(จากด้านบน)
.
.
.
.
.
‘........’ ใครวะ
“ฮัลโหล ไม่ทราบว่าใครครับ”
“.......เอ่อ” เสียงผู้ชาย
“ครับ? ใครครับ” ผมถามย้ำอีกรอบ ปกติผมเป็นคนใจเย็นนะครับ แต่ ณ เวลานี้ไม่อยากจะใจเย็นเสียเท่าไร ใครก็ไม่รู้มาขัดจังหวะผมกับเกียร์ มันน่าโมโหจริงๆ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีเวลาให้มันน้อยอยู่ด้วย
‘ผมเองครับ พี่ภูมิ’ พี่..? ภูมิ..?
“พี่ภูมิ? อ๋อ หมอภาคภูมิเหรอครับ” ปกติหมอจะเรียกแทนตัวเองว่าผมหรือหมอ มาพูดแบบนี้ผมเลยรู้สึกแปลกหูชอบกล
‘ครับ เรียกพี่ภูมิดีกว่านะ เอ่อ พี่โทรมารบกวนคุณอชิระหรือเปล่าเอ่ย’ มากอะครับ
“ก็..พอคุยได้ครับ แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาซะดึกดื่นเลย” ผมพูดขำๆ
‘ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วพี่จะโทรหาไม่ได้เหรอครับ’ หมอพูดเสียงน้อยใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่างอนจริงหรือหลอก แต่ไอ้หมอมันดราม่าใส่ผมหลายทีแล้วนะ เป็นตุ๊ดหรือเปล่าวะ
“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น..” ยังไม่ทันพูดต่อ เกียร์ก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วมองมาอย่างสงสัย ผมเลยทำสัญญาณไปว่าขอเวลาอีกแปบหนึ่ง
‘เฮ้อ โล่งใจจัง พี่นึกว่าคุณอชิระจะไม่อยากคุยกับพี่เสียแล้ว ฮ่ะฮ่ะ แล้วทำอะไรอยู่เอ่ย’
“กำลังจะอาบน้ำนอนน่ะครับ หมอโทรมาพอดี” นี่ไอรักกำลังจะบอกว่าหมอกำลังรบกวนเวลาส่วนตัวอยู่นะ โปรดเข้าใจเจตนารมณ์ของไอรักด้วยเถอะเพราะตอนนี้คุณหมาน้ำแข็งเริ่มย่างกรายซอยเท้าคิ้วขมวดเป็นปมมาหาผมแล้ว
‘อ๋อ ครับๆ งั้นคุณอชิระไปอาบน้ำเถอะครับพี่ไม่กวนแล้ว เอาไว้วันหลังพี่จะโทรไปหาอีกที เบอร์นี้เบอร์พี่นะครับ’ ไม่บอกกูก็รู้แล้ว
“ครับ”
‘เดี๋ยวๆ อีกเรื่องครับ’
“ครับ?”
