บท11อชิตพลกดรีโมทรถเปิดรถหรูของตัวเองก่อนจะขึ้นไปนั่งแล้วขับรถออกจากบริเวณหน้าหอพักของน้ำเหนือไป เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกก่อนจะกรอกเสียงลงไปเมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ของเขา
“ผมกำลังไป ยังไงก็อย่าลืมเอาเอกสารที่ผมบอกมาให้ด้วยนะครับ”
[ค่ะ ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะที่นัดที่ร้านกาแฟแบบนี้] ปลายสายส่งเสียงตอบกลับมา
“ไม่ครับ แล้วเจอกันนะครับ สวัสดีครับ” ควอตซ์วางโทรศัพท์ไว้ที่เบาะข้างคนขับก่อนที่เขาจะขับรถไปยังจุดหมายปลายทางที่นัดกับคนทางโทรศัพท์เอาไว้ พลางเหลือบมองเวลาที่โชว์อยู่บนคอนโซลรถ
คงคุยธุระเสร็จก่อนสิบเอ็ดโมง... น่าจะกลับไปทันพาเด็กนั่นไปกินข้าวละนะใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงรถของควอตซ์ก็จอดนิ่งสนิทอยู่ที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ร่างสูงก้าวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับเสียงของพนักงานที่ดังต้อนรับ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านเมื่อเห็นคนที่ต้องการก็ยิ้มแล้วเดินตรงเข้าไปหาทันที
“พี่ลิน มานานแล้วหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยทักหญิงสาวที่นั่งจัดเอกสารอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้านก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ควอตซ์... ไม่หรอกค่ะ พี่เพิ่งจะมาถึงยังจัดเอกสารให้ไม่เสร็จเลยค่ะ ที่จริงจัดเสร็จแล้วแต่เจ้าทินน่ะทำเละหมดพี่เลยต้องมาจัดใหม่” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ก่อนตอบพร้อมกับยิ้ม เธอเป็นคนสวยทั้งรูปร่างหน้าตารวมไปถึงการวางตัวและคำพูดคำจา
“ทินมาด้วยหรือครับ”
“ค่ะ อ้อนพี่พนักงานสาวๆ ให้พาไปเข้าห้องน้ำ อ๊ะ นั่นไง... มาพอดีเลย ทินมาสวัสดีอาควอตซ์ก่อนครับ” ลินตอบก่อนจะหันไปเรียกเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักที่กำลังเดินออกมาจากหลังร้าน
“อาควอตซ์ สวัสดีครับ”
ควอตซ์ยกมือรับไหว้เด็กผู้ชายที่ชื่อทิน ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบผมของเด็กคนนั้นเล่นอย่างสนิทสนมกัน ภาพที่คนภายนอกมองอาจจะเห็นว่าเหมือนกับเป็นครอบครัวที่น่ารัก แต่เรื่องจริงแล้วไม่ใช่ ควอตซ์กับลินสนิทสนมกันเพราะทั้งสองคนทำงานด้วยกัน ลินเป็นเลขาให้กับควอตซ์อีกทั้งยังเป็นคนที่พ่อของควอตซ์เคยช่วยเหลือเอาไว้ตอนเด็กๆ ทั้งสองคนเลยโตขึ้นมาด้วยกัน เหมือนเป็นคนในครอบครัวและควอตซ์เองก็นับถือพี่สาวคนนี้มากเช่นกัน
“โตกว่าคราวก่อนที่เจอเยอะเลยนะครับพี่ลิน” ควอตซ์บอกพร้อมกับมองเด็กชายที่เป็นเหมือนหลานแท้ๆ ของตนที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาสนใจแต่ขนมเค้กตรงหน้า
“ใช่แล้วล่ะ กินเก่ง โตไวอีกด้วยคงได้พ่อเขามาเยอะ” ลินตอบยิ้มๆ ยื่นมือไปเช็ดปากให้ลูกชายของตัวเอง
“พี่ลินนี่เก่งจังนะครับ เลี้ยงทินมาจนโตขนาดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว”
ลินส่ายหน้าก่อนจะตอบ “ไม่หรอก ถ้าไม่ได้คุณโทมัสแล้วก็คนของคุณหญิงมรกตคอยช่วยพี่ดูแลเจ้าทิน พี่คงลำบากกว่านี้แน่เลย การที่เราต้องอุ้มท้องแล้วก็เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวมันทั้งเหนื่อยแล้วก็ลำบาก แต่ถึงอยากนั้น... มันก็มีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใดอีกนะ”
ควอตซ์รับฟังในสิ่งที่ลินพูดพลางนึกไปถึงใครอีกคน...
