[จบ] ลำนำจักรพรรดิ [ตอนพิเศษ] [08/07/17] [P.5]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ] ลำนำจักรพรรดิ [ตอนพิเศษ] [08/07/17] [P.5]  (อ่าน 64427 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทาสเป็ด-3-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #60 เมื่อ01-05-2017 20:44:27 »

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:ต่อด่วน อยากเห็นพระสนมโดนฆ่าตายมีลางว่ามันเป็นตัวร้าย :katai1:

ออฟไลน์ hyegena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #61 เมื่อ03-05-2017 09:48:53 »

บทที่ 8 ร่ำสุรา

           หย่งเซิงหันมาตามเสียง เห็นเหวินเจิ้งส่งรอยยิ้มละไมมาให้ในขณะที่ดวงตาดำขลับฉายแววโทสะ นัยน์ตาดำสนิทหรี่ลงอย่างครุ่นคิด

           หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นในท้องพระโรง? เหตุใดเหวินเจิ้งจึงคล้ายกับมีโทสะ

           “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” เหม่ยลี่และเหล่านางกำนัลต่างคุกเข่าถวายบังคมทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม

           “ไม่ต้องมากพิธี” เหวินเจิ้งเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นหย่งเซิงกำลังจะค่อมตัวถวายบังคม

           “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” เหม่ยลี่ลุกขึ้นมาพลางก้มหน้าจนคางชิดอก

           นางตั้งใจมาดักรอหย่งเซิงที่นี้หลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้พบเลยจนกระทั้งวันนี้ นางดีใจจนลืมตัววิ่งเข้ามาทักทายหย่งเซิงอย่างใกล้ชิด ลืมไปเสียสนิทว่าที่นี้อยู่ใกล้กับตำหนักขององค์ฮ่องเต้

           “ลี่เอ๋อ วันนี้เจ้าตั้งใจมาเข้าเฝ้าเราหรือ” เหวินเจิ้งเอ่ยถามพลางเชยคางของเหม่ยลี่ขึ้นมา

           “พะ.. เพคะ” เหม่ยลี่ร่างกายสั่นสะท้านไม่กล้าสบตาคู่สวย

           เหตุใดฮ่องเต้จึงจำนางได้ นางเป็นเพียงนางในตัวเล็กๆที่เคยถวายงานให้พระองค์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นพระองค์ก็ไม่เคยมาหานางอีกเลย นางคิดว่าพระองค์จะลืมนางไปแล้ว จึงตั้งใจเข้าหาหย่งเซิง หวังว่าเมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้วจะขอให้หย่งเซิงพานางหนีออกไปจากวังหลวงแห่งนี้

           “เช่นนั้นก็ไปกันเถิด” เหวินเจิ้งจับมือเหม่ยลี่ก่อนจะพาเดินไปตามทางของสวนดอกไม้

           หย่งเซิงมองตามแผ่นหลังโปร่งอย่างครุ่นคิด ก่อนไล่สายตาไปยังมือเรียวที่กำลังกอบกุมมือเล็กที่สั่นเทาของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาดำสนิทหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาต่ำเพื่อซ่อนนัยน์ตาคมกล้า

            “ลี่เอ๋อ เจ้ารู้จักราชองครักษ์ของเราด้วยหรือ” เหวินเจิ้งแสร้งไม่สังเกตเห็นมืออันสั่นเทาของเหม่ยลี่

           “.. เพคะ หม่อมฉันเคยเป็นเพื่อนบ้านของอาเซิ.. ราชองครักษ์หย่งเซิง..” เหม่ยลี่กัดริมฝีปากด้วยความหวาดกลัว โทษทัณฑ์ของการลอบคบชู้นั้นนางรู้ดี หากฝ่าบาทรู้เขาว่านางมีใจคิดเป็นอื่นกับหย่งเซิง เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของหย่งเซิงนางก็มิอาจช่วย

           “มิน่า พวกเจ้าจึงดูสนิทสนมกันนัก”

           “มิได้ มิได้สนิทกันถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ” เหม่ยลี่เสียงสั่นพร่า เหล่านางกำนัลคนสนิทต่างก็หน้าซีดเผือก พวกนางล้วนรู้ดีว่านายหญิงของตนพึงใจต่อราชองครักษ์หย่งเซิงคนนั้น

           เมื่อแอบลอบมองใบหน้าของหย่งเซิงแล้ว พวกนางก็ต้องตกใจที่เขามีใบหน้าเรียบเฉยราวกับเรื่องที่ฝ่าบาทและนายหญิงพูดคุยกันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเอง

           “ไม่ต้องปิดบังเราหรอก เจ้าถึงขนาดเรียกราชองรักษ์ของเราว่า ‘อาเซิง’ แม้แต่เรา หย่เงซิงยังมิยอมให้เรียกเลย” น้ำเสียงเรื่อยเฉื่อยของเหวินเจิ้งทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน

           เหม่ยลี่ก้มหน้าจนคางชิดอกหน้าซีดเผือก ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

           เหล่าผู้ติดตามต่างรับรู้ได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างสูงศักดิ์ ทั้งที่อากาศในสวนดอกไม้เย็นสบายแต่ยามนี้พวกเขาทุกคนต่างมีเหงื่อผุดซึมตามไรผมและแผ่นหลัง ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เสียสติผู้นี้ต้องการทำอะไรกันแน่

           มีเพียงหย่งเซิงที่มุมปากบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ จึงต้องรีบก้มหน้าเพื่อหลบซ่อนรอยยิ้มขบขัน จู่ๆแผ่นหลังที่แผ่ไอเย็นยะเยือกก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมาในสายตาเขา

           ราวกับเหวินเจิ้งรับรู้ได้ถึงท่าทีขบขันของหย่งเซิงจึงหยุดเดินและหันมาปรายตามองร่างสูงใหญ่ของหย่งเซิงก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ทำให้ผู้คนสูดหายใจด้วยความตกใจ

           “สวี่กงกง เราจะแต่งตั้งลี่เอ๋อเป็นพระสนมตำหนักเต๋อเฟย” หย่งเซิงเงยหน้าขึ้นมาสบตาดำขลับทันที เหวินเจิ้งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาดำสนิทก่อนจะกล่าวต่อ “และคืนนี้เราจะไปค้างที่ตำหนักเต๋อเฟย”

           “..ขอรับ” สวี่กงกงเอ่ยรับคำเสียงเบา นัยน์ตาฝ้าฟ่างแลดูสลับซับซ้อน

           “อะไรนะเพคะ” เหม่ยลี่อุทานด้วยความตกใจ นางเหลือบมองหย่งเซิงที่บัดนี้ดวงตาดำสนิทลุกวาวด้วยโทสะ แม้สีหน้าจะยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม

           “นายหญิง..” นางกำนัลคนสนิทรีบกระซิบเตือน

           “เจ้าไม่พอใจหรือ” เหวินเจิ้งหันกลับไปถามเหม่ยลี่ แต่อะไรบางอย่างบอกหย่งเซิงว่าเหวินเจิ้งกำลังถามตนอยู่ หย่งเซิงกำหมัดแน่นจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเหวินเจิ้งด้วยดวงตาลุกวาว ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ

           เขาต้องอดทน.. อีกไม่นานเท่านั้น

           “มะ.. มิได้ฝ่าบาท ขอบพระทัยเพคะ” เหม่ยลี่กัดฟันตอบด้วยความแค้นเคือง บุรุษใดจะรับได้หากรู้ว่าหญิงที่ตนพึงใจเคยผ่านมือบุรุษอื่นมาก่อนแล้ว

           ก่อนหน้านี้นางยังมีความหวังเพราะนางเคยรับใช้ฮ่องเต้เพียงครั้งเดียว แต่คราวนี้ นางกำลังได้เป็นถึงพระสนม หากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์นางคงได้ถูกฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับฝ่าบาทเป็นแน่

           นาง.. ไม่ยอม นางไม่มีวันยอม!