‘ไม่ทราบว่าคุณอชิระชื่อเล่นชื่ออะไรเหรอครับ’
“อ๋อ ไอรักครับ”
‘ชื่อน่ารักจัง..งั้นพี่ขอเรียกว่าน้องไอรักได้ไหมครับ’ ห๊า เหมือนสนิทกันมานาน
“เอ่อตามสบายครับ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
‘ครับ ฝันดีนะครับ..น้องไอรัก’ เหี้ยขนลุก นิ้วโป้งจ่อจะกดวางสายอยู่ตั้งแต่เริ่มรับโทรศัพท์ละ กว่าจะได้วาง
“ใครเหรอ”
“หมอของไอซิสน่ะครับ” มันเลิกคิ้วมองฉงน อย่าว่าแต่เกียร์เลย ผมก็งงไอ้หมอเหมือนกัน เอาเบอร์มาจากไหนยังงงอยู่เลย
“ป่ะ ไปอาบน้ำกันเถอะ” ผมพูด
เราถอดเสื้อกางเกงออก เกียร์ยื่นมือมาให้แล้วจับมือให้ผมลงอ่าง ล้มตัวนั่งพิงอกมัน ตอนแรกมันก็บอกว่าจะไม่ทำอะไรผม แต่ไอ้เกียร์น้อยมันดันทรยศชูชันมาโดนตัวผมจนทนไม่ไหวต้องหันไปจูบมันแล้วบอกว่าจะทำก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร ความจริงผมก็ต้องการเหมือนมันนั่นละ แต่ไม่กล้าบอกตรงๆ
แต่ก็ไม่มีอะไรมากครับ เราใช้มือให้กันและกันแค่นั้น เอาแค่ให้สบายตัวพอ ส่วนเวลาที่เหลือแค่อยู่ใกล้กันก็มีความสุขแล้ว
อาบน้ำเสร็จผมก็ให้มันใส่เสื้อผ้าของพี่ติมที่แม่บ้านเคยเอามาใส่ที่ตู้ผม มันก็นอนรอให้ผมทาครีมเสร็จถึงจะนอนพร้อมกัน
“ให้ผมปิดไฟเลยไหม” เห็นมันกดโทรศัพท์อยู่เลยถามมันก่อน
“อือ” มันเงยหน้าขึ้นตอบสั้นๆ
“ทำอะไรอยู่เหรอ” ผมปิดไฟแล้วเดินไปตามแสงที่ออกจากโทรศัพท์มัน
“ตั้งนาฬิกาปลุก” มันเบี่ยงมาให้ดู ประมาณว่ากูตั้งนาฬิกาจริงๆนะไม่ได้โกหก พอเสร็จก็ล้มตัวนอน ดึงให้ผมไปก่ายกอด ส่วนมือมันก็ลูบหลังผมเล่น
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมหลับสนิทที่สุดหลังจากที่กลับมานอนบ้าน มีอ้อมกอดอุ่นๆ มือสากๆที่คอยลูบไล้ไปทั่วตัวเหมือนเพลงกล่อมคลอเบาๆ มันช่างผ่อนคลายใจได้มากจริงๆ
“ไอรัก...เกียร์ไปก่อนนะ”
ผมสะลึมสะลือตื่นเพราะแรงเขย่า มองนาฬิกาก็เห็นว่ายังไม่เช้าเลยนอนหลับตาลงเพื่อตั้งสติ แต่เพียงพักเดียวก็รู้สึกถึงสัมผัสที่แก้มทั้งสองข้าง ทำเอาผมเผยยิ้มออกมา
“ตีสามครึ่งเอง นอนอีกหน่อยก็ได้..” ผมงึมงำตอบ ดึงให้มันมานอนด้วยกัน ขนาดผมยังง่วงเลย มันคงเพลียมากกว่าผมแน่ๆ
“คนอื่นเห็นแล้วจะว่าไอรักเอาได้นะ” มันพูดเสียงเบา
“..ฮื้อ..” ผมปรือตามองอีกฝ่ายแล้วส่งเสียงขัดใจ
“นอนเถอะนะคนดีของเกียร์”
มันยอมเอนตัวนอนลงให้ผมกอดแล้วลูบหัวจนผมหลับไปอีกครั้ง ตื่นขึ้นมาประมาณเจ็ดโมงกว่าก็ไม่เห็นเกียร์ ไม่รู้ว่าไปตอนไหนแต่เตียงนอนข้างผมเย็นแล้ว
ผมอาบน้ำแต่งตัว หยิบหนังสือเล่มหนาที่จะสอบวันนี้ลงไปชั้นล่างโดยมีไอซิสวิ่งดุ๊กดิ๊กตามลงมาด้วย เช้านี้ก็เป็นอีกวันที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ปกติไม่พ่อก็พวกพี่ๆที่จะออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่
