ตอนที่11
สายหื่นกับสายยั่ว
เช้า
หยุบ หยับ หยุบ หยับ
อื้ออ อะไรว่ะ
หยุบ หยับ หยุบ หยับ
“โอ้ย อื้อออ อะไรว่ะเนี้ยย คนจะนอน” ผมพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เมื่อมีอะไรมายุบยิบข้างหลังผม และรู้สึกเจ็บแปร๊บๆเป็นช่วงๆ จนผมผงกหัวขึ้น แล้วหันมองทันที เมื่อเห็นไอ้อิทอ้าปากค้าง ทำตาเยิ้ม ไหนจะทำท่ามือปลาหมึกอยู่ตรงก้นผมนั่นอีก
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก
“ไอ้อิท!!”
พลั่ก ตุบ
ผมถีบยอดหน้ามันทันทีอย่างแรง ก่อนจะลุกยืนขึ้น ชี้หน้ามันทันทีด้วยมือที่สั่นเทา ที่สั่นไม่ใช่อะไร ตอนนี้ผมโมโหจนหน้าดำหมดแล้ว เพราะอะไรนะหรอ
มะ มันกำลังขย้ำก้นผม!!
ยังไม่พอ
มันยังคิดจะก้มลงไปหอมด้วย!!
ฮืออออออ ชั่วร้ายมากกกก
“มะ มึง” ผมยังคงชี้หน้ามันด้วยมือที่สั่น ผมโกรธจนไม่รู้จะพูดออกมายังไง ได้แต่ยืนชี้นิ้วค้างอยู่อย่างงั้น ก่อนจะลูบก้นตัวเองเบาๆ
ฮือ ก้นช้ำหมดเลย ไอ้ชั่ว
“ตีนหนักชิบ” มันบ่น ค่อยๆลุกขึ้นหลังจากผมถีบมันตกเตียงอย่างแรง เมื่อกี้อะไร ทำไมผมเห็นมันเช็ดน้ำลายด้วย
อ๊ากกกกกก
กูอยากจะบ้า
“มะ เมื่อกี้มึงทำอะไร” ผมถามมันทันที ตอนนี้รู้สึกเลือดผมจะพุ่งรวมอยู่ที่หน้า ไม่ใช่อาย แต่ผมโมโหมาก ผมอยากจะพุ่งไปแหกอกมันซะเดี๋ยวนี้
“จับก้นไง” มันตอบ เออกูรู้
“แล้วมึงจับทำไม!”
“ก็มันยั่วกู” ผมนี่อ้าปากค้างให้กับคำตอบมันเลย
มันไปยั่วมึงตอนไหน มันนอนอยู่เฉยๆนะโว้ย
“ละ แล้วเมื่อกี้มึงคิดจะทำอะไร” ผมถามต่อทันที อันนี้พีคสุด จับไม่พอ มึงก้มลงไปทำไม กูอยากรู้
“กะ กูจะก้มหอมซักหน่อย” มันตอบ มือก็เกาคางเก้อ ราวกับเขินอาย
เฮือก
เหมือนมีแฮทแทคอย่างรุนแรงแสกที่กลางหน้า
พูดไม่ออกเลยครับ
“ออกไป ออกไปจากห้องกูเดียวนี้ อ๊ากกก” ผมตะโกนด่ามัน พร้อมปาหมอนเขวี้ยงใส่ อะไรที่อยู่ใกล้มือกูเขวี้ยงใส่หมด
“ไอ้นนท์ หยุดๆ มึงเป็นบ้าอะไรว่ะเนี้ย” มันปัดป่ายของที่ผมเขวี้ยงใส่มันอย่างอุตะหลุด
“มึงนั่นแหล่ะบ้า” ผมด่ามัน ก่อนจะไปเห็นไม้แขวนเสื้อห้อยอยู่ ผมรีบกระโดดลงไปแล้วหยิบมันขึ้นมา แล้วตรงไปหามันทันที
วันนี้ตัวมึงลายแน่ ไอ้เหี้ยอิท
เพี้ยะ
“โอ้ยๆ ไอ้นนท์ กูเจ็บ” มันวิ่งหนีตายรอบห้อง เมื่อผมฟาดไม้แขวนเสื้อใส่มันไม่ยั้ง
“เออเจ็บใช่มั้ย ใครสั่งใครสอนให้มึงโรคจิตแบบนี้ เพี้ยะ ” ผมกระหน่ำฟาดรัวจนมันยกมือปัดป้องแทบไม่ทัน
