ตอนที่18
หลังจากพี่ใหญ่ของมันใช้ให้มาช่วยอู่เม่ยเหนียงเก็บฟื้นมาทำเชื้อเพลิง มันกับเด็กหญิงก็พากันเดินหาทิ้งระยะห่างจากพี่ใหญ่ของมันมาไกลโข ระหว่างที่ช่วยกันหาสิ่งที่ต้องการอยู่นั้นจู่ๆอู่เม่ยเหนียงก็เปิดบทสนทนาหลังจากต่างคนต่างเงียบอยู่นาน
“เจ้าชอบพี่ใหญ่หรือเสี่ยวหลง”
“แน่นอน” มันตอบไปตามตรงไม่ได้คิดจะปิดบังแต่อย่างใด
“ก็น่าจะมีหวังอยู่หรอก พี่ใหญ่เองก็ดูมีใจให้เจ้าอยู่นะ”
“เมื่อเช้าเจ้าตื่นอยู่สินะ” สิ่งที่มันคาดไว้ไม่ผิด เม่ยเหนียงเผยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบาย
“ข้าเองก็นอนอยู่ไม่ไกล นอกจากเจ้ากับพี่ใหญ่จะสนทนาเสียงดัง บรรยากาศร้อนระอุยังประทุจนข้าทนนอนแทบไม่ไหว”
เม่ยเหนียงหัวเราะคิกๆ การที่นางไม่แสดงที่ท่ารังเกียจหรือไม่พอใจ เสี่ยวหลงอนุมาณเอาว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดแย่งชิงพี่ใหญ่กับมัน นับว่าเด็กหญิงนี้ทำถูกต้องแล้ว คนอย่างมันมีหรือจะยอมให้คู่แข่งมาลอยหน้าลอยตาแม้แต่จะเป็นสตรีก็ตาม
“ถ้าเจ้าสมหวังก็ดีนะ”
เม่ยเหนียงกล่าวขณะก้มลงเก็บกิ่งไม้แห่ง เสี่ยวหลงไม่คาดว่าจะได้รับคำอวยพรจากเด็กหญิงที่เพิ่งพบกันแค่ไม่กี่วัน กระนั้นมันรู้สึกชอบรอยยิ้มปราศจากการปั้นแต่งยามกล่าวคำนั้นออกมา
โอ....ถ้าเป็นแผนการก็นับว่าเด็กหญิงนี่เล่นละครได้ถูกบท มันยอมรับว่ารู้สึกดีกับนางมากขึ้น แต่ใช่ว่าจะไม่ระแวงที่มาที่ไปของนาง ไม่ว่าจะเป็นการโผล่มาอย่างกะทันหันก็ดี การตามติดอย่างหน้าด้านก็ดี ล้วนเป็นเรื่องราวที่ไม่ปกติธรรมดา
เฮอะ ก็หวังว่าเจ้าจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเราพี่น้องมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน
หลังจากนั้นต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เม่ยเหนียงรู้สึกได้โดยสัญชาติญาณว่าเสี่ยวหลงไม่ชอบนางอาจจะเพราะว่าเกรงนางจะแย่งความรักไปจากพี่ใหญ่ นอกจากนั้นนางเข้าใจดีการปรากฏตัวแบบมีพิรุธของตนเองใครๆก็คงไม่ไว้ใจ มีแต่พี่ใหญ่เสวี่ยหมิงนี่แหละที่ยอมรับสภาพของนางง่ายๆ ข้อนี้ทำให้นางประทับใจอย่างยิ่ง
เมื่อเสี่ยวหลงและเม่ยเหนียงกลับมาพร้อมฟืน เสวี่ยหมิงที่มีทั้งปลาและกระต่ายก็ทำการจุดไฟเพื่อปรุงอาหารก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งในตอนที่รับประทานมื้อเช้าจนอิ่มหนำกันทุกคนแล้ว
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เสวี่ยหมิงนำพาเด็กน้อยทั้งสองข้ามทุ่งหญ้ามาจนถึงสถานที่หนึ่ง ที่นั่นมีแปลงผักสวนดอกไม้และบ้านหลังเล็กๆอยู่ไม่ห่างไปนัก
