บทที่ 16 เหตุการณ์สะเทือนขวัญ
ในวันเดียวกัน
ย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
ณ ห้องพักพิเศษ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งมีผู้ป่วยนอนซมบนเตียง ทั้งยัง มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง ส่วนน้องชายผู้ป่วยคนนั้นก็เฝ้าดูแลไม่ห่างหลังจากรับปากมารดาว่าจะดูแลพี่ชายเป็นอย่างดี ปฐพีจึงนอนค้างที่นี้เพื่อดูอาการพี่เมฆไปด้วย
"พี่พงศ์มาพอดีเลย สวัสดีครับ" น้องชายเอ่ยทักทายเพื่อนรักพี่ชาย ตอนที่เห็นอีกฝ่ายโผล่หน้าเข้ามา
สำหรับ พงศ์นั้น เพิ่งบินกลับมากรุงเทพฯ ได้ประมาณสองวัน โดยร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่เกาะนั้นก็ให้แฟนช่วยดูความเรียบร้อยไปก่อน และการเดินทางมาเยี่ยมผู้ป่วยได้นั้น ทราบเรื่อง เพราะดินโทรมาบอก
"มันหลับ?"
"เพิ่งหลับเองครับพี่ พี่พงศ์ล่ะ สบายดีไหม? เป็นไงบ้างครับ ค้าขายที่เกาะ รวยใหญ่แล้วสิ"
"ก็เรื่อย ๆ ว่ะ ที่นี่แข่งขันกันสูงมาก อีกอย่าง บางเจ้ามีพวกผู้มีอิทธิพลหนุนหลังด้วยน่ะ แต่ยังไง พี่ว่าจะลองสู้ดูก่อน"
"เป็นกำลังใจให้พี่ เดี๋ยวผมไปอุดหนุน เพราะตั้งใจจะกลับไปเกาะ อยากลองลงเรียนคอร์สดำน้ำด้วย"
"เอาสิ ที่นั่นฝรั่งเรียนดำน้ำเยอะด้วย เออ แล้วทำไม ไอ้เมฆป่วยได้วะ ดิน? ไม่ค่อยเห็นมันหนักจนต้องแอดมิท"
"ไม่รู้ครับพี่ แต่ถ้าให้ผมเดา คงมีปัญหาเรื่องงานและหัวใจพร้อมกันมั้งเลยเครียด"
"ไอ้เมฆมีแฟนแล้ว?"
"ก็..."
"แค่ก ๆ ๆ ยังจะนินทาคนป่วยกันอีกหรือ?" เมฆินทร์ลืมตาขึ้นมามองน้องชาย และพยายามหยัดกายขึ้นนั่ง จ้องมองสองคนสลับกันไปมา
"อ้าว พี่เมฆไม่ได้หลับ?"
"แล้วใครบอกว่าหลับ ฉันแค่พักสายตา ไอ้พงศ์มาได้ไง ดินบอก?"
"เออ มึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ? เกิดตายขึ้นมานี่ กูจะไม่ได้เห็นหน้ามึงเป็นครั้งสุดท้ายเลยนะ"
"มึงเป็นเพื่อนรักกูจริง ๆ นะพงศ์" เมฆแขวะจนพงศ์หัวเราะร่วน
"ฮ่า ๆ ไม่กัดก็ได้ ไงมึง มีอะไรอยากบอกกูไหม?" พงศ์ถาม
เมฆินทร์มองเพื่อน ยามที่พงศ์หย่อนกายลงนั่งริมเตียง แตะแขน คนถูกคาดคั้นผ่านทางสายตาพลันหลบหน้าหนี ชำเลืองมองน้องชาย
"ดิน อยากกินชาเขียว ไปซื้อให้หน่อยได้ไหม?"
"อ่ะก็ได้ พี่พงศ์เอาอะไรไหมครับ?"