           แสงจันทร์สาดส่องลงมายังตำหนักเต๋อเฟยที่ประดับไปด้วยโคมแดงดูเป็นมงคล ตามทางจุดโคมไฟเสียจนสว่างไสว ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งเดินมาตามทาง ด้านหลังตามมาด้วยข้าราชบริพารที่แตกต่างจากปกติเล็กน้อย

           หย่งเซิงที่ปกติมักตามหลังฮ่องเต้เสียจนชิดบัดนี้กลับเดินตามหลังอยู่ท้ายขบวน สร้างความแปลกตาให้เล่าราชองครักษ์ไม่น้อย

           “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” เหม่ยลี่ย่อกายถวายความเคารพอย่างนอบน้อม ใบหน้าที่เคยซีดเผือกเพราะความหวาดกลัว เวลานี้กลับนิ่งสงบขึ้นมา เหวินเจิ้งมองท่าทีนิ่งสงบนั้นก่อนจะแย้มยิ้มละไม

           “ไม่ต้องมาพิธีหรอกลี่เอ๋อ” เหวินเจิ้งพยุงเหม่ยลี่ที่กำลังคุกเข่าอย่างอ่อนโยน

           ข่าวการแต่งตั้งพระสนมตำหนักเต๋อเฟยดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งวังหลวง ดวงตาทุกคู่ในวังหลวงต่างจับตามองมายังตำหนักเต๋อเฟย ว่าพระสนมคนใหม่จะสามารถมัดใจฮ่องเต้เสียสติพระองค์นี้ได้หรือไม่

           “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” เหม่ยลี่กล่าวอย่างเอียงอาย พลางเหลือบตาไปมองยังร่างสูงใหญ่ท้ายขบวน ยามนี้สีหน้าของหย่งเซิงดูเรียบเฉยเสียจนน่ากลัว ดวงตาดำสนิทมืดมิดราวกับบึงน้ำลึกที่ไร้จุดสิ้นสุด

           หย่งเซิง.. เจ้ากำลังทุกข์ใจเพราะข้าหรือ

           หัวใจเหม่ยลี่พลันรู้สึกเต็มตื้น หย่งเซิงเองก็กำลังมีใจให้นางใช่หรือไม่

           เหวินเจิ้งจ้องมองสายตาของเหม่ยลี่ที่มองเลยผ่านเขาไปยังหย่งเซิง หัวใจพลันรู้สึกขมฝาด นางมีใจให้หย่งเซิง แล้วหย่งเซิงเล่า มีใจให้นางเช่นกันหรือไม่

           หากมีเพียงเหม่ยลี่ที่มีใจอยู่ฝ่ายเดียว เหตุใดหย่งเซิงจึงยอมให้นางเรียกชื่ออย่างสนิทสนมเล่า ร่างกายสูงโปร่งสะท้านเฮือกด้วยความหนาวเหน็บ เมื่อคิดว่าในหัวใจของหย่งเซิงไม่มีพื้นที่สำหรับเขา ที่ผ่านมาสำหรับร่างสูงแล้ว ความรู้สึกที่มีให้เขาคงเป็นเพียงความเวทนาสงสาร ต่อฮ่องเต้ผู้ถูกทอดทิ้ง..

            “..เหม่ยลี่” เหวินเจิ้งครางเรียกชื่อหญิงสาวที่เขารู้สึกริษยาโดยไม่รู้ตัว

           เหม่ยลี่สะดุ้งเฮือก น้ำเสียงยามเรียกชื่อนางช่างเย็นเหยียบเหลือเกิน เหวิงเจิ้งยิ้มจนดวงตายักโค้ง ทว่าดูบิดเบี้ยวเสียจนน่ากลัว ใบหน้ายามนี้มีเพียงนางที่ได้เห็นเท่านั้น

           “ฝ่าบาท..” เหม่ยลี่เสียงสั่นเครือ

           “ไปเถิด ข้างนอกนี่หนาวนัก เจ้าช่วยให้ความอบอุ่นแก่เราที” เหวินเจิ้งเอ่ยเสียงเย้า เหม่ยลี่หน้าแดงสลับซีดขาว ในใจคิดโกรธเกลียดฮ่องเต้พระองค์นี้อย่างสุดหัวใจ

           ขันทีห้องทะเบียนที่ตามมาด้วยต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความแปลกใจปนตะลึงงัน หลายปีมานี้ฮ่องเต้ไม่ทรงเข้าไปในตัวตำหนักของสนมคนใดเลย จนสมุดห้องทะเบียนแทบจะฝุ่นจับอยู่แล้ว

           “เช่นนั้นก็เข้าไปข้างในเถิดเพคะ” เหวินเจิ้งพยักหน้าอย่างพอใจขณะจับจูงเหม่ยลี่เข้าไปในตัวตำหนักโดยไม่หันมาสนใจเหล่าข้าราชบริพารอีก

           เมื่อประตูปิดลง เหล่านางกำนัลและขันทีต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนจะรีบให้คนส่งข่าวไปยังจวนตำหนักต่างๆด้วยความว่องไว

           หย่งเซิงมองภาพเหล่านั้นด้วยดวงตาไร้ความรู้สึก สายตาเพียรแต่จะคอยมองประตูที่ปิดสนิทไม่ยอมไปไหน

           “ราชองครักษ์เซิง” สวี่กงกงเอ่ยเรียกหย่งเซิงเบาๆ หย่งเซิงละสายตาจากประตูหันมามองขันทีเฒ่าที่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ

           หย่งเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม พวกเขาสองคนไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน แม้เขาพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนเดียวที่เหวินเจิ้งไว้ใจก็ตาม

           “ข้ามีเรื่องคุยกับเจ้า ตามข้ามา” สวี่กงกงเอ่ยให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้นก่อนจะเดินนำออกไป หย่งเซิงหันกลับมามองประตูตำหนักที่ปิดสนิทดวงตาดำสนิทจ้องมองมันราวกับจะมองทะลุประตูเข้าไปเสียให้ได้ก่อนจะตัดใจเดินตามสวี่กงกงออกไป

           “ฝ่าบาท.. ดื่มสุราสักนิดดีหรือไม่เจ้าคะ” เหม่ยลี่เอ่ยชวนเมื่อเห็นเหวินเจิ้งเดินไปนั่งบนเตียงด้วยท่าทีเกียจคร้านมือที่ถือไหสุราของเหม่ยลี่สั่นระริก เหวินเจิ้งแสร้งทำเป็นไม่เห็นก่อนจะเอ่ยตอบ

