยยยยยยยยยย



………………………………..



ดีนะที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์

ดีนะที่มีสอบวันจันทร์

ดีนะที่ผมกับมันกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

แต่ไม่ดีนะที่ไอ้เชี่ยเนมและพวกพ้องจะมาเยี่ยมกูถึงเตียงขนาดนี้!!!!!

“กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ถ้ากูไม่บังเอิญคิดถึงอยากจุ๊บุๆมึงพอดี กูคงไม่รู้ว่ามึงนอนซมตูดพะงาบ เอ้ย ปากพะงาบอยู่แบบนี้” ไอ้ทะลึ่ง มันโทรมาหาตอนเช้าแล้วเกียร์รับ ไม่รู้ว่าไปคุยกันอีท่าไหนผมตื่นมาอีกทีก็เจอพวกมันยืนสลอนกันรอบเตียงแล้ว

“กูง่วงเฉยๆเหอะ” ผมพูดแล้วพลิกตัวไปอีกข้างก็เจอไอ้คิมยืนอุ้มไอซิสแล้วคุยงุ้งงิ้งอะไรกันไม่รู้อยู่ข้างเตียง จะว่ามันบ้าก็ถูกนะครับ ขนาดผมยังไม่เคยคุยกับลูกๆเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนั้นเลย

แล้วที่มันอุ้มมาเล่นในห้องนอนอย่างลอยนวลได้นั้นเพราะเกียร์บอกอุ้มไอซิสเข้าห้องได้แต่ไม่ให้เอาเท้ามาสัมผัสเตียงน่ะครับ มันบอกกลัวเวลานอนจะคันเนื้อคันตัว แต่ไอรักว่าตอนนี้ไอรักเริ่มคันตีนอยากถีบคนกวนประสาทอย่างไอ้คิมแล้วละ

“ง่วงหรือเงี่_นคร้าบบบ จากสภาพกับเสียงแหบๆของมึง กูก็รู้แล้วว่าฟ้าเหลือง หึหึๆ” ดูมันพูดสิ แล้วจะไม่ให้ผมอยากถีบมันได้อย่างไรละ แต่แค่กระดิกผมก็เจ็บก้นแล้วถ้ายกขาไปถีบมันคงมีหามไปโรงพยาบาลกันบ้างละ

“โอ้ยๆๆๆ เค้าเจ็บจังเลยงะตัวเอง” ไอ้เนมกระโดดข้ามเตียงมาออเซาะคิมแล้วผลักหัวไอซิสจนตัวเอน ไอ้นี่ชอบทำตัวเป็นเด็กไปได้

“เป็นห่าอะไรอีก” คิมพูดแล้วดีดหน้าผากเนมให้ไปไกลๆ แถมเบี่ยงตัวไม่ให้มันแกล้งไอซิสจนไอ้เนมแอบเบะปาก ดีที่คิมมันเป็นคนรักสัตว์ ถ้ามันไม่รักแล้วมาอยู่กับเนมที่ไม่ค่อยชอบสัตว์ทุกสรรพสิ่งผมคิดว่าคงได้มีต้มไอซิสเป็นอาหารแน่ๆ

“เค้าเจ็บ” มันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่ผมรู้ว่าพวกมันเล่นละครกันอยู่ ใครไม่รู้ก็โง่แล้วครับก็มันเล่นโอเวอร์แอ็คติ้งขนาดนั้น

“ไหน เจ็บตรงไหนวะ”

“ตรงด้านบนหัวเข่า เลยหัวเหน่าลงมานิดหน่อยงะ อิอิอิอิอิ”

“สัตว์!” ผมปาตุ๊กตาหมีใส่หัวมันโทษฐานหยาบคายเกินหน้าเกินตา

“แต่หน้าก็มึงอิ่มเอิบมากกว่าเดิมนะ มันทำสำเร็จแล้วละสิ” ไทป์พูดไปนั่งอ่านหนังสือสอบไป ผมพยักหน้าตอบไม่สนว่าไทป์จะเห็นหรือเปล่า ผมเคยเล่าให้พวกมันฟังถึงสาเหตุที่ผมต้องกลับบ้านไวทุกวัน พวกมันจึงรู้ว่าเกียร์ต้องมาปลูกต้นไม้ที่บ้านผมเพื่อแลกอะไรบ้างสิ่งที่ตอนนี้ได้กลับคืนแล้ว

“จะไม่อิ่มได้ไงงะ เพื่อนกูเนื้อนวลขนาดนี้ ไอ้เกียร์ไม่สติแตกก็ไม่ใช่คนละ กร๊ากกก” เนมว่า

“ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ไอ้รักมันไม่ใช่นาง มันเป็นวัว มันเลยโดนหางช้ำ” ผมคิดถามคำพูดมัน ‘หางช้ำ’ เหรอ ลองผวนแล้วมันเป็นคำว่า...เฮ้ยยย น่าเกลียดฉิบหายเลยไอ้คิมแม่ง

“อิอิ แล้วทำไมห้องมึงถึงรกจังวะ ไอ้เกียร์มันเป็นชายโสดหรือไง ขนาดกูโสดยังสะอาดกว่าห้องพวกมึงเยอะเลย” เมื่อวานที่ถึงห้อง ผมก็งงๆเหมือนกันว่าทำไมมันรกขนาดนี้ หรือตั้งแต่ผมกลับไปนอนที่บ้านแล้วมันไม่ได้ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องเลยนะ

“ระวังมันได้ยินแล้วหัวมึงจะหลุดออกจากบ่าหรอก” พิชหันมาบอก มันนั่งสไกป์กับสาวที่ไหนไม่รู้ ได้ข่าวว่านั่นคอมฯผมนะ

“บ้าจริง อิอิ”

“เกี๊ย...อื้อ” ผมจะแกล้งตะโกนเรียกเกียร์เลยโดยมือไอ้เนมปิดปากแน่น

“สาสสส ชู่ ชู่ จะเสียงดังทำไมวะ กูยิ่งเสียวๆแม่งอยู่”

“กูว่าละ” อยู่ๆไอ้พิชก็พูดขึ้นแล้วถอดหูฟังออก

“อะไรวะ” เนมรีบถามพลางเอามือออกจากปากผม แหวะโคตรเค็ม ผมมองค้อนคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น เรื่องเสือกนี่นำมาก่อนใครเพื่อนเลยนะไอ้เนม

“คิตตี้แม่งชอบพูดเรื่องของมึงบ่อยๆ ที่แท้ก็ชอบมึงนี่เอง” ผมหันมองพิชตาปริบๆ เลยไปเห็นผู้หญิงหน้าจิ้มลิ้มคนหนึ่งในหน้าจอคอมกำลังบ๊ายบายให้

“อ่าว แล้วเกี่ยวอะไรกับกูอะ กิ๊กมึงมึงก็เคลียร์กันเองสิ”

“กิ๊กด๋อยอะไร นี่น้องรหัสกูโว้ย แม่ง กูแค่บอกว่าจะมาหามึงนี่ถึงกับบังคับให้กูออนสไกป์เลยไอ้ห่า ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่วะ” พิชพูดอย่างหัวเสีย แล้วใส่หูฟังอีกรอบเมื่อผู้หญิงทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง

“มันถามว่าทำไมมึงไม่ค่อยออนเฟส”

“หา กูเหรอ อ่อ กูไม่ค่อยว่างอะ” ความจริงเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เล่นอะไรเลยต่างหาก ไม่ว่างแถมถ้าเล่นก็กดไลค์กดแชร์อะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่แบบกระมิดกระเมี้ยนเดี๋ยวเพื่อนรู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่ ใครว่าสื่อออนไลน์เป็นพื้นที่ส่วนตัววะผมอยากรู้ ผมว่ามันเป็นพื้นที่ที่หาความเป็นส่วนตัวไม่ได้ตั้งแต่ตอนเราต่ออินเทอร์เน็ตแล้วละเพราะไม่รู้ใครจะมาแฮ็คเราตอนไหน กร๊าก

ตอนนั้นผมเคยเห็นเพื่อนในเอกคนหนึ่งที่ติ๋มๆใส่แว่นพูดน้อยๆเป็นผู้ชายนะ แต่มันไปกดไลค์เพจเกี่ยวกับผู้ชายล่ำๆแล้วมันขึ้นหลาเลย ผมนี่มองหน้ามันไม่ติดไปสามวันสามคืน เห็นหน้ามันแล้วหน้าเพจนั้นลอยมายังไงไม่รู้ ตอนนี้มันก็คงยังไม่รู้ตัวหรอกเห็นยังกดไปเรื่อย ท่าจะเรียนหนักไปหน่อย

“มันมีแฟนแล้วโว้ย แฟนมันดุยิ่งกว่ากูอีก ถ้าไม่อยากกระบาลแหกก็อย่าไปยุ่งกับมัน” ดูมันพูดกับน้อง ถ้าผมเป็นน้องคิตตี้จะตัดสายรหัสทิ้งแม่งเลย อยากโหดใส่กูดีนัก

“หิวหรือยัง” ไอ้พิชรีบตบจอคอมลงดังป้าบ เชี่ยแม็คบุ๊คกู! ผมถลึงตาใส่พิชแล้วหันไปตามเสียงคนที่อยู่ๆก็พรวดพราดเปิดประตูเข้ามาถาม

เหยด… เกียร์ลุคนี้น่ารัก(สำหรับผม)มาก ชะโงกหัวเข้ามาแต่มือยังถือไม้ถูบ้าน มีจุกน้ำพุที่ผมมัดให้เมื่อเช้าเพราะมันเดินเข้ามาฟ้องว่าจะทำความสะอาดห้องแต่ผมแยงตา

น่าย๊ากกกก

“นิดหน่อยครับ เสร็จแล้วเหรอ” ผมยืดตัวขึ้นไปพิงหัวเตียง พวกเพื่อนหันมาจ้องบนตัวผมแล้วทำหน้าตกตะลึงกันใหญ่ ผมมองพวกมันงงๆแล้วหันไปฟังคำตอบจากเกียร์

“เหลือถู” ถูอะไรอะ อย่าย่อให้คนเขาคิดไปไกลได้ไหมเล่า

“ในห้องนี้เหรอ” เห็นมันกวาดตามองคนในห้องจึงถาม มันพยักหน้าแทนคำตอบ

“ไอ้ห่า เข้าใจกันได้ยังไงวะกูงง”

“แม้ะ! กูว่าจะพูดอยู่แล้วเชียว ตัดหน้ากูทำไมวะไอ้คิม” เนมโวยวายใหญ่ที่ไม่ได้พูดคนแรก

“ไร้สาระว่ะ” ไอ้ไทป์พูดแล้วหยิบหนังสือติดมือออกไปจากห้อง

“ดูๆๆ กูโดนด่าเลยแม่ง ฮึ่ยๆๆๆ” เนมมันยืนบิดไปบิดมา กระฟัดกระเฟียดจนพิชถีบตูดให้เนมออกไปจากห้องพร้อมกัน

“กูพึ่งรู้  แฟนมึงสุดยอดเลยว่ะทำงานบ้านงานเรือนงกๆเองเลย แล้วยิ่งรอยพวกนั้นก็..เยอะสุดยอด หึหึ ดีที่มันยังรู้ว่าตรงไหนควรไม่ควร” ผมทำหน้างงกับประโยคสุดท้ายของเสียงกระซิบข้างหูจากไอ้คิม มันพูดเสร็จก็ผละหน้าออกแล้วยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัวให้เกียร์ที่ทำหน้ายักษ์จ้องพวกผมเขม็งก่อนจะเดินออกไป

“วิดวิ้ว ชื่ออะไรครับ น่ารักจังเลย” เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ผมก็แซวมัน พอเอาผมขึ้นก็เผยหน้าเข้มๆของมันเต็มที่ สงสัยต้องหาเวลาไปตัดผมกันแล้วละ

“หึ” มันยิ้มมุมปากพลางถูพื้นห้องไป

“ขอเบอร์ได้ไหมน้องฉาว” ผมคลานไปปลายเตียงที่อยู่ใกล้มันที่สุดแล้วยิ้มตาหยีให้

“เอาจูบไปก่อนแล้วกัน” มันพูดเสร็จก็ปล่อยไม้ถูพื้นจนได้ยินเสียงกระทบพื้น แล้วคว้าคอผมไปจูบไม่ทันตั้งตัว

“อื้อ อื้อ” ผมดันอกมันออกด้วยความตกใจ มันกวาดลิ้นเข้าโพรงปาก ดูดแรงจนรู้สึกว่าปากต้องเจ่อบวมแน่ๆ ไม่รู้ว่ามือกอดคอมันแล้วเผลอจูบตอบตอนไหน เราจูบกันอยู่นานจนเริ่มหายใจไม่ออกจึงทุบอกให้มันปล่อย มันถึงผละออกอย่างเชื่องช้า

“จะเอาอีกไหม” มันพูดแล้วทำท่าจะเข้ามาจูบอีก

“ไม่ๆๆ ไม่เอาแล้วว ..ขอเบอร์ไม่ได้ขอจูบสักหน่อย บ้าจริง” ผมผงะแล้วปฏิเสธเสียงดัง มีอุบอิบเบาๆต่อท้ายด้วยนะแต่ก็ไม่พ้นหูมันอยู่ดี

“ให้ไปแล้วไง”

“ห้ะ อะไรครับ ตอนไหนอะ”

“เบอร์ว่ารักแถบ”

“....”

“....”

“เอ่อ.. ช่วยเอากระโถนให้ผมทีเถอะ มุขนี้ผมนึกว่าตายไปพร้อมกับไฮไฟว์แล้วนะ” เสี่ยวมากแฟนกู คุณเปลี่ยนไปมากนะเกียร์ เอาคุณน้ำแข็งคนเดิมกลับมาได้ไหมมมม

มันเห็นผมนิ่งไปก็ดูดปากผมแรงๆอีกรอบแล้วหันไปทำความสะอาดต่อ ปล่อยให้ผมนั่งอ้าปากค้างอยู่คนเดียว

“กินข้าวเลยไหม” พอเสร็จมันก็เดินเข้ามาถาม ผมพยักหน้าจะลุกแต่มันดันให้ผมนอนพิงหัวเตียงที่เดิม

“ครับ?” ผมทำหน้างง มารั้งให้นอนอีกทำไม

“เดี๋ยวไปเอามาให้” จิบ้าเหราาาา แค่โดนตุ๋ยไม่ได้เป็นพิการนะโว้ยย

“ผมเดินไหวครับ แค่นี้เอง”

“ดื้อตลอด”

“ดื้ออะไรเล่า ก็ผมยังไหวนี่นา มาเร็วๆสิครับ” ผมเดินไปจะถึงประตูอยู่แล้วแต่มันยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่เดิม จึงกวักมือให้เดินมาเร็วๆ

“เดินถ่างขนาดนั้นยังบอกไหวอีก” มันเดินเข้ามาแล้วเดินมาบีบก้นผมจนต้องร้องโอ้ย แล้วแบกตัวผมขึ้นบ่าไปห้องครัว

“โอ้ยเกียยยยร์ปล่อยผมลงนะ” ผมดิ้นจนถึงเก้าอี้มันถึงยอมให้นั่งดีๆ มันเดินไปตักข้าวปล่อยให้ผมนั่งหน้าบึ้งอยู่กับพวกไอ้เนม

“อะไรของพวกมึงกันวะ” คิมถาม มือยังจับตะเกียบค้างมองผมตาปริบๆ

“เปล่า” ผมตอบแล้วเลื้อยคางไปเกยกับโต๊ะ อะไร มองอะไรคุณน้ำแข็งอยากให้ทานข้าวก็ตักไปสิหันมามองทำไม ค้อนใส่เสียเลย

“นั่งดีๆ” มันจับตัวผมให้นั่งปกติแล้ววางชามข้าวต้มกับจานข้าวของมัน ดูสิ ขนาดผมงอนมันนะ มันยังจะกล้าสั่งอีก ฮึ่ยยยย

“หิวก็ทานไปสิ” พูดเสียงแข็ง เบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“นั่งกินพร้อมกัน” ผมไม่ตอบกลับจะลุกออกจากเก้าอี้เพื่อจะเข้าไปนอน แต่ก็โดนอีกคนรั้งมือเอาไว้ก่อน

“..ขอโทษ อยากกินข้าวต้มกุ้งไม่ใช่เหรอ ไม่กินข้าวเดี๋ยวไม่มีแรงนะ” มันถอนหายใจเบาๆแล้วพูดเสียงอ่อนลง นั่งลงด้านข้างแล้วลูบหัวผมเบาๆทำเอาผมแอบรู้สึกผิดในใจที่เมื่อกี้เอาแต่ใจตัวเองเกินเหตุ จะกี่เรื่องกี่ครั้งมันก็ยอมผมทุกอย่าง ยอมขอโทษทั้งๆที่ตัวเองไม่ผิด มันดีขนาดนี้แล้วผมยังทำให้มันรู้สึกไม่ดีอีกเหรอนี่ แย่ชะมัด

“..ครับ.. แต่ขอดื่มนมช็อคก่อนไม่ได้เหรอ” ยอมหันมาสบตามันตรงๆถามเสียงแผ่วลง ตื่นมาก็อยากทานทั้งสองอย่าง แต่อยากดื่มนมช็อคมากกว่า

“เกียร์ไม่อยากเห็นไอรักปวดท้อง” ผมนิ่งไปก่อนพยักหน้าอย่างจนใจแล้วลงมือทานอาหาร แอบได้ยินเสียงถอนหายใจเสียงดัง คือถ้าทำคนเดียวมันไม่ได้ดังหรอกครับ แต่นี่มันทำพร้อมกันถึงสี่คน

“กูนั่งลุ้นฉี่แทบราดบนหัวไอ้เนม”

“ยุ่งกับกูอีกละ กูนั่งกินข้าวอยู่ดีๆแล้วเชียว” มันเงยหน้าไปด่าไอ้พิช ไอ้เนมกระโดดไปนั่งทานบนเคาน์เตอร์เพราะเก้าอี้ไม่พอ

“กูพึ่งเคยรู้ว่าเพื่อนกูอาการหนักขนาดนี้” ไอ้ไทป์พูดแล้วมองผมอย่างปลงๆ

“อะไรของมึง กูเป็นยังไง”

“ดื้อ/ดื้อ/ดื้อ/ดื้อไงสัตว์” ทำไมพวกมึงต้องพูดพร้อมกันด้วยเล่า กูตกใจหมด

“ถ้ากูเป็นมึงนะไอ้เกียร์ กูจะปล่อยให้มันนอนตากแอร์บนเตียงนุ่มๆข้างในห้อง ส่วนกูก็ปูผ้านอนข้างนอก ลมเย็นสะใจสบายใจกูดี” ไอ้คิมพูด

“นั่นมันมึง ไอ้มีเมียเป็นยุง”

“แน่นอน เมียกูเยอะ” มันตอบพิชอย่างภูมิใจ แต่ผมว่ามันกำลังผิดประเด็น

“เอาเก้าอี้ไหม กูเห็นแล้วเมื่อยแทน” ผมถามเนม เห็นแล้วสงสารต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งบนเคาน์เตอร์ถือจานข้าวระดับสายตาแล้วตักข้าวจ่อปากทานหง่ำๆเพราะไม่มีที่นั่ง

“ไม่เอาๆ กูอุตส่าห์แย่งกับไอ้คิมตั้งนานกว่าจะได้มานะโว้ย” อ้าวเหรอ ให้กูนึกสงสารมึงอยู่ตั้งนาน

“แม่งขี้โกง ออกช้า” คิมแหวใส่

“กล่าวหากูได้ไง นับก็นับเท่ากัน เป่ายิงฉุบแพ้แล้วพาลนะมึงงะ หลักฐานก็ไม่มี ยื่นฟ้องไม่ได้เนอะไอ้ไทป์เนอะ” มันหันไปขอคำยืนยันจากเด็กนิติศาสตร์ ไทป์มองพวกมันแล้วถอนหายใจประมาณว่า เรื่องนี้ไทป์จะไม่ยุ่ง

“ฮึ่ย อย่าให้กูขี้โกงบ้างนะมึง ฮึ่ยๆๆๆ” คิมทำเสียงกระฟัดกระเฟียด

“จุ๊ๆๆ มีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัดนัก” มันทำหน้าทำตากวนตีนแล้วกินข้าวอย่างอารมณ์ดี

“หา เออ แต๊งๆ” คิมพูดอย่างงงๆ เมื่อเกียร์ดันเครื่องปรุงที่อยู่ใกล้มันไปให้พวกเพื่อนๆผม พวกมึงไม่รู้อะไร มันนิสัยดีจะตายแต่แค่ไม่แสดงออกให้คนอื่นรู้เท่านั้นเอง โฮ้ะโฮ้ะ

“เอาไปให้มันทำไมงะ” ไอ้เนมนั่งตั้งไกลยังจะเสือกได้อีกนะ

“เกะกะ” มันพูดนิ่งๆ ผมแอบยิ้มกับความปากแข็งของคนที่กระแซะเข้ามาใกล้ผมอยู่นั่น มันคงเห็นว่าไอ้คิมมองชุดเครื่องปรุงบ่อยๆละสิ ผมก็เห็นคิมมองแต่คิดว่าถ้ามันอยากได้จริงๆก็คงเอ่ยปากวานให้ไปหยิบเองจึงไม่ได้กระดิกตัวไปหยิบให้มัน กร๊าก ขนาดไอ้ไทป์ที่อยู่ตรงข้ามเกียร์ยังไม่เอื้อมส่งไปให้คิมเลยคิดดูสิ




.
.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2014 20:01:25 โดย Calypso »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
.
.
.