“ทำไมวันนี้ออกสายจังเลยครับ”
“ขี้เกียจ” พี่ติมตอบกวนๆแล้วกวักมือรียกผมไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง พี่ติมแม่งชอบเล่นแรง ฮึ่มมม ไปนั่งกับพี่อุ่นดีกว่า รายนั้นนุ่มนวลอ่อนโยนกว่าเยอะ เชอะ
“ระวังแด๊ดจะไล่ออกจากตำแหน่งนะครับ”
“ออกก็เข้าใหม่ได้ครับ ว่าแต่เราเถอะจะสอบได้ไหมเนี่ย เห็นถือหนังสือร่อนไปร่อนมา” พี่ติมยักคิ้วยึกๆแล้วหลิ่วตาถาม
“โหย ระดับนี้ เค้าอ่านจบไปหลายรอบแล้วเถอะ พี่ติมมั่ว” ไม่พอ หันไปพยักหน้าให้ทุกคนด้วย เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันทั้งบ้าน
“จะเชื่อดีไหมนะ หนังสือเรียบไม่มีรอยยับขนาดนี้” พี่ติมทำป็นเอามือกรีดหนังสือ แล้วทำหน้าหูหา กวนงะ
“เขาเรียกว่ารักษาของเถอะครับ”
“ฮ่าๆ ติมไปแกล้งน้อง ดูสิหน้ามุ่ยหมดแล้ว” ขนาดแม่ยังหัวเราะคับบ้าน ไอรักละอยากจะโกรธพี่ติมจริงๆ
“ตัวเล็ก”
“ครับ” ขานตอบพ่อ แต่หน้ายังบึ้งไม่หาย
“พรุ่งนี้นายคนนั้นจะมาไหม”
“ห หือ นายคนนั้นใครเหรอครับ” ผมเปลี่ยนหน้าแทบไม่ทัน ดูเหมือนพ่อจะไม่อยากพูดซ้ำสองจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปัดๆ
“นายเกียร์อะไรนั่นน่ะ จะมาไหม”
“มาครับมา ทำไมเหรอครับ” ผมตอบ ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“แด๊ดมีอะไรจะให้ช่วยน่ะ”
“เดี๋ยวไอรักบอกเกียร์ให้นะครับ!”
ผมพูดคุยสักครู่ก็ขอตัวไปมหาลัย แต่ก่อนจะออกรถ แม่ผมก็เรียกเอาไว้
“ม๊าไปช่วยคุยกับแด๊ดมาให้ลูกแล้วนะคะ ที่เหลือก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขานะ”
“จริงเหรอครับ ไอรักถึงได้ว่า แด๊ดดูอ่อนลงนิดหน่อยนะครับ”
“บอกลูกเกียร์ให้พยายามเข้านะคะ” แม่ขยิบตาทีหนึ่งแล้วไล่ให้ไปเรียน
ก็ไม่รู้ว่าพ่อจะให้เกียร์ช่วยทำอะไร แต่หวังว่าคราวนี้พ่อจะเปิดใจยอมรับเกียร์ไม่มากก็น้อยละนะ
………………………………………………..
ผมลงรถมาด้วยความตกตะลึง รีบเดินไปหาเกียร์ที่กำลังจอดมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ในโรงจอดรถ
“เขาทำอะไรกันอะเกียร์” ผมกระตุกเสื้อขาว ตามองไปยังรถสิบล้อคันหนึ่งที่บรรทุกต้นไม้ทุกขนาดเต็มคันรถ มองเลยไปเห็นพ่อผมคุยกับคนงานกันอยู่
“ไม่รู้สิ” ผมก็ถามเกียร์ได้เนอะ บ้านกูนี่หว่าลืมไป
“ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ” ผมเดินไปถามโดยมีเกียร์เดินมาตามหลัง มันยกมือไหว้ พ่อมองเกียร์นิ่งแล้วพยักหน้าให้
ถือเป็นสัญญาณที่ดีแล้วใช่ไหม
“ลงต้นไม้ใหม่น่ะ มานี่มา” พ่ออ้าแขนรับแล้วหอมแก้ม ก่อนจะชี้เรียกชื่อต้นไม้แต่ละต้นและความหมายของมันให้เป็นความรู้ ความจริงพ่อผมโตมากับต้นไม้เลยนะครับแล้วก็ชอบต้นไม้เอามากๆ เพราะได้รับอิทธิพลจากแดร์ โอปะ(คุณปู่) ท่านปลูกสวนผลไม้และพืชพันธุ์นานาชนิดอยู่ที่เยอรมันมาตั้งแต่พ่อผมยังไม่เกิดจนตอนนี้ก็ยังคงทำกันอยู่