           “สนมรักรินให้เราเถิด” เหวิงเจิ้งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มละไม เหม่ยลี่เห็นเช่นนั้นก็กำไหสุราแน่น เพราะมือที่สั่นเล็กน้อยทำให้สุรากระเฉาะออกจากจอกเสียหลายหยด เหวินเจิ้งมองดูท่าทางแปลกประหลานั้นเงียบๆก่อนจะเอื้อมมือไปรับจอกสุรามาถือไว้

           “สุราไหนี้ เจ้าได้รับมาจากหย่งเซิงหรือ” เหม่ยลี่สะท้านเฮือก เหลือบมองเหวินเจิ้งที่เอาแต่นั่งมองจอกสุรา

           ในใจรู้สึกสับสนกระวนกระวาย สุราไหนี้เป็นหย่งเซิงที่แอบมอบให้นางอย่างลับๆก่อนตะวันตกดิน หย่งเซิงบอกนางไว้ว่าสุราไหนี้จะช่วยให้นางรอดพ้นจากค่ำคืนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย นางคิดว่าสุราไหนี้คงเป็นสุราพิษที่อัครเสนาบดีหย่งมอบให้หย่งเซิง

           นางได้ยินมาจากท่านพ่อว่า อัครเสนาบดีหย่งตามหายาพิษชนิดหนึ่งมานาน ยาพิษชนิดนี้มีผลให้ร่างกายของผู้โดนพิษจะค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนสิ้นลมในที่สุด ต่อให้ชันสูตรศพทีหลังก็ยากที่จะทราบว่าผู้ตายโดนพิษมาก่อน

           หากนางทำให้ฮ่องเต้ดื่มยาพิษได้ ต้องจะต้องได้รับความดีความชอบเป็นแน่ จากนั้นนางจะขอให้อัครเสนาบดีหย่งช่วยนางไม่ให้ถูกฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับพระศพของฮ่องเต้

           แล้วนางจะได้อยู่เคียงข้าหย่งเซิงไปตลอดชีวิต!

           “สุราไหนี้เป็นท่านพ่อมอบให้หม่อมฉันเพคะ” เหม่ยลี่พยายามสงบใจที่ว้าวุ่นก่อนจะเอ่ยออกไปจากอย่างราบเรียบมั่นคง

           “.. เป็นเช่นนั้นเอง” เหวินเจิ้งกำจอกสุราแน่นจนนิ้วมือขึ้นข้อขาว ใบหน้าซีดเผือกผุดรอยยิ้มขมฝาด

           นางโกหก..

           เหม่ยลี่ก้มหน้านิ่งภาวนาให้ฮ่องเต้เสียสติผู้นี้เชื่อนางและรีบดื่มสุราเข้าไปเร็วๆ

           เหวินเจิ้งจ้องมองจอกสุราด้วยดวงตาดำมืด หัวใจเจ็บปวดราวกับมีคนยื่นมือเข้ามาบีบเค้น เหวินเจิ้งยกจอกดื่มสุราลงคอรวดเดียวจนหมด

           เหม่ยลี่ลอบผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกระคนดีใจ

           “ดื่มอีกสักจอกไหมเพคะ” เหม่ยลี่รีบเอ่ยถาม เหวินเจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของเหม่ยลี่อย่างแผ่วเบา เหม่ยลี่รีบหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆ

           เหวินเจิ้งมองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและร่างกายอ่อนแอ้นของเหม่ยลี่อย่างจาบจ้วง หย่งเซิงไม่ต้องการให้เขาแตะต้องนางถึงเพียงนี้ แล้วเขาจะแตะต้องนางได้อย่างไร ถ้าจะต้องโทษใครสักคนก็คงต้องเป็นตัวของเขาเองที่ไม่รู้จักห้ามใจตนเองให้มากกว่านี้

           รู้ทั้งรู้ว่าสักวันหย่งเซิงจะต้องสังหารเขา แต่ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้ หย่งเซิงล่อลวงจนเขาเผลอไผลมอบหัวใจให้อีกฝ่ายไปทีละเล็กทีละน้อยจนหมดหัวใจ สุดท้ายก็ส่งหญิงสาวนางนี้มาปลุกเขาให้ตื่นจากฝันหวานอย่างทารุณ

           นี้คงเป็นผลกรรมที่เขาคิดหึงหวงหย่งเซิงเมื่อกลางวัน ความขี้หึงของเขาได้ชักนำเขามาสู่สุราพิษไหนี่นี้เอง..

           เขาจำเหม่ยลี่ได้ เพราะเขาไม่เคยลืมชื่อของเหล่าราษฎร์ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกลากเข้ามาในวังหลวงอันเน่าเฟะ และนางเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากเขาขึ้นครองราชย์ได้หนึ่งปี หญิงสาวนางนี้ก็ถูกคัดเลือกเข้ามาให้วังหลวง เขาถูกเหล่าขุนนางบีบคั้นให้ร่วมอภิรมย์กับนางหนึ่งคืน นับจากวันนั้นเขาก็จดจำนางเอาไว้ เพื่อที่ว่าสักวันหากเขามีโอกาส เขาจะชดเชยให้นาง ปลดปล่อยนางออกจากวังหลวงแห่งนี้ ให้นางได้ไปใช้ชีวิตที่ควรเป็นของนางข้างนอกนั้น

           หลายปีมานี้เขาได้ปลดปล่อยราษฎร์ผู้ถูกลากเข้ามาในวังหลวงมากมาย คิดว่าอีกไม่นานคงจะถึงตาของนางแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยนางเสียก่อน

           ร่างกายเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียขึ้นเล็กน้อย แต่มือที่ลูบไล้ใบหน้าของเหม่ยลี่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด เป็นดวงตา จมูก หรือปากกันที่ทำให้หย่งเซิงจูงมือหญิงสาวนางนี้เข้าไปนั่งอยู่กลางหัวใจ

           แม้ว่านางจะเคยผ่านมือเขามาแล้วหย่งเซิงก็ไม่คิดสนใจหรือ ยังคงต้องการนางอยู่หรือ..

           “วันนี้เราอารมณ์ดีนัก เราจะดื่มให้หมด” หากหย่งเซิงต้องการให้เขาดื่มเขาก็จะดื่ม

           เขาเองก็เหน็ดเหนื่อยมานานแล้ว..

           “พะ.. เพคะ” เหวินเจิ้งละมือออกจากใบหน้าของเหม่ยลี่ ปล่อยให้นางรินสุราที่หย่งเซิงมอบให้

           “เจ้าเคยเป็นเพื่อนบ้านของหย่งเซิงหรือ” เหวินเจิ้งเอ่ยถามพลางจิบสุราเข้าไปหนึ่งคำ เหม่ยลี่เหลือบมองเหวินเจิ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบา

           “..เพคะ”

           “สมัยเด็ก.. หย่งเซิงเป็นอย่างไรบ้าง” เหวินเจิ้งจ้องมองสุราในจอกนิ่ง เหม่ยลี่ตื่นกลัวเล็กน้อยที่เหวินเจิ้งเอ่ยถามเรื่องสมัยเด็กของหย่งเซิง แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี

           “สมัยยังเด็กราชองครักษ์เซิงเป็นคนเงียบขรึมไม่ต่างจากปัจจุบันเลยเพคะ” เหม่ยลี่ห้วนนึกถึงวัยเด็ก เพราะหย่งเซิงแตกต่างจากเด็กวัยเดียวกันทำให้นางรู้สึกสนใจ ยิ่งได้มาพบกันตอนโตนางก็ยิ่งเคลิบเคลิ้ม ความนิ่งขรึมในสมัยเด็กถูกแทนที่ด้วยความน่าเกรงขามสมชายชาตรี

           “แล้วมีอะไรอีก” เหม่ยลี่เห็นว่าเหวินเจิ้งไม่มีท่าทีข่มขวัญเพียงถามด้วยความใคร่รู้เท่านั้นก็เริ่มรู้สึกวางใจก่อนจะเล่าเรื่องสมัยเด็กที่นางและหย่งเซิงเป็นเพื่อนบ้านกัน

           “สมัยนั้นหย่งเซิงลำบากมากเพคะ เพราะเขาและท่านแม่ถูกไล่ออกจากจวนเพราะภรรยาเอก..” เสียงหวานใสของเหม่ยลี่ดังคลอเคลียไปกับความเงียบงันของค่ำคืน โดยมีเหวินเจิ้งเอ่ยถามขึ้นบ้างเป็นระยะๆอย่างสนใจ ยิ่งเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับความชอบของหย่งเซิงเหวินเจิ้งจะถามย้ำอีกครั้งเป็นพิเศษ

           เหม่ยลี่อาศัยความเพลิดเพลินของเหวินเจิ้งคอยแอบรินสุราใส่จอกให้อย่างไม่ขาดตกบ่งพร่อง เหวินเจิ้งเองยิ่งได้ฟังเรื่องราวก็ยอมดื่มสุราอย่างไม่อิดออด เสียงใสๆของเหม่ยลี่ยังคงดังอยู่ตลอดท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี

-------------------------------------------------

จิตตก : ตอนหน้าจะเปิดเผยอดีตของฮ่องเต้แล้วว

ขอบคุณนักอ่านทุกคนนะคะ

คอมเม้นของทุกคนเป็นกำลังใจให้เรามากๆๆๆเลยค่ะ

ลำนำจักรพรรดิเป็นนิยายเรื่องแรกที่เราแต่ง อาจจะมีติขัดไปบ้าง

จะพยายามปรับปรุงให้ดีที่สุดค่ะ

หวังว่าจะชอบกันนะคะ

ปล.เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาวนะคะ ตอนนี้ก็ดำเนินมาเกินครึ่งเรื่องแล้ว กลัวว่าแต่งยาวไปเนื้อเรื่องจะหลวม 5555  :hao4:

ออฟไลน์ sahatsawat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #62 เมื่อ03-05-2017 11:06:38 »

 :katai1: :katai1: ม่ายยยยยย อย่าเข้าใจผิดอาเซิงหึงฮ่องเต้ต่างหากก
 :serius2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #63 เมื่อ03-05-2017 12:46:30 »

 :katai1:
 :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #64 เมื่อ03-05-2017 13:49:51 »

น่าเศร้าใจจริงๆคงไม่มีไรแย่เท่านี้อีกความไม่เชื่อใจกันเองแท้

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #65 เมื่อ03-05-2017 14:07:42 »

ฮ่องเต้ผู้น่าสงสาร  :hao5: ครึ่งเรื่องแล้วหรือคะ เศร้าใจ ขอให้ในสุราเป็นยานอนหลับ ฮ่องเต้จะได้เข้าใจว่าพี่เซิงหวงใครกันแน่

เป็นกำลังใจให้ท่านนักเขียน
ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #66 เมื่อ03-05-2017 17:29:35 »

คงไม่ใช่ยาพิษหรอกนะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #67 เมื่อ03-05-2017 19:14:05 »

น่าจะเป็นยานอนหลับบลง ขอให้เป็นอย่างนั้น
 :mew2:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #68 เมื่อ03-05-2017 21:45:57 »

ทำไมนางมีความมโนสูงเยี่ยงนี้ o22 o22

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #69 เมื่อ03-05-2017 22:53:10 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
« ตอบ #69 เมื่อ: 03-05-2017 22:53:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #70 เมื่อ04-05-2017 07:33:30 »

โอ้ยลุ้นนน

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #71 เมื่อ04-05-2017 12:10:00 »

ต๊ายยย ผู้หญิงขี้มโนนนน  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #72 เมื่อ04-05-2017 20:51:51 »

อ่านเพลินมากค่ะ ชอบ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part8] [03/05/17] [P.3]
«ตอบ #73 เมื่อ05-05-2017 14:46:08 »

เหมยลี่คะ
เชิญอัปเปหิตัวเองออกไปห่างๆจากฮ่องเต้ด่วนๆค่ะ
ระวังเฮียหย่งเขาเอาดาบพาดคอเล่นนะคะ

ออฟไลน์ hyegena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #74 เมื่อ10-05-2017 10:17:50 »

บทที่ 9 อดีต

            “สวี่กงกง ท่านมีเรื่องอะไรจะคุยกับข้าหรือ” หย่งเซิงเอ่ยถามขึ้นในที่สุด หลังจากที่สวี่กงกงพาเขามายังหอสมุดเก่าที่ไร้ผู้คน เมื่อมาถึงก็ไม่ยอมพูดอะไรอยู่นานจนเขาต้องเป็นฝ่ายถามขึ้น

            “ราชองครักษ์เซิง เจ้าคิดว่าฝ่าบาททรงโหดร้ายหรือไม่” สวี่กงกงเอ่ยถามทั้งที่สายตายังคงมองเหม่อไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่าง

            “...” หย่งเซิงไม่ตอบเพียงมองตามสายตาของสวี่กงกงเข้าไปในความมืดมิด

            “คนที่เปลี่ยนองค์ชายสี่ผู้ร่างเริงสดใสเป็นฮ่องเต้ผู้เหี้ยมโหดก็คือข้าเอง” น้ำเสียงแหบแห้งเพราะความสูงวัยสั่นเครือเล็กน้อยยามห้วนนึกถึงอดีต

            “ฮ่องเต้แต่เดิมนั้นเป็นทั้งน้องชายที่น่ารักและเป็นทั้งพี่ชายที่อ่อนโยน พระองค์ทรงใจดีกับทุกคนโดยไม่สนใจชนชั้นวรรณะ เป็นองค์ชายสี่ผู้งดงามเที่ยงธรรมสนับสนุนคนมีความสามารถ ไม่สนใจสินบน ไม่หลงใหลในนารี พระองค์เพียงทำงานหนักเพื่อราษฎร์” กล่าวถึงตรงนี้สวี่กงกงก็อดที่จะคลี่ยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ “พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของราษฎร์”

            “ยามนั้นอดีตฮ่องเต้ทรงเล็งเห็นถึงความสามารถอันโดดเด่นขององค์ชายสี่จึงคิดจะแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท ทว่าเหล่าขุนนางและพระสนมผู้เป็นมารดาของเหล่าองค์ชายต่างไม่เห็นด้วย ฝ่ายขุนนางนั้นไม่เห็นด้วยเพราะองค์ชายสี่ทรงเที่ยงธรรมเกินไป พระองค์ทรงไม่รับสินบนและไม่ยอมปล่อยผ่านขุนนางที่กระทำความผิด ในขณะที่พระสนมต่างไม่เห็นด้วยเพราะหวังจะให้บุตรของตนได้ขึ้นครองราชย์”