“คุณ เขยิบไปหน่อยได้ไหม ผมทานไม่ถนัด” ผมหันไปพูดกับเกียร์ ก็ไม่รู้มันจะเอียงตัวมาหาผมทำไมนักหนา ไอ้เราก็อุตส่าห์เขยิบไปติดกับพิชแล้วนะ

“หายโกรธหรือยัง” มันก้มมาเสียงเบาให้ได้ยินแค่สองคน ซึ่งปกติเกียร์ก็จะพูดน้ำเสียงเบาอย่างนี้เมื่ออยู่ข้างนอกหรือมีคนอื่นอยู่ด้วยอยู่แล้ว

“หือ ผมไปโกรธคุณตอนไหนครับ” ผมถามงงๆ

“เกียร์อุ้มมาแล้วไม่ให้กินนม” ฟังดูทะแม่งๆแฮะ เหมือนผมยังไม่หย่านมไม่มีผิด

“โหย ผมไม่ได้โกรธคุณนะ ผมรู้ว่าคุณหวังดี เมื่อกี้ขอโทษนะครับที่งี่เง่าใส่” เอ่ยปากขอโทษเพราะรู้ว่าตัวเองดันไปงี่เง่าใส่จริงๆ

“อืม แต่น่าหยิกดี”

“คุณเป็นซาดิสเหรอผมพึ่งรู้” ไอ้นี่ ดีๆไม่ชอบ ชอบให้งี่เง่า

“รู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้บ้า อย่าพูดสิเดี๋ยวเขารู้ว่าเราเล่นเกือบทุกกระบวนท่า

“เอ้อ! นึกขึ้นมาได้ กูจะมาชวนมึงไปถวายสังฆทานนี่หว่า” อยู่ๆเนมก็เสียงดังขึ้นจนผมที่เขินอยู่ก็ตกใจหน้าแทบหงาย

“กูนึกว่าแค่มาทานข้าวฟรีที่บ้านกูอย่างเดียวเสียอีก”

“แหม บ้านกู เต็มปากเต็มคำนะ หึหึ” ทำไมอะ บ้านเกียร์ก็คือบ้านผม พูดผิดตรงไหน

“ตอนนี้เขายังให้ถวายอยู่อีกเหรอวะ” ผมพูดเพราะนี่มันก็สายมากแล้ว

“เออหน่า กูมีที่ทางแล้วกัน” พิชพูด

“จะเดินไหวเหรอ” เกียร์กระซิบถาม นั่นสิ

“ไม่กลับไปอ่านหนังสือกันก่อนวะ สอบเสร็จค่อยไปกันก็ได้นิ” ความจริงผมก็ยังเจ็บๆขาล้าๆอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากพูดแบบนั้นออกไป มันน่าอาย

“มึงลืมเหรอ พอสอบเสร็จแล้วมึงต้องไปค่ายสร้างโรงเรียนกับกู แล้วเด็กแพทย์แม่งสอบเสร็จช้าฉิบหาย พวกกูเสร็จก่อนมึงตั้งสองวัน ระหว่างนั้นกูก็ไปทำบุญตักบาตรหรือเที่ยวอะไรของกูได้ แต่ของมึงอะสอบเสร็จยังไม่ทันหายใจก็ต้องออกเดินทางแล้ว” เออว่ะ ยังจำค่ายสร้างโรงเรียน สร้างฝันเพื่ออนาคตของชาติที่พวกเพื่อนผมกับพวกเพื่อนเกียร์ลงชื่อไปได้ไหมครับ นั่นละ งานหนักเลยกูลืมไปเสียสนิท แต่อยากไปนะครับ คนอื่นที่ไม่มีโอกาสเหมือนกับเราก็มีมาก เรามีโอกาสมีกำลังก็ร่วมด้วยช่วยกันไม่ได้เสียหายอะไร เพื่อความสุขของใครหลายๆคนทำไมจะไม่อยากทำละครับ คนไทยด้วยกันทั้งนั้น

“วันนี้กูเหนื่อยว่ะ ไม่ไปได้..”

“ไม่ได้!” จ้า

พอทานอาหารเสร็จเรียบร้อยพวกมันก็รอผมไปอาบน้ำ เกียร์เตรียมชุดเอาไว้ให้เป็นเสื้อคอกลมแขนยาวสีฟ้าเข้มกับกางเกงสแล็คสีขาว คือยังไงดีละ ตอนนี้อากาศมันก็เริ่มร้อนแล้วนะครับ ใส่กางเกงสแล็คขายาวมันก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะเราต้องเข้าวัดแล้วอีกอย่างเวลาผมออกไปไหนมาไหนก็ใส่แบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วเนื้อผ้าบางทำให้ผมไม่ร้อนหรอก แต่มันดันหยิบเสื้อแขนยาวมานี่สิ แค่คิดก็ร้อนตับแลบแล้ว ผมก็ไม่ได้แย้งอะไรมันไปเพราะเห็นว่าอีกคนอุส่าห์ตั้งใจเลือกให้ พอเสร็จก็พากันยกโขยงไปวัดแห่งหนึ่งแถวรามคำแหง วัดนี้เขาสงบดีครับ สะอาดด้วยเพราะเห็นเด็กนักเรียนผมสั้นในชุดไปรเวทมาทำจิตอาสากันเต็มไปหมด ผมถอดรองเท้าแล้วเข้าไปยังห้องถวายสังฆทาน

จากนั้นผมก็ตามน้ำเอาเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมมาวัดนับครั้งได้เลยเพราะนับถือศาสนาคริสต์น่ะครับ ไอ้พิชก็นับถือคริสต์เหมือนกันแต่มันทำเป็นแล้วก็คล่องมากด้วยเพราะแม่นับถือพุทธแล้วชอบพามันเข้าวัดบ่อยๆ ส่วนคนอื่นนับถือศาสนาพุทธกันหมด

“ไอรัก” เกียร์เรียกเมื่อเห็นผมเดินไปซื้อสังฆทานตามหลังเพื่อน

“แปบหนึ่งนะครับ” ผมหันไปพูดแล้วเดินจะไปต่อคิว แต่โดนอีกคนดึงมือมานั่งจุ้มปุ๊กข้างหลังสุดของห้อง ..ให้ตายสิ ปวดก้นชะมัด

“เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้ซื้อเลย” ผมบอกแล้วจะลุกไปแต่มันพูดขึ้นก่อน

“ถวายด้วยกัน”

“หือ ได้ด้วยเหรอครับ” ผมถามไปงงๆ ทำหน้าสุนัขงงไปด้วย

มันพยักหน้า คนเริ่มทยอยมานั่งจนครบจึงเริ่มพิธีการ ผมก็พูดตามเขาตั้งจิตให้มั่น เผื่อแผ่บุญกุศลให้กับคนสำคัญในชีวิต จากนั้นก็กรวดน้ำ เกียร์บอกว่าให้ตั้งใจอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่เราได้ทำไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรและผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พอเสร็จเกียร์ก็เอาเงินใส่ซองจดหมาย

“ไปถวายสังฆทูกันแมวน้อย” มันพูดแล้วจับมือผมให้คุกเขาคลานไปด้านหน้า

“เอ่อ สังฆทานไม่ใช่เหรอ เกียร์ชอบมั่ว” ไอรักเป็นคนนะไม่ใช่แมว ไม่ต้องเอาปลาทูมาเกี่ยวข้องก็ได้ ปัดติโถ๊ะ!

เราเดินไปรินน้ำที่ดินต้นไม้ใหญ่ พอเสร็จทุกอย่างแล้วผมก็สบายใจขึ้นเยอะเลยครับ ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าแต่เหมือนการทำบุญทำให้ผมจิตใจสงบขึ้นจริงๆ

“มาวัดแล้วกูมีสติในการอ่านหนังสือเยอะขึ้นเลย เย้ๆๆๆ” ไอ้เนมพูดกระโดดโหยงเหยง เนมเป็นคนที่สมาธิสั้นครับ คือจะอยู่สุขไม่ได้เลย เวลาจะสอบผมต้องเตือนให้มันอ่านหนังสือตั้งแต่เนิ่นๆจะได้อ่านทัน

“อ๋อ เพราะอย่างนี้ใช่ไหมวั้นนี้มึงถึงมาขย่มตอนกูหลับซะจุก” คิมพูด

“ห๊า ขย่ม!/ห๊า ขย่ม!/ห๊า ขย่ม!” พวกผม(ไม่รวมคุณน้ำแข็ง)ร้องเป็นเสียงเดียวกัน

“เหี้ย คิดอะไรวะ ไปไกลไปละไอ้พวกห่า ก็กูนอนคว่ำอยู่แล้วไอ้เนมแม่งมายืนบนตัวกูแล้วกระโดดจนหลังกูแทบหัก” คิมพูดอย่างหัวเสียไม่หาย ดีนะที่ไม่ใช่อย่างที่คิด ไม่งั้นผมคงได้สำรอกออกมาทุกเช้าเย็น

“แถวบ้านกูเรียกถูกกระทืบคาเตียง” ผมพูด เริ่มมองหน้าพวกมันอย่างไม่ไว้ใจ ทำไปทำมาทำไมคนรอบข้างผมถึงชอบใช้ความรุนแรงวะไม่เข้าใจ

“แม่งใช้คำซะกูนึกว่าไอ้เนมเสียตูดให้มึงไปแล้ว” พิชพูดแล้วถอนหายใจโล่งอก

“โห มึงอย่าแม้แต่จะคิด แค่พูดฟังมึงพูดกูยังจะอ้วกเลยห่าเอ๊ย”

“โอ๋ๆ ตัวเองแพ้ท้องเหรอคะ มาๆ มาซบที่อกฉัน” มันมาเป็นชื่อเพลงพี่แบงค์เลยทีเดียว

“โว้ย อย่ามาใกล้กู ชิ่วๆ เดี๋ยวกูก็อ้วกใส่หัวมึงเลยนิ” คิมแสดงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดโดยการเขยิบออกจากไอ้เนมแล้วโบกไม้โบกมือไล่ให้ไปไกลๆ

“สีเหมือนไอซิสเลย” ผมละสายตาจากพวกนั้นก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเลยกระตุกเสื้อเกียร์แล้วชี้ไปที่ลูกแมวตัวหนึ่งที่นอนขดอยู่ใต้ต้นไม้ ด้านข้างมีรถขายลูกชิ้น ผมเดินไปเล่นน้องแมวตัวนั้น ถึงสีจะคล้ายกันแต่ตัวใหญ่กว่าไอซิสเยอะเลยแฮะ

“แฝดกัน” มันหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ถ้าไม่ติดว่าเป็นเกียร์ผมจะคิดว่ามันกำลังกวนผมอยู่เป็นแน่

“งั้นเราเอากลับไปด้วยได้ไห..”

“อย่าแม้แต่จะคิด” มันพูดแล้วขยี้ผมจนยุ่ง

“เกียยยร์ หยู๊ดด โห ผมหมดหล่อแล้วมั้งนี่” พูดเสร็จก็รีบเดินหนีออกมา ส่วนมันก็เดินตามผมไปเล่นกับคุณแมว

“ยังเจ็บอยู่หรือ” ผมมองมัน อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ถามไปงงๆ

“เจ็บอะไรครับ”

“ก้น”

“ว้ากกก อะไรเนี่ย พูดเรื่องแบบนี้ในวัดได้ไง” ห่าพูดอะไรไม่รู้กูเขินหมด

“ก็เห็นถาม” แล้วคุณก็ซื่อตอบซะตรงเชียวนะ

“ฮึ่ย”

“แล้วเป็นไงบ้าง หายเจ็บหรือยัง ทำไมถึงเดินโก่งขนาดนั้น”

“บ้า พูดอะไรน่าเกลียด ก็..ไม่เจ็บหรอกครับ” ผมอ้อมแอ้มตอบ

“แน่ใจ? โกหกแล้วหางกุดนะแมว” มันถามหน้าไม่เชื่อสุดๆ

“อะโด่ไม่เห็นต้องขู่กันเลย.. เอ่อ มันยังเจ็บนิดหน่อยน่ะครับ” ผมเห็นว่ามันไม่ยอมเลิกลาไปง่ายๆจึงต้องพูดความจริงออกมาไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก วันนี้กัดฟันเดินทั้งวันจนมันเกือบชินชาแล้วแต่พอเวลานั่งก็ต้องระวังหน่อย ขนาดเมื่อกี้ค่อยๆนั่งเจ็บเลย

“ไปนั่งตรงโน้นก่อนไหม” ผมหันไปมองตามที่มันพยักเพยิด เห็นเก้าอี้อยู่ไกลๆ ไม่อยากจะอุ้มแมวไปเล่นตรงโน้นด้วยสิ กลัวจะไปปลุกเขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทนได้น่า” มันมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้อย่างปลงๆแล้วบอกว่าจะไปซื้อขนมแปบหนึ่ง

“กูเอาไปเลี้ยงได้ไหมวะ น่ารักสัตว์” คิมพูดเสียงอยากได้สุดๆ

“ไอ้หรรม กูเห็นมึงอยากเลี้ยงทุกอย่างงะ ถ้ามึงเอามันขึ้นคอนโดกูนะ กูจะจับกดน้ำให้หมด” เนมแม่งโหดร้าย มึงเป็นเมทกันได้อย่างไรวะ อีกคนคลั่งไคล้ฉิบหาย ส่วนอีกคนเกลียดฉิบหาย

“กูเอาไปเลี้ยงที่บ้านก็ได้เถอะ แม่ง”

“ไม่ต้องเอาไปหรอก อยู่ที่นี่มันก็สุขสบายดี” ไทป์พูดขึ้น

“ตัวเองรู้ได้ไงวะ นอนกับมันทุกวันเหรอ ฮ่าๆๆ โอ้ย”

“กินฝ่ามือไทป์อร่อยไหม” ผมพูดแล้วขำไป ฮาตรงสีหน้ามันนี่ละ

“หึ ก็มึงดูพุงมันย้วยขนาดนั้น ขนมันก็ไม่ได้แหว่งเหมือนโดนรุม คนในวัดเขาคงเลี้ยงเอาไว้ละ” ไทป์อธิบายออกมา

“เออว่ะ อดเลยหนูมีมี่” มันตั้งชื่อให้แมวตัวนั้นเสร็จสรรพแล้วลูบหัวแมวเหมือนแม่ลูกโดนพรากออกจากอกก็ไม่ปาน

“หนูห่าอะไร แมวต่างหาก” เนมพูดแล้วไม่ได้สนใจคิมอีก หันไปชะเง้อมองพิชอย่างตาลุกวาว

“อร่อยดีว่ะ” พิชพูด เห็นเมื่อกี้มันเดินตามเกียร์ไปซื้อลูกชิ้น กลับมาพร้อมของกินเต็มเลย

“ไหนๆ” ผมกับเนมพูดพร้อมกันแล้วแย่งไอ้พิชทาน

“เออดี กูชมครั้งเดียวได้กินลูกเดียว ตอนกูซื้อก็เสือกไม่สั่ง พอกูแดกก็เสือกมาแย่ง เกินคำว่าเลวแล้วพวกมึงอะ” มันน่ารักครับ ยืนบ่นแต่ก็ให้ไอ้เนมทานหมดเลย ส่วนผมโดนเกียร์ลากไปแย่งทานกับมัน ส่วนคิมกับไทป์ก็มีนะครับ เกียร์ซื้อแยกถุงมาเผื่อ แปลกเหมือนกันนะครับที่ทานคนเดียวมันก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร แต่พอแย่งกันทานกับคนเยอะๆดันอร่อยจนทานกันไม่พอซะนี่

“จะสิบโมงละ พวกมึงจะกลับกันเลยหรือเปล่า” คิมถามขึ้น

“เออ แยกกันตรงนี้เลยดีกว่าว่ะ กูมีหนังสือที่ยังไม่ได้อ่านอีกเป็นตั้ง อ่านแค่คำนำก็โคตรหนักหัวแล้วแม่งเอ๊ยให้เรียนอะไรเยอะแยะวะ” พิชบอกเมื่อแย่งกันทานเสร็จ พอดีตอนมาเราตกลงกันว่าทำบุญเสร็จจะแยกกันกลับไปอ่านหนังสือกันเลย วินาทีสุดท้ายต้องรีบกอบโกยความรู้หน่อยครับเดี๋ยวไม่มีอะไรเข้าห้องสอบแล้วจะแย่

“สมควรแล้วมึงอะ ไม่รู้จักจัดการเวลาของตัวเอง” ไทป์หันไปด่าพิช ก็มันออกไปชอบเที่ยวกลางคืนกับคิมแล้วละเลยหนังสือ ไอ้คิมดีหน่อยที่มันอ่านหนังสือไวและเข้าใจเร็วเหมือนผม แต่พิชมันหัวดีแต่ขี้เกียจ อ่านหนังสือช้า แล้วยังชอบดองหนังสือแล้วค่อยไปอ่านนาทีสุดท้ายอีก อย่างนี้จะไม่ให้ไอ้ไทป์ด่ามันได้อย่างไรละ

ก่อนกลับผมก็ชวนเกียร์ไปทานบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแถวนั้น ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะแวะไปทานของหนักหรอกแต่ตาเจ้ากรรมดันไปเห็นป้ายที่โชว์กุ้งตัวใหญ่เนื้อเน้นๆมันหัวเยิ้มๆเลยดึงดูดใจให้ผมต้องเสียเงิน ส่วนเกียร์เขาก็ชอบเลยละครับมีแต่เนื้อสารพัดให้ทาน โดยเฉพาะเนื้อปลามันจะโปรดปรานเป็นพิเศษ เกียร์บอกว่าน้ำจิ้มที่นี่แซ่บใช้ได้ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันแซ่บขนาดไหนเพราะจิ้มได้แค่ซอสธรรมดา ไม่อยากเป่าปี่กลางร้าน T_T