“แล้วไม่ขนลงไปปลูกละครับ” เห็นคนสวนยืนกันเฉย ทำหน้าอึกอักยังไงพิกล
“อืมนั่นสิ นี่” อยู่ๆพ่อก็หันไปเรียกเกียร์ จากที่มันกำลังมองนกมองต้นไม้อยู่ก็หันกลับมาตอบแทบไม่ทัน
“ครับ”
“ฉันให้เวลาสี่วันหลังจากนี้ ปลูกต้นไม้ในบ้านนี้ให้เสร็จ จัดออกมาให้สวย แล้วทำคนเดียวนะ อย่าคิดว่าจะเรียกใครมาช่วยก็ได้ เข้าใจไหม”
“อะไรนะครับ ให้เกียร์ทำคนเดียวคงไม่ไหวนะครับแด๊ด” ผมโพล่งออกมาอย่างตกใจ ให้เกียร์ขนไปปลูกหมดนี่คนเดียวเลยเหรอ แล้วยังไม่ได้เอาลงมาจากรถบรรทุกสักต้นเลยนะ
“ถ้าอ่อนหัดขนาดนั้นก็กลับไปดูดนมแม่เถอะ” แอบเห็นเกียร์คิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาหน้านิ่งของตัวเองได้อยู่
“ผมทำไหวครับ”
“เกียร์!” ผมพูดเสียงดัง จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว บางต้นไม่ใช่ว่าจะเล็กนะ ไหนจะต้องขุดหลุมปลูกต้นไม้อีก คนเดียวภายในสี่วันคงไม่ไหวแน่ๆ
“แต่อาทิตย์นี้เกียร์ต้องอ่านหนังสือสอบนะครับ อย่างน้อยก็เพิ่มวันหรือขอผลัดไป..”
“ไอรัก ไม่เป็นไร เกียร์ทำได้” เกียร์พูดแทรกขึ้น
“แต่คุณ..” มันจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือละ มันไม่ใช่ผมนะที่อ่านหนังสือไวแล้วทวนจบไปหลายครั้ง มันพึ่งได้อ่านจบไปรอบเดียวแล้วถ้าไปตกลงรับต้องเสนอพ่อผมอย่างนี้ก็ไม่มีเวลาทวนเลยสิ
“ถ้านายทำได้ ฉันจะให้นายคบกับลูกฉันได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็เตรียมตัวเลิกกันไปซะ”
“ครับ” พ่อมองตามันนิ่งก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“ดีมาก พยายามเข้าละ”
……………………………………..
“เกียร์ คุณอย่าฝืนทำเลย มันจะสองทุ่มแล้วนะครับ” ผมพูดคำนี้มาเป็นสิบรอบแล้ว คำตอบก็ตอบกลับมาเหมือนเคย
“ไอ้ทรุดมันหิวข้าวแล้วมั้งน่ะ” จนป่านนี้ยังยกต้นไม้ลงจากรถไม่หมดเลย
“แม่บ้านให้มันทานข้าวแล้วครับ ไอซิสมันร้องหาคุณต่างหาก” ไม่รู้ว่ามันมาถูไถเสื้อเกียร์ที่อยู่บนตักผมทำไม แต่ขอโมเมไปแล้วกัน
“ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องสอบนะ”
“คุณก็เหมือนกัน คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับแด๊ดให้รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องไป นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขายอมรับเราได้”
“แต่ผมทนไม่ได้อะ” ตอบเสียงสั่นๆ เห็นตัวมันเปื้อนเหงื่อ ตัวเนื้อมอมแมมไปด้วยดินโคลนแบบนั้น ผมทนไม่ได้จริงๆ
“เกียร์ทำได้ หนักหนายังไงเกียร์ก็ทนได้ ขอแค่เชื่อใจกัน ให้เกียร์ทำเถอะ”
“แต่..”