“พอแล้วๆ” เมื่อเห็นว่าตัวเองจนมุม มันยกมือขึ้นยอมแพ้ทันที แล้วผมสนไหม ผมเอาไม้แขวนเสื้อง้างขึ้นเตรียมฟาดมัน มันยกมือมาจับแขนผมไว้ทันที
“นนท์จ๋า กูยอมแล้ว”
จ๋าบ้านพ่องมึงดิ
เพี๊ยะ
พอมันพูดขึ้นมา มือผมกระตุกทันที ยกฟาดไปที่แขนมันอย่างแรงจนเป็นรอยแดงปื้นขึ้นทันที วันนี้กูจะเอามึงให้ตายไปข้าง
“โอ้ย ยอมแล้วๆ” มันจับมือผมไว้เป็นพัลวัลให้ผมหยุด พร้อมกับหน้าเจี๋ยมสุดๆ
“แฮ่กๆ” ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก เหนื่อยที่วิ่งไล่ตามมันแล้วก็รัวฟาดใส่มันจนเหนื่อย ตาก็จ้องมันอย่างอาฆาต
โอ้ย ความดันขึ้น
“กูจะไม่ทำอีกแล้ว” มันบอก หมดมาดไอ้โรคจิตเมื่อกี้ไปเลย เมื่อผมฟังคำตอบของมันที่ดูไม่น่าเชื่อเอาสุดๆ เตรียมยกไม้แขวนง้างขึ้น มันก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“กูจะไม่จับ กูจะแค่มองเท่านั้น โอ้ยย ไอ้นนท์ๆ” ตอนแรกเหมือนจะดี มาตายตอนที่บอกว่าจะมองนี่แหล่ะ
“มองก็ไม่ได้โว้ย ป๊าบ” ผมทึ้งหัวแล้วโบกหัวมันไปที ก่อนมันจะรีบเงยหน้ามองผมแบบโมโห แต่พอเห็นไม้แขวนผมง้างขึ้นเท่านั้น ก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน
”ออกไปจากห้องกู” ผมเอาไม้แขวนเสื้อชี้ไล่ มันจึงเดินออกไปที่ประตูอย่างจำใจ ส่งสายตาละห้อยมาให้ผม ผมจึ้งเขวี้ยงเสื้อของมันใส่ทันที
“เออไปก็ได้ มือหนักชะมัด” ผมลูบแขนตัวเองสลับกับลูกหัวไปมา ตามตัวมันมีแต่รอยแดงจากไม้แขวนเสื้อที่ผมฟาดมันอย่างไม่ออมแรง
“หรือจะเอาอีก” ผมยกขู่
“ก็อยากเอาอยู่ มึงให้เอาป่ะ” มันตอบเสียงจริงจัง พร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
มึงยังไม่เข็ดใช่มั้ย
“อะ ไอ้” ผมอ้าปากพะงาบๆรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไมรู้ กับคำตอบของมัน ที่ทำเอาผมอึ้งจนพูดไม่ออก จากนั้นมันก็พุ่งมาหาผม ก่อนจะโน้มหน้าจนจมูกผมชิดกับมัน จนผมเห็นหน้ามันใกล้ๆระยะประชิด
ผมเผลอจ้องตากับมันอย่างไม่รู้ตัว แววตาของมันทั้งเจ้าเล่ห์และโรคจิต จนผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายืนชิดกับมันแบบนี้นานเท่าไหร่ จนมันพูดขึ้น
“ซักวันกูจะเอามึง ป๊าป” มันบอก พร้อมกับตะปบก้นผมแล้วบีบแน่น จากนั้นมันก็ผละออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่วายหันมาขยิบตาให้ผมอีก