“อิ่มจังเล้ย” ผมพูดพลางลูบพุงไปนั่งโซฟา วันนี้ทานทั้งข้าวต้มกุ้งต่อด้วยลูกชิ้น แล้วยังไปจบที่บุฟเฟ่ต์อีก พักนี้ชักจะเพลิดเพลินกับอาหารไปแล้ว สงสัยต้องหาเวลาไปออกกำลังกายแล้วแฮะ

“ไอ้ทรุดก็อิ่มจนอืดเต็มที่นอน” โหดูพูดกับลูกผมสิ เขาแค่ทานอาหารเสร็จแล้วเลื้อยเข้าที่นอนตัวเองเท่านั้นเอง เกียร์ตามมาจะล้มตัวนอนหนุนตักแต่ผมขัดขึ้นก่อน

“ไม่ได้นะครับ นั่งไม่พ้นสี่ชั่วโมงเลย นั่งให้อาหารย่อยก่อน เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน” มันพยักหน้ายอมลุกขึ้นนั่งดีๆแล้วเดินไปหยิบกีต้าร์ก่อนจะกลับมานั่งเกลากีต้าร์แบบไม่เป็นเพลงที่เดิม คือมันเล่นกีต้าร์เป็นนะครับแล้วก็เก่งด้วยแต่เรื่องร้องเพลงมันจะไม่ร้องเลย ขนาดผมยังไม่เคยได้ยินมันร้องเพลงเลยนอกจากฮึมฮัมในลำคอเวลาที่มันมีความสุขสุดๆ เอาเป็นว่าขนาดเวลาพูดยังไม่ค่อยจะได้ยินมันพูดเลยครับ

“อยากฟังเสียงเพราะๆจังเลย” ผมนั่งเอาขาทั้งสองขึ้นแล้วเอาเข่าเกยกับตักเกียร์ คางก็เกยกับไหล่ด้านข้างของมัน

“...” มันหันมามองน้อยๆแล้วเลิกคิ้ว รู้ว่าแอบยิ้มอยู่ไม่ต้องทำมาเป็นเก๊กขรึมหรอก มันชอบนักละให้ใกล้ชิดกันเยอะๆ

“เกียร์เคยร้องเพลงให้ใครฟังบ้างหรือเปล่าอะครับ ผมไม่เห็นจะเคยได้ยินคุณร้องเลย” พูดเองยังรู้สึกว่าดูหดหู่พิกลเลย

“เคย”

“ห๊า ใครอะ! คุณสาเหรอ หรือพัต? เอ๊ะ หรือคุณพ่อคุณแม่” ผมถามยาวเพราะโคตรแปลกใจไม่คิดว่ามันจะร้องให้ใครฟังง่ายๆ

“เคยร้องให้ตัวเองฟัง” ไอ้คุณน้ำแข็งกวนจริงๆ ถ้าร้องเองแล้วฟังเองไม่นับแต้มนะครับ แสดงว่าไม่เคยให้ใครได้ฟังเสียงของมันเลยละสิ

“งั้นร้องให้ผมฟังอีกสักคนได้ไหม” ผมขอมันหน้าด้านๆอย่างนี้ละครับ ไหนๆก็เริ่มจะลืมไปแล้วว่าอาย อดมันเป็นอย่างไร

“เขิน” ป๊าดดด มีขงมีเขินว่ะเดี๋ยวนี้ ดีนะที่มันพูดเสียงนิ่งๆหน้านิ่งๆ เพราะถ้าทำหน้าเหนียมอายแล้วท่าบิดไปบิดมาด้วยแล้วละก็ ผมคงต้องมองมันใหม่อย่างด่วนเลยละครับ

“คุณเขินเป็นด้วยเหรอ ผมนึกว่า..” ตายด้านไปแล้ว กร๊าก

“หืม?” ไม่บอกหรอกเดี๋ยวโดนกระทืบ

“เปล่าครับ ร้องให้ฟังหน่อยสิ ผมอยากเป็นคนแรกที่ได้ฟังเสียงศิลปินระดับโลกคนนี้” ผมยิ้มขำ มันก็หัวเราะในลำคอเพราะคำยอนิดหน่อย แล้วหันมามองนิ่งนานเกือบนาที จมูกเกือบชนกันอยู่แล้ว ผมรู้สึกเลยว่าตาสั่นระริก พยายามสู้มองตาของอีกคน บอกตรงๆว่าไม่กล้าสบตามันตรงๆแบบใกล้ขนาดนี้ ทั้งเขินทั้งอายเพราะสายตาคมของมัน

“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิ” มันกระซิบใกล้ริมฝีปากผมแล้วปรือตาลง

“เอ๊ะ?! ได้เหรอครับ! ว่าแต่ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอ” ผมรีบผละออกเล็กน้อยแล้วพูดแล้วยิ้มถามอย่างดีใจจนลืมหน้าหื่นๆของมันไปสนิท

“ไว้บอกทีหลัง”

“อ้าว ทีหน้าไม่ได้เหรอ ทีหลังผมก็ไม่ได้ฟังแล้วสิ” ผมยิ้มกวนใส่

“บอกให้ข่วนเล็บให้เป็นที่เป็นทางไง” มันกำลังว่าผมกวนตีนผิดที่ผิดเวลาหรือเปล่าวะ

“โฮะโฮะ แล้วจะเริ่มหรือยังอะครับ ผมรอลุ้นจนตัวโก่งแล้วนะ”

“ดีดไม่ได้” มันทำท่าจับไม่ถนัดเพราะผมนั่งเกยมันอยู่นิดหนึ่งแต่ไม่ได้เขยิบหนีผม

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” มันกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนจะเริ่มดีดกีต้าร์

แค่เริ่มแรกที่เสียงกีต้าร์บรรเลงขึ้นก็ทำเอาผมยิ้มกว้างออกมา มันเป็นเพลงที่ผมเคยพูดกับเพื่อนของเกียร์เอาไว้ว่าชอบเพลงนี้มากๆ ไม่คิดว่าเพียงแค่ประโยคสั้นๆจะสามารถทำให้มันจดจำได้

“รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน..ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่..เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว” เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาถึงแม้ว่าจะเนิบนิ่งเหมือนเวลาพูด แต่มันก็นุ่มอ่อนโยนเหมือนสายตาที่มองมา

“หรือจะเป็นในตอนที่คุณต้องนอนเสียใจ..หรือว่าตอนที่เราต้องไกล..มันทำผมได้รู้ว่าคิดถึงแต่คุณ” มันหยุด ก้มลงมาหอมแก้มผมก่อนร้องท่อนต่อไป

“และในตอนนี้ ในเวลานี้ ล่วงเลยมานานเป็นปี..ให้ดวงดาวนั้นเป็นเหมือนพยานรัก”

เสียงไม่ได้กระท่อนกระแท่น มือไม่ได้สั่นคลอนแต่ผมรู้ดีว่ามันกำลังประหม่าเพราะไม่เคยร้องให้ใครได้ฟัง

“ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ..ว่าจะรักแค่คุณ..ว่าจะรักแค่คุณ..เท่านั้น..นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ..ก็จะรักแค่คุณ อยากจะมีแค่คุณคนเดียว”

คำมั่นสัญญาจากใจที่แสดงออกมาจากสายตาและคำร้องมันทำให้ผมยิ้มรับกับสิ่งนั้น

“คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจ..เมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้..ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว..และในตอนนี้ในเวลานี้..ล่วงเลยมานานเป็นปี..ให้ดวงดาวนั้นเป็นเหมือนพยานรัก”

“ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ..ว่าจะรักแค่คุณ..ว่าจะรักแค่คุณ..เท่านั้น..นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ..ก็จะรักแค่คุณ อยากจะมีแค่คุณคนเดียว.. พอฟังได้ไหม” มันร้องยังไม่จบเพลงก็หยุดดีดแล้วพูดคำสุดท้ายออกมา ผมพยักหน้ายิ้มๆแล้วเอื้อมไปประสานมือเข้ากับอีกคน มันวางกีต้าร์ข้างโซฟาแล้วคลึงหลังมือผมเบาๆ

แม้ว่าเสียงจะไม่ได้ดีเหมือนนักร้องที่ฝึกฝนกันมา ไม่ได้ทำเสียงให้ตัวเองดูดี แต่ผมคิดว่ามันเพราะที่สุดสำหรับผมแล้วละ

“เพราะจัง ขอบคุณนะครับ”

มันพยักหน้าพลางมองมาด้วยสายตาแปลกๆที่ทำให้ผมใจเต้นได้เสมอ ผมก้มหน้างุด รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนๆจึงพูดอุบอิบแก้เขิน

“เหมือนคุณกำลังร้องเพลงจีบสาวแรกรุ่นไม่มีผิด”

“ร้องให้ฟังแค่ไอรักคนเดียว” มันว่าอย่างนั้นแล้วคว้าตัวผมไปนั่งตัก กอดรัดแน่นโทษฐานพูดจาไม่เข้าหู

“อ๋อยยย ขอโทษคร๊าบ ผิดไปแล้วว” ผมดิ้นกระแด่วๆแล้วดันหน้ามันไม่ให้ฟัดตรงซอกคอ

“ฮึ่ม” ผมร้องโอ้ยเมื่อมันกัดแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว เชี่ยนี่เล่นซาดิสอีกแล้ว

“โอ๋ๆ อย่างอนนะ ผมมีอะไรจะให้” ผมพูดแล้วจะลุกจากตักมัน

“จะหนีความผิดเหรอ” มันกอดแน่นไม่ปล่อย

“หนีอะไรรร ไม่หนี ปล่อยเลยคุณน้ำแข็งงง เดี๋ยวจะอดได้ของดีนะ!” มันเล่นยึดตัวผมไว้แน่นแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนผมหายใจแทบไม่ทันเพราะจั๊กจี้ ก่อนที่มันจะหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วคลายออก


ผมรีบกระดึ๊บตัวลงแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปห้องนอน หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเรียนแล้วเดินกลับมานั่งข้างเกียร์ มันมองการกระทำผมเงียบๆ

“ทีนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเหลวไหลที่ไหนกับใครแล้วนะครับ” ผมสวมแหวนที่เคยแอบไปซื้อมาจากตอนที่ไปงานสัตว์ เป็นเพชรแถวสลักคำว่าIGเอาไว้ด้านในเหมือนกับวงที่ผมใส่ ตอนนั้นผมต้องจ่ายมากกว่าปกติเพื่อให้เขาลัดคิวและเสร็จในตอนนั้นเลย

“....” มันเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นผมก้มลงจูบแหวนที่อยู่บนนิ้วใหญ่

“แล้วห้ามปฏิเสธนะครับ ผมอยากให้เราใส่เหมือนกันเพราะเรารักกัน ไม่ใช่แค่คุณรักผมหรือผมรักคุณอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าคุณไม่รับผมจะเสียใจมากแล้วก็งอนด้วย” ผมพูดดักคอก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมา มันมองชั่วอึดใจก่อนจะดึงผมมากอด

“ขอบคุณ” มันเอ่ยคำที่ผมอยากฟัง มันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นรัว เชื่อเลยว่าใจผมก็เต้นเร็วไม่แพ้กัน

“อย่าถอดละ ใส่แล้วใส่เลยนะ ถ้าผมเห็นนิ้วนี้ว่างเมื่อไหร่ละก็ผมจะตัดนิ้วฉับๆเลย” ผมทำนิ้วเป็นกรรไกรแล้วขยับให้มันเสียว

“หึหึ” มันหัวเราะในลำคอแล้วพยักหน้า

“แล้ว..จะบอกได้หรือยังครับว่าข้อแลกเปลี่ยนคืออะไร อย่าขอแปลกๆนะเดี๋ยวเป็นของหายากแล้วผมหาไม่ได้ละแย่เลย” ผมพูดขำๆแล้วยิ้มตาปิดให้ มันจูบลงหน้าผากผมแล้วพูดบางอย่างให้ผมใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม

“แค่อยากให้รักกัน อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป”

“ฮึ้อ ไม่ขอผมก็ทำอยู่แล้ว” มันกดยิ้มมุมปากนิดหนึ่งแล้วก้มลงมาป้อนจูบที่แสนหวานให้กับผม

“เกียร์ เกียร์เดี๋ยว ไม่เอาแล้วนะ ผมเหนื่อยแล้วขอพักหน่อยเถอะ” ผมรีบผละออกพูดอย่างละล่ำละลัก เพราะรู้สึกจะจูบนานและลึกซึ้งเกินจึงต้องเบรกมันไว้ก่อน

“รู้แล้ว..” มันพูดแล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบอีก

“..ปากผมเจ่อหมดแล้วมั้งนี่” ผมบ่นกระปอดกระแปด จูบกับมันทีไรนึกว่าผึ้งต่อยปากทุกที บวมจนน่าเกลียดเลยครับ

“ออกจะน่ารัก” ผมว่าคุณน้ำแข็งเริ่มจะตาเป็นเม็ดถั่วขึ้นเรื่อยๆ เอาอะไรมองว่าน่ารักวะ

“แล้วนี่จะไม่อ่านหนังสือกันเหรอครับ คุณจะชิวเกินไปแล้วนะ” ผมไม่ได้เป็นเด็กเร่งเรียนขนาดนั้นหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำตอนนี้ไม่ใช่เหรอ หรือจะเทวิชาที่จะสอบดี กร๊าก

“พรุ่งนี้สอบระบบหัวใจและหลอดเลือดด้วยใช่ไหม” มันพูดเสร็จก็เดินไปเข้าไปในห้องนอนแล้วกลับมาพร้อมหนังสือสองเล่ม

“หือ ไปรู้มาจากไหนครับ” ผมยื่นมือรับเล่มหนึ่ง ส่วนอีกเล่มนั้นเป็นของมัน

“หน้าหนังสือ” อ๋อ ปกติผมจะติดโพสต์อิทเอาไว้แต่ละเล่มว่าในรายวิชานั้นๆมีรายละเอียดอะไรบ้าง อย่างสอบวันไหน อ่านถึงไหน กี่หน่วยกิตประมาณนี้

“ว้า รู้ไปหมดเลย อย่างนี้เวลามีความลับผมจะเอาไปแอบที่ไหนดีละ” ผมยิ้มรับแทนคำขอบคุณที่ไปหยิบหนังสือมาให้แล้วพูดหยอก

“หัดอยากมีความลับกันแล้วเหรอ” มันพูดแล้วบีบจมูกผมแน่น ส่ายไปมาด้วย

“โอ้ยย เกียยยผมเจ็บนะ ทำไมโหดจังวะ” ผมพูดเสียงดังแล้วอุบอิบต่อท้ายเสียงเบาๆ

“อ่านหนังสือได้แล้ว” มันบอกแล้วเขกหัวผมไม่แรงมากนัก แต่ก็ทำให้เงยไปมองค้อนได้เหมือนกันนะ


ตอนแรกผมเป็นคนเตือนให้เริ่มอ่านหนังสือ แต่ไหงตอนนี้กลายเป็นมันที่เป็นคนดุผมเองละนี่


……………………………………


ผมกลับจากการสอบด้วยร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยสุดๆทั้งที่มีสอบแค่ช่วงเช้า อาจเป็นเพราะเหนื่อยจากเมื่อวานที่ผมเดินตะลอนไปไหนมาไหนไม่หยุดแถมยังเสียน้ำกับเกียร์ตั้งหลายยก แปลกที่รายนั้นไม่แสดงความเหนื่อยออกมาให้เห็นเลย แต่ผมนี่สิอยากจะทิ้งตัวลงนอนเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆตั้งแต่อยู่ในห้องสอบแล้ว แล้ววันนี้ห้องสอบไม่รู้เกิดวิบัติอะไร นอกจากจะตึงเครียดอึมครึมแล้วยังร้อนได้อีก สงสัยแอร์เสียกระมัง

“เหนื่อยหรือ” ผมพยักหน้าตอบแล้วพลิกตัวนอนคว่ำบนเตียง มันวางกระเป๋าของผมกับมันลงบนเก้าอี้ทำงานแล้วเดินมาลูบศีรษะผม

มันขยับตัวมานั่งปลายเท้าผมแล้วนวดคลึงต้นขาและน่องขาทั้งสองข้าง ผมชะโงกหัวหันไปมองการกระทำนั้นเงียบๆ มือใหญ่ๆของมันบีบนวดจนเรื่อยลงมาจนถึงข้อเท้าก่อนจะจัดการถอดถุงเท้าให้

“เกียร์..” ผมเรียกเสียงงึมงำเพื่อหยุดมันก่อน พยายามยื้อขาตัวเองเอาไว้

“เดี๋ยวถอดให้ จะได้สบายตัว” มันเงยขึ้นบอกก่อนจะทำเป็นดึงอีกรอบ

“อย่าเลยครับ มันไม่ดี ผมทำเองก็ได้” ไม่ใช่ว่าเป็นครั้งแรกที่มันถอดถุงเท้าหรือเสื้อผ้าบนตัวผม กี่ครั้งผมก็ไม่เคยชินกับการกระทำนี้เสียที

“นอนซะ”

มันพูดแค่นั้นแล้วดึงถุงเท้าออกไปเลย ผมเองก็ฝืนหนังตาตัวเองไม่ไหวเลยนอนไปทั้งอย่างนั้น แต่สักพักก็รู้สึกว่ามีคนเอาผ้าเปียกๆมาลูบตามตัวจากนั้นผมก็ผลอยหลับไปสนิทจำอะไรไม่ได้อีกเลย

ตื่นมาก็เห็นอกคนข้างๆก่อนเลยอย่างแรก ผมขยับตัวเล็กน้อย มีคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่แฮะ เงยหน้าไปมองเสียงนาฬิกาที่ดังติ๊ก ติ๊ก ก็ได้รู้ว่าปาไปเกือบสี่โมงเย็นแล้ว

นอนกลางวันไปได้ไงวะตั้งเกือบสี่ชั่วโมง

“ปวดหัวไหม” ผมหันไปมองตามเสียงก็เห็นว่าเกียร์กำลังจ้องมาด้วยสีหน้าที่ไม่เหมือนคนพึ่งตื่นเลยสักนิด

“ไม่นะครับ แต่เมื่อยตัวนิดหน่อย แฮะๆ” สงสัยนอนไม่พลิกตัวไปไหนเลยถึงได้ปวดเมื่อยตัว ก็คนมันเหนื่อยนี่นาทำไงได้

มันลุกขึ้นนั่งแล้วบอกให้ผมนอนคว่ำ ก่อนจะจัดการนวดให้ มือมันไม่หนักแต่ก็ไม่เบา กำลังพอดีเลยละ รู้สึกดีจนผมเผลอครางออกมาด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย

“คุณเคยเรียนนวดด้วยเหรอ”

“ไม่เคย”

“แต่คุณเก่งจัง ผมว่าไปรับนวดได้เลยนะ โอ้ย..” แค่ชมนิดหน่อยเองมาเคาะผมกันทำไมเล่า

“หายเมื่อยหรือยัง”

“หายแล้วครับ ถึงตาคุณแล้ว มานอนเลยๆ” ผมดึงมันลงให้นอนคว่ำ แต่มันก็พลิกตัวนอนหงายแล้วบอกว่าแบบนี้ก็นวดได้ อยากมองหน้าผม บ้าแล้ววพูดเรื่องแบบนี้ได้ไงผมเขินเป็นนะ

“นวดแรงๆก็ได้ เกียร์ไม่เจ็บหรอก” มันพูดขำๆ

“นี่ก็แรงแล้วนะ ทำไมหนังเหนียวอย่างนี้ละ” ผมนวดให้มันหายเมื่อยแต่ตัวเองจะเมื่อยแทนแล้ว คุณน้ำแข็งมันตัวใหญ่ กระดูกใหญ่ ไอ้เราก็เอาพยายามง้างมือให้ใหญ่ที่สุดแล้วบีบแรงๆแล้วนะ แต่อีกคนทำหน้าเหมือนโดนกระดาษทิชชู่ปาใส่อย่างนั้นละ

นวดมาถึงขาไปสักพักก็แอบเห็นว่ากางเกงมันตุงแปลกๆเลยหันไปมองค้อนปนเขินให้มัน อีกคนก็เลิกคิ้วประมาณว่า นวดไปสิ

“ไม่เอาละ เบื่อคนขี้หื่น” ผมพูดแล้วรีบกระเด้งตัวออกจากเตียง เป็นอย่างที่คิดเลย มันเด้งตัวจะคว้าตัวผมแต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว ผมเลยยักคิ้วให้มัน หึหึ ไม่รู้ซะแล้วว่าไผเป็นไผ





.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2014 20:00:47 โดย Calypso »

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
.
.
.
.
.