“ว้าวดอกไม้สวยเหลือเกินค่ะพี่ใหญ่” เม่ยเหนียงชี้ชวนให้เขาดู นางไม่รอช้าเกี่ยวแขนลากเขาไปดูใกล้ๆ
“เหมาะกับข้าไหมคะ” เม่ยเหนียงเด็ดดอกไม้มาทัดหูตามใจชอบ ดอกไม้กับอิสตรีเป็นของคู่กันโดยเฉพาะกับเม่ยเหนียงที่มีความงามโดดเด่นยิ่งส่งเสริมรูปโฉมนางให้ดูกระจ่างตากว่าเดิม
“พี่ใหญ่ๆ เหมาะกับข้าไหม”
เสี่ยวหลงเลียนแบบเม่ยเหนียงแทบจะในทันที ดูก็รู้แล้วว่ากำลังล้อเลียนเม่ยเหนียงและเรียกร้องความสนใจจากเขา ยิ่งมันบิดตัวไปมาแสดงท่าทางเขินอายยามที่เขาปรายตาไปมอง กับเม่ยเหนียงที่ชัดแจ้งว่าตนถูกล้อเลียนนางถึงกับขยี้เท้าไปมาแล้วเบ้ปาก แต่เขานี่สิคาดไม่ถึงจริงๆที่แอบคิดว่าท่าทางอันเต็มไปด้วยจริตจะก้านนี่ช่างน่ารักเหลือเกิน
“ใช่เจ้าน่ารักมาก”
เผลอกล่าวชมออกไปตามใจคิด ตอนนี้เองที่เม่ยเหนียงดวงตาเบิกกว้าง นางทำสีหน้าเอือมระอา ที่นางทำเช่นนั้นเพราะเสี่ยวหลงยิ้มกว้างตรงเข้ามาออดอ้อนออเซาะด้วยการกอดแขนแล้วถูไถใบหน้าลงมาบนแขนของเขา
“พี่ใหญ่ไม่ได้เอ่ยนามซักนิดอย่าได้หลงตัวว่าพี่ใหญ่ชมเจ้า”
เม่ยเหนียงเท้าเอวไม่ยอมแพ้ นางไม่ยอมแพ้เสี่ยวหลงเรื่องความงามอย่างเด็ดขาด ยิ่งเสี่ยวหลงทำสีหน้าเหนือกว่าทั้งยังแลบลิ้นปริ้นตา นางพลันรู้สึกเหมือนมีกองรบลั่นอยู่ในใจ
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้ชมเสี่ยวหลงใช่หรือไม่ ท่านชมข้าสินะ”
ถูกเม่ยเหนียงเขย่าแขนไปมา เสวี่ยหมิงคิดว่าตนทำในสิ่งที่ผิดผลาดมากไปเสียแล้ว ได้แต่ยิ้มแห้งๆอยู่ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุระหว่างเสี่ยวหลงและเม่ยเหนียง
ขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤตินั้นเอง ตรงหน้าเขาพบชายสามคนกำลังฉุดลากเด็กสาวชาวบ้านมาตามทาง เด็กสาวผู้นั้นพอเห็นเขาก็ขอร้องให้ช่วยทั้งน้ำตานองหน้า
“คุณชายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“อย่าเข้ามายุ่งนะ เจ้าคนแปลกหน้า เด็กสาวนี่เป็นของท่านเหลยเฟิง มือขวาของรักษาการณ์พรรคมังกรพิโรธหลงเยี่ยอิ่ง อย่าเข้ามาสอดจะดีกว่าถ้าไม่อยากมีปัญหากับพรรคมังกรพิโรธอันยิ่งใหญ่”
เสวี่ยหมิงขมวดคิ้วเข้าหากัน หลงเยี่ยอิ่งนี่คือศิษย์พี่รองไม่ผิด คราวก่อนที่มีเรื่องกับเยิ่นเสียนฉีก็เป็นคนของศิษย์พี่รอง ครานี้คนพวกนี้ก็เป็นคนของศิษย์พี่รองเช่นเดียวกัน