ลินเป็นผู้หญิงที่สวย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครหลายคนเข้ามา ควอตซ์ไม่รู้หรอกว่าพ่อของทินเป็นใคร แต่คนที่เขานับถือเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ คนนี้บอกว่าทุกอย่างมันเกิดจากความผิดพลาด พ่อของทินรับไม่ได้ที่จะมีลูกเพราะเขายังคิดอยากจะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานต่อ ลินเองก็ไม่อยากจะเรียกร้องจึงตัดสินใจเลิกกับคนคนนั้น พอพ่อและแม่ของเขารู้เรื่องก็คอยให้ความช่วยเหลือลินมาตลอด
และนั่น... ก็ทำให้ควอตซ์นึกขึ้นได้ถึงคำสอนของพ่อและแม่ที่เคยบอกเขาเมื่อเล่าเรื่องของลินให้ฟัง
พ่อของเขาเคยบอกเอาไว้
ไม่ผิดที่ผู้ชายอย่างเราจะนึกสนุกไปทั่ว แต่ความสนุกนั้นต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยและความรับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น
ควอตซ์เป็นผู้ชาย ก็ต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย อย่าเห็นแก่ตัวนึกสนุกโดยไม่นึกถึงคนที่เขาต้องมารับถึงสิ่งที่ลูกได้กระทำเอาไว้คำพูดเล่านั้นย้อนเข้ามาในความคิด ในเขานึกถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เรื่องของเขากับน้ำเหนือ มันเหมือนกับเรื่องของลินและอดีตคนรักของลินมากจริงๆ
“พี่ลิน ตอนที่พี่ลินท้องแพ้หนักมากไหมครับ” ควอตซ์เอ่ยถามด้วยความสนใจ พลางนึกไปถึงคนที่คงนอนอยู่ที่ห้อง ไม่รู้ว่าจะมีอาการแพ้ท้องอีกหรือเปล่า
“ก็หนักอยู่นะ ตอนเช้านี่ตื่นมาอาเจียนทุกวันเลยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยด้วยซ้ำ เหม็นนู้นเหม็นนี่ไปหมด ขนาดน้ำหอมที่พี่ใช้ประจำพี่ยังรู้สึกเหม็นเลย อะไรที่เคยว่าหอมก็เหม็นไปหมด หงุดหงิดง่ายอีกต่างหาก เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลยละ”
“แล้วเรื่องอาหารละครับ กินได้หมดทุกอย่างหรือเปล่า”
ลินมองคนตรงหน้าอย่างนึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปและเลือกที่จะตอบคำถามของควอตซ์แทน “ไม่หรอก บางอย่างนะแค่ได้กลิ่นพี่ก็เหม็นจนอยากจะอาเจียนแล้ว กลืนไม่ลงเลย ตอนแรกๆ ก็ได้แต่กินของอ่อนๆ พวกข้าวต้ม โจ๊ก น้ำผลไม้ แต่พอเข้าสู่เดือนที่สี่ที่ห้าพี่ก็ไม่ค่อยแพ้ท้องแล้ว หลังจากนั้นก็กินไปหมดทุกอย่างเลย”
“ลำบากมากเลยใช่ไหมครับ การท้อง”
การที่ต้องตื่นมาอาเจียนทุกวันๆ ทานอะไรก็ไม่ได้ทั้งๆ ที่เป็นของโปรด ต้องเหม็นนู้นเหม็นนี่ไปหมด มันลำบากมากเลยใช่ไหม... น้ำเหนือ
“ก็ลำบากแหละค่ะ จริงๆ ก็ลำบากมากนะคะ กังวลไปสารพัดด้วย ลูกจะเป็นยังไง เขาจะสมบูรณ์ไหม นึกกลัวนึกกังวลไปหมดแหละค่ะ คนท้องส่วนใหญ่จะอารมณ์แปรปรวน”
“อย่างนั้นหรือครับ แล้วถ้าต้องอยู่กับคนท้อง ควรจะทำยังไงครับ”
“เอ๊ะ ทำไมคะ อยากมีลูกเหรอ แลถามพี่เยอะจังปกติควอตซ์ไม่ค่อยจะถามอะไรพี่แบบนี้เลยนะ หรือไปเผลอทำใครท้องหรือเปล่าคะเนี่ย” ลินร้องถาม เพราะค่อนข้างแปลกใจมากที่คนอย่างควอตซ์จะมาถามเรื่องอะไรแบบนี้
คนที่ถูกถามยิ้มบางๆ “แล้ว... ถ้าผมบอกว่าผมกำลังจะมีลูกละครับพี่ลิน”