ผมรีบเดินไปห้องครัว เห็นจานอาหารอยู่บนโต๊ะ ดูท่าว่าจะทำมาสักพักใหญ่ๆแล้วจานถึงได้เย็นขนาดนี้ ผมเลยเอาเข้าไมโครเวฟ แล้วมันอุ่นยังไงละนี่ ผมเก้ๆกังๆอยู่นานเลยตัดสินใจบิดมันให้ถึงจุด Max ไปเลย

“ไม่ต้องหมุนขนาดนั้น เราไม่ได้อุ่นนาน เดี๋ยวระเบิดพอดี” มันพูดแล้วเดินมาหมุนกลับให้เหลือไม่เท่าไร

“ผมว่าผมไปนั่งรอดีกว่า จะได้ไม่ระเบิด” เออนะ เล่นเองเจ็บเอง ก็คนทำไม่เป็นนี่หว่าทำไงได้ละ

ทานอาหารเสร็จก็ช่วยกันเก็บไปล้าง ผมมีหน้าที่ส่งจานอย่างเดียวแล้วก็ดูอีกคนล้างจานไปพลางๆ ยิ่งนานไปผมก็ยิ่งหลงรักมันหมดใจเลยนะ ผมพยายามหาเหตุผมแล้วนะว่าทำไมถึงได้รักมันมากมายขนาดนี้ แต่ก็หาไม่ได้เลย มันมากมายจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรหรือความรักไม่มีเหตุผลอย่างที่ใครเคยพูดกันก็ไม่รู้

แต่ที่รู้ๆ ผมรักมัน แค่นี้แหละที่ผมรู้ตอนนี้

“ผมเริ่มยาวแล้วนะ ไม่รำคาญ?” แอบสะดุ้งกับเสียงมันนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มให้ มันเลิกคิ้วมองงงๆว่าผมเป็นอะไร

“ก็รำคาญนะครับ อยากให้ตัดเหรอ”

“อย่างนี้ก็น่ารักดี เหมือนแมวขนยาว” หือ บนหัวเรียกว่าผมไม่ใช่เหรอ ขนมันตรงแขนตรงขาโน่น

“แต่ผมคุณก็ยาวแล้วนะครับคงแยงตาแย่ งั้นเราไปตัดผมกันเลยไหม” เมื่อเห็นว่ามันล้างจานเสร็จแล้วก็จูงมือให้ไปถึงโซฟา มันมองตาปริบๆ

“แล้ว..หนังสือ?” วันนี้เกียร์สอบตัวสุดท้ายเสร็จแล้วครับ แต่ผมยังมีอีกตัวสอบวันพรุ่งนี้

“เอ้า ก็เอาไปอ่านที่ร้านสิครับจะไปยากอะไร เกียร์นี่นะไม่รู้เรื่องเลย” ผมได้ทีก็ทับถมใหญ่ หึๆ

“คนเยอะ” มันไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆนี่นาผมลืมไป แต่ร้านทำผมก็ต้องคนเยอะเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ

“แล้วปกติไปตัดที่ไหนอะครับ” ผมถาม มันนั่งลงบนโซฟาแล้วกระตุกมือให้ผมนั่งคล่อมตัก โอ้ย ชอบให้ทำท่าส่อแววอนาจารตลอด

“กลับบ้านไปให้แม่ตัด” คุณน้ำแข็งลูกทัพพี ขนาดจะตัดผมยังต้องใช้แม่อีก ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

“คุณรักสันโดษเกินไปแล้ว ป่ะ ลุกได้แล้วเกียร์ ไปตัดผมกัน” ผมแทบจะรับไม่ได้กับสภาพของเกียร์ตอนนี้ อยู่ไปอยู่มาเริ่มเหมือนโจรใต้ ผมเผ้ารุงรังแถมหนวดเคราเฟิ้ม ถ้าผมไม่โกนให้มันก็ไม่ยอมโกนหนวดเองอีก

“ไม่เหนื่อยแล้วเหรอ แดดก็ร้อน ออกไปเดี๋ยวไม่สบาย” มันอ้างโน่นอ้างนี่ ความจริงขี้เกียจออกไปเจอคนละสิไม่ว่า

“คุณชอบดื้ออะ! นี่ก็เย็นแล้วนะครับ ไปรถผมก็ได้เหอะไม่เหนื่อยหรอก ผลัดวันประกันพรุ่งอย่างนี้ไม่ได้ไปตัดสักที” ผมเริ่มหงุดหงิดกับไอ้คุณหมาน้ำแข็ง ไม่รู้จะเบื่อคนอื่นทำไมนักหนา แค่เจอหน้าคนที่ไม่รู้จักนี่มันยากนักเหรอทำตัวเป็นเด็กไปได้ อยากจะตบกระโหลกมันจริงๆแต่ก็กลัวตาย

“ตัดให้เกียร์สิ” มันไม่ยอมลุกแถมยังให้ผมตัดให้อีก

“คุณอยากได้ทรงนักบวชเหรอครับ ถ้าเกียร์ให้ผมตัด ผมต้องโกนหัวคุณแถมยังไถหนังหัวคุณแน่ๆ” มันนิ่งไปก่อนพยักหน้า

“ยอม” ยอมพ่อง!

“แต่ผมไม่ยอม ลุกมาซะดีๆเลย” ผมลุกขึ้นจากตัวเกียร์ ลากแขนให้มันลุก แต่คุณน้ำแข็งทำตัวเหมือนลูกตุ้มห้ากิโล ไม่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี ผมว่าต้องใช้แผนเผด็จการแล้วละ

“ได้ งั้นผมกลับไปนอนบ้านแล้วกัน” ว่าแล้วหันตัวกลับไปทางประตู ยังไม่ทันจะก้าวก็มีเสียงกับแรงดึงจากด้านหลังเสียก่อน

“ร้านไหน รอใส่รองเท้าก่อน” มันจับมือผมให้หยุดยืนมองมันรีบใส่รองเท้า

“ไปร้านประจำของผมแล้วกันนะครับ” พูดจบก็ยิ้มประจบ มันคงหมั่นไส้แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่มองอย่างคาดโทษ

ผมชวนมันออกไปโดยมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่คันเดิม ไหนบอกว่ากลัวร้อน กลัวจะไม่สบายไง อะโด่ นี่มันก็เย็นแล้วเถอะ แดดเดิดอะไรไม่มีหรอก ร้านที่ผมไปอยู่แถวทาวน์ อิน ทาวน์ ค่อนข้างไกลจากคอนโดพอสมควร แต่ใกล้กับวัดที่ผมไปมาเมื่อวานนะ

“จอดข้างหน้านะครับ ร้านนี้ละ” มันเทียบจอดฟุตบาท หันมาถอดหมวกให้ผมก่อนจะถอดให้ตัวเองเหมือนปกติแล้วหันไปมองร้าน

“แพงไปไหม”

“วันนี้ผมเลี้ยงเอง ไหนๆเมื่อวานก็ได้ฟังเสียงหล่อๆของคุณแล้ว” ผมพูดยิ้มแซว แต่คุณน้ำแข็งก็ยังเป็นคุณน้ำแข็งอยู่วันยันค่ำ หน้านิ๊งนิ่งเป็นรูป -_- ตลอด

“ขอแค่ที่เกียร์เคยพูดไว้ก็พอแล้ว” มันพูดแล้วขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด ดีที่อยู่หน้าร้านทำผมแล้วนะ ไม่งั้นคงได้เดินหัวฟูกลับบ้านแหงๆ

“สวัสดีค่ะคุณอชิระ วันนี้มาเย็นเชียวนะคะ เป็นยังไงบ้างคะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย” พี่พนักงานผู้หญิงที่เป็นช่างประจำของผมปรี่เข้ามาทักทาย พนักงานที่นี่ถูกเทรนด์มาดีครับ ไม่มีการกระโตกกระตากให้เห็นจนน่าหงุดหงิดเหมือนที่อื่น ไม่เข้าใจทำไมเจอผมแล้วต้องกริ๊ดกร๊าดอย่างกับดาราคนดังมาเยือนอย่างนั้นละ

“สบายดีครับ พอดีเดี๋ยวนี้ยุ่งๆน่ะครับเลยไม่ได้แวะมาตัดผมเลย นี่ก็ผมยาวมากแล้ว” พูดแล้วจับผมเบาๆ

“อ๋อค่ะ งั้นวันนี้ตัดเป็นทรงเดิมหรือจะเปลี่ยนทรงดีคะ?”

“ดีไซน์ให้ใหม่เลยแล้วกันครับ ทรงเก่าซ้ำมาสองปีแล้ว” ผมพูดแล้วหัวเราะ จริงๆนะ ผมไม่ค่อยเปลี่ยนอะไรบ่อยหรอก ไม่ได้เป็นคนขี้เบื่อขนาดนั้น

“ฮ่าๆ ได้ค่ะ”

“แล้วก็จัดการคนนี้ด้วยนะครับ” ผมพูดแล้วชี้ไปที่คนข้างๆ

“ค่ะ สะดวกเป็นช่างเพชรไหมคะ หรือสนใจเป็นคนไหนพิเศษ” พี่พนักงานยื่นรายชื่อช่างในร้านให้เกียร์ดู มันมองนิดหน่อยแล้วหันมาสบตาผมเหมือนให้จัดการแทน

“ช่างเพชรก็ได้ครับ” เพชรคือใครผมยังไม่รู้เลย แต่เขาแนะนำมาเลยเออออไป

“ได้ค่ะ งั้นกรุณาเชิญทางด้านนี้เลยค่ะ”

ผมเดินล้าหลังพนักงานทั้งสองคนแล้วพูดกับเกียร์เสียงออดอ้อน

“เกียร์ ผมอยากย้อมผมจัง”

“เป็นหมอห้ามย้อมผม” มันพูดสวนขึ้นทันควัน

“ไม่ได้ห้ามเถอะ แค่ไม่ได้แดงเกินหน้าเกินตาก็ไม่เป็นไรหรอก..มั้ง” ก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอก เพราะปกติถ้าใครทำสีผมก็จะถูกนักเรียนแพทย์คนอื่นมองแถมอาจถูกประนามในใจ เพราะในฐานะที่เป็นว่าที่แพทย์ การย้อมสีผมจัดๆจะทำให้ดูลดความน่าเชื่อถือลงไปน่ะครับ

แต่คิดเหรอว่าถ้าผมมีโอกาส จะย้อมแค่สีพื้นฐาน ไม่มีท๊างง

“แต่เกียร์ไม่อยากให้ย้อม แค่นี้ก็เด่นพอแล้ว” มันพูดเสียงติดหงุดหงิดดูจะไม่ค่อยชอบใจนัก

“มั่วแล้ว เด่นตรงไหนกัน สรุปผมย้อมด้วยดีไหมครับ อยากได้เป็นสีพาร์ทเทลแบบชมพู ฟ้า ชานิดหนึ่ง” ถ้าย้อมแบบนี้ต้องโดนอาจารย์เรียกไปดุแน่ๆ แต่เห็นเดี๋ยวนี้เขาฮิตกันเลยอยากทำบ้าง มันก็สวยดีนะครับ เสียดายที่เหมาะแค่กับคนผิวขาว ถ้าเข้ากับผิวสีแทนน้ำผึ้งป่านนี้คงทำกันหมดประเทศแล้วละ

“........” งอนแน่ๆ หันหน้าหนีแบบนี้

“ได้หรือเปล่าอะครับ”

“....ตามใจ” เสียงแข็งมาแต่หน้ายังไม่หันตรงตามเดิม

“โกรธผมเหรอ” นั่น ยังไม่ตีหน้ากลับอีกนะ ดึงหน้าอยู่ได้ทุกวันเดี๋ยวก็เหี่ยวไวหรอก

“เปล่า” แต่หน้าคุณไม่เปล่าเหมือนอย่างที่พูดเลยนะคุณน้ำแข็ง

“ก็ได้ ไม่ย้อมก็ไม่ย้อมสิ”

“....” มันหันมามองปรายตา หูย เย็นชาชะมัด

“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมทำ ผมก็ไม่ทำหรอก แค่คุณบอกผมก็ไม่ทำแล้ว ถึงจะอยากทำมากก็เถอะ” มันหันมามองผมเต็มตาแล้วนิ่งไปก่อนจะส่งสายตาแปลกๆมาให้

“กลับบ้านกันเลยไหม”

ผมถลึงตาใส่คนชอบหื่นก่อนจะตีแขนมันไปทีกลบเกลื่อนความเขินอายแล้วรีบนอนบนเตียงสระผม ผมแอบมองคนข้างๆที่ดูไม่ค่อยชอบใจที่มีคนมาแตะหัวแตะตัวแต่ก็ยอมนอนหายใจอยู่นิ่งๆ ผมว่าบางทีมันก้นิ่งเหมือนปลาตายไปนะแต่ผมก็รักที่มันเป็นแบบนี้ละ ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำให้คนอื่นชื่นชม

“สนใจเป็นทรง under cut ไหมคะ ตอนนี้กำลังฮิตกันอยู่ อีกอย่างรูปหน้าของคุณอชิระก็ดูดีอยู่แล้ว ทรงนี้ต้องเหมาะแน่ๆเลยค่ะ” พี่พนักงานถามขณะที่พวกผมนั่งเตรียมตัดผมแล้ว

“ก็ดีครับ จะได้ไม่ร้อน”

“สั้นไป” ผมหันไปตามเสียงคนข้างๆที่อยู่ๆก็โพล่งออกมา

“หือ  งั้นเอาทรงอะไรดีละครับ” พนักงานมองพวกผมงงๆ คงสงสัยว่าหัวไอรักแต่มึงเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาเสนอความคิดเห็นขนาดนี้ละสิ ไม่อยากจะบอกเลยว่าฐานะลึกซึ้งกว่าที่พวกคุณคิด

“ทรงแมว” มันหยิบหนังสือมากางบนตักผม เป็นวัยรุ่นญี่ปุ่นผู้ชายหน้าใสที่ซอยผมเข้ารูปหน้า มีความยาวประบ่า ส่วนด้านหน้ามีหน้าม้าพริ้วๆปัดข้าง ..คาวาอิไปไหมนั่น

ร้อนฉิบหายเถอะทรงนี้

“โหอย่าเลย หน้าอย่างผมทำไม่ไหวหรอก อีกอย่างผมยาวๆมันรำคาญตาด้วย เอาสั้นๆไปก็ดีแล้วนิครับ”

“...” มันครุ่นคิดพลางทำหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร

“แล้วเกียร์จะตัดทรงอะไรละครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องของมันกลัวช่างทั้งสองคนจะรอนาน

“สกินเฮด” ผมหันมองควับแทบไม่ทัน

“หือ แน่ใจนะครับ?” มันพยักหน้า

“ให้ทำไหม” มันเอ่ยปากถามความเห็น หัวคุณนี่ครับผมจะไปบังคับได้อย่างไรกันเล่า

“ก็..ได้มั้งครับ ไหนๆคุณก็อุส่าออกมาตัดผมได้แล้วเนอะเอาให้สั้นไปเลยก็ได้ งั้นคนนี้เอาทรงสกินเฮด ส่วนของผมเป็น under cut นะครับ” ผมกันไปบอกช่างทั้งสองคน ถ้าจะให้เกียร์สั่งวันนี้คงไม่ต้องตัดกันแล้วละ

“ได้ค่ะ”

จากนั้นก็เริ่มตัดผมพลางเอาหนังสือเรียนที่หยิบติดมากางอ่าน ดีที่ร้านนี้เขาไม่ค่อยพูดในเวลาที่กำลังตัดผม เห็นว่าเป็นกฎเพราะลูกค้าบางท่านไม่ค่อยชอบ สงสัยกลัวน้ำลายกระเด็นใส่หัวตัวเอง ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเราชวนคุยเขาก็จะคุยครับ

“นาน” ผมเงยหน้าจากหนังสือไปมองเจ้าของเสียงที่หันมาบอกผมโดยไม่ได้สนใจช่างทำผมเลย นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทรงมันไม่ได้ใช้เวลานานเท่าผมนะแต่พี่แกเก็บรายละเอียดซะนึกว่าตัดครั้งละแสน

“เกียร์” ผมเอ็ดมันเบาๆ เพราะเหลือบไปมองช่างเขาทำหน้าเสียนิดหน่อย

“เอ่อ เสร็จแล้วครับ ขอประทานโทษที่ช้าไปหน่อย”

มันลุกขึ้นแล้วบอกผมว่าจะไปนั่งรอที่ห้องรับแขกของร้าน ผมมองจนลับตาเลยครับ ผมทรงใหม่หล่อเลวบาดใจ(ผม)สุดๆ ปกติมันตัดผมสั้นธรรมดาอยู่แล้วแต่ไม่สั้นถึงขนาดสกินเฮด อีกอย่างคือตอนนี้ผมมันก็เริ่มยาวเพราะไม่ได้ตัดมานาน พอตัดสั้นแบบนี้เลยแปลกตาไปนิดหน่อย ผมเลิกสนใจแล้วนั่งตัดผมต่อจนเสร็จ

“เสร็จแล้วค่ะ ชอบไหมคะ หรือให้ดิฉันแก้ตรงไหนหรือเปล่าบอกได้นะคะ” ทรงนี้ก็เท่ดีครับ ผมชอบเลยละ พอดีช่างที่นี่เขาก็มีฝีมือดีอยู่แล้ว เวลาทำออกมาทรงไหนทีไรเขาจะจัดให้มันเข้ากับผมได้ตลอด

“ไม่ละครับ” ผมเดินไปหาเกียร์แล้วจ่ายเงินที่แคชเชียร์ กว่าจะได้จ่ายพนักงานแทบหลับรอสามตื่นเพราะพวกผมเถียงกันว่าใครจะได้จ่าย สุดท้ายมันก็ได้จ่ายเงินเพราะมันขู่ผมว่าถ้าไม่ให้ออกเงินคืนนี้ผมไม่ได้นอนเหมือนเมื่อคืนแน่ ผมเลยตีแขนมันไปทีแล้วเดินดุ่มไปที่รถโดยไม่รีรอ


………………………………………...


กลับมาถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนเกียร์รู้ใจไปทำอาหารรอ ออกมาก็เจอคุณน้ำแข็งกำลังนั่งกดโทรศัพท์ผมอยู่

“พี่อุ่นโทรมา” มันพูดแล้วยื่นโทรศัพท์ให้

“หือ เขามีอะไรหรือเปล่าอะครับ”

“คิดถึงเฉยๆ”

ผมหัวเราะแล้วกดโทรกลับ เกียร์ก็ลุกไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปพอดีกับพี่อุ่นรับสายแล้วบอกว่าคิดถึงมาคำแรก ผมก็หัวเราะแล้วบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน พี่อุ่นบอกว่าอีกสองวันจะบินไปญี่ปุ่นอยากจะได้อะไรเป็นพิเศษไหม ผมนิ่งพลางนึกไปครู่หนึ่งแล้วบอกว่าอยากได้ชุดของลูกๆผมทั้งสามตัว เขาก็ถามกลับว่าแค่นี้เหรอ แล้วของตัวเองละ ผมก็บอกว่าไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ จากนั้นก็คุยเรื่องอื่นกันนานเกือบชั่วโมงจนเกียร์เดินมาบอกว่ารอทานข้าวอยู่ ผมก็ลืมไปเลยขอพี่อุ่นวางสาย

ทานอาหารเสร็จผมก็นั่งอ่านหนังสือต่อ ส่วนเกียร์ก็ทำงานที่เคยบอกไปว่ารับงานจากอาจารย์มาทำน่ะครับ คราวนี้ให้ซ่อมโน๊ตบุ๊คสองเครื่อง ตอนแรกๆที่มีเคสเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มามันยังทำไม่ค่อยเก่งเท่าไร แต่ตอนนี้ฝีมือดีแล้วสบายเขาเลยละ

“นมไหม” ผมเงยมองมือที่ยื่นแก้วนมมาให้ เห็นถือของตัวเองอีกแก้วด้วย ผมยิ้มเผล่

“ขอบคุณครับ แล้วงานคุณเสร็จแล้วเหรอ” ผมรับมาดื่มแล้วหันไปถาม มันเอานิ้วโป้งมาเกลี่ยบนริมฝีปากผม ผมจึงพึ่งรู้ว่าตัวเองกินเลอะขนาดไหน แล้วมันก็ทำผมหน้าร้อนวูบวาบก็ตอนเห็นมันเลียนิ้วนั้น

“ยัง” มันพูดเสียงเรียบ

ผมเสหน้ามองไปที่อื่น บ้าที่สุด เขินเวลามันมองมาจริงๆ ชอบทำตาแปลกๆมาให้ผมใจเต้นตลอด

“..อ๋อ แอบอู้งานนี่เอง ผมจะฟ้องอาจารย์” พรุ่งนี้เป็นวันเส้นตายครับ อาจารย์บอกให้ส่งภายในวันพรุ่งนี้ แต่มันน่าจะเสร็จทันละ

“เอาสิ” มันเลิกคิ้วแล้วกระดกยิ้มมุมปากนิดๆ โอ้ย ใจไอรักสั่นไปหมดแล้วคร๊าบทุกคน น่าย๊ากมากก

“คุณจะไม่เอาของมาปิดปากผมหน่อยเหรอ ความลับรั่วไหลไปนี่แย่เลยนะ”

อยู่ๆมันก็ก้มหน้าลงมาดูดปากผมดังจ๊วบ ก่อนจะกดปากอีกครั้ง คราวนี้แน่นและนานกว่าตอนแรกมาก ร้อนแรงจนผมแทบละลายกลายเป็นน้ำ ขนทุกส่วนในร่างกายผมลุกซู่เลยแม่ง

“พอจะปิดปากได้ไหม”

“.....”

“หึหึ” ไอ้บ้าเอ๊ย มันคว้าแก้วนมไปวางตอนไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆตอนนี้ผมนอนซบอกอย่างกับคนไม่มีแรงอย่างไงอย่างนั้น

ถ้าผมตอบไปว่ายังไม่พอใจ มันจะจัดให้ผมไปเดี้ยงไปข้างเลยหรือเปล่าวะ แรงคุณน้ำแข็งน่ากลัวชะมัด

“เมี้ยว เมี้ยว” เสียงไอซิสมาพร้อมเล็บที่กำลังตะกุยตะกายขึ้นโซฟา ไม่ทันจะถึงตัว เกียร์ก็ผลักไอซิสให้ลงไปอยู่บนพื้นแต่โดยดี ไอซิสเอ๋ย ลูกทำผิดนะ นี่โซฟาหนังที่เกียร์อุส่าเก็บเงินซื้อมา เอาเล็บออกเพื่อเกาะแบบนี้มันผิดมหันต์เลยนะ เกียร์ไม่ทุบหัวแบะก็ดีขนาดไหนแล้วลูกเอ๋ย

“ร้องอยากทานนมด้วยมั้งครับ ผมไปเอามาให้ดีกว่า” ไอซิสร้องไม่หยุดเลย พยายามจะขึ้นมาหาตลอด

“เดี๋ยวไปเอาให้” มันรั้งตัวเอาไว้แล้วตัวเองลุกขึ้น

“เอานมแพะที่แช่อยู่ในตู้เย็นนะ อย่าให้ทานเยอะนะครับ ได้รับโปรตีนมากไปมันไม่ดี” เกียร์เลิกคิ้วแล้วมองค้อนไปทางไอซิสที่ยังร้องเมี้ยวเมี้ยวอยู่ ก่อนจะพูดเสียงรำคาญ

“แมวห่าอะไรเรื่องมากฉิบหาย” ทำเป็นสะบัดบ๊อบแต่ก็ยอมเดินไปทำให้นะครับ ไอนี่ก็แปลก ขอให้ได้บ่นก่อนเถอะ อายุแก่ขึ้นไม่พอ นิสัยยังแก่ขึ้นตามไปอีก เฮ้อแฟนกู

มันให้นมไอซิสเสร็จแล้วก็เดินมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะบอกให้รีบดื่มนมแล้วอ่านหนังสือให้จบ จะได้รีบนอน ส่วนมันก็ลุกไปซ่อมคอมพิวเตอร์หลังขดหลังแข็งอยู่ที่พื้นอีกฟากหนึ่งของห้องรับแขก

เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง เกียร์เดินเข้ามาบอกให้พอได้แล้ว จึงได้รู้ว่ากว่าจะปิดหนังสือได้ก็ปาไปเกือบตีสามครึ่ง ความจริงในเวลานี้เพื่อนคนอื่นๆยังโด๊ปเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อทบทวนหนังสือให้แม่นยำ แต่ผมก็อ่านไปหลายครั้งแล้วนะ อยู่ในห้องก็ตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมาตลอด

เอาตรงๆเลยไหม ที่พูดหรูหราฟู่ฟ่าเมื่อกี้ความจริงคือขี้เกียจอ่านแล้วน่ะครับ

“ตาจะปิดแล้ว” ผมเดินตามมันเข้าห้องนอน เข้าไปล้างมือกันก่อนจะนอนสลบคาอกหนาๆบึกๆ

“ก็นอนสิ ฝืนทำไม” มันดึงผ้าห่มให้ถึงคอแล้วยกมือกอดตอบ

“ไม่รู้สิ ไม่อยากนอนเลย สงสัยตื่นเต้นที่จะได้ปิดเทอมมั้ง” ผมพูดงึมงำแล้วหัวเราะเบาๆ

“แล้วจะทำอะไร หื้ม?” พูดพลางลูบหลังผมเล่น

“ร้องเพลงให้ฟังอีกทีได้ปะ”

“เอาไอ้ทรุดไปทิ้งก่อนค่อยว่ากัน”

“โหย เกียร์อะ คิดร้ายกับลูกผมได้ยังไง ไอซิสออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย เชื่อฟังผู้ใหญ่ ตามใจเจ้านายขนาดนี้”

“เหอะ ฟังไอรักคนเดียวละสิ”

“ได้ไง ผมก็พูดภาษาเดียวกับคุณนะ ถ้าไอซิสเชื่อฟังผม ก็ต้องเชื่อฟังเกียร์ด้วยสิ”

“แมวกับแมวคุยกันรู้เรื่องไง กับเกียร์หน้ามือเป็นหลังตีน” มันว่าผมเป็นแมวอีกแล้ว ไอรักหนวดไม่เข้มไม่เส้นยาวเหมือนแมวสักหน่อย ขาก็มีสองข้าง ไม่ใช่สี่ข้างนะ

“ไอซิสผิดแค่เรื่องหยุมหยิมเอง” ผมแก้ตัวแทนลูกด้วยเสียงแผ่วเบา

“อืม หยุมหยิม.. ไล่กัดขา งับนิ้วตีน กินข้าวหก ชอบร้องไล่ ลับเล็บบนเก้าอี้ ล่าสุด..ข่วนโซฟา” มันพูดเสียงเนือย จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่

“ก็แมวเด็กนี่ครับ เอาไว้ให้แม่บ้านเอาที่ลับเล็บจากบ้านมาให้ก็ได้”

“อืม.. พรุ่งนี้ตื่นเช้า นอนเถอะ” มันคงง่วงมากไม่ต่างกับผม นี่ก็ทนฝืนหนังตาที่หนักอึ้งต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมเลยกล่าวฝันดีราตรีสวัสดิ์ก่อนจะนอนหลับไปพร้อมอ้อมกอดเคยชินที่แสนอบอุ่น



TBC-------------------------------------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

+ตอนนี้ยาวสุดๆ เป็นการขอโทษที่โซ่มาต่อช้าไปนะคะ
+ อาทิตย์แห่งการทำลายล้างนิสิตมาอีกแล้ว.. อาทิตย์นี้-หน้าโซ่สอบค่ะ อ่านหนังสือกันให้ตายไปข้าง นี่ก็ว่าจะวิ่งไปซื้อกาแฟมาตุนเอาไว้นะเนี่ย (อิโซ่ อิเวอร์)
+ความจริงว่าจะตัดไปเข้าค่ายเลย แต่เอาไว้ตอนหน้าก็ได้เนอะ ฮ่าฮ่า
+ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ เป็นกำลังใจให้เราแต่งต่อไปจริงๆนะ ถ้าผิดพลาดอะไรก็บอกได้ค่ะ

โซ่ :กอด1: ทุกคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2014 22:50:06 โดย Calypso »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
มายาวแบบสะใจมากกกก :กอด1:
ดีใจกับไอรักเกียร์ด้วย :L2:
ครอบครัวสุขสันต์แล้วจิ
น่าอิจฉาที่สุด
ชอบไอรักเกียร์ที่สุดเช่นกัน
น่ารักอ่ะ
ขอบคุณคุณโซ่เช่นกันค่ะ
ถึงจะมาช้าไปบ้างแต่มาแบบยาวๆ
เราชอบมาก  :mew1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ยาวสะจาย
ไอรักกับเกียร์อยู่ด้วยกัน ออร่าความหวานกระจายทั่วห้อง
คุณน้ำแข็งหื่นมาก ทำไอรักนอนป่วยเลย 555

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
น่ารักมากอะคู่นี้ เกียร์เขินด้วยแหละ
*รับเล็บ เป็น ลับเล็บ

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
น่ารักมากอะคู่นี้ เกียร์เขินด้วยแหละ
*รับเล็บ เป็น ลับเล็บ

แก้คำผิดให้แล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่เตือน  :m1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยาวโคตรอย่างสะใจอะ thank you หลายๆ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
เดี๋ยวนี้ไอรักอะไรก็ต้องฟังเกียร์ น่ารักมาก

+1 ให้ค่ะ

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
พายุผ่านพ้นไป  ความหวานก็เข้ามาแทน

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ในที่สุด!! 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
เป็นกำลังใจให้จ้า   ขอให้โชคเอ+  ค่ะ   o13

 

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
กุหุ น่ารักอะ เกียร์หึงโหดบ่ิ่อยนะ คึคึ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
โอ๊ะ  เพิ่งเห็นว่ามาต่อแล้ว
หายไปนานเลยค่ะ  เดี๋ยวกลับไปย้อนอ่านตั้งแต่ต้นใหม่ดีกว่า  เพราะจำไม่ค่อยได้แล้ว  เอิ้กๆ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
หายไปนานนน
กลับมาเห๊อะะะะะะ
คิดถึงเกียร์ไอรัก :mew1:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
รอ.. น้องโซ่น้องเกียร์น้องไอรักหายไปไหนน้าา อยากอ่านต่อแล้วจ้า

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
สวัสดีค่ะ ขอแจ้งข่าวนิดนึงนะคะ
ช่วงนี้มีภารกิจย้ายบ้านจึงไม่ว่างมาต่อเลยค่ะ ไม่ค่อยได้เข้าเน็ต จับโทรศัพท์ด้วย แทบจะลงแดงเลยละ  :hao5:
ยังไงก็ขอเลื่อนก่อนนะคะ สักภายในเมษายนคงจะว่างมาลงให้ แต่ไม่ทิ้งเรื่องนี้ไปแน่ๆค่ะ (รวมถึงเรื่อง แก่แล้วไง...เล็กไม่เกี่ยง ด้วย)
โซ่คิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ :L2:

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
รับทราบจ้า คนแต่งสู้ๆน๊าาา

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
Songkran 2014








“เอ่อ จะดีเหรอครับ ผมว่าไม่ดีมั้ง” เสียงไอ้แมวตัวป่วนของผมเอ่ยอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

“ดี” ผมตอบสั้นๆ

“เกียร์อะ ผมไปก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง คุณจะไม่สนุกเอาเสียเปล่าๆนะครับ” ผมอยากจะตอบไปว่าถ้าไม่มีไอรักไปด้วย ผมก็ไม่อยากจะไปหรอก จะว่าผมติดไอรักเกินไปก็ได้ผมไม่ปฏิเสธเพราะมันเป็นเรื่องจริง

ก็จะให้ทำอย่างไรละวะ คนมันคิดถึงนี่หว่า ถึงวันสงกรานต์ที่บ้านผมจะต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ภาคใต้ทุกปีตามประสาคนไทยที่ถือวันปีใหม่ไทยเป็นวันสำคัญ ผมที่ไม่ได้อยากไปก็ต้องไปทุกปีอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องแบบนี้แม่งไม่เคยชินเลยสำหรับผมที่รักชีวิตสันโดษ แต่ปีนี้พ่อผมติดงานวันที่สิบสอง(วันเสาร์)จึงจะไปค้างยาวจากวันที่สิบสามแล้วกลับอีกทีวันที่สิบเจ็ด แม่ง กูคงเป็นบ้าตายห่าถ้าห่างไอ้แมวตาใสนานถึงขนาดนั้น จนเป็นเหตุให้ผมตื้อชวนให้เขาไปด้วยกันอยู่นี่ไงละ

“ไม่หรอก”

“แต่ แต่พรุ่งนี้เนมชวนผมไปอาร์ซีเอ..” ทำไมจะไม่รู้ว่าไอรักพยายามสรรหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้าออกมาเพื่อจะได้ไม่ต้องไป สีหน้าออกขนาดนั้น แต่ผมก็เห็นว่ามันน่ารักดีเลยปล่อยให้แมวดิ้นเร่าๆอย่างลอยนวล

“ปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่หรือ”

เมื่อเช้าไอรักไปกับที่บ้านแล้ว ตอนบ่ายก็กลับมาตะลุยเที่ยวต่อกับเพื่อนด้วย ผมก็ไปเหมือนกัน เพียงแต่ตอนเช้าที่ไอรักไปกับที่บ้านนั้นผมไม่ได้ตามไปด้วย ปล่อยให้เขาได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง พวกพี่ๆของไอรักก็ติดน้องอย่างกับอะไรดี เดี๋ยวจะหาว่าผมเอาน้องเขามาขังเอาไว้ไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวเดี๋ยวจะเป็นประเด็นเดือด ตอนนี้ก็เลยกลับมานอนสลบเหมือดอยู่บนเตียง เมื่อกี้ได้ยินโทรไปหาเพื่อนว่าพรุ่งนี้ไปต่อไม่ไหว ขอพักก่อน

“ก็..ก็..” ผมแอบยิ้มนิดหน่อย เห็นหมอคนเก่งติดอ่างแบบนี้ก็อยากจะจับฟัดสักทีสองที แต่ติดที่เขาเหนื่อยอยู่ ผมก็ไม่อยากจะกวนสักเท่าไร แม่ง กูเป็นคนอ่อนโยนคาวาอิขนาดนี้ตั้งแต่เจอไอ้แมวนั่นละ

“ไม่ไปก็ไม่ไป นอนเถอะ” ผมลูบหัวไอรักแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง จัดแจงให้เขานอนดีๆแล้วลงมือนวดให้ เห็นสภาพแล้วนึกสงสารฉิบหาย หน้าที่ขาวอมชมพูตามประสาฝรั่งสุขภาพดีตอนนี้กลายเป็นซีดเซียว มือก็เปื่อยเพราะโดนน้ำมาตลอดวัน อยากจะโทษทั้งเพื่อนมันทั้งผมที่ให้ไอรักออกไปเล่นน้ำจนกลายเป็นแบบนี้

“เกียร์” ผมเงยหน้าตามเสียงเรียกหลังจากที่เงียบไปให้ผมนวดตัวอยู่พักใหญ่

“.....” ผมเงียบรอฟัง

“คุณนวดสบายจนผมจะหลับคามือคุณอยู่แล้ว อย่างนี้ผมจะลุกไปจัดเสื้อผ้ายังไงละ” ไอรักพูดหน้ายิ้มสว่างซะกูตาพร่า จะไม่ให้ผมรักผมหลงได้ไงเล่นน่ารักขนาดนี้ คิดแล้วกูก็ขึ้นเลย

“ยังไม่ต้องจัดหรอก” ผมพูดแค่นั้นแล้วซุกซอกคอหอมๆ จากนั้นก็รู้กัน เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น หึหึ





…………………………………….