"ลาเต้ก็ดี"
"หา กินตอนนี้เนี่ยนะครับ" ปฐพีสงสัย เพราะเวลานี้มันก็เย็นแล้ว
"เอาเถอะ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับพี่มากหรอก"
"ครับผม"
ยามน้องชายเดินพ้นสายตาไปแล้ว พงศ์ไม่รีรอถามต่อ
"หน้ามึงดูไม่ดีเลย ป่วยอะไรขนาดนั้นวะ"
"เปลี่ยนเรื่องได้ไหม เบื่อตอบเรื่องป่วย ถามหลายคนแล้ว"
"อ่าได้ มึงมีคนใหม่แล้วเหรอ? มีอะไรคืบหน้าไม่บอกเพื่อน" พงศ์ยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ขัดใจเพื่อน ถ้าอยากให้เปลี่ยนเรื่อง เขาก็เปลี่ยน พุ่งประเด็นไปที่ความรักทันที
เมฆนิ่งเงียบ ครู่หนึ่งเขาเสมองไปทางอื่น มือหนาที่วางอยู่บนแผ่นท้องเผลอกำมันแน่นขึ้น
"ไอ้เมฆ กูกับมึงก็รู้ไส้ รู้พุงกันมาขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะเครียดเรื่องรัก เล่ามาเหอะ เลิกวางฟอร์มได้แล้ว"
"มึงจำตอนที่อยู่เกาะได้ไหม ที่กูพาเด็กไปร้านมึงน่ะ ที่บอกว่าจะจ้างน้องมีเซ็กซ์ด้วย" เมฆินทร์บอกย้ำให้พงศ์นึกถึงเรื่องในอดีตที่คุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นพงศ์คนเดียวที่รู้เรื่องข้อตกลงนั้น
"อ๋อเออ จำได้ ทำไมวะ?"
"กูไม่ได้คุยกับเขาแล้ว"
"ก็ไม่แปลก ถ้ามีเซ็กซ์ไม่โดนใจมึง ก็จบง่าย ๆ"
"แต่น้องเขามาบอกว่าชอบกู"
"แล้วไงวะก็ปกติปะ มึงมันหล่อไงเมฆ ใครเห็น ใครก็ชอบ มันแปลกตรงไหนวะที่น้องเขาจะหลงเสน่ห์มึง ชอบในเซ็กซ์ของมึงก็ได้ กูว่าที่แปลกคือมึงน่ะจะเอามาตั้งคำถามแบบอาลัยอาวรณ์ทำไมวะ ถ้าไม่....อย่าบอกนะว่า...." พงศ์หรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด และเผลอยิ้มยามที่ใบหน้าเพื่อนแดงก่ำไม่รู้ว่าแดงเพราะเขินที่จับได้หรือแดงเพราะพิษไข้
"กูแค่รู้สึกแปลก ๆ พอไม่ได้คุย ก่อนที่เราจะไม่ได้คุยกัน มันเกิดเรื่องขึ้น กูมีเหตุผลให้กูไม่พอใจน้องเขา จนโมโหเลยทำน้องเขาซะยับ..." เมฆินทร์เงียบไม่กล้าพูดต่อจากนี้
"หืมมม? ยับ? กูขอเดานะ มึงเอาน้องเขาแบบซาดิสม์แล้วน้องเขาต้องจำใจยอมแน่เลย ใช่ไหม?"
เมฆหลุบตาลงต่ำแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
"ทำหน้าแบบนี้ กูว่าชัวร์ ไอ้เมฆ มึงมันน่าด่าจริง ๆ เฮ้อ!"
"....."
"เอาเป็นว่าตอนนี้ ที่มึงเล่าให้กูฟัง มึงต้องการขอคำแนะนำอะไรจากกู"
"นานแล้วที่กูกับน้องเขาไม่ได้คุยกัน และกูเอ่อ...อยากกลับไปคุย"
"ก็คุยสิวะ มึงปล่อยให้เวลามันผ่านมานานแบบนี้ โดยไม่เคลียร์เนี่ยนะ ทั้ง ๆ ที่มึงก็เป็นฝ่ายผิดแท้ ๆ ป่านนี้ น้องเขาสาปแช่งมึง หนีไปหาคนอื่นแล้วมั้ง?"