“เพื่อเรา” แววตาอบอุ่นมองมาประสานกับตาผม จะให้ตอบอย่างไรละในเมื่อมันพูดขนาดนี้แล้ว
ก็ได้..ผมเชื่อคุณ
“เฮ้อ..หิวน้ำไหมครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” หน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อยิ้มออกมาแล้วตอบด้วยเสียงนุ่มที่พาลให้ใจสั่นเล่น
“มีไอรักอยู่ข้างๆก็พอแล้ว”
“บ้า” อาจจะด่าแต๋วไปนิด แต่เวลานั้นคิดคำไหนไม่ออกเลย มันเขินจริงๆนะครับ ผมเดินเข้าบ้านไปสั่งแม่บ้านที่ผ่านมาพอดี
“ผมขอผ้าร้อน ผ้าธรรมดา ขนม ผลไม้แล้วก็น้ำเย็นด้วยนะครับ อ้อเอาเสื้อตัวนี้ไปซักด้วยนะ” บอกก่อนจะออกมานั่งดูมันบนเสื่อผืนเดิม
มันอาจจะไม่ใช่เวลาที่ผมจะโลมเลียมันทางสายตาแต่หุ่นมันดีจริงๆนะครับ ซิกแพ็คนี่เป็นลูกเลย กล้ามขึ้นนูนทำให้ตัวมันล่ำใหญ่ เหงื่อซึมที่ไหลออกมาตามร่างกายกับผิวแทนกร้านแดดนิดๆทำให้มันดูเข้มมากขึ้น
ผมแอบกลืนน้ำลายดังเอื้อก
“ได้แล้วค่ะคุณหนู”
“จ๊ากกกก”
ไอรักตกใจหม๊ดดด แหง่งง แม่บ้านสะดุ้งเกือบทำถาดที่ถือมาหล่นพื้น ไม่ต้องมาตกใจเลยนะอยากมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเอง งานนี้เธอผิดเต็มๆ
“วางไว้แล้วไปได้แล้ว” ผมพูดเสียงดังเพราะยังตกใจไม่หาย
“ค่ะๆ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เกียร์อย่ามาเลิกคิ้วหล่อๆใส่ตอนนี้ดิ ผมทำหน้าไม่ถูกนะ! ใจเย็นๆอย่าลนลานจนผิดสังเกต
“ป ป เปล่าครับ ลมพัดเย็นดีนะครับ แฮะๆๆ” ไปโน่นเลยกู
เกียร์ทำหน้างงแต่ไม่ได้พูดอะไร เฮ้อโล่งอก
ผมนั่งเรียกสติก่อนจะเดินไปซ้ำเหงื่อที่เกาะบนใบหน้าอีกคน มันสะดุ้งนิดหน่อยแล้วเปลี่ยนมากดยิ้มที่มุมปาก ผมหลุบตาหนีรอยยิ้มนั้นแต่ก็ต้องเจออกหนาที่กระเพื่อมหอบ
โอ้ยยยยยย ไอรักเป็นอะไร ทำไมช่วงนี้หื่นจังวะ สติที่เคยมีแตกกระเจิงหายไปหมดด
“ไปนั่งพักทานขนมกันก่อนดีกว่านะครับ” จะเดินหนีมาก่อน แต่มันเอามือมาเกาะเอวผมแล้วเดินไปพร้อมกัน กลิ่นกายเฉพาะจากตัวมันกับกลิ่นเหงื่อที่ให้อารมณ์ดิบๆเถื่อนนี่มัน… โว้ยยยยยยยยย ไอรักเขินฉิบ
“ไม่สบายเหรอ” อยู่ๆมันก็พูดออกมา
“หือ เปล่านิครับ” มองมันงงๆ
“หน้าแดงน่ะ คิดอะไรไม่ดีอยู่ละสิ” มันยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนมากถึงมากที่สุดทันที
“ผมเปล่าคิดอะไรหื่นๆอยู่นะ!”
“อ้อ คิดอะไรหื่นๆอยู่สินะ ทำไมไม่บอกละ เกียร์จะสนองให้ หึหึ” ไอน้ำแข็งบ้าาาาาาาาาาาาาาาาา
TBC---->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
+สุขสันต์วันปีใหม่จ้า ทุกๆเรื่องมีแต่ความสุขนะจ๊ะ (ไปอ่านหนังสือสอบก่อนแล้ว ฟิ้วว)