“ตายแล้ว! หนูไอรัก ไม่ต้องทำลูก” ผมกำลังยกของลงจากหลังรถก็เหลือบมองตามเสียงที่ดังมากจากข้างรถ เห็นไอรักทำหน้าเขินๆผมก็อยากจะกดมันกลางหน้าบ้านตายายให้รู้แล้วรู้รอด

“โถ่ ผมเป็นผู้ชายนะครับ เรื่องแค่นี้เอง” แต่ก็ไม่วายบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ผมกับแม่ได้ยินเพราะอยู่ใกล้ แม่อมยิ้มกับความดื้อของไอรัก

“เป็นหน้าที่ตาเกียร์เขาน่ะลูก  ให้เขาจัดการไปเถอะ หนูมากับมาดีกว่า” หึ ประคบประหงมกันจริงๆ แต่ก็ดีแล้วละ ผมก็ไม่อยากให้ไอรักทำหรอกเพราะมันหนัก พูดตรงๆกลัวมือเรียวๆขาวๆจะเป็นรอยว่ะ

“อ้าวเฮ้ยผีๆๆๆ ว่าพรือ” (อ้าวเฮ้ยพี่ๆๆๆ ว่าไง) หลังจากนี้ผมขอแปลเป็นภาษากลางเลยแล้วกัน

หันไปตามเสียงแหบทุ้มก็เห็นไอ้เนา เด็กเกรียนข้างบ้านที่เคยมาเล่นที่บ้านยายบ่อยๆ ตัวเข้มออกเกรียมเพราะตากแดด ยืนยิ้มฟันขาวหัวเกรียนอยู่หน้ารั้วบ้านมัน

“ไปไงมาไงวะครับ” มันเห็นผมไม่ตอบก็ถามต่ออีก มึงจะทักกูสุภาพหรือสถุนเลือกเอาให้แน่

“เออ” เบื่อจะพูดกับเด็กเปรต

“โหพี่ ผมพูดไปตั้งยาวแต่ตอบกลับมาแค่เนี้ยะ เฟี้ยวเหรอพี่ เฟี้ยวเหรอ”มันทำท่ายกแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้างแล้วกำหมัดกระโดดเหยงๆมาใกล้ๆ ผมเลยตบกะโหลกสนองมันเสียงดัง แค่นี้ก็แทบปลิว มากร่างใส่กูอีก

“โอ้ยพี่ ตบมาได้หัวคนนะไม่ใช่แบตฯ จะได้หวดลูกเอาๆ” ทำหน้าทู่แล้วลูบหัวตัวเองหยอยๆ นิสัยแม่งเหมือนไอ้เล็กหลานรหัสผมไม่มีผิด กวนส้นตีน

“อ้าวเฮ้ยพี่เดินหนีไปไหนอะ โหนี่ผมคิดถึงพี่จนใจจะขาดรอนๆแล้วนะ แต่ดูดิเจอหน้ากันทีไรทำหยิ่งตล๊อด แล้วนี่พี่ไปทำอะไรมาวะ ตัวดำเมี่ยมเลย กร๊ากก”

“เสือก” ปากกว้างที่หัวเราะหุบแทบไม่ทัน ผมเดินเข้าบ้านไม่ได้สนใจมันอีก เข้ามาก็เห็นญาติมากันเยอะแล้ว ที่โซฟามียายลูบหัวไอรักอยู่แล้วก็ญาติที่ผมไม่ค่อยเห็นหน้าอยู่คน-สองคน เรื่องของไอรักกับผมท่านทั้งสองก็ทราบเรื่องนานแล้วละ เคยเจอกันแล้วด้วยแต่ไอ้แมวตาแป๋วขี้อายเลยไม่กล้ามาให้ท่านเห็นหน้าเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็เถอะทุกวันนี้ตายายก็ถามถึงไอรักบ่อยๆนะเพราะเขาบอกถูกชะตา

แต่ญาติคนอื่นส่วนใหญ่คงงงว่าฝรั่งมาที่นี่ได้ไงเพราะไม่เคยเห็น คนที่เห็นมาบ้างก็รู้เพียงว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน บางคนที่สนิท(กับพ่อแม่ผม)ก็รู้ถึงว่าเป็นอะไรกัน

เรื่องนี้ผมไม่เคยปิดบังใครอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ประกาศก้องให้ทุกคนต้องรับรู้ทั่วกันเพราะมันไม่ใช่เรื่อง ผมไม่เคยอายเรื่องของเรา และผมก็ไม่แคร์คนอื่นที่ไม่สำคัญกับชีวิตเรา ใครรับได้ก็แล้วไป รับไม่ได้ก็เรื่องของมึง

“นั่นไง พูดถึงจะมา ตายยากจริงๆตาคนนี้” ยายพูดแล้วหัวเราะ ผมเลิกคิ้วเชิงถาม ยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วเดินไปนั่งข้างคนตัวหอม ปากบางๆยกยิ้มสดใสแล้วเอ่ยแซว

“นึกว่าจำทางเข้าบ้านไม่ได้แล้ว นี่ผมก็นินทาคุณไปหลายเรื่องแล้วละ ลูกเกียร์ของยายแม้น~”

“หึ ระวังคืนนี้จะไม่ได้หลับเพราะ‘ลูกชาย’เกียร์แล้วกัน” ผมยิ้มเยาะให้คนที่อ้าปากค้างแล้วก้มหัวงุดๆ

“เอ้านี่ใจคอจะไม่ทักทายคนแก่หน่อยหรือ ลูกแกนี่มันเป็นใบ้ไปแล้วใช่ไหมยัยเอม” ตาพูดแล้วหันไปคุยกับพ่อแม่

“สวัสดีครับ” ผมพูดอะไรผิด ก็ให้ทักทายไม่ใช่เหรอทำไมทุกคนต้องถอนหายใจหน่ายขนาดนั้น

“เหมือนพ่อแกไม่มีผิด” ยายพ่นลมออกจมูกอย่างฉุนๆ หันไปมองพ่อที่กระตุกมุมปากแล้วเอ่ย

“ขอบคุณครับที่ชม”

“ฉันกำลังด่าย่ะ!”

“โอ้ยฉันจะเป็นลม คุยกับพ่อลูกคู่นี้ น่าเบื่อจริงๆ” ยายพูดต่ออีก ผมเก็บความมึนงงในใจเอาไว้ ยังไม่เข้าใจว่าเขาโมโหอะไร ช่างเถอะขี้เกียจถาม

“เดี๋ยวนี้เกียร์เขาก็ถือว่าพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้วละค่ะ” แม่พูด ผมคิ้วมุ่นขมวดเล็กน้อย ยังไง? ผมก็พูดปกติ ไม่เห็นจะแปลกจากเมื่อก่อนตรงไหน

“เอาเถอะๆ เอาของขึ้นไปเก็บแล้วพาหนูไอเขาไปพักผ่อนข้างบนก่อนไป เฮ้อ” ยายเอ่ยปากไล่เสียอย่างนั้น แล้วยังทำหน้ากลุ้มปิดท้ายอีก สรุปผมผิดอะไรวะ งง

“คึ” เมื่ออยู่สองคนก็ได้ยินเสียงอีกคนขำ

“หัวเราะอะไร” ผมถามเพราะผมอยากรู้ทุกเรื่องของไอรัก ให้ความสำคัญกับไอรัก ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่สนใจหรอก

“เปล่าครับ ญาติคุณเยอะดีนะ ผมนึกว่าคุณเป็นญาติยุ้ย” แมวตัวดีพูดเองยังขำเองเลย ผมก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มตามรอยยิ้มสว่าง

“อ้อ คุณยายบอกอีกสิบนาทีให้ลงไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่นะครับ” มันพูดต่อ ผมยังไม่รู้เลยว่าเขานัดรดน้ำดำหัวกันวันนี้

ผมพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรแต่ดึงไอรักลงมานอนกลิ้งที่ฟูกด้วยกัน แต่รายนั้นไม่ทันระวังเลยตกใจทับผมเต็มเปา

“เฮ้ย ขอโทษครับๆ เจ็บมากไหมเกียร์” มันรีบจับโน่นจับนี่ตามร่างกายผมแล้วพูดเสียงละล่ำละลัก

“หึ ไม่เจ็บ แต่จุกนิดหน่อย” ผมส่ายหน้าแล้วตอบไปตามความจริง

“อ้อ ผมลืมไปว่าคุณหนังหนา รู้งี้น่าจะกระโดดทับให้แบนเป็นแพนเค้กเสียก็ดี หึๆ” ไอรักพูดแล้วยักคิ้วยิ้มยั่วทำกูแทบหน้ามืดเลยโดนกูจูบดูดกัดอยู่นาน ถ้าไม่ติดว่าอยู่บ้านยายคงได้จับล่ามโซ่ไว้ในห้องสามวันสามคืนไม่ให้ออกไปไหน

“อะ น้ำแข็งแม่งหื่นโคตร” ดวงตาใสของไอรักยังปรือหวานตามอารมณ์ที่ปลุกเมื่อกี้ แต่ก็พึมพำบ่นอุบอิบ ผมยกมือไปขยี้ปากเจ่อๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว

“อยากโดนอีกที?” ผมชอบที่ไอรักพูดเพราะมากกว่าพูดคำหยาบ ซึ่งไอรักก็รู้เรื่องนี้ดี

ก็ดูไอรักสิ เรียบร้อยน่ารักแบบนี้ ถ้าพ่นสัตว์ออกมาเพ่นพ่านก็โคตรจะไม่เข้ากับหน้าอย่างแรง แต่ถ้าเป็นหน้ากูพูดก็ว่าไปอย่าง เป็นเรื่องปกติที่โคตรจะเข้ากับหนังหน้ากูเลยละ เหอะ

“ฮึ่ย ไม่พูดแล้วก็ได้”

ผมแอบขำในใจกับท่าทางกระฟัดกระเฟียด หัวเราะไม่ได้หรอกเดี๋ยวจะงอนยาวเลยดึงให้ไอรักลุกแล้วลงไปข้างล่างแทน

“โอ้ยเพ่ ให้ผู้ใหญ่รอนานขนาดนี้ก็มานั่งให้ผมดำหัวพี่เลยเหอะ” เสียงไอ้เนาดังมาจากใต้ถุนบ้าน ผมลืมบอกไปว่าบ้านตายายเหมือนบ้านต่างจังหวัดธรรมดา ไม่ได้หรูหราเหมือนบ้านในเมืองหลวงเพราะยายขอลูกหลานเอาไว้ว่านอกจากห้องนอนห้องน้ำอย่าไปต่อเติม แค่บำรุงให้มันแข็งแรงเหมือนเดิมก็พอแล้ว ดังนั้นเวลามาบ้านตายายก็ต้องนอนพัดลม เดินย่ำดินย่ำหญ้าไม่ต่างจากบ้านละแวกนี้ แต่บ้านนี้หลังใหญ่กว่าบ้านอื่นอยู่หน่อยและทำจากไม้สัก สียังสดอยู่ แล้วอีกอย่างเวลาอยู่แล้วลมก็เข้าตลอดเวลาทำให้น่าอยู่ไม่แพ้บ้านในเมืองเหมือนกัน

“มาๆลูก หนูไอรักมานั่งข้างแม่มา มาช่วยแม่เตรียมของดีกว่า ส่วนเกียร์ก็หาที่หาทางเองนะ” อยู่ๆแม่ก็ดึงไอรักไปนั่งข้างๆแล้วทิ้งผมให้ลอยคอกลางทะเล ผมคิ้วขมวด คิดว่าผมจะยอมเหรอ ไม่มีทาง

“เขยิบหน่อย” ผมเดินไปสะกิดไอ้เนาที่นั่งอยู่อีกด้านของไอรักแล้วดันตัวมันให้หลีกไปอีกทาง

“เย้ย อะไรอะพี่เกียร์คนนั่งตั้งนาน แล้วนี่แน่ใจเหรอพี่ว่าสะกิด ผมนึกว่าจะกดจุดตาย แรงขนาด...” มันหันมาปีกกล้าขาแข็งกับผม เห็นมันจะพูดต่อแต่แล้วก็ต้องหยุดเพราะสายตาเหลือบไปเห็นคนที่นั่งข้าง สักพักก็ทำหน้าตกใจ

“เกียร์มานั่งนี่ก็ได้ครับ” ผมส่ายหน้า กดไหล่ไอรักให้นั่งตามเดิมแล้วหันไปกดดันไอ้เนาที่ผิวปากหวืออยู่

“บร๊ะคนอะไรขาวจั่งฮู้ หล่อด้วย พี่ๆลูกครึ่งเหรอ ครึ่งอะไรอะ ครึ่งมนุษย์ครึ่งเทวดาหรือเปล่า ฮิ้ววว โอ้ยแอ่ก” ผมไม่ปล่อยให้มันแซวแฟนตัวเองนาน ถีบแม่งไปให้ไกลลูกตา ไอ้ห่า อุส่าสะกิดด้วยความสุภาพก็ไม่ลุก เห็นทีต้องใช้ตีนนี่ละตัวสะกิดชั้นดี

“เอ้าตาเกียร์เล่นเป็นเด็กเป็นเล็ก ไปแกล้งน้องทำไม” บางทีคนเป็นพี่ก็ไม่ดีใจหรอกที่ได้เกิดก่อน ทำอะไรก็ต้องรับผิดแทนทุกอย่าง แล้วต้องมานั่งดูแม่งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีก ดี!

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละครับ” ไอรักกระซิบถามด้วยเสียงเป็นห่วง นอกจากพ่อกับแม่ก็มีไอรักนี่ละที่มองผมออก ผมรู้ว่ากำลังหงุดหงิดอยู่แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะแสดงออกขนาดนั้นเพราะหน้าผมไม่ได้แสดงอารมณ์เก่งอยู่แล้ว

“ยังไง”

“เหมือนอยากจะฆ่าใครเลย ถึงคนอื่นจะไม่สังเกตเห็น แต่ผมก็พอจะมองออกนะ” จากที่หงุดหงิดเรื่องที่ไอ้เชี่ยเนามายุ่งกับไอรัก พอมาเจอตาใสแจ๋วที่มองมาอย่างกังวลแบบนั้นก็พาลเอาใจอ่อนลงยวบเอาง่ายๆเลยว่ะ นี่กูเป็นเอามากใช่ไหม

ผมยกยิ้มให้ไอรักนิดหนึ่งเพื่อไม่ให้เป็นกังวลไปด้วย อีกอย่างวันนี้เป็นวันดี ผมไม่อยากให้จิตใจเราต้องขุ่นมัว เจ้าแมวหน้าใสเห็นผมยิ้มให้ก็ยิ้มกว้างตอบแทนแล้วหันไปแนะนำตัวกับไอ้เนา ไอ้นั่นก็ระริกระรี้ใหญ่บอกไม่เคยคุยกับลูกครึ่ง แม่งชมอย่างโน้นอย่างนี้ว่าไอรักหน้าตาดีไม่เหมือนผม เออ กูมันไม่หล่อเท่าไอรักแล้วไง มัดใจคนหล่อได้แล้วกัน หึ

“เอ่อพี่เป็นอะไรวะ ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นอะ เขาลุกไปหาผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เอ้อคนสมัยนี้อะไรกัน ใช้ไม่ได้ๆ” เสียงไอ้เนาทำผมต้องตื่นจากความคิดแล้วเดินไปตบหลังแม่งดังๆสักทีเป็นการ 'ขอบคุณ' เหอะ เจอกี่ทีก็หมั่นไส้ฉิบหาย

ผมโดนพ่อลากให้มาต่อหลังเพื่อต่อคิวรดน้ำดำหัว เบี่ยงตัวไปมองแถวก็ไม่มีไอรัก แต่พอเงยขึ้นก็เห็นหน้าขาวๆของแมวยืนถือขันช่วยตักน้ำให้คนต่อไปอยู่ด้านหน้า ยังไม่ทันที่จะก้าวขาเดินไปหาก็เจอพ่อเบรคไว้ก่อน

“ปล่อยเขาไปบ้าง ตามติดบ่อยๆไม่ดีหรอก ดีไม่ดีเดี๋ยวเจ้าหนูหนีหายไปจากอกแกแล้วจะแย่เอา” ผมฮึดฮัดอยู่ในใจแต่ก็ยอมโดยดี ก็จริง ถ้าทำตัวติดมากไปจะไปทำให้ไอรักอึดอัดเอาเปล่าๆ แต่ทำไมเวลาไอรักตามกูแล้วกูโคตรรู้สึกดีเลยวะ

“ของคนนี้ต้องเอาดอกมะลิไปเยอะๆเลย แถมให้ครับ” มาถึงก็ทำตัวน่ารักใส่ให้กูอยากชิมปากอีกแล้ว ถึงคิวผม ไอรักก็ยื่นขันเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำกับดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้เต็มไปหมด ผมกระตุกยิ้มให้แล้วเดินไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่

จากนั้นก็ยืนรออีกคนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง เห็นเขายิ้ม หัวเราะ หน้าแหยๆเพราะไปทำตัวเปิ่นใส่ญาติผมก็ต้องยิ้มตาม เขามีความสุขผมก็ดีใจ

“มองอะไรอะ!” ไอ้เนาตะโกนเสียงดังใส่หูผมเพื่อให้ผมตกใจ แต่ขอโทษเถอะกูตกใจยาก แค่ชะงักแล้วมองหน้ามันนิ่ง

“แหมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โลกต้องแตกวันนี้แน่เลยพี่ อะไรทำให้คนหน้าตายยิ้มได้วะเนี่ย” ประโยคหลังมันพูดเสียงเบาเหมือนคุยกับตัวเอง แต่ขอโทษ กูหูดี(ห้ามผวนนะมึง เดี๋ยวตกใจ)

“กวนตีน” เพราะมันตะโกนใส่บ้องหู ผมจึงตบบ้องหูมันสักที

“โอ้ยๆ หูดับแล้วไหมวะ ผมถามทีเถอะนี่มือคนหรือตีนยักษ์วะพี่ แรงดีจริงๆ โทษละกันพี่ ว่าจะแกล้งสักหน่อยแต่แป้กซะได้ แถมโดนทารุณหูกันอีก เฮ้อไอ้เนานะไอ้เนา ทำอะไรไว้แต่ชาติปางก่อนหนอ” ที่มันกล้าพูดแบบนี้กับผมเพราะเราเห็นมาตั้งแต่เด็กแต่เล็ก แต่มันก็เกรงใจผมอยู่ดี

ผมปล่อยให้ไอ้เนามันบ่นของมันไป หันไปมองไอรักอีกทีก็เห็นกำลังรดน้ำดำหัวยายอยู่ เสร็จก็เดินมาหาด้วยหน้าผ่องใสกิ๊งเหมือนบุญมีบารมีบาน

“เกียร์ๆ พรุ่งนี้คุณแม่จะให้ผมไปทำธุระกับท่านแล้วก็คุณยาย หลังจากนั้นจะปล่อยให้ไปเล่นน้ำในเมืองละ น่าสนุกอะ ที่นั่นคนต้องเยอะแน่เลยเนอะ” ไอรักพูดเสียงกระตือรือร้นใหญ่ พอมีเรื่องให้หนีเที่ยวทีไรตาโตๆจะระริกระรี้จนผมไม่กล้าขัดทุกที

“ไปด้วย/อยากไปด้วยอะ” ผมหันไปมองไอ้เด็กเปรตตาขวาง มันหัวเราะแหะๆแล้วบอก

“เอ่อ เอ้อ ฮื้อๆๆๆ พี่เกียร์ใจร้าย เนาไม่ไปก็ได้ ไปเล่นน้ำกับไอ้กอล์ฟสองคนก็ได้ ฮื้อออ...” แล้วมันก็แสร้งทำท่าร้องห่มร้องไห้แล้ววิ่งเข้าบ้านไป เห็นแล้วหน่ายว่ะ

“ให้น้องเขาไปด้วยก็ได้นะครับ ปล่อยไว้อย่างนี้น่าสงสารออก” ไอ้แมวก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก มันเสแสร้งแกล้งทำไปงั้นแหละไม่ได้เสียใจจริงจังอะไร แต่ไอรักก็หลงเชื่อเต็มประดา

“มันไม่เหงาหรอก” ผมบอกสั้นๆ เพราะเพื่อนมันเยอะแยะ แถวนี้ก็รู้จักกันหมด มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด เด็กวัยเดียวกับมันก็มีเยอะอย่างกับเห็บหมา

“งั้นไปบอกคุณยายกันเถอะครับ” ไอรักพูด กระตุกมือยึกๆแล้วจะลดมือลงแต่ผมถือโอกาสกระชับมือแน่นขึ้นแล้วเดินไปหาแม่กับยาย

“ผมไปด้วย” ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกไปตามใจอยาก

“ไปด้วยอะไรลูก” แม่ถามงงๆ

“พรุ่งนี้ผมไปทำธุระด้วย” ผมขยายความต่อ

“หื้อ ไม่ได้ๆ ยายจะไปเที่ยวตามประสาสาวๆ เอาแกไปไม่ได้หรอก” ยายหยุดตำหมาก เงยขึ้นบอก

“ผมเป็นผู้ชายนะครับ” แมวก็ไม่ลืมย้ำจุดยืนของตัวเอง

“อะ ฮ่าๆๆ นั่นสินะ สาวๆกับสะใภ้แล้วกัน” ผมอยากจะยิ้มตามคำพูดยายหรอกนะ แต่พรุ่งนี้จะไม่ได้ไปกับไอรักนี่สิ คิดแล้วแม่งแปล๊บๆ

“ผมไปด้วยได้ใช่ไหม” ผมไม่ฟังที่เขาห้ามหรอก คนมันอยากไปนี่หว่า

“อะไรกันตาเกียร์ อย่าติดหนูไอนักเลย พรุ่งนี้นั่งเก็บบ้านเก็บช่องให้สะอาด ถ้าไม่เรียบร้อยแม่จะตีให้ก้นลายให้ดู” แม่พูดจบไอรักก็หัวเราะเสียงดัง

“ต้องใช้ก้านมะยมด้วยใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปเก็บมาให้เลยดีกว่า โดนแน่ๆ ก้นลายแน่เลยคุณน้ำแข็ง” ไอรักพูดหยอกแล้วหันมาเอานิ้วชี้มาสะกิดคางผมไปมา ผมเลยจับมากัดเบาๆ อีกคนดิ้นเร่าๆร้องให้ปล่อย ท่ามกลางเสียงหัวเราะของใครหลายๆคน

“แล้วกลับกันกี่โมงครับ” ผมปล่อยนิ้วนุ่มแล้วเปลี่ยนมากุมมือไว้หลวมๆ หันไปถามตาเพราะยายนอนเอนหลับไปแล้ว

“ถ้าตาไปด้วยคงจะตอบเอ็งได้” สรุปผมไม่ได้คำตอบ ต้องทำใจห่างไอรักกี่ชั่วโมงละเนี่ย





…………………………………………




ผมลืมตาตื่นขึ้น ได้ยินเสียงพัดลมดังอยู่อย่างต่อเนื่อง หันไปมองนอกหน้าต่างก็รู้ว่าใกล้ตอนนี้ฟ้าสางแล้ว กลับมามองคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดก็นึกสงสาร พามาลำบากหรือเปล่าวะ ปกติไอรักจะนอนแอร์ เตียงนุ่มๆตลอด

ผมเลิกคิดฟุ้งซ่าน ก้มลงหอมกระหม่อมตรงหน้าแล้วเรียกเบาๆ

“ไอรัก”

..นิ่ง..