            สวี่กงกงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “แม้แต่พระสนมซูเฟยผู้เป็นพระมารดาแท้ๆขององค์ชายสี่ก็ไม่เห็นด้วย พระนางหวังให้องค์ชายเจ็ดผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดแท้ๆขององค์ชายสี่ขึ้นครองราชย์มากกว่า”

            “เพราะเหตุใด” หย่งเซิงเอ่ยถาม ถ้าว่ากันตามศักดิ์แล้ว เหวินเจิ้งที่เป็นพี่ชายควรมีสิทธิมากกว่าน้องชายก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว อีกอย่างทั้งสองเกิดจากพระสนมซูเฟยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าใครจะขึ้นครองราชย์พระนางก็น่าจะได้ประโยชน์เหมือนกัน

            สายตาสวี่กงกงหม่นแสงลง “เพราะพระนางรักองค์ชายเจ็ดมากกว่า องค์ชายเจ็ดนั้นหัวอ่อนเชื่อคำคนง่าย ต้นตระกูลของพระนางจะมีอำนาจมากขึ้นหากองค์ชายเจ็ดขึ้นครองราชย์ แตกต่างกับองค์ชายสี่ผู้สนใจคนมีความสามารถมากกว่าสายสัมพันธ์ของเครือญาติ องค์ชายทั้งสองสนิทกันมาก ผู้คนทั่วทั้งวังหลวงต่างก็รู้ดีว่าทั้งสองพระองค์นั้นไม่มีใครคิดอยากจะขึ้นครองราชย์ จนกระทั่ง.. ข้าเสนอความคิดหนึ่งให้กับอดีตฮ่องเต้”

            หย่งเซิงละสายตาจากความมืดหันมามองใบหน้าด้านข้างของขันทีเฒ่า

            “ข้าเองก็เห็นถึงความสามารถขององค์ชายสี่เช่นกัน หากพระองค์ขึ้นครองราชย์ราษฎร์จะต้องอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขแน่นอน โดยไม่สนใจความคิดขององค์ชายสี่ ข้าได้เสนอให้อดีตฮ่องเต้พระราชทานสมรสแก่องค์ชายสี่ เพื่อสร้างฐานอำนาจให้องค์ชายสี่ หญิงสาวที่ถูกเลือกคือกู่ฮวา หญิงงามอันดับหนึ่งของแผ่นดิน บุตรสาวของใต้เท้ากู่ผู้เป็นที่เสื่อมใสของราษฎร์”

            “ยามนั้นองค์ชายสี่ผู้ใสซื่อมีพระชนม์มายุเพียงสิบห้าชันษา พระองค์เพียงน้อมรับนางไว้มิได้ระแคะระคายถึงความนัยที่มาพร้อมกับหญิงงาม นับตั้งแต่นั้นมาการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงัน พระองค์ทรงถูกลอบสังหารอยู่หลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ด้วยฝีมือราชองครักษ์ของอดีตฮ่องเต้ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ไม่คิดจะขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงคิดเพียงว่าหากพระองค์นิ่งเสียเหล่าพี่น้องจะเลิกราไปเอง”

            “ในยามนั้นมีเพียงองค์ชายสามและองค์ชายเจ็ดที่คอยอยู่เคียงข้างพระองค์ พระองค์ทรงไว้ใจองค์ชายทั้งสองมาก พระองค์ยอมเรียนวิชาตัวเบาเพื่อเอาไว้หนีมือสังหารจะได้ไม่ต้องพึ่งพาราชองครักษ์ให้เหล่าพี่น้องหวาดระแวงอีก แต่หลังจากนั้นไม่นานองค์ชายสามก็ถูกจับกุมข้อหาวางยาพิษองค์ชายเก้าจนสิ้นพระชนม์และต้องโทษประหารในที่สุด ยามนั้นท่านอาจารย์ขององค์ชายสามบุกมาที่ตำหนักขององค์ชายสี่เพื่ออ้อนวอนให้ช่วยชีวิตองค์ชายสามแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ องค์ชายสี่มิอาจช่วยได้ทันการณ์ท่านอาจารย์จึงลงมือปาดคอตนเองต่อหน้าต่อตาขององค์ชายสี่”

            หย่งเซิงห้วนนึกถึงยามที่เหวินเจิ้งเอ่ยถึงอาจารย์ผู้สอนวิชาตัวเบา ยามนั้นน้ำเสียงของเหวินเจิ้งฟังดูเศร้าสร้อยหดหู่นัก ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้

            “หลังจากนั้นกองกำลังที่องค์ชายสามแอบซ่องสุมไว้ก็โดนกวาดล้างจนเหี้ยน ที่แท้แล้วองค์ชายสามทรงวางแผนที่จะแย่งชิงบัลลังก์มาโดยตลอด.. เมื่อองค์ชายสี่รู้เข้าก็ทรงเสียพระทัยอย่างหนัก ยามนั้นองค์ชายเจ็ดแวะเวียนมาพบปะพูดคุยกับองค์ชายสี่บ่อยครั้งจนพระองค์กลับมาร่าเริงอีกครั้ง กระทั่งวันหนึ่งในขณะที่ทั้งสองร่ำสุราด้วยกันองค์ชายเจ็ดกลับลอบวางยาพิษองค์ชายสี่..”

            “ที่แท้แล้วองค์ชายเจ็ดทรงถูกจางหลิน..ฮองเฮาองค์ปัจจุบันล่อลวงให้วางยาพิษองค์ชายสี่ พระนางหลงรักองค์ชายสี่มานานจึงวางแผนให้พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์”

            “หากองค์ชายเจ็ดวางยาพิษสำเร็จ องค์ชายสี่จะขึ้นครองราชย์ได้อย่างไร” หย่งเซิงขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนความคิดหนึ่งจะวาบเข้ามาในหัว

            “ใช่ พระนางเพียงต้องการสร้างแรงจูงใจให้กับพระองค์ เมื่อองค์ชายสี่ตระหนักได้ว่าเหล่าพี่น้องโหดร้ายเพียงใด เมื่อนั้นพระองค์จะต้องลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวพระองค์เอง”

            “อดีตฮ่องเต้ก็ทรงทราบดีจึงได้ปล่อยให้องค์ชายเจ็ดวางยาพิษสำเร็จสินะ” น้ำเสียงเย้ยหยันของหย่งเซิงมิได้ทำให้สวี่กงกงโกรธเคืองแต่อย่างใด เพราะที่หย่งเซิงเอ่ยออกมานั้นล้วนเป็นความจริง พระองค์รู้ว่าองค์ชายเจ็ดตั้งใจจะลอบวางยาพิษองค์ชายสี่แต่ก็มิยอมช่วย เพราะอดีตฮ่องเต้ทรงต้องการให้องค์ชายสี่กลายเป็นฮ่องเต้ด้วยตัวของพระองค์เอง

            “ตอนนั้นองค์ชายเจ็ดถูกจับกุมข้อหาวางยาพิษและต้องโทษประหาร พระสนมซูเฟยจึงมาขอร้องให้อดีตฮ่องเต้ทรงประทานพระราชอภัยโทษให้แก่องค์ชายเจ็ด เมื่อไม่สำเร็จพระสนมก็ผูกคอตายด้วยความคั่งแค้น ต่อมาต้นตระกูลของพระนางก็ถูกสั่งประหารเจ็ดชั่วโคตรด้วยข้อหากบฏ”