"คงไม่หรอก"
"ยังมั่นใจไปอีกนะไอ้เมฆ มึงไปทำเลวใส่เขา ใครเขาจะเอามาทำแฟนวะ? ถามจริง"
เมฆินทร์สะอึก และเงียบกริบ นั่นสิ คนเลวอย่างเขา ใครจะเอา แม้ว่า เมฆไม่เคยทำร้ายร่างกาย แต่ก็ทำร้ายจิตใจจุนเจืออยู่บ่อยครั้ง
"เมฆ มึงถามใจมึงก่อนเถอะ ว่าความรู้สึกลึก ๆ ของมึง มันรู้สึกผิดหรือรู้สึกชอบ" นิ่งเนิ่นนานกว่าเมฆจะตอบ
"กูไม่รู้"
"ความคิดกูนะ ถ้ามึงรู้สึกผิด มันผ่านมานานเกินไป มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับน้องเขาแล้วล่ะ กูว่าปล่อยไปเหอะ ไม่ต้องโทร
แต่ถ้ามึงรู้สึกชอบน้องเขาจริง ๆ ความรู้สึกมึงเกิดขึ้นแล้ว ก็ลุยเลย โทรไปขอโทษทุกอย่างที่มึงทำ ขอนัดเจอ มึงต้องทำให้คนที่เคยชอบมึงกลับมาชอบมึงและมากกว่าเดิมให้ได้"
เมฆมองหน้าเพื่อนยามที่มันพูดแล้วพักด้วยการกระดกน้ำเปล่าจากขวด
"กูต้องทำยังไง?"
"ทำยังไงก็ได้ให้น้องเขาใจอ่อน อภัยให้มึงน่ะ แต่นั่นแหละ มึงต้องถามใจมึงด้วยนะว่า มึงรู้สึกกับน้องแบบไหน"
"ขอบใจ"
"ตาย ๆ เพื่อนกูติดเด็กซะแล้ว เด็กคนนั้นทำอีท่าไหนวะ สงสัยคงเร้าใจน่าดูถึงทำให้พี่เมฆหลงขนาดนี้"
"แค่ก ๆ เงียบเลยไอ้พงศ์" เมฆินทร์ด่าเพื่อนก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นห้อง
"ฮ่า ๆ ตรงนี้ มีคนเขินว่ะ"
.
.
.
.
อีกฟากฝั่งหนึ่ง มีคนเพิ่งเดินออกจากร้านกาแฟ หลังได้เครื่องดื่มสองแก้วที่สั่งไปก่อนหน้า เขาเดินหิ้วถุงบรรจุเครื่องดื่มมาถึงหน้าลิฟต์ เหล่มองคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ก่อน ก่อนจะหันไปเบิกตาโพลง เมื่อพบว่า เป็นคนเดียวกับที่ปฐพีเคยเจอตอนไปรับจุนเจือที่ห้อง พอเดินเข้าลิฟต์พร้อมกัน อีกฝ่ายที่เพิ่งเห็นดินทำหน้าเหวอและตกใจ จนปฐพีกลั้นขำ
ปฐพีที่ยืนอยู่ใกล้แผงตัวเลขมากกว่ายื่นนิ้วไปกดชั้น แต่ดันเป็นจังหวะที่กดพร้อมกัน ทำให้เอิร์ทชักมือกลับ
"มาเยี่ยมพี่เมฆเหรอครับ?" ปฐพีถาม
"ใช่ครับ" เอิร์ทตอบแต่กลับไม่มองหน้า เขายังคงทอดสายตามองไปยังประตูทึบตรงหน้า
ปฐพีกดสายตาลงมองในมือของผู้มาเยี่ยมไข้พี่ชาย เห็นเขาที่ถือถุงบรรจุของกินมากมายและเอ่ย
"พี่เมฆไม่กินส้มหรอกครับ"
เอิร์ทหันขวับ
"แต่ผมมีน้ำใจซื้อมา คุณก็ไม่ควรพูดทำลายน้ำใจคนอื่นไหมครับ?"