ใจหนึ่งไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้ตัวตนเปิดเผยสร้างความบาดหมางกับศิษย์อาจารย์เดียวกัน แต่เห็นเด็กสาวร่ำไห้น้ำตาเป็นสายทำให้เขาไม่อาจทนดูดายได้
“นางเหมือนไม่เต็มใจไปกับท่าน แน่ใจหรือว่านางเป็นคนของท่านเหลยเฟิง” เสวี่ยหมิงถาม
“เพ้ย เจ้าอย่าได้สอดนางผู้นี้ติดหนี้นายท่านของเรา ย่อมต้องตามไปเป็นวัวใช้จนกว่าจะหมดหนี้”
หนึ่งในสามลูกน้องของเหลยเฟิงขู่ตะคอก ตอนนี้พวกมันมองมาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร พร้อมจะต่อยตีกับเสวี่ยหมิงได้ทุกเมื่อ
“ไม่จริงเลยเจ้าค่ะคุณชาย คนพวกนี้ฉุดคร่าหญิงสาวมากมายไปจากบ้านเพื่อนำไปให้คนชั่วเหลยเฟิง คุณชายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“หุบปากนางแพศยา” กล่าวจบหนึ่งในชายทั้งสามก็ตบหน้าเด็กสาวเคราะห์ร้ายฉาดใหญ่ ไม่คาดว่าคนที่ขยับไปก่อนเขาจะกลายเป็นอู่เม่ยเหนียง นางกระโจนเข้าไปต่อยตีกับชายสามคนอย่างไม่กลัวเกรง
“นางก็มีฝีมือเหมือนกันนะพี่ใหญ่” เสี่ยวหลงเอ่ยชม เนื่องจากว่าถึงแม้จะสามรุมหนึ่งแต่เม่ยเหนียงก็หาได้เพลี่ยงพล้ำไม่
“ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอีก รีบไปช่วยเม่ยเหนี่ยงจัดการสิ”
ต้องรอให้กระตุ้นเร้าเสี่ยวหลงถึงจะยอมลงมือตามจริงมันแค่แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ทว่าภายในที่นี้คงไม่มีใครอยากรู้เรื่องของเหลยเฟิงมือขวาของหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมไปมากกว่ามันอีกแล้ว มันช่างน่าบัดซบนัก ตอนนี้มันได้แต่ต้องอยู่เฉยปล่อยให้ผู้อื่นแอบอ้างชื่อของมันไปทำเรื่องที่ไม่เห็นชอบมากมายเยี่ยงนี้
“พวกแกอย่าคิดนะว่า ว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆ” พวกมันล่าถอยพร้อมกับฝากรอยแค้นหลังจากที่ถูกเสี่ยวหลงและเม่ยเหนียงจัดการจนราบคาบ
“อย่ากลับมาอีกนะไอ้พวกสวะ”
ท่าทางดุดันด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวของเม่ยเหนียงไม่คลาดจากสายตาของเสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลง ทั้งคู่ครุ่นคิดว่าเหตุใดนางจึงมีความรู้สึกร่วมกับการถูกรังแกของเด็กสาวแปลกหน้าถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้มีคุณธรรมล้ำลึกถึงขั้นนั้นเชียวหรือ เสวี่ยหมิงคาดว่าเม่ยเหนียงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็อาจเป็นได้
“ขอบคุณทุกท่านมากเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรไปดื่มชาที่บ้านของข้าก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ”