            สวี่กงกงพยายามกลืนก้อนเหนียวหนืดในลำคออย่างยากลำบากพลางเอ่ยต่อ “ก่อนอดีตฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์ได้เขียนราชโองการให้องค์ชายสี่ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ และบอกความจริงแก่องค์ชายสี่ว่าเหล่าพระสนมชายาที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้นั้น แท้ที่จริงแล้วพวกนางล้วนเป็นคนรักของเหล่าองค์ชายพระองค์อื่น ที่อดีตฮ่องเต้สั่งจับแยกกันอย่างลับๆเพื่อให้ต้นตระกูลของพวกนางคอยค้ำจุลองค์ชายสี่ องค์ชายสี่ทรงตระหนักรู้ถึงสาเหตุที่เหล่าพี่น้องต่างตีตัวออกจากพระองค์ก็ยามนี่นี้เอง พระองค์พาหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกละอายกลับไปยังตำหนัก แต่กลับต้องพบความจริงที่ว่า เหล่าพระชายาและสนมของพระองค์ต่างรวมตัวกันผูกคอตายที่ห้องนอนของพระองค์.. เพื่อไม่ให้เรื่องราวอัปมงคลเหล่านี้ถูกแพร่งพราย ข้าจึงสั่งให้ปิดข่าวและปล่อยข่าวลือว่าองค์ชายสี่ทรงสังหารพระชายาและเหล่าสนมด้วยตัวของพระองค์เอง”

            หย่งเซิงเหม่อมองออกไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างด้วยหัวใจปวดหนึบยามนึกถึงความรู้สึกของร่างโปร่งที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้นเพียงลำพัง

            “หลังจากขึ้นครองราชย์พระองค์ทรงประหารชีวิตองค์ชายทั้งสามพระองค์ที่คิดก่อการกบฏด้วยตัวของพระองค์เอง แต่เพื่อมิให้ชื่อเสียงขององค์ชายทั้งสามต้องเสียหายพระองค์จึงได้ปล่อยข่าวลวงออกไปว่าองค์ชายทั้งสามพระองค์ถูกองค์ชายสี่ฆ่าเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ จากนั้นก็เนรเทศเหล่าองค์ชายที่เหลือที่ถูกพรากจากคนรักออกไปยังนอกแคว้น.. เพื่อปลดปล่อยเหล่าออกองค์ชายออกไปจากกรงขังแห่งนี้”

            “เป็นเช่นนี้เอง..” เพราะเหตุนี้พระองค์จึงได้เกลียดชังอดีตฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ “แล้วคนของอดีตฮ่องเต้เล่า”

            ท่านพ่อบอกเขาว่าเหวินเจิ้งเป็นคนกำจัดคนของอดีตฮ่องเต้ด้วยตัวของพระองค์เอง สวี่กงกงขอบตาแดงก่ำพลางตอบว่า

            “พระองค์เกลียดชังคนของอดีตฮ่องเต้แต่ก็มิอาจนิ่งดูดายเห็นพวกเขาโดนอัครเสนาบดีหย่งสังหารได้ จึงได้แอบส่งพวกเขาออกจากแคว้นอย่างลับๆจนหมด หลังจากนั้นก็ปล่อยข่าวลือว่าพระองค์ทรงฆ่าพวกเขาด้วยตัวของพระองค์เอง”

            “…”

            “..ราชองครักษ์เซิง ฝ่าบาทมิได้กลัวเจ็บจึงไม่ฆ่าตัวตาย ฝ่าบาทเพียงแค่กลัวว่าจะต้องตกนรกขุมเดียวกับเหล่าพระสนมเท่านั้น ฝ่าบาทแม้จะทรงเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ไม่เคยทิ้งราษฎร์ของพระองค์” น้ำเสียงสวี่กงกงสั่นเครือ เป็นเขาเองที่เสนอความคิดพระราชทานสมรสให้แก่ฝ่าบาท ทั้งที่รู้ว่าพวกนางต่างพึงใจอยู่กับองค์ชายพระองค์อื่น ขุนนางที่เคยสนับสนุนพระองค์จึงเปลี่ยนฝ่ายเมื่อได้ยินข่าวว่าบุตรสาวของตนโดนองค์ชายสี่สังหาร

            “ราชองครักษ์เซิง เจ้าอย่าได้เกลียดชังฝ่าบาทเลยนะ” เขาเห็นสายตาที่ฝ่าบาทมองหย่งเซิง มันแตกต่างจากยามที่พระองค์มองพระชายาในอดีต แตกต่างจากยามมองเหล่าพี่น้อง แตกต่างจากยามมองเขา สายตาของพระองค์ลึกซึ้งและสุขใจ

            เขาไม่อาจทนมองฝ่าบาทถูกคนที่พระองค์พึงใจเกลียดชังได้อีกแล้ว เขารู้ว่าวันนี้ฝ่าบาททำลงไปด้วยอารมณ์หึงหวง ถึงแม้เขาจะดูไม่ออกว่าหย่งเซิงคิดเช่นไรกับฝ่าบาทแต่เขารู้ว่าหย่งเซิงมิได้ต้องการสังหารฝ่าบาทแน่ เพราะเหตุนี้เขาถึงยอมให้หย่งเซิงเดินตามฝ่าบาทอย่างใกล้ชิดเสมอ

            “ท่านวางใจเถิด” หย่งเซิงกล่าวเพียงเท่านี้ก็เดินผละออกมา เขายังคงสงสัย เหตุใดเหวินเจิ้งถึงยอมให้สวี่กงกงอยู่เคียงข้าง ทั้งที่คนของอดีตฮ่องเต้คนอื่นถูกขับออกไปจนหมด..

            สวี่กงกงมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่ของหย่งเซิงไปจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองความมืดมิดอีกครั้ง



            “ฝ่าบาท ได้เวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สวี่กงกงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาออกว่าราชการแล้ว

            “เข้ามา” เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับสวี่กงกงและขันทีรับใช้ก็เปิดประตูเข้าไปในตำหนัก ทุกอย่างในห้องดูเรียบร้อยดี เหม่ยลี่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในขณะที่เหวินเจิ้งนั่งดื่มสุราอยู่บนเก้าอี้

            “ฝ่าบาท..” ขันทีห้องทะเบียนหน้าเจื่อนเมื่อไม่เห็นร่องรอยของการร่วมอภิรมย์

            “อย่าเสียงดังประเดี๋ยวนางจะตื่น” เหวินเจิ้งเอ่ยปรามเบาๆ ในเมื่อนางเป็นคนที่หย่งเซิงพึงใจเขาเองก็ทำอะไรนางไม่ลง

            สวี่กงกงถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเหวินเจิ้งด้วยความเป็นห่วง

            “ฝ่าบาท สีพระพักตร์ดูไม่ดีเลยพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมตามหมอหลวงมาดีหรือไม่” สีหน้าของเหวินเจิ้งดูซีดเซียวและอ่อนล้านัก

            “ไม่ต้อง ไปเถอะ” เหวินเจิ้งยันกายลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินมาหยุดที่ข้างกายสวี่กงกงแล้วเอ่ยถามเสียงเบา “หย่งเซิงเล่า”

            “..อยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”

            “ปล่อยข่าวออกไปว่าเรามิได้ร่วมอภิรมย์กับนาง” กล่าวจบเหวินเจิ้งก็เดินออกไปทันที

            สวี่กงกงมองแผ่นหลังตั้งตรงด้วยความเจ็บปวด ท่าทางอ่อนล้าของเหวินเจิ้งเมื่อครู่อันตรทานหายไปจนหมด มีเพียงท่วงท่าองอาจสง่างามเท่านั้นที่จะเผยให้ผู้คนได้เห็น

            เมื่อก่อนมีเพียงวังหลวงที่กัดกร่อนจิตใจฝ่าบาท บัดนี้ความรักกลับมีอนุภาพที่ร้ายแรงยิ่งกว่า มันกำลังจะคร่าชีวิตของพระองค์..

