ตอนที่ 12
หลังจากที่ผมทำซ่าส์ใจกล้าหน้าด้านชวนไอ้ภูมิมาบ้าน แต่ก็ต้องแห้วเพราะถูกมันปฏิเสธ เล่นตัวนักนะมึง อย่าให้ไอ้พีมต้องโหด เดี๋ยวกูดักฉุดเลยแม่ง อ๊ากกกก ผมจะฉุดผู้ชาย และก่อนที่ผมจะบ้าพ่อก็โทรมาพอดีเวลาเดิมสองทุ่มเป๊ะๆ
“ฮัลโหล พีมสุดหล่อพูดครับ”
(อ่อ สงสัยโทรผิด)
“โหยยยพ่อ นี่ลูกชายพ่อเอง”
(ก็กูไม่มีลูกชายหล่อนี่หว่า มีแต่ลูกพิการซ้ำซ้อน)
“แรงวะหนวด โทรมาทำไมจะโอนตังค์ให้หรอ”
(มึงใช้หรือมึงผลาญไอ้แมว กูเพิ่งโอนให้)
“ฮ่าฮ่า ล้อเล่นน่า ไม่ได้จะขอหรอก พ่อมีไรคร้าบบบ”
(อั๊วจะไปเที่ยวโว๊ย)
“จริงดิ ไปไหนอ่ะ”
(ภูเก็ต กูจะพาเมียไปฮันนีมูน) ตำรวจไทยแรงไม่แพ้ชาติใดในโลก
“พีมไปด้วย”
(มึงเข้าใจคำว่าฮันนีมูนมั้ยแมว) พ่อทั่วๆไปจะเรียกลูกชายว่าไอ้เสือใช่มั้ยครับ แต่ที่พ่อเรียกผมว่าแมวเพราะ เสือมันตัวใหญ่ แต่ตัวผมมันไม่อำนวยเลยลดระดับจากเสือเหลือแค่แมว เข้าใจคิดมากพ่อกู
“เออ จำไว้ ปิดเทอมจะไม่กลับเชียงใหม่ อย่าคิดถึงก็แล้วก๊านนน”
(กูจะสั่งจรวดไปลงร้านกาแฟอามึง ตายมันทั้งอาทั้งหลาน แล้วนี่ไอ้ปุ้ยมันไปไหน)
“ไปสัมมนาที่กระบี่”
(แล้วมึงอยู่บ้านกับใคร)
“ก็อยู่คนเดียวดิ แต่เดี๋ยวจะโทรเรียกพวกไอ้คิวมานอนเป็นเพื่อน พ่ออ่ะให้พีมไปด้วย”
(อยากแดกลูกปืนกูหรอ พูดไม่รู้เรื่อง)
“ตลอด รักเมียมากกว่าลูก”
(แน่นอน ลูกกูทำใหม่ตอนไหนก็ได้ แต่เมียหาใหม่ให้เหมือนเดิมยาก หึหึ)
“ฮะๆชอบวะพ่อ แล้วเมียพ่อไปไหน”
(เผาข้าวหลาม เก็บใบโพธิ์) แม่กูไพ่ตลอด เมียตำรวจของแท้ต้องเล่นไพ่เป็นงานอดิเรก
“คร้าบๆบอกแม่ด้วยว่าพีมคิดถึง ยายด้วย คิดถึงพ่อด้วย ของฝากด้วยนะหนวด”
“(เออ ตั้งใจเรียนละ ถุงยางน่ะรู้จักพกบ้าง อย่าให้ผู้หญิงเขาซื้อยาคุมฝ่ายเดียว)
“ฮ่าๆ โห่ ระดับนี้ป้องกันเป็นอยู่แล้วพ่อ”
(เออดี อย่าให้มันเสียชื่อกู แค่นี้แหละจะไป ส.น.แล้ว)
“ครับ หวัดดีครับพ่อ”
ไอ้ตอนคุยกับพ่อมันก็สบายใจดีหรอกนะ แต่พอวางสายจากพระบิดาผมก็จิตตกอีกรอบ คืนนี้กูอยู่คนเดียวไม่ได้แน่ๆ โทรเรียกบรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหายมานอนเป็นเพื่อนดีกว่า