เสวี่ยหมิงรับคำทันที ถ้าเป็นไปได้อยากจะสืบหาตัวตนของศิษย์พี่หลงเยี่ยอิ่งดูซักหน่อย จากเหตุการณ์ครานี้และเหตุการณ์ของเยิ่นเสียนฉี เขาคาดว่าศิษย์พี่ผู้นี้คงมิใช่คนดี ทำให้นึกถึงวาจาของอาจารย์ที่ว่าหลงเยี่ยอิ่งมีนิสัยค่อนไปทางร้ายและเจ้าเล่ห์เจ้ากลมากที่สุดคนหนึ่ง
เมื่อตัดสินใจจะไปตามคำเชิญ เสวี่ยหมิงกับพรรคพวกก็เดินไล่หลังเด็กสาวชาวบ้านไปนางมีชื่อว่าอาเจิน พวกเขาเดินติดอาเจินไปได้ไม่นานนักก็พบว่ามีชายผู้หนึ่งนอนสลบอยู่ที่หน้าบ้าน ลักษณะคล้ายถูกทำร้ายโดยการเอาไม้ฟาดหัวเพราะมีเลือดไหลออกจากที่ตรงนั้นมาจนถึงขมับ
“ท่านพ่อ” อาเจินรีบเข้าไปดูอาการชายผู้นั้น เสวี่ยหมิงไม่รอช้าตรงเข้าไปช้อนอุ้ม
“บ้านของเจ้าคือหลังนี้ใช่หรือไม่”
อาเจินพยักหน้า เสวี่ยหมิงพาคนเจ็บเข้าไปในบ้านโดยมีอาเจินนำทางไปจนถึงเตียง ถึงแม้มีเรื่องหลายเรื่องที่จะถามแต่ต้องอดใจรอจนกว่าอาเจินจะปฐมพยาบาลผู้เป็นพ่อเสร็จ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยนางก็นำชามาต้อนรับขับสู้พวกเขา
“ต้องขออภัยที่เรามีแต่ชาถูกๆนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่นางเจินชากานี้ก็ชุ่มคอดี” เม่ยเหนียงกล่าวหลังจากจิบชาจนหมดถ้วย เสวี่ยหมิงรออยู่นานแล้วในที่สุดก็ได้โอกาสถามเสียที
“เหตุใดคนของเหลยเฟิงถึงมาฉุดคร่าเจ้าเช่นนี้ล่ะอาเจิน”
“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ ข้ารู้มาไม่มากนัก กล่าวคือในละแวกนี้เหลยเฟิงใช้คนของเขามาซื้อบุตรีซึ่งยังไม่แต่งงานไปจากพ่อแม่หลายต่อหลายคนเจ้าค่ะ คนส่วนใหญ่ขายบุตรสาวไปเพราะเงิน แต่บางคนจำต้องขายให้เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของพรรคมังกรพิโรธ ตัวข้าเองก็ถูกพวกมันติดต่อมาเพื่อที่จะซื้อเช่นกัน แต่ว่าท่านพ่อของข้าไม่ยอมดังนั้นมันจึงทำร้ายพ่อของข้าแล้วฉุดลากข้าไปเจ้าค่ะ”
“เหลยเฟิงผู้นี้แปลกมากเหตุใดจึงกวาดต้อนหญิงสาวมากมายไป” เสวี่ยหมิงตั้งข้อสังเกต จะว่าเป็นคนมักมากในกามก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนเช่นนี้ แต่ว่าจะใช่เรื่องเพียงแค่นี้เท่านั้นหรือ
“พี่ใหญ่ข้าได้ยินมาว่ามีวิชาบางประเภทจำต้องดูดพลังหยินจากการมีเพศสัมพันธ์กับอิสตรี คาดว่าอาจเป็นเช่นนั้นก็ได้” เสี่ยวหลงตั้งข้อสังเกต
“ชั่วช้านัก วิชามารเยี่ยงนี้ส่วนใหญ่มีมากในรัฐหลี นึกไม่ถึงว่าชาวยุทธในรัฐฉินเองก็ฝึกปรือวิชาอุบาทว์พรรณ์นี้ด้วย ช่างน่าขยะแขยง....”
เสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงต่างมองหน้ากัน การที่เม่ยเหนียงรังเกียจจนออกนอกหน้านี่มีความนัยหลายอย่าง ทว่ายังคงพับเรื่องนั้นไว้ก่อน
“แล้วจากนี้เจ้าจะเอาอย่างไร บิดาของเจ้าก็บาดเจ็บอยู่เกรงว่าพวกนั้นอาจจะกลับมาอีก” ขณะมี่เสวี่ยหมิงถามบิดาของอาเจินก็ได้สติขึ้นมา อาเจินรี่เข้าไปดูอาการ
“ท่านพ่อฟื้นแล้วหรือคะ”
“อืม....อาเจินคนพวกนี้เป็นใคร”
“คนพวกนี้ช่วยข้าเอาไว้ค่ะท่านพ่อ”
ได้ยินดังนั้นบิดาของอาเจินก็ลุกจากเตียงก้มหัวขอบคุณนับครั้งไม่ถ้วน เสวี่ยหมิงกับพรรคพวกอยู่ดูอาการบิดาอาเจินอีกสองชั่วยามเมื่ออาการน่าจะคงที่ก็เริ่มสอบถามว่าสองพ่อลูกจะเอาอย่างไรต่อไป
“ข้ากับลูกจะหนีไปกบดานที่บ้านของญาติซักพักขอรับ พวกคุณชายไม่ต้องเป็นห่วง” หลังจากกล่าวเช่นนั้นสองพ่อลูกก็พากันเก็บของส่วนตัวเล็กน้อย ในที่สุดทั้งคู๋ก็พร้อมเดินทาง
“อาเจินรับนี่ไปสิ” เสวี่ยหมิงยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งให้อาเจินไม่ใช่เงินจำนวนมากแต่สองพ่อลูกซาบซึ้งในน้ำใจของเขายิ่ง
“ขอบคุณขอรับ/ขอบคุณเจ้าค่ะ” เสวี่ยหมิงมองดูสองพ่อลูกห่างออกไปจนไกลลิบ ใจจริงอยากจะช่วยไปส่งให้ถึงท่าเรือ ทว่าสองพ่อลูกยืนกรานจะเดินทางไปด้วยตนเอง
“พี่ใหญ่ช่างเป็นคนดียิ่ง” เม่ยเหนียงใช้สายตาปลื้มปิติมองมาที่เขา
“แค่ช่วยเหลือนิดหน่อยเงินทองที่ให้ไปก็ไม่ได้มากอะไร”
“แต่ท่านก็ยังมีน้ำใจต่อคนแปลกหน้า” เม่ยเหนียงไม่ยอมแพ้ง่ายๆตอนนี้ประกายตาของนางพร่างพราวดุจดวงดาว เสี่ยวหลงชักรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงเริ่มล้อเลียนนางเพื่อให้นางได้อาย
“เจ้าคงไม่ได้หลงรักพี่ใหญ่หรอกใช่ไหมเม่ยเหนียง”
ผิดคาดไปจากที่มันคิดไปไกลคาดว่าเม่ยเหนียงจะยอมรับอย่างหน้าด้านว่าชมชอบ ตอนนี้นางกลับหน้าแดงก่ำไม่พูดไม่จาซักคำได้แต่สะเทิ้นมองพี่ใหญ่ของมันอยู่เนืองๆ นังตัวแสบคงหลงรักพี่ใหญ่ของมันแล้วจริงๆ
“เอาเถอะอย่าแกล้งเม่ยเหนียงเลย เรารีบเดินทางต่อกันเถอะ”
มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เสี่ยวหลงต้องยอมสงบศึกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่อาจจะโกรธมันที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องเม่ยเหนียงก็เป็นได้ นอกจากนั้นเรื่องของเหลยเฟิงมันอาจจะต้องหาเวลาปลีกตัวไปสืบดูซักเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องนี้มันต้องวางแผนให้รอบคอบว่าจะทำอย่างไร
เสวี่ยหมิงเดินไปตามทางโดยมีเสี่ยวหลงเข้ามาเกาะแขนข้างซ้ายของเขา น่าแปลกครานี้เม่ยเหนียงไม่เข้ามาเกาะด้วย ปกติสองคนนี้ชอบแข่งกันไปทุกเรื่องแปลกไม่น้อยที่เม่ยเหนียงเอาแต่เดินเงียบๆ กระนั้นใช่ว่าเขาจะจมอยู่กับความคิดเช่นนั้นนานนัก เรื่องของเหลยเฟิงและศิษย์พี่รองสองคนนี้ดึงดูดเขามากกว่าที่จะคิดถึงเรื่องอื่น
ตัวละครใหม่ปรากฏอีกล้าววววววววววววววววววววววว
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า