            เมื่อเหวินเจิ้งเดินออกมานอกตำหนักก็เห็นขบวนตามเสด็จรออยู่ ที่หัวขบวนมีหย่งเซิงยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เหวินเจิ้งเห็นเช่นนั้นก็แสร้งยิ้มละไมอย่างเคยพลางเดินเอามือไพล่หลังเข้าไปหา

            “หย่งเซิง เจ้าเลิกงอนเราแล้วหรือ” เหวินเจิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า แต่มือที่ไพล่หลังกลับบีบเข้าหากันแน่น เมื่อวานตอนที่เห็นว่าหย่งเซิงกลับไปยืนที่ท้ายขบวนเหมือนเมื่อก่อน เขาทั้งเจ็บปวดใจ ทั้งน้อยใจ รู้สึกไม่มั่นคงอย่างที่เคย แม้แต่ตอนนี้การเฝ้ารอคอยคำตอบของอีกฝ่ายช่างแสนทรมาน

            เขากำลังกลัวว่าจะถูกเกลียด..

            “กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดที่ฟังดูห่างเหินทำให้หัวใจเหวินเจิ้งบีบรัดจนพูดไม่ออก

            “..อืม” เหวินเจิ้งเพียงครางรับคำในลำคอก่อนจะเดินเลยผ่านหย่งเซิงออกไป ขอบตาคู่สวยร้อนผ่าวพยายามกล้ำกลืนก้อนเหนียวหนืดในลำคออย่างยากลำบาก ทั้งที่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม

            “ฝ่าบาท ฉลองพระองค์..” สวี่กงกงรีบเดินตามประกบเหวินเจิ้งด้วยความเป็นห่วง ใกล้ถึงเวลาออกว่าราชการแล้วแต่สีพระพักตร์ของฝ่าบาทดูไม่ดีเลย

            “..เราจะกลับไปเปลี่ยนที่ตำหนักก่อนแล้วค่อยตรงไปท้องพระโรง” เหวินเจิ้งตอบทั้งที่เท้ายังก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเกินไปนัก

            “พ่ะย่ะค่ะ..” สวี่กงกงเหลือบมองร่างสูงใหญ่ของหย่งเซิงที่ด้านข้าง ใบหน้าของหย่งเซิงเรียบสนิทยากจะคาดเดาอารมณ์





            ท้องพระโรง

            “อัครเสนาบดีหย่ง โจรชั่วที่บุกเข้าจวนใต้เท้าจางเป็นเช่นไรบ้าง”

            “ทูลฝ่าบาท ยังจับตัวไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” อัครเสนาบดีหย่งเอ่ยตอบพลางซ่อนสีหน้าเคียดแค้น ขุนนางในราชสำนักทุกคนต่างรู้ดีว่าแพะรับบาปที่พวกเขาหามาถูกฝ่าบาทปล่อยตัวไป

            ทำให้ตอนนี้ห้องขังว่างเปล่า เขากลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถที่ไม่สามารถจับกุมพวกโจรชั่วได้ ราษฎร์ต่างก็ระส่ำระส่ายด้วยความหวาดกลัว

            “อัครเสนาบดีหย่ง เราไม่นึกเลยว่าท่านจะไร้ความสามารถถึงเพียงนี้” เหวินเจิ้งยังคงประดับรอยยิ้มละไมไว้บนใบหน้าอย่างเคย

            บรรดาขุนนางต่างลอบกลืนน้ำลาย บรรยากาศในท้องพระโรงวันนี้ช่างกดดันเสียจนพวกเข้าไม่กล้าสบตาฮ่องเต้โดยตรง

            “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” อัครเสนาบดีหย่งกัดฟันตอบ
            “ในยามที่โจรชั่วลอยนวลเช่นนี้ พวกเจ้ากลับยังมีแก่ใจถวายฎีกาให้เราร่วมอภิรมย์กับเหล่าสนมอีกหรือ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มอันแน่นไปด้วยโทสะ เหวินเจิ้งเอ่ยพลางโยนฎีกาทีละม้วนทีละม้วนลงไปกลางท้องพระโรง
            เหล่าขุนนางก้มหน้าจนคางชิดอก วันนี้ฮ่องเต้ทรงอารมณ์ไม่ดีหรือไร เหตุใดวันนี้จึงมากดดันพวกเขาเช่นนี้

            “ฝ่าบาท สายเลือดมังกรเป็นเรื่องสำคัญพ่ะย่ะค่ะ” อัครเสนาบดีหย่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่กลัวตาย น้ำเสียงเจือความไม่พอใจอยู่หลายส่วน

            “ชีวิตของราษฎร์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่แท้จริง อัครเสนาบดีหย่งท่านทำให้เราผิดหวังนัก เหตุใดท่านถึงได้ชักช้ายิ่งนัก!” น้ำเสียงของเหวินเจิ้งค่อยๆไต่ระดับดังขึ้น เหงื่อผุดซึมเต็มแผนหลังของเหล่าขุนนางด้วยความหวาดกลัว

            “ฝ่าบาท ได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางคุกเข่าตัวสั่นเทิ้ม

            อัครเสนาบดีหย่งคุกเข่าทั้งที่ในใจยังครุ่นคิด ฝ่าบาทมีโทสะที่เขาไม่อาจจับโจรชั่วได้จนเวลาผ่านมาเนินนาน หรือมีโทสะที่เขากระทำการใดชักช้ากัน?