“อะ ไอ้” ตอนนี้คำพูดผมติดอ่างไปเลย พร้อมกับชี้นิ้วไปที่มันอย่างตกใจ ก่อนที่หน้าผมจะแดงแปร๊ดขึ้นมาและร้อนผ่าวราวกับคนเอาอะไรมารนที่หน้าผม
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมหน้าแดงเพราะอะไร
กับคำพูดของมัน
โมโห หรือ อายกันแน่
โอ้ยย ไอ้นนท์อยากจะบ้า
หลังจากไอ้อิทไป ผมก็รีบมองนาฬิกา มันเกือบจะแปดโมงอยู่แล้ว ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวทันที เพื่อที่จะไปประชุม เรื่องรับน้อง ที่จะไปวันพรุ่งนี้แล้ว พอไปถึงมหาลัยก็เก้าโมงพอดี กว่าจะประชุมเสร็จก็เกือบเที่ยง จึงแยกย้ายและรีบเตรียมตัว ส่วนหน้าที่ผมก็ไม่มีอะไรมาก เพราะแบ่งหน้าที่กันแล้ว ผมแค่ช่วยเช็คชื่อ ดูแลอาหารแค่นั้น ไอ้เต้ก็จะคุมน้องเรื่องกิจกรรมต่างๆ
“ไอ้เต้ รถออกกี่โมง” ผมหันไปถาม หลังจากที่พวกผมประชุมเสร็จและกำลังจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร
“หกโมงเช้า รวมตัวกันที่หน้าตึกสอง ทำไม กลัวตื่นไม่ทันอะดิ” มันหันมาตอบกวนผม ซึ่งมันก็จี้ใจดำผมอย่างแรง
“เออดิ” ผมบอกมันอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ที่โรงอาหาร หลังจากจับจองที่นั่งกันแล้ว
“เดียวกูไปนอนด้วย” มันว่า ผมนี้ตวัดมองมันทันที
“ไม่ต้อง” ผมบอกอย่างรวดเร็ว จนไอ้เต้มันขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะลืมตัวว่าตัวเองพูดดังไป
“กูตื่นทันหรอก บอกตัวมึงเถอะ”ผมตอบไป ก่อนจะทำหน้าปกติ เมื่อเผลอคิดไปถึงไอ้โรคจิต
“อะไรของมึงเนี้ย” มันว่า ซึ่งผมก็ไม่สนใจมัน ลุกเดินไปซื้อกับข้าวทันที
จากนั้นช่วงบ่าย ผมก็แยกย้ายกับไอ้เต้ เพื่อไปเก็บกระเป๋า ระหว่างทางที่ผมเดิน รู้สึกเหมือนมีคนมาตามผมอยู่ก็ไม่รู้ พอหันหลังกลับไปดูก็ไม่เจอใคร
คิดไปเองมั้ง
เมื่อคิดว่าตัวเองคงคิดไปเอง ผมจึงรีบตรงกลับห้องทันที ก่อนจะรื้อหาเป้เตรียมเก็บเสื้อผ้าไปเข้าค่ายพรุ่งนี้ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน เบอร์แปลกด้วย ผมจึงกดรับทันที
“ฮัลโหล ครับ”
“นนท์พี่เอง” พี่ไหนฟ่ะ ผมผละออกจากโทรศัพท์แล้วจ้องมองเบอร์แปลก ที่บอกว่าเป็นพี่ผมซะงั้น
“โทษนะครับ ใครครับ” ผมถามออกไปอย่างสงสัย