ปฐพีแค่นยิ้ม ก็น่าแปลกดี ภายนอกลุคดูแบด ดิบ เถื่อนอย่างนี้ แต่ทำไม เขาไม่ยักกลัวก็ไม่รู้
"โอเค ผมขอโทษ แค่จะบอกว่าถึงยังไง ของที่คุณซื้อมาก็คงตกมาถึงผม ไหนจะส้มเอย นมเปรี้ยวเอย น้ำผลไม้นั่นอีก เฮ้อ" ปฐพีว่าพลางกดสายตาไปมองในถุงพลาสติกนั้น
"ต้องการอะไรจากผมวะ?" เอิร์ทเริ่มไม่พอใจ จากมีคำสุภาพให้ชักจะเริ่มแปรเปลี่ยนไป
พออีกฝ่ายเริ่มโมโห ปฐพีที่มีนิสัยชอบแหย่ก็ยิ้มกว้าง
"โอ๊ะ! ผมขอโทษ คุณนี้จะหัวร้อนไปไหน? ใจเย็น ๆ หน่อยสิครับ ก็แค่อยากหาเรื่องคุยด้วย อ้อ จะบอกให้นะว่าของที่คุณซื้อมา ถึงพี่เมฆไม่ชอบ แต่ผมชอบนะครับ"
จังหวะที่ทั้งสองมองตากัน กล่องสี่เหลี่ยมทึบนั้นก็หยุดเพราะถึงชั้นที่หมายพอดี จบการสนทนาไปโดยมิได้นัดหมายทั้งสองคนจึงเดินออกมา แล้วเป็นเจนภพที่เดินตามน้องชายพี่เมฆไป เอิร์ทกำมือแน่น ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายพี่เมฆได้มีวางมวยกันแน่
พอสองหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงสองคนคุยกัน
"สวัสดีครับพี่เมฆ อ้าวพี่พงศ์ สวัสดีครับพี่"
"อ้าวไอ้เอิร์ท ไม่เจอนานเลยว่ะ มาด้วยเหรอ?"
"โถ่มาสิพี่พงศ์ หัวหน้าผมป่วยทั้งที ไม่มาได้ไงครับ นี่ผมเอาผลไม้และนมมาฝากด้วยนะครับพี่เอิร์ท" เจนภพยิ้ม
"ขอบคุณมาก ดินช่วยเอิร์ทถือไปวางให้ที" เมฆินทร์ยิ้มจาง ๆ และส่งสายตาไปทางน้องชายให้มารับของ
ดินยิ้มรับถุงพลางมองหน้าเอิร์ทที่ส่งสายตาไม่สบอารมณ์
"พี่ดีขึ้นหรือยังครับ?" เอิร์ทถามคนป่วยต่อ
"ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากที่ถามไถ่"
"พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ ผมกับพี่แม็คเคลียร์ได้"
"อืม"
หลังจากนั้น ก็เกิดบทสนทนากันทั้งสี่คนสลับสับเปลี่ยนกันไปมา คุยกันมาได้สักพัก พอจะร่ำลากลับ โทรศัพท์มือถือเมฆินทร์ก็ดังครั้งหนึ่งแล้วเงียบไป เมฆินทร์วานน้องชายช่วยหยิบมือถือที่ชาร์จแบตไว้ตรงชั้นวางทีวี พอเมฆินทร์เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอมือถือ เขาหันไปหาเพื่อนรัก
"มึงมองกูทำไมวะ ไอ้เมฆ อย่าบอกนะว่าน้องคนนั้นโทรหามึง?"
เมฆเม้มปากและกำมือถือแน่น
"ใครอะ? น้องจุนคนที่พี่ให้ผมไปรับคราวนั้นน่ะหรอพี่" ปฐพีก็พูดไปเรื่อย ๆ เอาจริง เขาก็ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่แค่ตั้งใจขยายความ พลางเหล่มองคนที่ยืนข้างพี่พงศ์
"จุนโทรหาพี่เมฆเหรอครับ?"
เมฆินทร์มองหน้าเอิร์ทแล้มยกยิ้มบางเบา
"ไม่ใช่หรอก เอิร์ท" เมฆินทร์เงียบพลางครุ่นคิดไปด้วย
"พี่เมฆได้เวลาพักแล้วครับ ผมขอบคุณแทนพี่เมฆด้วยนะที่มาเยี่ยม เดี๋ยวผมเดินไปส่ง"
"ไม่ต้อง ๆ เฝ้าเมฆเหอะ ไปเอิร์ทกลับกัน" พงศ์ว่าพลางแตะไหล่เจนภพ
"ครับ"
ผู้มาเยี่ยมไข้ ได้หายลับตาไปทั้งสองคนทิ้งให้เมฆินทร์นั่งนิ่ง มีสตินึกคิดเกี่ยวกับเรื่องของจุนเจือ
.
.
.
.