รายแรกที่ผมหวังพึ่งใบบุญคือไอ้เชน แต่มันดันมาไม่ได้เพราะพรุ่งนี้มีสอบย่อย หมอก็งี้ เดี๋ยวสอบ เดี๋ยวงานไม่เป็นไรกูเข้าใจ รายที่สองไอ้ปันก็มาไม่ได้เพราะหมาบ้านข้างๆคลอดลูก เชี่ยปันแม่ง มึงเป็นพ่อหมารึไงวะ ถึงต้องไปอยู่เฝ้าตอนหมามันคลอดลูก ทำตัวเป็น ส.ส. คอยช่วยเหลือทุกข์ชาวบ้านเวลาหาเสียงไปได้
รายที่สามไอ้คิวก็มาไม่ได้เพราะต้องช่วยน้องรหัสมันปั่นโปรเจค ผมเกือบช็อค แม่เจ้า!!!ไอ้คิวช่วยงานไอ้เต้ย มันจะฆ่ากันตายมั้ยวะ กว่างานจะเสร็จอาจมีการ์ดงานศพมาแจกผมถึงบ้าน ผมเลยต้องฝากความหวังอันริบรี่ไว้ที่รายสุดท้าย
“แทน มานอนเป็นเพื่อนกูหน่อย”
(อ้าว เป็นไรอีกมึง ไม่สบายหรอวะ)
“เปล่า คือ กูมีเรื่องจะปรึกษาวะ เอ่อไม่ใช่ๆคือกู กูกับมึงไม่ได้เล่นเกมส์ด้วยกันนานแล้วกู กูเพิ่งซื้อแผ่นเกมส์มา….”
(พอๆ ไม่ต้องชักแม่น้ำมาหรอก ห่า แปปนึงนะมึง) ผมฟังเสียงกุกกักๆอยู่ซักพัก ไม่นานเสียงไอ้แทนก็ตะโกนลั่น (ฟ่าง!! ไอ้ฟ่างกูไปค้างบ้านพีมนะ) และผมก็ได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนตะโกนกลับมาว่า
“จะไปตายที่ไหนก็ไป”
………………………………………..
“ไอ้ฟ่างไม่ว่าอะไรใช่มั้ยวะ”ผมกับแทนนั่งอยู่ระเบียงห้องของผม ในมือมีเบียร์คนละกระป๋องนิ้วคีบบุหรี่คนละมวน จิบเบียร์เคล้าบุหรี่แม่งชุ่มคอชิบหาย แถมลมเย็นๆยังหอบกลิ่นหอมของดอกโมข ดอกแก้ว ดอกลั่นทม ดอกปีบ(ทำไมบ้านผมมีหลายดอกจังวะ) สารพัดดอก เยอะจัดจากหอมๆจะกลายเป็นฉุนแล้ว
“อือ มันจะว่าอะไรวะ กูมาหาเพื่อน”
“ก็ไม่รู้ เห็นมันดูหวงๆมึง” พูดเอาใจมันหน่อย(ตอแหลนั่นเองครับ)
“คึคึ จริงหรอวะ”ไอ้แทนอารมณ์ดี ยิ้มแฉ่งทันที เออวะตั้งแต่มันคบกับข้าวฟ่างเหมือนมันจะเชื่อคนง่ายแฮะ แต่จะว่าไปไอ้ฟ่างก็หวงมันจริงๆนะ ได้ข่าวว่าตามไปเฝ้าไอ้แทนถึงคณะ
“หึ มึงรักมันมากเลยหรอแทน”
“มาก”น้ำเสียงไอ้แทนทั้งหนักแน่นและมั่นคง
“แล้วมึง…..ไม่กลัวหรอวะที่คบกับข้าวฟ่าง” ผมยกเบียร์ที่เหลือค่อนกระป๋องขึ้นจิบ
“หึหึ กลัวอะไรวะ ฟ่างไม่ใช่งูจงอางนะมึง อาจจะมีกัดบ้างแต่มันไม่มีพิษ”
“ฮะๆ ไอ่เชี่ย”
“……………………..”
“……………………..”