ผมยิ้มออกมาน้อยๆแล้วนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยปล่อยให้เขานอนหลับปุ๋ย มือคอยลูบหลังคนที่นอนซบอยู่ จนพระอาทิตย์แยงก้น เสียงข้างนอกเริ่มโหวกเหวก ผมก็เริ่มเรียกอีกครั้ง

“ไอรัก..ไอรัก ตื่นได้แล้ว” กระซิบชิดใบหู อีกคนยังคงไม่หือไม่อือ

“ถ้าไม่ตื่น ปล้ำนะ..” ไม่รู้ว่าพึ่งตื่นจริงๆหรือได้ยินที่พูดเมื่อกี้ถึงได้ขยับตัวตื่น แต่ดูจากหน้ามึนๆงงๆคงจะเป็นอย่างแรกมากกว่า

“ฮ..หือ เช้าแล้วเหรอครับ”

“จะเจ็ดโมงแล้ว”

“อื้อ...คุณตื่นเช้าจัง” แมวสะลึมสะลืองึมงำตอบก่อนจะปิดตาไปอีกรอบ สักพักก็พูดประโยคหลังออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ผมเลยเอามือไปลูบบนเปลือกตานั้นเบาๆ

ผมไม่ได้อยากจะแตะจับจ้วงไอรักมากมายให้เขารำคาญหรอก แต่ทุกทีที่ใกล้กันไม่รู้เป็นอะไรมือแม่งไม่เคยห้ามได้ดั่งใจ คอยจะเลื้อนไปสัมผัสเนื้อนวลของคนตรงหน้าตลอด แต่ผมว่าไอรักก็คงชอบละ ดูจากที่นอนตาพริ้มอมยิ้มคาอกผมอย่างตอนนี้นี่ไง

“สายแล้ว มีนัดกับยายไม่ใช่หรือ” ผมเอ่ยเตือน ไอรักเริ่มขยุกขยิกตัวนิดหน่อยแล้วนิ่ง ผมเลยนิ่งตามแต่ก็ไม่ได้นานหรอกเพราะอยู่ดีๆอีกคนก็สะดุ้งตัวโหยง

“นัด เฮ้ย ใช่ๆ มีนัดนี่หว่า ตายๆๆ เกียร์กี่โมงแล้วเหรอครับ”

รู้สึกว่าผมจะบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว

“อีกสิบนาทีเจ็ดโมง” ผมพูดพอดีกับเสียงเคาะประตูเรียกจากแม่ แมววิ่งเต้นหาผ้าเช็ดตัวแล้วรีบออกไปบอกแม่ว่าขอสิบนาที ก่อนจะแว้บหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ผมมองเหตุการณ์เมื่อกี้ตาปริบๆ หายมึนก็ลุกขึ้นไปเตรียมตัวบ้าง





.
.
.
.
.
.

ออฟไลน์ Calypso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
.
.
.
.
.





“ไปที่ไหนกัน” ผมถามไอรัก รายนั้นส่ายหน้าทำหน้าเอ๋อ คือมันก็ไม่ได้เอ๋อมากหรอก แต่เหมือนไม่รู้เหมือนกันว่ายายจะพาไปที่ไหน อย่างนี้เขาเรียกว่าเอ๋อหรือเปล่าวะ

“เอ้าไอ้หลานรัก ยายจะได้ไปไหม มัวแต่พิรี้พิไรรำพันอยู่นั่น ปล่อยตัวน้องเขามาได้แล้วลูกเอ๋ย”

“ผมขับรถให้” ผมเสนอตัว

“หื้ออะไรกัน จะหวงอะไรนักหนา ยายไม่ได้พาหนูไอไปขายนะจ๊ะ หนูไอเขาก็ขับรถเป็น ตัวเองนั่นละเข้าไปช่วยคนอื่นเขาทำงานบ้านไป” แม่บอก ก็นี่แฟนผม ไม่ให้เป็นห่วงไม่หวงได้ไง อีกอย่างนี่ก็ช่วงเทศกาล คนเมาคนเฮี้ยนมันเยอะ อุบัติเหตุก็แยะ ผมไปส่งจะได้สบายใจว่าขับขี่ปลอดภัยถึงจุดหมายหายห่วง

“ไปๆ ช่วยเขาทำงานทำการเสียบ้าง” แม่เร่งไล่เข้าไปอีก ตอนนี้บรรดาญาติโคตรตระกูลก็ทำกันให้รึ่ม ผมกลับมาช่วยก็ทัน แต่ความจริงผมไม่ช่วยก็เสร็จกันไวอยู่แล้วเพราะญาติผมเยอะจริงๆนั่นละ

“เดี๋ยวผมกลับมาทำ ผมไปส่ง” ไม่ได้สนใจอะไรต่อก็คว้ากุญแจจากมือไอรักก่อนจะเดินไปประจำที่ คือไม่ได้มองสายตาคนนอกรถหรอกเพราะผมพอจะเดาออก

ขับมาตามทางที่แม่บอก ระหว่างทางก็ฟังยายบ่นเรื่องสันดานหึงหวงเพี้ยนๆของผม ซึ่งผมไม่ค่อยได้สนใจจะเปลี่ยนมันเท่าไรเพราะผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้เพี้ยนสักหน่อย จนหูเปื่อยนั่นละถึงได้มาจอดอยู่หน้าอาคารพาณิชย์คูหาคู่หนึ่ง ลอดมองก็เห็นป้ายนวดและสปาตัวเท่าควาย คงเป็นร้านดังสำหรับแถวนี้พอตัว ก้มดูเวลาก็แปดโมงกว่าแล้ว

“เที่ยงๆผมจะมารับ”

“บ่ายๆโน่น ไม่ต้องรีบมานักหรอก นี่ยัยเอมฉันเริ่มเบื่อลูกแกละ เอามันไปเก็บไกลๆทีเถอะ คนอะไรหวงอย่างกับหมา” ยายเคี้ยวหมากพูดกับผมแล้วหันไปทำหน้าเอือมใส่แม่ ผมเป็นหมา ไอรักก็เป็นกระดูดละนะ

“หนูชินแล้วจ๊ะแม่ ช่างเขาไปเถอะ เราห้ามเขาไม่ได้หรอกยังไม่ได้ฉีดวัคซีน” ไอรักหลุดหัวเราะแล้วเปิดประตูออกไป ก่อนจะช่วยประคองยาย แต่ยายก็ไม่วายหันมาบอกกับผม

“โตแต่ตัวจริงๆ อย่างนี้เขาเรียกเลี้ยงเสียข้าวสุก เฮอะ!” พูดเสร็จก็เชิดหน้าไป ผมเลยถอนหายใจเบาๆ มองสองสาวหนึ่งหนุ่มที่คุ้นเคยเข้าไปในร้านแล้วจึงถอยรถกลับไปช่วยงานที่บ้าน



………………………………………….




“เกียร์เอ๊ยเกียร์ วางแคร่เสร็จแล้วก็มาช่วยป้าตรงนี้หน่อยนะลูก” ผมไม่ได้ส่งเสียงตอบแต่พยักหน้า วางแคร่เสร็จก็เดินไปหาป้า ช่วยเขาย้ายม้าหินอ่อนไปในร่มเงาเพราะที่วางเดิมมันโดนแดดส่อง ช่วยจัดบ้านไปสักพักใหญ่ หันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าเดินมาจะถึงเที่ยงวันแล้วจึงเข้าไปล้างมือล้างหน้าแล้วออกรถ

“สวัสดีค่ะ ต้องการทำอะไรดีคะ” พนักงานหน้าร้านเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูหน้ากูไหมว่าเคยใช้บริการพวกนี้หรือเปล่า ท่าสังเกตกันดีๆจะเห็นขี้ไคลตามร่องเนื้อกูนะ หึ กูหลอก แต่ทุกวันนี้กูก็เกือบดำเกินอีกาแล้วว่ะ หักโหมกีฬากลางแจ้งไปหน่อย

“รับคน” ผมพูดห้วนๆตามสไตล์ เธอหน้าเสียไปนิดหน่อย

“..อะ ค่ะ งั้นเชิญนั่งรอตรงนี้ได้เลยค่ะ” เดินไปนั่งตรงเก้าอี้สำหรับลูกค้า มองโน่นนี่จนไม่มีอะไรจะทำถึงได้เอาโทรศัพท์มากดเล่น ไม่ได้ทำอะไรหรอกแค่ส่งข้อความรัวๆไปกวนคนที่อยู่ข้างในนั่นละ แมวตาแป๋วบัดนี้คงกลายเป็นตาขวางแล้วอยากจะด่าผมแน่ๆ

(12:23) iRuk :น้ำแข็งบ้า!

ตามนั้นละ

คำเดียวผมก็อารมณ์ดีละ ไม่กวนดีกว่าเดี๋ยวมากกว่านี้จะโดนงอนเอาได้ เลื่อนดูรูปภาพที่มีอยู่ในเครื่องก็พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองโรคจิตแค่ไหน รูปตัวเองมีอยู่รูปเดียวคือตอนที่ไอรักเอาไปเล่นแล้วแอบถ่ายเอาไว้ มีการสั่งไม่ให้ผมลบอีกต่างหาก ที่เหลือเป็นรูปวิว รูปกากๆเกรียนๆไม่มีสาระที่เพื่อนส่งมาทางไลน์ แล้วก็เป็นรูปไอรักเสียส่วนใหญ่ ตอนหลับบ้าง กินข้าว เอ๋อๆ เจ้าเล่ห์ หน้าบึ้ง ยิ้มให้กล้อง แอบถ่าย ง่ายๆคือกูมีทุกท่วงท่าอะ ไม่หื่นก็เหี้ยสุดๆ

“เอ้า นั่นใครน่ะ หลานฉันหรือเปล่า” ยายเดินออกมาแล้วขยับแว่นหรี่ตามองมาทางผม

“ฮ่าๆ ใช่แล้วค่ะ มารอนานหรือยังลูก” แม่ถาม

ผมลุกขึ้น ส่ายหน้าเป็นคำตอบซึ่งความจริงก็รอเกือบครึ่งชั่วโมงได้

“แล้ว..”

“ไอรักละครับ ใช่ไหมละ กำลังแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวก็คงมาละ” แม่ดักคอ ตอบให้เสร็จสรรพ ผมพยักหน้าแล้วเสหน้าหนีทำเป็นมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยด้วยความเขิน(ในใจ)

“อ้าวเกียร์ มาตรงเวลาจังเลยครับ” ไอรักเดินหน้าขาวใสโอโม่ รู้สึกจะผ่องกว่าเดิม ยายกับแม่ก็ด้วย

“มาก่อนเวลาต่างหากละจ๊ะ” แม่พูดแก้ให้ ผมเลยเปลี่ยนเรื่อง

“เท่าไหร่” หันไปถามพนักงานคนเดิม เธอคิดเงินแล้วตอบตะกุกตะกัก ผมเลยจ่ายไปแล้วเดินออกมา แต่ก็โดนสายตาล้อเลียนของแม่กับสีหน้าเอือมๆของยายอยู่ดี







………………………………………………..






“เอ้ย” ตัวดียืนอยู่ดีๆก็มีคนวิ่งมาชนเฉย ตอนนี้ผมกับไอรักเล่นน้ำอยู่ที่หาดใหญ่มาตั้งแต่เช้า นี่ก็เกือบบ่ายโมงแล้ว เล่นจนมือกูเหี่ยวอะ ถ้าไอรักสู้กูก็พร้อมสนอง

“ขอโทษครับๆ” ไอ้เด็กเหี้ยมาเล่นวิ่งไล่จับห่าอะไรตรงที่คนยืนแดกข้าวกันอยู่วะ ยังดีที่มึงยังขอโทษ ไม่งั้นคงต้องมีเคลียร์กันยาว ชนแมวกูซะกระเด็นเป็นร้อยลี้ ห่า

ไม่เชื่อกันใช่ปะ เออ กูเวอร์เองแหละ

“ไม่เป็นไรครับ” แมวน้อยยิ้มบอกอย่างไม่ถือตัว

“มายืนตรงนี้” ผมปิดกล่องข้าวที่กินหมดแล้วไปทิ้งขยะแถวนั้น จากนั้นก็ดึงตัวไอรักให้มายืนซ้อนหน้าผม มือผมก็วางอยู่บนเอวคนข้างหน้าเลยดูเหมือนกอดกันกลายๆ ที่ทำไปไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเลยจริงๆ เชื่อกูไหม หึหึ

“เดี๋ยวเกียร์ เอ่อมันไม่ดีหรอกครับ ปล่อยก่อนเถอะ” มันขยับตัวจะออกแต่ผมยึดเอวมันแน่นเต็มที่

“หึ” ผมปฏิเสธในลำคอ

“โถ่ คุณน้ำแข็งบ้า” มันด่าผมรอบสอง เลยโดนหอมแก้มดังฟอดโทษฐานพูดไม่เพราะ

“เกียร์! คุณอยากกลับบ้านคนเดียวใช่ไหม” มันขู่ ถามว่าผมกลัวเหรอ เหอะ

“ไม่แกล้งละ กินไปสิ” เออ กูกลัว

แต่มือผมก็ยังเกาะเอวมันไม่ปล่อยนะ ไอ้แมวก็หันมาทำหน้าแง่งๆรอบหนึ่งถึงได้กลับไปเคี้ยวตุ้ยๆเหมือนเดิม เห็นแบบนั้นก็อดที่จะขำไม่ได้ แม่งน่ารักสัตว์ๆ

จนแมวกินเสร็จ ผมถึงปล่อยให้เขาเดินน้ำหน้าเล่นน้ำไป อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่าใครหมายตาแฟนกูเอาไว้บ้าง พวกผู้หญิงที่มองมาทางไอรักก็มีเยอะเป็นปกติ วันนี้อาจจะมากกว่าปกติสักหน่อย แต่ไอ้พวกมีไข่สองฟองที่แอบชำเลืองมองดวงหน้าแดงๆเพราะตากแดดมาตลอดวัน เนื้อตัวที่เปียกปอนไปด้วยน้ำ กูก็รู้ละว่าประเทศเราเกย์เยอะจริงๆ แต่พวกมันก็ต้องหดหัวหดไข่กลับถิ่นเพราะเสือกเห็นหน้าทมึงทึงจากกูนี่ละ

“อ้าวพี่ไอรัก อ้าวพี่เกียร์ อ้าววววว” เดินไปเดินมาดันเจอไอ้เด็กคนเดิม ไอ้เนาเน่าใน

“อ้าวน้องเนา” ไอรักก็เล่นกับมันด้วย เออเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“มาเล่นนานหรือยังอะพี่ โห่ไม่บอกผมบ้างเลย รู้งี้น่าจะออกมาเล่นพร้อมกัน” เนาแม่งบ่นยาว

“พี่ก็ไม่รู้ว่าน้องเนาจะมาเล่นที่นี่ด้วย แล้วนี่มากับใครเหรอครับ” ไอรักพูด ผมดึงไอรักพร้อมกับผลักไอ้เนาให้มายืนหลบผู้คนเพราะเมื่อกี้ยืนคุยกันกลางทาง มันเกะกะคนอื่น

“ผมมากับเพื่อนอะ เฮ้ยมึง นี่พี่กูชื่อพี่เกียร์ คนนี้ชื่อพี่ไอรัก เป็นเพื่อนพี่เกียร์” มึงระบุสถานะกูกับไอรักผิดแล้วยังมีหน้ามาตบแขนกูป้าบๆเหมือนสนิทสนมกันมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่อีกนะ เหอะ

“หวัดดีคราบ ผมสี่ ไอ้นี่ชื่อกล้าคราบ” คนชื่อสี่แนะนำตัว ดูกวนตีนไม่แพ้กัน

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ไปเล่นน้ำด้วยกันไหม” ไอรักยิ้มชวน

“ไปดิพี่ ระดับนี้แล้วไม่มีปฏิเสธหรอก กร๊ากก” คนชื่อกล้าพูด อืม..เป็นกันทั้งแก๊งค์

พวกผมก็เดินเล่นกันอีกครั้ง ที่นี่ส่วนใหญ่มีแต่คนผิวแทน ไม่ก็คล้ำเพราะแถวนี้ภาคนี้ก็รู้ๆกันว่าแดดแรงแค่ไหน หนึ่งในนั้นคงรวมกูไปด้วย ส่วนฝรั่งก็มีเป็นประปราย ยิ่งฝรั่งข้างกูนี่น่ารักสุดๆ วัดจากใจกูและหน้าขาวอมชมพูที่ตอนนี้กลายเป็นขาววอกจากแป้งดินสอพองเต็มหน้าเพราะความนิยมในหน้าตาล้นหลามเหลือหลาย เห็นแล้วมันจี๊ดจริงๆ แมวกูตอนนี้เห็นแต่ตากับปาก

เห็นแบบนั้นเลยแวะร้านขายน้ำข้างทาง ซื้อน้ำเย็นๆมาล้างหน้าให้เพราะมันได้ไวสุด รายนั้นเวลาเล่นก็ไม่เคยสนใจหรือรู้สึกเหนื่อยเป็นกับเขาหรอก แต่พอกลับบ้านทีสภาพแทบจะควรหามส่งโรงพยาบาล

“อึ๋ย น้ำเย็นอะเกียร์”

“ทนหน่อยนะ” พูดแล้วพลางเอาน้ำลูบหน้าให้

“หน้าชาเลย ฮ่าๆๆ” ชาอะไร ยิ้มหัวเราะได้เต็มหน้าขนาดนั้น น่าหยิกว่ะ

“หึ” เห็นหัวเราะมีความสุขขนาดนั้นผมเลยหลุดหัวเราะ

“เกียร์ล้างด้วยไหมครับ” ผมส่ายหน้าเพราะไม่ได้เปรอะมาก แต่ไอรักก็ยื่นมือมาล้างให้อยู่ดี

“พี่ๆ เลี้ยงหน่อยดิ เงินผมโบ๋เบ๋แล้วอะ” ไอ้เนามันชูกระป๋องโค้กขึ้นแล้วยิ้มยิงฟันให้ไอรัก