“พี่เมฆเอง จำได้มั้ย หรือลืมกันไปแล้วเนี้ย” ปลายสายพูดติดงอนนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะนึกได้ ว่าปลายสายคือใคร
“พี่เมฆ!!” ผมร้องออกไปอย่างดีใจ พี่เมฆแกหายไปหลังจากที่ผมขึ้นมอปลาย จากนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับพี่เขาอีก เพราะพี่เมฆไปเรียนต่างประเทศมา
“นึกว่าจำกันไม่ได้แล้ว” เสียงหัวเราะออกมาจากปลายสาย ให้กับความขี้ลืมของผม
“จำได้สิ นนท์คิดถึงพี่เมฆมาก” ได้ทีอ้อนซะเลย
“พี่ก็คิดถึงเรา อยู่ไหนหนิ พี่จะไปหา พอดีพี่อยู่แถวๆมอเรา”
“จริงหรอครับ พี่เมฆไปรอนนท์อยู่ตรงร้านนมหน้ามอนะครับ เดียวนนท์ออกไป แปปเดียว” ผมรีบบอก
“ครับๆ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย”
“คร้าบบบ”
ผมรีบวางสายแล้ว ดิ่งตรงออกจากห้องทันที แล้วไปโบกวินหน้าหอ กว่าจะไปถึงก็ใช้เวลาเกือบสิบนาที
“พี่เมฆนนท์ถึงแล้ว” ผมลงจากวิน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรทันทันทีหลังจากถึง
ร้านนม
“พี่เห็นเราแล้ว รออยู่ตรงนั้นเดียวเดินไปหา” พี่เมฆว่าแค่นั้น ก่อนจะวางสายไป ขณะที่ผมรอ ผมมองออกไปอีกฝากของถนน มีรถสีดำคุ้นตาผมจอดอยู่ ทำไมมันดูคุ้นๆยังไงไม่รู้ ก่อนที่ผมจะได้สงสัยอะไร เสียงพี่เมฆก็เรียกผมขึ้นมา
“นนท์”
“พี่เมฆ” ผมมองผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ ที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบกว่า แต่งตัวโครตเท่เลยวันนี้ แถมแขนพี่แกยังมีรอยสักอีก เท่โครตตต
“ไงเรา” พี่เมฆทักขึ้น พร้อมกับถอดแว่นดำออก อ่อล่าความหล่อพุ่งปรี้ดขึ้นทันที
“ทำไมพี่สูงจัง หล่อด้วย” ผมถามออกไป จนพี่เมฆหลุดขำออกมา
“ ฮ่าๆ พี่เป็นนักบาสหน่ะ มีแต่เรานี่แหล่ะ ตัวเท่าเดิม” พี่แกว่า แล้วดึงผมเข้าไปกอด แล้วยีหัวผมจนยุ่งไปหมด
“นนท์คิดถึงพี่เมฆจัง” ผมกระโดดกอดตอบอย่างดีใจ ถึงจะเมื่อยเวลายืนคุยก็ตาม เพราะผมต้องแหงนคอเงยหน้ามองพี่จนคอแทบเคล็ด
“ไหน มีอะไรโตขึ้นมาเนี้ย เห็นตัวเท่าเดิม” พี่เมฆผละผมออก แล้วจับผมหมุนซ้ายหมุนขวา จนผมต้องจับมือพี่แกให้หยุด
“นนท์ก็โตแล้วน้า” ผมกระเง้ากระงอดตอบ เมื้อถูกจี้
“อ๋อ ที่โต ก็มีแต่เจ้านี่ใช่มั้ย” พี่เมฆพูดเสร็จ ก็เอามือสองข้างมาจับก้นผมทันที แกแค่แตะ ไม่ได้บีบหรือขย้ำอะไร ผมก็ไม่ได้ดึงมือแกออก
“พี่เมฆอ่ะ เลิกล้อนนท์ได้แล้ว แม่คงฟ้องอีกละสิ” ผมเต้นเร้าอย่างขัดใจ เมื่อโดนล้อก้น สงสัยพี่แกคงรู้จากแม่ที่เล่าให้ฟังอย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ แบบนี้พี่ก็ห่วงแย่เลย ใหญ่นะเนี้ย” พี่แกแซว ผมนี้หน้าร้อนทันที
“พี่เมฆอ่ะ” ผมทำปากยื่นใส่ จนพี่แกเอานิ้วดีดปากผม
“โอเคๆไม่แซวแล้ว ไหนมาหอมชื่นใจทีดิ๊” ก่อนแกจะปล่อยมือจากก้มผม แล้วเอาแขนมาเกี่ยวคอผม จากนั้นแกก็ก้มจูบหน้าผากผมไปที ผมนี่ยิ้มแฉ่งเลย
“ค่าหอมสองพัน” ผมพูดขึ้น จนพี่แกหมั่นไส้ ยี่หัวผม จนผมหัวเราะร่าไม่หยุด
“งกจิ้ง ไอ้เตี้ย”
“น้องใครไม่รู้ ฮ่าๆ” ผมย้อน จนโดนพี่เมฆเขกหัวไปที
ง่า
จากนั้นพี่เมฆกับผมกำลังจะพากันไปขึ้นรถที่พี่เมฆจอดไว้ไม่ไกล เพื่อที่จะไปกินชาบูของโปรดของผม แต่ระหว่างที่กำลังจะไปขึ้นรถ คนที่ผมเพิ่งไล่มันออกจากออกเมื่อเช้ายืนขวางทางตีหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้าพวกผม พร้อมบรรยากาศมาคุ อึดอัด น่ากลัวยังไงไม่รู้จนผมต้องยกมือลูบแขนตัวเอง
“ใครอ่ะนนท์ เพื่อนเราหรอ” พี่เมฆหันมาถามอย่างสงสัย
“เปล่าครับ นนท์ไม่รู้จัก ไปกันเถอะ นนท์หิวแล้ว” ผมตอบพี่แกอย่างไม่สนใจคนตรงหน้า ก่อนจะดึงแขนพี่เมฆไปทันที ไม่ทันเห็นแววตามันกร้าวขึ้นโดยที่ผมไม่ทันได้สังเกต
“งั้นหรอ ป่ะงั้น ขอตัวนะครับ” พี่เมฆเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินผ่านไอ้อิทไป พร้อมกับผมที่เกาะแขนเดินตาม แต่เดินไปไม่ถึงสองก้าว ผมก็แทบจะหงายหลัง เมื่อถูกมือของอีกคนกระชากไป
หมับ
โอ้ย
แรงกระชากอีกฝ่ายทำให้ผมถลาตัวมาหามัน จนต้องปล่อยมือที่แขนพี่เมฆ ก่อนจะตวัดมองมันอย่างไม่พอใจ และกำลังจะอ้าปากด่ามัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องหุบปากทันที เมื้อหน้าของมันที่ถมึงทึงและน่ากลัวมาก
มึงเป็นอะไรเนี้ย
“ปล่อย กูเจ็บ” ผมบอกมัน แต่มันกลับไม่ฟัง บีบผมจนร้าวไปทั้งแขน ก่อนจะกระชากผมเข้ามาใกล้มันอีก แล้วมันก็ก้มลงกระซิบที่ข้างหูผม
“มึงทำตัวของมึงเองนะ”
ผมไปทำบ้าอะไรของมัน
มันพูดแค่นั้นแล้วก็ผละออกไป ทิ้งให้ผมงงกับคำพูดของมันอยู่อย่างนั้น จนพี่เมฆทักขึ้น
“เป็นอะไรรึเปล่านนท์ มันทำอะไรเราหรือเปล่า” พี่เมฆเดินมาหาแล้วถามอย่างเป็นห่วง ผมแค่ส่ายหัวให้บอกว่าไม่เป็นไร
จากนั้นเราก็พากันไปกินชาบูในห้างกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบทุ่มกว่า เมื่อคุยกันจนเพลิน รำลึกความหลังกับพี่แกสมัยเป็นเด็กๆ ตอนนั้นผมติดพี่แกมาก ผมชอบอ้อนเวลาอยากได้อะไร แล้วพี่แกก็จะซื้อให้ทันที ซึ่งผมชอบมาก หลังจากนั้นพี่เมฆเลยอาสามาส่ง ทั้งที่ผมบอกแล้วว่าจะกลับเอง แต่ก็คะยั้นคะยอมาส่งผมจนได้
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ผมยกมือไหว้พี่แก เมื่อรถหรูมาจอดหน้าหอผม
“อะไร ไม่คิดจะชวนพี่ไปดื่มน้ำเลยรึไง เหนื่อยนะเนี้ย” พี่แกบ่นไม่จริงจัง จนผมหัวเราะขำกับความขี้โม้ของพี่แก
“ห้องนนท์รกอ่า” ผมตอบ คือมันรกๆจริง อายด้วย
“รกแค่ไหนเชียว ป่ะ” พี่แกไม่สน คล้องคอผมลากขึ้นไปบนห้องทันที พอไปถึง แล้วเห็นสภาพห้องของผม
“รกจริงๆ” พี่เมฆเท้าเอว แล้วมองรอบๆห้องผม จนผมรีบเก็บเสื้อผ้า พวกหนังสือ เก็บเข้าที่แทบไม่ทัน
“นนท์บอกแล้ว ว่ารก พี่เมฆก็อยากมาเอง” ผมบ่น มือก็ยังยัดหนังสือใส่ตู้อย่างรวดเร็ว จนพี่เมฆส่ายหัวให้กับห้องของผม
“งั้นพี่ไปละ แค่มาดูว่าแอบซ่อนผู้ชายไว้หรือเปล่า” พี่เมฆพูดขึ้น พลางกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง ผมนี่ลุกตามแทบไม่ทัน และยังงงกับคำพูดของพี่แก
พูดแบบนี้คืออารัย
“พี่เมฆอ่ะ นนท์ผู้ชายนะเว้ย” ผมว่า
“ฮ่าๆ ผู้ชายแล้วไง ดูหน้าตัวเองก่อนเถอะ เตี้ยเอ้ย”
เปาะ
“อ๊ะ เจ็บนะเว้ย” พี่เมฆดีดหน้าผากผมเสียงดัง จนผมจับลูบตรงที่ดีด มองพี่แกอย่างเคืองๆ แล้วเดินหน้ามุ้ยออกมาส่ง พร้อมกับเสียงหัวเราะพี่แก ผมกะจะไปส่งด้านล่างพี่แกก็ห้ามไว้ซะก่อน
“ส่งแค่นี้พอ แล้วเตรียมกระเป๋าเสร็จยัง ไม่ลืมอะไรใช่มั้ย” พี่เมฆหันมาถามเหมือนนึกขึ้นได้
“เรียบร้อยค้าบ” ผมตอบ ที่จริงยังไม่เก็บเลย ฮ่าๆ
“ดีแล้ว งั้นส่งแค่นี้แหล่ะ ไปละเตี้ย มาจุ๊ฟทีดิ๊” พี่เมฆเอ่ยลา ก่อนจะดึงหน้าผมไปจุ๊ฟหน้าผากราวกับว่าผมเป็นเด็ก
“ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย” แกทำท่ายกมือขึ้นเป็นสัญญาณโทรศัพท์
“ค้าบบ”ผมลากเสียงยาว ก่อนจะพยักหน้า แล้วก็โบกมือลาทันที จากนั้นก็ปิดประตู กำลังจะหันหลังกะจะไปอาบน้ำ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
แกรก
“พี่เมฆลืมอะไรหรอ” ผมถามขึ้นมา คิดว่าเป็นพี่เมฆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น
“ไอ้อิท”