ภายในเวลาสิบกว่าวันที่ผ่านมา มีบางสิ่งเปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย
หลังจากที่จุนเจือเคยพลาดกดโทรหาพี่เมฆไปครั้งหนึ่งคราวนั้น ถัดมา ไม่กี่วัน พี่เมฆทั้งโทรหาและคุยผ่านทางข้อความแชทกับจุนเจือบ่อยขึ้น มีบ้างที่จุนเจือไม่รับ หรือบางทีก็รับแล้วตัดบทคุย เพราะทำตัวไม่ถูก
การกลับมาคุยกันหนนี้ พี่เมฆบอกว่าอยากติดต่อไว้ไม่ให้ห่างเหินกัน แต่จะด้วยเหตุผลอะไรนั้น จุนเจือเคยถามไปแต่พี่เมฆก็ไม่ยอมให้คำตอบที่ชัดเจน
ยามนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสอง จึงไม่เหมือนคนจีบเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น เพราะพี่เมฆไม่เคยเอ่ย แต่มันเหมือนความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความครึ่ง ๆ กลาง ๆ จำกัดสถานะไม่ได้มากกว่า
เด็กหนุ่มนั่งเหม่อในเวลาทุ่มกว่าหลังจากได้เปลี่ยนตารางเวลาทำงานมาทำงานรอบบ่ายได้สองวันแล้ว โดยรวมก็ยังไม่เจอลูกค้ามีปัญหาใด ๆ แต่วันนี้เพิ่งมีลูกค้าเช็คอินใหม่อีกหกห้องก็ลองลุ้นดูว่า วันนี้ เขาจะเจอกับอะไร?
มือถือแผดเสียงดังเรียกสติให้คนที่กำลังนั่งคิดเรื่องพี่เมฆอยู่ หันไปมองมือถือที่วางอยู่ใกล้กันกับคีย์บอร์ด
[สวัสดีครับ แฟน]
"ขี้ตู่อีกแล้วนะครับ พี่เอิร์ท"
[ฮ่า ๆ ไม่เคยเห็นใจพี่เลยนะครับ เรารู้ไหม จีบคนทางไกลมันทรมานนะ]
จุนเจือกลั้นยิ้มเพราะสัมผัสได้ว่าสุ้มเสียงนั้นดูตัดพ้อเหลือเกิน
"โอ๋ ๆ พี่เอิร์ทก็มาหาผมเร็ว ๆ สิครับ เดี๋ยวพาไปเที่ยว ไปเล่นน้ำด้วยกัน"
[น่ารักว่ะ เออ พี่จะโทรมาบอกเราว่า พี่มาดูหนังกับเพื่อนนะ]
"เอ้ ? เพื่อนจริงไหมน้า" จุนเจือแซวกลับให้มีบทขำกันบ้าง แต่พี่เอิร์ทไม่ตอบได้ยินเพียงเสียงกุกกัก
[ฮัลโหล น้องจุนที่ไอ้เอิร์ทมันจีบใช่ไหมคะ? พี่เพื่อนเอิร์ทเองค่ะ ไม่ต้องกลัวนะ พี่เอิร์ทไม่ได้แอบพาใครมาดูหนังค่ะ และพี่เองก็พาแฟนมาด้วย โจ้ขอเสียงหน่อยเร็ว]
"แก้ม ไปยุ่งเรื่องคนอื่นทำไม มานี่ / ไอ้โจ้ว่าฉันหรอ?
จุนเจือหน้าแดงก่ำไม่คิดว่าพี่เอิร์ทจะเล่นกันแบบนี้
[เชื่อพี่ยัง?]
"พี่เอิร์ทอะ ยื่นมือถือให้เขาทำไม?"
[พี่กลัวเราไม่เชื่อ โกรธเหรอครับ?]
"ไม่ได้โกรธ แต่ผมอายนี่ พี่บอกเพื่อนด้วยเหรอ?"
[อ้าวทำไมอะ บอกไม่ได้เหรอครับ?]
"เปล่าครับ"
[เออจุน พี่จะไปหาเราแล้วนะ พี่หาวัน ลาได้แล้ว]
"วันไหนครับ"
[ไม่บอก พี่อยากเซอร์ไพร์ส]
"เฮ้อ!...พี่เอิร์ทชอบแกล้งผมจังเลยอะ แล้วอย่างนี้ผมจะลากับผู้จัดการได้ไงล่ะครับ"
[เซ็งเลยอะ อยากไปเซอร์ไพร์สนี้ ก็วันสองวันนี้แหละครับ เออ พี่มีอะไรจะบอก เฮ้ย ๆ พวกมึงเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวกูเดินตามไป]
จุนเจือได้ยินเสียงพี่เอิร์ทคุยกับเขาแต่ปลายประโยคก็หันไปคุยกับเพื่อน ครั้นเสียงเงียบลงแล้วนั้น
"อะไรเหรอครับ พี่เอิร์ท?"
[วันนี้ ดูหนังเสร็จ พี่คงไปดื่มกับเพื่อนต่อน่ะ อาจไม่ได้คุยกัน เราโอเคไหม?]
"โอเคครับ พี่เอิร์ท"
[ไม่โกรธนะ]
"ไม่โกรธครับ วันนี้เลิกงานสี่ทุ่มด้วย เสร็จแล้วก็คงอาบน้ำ นอนเลยแหละ"
[ครับผม ไว้เจอกันที่เกาะ พี่ขอจูบเราก่อนไปหานะ]
จุ๊บ
คนนั่งฟังขนอ่อนลุกชูชัน หน้าร้อนผ่าวยามที่พี่เอิร์ทส่งเสียงจูจุ๊บสั้น ๆ แต่ชัดเจน
แม้ว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว แต่จุนเจือยังคงใจเต้นแรงไม่หาย
"พี่เอิร์ทแม่งขี้แกล้งอะ" จุนเจือลูบแก้มร้อน ๆ ก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้ม
.
.
.
.
และแล้ว ก็เกิดเรื่องให้เด็กหนุ่มต้องมานั่งลนลานอีกครั้ง ยามที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากลูกค้าที่วีนเหวี่ยงขอผ้าเช็ดตัวเพิ่ม ไหนจะยังขอผ้าห่มอีก จุนเจือโทรหาหัวหน้าแม่บ้าน แต่ไม่ยอมรับสาย จึงโทรหาแม่บ้านอีกคน เธอก็บอกให้จุนเจือไปหยิบที่ห้องเก็บของเลย จุนเจือก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ของจุนเจือ กลับโดนอีกฝ่ายตอกกลับมาว่า ไม่ว่าง อยู่ตลาด เด็กหนุ่มก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน จุนเจือ ไม่อยากทำ เพราะคราวที่เคยอาสาทำให้ตอนพี่เมฆมาพักที่นี่ก็โดนดุจนเข็ดหลาบ แต่พอคราวนี้ ต้องมานั่งทำให้อีกก็เกิดอาการเซ็ง
จุนเจือจำใจต้องทำ เพื่อตัดรำคาญ เพราะให้ลูกค้ารอนานมากไม่ดี เพราะน้ำเสียงคุณลูกค้าดูหงุดหงิด โวยวายและน่าจะเมาด้วย
หอบทุกอย่างไปอย่างทุลักทุเล ร่างผอมยืนเคาะประตู ไม่นาน ประตูห้องเปิดออกกว้าง จุนเจือได้กลิ่นเหล้าหึ่ง โชยฉุนแตะจมูก
"ผมเอาของมาให้แล้วครับ"
จุนเจือเอ่ยมองหน้าลูกค้าคนไทยยืนหน้าแดงก่ำ พอเขาเดินแบกผ้าห่มและผ้าเช็ดตัวเข้าไปวางตรงปลายเตียง พบลูกค้าอีกคนเป็นชาวต่างชาติที่ไม่เมาเท่าลูกค้าคนไทยยืนพิงประตูกระจกใสตรงระเบียง
จังหวะที่ก้มวางของ จุนเจือใจหายวาบ ยามที่ลูกค้ายืนซ้อนหลังแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงแท่งร้อนถูไถตรงแก้มก้นเขา จุนเจือกลับมายืนตัวตรง หมุนตัวรีบเดินออก
"เสร็จแล้วครับ ลูกค้า ขอตัวครับ" จุนเจือเดินมาถึงตรงประตู มือยังไม่ทันคว้าที่จับ เขาโดนกระชากจนร่างเล็กล้มลงก้นจ้ำเบ้า
"โอ้ย คุณลูกค้าครับ ผมต้องไปทำงานแล้วครับ"
จุนเจือรู้สึกถึงสถานการณ์แปลก ๆ เขาลอบกลืนน้ำลาย เงยหน้ามองอีกฝ่ายยืนยิ้มร้ายอยู่ตรงหน้า
จุนเจือโดนผลักจนร่างกระแทกพื้น
"ลูกค้าครับ คุณเมามากแล้ว ปล่อยผมนะครับ"
ลูกค้าคนนั้นไม่สนใจคำร้อง กลับขึ้นคร่อมกลางลำตัว โน้มตัวลงมาไซ้ซอกคอ โดยที่ฝรั่งคนนั้นรีบปรี่มานั่งเหนือหัวจุนเจือและพยายามล็อกแขน
"ปล่อยนะ ปล่อย ๆ" จุนเจือพยายามเบือนหน้าหนี ทำไมลูกค้าคนนี้ทำให้จุนเจืออยู่ใกล้แล้วอยากจะอ้วก ทั้งกลิ่นเหล้ารุนแรง และการกระทำที่ต่ำช้า จุนเจือเข้าใจแล้วว่า เราไม่สามารถประเมินนิสัยใครจากหน้าตาได้จริง ๆ ทั้งที่เขาก็ออกจะดูดีแต่กิริยาป่าเถื่อนยิ่งนัก
"อย่าสะดีดสะดิ้งให้มากได้ไหมวะ"
"ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วยอื้ออออ" ท่าไม่ดีแล้ว จุนเจือแหกปากตะโกน แต่เขากลับโดนชายไทยคนนั้นบีบคางเพื่อจูบปากพยายามจะสอดลิ้น จุนเจือเม้มปากแน่น ให้ตายก็ไม่มีทางยอมให้ใครก็ไม่รู้มาสอดลึกเข้าสู่ภายในเขาได้ จุนเจือน้ำตาไหล ยามที่อีกฝ่ายพยายามใช้มือปลดกระดุมและดึงกางเกงแสล็กของจุนเจือลง
"ทำอะไร ปล่อยนะเว้ย" จุนเจือดิ้นสุดชีวิต และแล้วใบหน้ามีสีกลับซีดเผือกดั่งคนตายยามได้ยินสองคนคุยกัน ด้วยหนึ่งประโยคที่ได้ยินชัดเจน
"I want to have a threesome."
จุนเจือตะโกนร้องสุดเสียง ดิ้นสุดชีวิต แต่เขากลับโดนมันชกเข้าที่หน้า
ผัวะ
"ไอ้สัด เงียบเว้ย"
จุนเจือกัดปากกลั้นความเจ็บและความชาแล่นปราดทั่วใบหน้า เขาปวดร้าวขณะที่น้ำตาไหลเป็นทาง เขาไม่มีวันจะยอมให้พวกมันข่มขืนได้ และมันเป็นครั้งสุดท้ายที่จุนเจือตะโกนสุดเสียงดิ้นเร่า ๆ จนปลายเท้าอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าพอดี ใช้แรงถีบรัว ๆ จนเกิดเสียงดังปึงปังเป็นอีกแรงช่วยเผื่อให้ใครได้ยิน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูจากด้านนอกช่วยชีวิตจุนเจือ เมื่อคนที่กำลังดึงแท่งร้อนของมันออกมาถูไถผ่านกางเกงในเด็กหนุ่ม
ชายหนุ่มตาน้ำข้าว ลุกไปเปิดประตูเมื่อคนด้านนอกเคาะประตูไม่หยุด จุนเจือเหลือบมองลอดช่องว่างประตูที่เปิดแง้มเห็นเป็นลูกค้าต่างชาติยืนอยู่ข้างนอก จุนเจือใช้ทีเผลอที่อีกฝ่ายหยุดกระทำ เพื่อหันไปมองว่าใครมา จุนเจือใช้เข่ากระทุ้งไข่มันจนจุก ลุกขึ้นมานั่งปาดน้ำตา ก่อนหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงวิ่งไปกระชากประตูให้เปิดกว้าง พุ่งตัวออกไปจนชนไหล่ลูกค้าตรงหน้าประตูที่ยืนเถียงกันอย่างไม่สนใจ เพราะในเวลานี้ เขาต้องเอาชีวิตรอด
"ฮืออออ"
ถึงจุดรีเซ็ปชั่น จุนเจือสะอึกสะอื้น ตัวสั่นงันงก ยังอยู่ในภาวะตื่นตระหนก เขาเอาแต่มองซ้ายมองขวาเหมือนคนระแวด ระวัง สองมือก็ลูบแขนตัวเองตลอด หลังจากผ่านเหตุการณ์รุนแรงที่ถูกคุมคามชีวิต จุนเจือหยิบมือถือโทรหาพี่เอิร์ททั้งที่มือสั่นไม่หาย เด็กหนุ่มติดต่อพี่เอิร์ทไม่ได้ โทรย้ำหลายสายก็ได้ยินแต่ประโยคเดิม ซ้ำ ๆ
'บริการฝากหมายเลขโทรกลับ'
"พี่เอิร์ทอะ พี่อยู่ไหน? ผมอยากคุยกับพี่ ฮืออออ"
เด็กหนุ่มงึมงำและร้องไห้หนักหน่วงจุนเจือตัดสินใจกดโทรหาแพร ก็ไม่ติดเช่นกัน จุนเจือขยี้ผม ทุบโต๊ะรัว ๆ
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ขวัญเสียมาหมาด ๆ ยังรู้สึกหวาดกลัว เขาเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนโทรหาเพื่อนร่วมงานที่พอเป็นมิตร รบกวนให้มาอยู่เป็นเพื่อน ตอนแรกเธอไม่ยอมมา พอได้ยินเสียงจุนเจือสะอื้นถึงยอมขี่มอเตอร์ไซค์มากับแฟน
เพียงเห็นจุนเจือมีใบหน้าช้ำและบวมเธอสอบถามได้ความก็รีบไล่จุนให้กลับไปพักทำแผล เธอกับแฟนซึ่งเป็นเชฟของที่นี่จะช่วยดูให้เพราะเห็นว่าเหลือแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้เวลาเลิกงาน เธอยอมอาสาปิดระบบของวันนี้ให้แทน ฟากจุนเจือเอ่ยขอบคุณซ้ำ ๆ ไม่สนแล้ว เรื่องการสแกนนิ้วออกงาน ตอนนี้ ความรู้สึกเขาสำคัญกว่าสิ่งไหน
จุนเจือถึงห้องด้วยความหวาดกลัวไม่จางหาย เขายังตื่นตัว ปากสั่น ตัวสั่น หายใจหอบถี่และยังคงสะอื้นมาตลอดทางกลับบ้าน ในเวลานี้ จุนเจืออยากมีใครสักคนรับฟังถึง
เหตุการณ์สะเทือนขวัญ กดโทรหาพี่เอิร์ทอีกครั้งก็ยังไม่ติด จุนเจืออยู่ในสภาวะอ่อนแอ เขาอยากหาใครสักคนคุยด้วยจึงตัดสินใจโทรหาพี่เมฆก็ไม่ติดเช่นกัน
ก็แค่ต้องการบอกให้ใครได้รับฟัง แต่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมในเวลาที่จุนเจือต้องการใคร ถึงติดต่อใครไม่ได้ คนที่กลัวจนลืมความเจ็บชาจากการโดนต่อย นั่งฟุบหน้าลงกับเข้าร้องไห้ตรงริมเตียง
ไม่นาน เสียงมือถือของจุนเจือได้แผดเสียงดังขึ้นจนเด็กหนุ่มหันขวับไปมองและรับกดรับ
[สวัสดีครับ จุน เมื่อกี้ พี่โทรหาไม่ติดมันแปลก ๆ ก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไร เลยลองโทรดูอีกที ถึงห้องรึยังครับ?]
หรือ อาจเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างโทรเข้ามาชนกัน....
"ฮืออออ พี่เมฆ ผะ..ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมกลัวครับพี่ ผมกลัว" จุนเจือบอกอย่างสะอื้น
[จุน!!! นั่นจุนร้องไห้? เกิดอะไรขึ้นที่นั่น บอกพี่มาครับ] เสียงตื่นตระหนก ที่แลดูเป็นห่วงจริงจังทำให้คนที่ร้องไห้อยู่แล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม
...............................
จะไปอยู่ตรงหน้า จะไปหาแน่ๆ เธอจะอยู่ที่ไหน จะเปิดไซเรนไปหาเธอแน่ ขอยืมเพลงมาหน่อยนะคะ หุหุ
จุลลลลลลลลล
ปากำลังใจรัว ๆ มาให้น้องหน่อยนะคะ ขอบคุณค่า