ลินได้แต่ตาโตด้วยความตกใจกับคำพูดนั้นก่อนจะทำสีหน้าเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ควอตซ์พูด “อย่ามาอำพี่เล่นนะคะ พี่ยังไม่เคยเห็นควอตซ์ควงใครจริงๆ จังๆ เลยสักคน หรือว่า... คุณเฌอรีนเหรอคะ”
ควอตซ์ส่ายหน้า “เปล่าครับ ไม่ใช่เฌอรีน ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แต่ที่ผมบอกว่าผมกำลังจะมีลูกผมพูดจริงๆ ครับ ผมกำลังจะมีลูกจริงๆ”
หญิงสาวทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่ออีกคนยังคงทำเพียงแค่ยิ้มแล้วก็พยักหน้ายืนยันว่าสิ่งที่พูดคือเรื่องจริงก็เลยยอมเชื่อ “แล้วคุณหญิงกับคุณโทมัสรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“รู้แล้วละครับ”
“แล้วที่ควอตซ์โดนพักงานเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า คุณหญิงท่านไม่โอเคเหรอ” ลินถาม เพราะเธอได้ยินมาจากคุณหญิงเองเลยว่าควอตซ์โดนพักงาน ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอกแต่เมื่อคืนก็ได้รับโทรศัพท์จากควอตซ์คนที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านายว่าให้ช่วยเตรียมเอกสารเอามาให้หน่อยเพราะเข้าไปเอาในบริษัทไม่ได้เนื่องจากโดนพักงานอยู่
พอได้ฟังก็นึกสงสัยตลอดว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหญิงมรกตถึงกับพักงานลูกชายสุดที่รักแบบนี้
“ครับ ผมโดนเพราะเรื่องนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณแม่ไม่โอเคหรอกครับ มันมีอะไรมากกว่านั้น อ๋อ... เดี๋ยวผมต้องกลับแล้วครับ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับพี่เอาเอกสารออกมาให้ผม” ควอตซ์ตอบพร้อมกับหยิบเอาเอกสารที่ลินจัดเสร็จเรียบร้อยก่อนหน้านี้มาถือเอาไว้แล้วลุกขึ้นยืน
ลินเองก็ลุกตามพร้อมกับเรียกลูกชายของตนให้ไหว้ลาอาควอตซ์ก่อน “ถ้าอยากให้พี่เอาเอกสารอะไรออกมาให้อีกก็บอกนะคะ พี่จะเอาออกมาให้”
“ขอบคุณครับ ผมไปก่อนนะครับแล้วเจอกันครับ” ควอตซ์บอกกับลินก่อนจะหันไปหาเด็กชายที่กำลังมองมาที่เขา “อาไปก่อนนะครับทิน เอาไว้ว่างๆ อาจะพาไปเที่ยวนะ”
“ครับอาควอตซ์ สวัสดีครับ”
ควอตซ์ตอบรับเบาๆ ก่อนจะหอบเอาเอกสารทั้งหมดขึ้นถือแล้วเดินออกจากร้านตรงไปที่รถ เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว กว่าจะกลับไปถึงที่หอพักของน้ำเหนือก็คงใกล้เที่ยง ควอตซ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูไม่มีสายโทรเขาจากน้ำเหนือ เด็กคนนั้นคงไม่คิดจะโทรหาเขาสินะ
“อยากจะดื้อนักก็ดื้อไป”
เขาแวะซื้ออาหารก่อนที่จะขับรถกลับไปที่หอพักของน้ำเหนือ ซึ่งกว่าจะถึงก็เลยเที่ยงมาแล้ว ไม่รู้ว่าคนบนนั้นจะหาอะไรทานไปก่อนแล้วหรือยังไม่ได้ทานอะไรกันแน่ แต่ดูเหมือนจะเป็นอย่างหลังมากกว่าเพราะเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นน้ำเหนือนอนหลับอยู่บนเตียง แล้วแทนที่จะนอนห่มผ้าดีๆ เจ้าตัวกลับเอาผ้าห่มมากอดเอาไว้เสียอย่างนั้น
“จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ หรือจะทำตัวเป็นเด็กกันแน่”