“แทน เล่าให้กูฟังบ้างดิ ทำไมพวกมึงถึงได้คบกัน” ไอ้แทนมองผมเหมือนพยายามค้นหาคำตอบ ว่าผมเป็นเชี่ยไร ถึงได้อยากรู้เรื่องของมัน มันไม่ได้มองผมด้วยแววตาตำหนิหาว่าก้าวก่ายแต่เป็นแววตาห่วงใย เหมือนมันรู้ว่าผมกำลังไม่สบายใจเรื่องอะไรบางอย่าง แต่มันก็ไม่ได้ถาม
“กูกับมันรู้จักกันตั้งแต่ม.5 ตอนงานกีฬาจตุรมิตร มันเป็นเฮดเชียร์ร่วม”
“โห นานแล้วนี่หว่า แต่มึงเป็นนักฟุตบอลแล้วเจอกันได้ไงวะ”
“เออ กูก็จะเล่าอยู่เนี่ย ตอนนั้นไอ้ฟ่างแม่งกวนตีน คือหน้ามันหยิ่งๆอ่ะ มองแล้วอยากเตะปากมาก” กูอยากอัดเสียงไว้จริงๆ
“มันมาถามหาไอ้ปาล์มประธานเชียร์โรงเรียนเรา กูเลยตอบกวนมันไป แม่งเดินมาต่อยปากกูเฉยเลย มึงคิดดูนะพีม ทั้งนักกีฬาโรงเรียนเรา ไหนจะสต๊าฟที่อยู่ในห้องเกือบร้อยชีวิต แต่มันคนเดียว แม่งกล้ามาก กูก็ต่อยคืน ซัดกันปากแตกทั้งคู่ ก็เพราะเรื่องนี้แหละทำให้กูกับพวกไอ้ภูมิไม่ถูกกัน”
ผมขำ ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างหนักกว่าผมกับไอ้ภูมิอีก ก็อย่างว่าพวกมันเลือดร้อนทั้งคู่ เอ๊ะ แล้วกูจะเปรียบเทียบทำติ่งอะไรวะ ผมกับไอ้ภูมิไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย ผมยกเบียร์ขึ้นกระดกรวดเดียวหมดกระป๋องแก้บ้า
“หึหึ มึงขำไรวะ เออ หลังจากวันนั้นกูกับพวกมันก็มีเรื่องกันตลอด จนมีครั้งนึงกูไปเจอมันกับไอ้ภูมิถูกเด็กช่างรุม แม่งหมาหมู่ สิบต่อสอง กูเลยช่วย”มันหันมามองผมเหมือนจะบอกว่า มึงคงรู้นะว่าเหตุการณ์ต่อไปเป็นยังไง กูจำได้มึงโดนทัณฑ์บน
“พระเอกโคตร”
“ธรรมด๊า” ผมหมั่นไส้เลยยื่นตีนไปถีบเอวมัน เชี่ยแทนแม่งใส่ไข่ให้ดูดีป่ะวะ เรื่องตีเรื่องต่อยก็มีไอ้แทนไอ้คิวไอ้เชน สมัยนั้นพวกผมเกเรมากเรียกว่ารักไม่ยุ่งมุ่งแต่หาเรื่อง
ส่วนไอ้ปันมันเป็นประธานนักเรียนจะไปมีเรื่องชกต่อย หึ ฝันไปเถอะ(แต่มันมีแอบไปบ้าง) ส่วนผมก็มีบางครั้งที่พวกมันไม่ไหวก็ต้องช่วย แต่ส่วนใหญ่จะถูกห้ามแหละถูกใช้ให้เป็นหน้าม้าสับขาหลอกอาจารย์ เวลาพวกมันออกนอกโรงเรียน
“พวกกูก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้น จนเข้ามหาลัย” โดยที่ไม่พามาให้กูรู้จักเลยนะ
“มึงเริ่มชอบมันตอนไหนวะ” ไอ้แทนเขี่ยขี้บุหรี่ลงข้างล่าง ห่า ถ้าโดนดอกกล้วยไม้คุณนายปุ้ย หัวมึงหลุดจากบ่าแน่ มันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด ใบหน้าหล่อๆของมันเจือไปด้วยความสุข เมื่อกำลังนึกถึงวันเวลาเกี่ยวกับข้าวฟ่าง
“กูก็……ไม่รู้วะ รู้ตัวอีกที แม่งก็มองแต่มัน คิดถึงแต่มัน กูเครียดมาก มึงก็รู้กูเชี่ยวผู้หญิงขนาดไหนแล้วอยู่ๆกูรู้สึกดีกับผู้ชาย แถมยังเป็นเพื่อนกันอีกต่างหาก แม่งโคตรเครียดอ่ะ มึงเข้าใจกูใช่มั้ยพีม” อือ กูเข้าใจมึง เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลย อารมณ์นี้แหละที่กูกำลังอยากเตะมันออกจากสมอง
