เสื้อกาวน์เก่าๆ.......กับเราสองคน
ตอนที่ 106
การมาเยือนของบุคคลที่สามหลังจากร่ำลาหมอจ๊ะโอ๋หน้าเข้มในคราวก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และตอนนี้ไอ้หมอหน้าเข้มก็เหินฟ้าบินไปเรียนต่อล่วงหน้าผมเรียนร้อยแล้ว
นานๆจึงจะเห็นหมอติ๊บพูดถึงหมอจ๊ะโอ๋หน้าเข้มให้ฟังซักที
แต่ก็ยังดีที่คราวก่อนได้รู้แล้วว่าทั้งสองคนไม่มีทางเป็นอะไรกันมากกว่าพี่ชายและน้องชายเท่านั้น.....
หากแต่ทว่าความโล่งใจก็เกิดขึ้นกับผมเพียงไม่นานเท่านั้น
เมื่อหมดหมอหน้าเข้ม
ก็อย่าลืมว่ายังมีหมอหน้าจืดเหลืออยู่อีกทั้งคน
แม้จะรู้และเข้าใจดีว่าไอ้หมอหน้าจืดนี่หรือจะสู้หรือทัดทานความหล่อของผมคงเป็นไปได้ยาก
แต่ว่าด้วยความสนิทสนมและการที่ได้อยู่ร่วมกันกับติ๊บตลอดทำให้ผมอดหวั่นไหวไม่ได้เหมือนกันแฮะ
//////////////////////////////////////////////////////
'' พี่ไม้คับวันนี้ไม่ต้องมารับติ๊บที่คลินิกนะ พอดีวันนี้วันเกิดบอยเดี่ยวไปทานข้าวกับเพื่อนแล้วไปร้องคาราโอเกะต่อ ถ้าจะมาหาก็โทรมาแล้วกันบอยฝากชวนพี่ไม้มาด้วย ''
เสียงเจ้าตัวเล็กเจื้อยแจ้วมาตามสายในตอนเย็ฯของวันก่อนที่ผมจะออกรถจากที่ทำงานไปรีบที่คลินิคเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ช่วงนี้ใกล้สอบช่วงซัมเมอร์แล้ว
เจ้าตัวเล็กก็อ่านหนังสือหนักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
คงจะเป็นการดีถ้าจะปล่อยให้สนุกสนานตามประสาเพื่อนๆบ้างเพราะผมก็ไม่ได้เห็นเขาไปทานข้าวกับเพื่อนๆหรือสังสรรค์ปาร์ตี้กันที่ไหนเลย
และตอนนี้ผมก็เชื่อใจคนที่ผมรักมากด้วย
สี่ทุ่มผ่านไปเจ้าตัวเล็กโทรมารายงานว่าออกจากร้านสเต๊กเรียบร้อยแล้วกำลังจะไปร้องเพลงต่อกับเพื่อนๆ และจะกลับราวๆเที่ยงคืน เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์พรุ่งนี้ไม่มีเรียนผมเลยอนุญาต
เที่ยงคืนผ่านไปไม่นานเจ้าตัวเล็กก็โทรเข้ามือถือผมอีกรอบบอกกำลังจะกลับแล้ว
และคนที่จะกลับด้วยก็คือเจ้าของวันเกิด
เพราะหอพักของไอ้หมอหน้าจืดอยู่เลยหอพักผมไปไม่เท่าไหร่เอง
และเพียงไม่กี่นาทีเจ้าหมอหน้าจืดก็มาส่งหมอติ๊บถึงหน้าหอพักเรียบร้อยผมดูจากประตูหลังห้องเห็นทั้งสองร่ำลากันซักพักเจ้าตัวเล็กก็เดินลิ่วๆขึ้นห้องทันที
'' เป็นไงบ้าง งานวันเกิดสนุกหรือเปล่า '' ผมเอ่ยถามเมื่อเจ้าตัวกลับเข้ามาถึงห้องพร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ
'' ก็สนุกดีคับเพื่อนไปกันหลายคนเลย นานๆจะได้สนุกสนานกันซักทีนึง '' เจ้าตัวเล็กตอบมา
'' ก็ดีแล้วผ่อนคลายบ้างแต่อย่าให้เกินขอบเขตแล้วกัน '' ผมปราม
'' เกินขอบเขตนี่หมายถึงยังไงอะ '' ติ๊บหันมาถามผมด้วยสีหน้างุนงง
'' ก็อย่าสนุกให้เกินขอบเขตกินเหล้าหินยาอะไรงี้ไง บอกไว้ก่อนนะถ้ามีแบบนี้คราวหลังพี่ไม่ให้ไป ''
'' อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก รู้หน้าที่ตัวเองดีครับ นึกว่าห้ามสนุกเกินขอบเขตประมาณห้ามเต้น ห้ามร้องเพลงสนุกเกินขอบเขต อันนี้ห้ามไม่ทันแล้ว เต้นหลุดโลกไปหลายเพลงแล้ว '' ติ๊บหันมาตอบผมอย่างอารมณ์ดี
'' คนอื่นอะ พี่เชื่อ แต่ถ้าหมอติ๊บเต้นนี่พี่ว่าเมาน้ำส้มหรือเปล่า '' ผมกัดเล็กๆไปหนึ่งที
'' อ้าว รู้จักติ๊บน้อยไปซะละเดี๋ยวเหอะ เจอติ๊บเต้นเข้าแล้วจะเหวอออ '' เจ้าตัวเล็กออกคำขู่ก่อนเดินไปหลังห้องดึงผ้าเช็ดตัวเตรียมเข้าไปอาบน้ำ ซึ่งผมรอจังหวะนี้มาทั้งคืนแล้ว
'' ไหนๆเต้นให้พี่ดูหน่อยดิ อยากเห็น '' ผมเอ่ยก่อนเดินดุ่มๆไปรวบเจ้าตัวเล็กเข้าไปอาบน้ำก่อนจัดการให้เต้นให้ดูในห้องน้ำเรียบร้อย
ผมหัวเราะร่วนจนตัวงอ ก่อนเอ่ยถามกระเซ้าเย้าแหย่เจ้าตัวเล่น
'' นี่เหรอท่าเต้น เห็นแต่ดิ้นซะมากกว่า ''
'' ก็มันคนละอารมณ์กันนี่จะให้เหมือนกันได้ไง เดี๋ยวเหอะล้อมากๆ เดี๋ยว เดี๋ยว….. ''
เจ้าตัวเล็กพอโดนล้อเข้าไปหน่อยก็ออกอาการเฉไฉ แกล้งทำหน้าดุจะตัดเจ้าน้องชายผมซะงั้น
'' โอ๋ ไม่ล้อละ หมอติ๊บเรียนเก่ง เต้นเก่ง เก่งทุกอย่างเลยยยย '' ผมต้องมาแกล้งปลอบซะงั้น
'' อืมมม พูดจาแบบนี้ค่อยน่าคบหน่อย '' เจ้าตัวหันมาค้อนผมงอนๆพอน่ารักหนึ่งที
'' พี่ไม้พรุ่งนี้วันเสาร์ทำงานหรือเปล่า หรือมีนัดที่ไหนเปล่า '' เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามผมขึ้นขณะเช็ดผมเปียกๆอยู่หน้าตู้กระจก
'' ไม่ได้ไปไหน จะชวนไปไหนเหรอ '' ผมหันมาจ้องหน้าเจ้าตัวเล็กแบบขอคำตอบ
'' ว่าจะชวนไปซื้อของหน่อยอะ ของในตู้เย็นหมดแล้ว อีกอย่างติ๊บก็อยากได้ของใช้นิดหน่อย ''
'' คับ เดี่ยวพรุ่งนี้พี่พาไป คืนนี้ก็นอนพักเหอะ ดึกมากแล้ว ''
'' พี่ไม้ง่วงก็นอนก่อนเหอะ ติ๊บยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยเดี่ญวขออ่านซักพักก็เข้านอนแล้วรอผมแห้งแป๊บนึง ''
เจ้าตัวเล็กตอบก่อนเดินมาหอมแก้มและจูบคางผมเบาๆหนึ่งทีให้เข้านอนและหลับฝันดี
ตีสองกว่าๆผมลืมตาขึ้นมาท่ามกลางแสงไฟสลัวจากโคมไฟอ่านหนังสือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
และเห็นเจ้าตัวเล็กอยู่ในอาการเดิมเหมือนช่วงใกล้สอบทุกทีคือการฟุบหลับไปกับหนังสือกองโต
นี่คือสิ่งเดียวที่ผมออกจะเป็นห่วงมนวันข้างหน้าที่ผมต้องไปอยู่ไกล
คือผมกลัวว่าเจ้าตัวเล็กของผมจะไม่ดูแลตัวเองเท่าที่ควร
เพราะในตอนนี้ผมยังต้องกำชับให้กินนม กินอาหารเสริม
ถ้าผมไม่บอกเจ้าตัวก็แกล้งลืมไปโดยปริยาย
แต่คิดในแง่ดี อาจจะแลก้งลืมให้แฟนเอาใจใส่ก็ได้นะ เหมือนที่ผมเป็นบ่อยๆไง อิอิ
ตื่นขึ้นมาในตอนสายๆ พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ปลุกให้ผมลุกขึ้นจากเตียง
ขนมปังปิ้งร้อนๆ ทำให้ผมไม่สารมารถทนทานนอนห่อตัวในผ้าห่มอยู่ต่อไปได้อีก
'' เช้านี้อย่าลืมว่าต้องพาติ๊บไปในเมืองน่ะจ๊ะ '' เจ้าตัวออกคำสั่งกำชับก่อนยื่นผ้าเช็ดตัวให้ผมจัดการอาบน้ำอาบท่าในเวลาอันรวดเร็วก่อนออกมาจัดการอาหารเช้าที่เจ้าตัวเล็กจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีแล้วซิน่ะที่ติ๊บทำหน้าที่แบบนี้ไม่เคยขาดตกบกพร่องไปแต่อย่างใด
ไม่ว่าในช่วงใกล้สอบที่เจ้าตัวเล็กเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภาระรับผิดชอบต่อทั้งการเรียน การทำงาน
แต่ภาระรับผิดชอบของคำว่า แฟน ไม่เคยขาดหายไป
ผมยังมีอาหารเช้าหอมกรุ่นไว้รอผมในทุกเช้าและออกจะเป็นอาหารเช้าสุดพิเศษในวันหยุด
การดูแลเอาใจใส่เมื่อผมไม่สบาย และการขอบคุณผมด้วยการกราบแผ่นอกก่อนเข้านอนในทุกวัน
เป็นสิ่งที่ผมได้รับอยู่เป็นประจำจากเจ้าตัวเล็กไม่เคยขาดหาย
แล้วถ้าวันนึงี่เราอยู่ไกลกัน ผมคงใจหายไม่น้อยเลยซินะ
ช่วงสายๆของวันผมพาเจ้าตัวเล็กมาซื้ออุปกรณ์การเรียนเล็กน้อย
แล้วก็ซื้ออาหารไปตุนในตู้เย็นเป็นปกติของเราสองคน
ก่อนจะแวะเติมความหวานให้เราสองคนเหมือนทุกคราวที่ผ่านมานั่นคือ การนั่งสบตากันในร้านไอติม
มันยังทำให้หัวใจผมพองโตได้ทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มในร้านไอติมแบบนี้อยู่ทุกทีที่มีโอกาส
'' ทำไมวันนี้พี่ไม้มองหน้าติ๊บแปลกๆ '' เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามผมขึ้นด้วยใบหน้างุนงงสงสัย
'' ก็เปล่าเห็นวันนี้ติ๊บมีความสุขดี แตกต่างจากวันแรกที่พี่เห็นหน้าติ๊บไปโดยสิ้นเชิง '' ผมตอบยิ้มๆ
'' อ้าว แสดงว่าวันแรกที่เจอกันนี่ดูไม่ได้เลยใช่มั้ย '' เจ้าตัวเล็กออกอาการงอนซะงั้น
'' เปล่าหรอก แค่ภาพแรกที่เจอติ๊บมันเป็นความหม่นเศร้าของเด็กบ้านนอกคอกนาคนนึง แต่ดูติ๊บที่อยู่ตรงหน้าของพี่ตอนนี้ซิ ไม่เหลือวี่แววความเศร้าหมองแม่แต่นิดเดียว '' ผมตอบจริงจัง
'' ช่วงเวลาร้ายๆที่ผ่านมา ติ๊บผ่านมันมาแล้ว จะเก็บมันมาใส่ใจทำไมละคับ สิ่งเดียวที่ติ๊บทำได้คือเก็บมันไว้เป็นประสบการณ์และบทเรียนดีๆในชีวิต ให้ติ๊บมีแรงผลักดันสู้ต่อไปข้างหน้า แต่ติ๊บจะไม่เก็บเอามันมาอยู่กับติ๊บตลอดเวลาหรอกคับ '' เจ้าตัวเล็กตอบกลับมาจริงจังไม่แพ้กัน
'' ติ๊บร้องไห้มาเยอะแล้ว และต่อไปติ๊บก็จะยิ้มให้กับทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในชีวิต ย่าเคยสอนติ๊บเสมอๆว่าอะไรหลายๆอย่างในชีวิตของคนเราที่เกิดขึ้นแล้ว มันจะสวยงามเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันจากมุมไหนมากกว่า ''
'' อืม ดีมาก เข้มแข็งดีจังงั้นต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ขอให้ติ๊บเลือกมองแต่มุมที่ดีๆแล้วกันนะ ''
ผมเอ่ยก่อนเอื้มอมือไปขยี้หัวเจ้าตัวเล็กที่กำลังตักไอติมชอคโกแลตที่แสนโปรดปรานเข้าปากไปเรียบร้อย
'' แน่นอนซิ ก็เหมือนที่ติ๊บมองพี่ไม้นี่แหละหล่อทุกมุม '' อืมม อันนี้พี่ไม่เถียง ผมรู้ตัวอยู่แล้วละว่าผมหล่อทุกมุม
'' พี่ก็ว่างั้นแหละ แต่มุกวัตถุทรงกลมนี่ใช้กับพี่ไม่ได้แล้วนะ ดูนี่มีกล้ามมีซิคแพคของจริง ''
ผมเอ่ยคำขู่ ก่อนเปิดหน้าท้องโชว์เจ้าตัวเล็กให้พอหน้าแดง
แล้วไอติมที่แสนอร่อยในวันหยุดพักผ่อนของเราสองคนก็ผ่านพ้นไป
ก่อนพาเจ้าตัวเล็กเดินดูเสื้อผ้าที่ชั้นล่างของบิ๊กซี
และทุกครั้งที่ผมพาเจ้าตัวเล็กไปช๊อปปิ้งเสื้อผ้า คนที่ได้สวมใส่มักจะเป็นผมเสมอๆ
เพราะเจ้าตัวเล็กเวลาไปช๊อปก็บอกไม่รู้จะซื้อมาทำไม เสื้อผ้าตัวเองในตู้มีเยอะแล้ว
แต่เห็นผมใส่แต่เสื้อตัวเดิมๆเลยซื้อมาให้ผมแทนซะงั้น
จนผมออกจะค้านอยู่ในใจว่าเสื้อผ้าผมที่ใส่อยู่แค่ตัวเก่าๆที่ว่า ก็มันไม่รู้จะใส่อะไร
เวลาไปทำงานผมก็ใส่เสื้อกาวน์สั้นกับกางเกงแสลค
ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ไม่ได้ออกไปไหนผมก็ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดอยู่ห้อง
ส่วนชุดเที่ยวผมก็มีอยู่เต็มตู้แค่ไม่มีโอกาสได้เที่ยวเลยไม่ได้ใส่ชุดอื่นให้เจ้าตัวเล็กเห็นบ้างก็เท่านั้นเอง.....
แต่เจ้าตัวเล็กของผมตอนนี้ซิ
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อนกับภาพเด็กชายตัวน้อยๆ หน้าตาหม่นเศร้า แต่งตัวเรียบง่ายไม่บ้าแฟชั่นแบบที่วัยรุ่นในยุคนั้นเป็นกัน
แต่เจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนเท่าใดนัก
เสื้อผ้ายังคงเป็นชุดเรียบง่ายใส่สบายถูกกาลเทศะมากกว่าจะนิยมไปตามกระแสทั่วไป
แต่ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนจากเมื่อก่อนคือใบหน้าที่มีแววตาหม่นเศร้าตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มสดใส
และผิวพรรณที่ผุดผ่องดูมีสง่าราศีกว่าเมื่อก่อนอย่างผิดหูผิดตา
แม้ติ๊บจะไม่ได้ขาวไปกว่าเมื่อก่อนแบบผิดหูผิดตา แต่ความมีชีวิตชีวาและความมีสง่าราศีนี่มันต่างกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ
แบบนี้จะไม่ให้หวงได้ไงตัวขาวๆ หน้าใสๆ แถมไม่ดี๊ด๊าซะจนน่าเกลียดเหมือนคนอื่นๆ นี่ซินะที่มัดใจผมซะอยู่หมัด
รวมไปถึงความโก๊ะแบบรั่วๆ ที่ทำให้ผมหัวเราะออกมาได้อยู่บ่อยๆนี่อีกอย่างที่ทำให้ผมอารมณ์ดีได้เสมอๆ
'' พี่ติ๊บคะ '' เสียงเรียกให้ผมและเจ้าตัวเล็กหันหลังกลับในขณะที่ผมรอจ่ายเงินอยู่ที่หน้าเค้าท์เตอร์เสวนเซ่น หลังจากเราอร่อย และอารมณ์ดีผ่านไปเรียบร้อยแล้ว
'' อ้าวน้อง….. มาช๊อปปิ้งเหรอคับ '' เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามเด็กผู้หญิงรุ่นน้องคนหนึ่ง
'' พอดีเพื่อนๆมาดูหนังกันค่ะ ใกล้สอบแล้ว ''
'' แล้วนี่มากันกี่คนเหรอจ๊ะ '' เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามไป
'' อ๋อ มากันกลุ่มใหญ่เลยคะ พี่ติ๊บคะพอดีมีคนฝากมาขอเบอร์พี่ติ๊บคะ ''ติ๊บหันมาสบตากับผมแบบงุนงง
'' ใครเหรอ ไม่มาขอพี่เองพี่ก็ไม่กล้าให้นะ บอกเขาแสดงตัวมาแล้วกันพี่จะได้กล้าให้เบอร์ ''เจ้าตัวเล็กนี่ก็ลูกล่อลูกชนไม่เบาแฮะ
'' โน่นคะ ยืนอยู่ตรงโน้น '' ผมกับเจ้าตัวเล็กมองไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่นคาดว่าน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งเพราะเห็นยังยกมือไหว้กันทุกคน
'' คนที่เก๊กหล่อที่สุดในกลุ่มนั่นอะคะ '' ฝากมาขอ
'' อ๋อ น้องเบส ทำไมไม่มาขอเบอร์พี่เองละคับ ฝากเพื่อนมาขอแบบนี้ไม่แมนเลย ฝากไปบอกด้วยแล้วกันถ้ากล้ามาขอเองแล้วพี่จะให้ '' ติ๊บบอกก่อนเดินนำผมลิ่วๆไปยังอาคารจอดรถทิ้งให้ผมงุนงงกับอารมณ์เจ้าตัวเล็กตอนนี้เป็นที่สุด
ไอ้เด็กคนนี้ก็ช่างปะไรหน้าตาก็ออกจะดูดี ไมชอบมายุ่งกะแฟนชาวบ้านหว่า มันน่า…..