ควอตซ์เอาเอกสารที่หอบมาวางไว้บนหลังตู้ข้างประตูก่อนจะเอาอาหารที่เขาซื้อมาเทใส่จานแล้วยกไปวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นก่อนจะเดินไปปลุกคนที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง
“น้ำเหนือตื่นมากินข้าวก่อน” ควอตซ์ยื่นมือไปเขย่าแขนคนหลับอยู่เบาๆ เป็นการปลุกก่อนจะเพิ่มแรงอีกนิดเมื่อคนหลับยังคงหลับสบาย
“น้ำเหนือ เหนือลุกมากินข้าวก่อน”
แล้วคราวนี้เหมือนจะได้ผลเมื่อคนหลับขยับตัวหยุกหยิกไปมาก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง น้ำเหนือยกมือปิดปากแล้วหาววอดด้วยความงัวเงีย
“ไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนจะได้มากินข้าว ฉันซื้อมาให้แล้วแต่ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือเปล่า ยังไงก็ลองดูก่อนถ้าไม่ได้จะได้ไปซื้อมาใหม่” ควอตซ์บอกพร้อมกับขยับตัวหลบมาด้านข้างเพื่อให้คนที่ยังงัวเงียอยู่ให้ลุกขึ้น
น้ำเหนือขยับตัวแล้วลุกขึ้นยืนแต่เพราะอาจจะลุกเร็วเกินไปจึงเกิดอาการหน้ามืดโชคดีที่ควอตซ์ขยับเข้ามารับเอาไว้ได้ทันทำให้ไม่ล้มหน้าคว่ำกับพื้น ควอตซ์จับให้คนดื้อนั่งห้อยขาที่เตียงดีๆ “นั่งนิ่งๆ ก่อน จะรีบลุกไปไหนถ้าล้มไปจะทำยังไง”
“ทำไมคุณชอบดุ” คนหน้ามืดเงยหน้าขวับขึ้นมามองแต่ก็ต้องก้มหน้าลงยกมือขึ้นกุบขมับเพราะรู้สึกเวียนหัวหนักกว่าเดิม
“ก็แล้วทำไมชอบดื้อ บอกให้นั่งๆ ยังจะเงยหน้าขึ้นมาอีก นั่งเฉยๆ ตรงนี้เดี๋ยวหยิบยาดมมาให้” ควอตซ์พูดเสียงดุก่อนจะหันไปหยิบยาดมที่เห็นวางอยู่บนโต๊ะมาส่งให้คนที่นั่งกุมขมับ
น้ำเหนือคว้าไปโดยไม่ได้เอ่ยขอบคุณอะไรแต่ควอตซ์ก็ไม่ได้อยากจะเก็บมาใส่ใจกับอาการของคนดื้อดึง เขาส่ายหน้านิดๆ กับอาการนั้นก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ ชุบน้ำที่ผ้าพอหมาดก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกรอบ
“เงยหน้าขึ้นหน่อย” เสียงทุ้มร้องบอกคนที่นั่งก้มหน้าหลับตาพร้อมกับดมยาดมไปด้วย
คิ้วเรียวขมวดฉับเข้าหากันทันที ริมฝีปากอิ่มก็เอ่ยค่อนขอด “ไหนบอกให้นั่งนิ่งๆ มาบอกให้เงยหน้าทำไมละ”
คำพูดที่ทำให้อชิตพลอยากจะจับคนดื้อมาตีก้นสักหลายๆ ทีให้หายหมั่นไส้ที่มีอาการมั่นเขี้ยวปนนิดๆ
คนที่ยืนอยู่ก้มตัวลงพร้อมกับจับคางของน้ำเหนือแล้วดันให้ใบหน้านั้นเงยขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะใช้ผ้าในมือเช็ดไปบนใบหน้านั้นให้อย่างแผ่วเบาจนคนที่ได้รับถึงกับสะดุ้งลืมตาขึ้นมอง สองมือยกขึ้นจับข้อมือของอชิตพลเอาไว้แน่น
“จ... จะทำอะไรของคุณ”
“ป้อนข้าวอยู่มั้ง อยู่นิ่งๆ อย่าดื้อจะเช็ดหน้าให้จะได้ไปกินข้าว นี่มันเที่ยงกว่าแล้วเดี๋ยวปวดท้อง” ควอตซ์ตอบพร้อมกับดึงข้อมือของตัวเองออกจากมือของน้ำเหนือ
“ผ ผมทำเองได้ ไม่ต้องยุ่งหรอก” น้ำเหนือบอกเสียงขุ่นเมื่อโดนหาว่าดื้อ
คนโดนหาว่ายุ่งชะงักไปทันที ควอตซ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เอ่ยปากพูดจากร้ายๆ ใส่ไปอีก เขาลุกขึ้นยืนโยนผ้าขนหนูลงกับเตียง
“อย่างนั้นเช็ดหน้าเสร็จก็ไปกินข้าวแล้วกัน” เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องของน้ำเหนือไป
