ต่อกันตรงนี้...
บัว!
“เจ้าช่างใจเย็นเหมือนกับชื่อของเจ้า โกมุทแปลว่าเกิดจากน้ำซึ่งมันก็คือดอกบัวใช่ไหม”
ประโยคที่เคยเอื้อนเอ่ยยามเต็มอิ่มไปด้วยไอรักผุดขึ้นมาจนเจ็บแปลบ ทรงหันพักตร์หนีเพื่อมิให้อัคคีเห็นความสะเทือน
พระทัยที่เกิดขึ้น
“พ่อให้เจ้าไปด้วยได้ เจ้าจะได้รู้ว่าการศึกที่แท้จริงนั้นคืออะไร แต่เจ้าก็ต้องระวังตัวเพราะเจ้าเป็นลูกเพียงคนเดียวของพ่อ
เข้าใจไหมอินทัช”
เจ้าชายอินทัชโค้งคำนับรับราชโองการก่อนจะโผเข้ากอดเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ไว้แน่น
“ลูกรู้พะย่ะค่ะ ลูกจะระวังตัวให้มากที่สุด”
“รู้ก็ดีแล้ว จงเตรียมตัวให้ดี ฤกษ์ยาตราทัพคือพ้นยามสาม เจ้าจงไปเตรียมตัวให้พร้อมกันทั้งคู่เถิด พ่อจะไปดูเขาเตรียมทัพ”
กราบทูลลาจากห้องทรงงานแล้วเจ้าชายอินทัชและอัคคีจึงกลับมาที่ห้องพระบรรทม เจ้าชายอินทัชยืนนิ่งที่หน้าต่าง ทอด
สายพระเนตรมองความวุ่นวายของผู้คนที่อยู่เบื้องนอก รู้สึกถึงอ้อมกอดจากด้านหลังจึงได้เอนองค์ลงไปพิงแอบไว้
“การศึกนี่มันร้ายแรงแค่ไหนอัคคี”
“ข้าก็หารู้ไม่ รู้เพียงแต่ว่าข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด”
เอ่ยอย่างมั่นใจในตนเองจนเจ้าชายอินทัชหันองค์กลับมาหาพลางคล้องพระกรไปรอบคอของอัคคี
“เรามั่นใจในตัวเจ้าอยู่แล้ว”
“ถ้าไม่มั่นใจในตัวผัวแล้วจะมั่นใจใครได้อีกเล่า”
“เดี๋ยวเถอะ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมาพูดเล่นอีก”
“ถ้าไม่หยอกเจ้าตอนนี้แล้วจะไปหยอกตอนไหน อีกไม่นานก็จะล่วงเข้ายามราตรี ทัพหลวงก็พร้อมจะเดินทาง หลังจากนั้นข้า
คงไม่ได้หยอกเย้าเจ้าเช่นนี้อีก มานี่เถอะ”
ดึงหัตถ์ให้เจ้าชายอินทัชก้าวบาทตามมาที่พระแท่นและผลักเบาๆให้ทรงเอนกายลงไป
“อัคคี จะทำอะไร อื้อ...”
“ก่อนกรำศึกหนัก ขอให้ข้าได้เชยชมเจ้าเป็นแรงใจอีกสักครั้ง”
“แต่ว่า...”
ไม่อาจห้ามปรามเพราะในพระทัยก็รู้สึกไม่ต่างไปจากอัคคีนัก จึงทรงเงยพักตร์รับจูบหนักพร้อมกับช่วยกันปลดเปลื้องอาภรณ์
จนไม่มีเหลือ ทรงทอดองค์ลงไปบนที่นอนนุ่มและปล่อยให้อัคคีเป็นผู้นำไปสู่ความหฤหรรษ์
“ลึกอีกนิด อือ อัคคี ดีเหลือเกิน”
“เมียข้า เช่นนั้น แน่นมาก โอ”
พร่ำรำพันกับความสุขสมที่มอบให้แด่กัน อัคคีปรนจูบหวานและกอดรัดวรกายนุ่มไว้แนบอก
“หลับตาเสียเถิดอินทัช เมื่อใกล้ถึงเวลาข้าจะปลุกเจ้าจากนิทรามาสู่ความเป็นจริง”
เสียงกลองศึกปี่แตรดังไปทั่วทั้งพระราชวัง ธงศึกปลิวไสวด้วยแรงลมในยามใกล้รุ่ง และหลังจากพ้นยามสามได้ไม่นานทัพ
หลวงของรัตนปุระนครก็เริ่มเคลื่อนทัพตามฤกษ์ชัย ทั่วทุกคนในรัตนปุระนครต่างก็เป็นกังวัลกับศึกกับอุดรรังษียกเว้นเจ้านางปะวะหล่ำที่
ยังสบายพระทัยอยู่ในห้องพระบรรทม
“เจ้านางไม่ไปส่งทัพหรือเพคะ” แก้วกุดั่นทูลถามเมื่อเห็นเจ้านายเหนือหัวยังนั่งประทินผิวอยู่บนพระที่นั่ง
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจจะไป ถึงอย่างไรเราก็รู้จุดจบของสงครามอยู่แล้วนี่ว่าเป็นเช่นไร เออนี่ นังแก้ว ไปดูทีรึว่าอินทัชกลับมาจากส่ง
ทัพหรือยัง ถ้ามาแล้วข้าจะได้ไปหาลูกหน่อย ไม่พบหน้าหลายวันแล้ว”
แก้วกุดั่นรับคำก่อนจะกระวีกระวาดออกไปตามกระแสรับสั่ง ไม่นานนักนางก็วิ่งถลากลับมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“เจ้านาง เจ้านางเพคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พระโอรสทรงออกศึกด้วยเพคะ”
พระพักตร์ของเจ้านางปะวะหล่ำซีดเผือดด้วยความตกพระทัยที่ได้ยิน เพราะเส้นใยเดียวที่ยังรั้งพระองค์ไว้กับรัตนปุระนครได้ก็
คือเจ้าชายอินทัชนั่นเอง
TBC