“อืม”
“ฟ่างมันเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน แต่พี่น้องบ้านนี้แม่งก็เป็นโรคนี้กันทั้งบ้าน” งั้นก็รวมไอ้ภูมิด้วยสินะ
“……..........……”
“กูรู้ว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชาย กูก็ไม่ได้ชอบนะเว้ย ชอบแค่มันคนเดียว ไอ้ฟ่างมันเจ้าชู้ คั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ก็แม่งหล่อนี่หว่า ไม่แปลกหรอก”
“เหมือนมึงทุกประการ”
“กูหล่อหรอพีม ทำไมฟ่างชอบด่ากูว่าหน้าปลาบู่วะ” ถ้ามึงหน้าปลาบู่แล้วกูละ ไอ้แทนขมวดคิ้ว ทำหน้าขัดใจสงสัยเหมือนเด็ก
“เออ ก็เหมือนอยู่วะ ฮะๆ”
“เชี่ย ถึงไหนแล้ววะ เออ ก็อย่างที่บอก กูไม่รู้ว่ารักมันตอนไหน เคยเล่นด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน เมาด้วยกัน”
“เอากันเอง”
“สัด กูไม่เล่าแล้ว”
“ฮะๆ เออ เล่าต่อๆ”
“มึงจำได้มั้ย มีอยู่พักนึงที่กูชอบกอดชอบซบมึง เพราะกูสับสน กูเริ่มรู้ตัวว่าชอบมัน กูเลยลองพิสูจน์ดูว่ากูชอบผู้ชายรึเปล่า กูต้องกินยานอนหลับเลยนะเว้ยช่วงนั้น ปรึกษาใครก็ไม่ได้ จะบอกพวกมึงก็ไม่กล้าอีก ก็ช่วงที่มึงทักว่ากูดูโทรมๆ”
ผมตบหัวไอ้แทนเต็มๆฝ่ามือ คำว่ายานอนหลับทำหัวใจผมแกว่ง มีสมองเอ็นฯติดตั้งวิศวะแค่ชอบผู้ชายเสือกคิดอยากตาย
“มึงเอากูเป็นหนูทดลอง ไอ่สัด”
“ฮ่าๆก็กูไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่า แต่มันก็ทำให้กูรู้ล่ะนะว่า สะอิดสะเอียนมันเป็นยังไง”ลุกขึ้นกระทืบไอ้แทนไส้แตก ต้องติดคุกมั้ยครับ
“แล้วทำไมมึงถึงกล้าบอกมัน ไม่กลัวเสียเพื่อนรึไงวะ”
“นั่นแหละสิ่งที่กูกลัวที่สุด แต่ทำไงได้วะ ยิ่งนับวันกูก็ยิ่งห่วงยิ่งหวงมัน เห็นมันควงผู้หญิงไปกินข้าวดูหนัง
กูอยากจะกระชากหนังหัวหลุดแม่งทั้งคู่” โอ้ววโหด
“มึงเลยปล้ำมันว่างั้น”
“ไอ้ฟายย ไม่ใช่โว๊ย กูก็บอกแม่งตรงๆเลย” แมนได้อีก กูทำมั่ง
“แล้วเป็นไงวะ”
“โดนมันชกเลือดกบปาก แต่ก็คุ้ม เพราะกูจูบมันคืน” พิศาล อัครเศรณีมากๆ ชกจูบๆ “ แล้วที่ทำให้กูรู้ว่าความสุข แม่งหน้าตาเป็นยังไง ก็ตอนที่มันตะโกนใส่หน้ากูว่า “ไอ้เหี้ยแทนกว่าจะพูดได้นะมึง สัดเอ๊ย” ฮ่าๆมันก็ใจตรงกับกูวะ หน้ามันตอนนั้นกูยังจำได้ติดตาเลย แม่งโคตรขำ” หวังว่าผมคงไม่โดนไอ้ภูมิชกหน้าหงายกลับมานะ
“แล้ว แล้วมึงรู้ได้ไงว่าใคร เอ่อ กูหมายถึง”
“ใครผัว ใครเมียนะเหรอ หึหึ ของแบบนี้มันอยู่ที่ชั่วโมงบินเว้ยสัด ที่ผ่านมากูยอมรับนะว่าบางครั้งกูใช้เซกส์ระบายอารมณ์ เอามันส์ฟันสนุกๆ แต่กับไอ้ฟ่างมันไม่ใช่วะ ถึงจะตกลงคบกันเป็นแฟนแต่กูแทบไม่กล้าแตะมันด้วยซ้ำ”