ในตอนนี้เขาคงต้องอยู่นิ่งๆ เงียบๆ สักพักเพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันอีกระหว่างเขากับน้ำเหนือ ขืนอยู่ในห้องนั้นต่อสุดท้ายก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม อีกอย่างเขาไม่ใช่คนอารมณ์เย็นขนาดจะปล่อยให้ใครมาพูดจาไม่ดีใส่โดยไม่ตอบโต้ได้ เพราะฉะนั้นเขาควรจะเดินออกมาแบบนี้นั่นแหละ
ส่วนคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องก็ได้แต่กัดปากตัวเองแน่นก้มมองผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างตัว น้ำเหนือไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะหาว่าอีกฝ่ายเข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่เพราะปากไวไปหน่อยถึงได้พูดแบบนั้นออกไป
หลังจากที่หลุดปากไปแล้วก็ได้แต่กำมือเข้าหากันแน่น หวั่นใจว่าจะต้องโดนต่อว่าอีกแน่ๆ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ควอตซ์กลับลุกเดินออกจากห้องไปแทนและนั่นทำให้น้ำเหนือรู้สึก
รู้สึกผิดในสมอง ในความคิดกำลังต่อสู้กันอย่างหนักระหว่างจะเดินออกไปบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น หรือทำเป็นไม่สนใจถ้าหากควอตซ์ทนไม่ได้ก็คงจะกลับไปที่บ้านเข้าสักวัน แล้วแบบนั้นน้ำเหนือก็จะได้อยู่คนเดียวอย่างที่อยากอยู่มาตลอด
“นี่! ทำไมยังไม่กินข้าวอีก เดี๋ยวก็ปวดท้องขึ้นมากันพอดี” เสียงดุที่ดังมาทำให้น้ำเหนือสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง แล้วไม่รู้ว่าเพราะกำลังสับสนในใจ หรือเพราะอะไรกันแน่ เพราะถูกดุอีกรอบดวงตากลมโตก็ฉ่ำน้ำก่อนที่หยาดน้ำตาใสๆ จะไหลออกจากดวงตาคู่นั้น
“อึก... ท ทำไมต้อง ฮือ... ดุกันด้วย” น้ำเหนือถามไปก็น้ำตาไหลไป ยกมือสองข้างขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆ
ควอตซ์ที่เพิ่งระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเองได้แล้วและเดินกลับเข้ามาในห้อง แต่เมื่อเห็นน้ำเหนือยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยดุออกไปด้วยความเป็นห่วง แต่มันกลับทำให้อีกคนร้องไห้เสียอย่างนั้น
“นี่... อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวก็ปวดหัวไปหรอก เฮ้...น้ำเหนือ” คนที่ทำคนอื่นร้องไห้เริ่มทำตัวไม่ถูกอย่างไม่รู้จะพูดปลอบอย่างไรดี
ชีวิตของผู้ชายอย่างอชิตพลแน่นอนว่าเคยทำคนร้องไห้มาไม่น้อย แต่เขาก็ไม่เคยสนใจจะเอ่ยปลอบหรือกล่อมให้หยุดร้อง มีแต่หันหลังแล้วเดินหนีออกมา ถ้าหากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่น้ำเหนือเขาก็คงหันหลังเดินออกจากห้องไปแล้วเช่นกัน แต่เพราะเป็นน้ำเหนือ คนที่กำลังตั้งท้องลูกของเขา และเพราะน้ำเหนือท้องนี่แหละที่ทำให้เขาไม่สามารถหันหลังกลับไปได้
อาจจะเพราะได้ยินมาจากทั้งคุณหญิงมรกตแล้วก็ลินที่บอกเรื่องนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปมาของคนท้อง ทำให้เขาพอเข้าใจว่าที่น้ำเหนือร้องไห้ออกมาแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะกำลังท้อง อารมณ์กำลังแปรปรวนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ปุ!