“ได้สิครับ แล้วกล้ากับสี่จะทานอะไรหรือเปล่า หยิบเลยๆ พี่เลี้ยง” ไอ้สองตัวนั้นก็ไม่มีคำว่าเกรงใจหรอก หยิบกันใหญ่ ตอนจ่ายผมก็รีบออกไปก่อนที่ไอรักจะควักเงินออกมา เถียงกันตั้งนานกว่าเขาจะยอมให้จ่าย

“เออพี่ ผมว่าจะถามนานละ พี่สองคนเป็นอะไรกันอะ เหมือนไม่ใช่เพื่อนกันเลย” ผมเลิกคิ้วมองไอ้เนา ไอรักหลับมามองผมควับเลย

“แล้วใครบอกเป็นเพื่อน?” ผมย้อนถาม

“อ้าว…. เฮ้ย อย่าบอกนะว่า...?!” ผมพยักหน้าตอบไอ้สี่มัน

“เฮ้ยจริงดิพี่ ผมไม่รู้เลยว่าพี่ชอบอย่างนี้นะนี่ อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก ถึงได้ว่าไม่เห็นสนใจผู้หญิงเลย” เนาพูด ถึงเป็นผู้ชายกูก็ไม่สนใจหรอก ยอมแค่ไอรักคนเดียวนี่ละ

“พวกพี่ก็เหมือนผู้ชายทั่วไปนี่หว่า” ไอ้ห่า ต้องให้กูไปแต่งหญิงหรือไงถึงจะถูกหลักการของพวกมึงกัน

“แล้ว แล้วเอ่อ ผมทำอะไรอีกอย่างดิพี่” ไอ้เนาคนเดิมพูด ผมมองมันนิ่งรอฟัง

“พี่ไอรักเป็นเมียพี่เหรอ” ผลั๊วะ ผมตบกระโหลกแม่งสักทีดังๆที่มันพูดไม่ระวังปาก

ขนาดผมยังแทบไม่เคยเรียกไอรักว่าเมียเลย เพราะผมให้เกียรติเขา ถึงไอรักจะได้เสียกับผมแต่ร่างกายหรือจิตใจเขาก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี ผมคิดเสมอว่าถ้าไอรักได้ยินใครเรียกแบบนั้นก็คงอึดอัดหรือลำบากใจไม่มากก็น้อย

เราแค่เป็นผู้ชายที่รักกัน เรียกว่าเป็นแฟน เป็นคนรัก เป็นคู่ชีวิต  คำนี้คงเหมาะสมมากกว่าเป็นผัวเป็นเมียกัน

“อย่ายุ่งเรื่องผู้ใหญ่” ผมว่ามัน

“โหพี่ แก่กว่าไม่กี่ปีเอ๊ง ว่าแต่เมื่อกี้ขอโทษนะพี่” มันยกมือไหว้ไอรักกับผม ผมก็พยักหน้าไม่ได้ถือสาอะไร ส่วนไอรักก็ยิ้มน่ารักให้เหมือนเดิม

“ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่จะเลิกเล่นกันกี่โมงเหรอ” ไอรักถาม

“พี่จะเลิกแล้วเหรอ” สี่ถาม

“เกียร์ว่าไงอะครับ ผมว่ากลับบ้านกันเลยไหม ปากคุณซีดหมดแล้ว ใครดูดเลือดไปหมดเนี่ย หึหึ” ไอรักเอ่ยแซว ผมเลยเอื้อมมือไปขยี้ผมเปียกๆนั้นให้หนำใจ

“ผมกลับด้วยๆ เล่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว เหนื่อยโคตรเลยว่ะพี่ ฮ่าๆๆ” ไอ้กล้าพูด

“ความจริงแฟนตามละสิ” ไอรักพูด ไปรู้ได้ไงวะ

“โหไรพี่ รู้ได้ไงเนี่ย” มันตกใจ ถามสิ่งที่ผมคาใจ

“อ่า ขอโทษทีพี่ไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอกนะ แต่เมื่อกี้เห็นโทรศัพท์เข้าไม่ใช่เหรอ 'ครับเมีย เดี๋ยวกล้ากลับแล้วนะครับใจเย็นครับอย่าเหวี่ยงกล้านะครับที่รัก' คึๆ พูดกับแฟนเพราะดีนะครับน้องกล้า” เห็นอย่างนี้ใช่ย่อยนะไอ้แมวนี่ ไปกวนเด็กเกรียนให้เขินได้

“แหะๆ พี่ก็ อย่าแซวดิ”

เราเล่นอีกประมาณยี่สิบนาทีก็กลับบ้านกันด้วยรถประจำทาง ขามาก็มารถประจำทางนั่นละเพราะไอรักเขาอยากนั่ง ส่วนสามคนนั้นขามาก็มาเหมือนกันกับพวกผม พอถึงก็แยกกันเข้าบ้านตัวเอง บ้านไอ้สี่กับไอ้กล้ามันก็อยู่แถวนี้ เลยไปนิดหน่อยก็ถึงแล้วจึงไม่ต้องไปส่ง

เข้าบ้านมาก็โดนแม่ไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพราะกลัวจะเป็นไข้หวัดกัน ผมเลยเดินขึ้นบ้านทั้งที่ตัวยังเปียกหมาด ไอรักก็ยิ้มแหยๆรีบเดินเขย่งขาจ้ำเอาๆ สงสัยจะกลัวลุงป้าน้าอาด่าเรื่องทำน้ำหยดเป็นทาง

“ลูกเกียร์ ลูกเกียร์จะอาบน้ำก่อนไหมครับ คึๆ” มันพูดล้อ

“หึ” ผมยิ้มแสยะ ค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาไอ้แมว เขาก็คงรู้สัญญาณอันตรายถึงได้ถอยหลังหนีจนหลังไปติดกับประตูห้อง

“ไปอาบพร้อม ‘ลูก’เกียร์ ก็แล้วกัน หึหึ” พูดจบผมก็คว้าเอวอุ้มแมวตัวใหญ่เข้าไปในห้องน้ำ ไอรักดิ้นดุ้กดิ้กอยู่ในอ้อมแขน แต่ผมไม่ปล่อย

“เฮ้ยเกียร์ เดี๋ยววว ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรที่บ้านคุณยายอะ! อ๊ะ..” ผมวางไอรักลงใต้ฝักบัว เปิดน้ำราดเราสองคน ล้วงมือเข้าไปในเสื้อแล้วสะกิดหัวนมนุ่ม

“ก็ไม่ได้ทำอะไร” ผมกระซิบบอก ขบใบหูเล็กจนไอ้รักร้องครางออกมาเบาๆ

“อึ้ก แล้ว แล้วนี่เรียกว่าไม่ทำหรือไงเล่า!” ไอรักร้องบอก แต่ร่างกายไม่ต่อต้านหรือปัดป้องการรุกรานของผมเลย หลับตาปี๋ ทำหน้าเสียวซ่านอยู่อย่างนั้น

“ขอข้างนอกนะ..ได้ไหม” ผมอ้อนขอ เพราะทนมานานแล้วตั้งแต่เช้า ต้องทนเห็นเสื้อที่แนบเนื้อขาว น้ำที่ไหลตามโครงหน้าแบบนั้น มันกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของผมได้มากโข เห็นทีไรก็แทบทนไม่ไหวเหมือนกัน

“แต่..ผมกลัวคนได้ยิน” ไอรักหลับตาแน่นแล้วพูดหน้าแดง เขาคงเขินมาก

“กัดแขนเกียร์ไว้ก็ได้” ผมพูดด้วยเสียงที่ไอรักชอบ แล้วยิ้มให้เพราะผมยิ้มทีไรไอรักจะใจอ่อนทุกที คราวนี้ก็คงเหมือนกัน

“คนข้างนอกจะได้ยินไหมอะครับ” มันพูดเสียงอ่อย คงใจอ่อนไปมากกว่าครึ่งแล้วละ

“ไม่ได้ยินหรอก ทำเสียงเบาๆ” พูดแล้วไซร้คอหวาน พยายามไม่ให้หนวดโดนเนื้อบางเพราะไอรักเคยบอกว่าเจ็บ คนนี้ไม่ได้หรอกโดนนิดโดนหน่อยก็แดงแจ๋แล้ว ผมเลื้อยลงมาดูดหัวนมแดงๆทั้งสองจุก อีกคนก็แอ่นรับพร้อมปิดปากครางไปด้วย พอเห็นว่าไอรักขาเริ่มสั่นแล้วจึงให้ไปพิงขอบเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ โชคดีที่บ้านใช้ไม้สักแข็งแรง ห้องน้ำก็เก็บเสียงได้พอสมควร ไอรักกับผมก็ไม่ได้ส่งเสียงดังเพราะหาอะไรปิดปากอยู่ตลอด อย่างตอนนี้ ผมเลื่อนลงไปเลียตรงขนอ่อนรอบไอรักน้อยที่มีอยู่น้อยมาก จนเปียกนั่นละถึงได้อมไอรักน้อยที่ตั้งชี้หน้าผมอยู่ตอนนี้ ส่วนมือเจ้ากรรมก็เอื้อมไปสอดในรูแคบด้านหลัง

แค่ได้เห็น ได้กลิ่นเฉพาะของไอรักผมก็อยากไปแล้วว่ะ

“อื้อ...” ไอรักปรือตา ก้มหน้าส่งเสียงประท้วงไม่ให้เข้าไป แต่ผมก็เอานิ้วเข้าไปช่วยอยู่ดี ดูท่าไอรักจะเสียวมาก แหงนหน้าปิดปากขาสั่น เอวก็ส่ายแล้วดึงเข้าดึงออกไม่รู้ตัวจนผมต้องจับเอวไม่ให้อีกคนกระแทกเข้ามาแรงเกินไป

แหงสิ ก็โดนทั้งด้านหน้าและด้านหลังขนาดนี้ไม่เสียวได้ไงละ

พอไอรักเริ่มซอยเข้ามาแรงขึ้น ผมถึงได้หยุดแล้วเอาปากกับมือที่ล้วงด้านหลังของไอรักออก อีกคนมองลงมาเหมือนถูกขัดใจ ผมอมยิ้มกับสายตานั้น

“เกียร์...” มันเรียกเสียงอ่อน เล่นเอากูใจหวิวเลยให้ตาย ผมรีบลุกขึ้นไปแลกลิ้นครั้งหนึ่งแล้วจับให้อีกคนหันหลัง ไอรักมองงงๆแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

“ฮะ..อื้อ… เกียร์ จะทำอะไรอะ” ร่างสั่นเทิมถามเสียงหลง ผมเอาไอ้ลูกชายสอดใส่ใต้พวงไข่ของไอรักแล้วดันขาให้หนีบกัน

เห็นไอรักมองมาอย่างงงงวยแต่สายตายังเยิ้มหวาน เห็นแบบนั้นจึงเริ่มขยับให้ของผมเสียดสีกับขาหนีบของไอรักทันที

กูเงี่ยนโว้ยยยยยยยยยยยยย

“ฮึ๊ย อ๊ะ เกียร์.. โอ้ย บ้าจริง!” เสียงแหบหวานที่คุ้นเคยครางลอดมาจากมือที่ปิดปาก แล้วพึมพำสบถอะไรสักอย่าง

“ทำข้างนอกไง ..ไม่ชอบหรือ” ผมถาม เห็นสีหน้าแปลกไปผมก็อดที่จะเสียเซลฟ์ไม่ได้

“อ้ะ อึก ฮื๊อ เกียร์ เกียร์ อ๊ะ…..” ไอรักร้องเรียกผมเกือบทุกครั้งที่ผมกระแทกเข้าไป

“หืม ไม่ชอบหรือเปล่า” ผมก้มชิดหูนิ่มแล้วถามอีกครั้ง อีกคนส่ายหน้า หลับตาปี๋ ปิดปากแหงนหน้าหนี ตัวไอรักแดงไปทั้งตัว

“อื้อ.. อึก งื้อ” เสียงครางดังอู้อี้มันหวานหูกูเหลือเกิน

“ไอรัก..” ผมมองงงๆที่เห็นอีกคนกระตุกอยู่แปบหนึ่งก่อนจะไปถึงสวรรค์เสียแล้ว ปกติไม่ได้ไปเร็วขนาดนี้ไม่ใช่เหรอวะ

“ขะ..ขอโทษครับ” ถ้าผมไม่คว้าเอวเอาไว้ แมวคงไหลลงไปกองอยู่ที่พื้นแน่ๆ

“ขอโทษอะไร” ผมถาม ดึงเขามากอดแล้วลูบหัวเบาๆ ไอรักกอดผมแน่น ผมเลยอดที่จะสูดดมกลิ่นหอมแถวกระหม่อมอีกคนอย่างช่วยไม่ได้

“ก็..ผมไปก่อนอะ ไปไวด้วย ไวมากๆ ให้ตายสิ น่าเกลียดที่สุด” ไอรักพูดวนไปวนมาเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก

“รู้สึกไม่ดีเหรอ” ผมถามตามสิ่งที่คิด จะจูงออกไปข้างนอกเพราะดูแล้วคืนนี้คงได้เท่านี้

“ไม่ๆ ไม่ใช่ คือ เฮ้อ..ผมจะพูดยังไงดี คือมันแปลก มัน..โอ้ยผมไม่รู้จะอธิบายยังไงอะ” ไอรักพยายามตอบแต่ผมก็งงอยู่ดี

“.....” ผมมองมันงงๆ

“คะ..คือ” หน้าจะร้องไห้อยู่รอมร่อผมเลยรีบกอดมันใหญ่

“เกียร์ไม่อยากรู้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้วก็ได้”

“..เฮ้อ ถ้าผมพูดไปอย่าหัวเราะนะ” ผมพยักหน้า ไอรักอึกอักอยู่พักหนึ่งแล้วก็พูดออกมาในที่สุด

“คือมันเสียวอะ แล้วก็ตื่นเต้นมากๆด้วย”

ผมแอบยิ้มในใจเพราะกลัวไอรักดุ นั่นสินะ วันนี้เล่นท่าแปลกๆด้วย ถึงจะไม่ได้สอดใส่ก็เถอะแต่มันก็เสียวไปอีกแบบ แล้วยิ่งชวนไอรักเล่นทำแบบนี้ในบ้านยายตอนเย็นๆแล้วด้วย แม่งโคตรอีโรติกแบบโรคจิตไม่รู้กาลเทศะสุดๆอะกู

“เกียร์นึกว่าไอรักไม่ชอบ” ผมพูดจบไอรักก็สวนขึ้นมาทันทีโดยที่ยังไม่ได้คิดอะไร

“ชอบสิเอ้อ! เอ๊ะ..เฮ้ย ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ผมหลุดยิ้มออกมาจนได้ ก็มีแมวมาดิ้นเร่าๆตรงหน้าเหมือนโดนน้ำร้อนลวกแบบนี้มันเพลินดีว่ะ

“เกียร์! หยุดยิ้มได้แล้ว!” จนมันเตือนผมนั่นละถึงได้หุบปากฉับ

“ป่ะ” ผมเลยเปลี่ยนเรื่องเนียนๆไม่ให้เขาอายโดยการชวนมันออกจากห้องน้ำ

“เอ๊ะ แต่..เกียร์ยัง..” มันพูดแล้วชี้ๆที่ด้านล่างของผม ไอ้ลูกชายมันไม่รักดียังชี้หน้าไอรักอยู่เลย แต่ก็เหี่ยวลงจากเมื่อกี้แล้วละ

“ช่างเถอะ” ผมตัดบท เดี๋ยวค่อยเอาออกก็ได้

“..ให้ผมช่วยนะครับ” ผมหันไปมองคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ แต่หูเหอนี่แดงไปทั่วแสดงให้เห็นว่าที่พูดไปเมื่อกี้คงอายมากๆ

แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร คนตัวอมชมพูก็เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วคุกเข่าตรงหน้า ก่อนจะเอาปากอุ่นมาครอบลูกชาย ผมสูดปากออกมา ถึงจะครอบได้ไม่ถึงครึ่งลำแต่ก็ทำให้ผมเสียวได้โคตรๆ ผมจ้องแก้มตอบเพราะอม ‘ไอ้นั่น’ คาปากกับสีหน้าที่ทำให้อารมณ์ผมพุ่งทยานได้ง่ายๆ

“อืม..” ผมครางออกมาเบาๆ ไม่เอามือไปกักไปกั้นเสียงเหี้ยอะไรหรอก เพราะผมคิดว่าคนอื่นคงไม่ได้ยินแน่ๆ

ไอรักเริ่มซอยปากเร็วขึ้น ผมก็ขยับเอวเข้าออกอย่างรู้จังหวะ ยิ่งมองคนที่นั่งคุกเข่าทำให้ผมอยู่ก็ยิ่งกักกั้นอารมณ์ไม่ไหว ผมควงลูกในปากบางอย่างเมามัน พอใกล้ถึงฝั่งผมก็รีบดึงไอรักขึ้นยืนแล้วสอดใส่ให้ไปสีกับหว่างขามันเหมือนเดิม ก่อนจะซอยกระแทกแรงๆให้หนำใจอยู่หลายครั้งถึงได้ปล่อยน้ำรักออกมาเลอะตามง่ามขาขาว

ผมกอดซบอีกคน รอให้หายใจเป็นจังหวะปกติถึงได้คลายอ้อมกอดนั้นช้าๆ แต่อยู่ดีๆไอรักก็ทรุดนั่งลงกับพื้นในทันทีจนผมตกใจ

“ไอรัก เป็นอะไร” ผมรีบถาม

“อ่า สงสัยขาจะชาซะแล้วสิ แหะๆ” ไอรักยิ้มเขินๆ พยายามลุกขึ้นมาอีกรอบแต่ก็ต้องนั่งลงตามเดิม ผมเม้มปากไม่ให้ยิ้มออกไปแล้วจัดการอุ้มอีกคนไปล้างเนื้อล้างตัวกันก่อนจะพาออกไปแต่งตัวให้

“ผมว่าต้องหาวิตามินบีมาทานแล้วละ ชานานแบบนี้คงไม่ดีแน่เลยอะครับ แย่ๆ” ไอรักพูด ผมที่อาสานวดให้ก็เงยขึ้นพูดพร้อมกระตุกมุมปาก

“ไม่ได้ขาดวิตามินหรอก ทีหลังเกียร์จะแตกไวๆแล้วกัน ไอรักจะไม่ต้องนั่งคุกเข่านานๆให้เมื่อย”

“ไอ้คุณน้ำแข็งบ้า!!!!!!!!!!!!!”





++++++++++++++

+สวัสดีวันปีใหม่ไทยจ้า ขอให้ทุกคนมีความสุข พบแต่สิ่งที่ดี สุขภาพร่างกายแข็งแรงนะคะ วันนี้เอาตอนพิเศษมาลงให้อ่านก่อน เดี๋ยวจะลืมเรื่องนี้กันไป ฮาา
+พูดถึงบ้านใหม่ ตอนนี้กำลังจัดของกันสนุกเลย แต่ก็ไม่ลืมนิยาย(ที่ดองมานานมากเลยนะยะยัยโซ่)นะจ๊ะ กำลังคิดว่าจะติดอินเทอร์เน็ตทรูเหมือนเดิม หรือจะลองเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนดี (ตอนนี้ต่ออินเทอร์เน็ตมาจากโทรศัพท์ค่ะ) แต่ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้ด้วยสิ ร้องไห้แปบนะเจ้า T_T

โซ่คิดถึงคนอ่านทุกคนจ้าา

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เย่ ตอนพิเศษ คุณน้ำแข็งหื่นตลอดเว 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด