ตอนพิเศษที่ 2 ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พยาบาลเค้ามาวัดความดันวัดไข้ เปลือกตาผมยังคงหนักอึ้งแต่มันก็สามารถลืมขึ้นได้บ้างเล็กน้อย ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงตาให้เข้ากับความมืดของห้อง มองไปที่นาฬิกาติดพนังบ่งบอกเวลาว่าตอนนี้ตี 5 แล้ว ผมขยับตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าท่าที่นอนมันเมื่อยเกินไป
“อ๊ะ” รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจับมือผมไว้ ผมค่อยๆหันคอไปมองตามมือ แต่ไม่ทันได้หันจนสุดก็นึกขึ้นได้ว่าคงเป็นมือเสาไฟฟ้ามัน เสาไฟฟ้ามันนั่งหลับอยู่ข้างเตียงโดยที่มันก็ไม่ได้ปล่อยมือผม นอนท่านี้มันคงจะเมื่อยน่าดู ผมบีบมือมันนิดๆให้มันรู้สึกตัวแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยากลับมาจากคนข้างๆ
ผมนอนมองหน้าเสาไฟฟ้าไปเรื่อยๆจนเกือบจะหกโมง เสาไฟฟ้ามันยังหล่ออยู่ ถึงหน้ามันจะโทรมไปหน่อยนึง ตามันก็ดูโบ๋วๆด้วย ผมไม่ชอบให้มันโทรมครับ ฮ่าๆ โรคจิตเน๊าะ ใครจะชอบให้แฟนตัวเองโทรมกันละ ใช่ปะๆ เสาไฟฟ้ามันเหมือนจะรู้สึกตัวผมเลยแกล้งหลับตาทำเป็นหลับต่อ
“เมื่อไหร่จะตื่นครับฟิน” ตื่นแล้วแต่แกล้งคนอยู่อ่ะ ฮ่าๆๆ
“ตื่นขึ้นมาเถอะนะครับ” เสาไฟฟ้าไล้มือไปตามโครงหน้าผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้มือปัดปอยผมและเคลื่อนมาจับที่มืออย่างเดิม
ผมพยายามกลั้นยิ้มที่ได้หลอกเสาไฟฟ้าส่วนในใจก็กำลังนึกอยู่ว่าจะแกล้งตื่นขึ้นมาเนียนๆอย่างไงดี เอ๊ะ ทำไมเสาไฟฟ้าถึงปล่อยมือผมอะ ได้ยินเสียงมันเดินห่างออกไป คงไปเข้าห้องน้ำละมั้ง นอนคิดต่อดีกว่า
5 นาทีผ่านไป.. โดยใช้ความรู้สึกกะเอา
ทำไมเสาไฟฟ้ามันไม่ซักทีอ่ะ ด้วยความที่ทนไม่ไว้ผมจึงคอยๆลืมตาทีละนิดๆ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเสาไฟฟ้าในห้องแล้ว เสาไฟฟ้าไปไหนอะ! ผมพยายามดันตัวขึ้นแต่ด้วยเรี่ยวแรงที่มันยังไม่กลับมา 100% จึงทำให้ตัวผมลงไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงเหมือนเดิม
“สะ เสาไฟฟ้า.. อยู่ไหน” เสียงที่เปล่งออกมาแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงผมทำไมมันหายไปไหนหมด แสบคอจัง เสาไฟฟ้าก็หายไปไหนแล้วเนี่ย
“.................”
“เสาไฟฟ้าอยู่ไหน มานี้เดี๋ยวนี้นะ.. อย่าแกล้งกูซิ”
“.......................”
“ถ้ายังไม่ออกมากูร้องไห้จริงๆนะ”
แอ๊ด! เสียงประตูห้องเปิดมาตอนที่น้ำตาผมกำลังจะร่วงพอดี เสาไฟฟ้าพอโผล่หน้าเข้ามาเห็นผมน้ำตาคลอก็รีบวิ่งเข้ากอดผมไว้ มันช้อนตัวผมขึ้นไปกอดแนบอก ปากก็เอาแต่พร่ำว่าผมฟื้นแล้วๆ สักพักเหมือนมันจะได้สติเลยดันตัวผมออกแล้วรีบเช็ดน้ำตาที่ปลิ่มๆอยู่ขอบตา
“ร้องไห้ทำไมครับฟิน.. ฟินฟื้นแล้วรู้ไหมพี่ดีใจมากเลย ฟินนอนหลับไปตั้ง 2 คืนนะ แต่ตอนนี้ฟินฟื้นแล้ว ฟินฟื้นแล้ว” มันถามว่าผมร้องไห้ทำไมแต่ดูมันสิ กลับจะร้องไห้เองซะงั้น ผมก็อยากบอกนะว่าร้องไห้ทำไม แต่เปลี่ยนใจไม่บอกดีกว่า เพราะเรื่องของเรื่องก็ผมเองนี้แหละที่จะแกล้งมัน ดันผิดแผนซะนี้
“หิวน้ำ.. เสาไฟฟ้าหิวน้ำ” มันจัดแจงเทน้ำหาหลอดมาให้ผมเสร็จสรรพ ผมจิบไปได้หน่อยนึงก็ดันออก
“อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
“ไม่อะ เสาไฟฟ้าดูดิ เสียงกูเหมือนเป็ดเลย ฮ่าๆ”
“เดี๋ยวก็หาย จะเข้าห้องน้ำไหม”
“อื้อ ปวดฉี่อยู่”
ผมกินข้าวเช็ดตัวได้สักพักหมอก็เข้ามาถามไถ่อาการว่าเป็นไงบ้าง ตอนนี้เรี่ยวแรงผมกลับมาเป็นปกติแต่ที่ไม่เหมือนเดินคือเสียงผม หมอบอกจะเป็นอย่างงี้ 3-4 วันเดี๋ยวก็หายไม่ต้องห่วง หลังจากตรวจร่างกายผมเรียบร้อยหมอก็ให้กลับบ้านได้ ส่วนเรื่องผ่าตัดจมูก หมอบอกไม่ต้องรีบ ให้ผมกลับมาเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาผ่าก็ยังทัน แต่เค้าให้ยาอะไรผมมาเยอะแยะก็ไม่รู้ เท่าที่อ่านๆดูก็เหมือนยาเกี่ยวกับจมูกอะไรนี้แหละ
ผมลั้นลาเฮฮาปาจิงโกะกับไอ้ฟลุ๊กและไอ้แบงค์ที่มาเยี่ยมผมช่วงบ่าย ส่วนเสาไฟฟ้ามันไปจัดเรื่องค่าใช้จ่ายห้อง มันหายไปเกือบชั่วโมงได้ก็เค้ามาพร้อมสีหน้าเครียดๆที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยยกเว้นตอนมันกลับมาจากบ้านใหญ่ ผมไม่คิดจะถามอะไรเพราะตอนนี้ไอ้ฟลุ๊กกับไอ้แบงค์ก็อยู่ในห้อง ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรพวกมันหรอก แต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเสาไฟฟ้าเลยไม่ค่อยอยากจะเล่าให้ใครฟัง
“กลับได้แล้วใช่ไหมเสาไฟฟ้า”
“อื้ม กลับได้แล้วแหละ แบงค์ ฟลุ๊กกลับกันไงเนี่ย”
“รถเมล์เยอะแยะพี่อย่าได้ห่วง ผมว่าจะลากไอ้ฟลุ๊กมันไปเดินเซนแอร์พอตสักหน่อย เห็นเสื้อผ้าลด 25-50% ฮ่าๆๆ”
“ลากกูไปถามกูสักคำยัง”
“อย่างไงมึงก็ต้องไปกลับกูอยู่แล้วใช่ม้า ฟลุ๊กจ๋า”
“โอ้ยๆๆ ไอ้แบงค์กูขนลุกหมดแล้ว พวกมึงสองคนมีซัมติงไรกันปะเนี่ย กูออกหอมาปีเดียวกูตกข่าวไรปะวะ” ทะแม่งๆนะพวกมึงสองคน
“มีเหี้ยไร ไม่มีเหอะ ใช่ปะแบงค์ ฮ่าๆ เออ ไปก็ไป งั้นกูไปก่อนนะฟิน หายเร็วๆ เห้ยพี่ภาคย์ผมไปก่อนนะพี่ เจอกัน” ไอ้ฟลุ๊กพูดจบมันก็ลากไอ้แบงค์ออกไปทันที มันไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาให้ผมบ๊ายบายกลับ เออกลับไปเลย แต่เอ๊ะ เมื่อกี้แอบเห็นสีหน้าไอ้แบงค์มันเจือนๆลง คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“ฟิน เดี๋ยวพี่ไปรับโทรศัพท์แป๊บนะ” เสาไฟฟ้าพูดพร้อมโชว์โทรศัพท์ที่ตอนนี้มีสายเข้า ผมพยักหน้าหงึกๆสองสามทีแล้วหันไปสนใจกับทีวีที่ตอนนี้เปิดเพลงอะไรสักเพลงหนึ่งที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง
“ฟินครับ ตื่นได้แล้ว” รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสาไฟฟ้าเดินเข้ามาปลุก เผลอหลับไปหรอเนี่ย หันไปมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบเย็นแล้ว ท้องก็เริ่มร้องแล้ว เสาไฟฟ้ามันคงได้ยินเสียงท้องผมมันเลยหัวเราะนิดๆออกมา
“หัวเราะทำไม ทำไมๆ คนมันหิวนี้ หยุดหัวเราะเลยนะเสาไฟฟ้า!”
“คนอะไร เสียงไม่มีแล้วยังจะโกนอีก เสียงหายช้าพี่ไม่รู้ด้วยนะเออ ฮ่าๆ”
"แล้วจะหัวเราะทำไมเล่า ชิ๊!”
“ไปเร็ว หิวไม่ใช่หรอ ไปกินข้าวกัน”
โดยความที่ความหิวเข้ามาบดบังอารมณ์งอน ทำให้ผมเดินตามไอ้เสาไฟฟ้าไปอย่างว่าง่าย ก็คนมันหิวนี้เนาะ เสาไฟฟ้ามันแวะร้านอาหารแถวๆคอนโด ผมสั่งไม่หยุดเลยครับเอาให้คุ้มกับ 2 วันที่ไม่ได้กิน แฮ่.. เสร็จโจ๋ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็จัดการอาหาร 5-6 อย่างบนโต๊ะได้เกลี้ยงแบบจานไมต้องล้าง เสาไฟฟ้ามันยิ้มๆตามสไตล์มันไปเมื่อเห็นผมกินมูมมามเหมือนเด็ก มันไม่ปลงก็คงชินนั้นแหละครับ ฮ่าๆๆ
“นี่เสาไฟฟ้า เป็นอะไรรึเปล่า มึงเงียบๆตั้งแต่กลางวันแล้วนะ” ผมหย่อนก้นลงไปนั่งข้างๆเสาไฟฟ้าที่นั่งคิ้วจะชนกันอยู่บนเตียง ตั้งแต่กลางวันและ ผมว่ามันแปลกๆไปถึงมันจะทำตัวทุกอย่างเป็นปกติก็เถอะ แต่คนที่อยู่กับมันทุกวันอย่างผมมีรึจะดูไม่ออก
“หื้ม เปล่านี้ พี่ไม่ได้เป็นอะไร เราคิดมากไปเปล่า”
“โกหก กูอยู่ข้างๆมึงนะเสาไฟฟ้า”
“เอาไว้อะไรที่มันแน่นอนว่านี้ก่อนแล้วพี่จะบอกเตี้ยนะ”
“อื้อ”
“เสาไฟฟ้า มึงนอนรึยัง”
“ยัง เตี้ยมีไร”
“เปล่า แค่รู้ว่ายังไม่นอนเลยเรียกอ่ะ” ผมลุกขึ้นมานั่งมองเสาไฟฟ้าที่ตอนนี้คิ้วชนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมค่อยๆเอานิ้วชี้คลึงระหว่างหัวคิ้วมันอย่างที่มันชอบทำให้ผมบ่อยๆ
“..................” แหงะ มองไมๆๆ เขินนะโว้ย จ้องมาซะขนาดนี้ ตาคมๆมาจ้องแบบนี้ถึงจะเห็นบ่อยๆแต่ก็อายนะเว้ย
"ทำไม มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรือไง” ผมยักคิ้วสองทีกวนประสาทคนตรงหน้าเพื่อหวังจะให้มันอารมณ์ดีขึ้น แต่จริงๆแล้วผมทำเพื่อข่มอารมณ์อายของตัวเองมากกว่า ฮ่าๆๆ
“คนอะไรหลงตัวเอง”
“อ๊ะ อ๊ะ มึงยิ้มแล้ว ฮ่าๆ แล้วอะไรที่บอกว่าหลงตัวเองเหอะ กูพูดความจริงเหอะ” เสาไฟฟ้าไม่ตอบอะไร มันยิ้มๆแล้วผลักหัวผมเบาๆ
“อ๊ะ กล้าผลักกูอ๋อ มึงตายยยยยยย ฮ่าๆ” ผมขึ้นไปนั่งทับบนหน้าอกแข็งแรงของเสาไฟฟ้าแล้วเอาหมอนมากดหน้าไอ้ตาคมแบบหยอกๆ ไม่กล้ากดแรงกลัวมันตาย ฮ่าๆ
“ยอมแล้ว แค่กๆ พี่ยอมแล้ว ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ ว๊ายป๊อดมากพี่ภาคย์จ๋า”
“เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อยเหอะเตี้ย”
“ฮ่าๆๆๆๆ” จะว่าผมเน่าแต่ผมก็พูดได้เต็มปากว่าผมรักผู้ชายตรงหน้ามากและผมก็รู้ว่ามันก็รักผมมากเช่นกัน
“ฟินครับ” เสาไฟฟ้ามันเรียกชื่อผมแล้วเอื้อมมารูปริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา
“หือ”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยิ้มให้พี่ต่อไปนะ”
“อือ” ผมผยักหน้ารับปากมัน พร้อมกับรอยยิ้มที่ยิ้มให้มันบ่อยๆ ก่อนจะเลื่อนฝามือไปลูบดวงตาคมของร่างที่ผมนั่งทับอยู่
“ดวงตาคู่นี้.. ห้ามไปมองใครด้วยสายตาแบบนี้อีกนะ นอกจากกู” พูดเองก็อายเองครับ หมุดหน้าลงกับหมอนเสาไฟฟ้าเลย แก้มเสาไฟฟ้าเย๊นเย็น แอบได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอด้วย
“คนอะไรเนี่ย พูดเองอายเอง ฮ่าๆๆ”
“หยุดแซวเลยนะ!” หมุดๆๆ ผมพูดเสียงอู้อี้ในลำคอ น่าอายมาก น่าอายชะมัดเลย จะไม่อายจะขนาดนี้ถ้าตอนที่ผมพูดมันไม่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้
“เตี้ยรู้รึเปล่า ถ้าเตี้ยยังอยู่ท่านี้ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น”
“ห้ะ?” แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ท่าอะไร ใครที่นึกไม่ออกคิดตามผมนะครับ ตัวไอ้เสาไฟฟ้ามันนอนราบไปกับเตียงซึ่งผมนั่งทับอกมันแล้วตอนนี้ผมกำลังหมุดหน้ากับหมอนมันซึ่งแก้มผมและมันกำลังแนบกันอยู่
ในขณะที่ผมกำลังนึกท่าของตัวเองที่กำลังทับตัวเสาไฟฟ้าอยู่ก็รู้สึกถึงมือไม่นิ่มไม่สากลูบไปตามแผ่นหลัง แอะ เสาไฟฟ้ามันเอาจริงเว้ย เอาจริงๆไหมครับ ถึงผมกับมันจะเป็นแฟนกันด้วยต้นเหตุมาจากเรื่องอย่างว่า แต่ว่าตั้งแต่ผมคบกับเสาไฟฟ้ามาเราแบบว่า เอิ่ม.. มีอะไรกันไม่ถึง 20 ครั้งในรอบเกือบ 2 ปี เราทั้งคู่ไมได้ตายด้านหรอกนะ แต่ผมและมันต่างคนต่างก็ไม่ได้ถือคติรักต้องเซ็กส์มากกว่า ยกเว้นอารมณ์มันพาไป แต่ครั้งนี้อารมณ์ผมไม่ได้พาไปซะหน่อย แค่จะเล่นเฉยๆเองงะ
“เอ่อ เสาไฟฟ้า กูเพิ่งออกโรงบาล ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดี นอนกันเถอะนะ” ผมรีบพลิกตัวลงมานอนข้างๆมันเหมือนเดิมแล้วรีบเอาเท้ายันๆผ้าห่มมาห่ม
“ถ้าไม่ยอมก็ไม่ทำหรอกน่าเตี้ย” เสาไฟฟ้ามันเอามือมายีหัวผมแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ผมถึงคอ ก่อนจะลุกจากเตียงไป แหงะ ไปไหนงะ
“เสาไฟฟ้าไปไหนอ่ะ”
“ไปห้องน้ำ เตี้ยนอนไปเหอะ” มันรู้สึกไม่ค่อยดีนะครับทั้งๆที่ผมอยู่ตรงนี้แต่แฟนกลับต้องไปแบบ อ่า.. ช่วยตัวเองที่ห้องน้ำน่ะ ครั้งนี้เสาไฟฟ้ามันคงจะทนไม่ไหวจริงๆละมั้ง เพราะทุกครั้งพอผมแบบนี้มันก็จะล้มตัวนอนกอดผมไปด้วยเฉยๆ
หมับ!“เสาไฟฟ้า” ผมเอื้อมมือไปจับมือมันแล้วกระตุกให้มันลงมานั่งบนเตียง มันก็ลงมานั่งอย่างงงๆนิดหน่อย ผมนั่งจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะคว้าคอเสาไฟฟ้าเข้ามาจูบ ไม่มีลังเลหรือนิ่งไปสำหรับคนอย่างเสาไฟฟ้า มันตอบรับจูบผมเหมือนกับมันรออยู่แล้ว ถึงผมกับมันมีอะไรกันไม่บ่อยแต่เรื่องจูบนี้ผมยกเว้นนะครับ ฮ่าๆ
เสาไฟฟ้ามันค่อยๆช้อนตัวผมขึ้นไปนั่งบนตักโดยที่ริมฝีปากเรายังไม่ห่างกัน มันเอาลิ้นมันไล้ไปตามไรฟันของผมอย่างอ้อยอิ่งและเชื่องช้า ก่อนจะใช้ลิ้นมันมาเกี่ยวกับลิ้นผมและดูดกลืนลิ้นผมอย่างแผ่วเบา มันไม่วาบหวิวแต่มันเคลิบเคลิ้มไปด้วยความหวานและอารมณ์ความต้องการกันและกัน เราจูบกันอยู่สักพักเสาไฟฟ้ามันก็ละปากออกมาคลอเคลียแถวติ่งหู
“จริงๆแล้วที่พี่ไปห้องน้ำน่ะ เพราะพี่ลืมนาฬิกาไว้ตอนอาบน้ำ แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้..”
เว้ยยยยยยยยยยยย ไอ้เสาไฟฟ้า!!!!!_________________________จบตอน
มาแบบหวานๆก่อนพายุจะซัดกระหน่ำ
มาดึกๆคึกๆ นอนกันไปหมดแล้วมั้งงง