“ทำไม กลัวเจอตีน”
“เชี่ยพีม กูอยากถนอมมันเว้ย ไม่รู้วะ คือไม่ต้องมีอะไรกัน แค่ได้อยู่ด้วยกัน แค่เห็นหน้ามันทุกวันกูก็มีความสุขแล้ว แต่ครั้งแรกของกูกับมัน…. มึงอย่าเล่าต่อนะเว้ย กูไม่เคยบอกใครเลยนะพีม”
“เออน่า” ผมไขว้นิ้วไว้ข้างหลังเรียบร้อยแล้วครับ
“หึหึ ไอ่ฟ่างมันคิดว่ามันจะล้มกู ฮะๆ กูกับมันก็โชกโชนมาเยอะใช่มั้ยละมึง แต่ของจริงคือกูครับ มันก็เสร็จไปตามระเบียบ เช้ามาแม่งโวยวายเขวี้ยงโทรศัพท์กูเละ เห็นหล่อๆแบบนั้นแต่เวลาอยู่กับกูน่ารักจะตาย”
เห็นไอ้แทนยิ้มกว้าง ตามันทอประกายความสุข ผมก็ยิ้มตาม
“ดีใจด้วยวะมึง”
“อืมขอบใจ แล้วมึงละ เมื่อไรวะ ไอ้คิวบอกกูว่ามีสาวตามส่งขนมหรอสัด งุบงิบนะมึง”
“สาวไหน ไม่มีเหอะ เชี่ยคิวแม่งใส่ไฟกู”
“เออ แล้วมึงจะบอกกูได้รึยัง ว่าเครียดเรื่องอะไร บอกตรงๆหน้ามึงเวลาอมทุกข์โคตรอุบาทวะพีม”ผมถอนหายใจยาว แล้วแหงนหน้ามองฟ้า ว่ากันว่าคนที่ชอบมองท้องฟ้าเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แต่ผมตอนนี้เพราะไม่รู้จะมองอะไรดีก็เลยได้แต่มองท้องฟ้า
“แทน กูรู้สึกว่าชีวิตกูมันกลวงๆวะ มันไม่มีอะไร มันว่างเปล่า ไม่มีความสุข” ไอ้แทนวางกระป๋องเบียร์ลงก่อนจะยัดก้นบุหรี่ลงในกระป๋อง มันหันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“มึงรู้อะไรมั้ยพีมว่าบนโลกนี้ คนที่ชอบพูดว่าไม่มีความสุขมีอยู่สองพวก คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกับคนที่ไม่ทำตามความต้องการของตัวเอง ส่วนมึงก็จัดเองแล้วกันว่าอยู่พวกไหน”
“……………………………” ผมนั่งคิดตามคำพูดของไอ้แทน สิ่งที่ต้องการงั้นเหรอ
“……………………………”
“พีม”
“อืม ไรวะ”
“พร้อมเมื่อไรก็บอกกูนะเพื่อน” มันตบไหล่ผมเบาๆ มันทำให้ผมรู้สึกดีจนยิ้มกลับไปให้มันได้
“อื้อ ขอบคุณเด้อบักแทน ฮ่าฮ่า” ผมกับมันคุยเล่นเรื่องบ้าบอไปเรื่อย แถมโทรไปแกล้งไอ้เชนอีก โดนมันด่ากลับ หาว่าแดกเบียร์ไม่ชวน ศุกร์นี้เลยขอจัดปาตี้เล็กๆที่บ้านผม ซึ่งก็เซย์เยสเรียบร้อยเพราะสัญญากับหมาคิวไว้เหมือนกันเดี๋ยวมันจะลงแดงตายซะก่อน
เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบตีหนึ่ง ผมกับไอ้แทนช่วยกันเก็บซากกระป๋องเบียร์ไปซุกไว้มุมห้อง ก่อนจะปีนขึ้นเตียงปิดไฟแล้วหลับเป็นตายทั้งคู่
คืนนี้ที่ดาวไม่เต็มฟ้า คืนที่แสงจันทร์แพ้แสงไฟในเมืองใหญ่ ผมมีเพื่อนดีๆนอนอยู่ข้างๆ ผมไม่อ้างว้าง ไม่เหงา ไม่เดียวดาย ขอบคุณวะแทน กูรู้แล้วว่ากูต้องการอะไร และกูก็จะทำอย่างที่ใจกูต้องการ
รอกูก่อนเถอะมึง ไอ้ภูมิ