“นี่เลิกร้องไห้ได้แล้ว” ควอตซ์ทำได้เพียงแค่วางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มของน้ำเหนือแล้วลูบไปมาเบาๆ เท่านั้น
“คุณ อึก...นิสัยไม่ดี ฮืออ นิสัยไม่ดี” คนร้องไห้ก็ยังคงร้องต่อไปแถมยังเอ่ยว่าต่างๆ นาๆ ไม่หยุด แต่เพราะว่าไปร้องไห้ไปแบบนี้ควอตซ์เลยรู้สึกโกรธไม่ลง
“เออๆ ฉันนิสัยไม่ดี เพราะอย่างนั้นก็เลิกร้องไห้เพราะคนนิสัยไม่ดีได้แล้ว ลูกในท้องเธองงไปหมดแล้วว่าทำไมแม่ขี้แยจัง หิวแย่แล้วมั้งป่านนี้ ร้องไห้ไม่หยุดแบบนี้ลูกเกิดมาก็ขี้แยหรอก”
“อึก! ย อย่ามาว่าลูกผมนะ ฮืออ...” น้ำเหนือร้อง
“ไม่ว่าก็ได้ แต่เลิกร้องไห้แล้วมากินข้าวได้แล้ว ไม่หิวหรือไง” ควอตซ์ส่งผ้าขนหนูให้คนที่นั่งอยู่เอาไปเช็ดน้ำตาเช็ดหน้าให้เรียบร้อย
“ไม่หิว”
“เธอไม่หิวแต่ลูกหิว เพราะฉะนั้นก็ต้องกินเยอะๆ เพราะลูกหิวมาก” ควอตซ์ดึงขึ้นมือของน้ำเหนือก่อนจะฉุดให้อีกคนลุกขึ้นเดินตามมาที่โต๊ะญี่ปุ่นที่มีกับข้าวหลายอย่างวางเอาไว้
“คุณจะรู้ได้ไง คุณไม่ได้ท้องสักหน่อย” คนเด็กกว่ายังเถียงไม่เลิก ดวงตากลมโตคู่นั้นแดงก่ำ ปลายจมูกก็แดงจากการร้องไห้
ควอตซ์ได้แต่โคลงหัวไปมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ขืนพูดออกไปอีกก็คงได้เถียงกันไปเถียงกันมาไม่หยุด แล้วก็คงจะไม่ได้ทานข้าวกันสักที
“ฉันไม่รู้หรอก แต่เธอคงไม่อยากให้ปล่อยลูกหิวใช่ไหมละ เพราะฉะนั้นกินข้าวซะ ลูกจะได้แข็งแรง” ควอตซ์บอก เลื่อนจานข้าวไปตรงหน้าคนที่ยังทำตาเคืองๆ ใส่เขาไม่หยุด
แล้วคนที่บอกไม่หิวๆ ก็จัดการอาหารตรงหน้าเสียจนเกือบหมด ไม่รู้ว่าเพราะจริงๆ แล้วหิวหรือเพราะยังโมโหเขาอยู่น้ำเหนือถึงได้ทานอาหารได้ทุกอย่างแบบไม่รู้สึกเหม็นหรือมีอาการแพ้เลยสักนิด
น้ำเหนือตักนู้นตักนี่ใส่ปากไม่หยุดจนควอตซ์เริ่มจะหวั่นใจว่ามื้อต่อๆ ไปเขาต้องเถียงให้น้ำเหนือมีน้ำโหก่อนหรือเปล่าเจ้าตัวถึงจะได้ทานได้เยอะแบบนี้
แค่คิด... ก็เหนื่อยแล้วอชิตพล************************************************
ไม่รู้แปลกๆ ไหมแบบว่าแต่งสดค่ะ ตอนนี้นึกว่าวันนี้จะแต่งไม่พออัพ 50% แล้ว ชีวิตช่วงนี้รวนค่ะ ตารางแปรปรวนทำให้แต่งนิยายไม่ทันเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่มาช้านะคะ แต่ยังไงก็จะไม่ทิ้งช่วงให้นานกว่านี้ค่ะ พูดอะไรถึงเนื้อหาต่อดี คือสมองอึนๆ เบลอๆ ไปหมดแต่งอะไรไปยังไม่แน่ใจ ฮ่า... (น้ำตาไหล) พอดีกว่าค่ะ เจอกันครึ่งหลังนะคะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)