            เหวินเจิ้งมิได้สั่งให้ขุนนางลุกขึ้นอย่างที่เคยกลับลุกขึ้นเดินออกจากท้องพระโรงไปทันที สร้างความงุนงงให้กับเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารที่รออยู่ด้านนอก

             เหล่าขันทีและราชองครักษ์รีบจัดขบวนเดินตามเหวินเจิ้งอย่างรวดเร็ว เหวินเจิ้งยังคงเดินด้วยท่าทีสบายๆแต่ความเร็วกลับไม่ลดลงเลยจนกระทั่งไปหยุดที่สวนดอกบัว

            สวนดอกบัวแห่งนี้เป็นที่ที่เขาชอบมากที่สุดในวังหลวง เหวินเจิ้งเงยหน้าขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่ยิ่งหายใจหัวใจก็ยิ่งเจ็บแปล็บ แม้จะอยู่ท่ามกลางสายลมและกลิ่นหอมของดอกบัว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกเหมือนกับถูกกักขังในกรงแคบๆ หันไปมองทางไหนก็มืดมิดไร้ทางออก

            นี้เป็นครั้งแรกหลังจากขึ้นครองราชย์ที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้ รู้สึกอย่างวิ่งหนีออกไปให้ไกล ให้ห่างไกลจากวังหลวงแห่งนี้ แต่ที่เท้าของเขากลับถูกโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นคอยลากเขากลับมายังกรงขังแห่งนี้เสมอ เขารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง แต่ก็มิอาจปลิดชีวิตตัวเองได้

            หย่งเซิงมองแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวและสิ้นหวังของเหวินเจิ้ง ดวงตาดำสนิทฉายแววเวทนาสงสารจับใจ ยิ่งเห็นเหวินเจิ้งเหน็ดเหนื่อยเขาก็ยิ่งอยากโอบกอดอีกฝ่ายไว้ ความสิ้นหวังของเหวินเจิ้งแผ่ขยายออกมาบีบรัดหัวใจเขาจนยากจะหายใจ

            เหวินเจิ้งค่อยๆหันหน้ากลับมาหาหย่งเซิงราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองอยู่ เหวินเจิ้งจ้องมองเขาไปในดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายก็จะขยับปากโดยไร้เสียง

            ‘ข้าเหนื่อยและทรมานเหลือเกิน.. หย่งเซิง’
            หย่งเซิงมองภาพนั้นนิ่งก่อนจะเดินเข้าไปผลักร่างโปร่งของเหวินเจิ้งจนหงายหลังตกสระน้ำไปด้วยกัน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
            สวี่กงกงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรวู่วาม เขามั่นใจว่าหย่งเซิงไม่คิดจะสังหารเหวินเจิ้งแน่นอนแต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงทำเช่นนี้

            ในขณะที่ข้าราชบริพารคนอื่นได้แต่ยืนนิ่งชั่งใจว่าควรกระโดดลงไปช่วยฮ่องเต้ดีหรือไม่ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหย่งเซิงเป็นบุตรชายของอัครเสนาบดีหย่ง ที่ได้รับมอบหมายให้วางยาพิษฝ่าบาท หากพวกตนทะเล่อทะล่าเข้าไปช่วยอาจจะทำให้ผิดแผนได้

            เหวินเจิ้งที่โดนผลักตกน้ำหลับตานิ่ง เขาไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืน หรือแท้ที่จริงแล้วเขาไม่อยากขัดขืนนั้นเอง เมื่อร่างกายสัมผัสโดนสายน้ำอันเย็นเยียบร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

            ในขณะที่ร่างกายกำลังหนาวเหน็บอยู่ๆก็รู้สึกอุ่นวาบที่ริมฝีปาก เมื่อลืมตาขึ้นมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ของหย่งเซิง กำลังป้อนอากาศให้กับเขา ดวงตาดำสนิทที่กำลังจ้องมองเขาช่างมั่นคงให้ความรู้สึกปลอดภัยนัก ฉับพลันร่างกายก็รู้สึกอบอุ่น

            หย่งเซิงกำลังกอดเขา กำลังให้ความอบอุ่นแก่เขา เหวินเจิ้งขอบตาร้อนผ่าว คราวนี้เขาไม่ได้ฝืนกลั้นน้ำตาอีก เพียงปล่อยให้มันไหลออกมา อาศัยน้ำช่วยชะล้างความอ่อนแอของเขาให้หมดไป เขากอดหย่งเซิงแน่น แน่นที่สุดเท่าที่แรงของเขามี ขอเพียงชั่วขณะนี้เท่านั้น ให้หย่งเซิงเป็นคนของเขา คนของเขาเพียงคนเดียว..

            “ฝ่าบาท!” สวี่กงกงรีบปรี่เข้ามาก่อนจะห่มผ้าแห้งลงบนตัวของเหวินเจิ้งทันทีที่หย่งเซิงอุ้มเหวินเจิ้งขึ้นจากน้ำ

            “ราชองค์รักษ์เซิง!” ราชองครักษ์ต่างกรูกันเข้ามาชี้ดาบใส่หย่งเซิงทันที

            หย่งเซิงมองดาบที่ชี้มาทางตัวเองด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะไล่มองหน้าราชองครักษ์ทีละคน ทุกคนล้วนก้มหน้ามิกล้าสบตา พวกเขาก็ไม่รู้ว่าทำเช่นนี้ทุกต้องไหม ทีแรกคิดว่าราชองครักษ์เซิงคงตั้งใจสังหารฮ่องเต้ในน้ำ แต่ร่างสูงกลับอุ้มฮ่องเต้ขึ้นจากน้ำเสียอย่างนั้น พวกเขาทุกคนต่างก็สับสนมึนงง

            หากพวกเขาไม่จับกุมหย่งเซิงเกรงว่าคงจะต้องถูกฝ่าบาทประหารด้วยโทษฐานสมรู้ร่วมคิด

            “พวกเจ้าจะจับกุมหย่งเซิงหรือจะสังหารเรากันแน่” เหวินเจิ้งที่ถูกหย่งเซิงอุ้มอยู่ยื่นมือไปปัดดาบที่ชี้มาทางหย่งเซิงอย่างแรงจนมือเป็นแผลถูกบาด ราชองครักษ์ที่ถูกปัดดาบหน้าซีดเผือก

            “ฝ่าบาท!” หย่งเซิงตะคอกเหวินเจิ้งเสียงดัง บาดแผลที่มือของเหวินเจิ้งเลือดไหลไม่หยุด หย่งเซิงรีบวางเหวินเจิ้งลงกับพื้นก่อนจะรีบฉีกแขนเสื้อตัวเองออกมาพันรอบมืออีกฝ่ายอย่างเบามือ

            เหวินเจิ้งมองสีหน้าเคร่งเครียดของหย่งเซิงอย่างสุขใจ อย่างน้อยๆหย่งเซิงก็เป็นห่วงเขา เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว

            “ไม่ต้องตื่นตระหนกไป เราไม่เป็นไร” เหวินเจิ้งชักมือกลับทันทีที่หย่งเซิงพันแผลให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน “เราเพียงหน้ามืดจนหงายหลังตกลงไปในสระเท่านั้น.. ใช่ไหม”

            เหวินเจิ้งส่งรอยยิ้มละไมให้กับราชองครักษ์และขันทีคล้ายกดดันให้พวกเขาต้องพยักหน้ารับ

            “พ่ะย่ะค่ะ” เหล่าราชองครักษ์ต่างเหงื่อซึมเต็มแผนหลัง เห็นอยู่ชัดๆว่าหย่งเซิงผลักฮ่องเต้จนตกน้ำ เหตุใดฮ่องเต้ถึงบอกว่าพระองค์หน้ามืดได้เล่า ถึงจะสงสัยแต่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าถาม

            “สวี่กงกง หย่งเซิงเป็นราชองครักษ์เพียงคนเดียวที่กระโดดลงไปช่วยเรา เราควรปูนบำเหน็จให้หย่งเซิงดีหรือไม่” เหวินเจิ้งแสร้งหันไปถามสวี่กงกงที่ยืนสับสนอยู่ด้านข้าง สวี่กงกงนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบรับเบาๆ

            “พ่ะย่ะค่ะ”

            ราชองครักษ์คนอื่นต่างหน้าซีดเผือก พระองค์ตั้งใจจะทำอะไรพวกเขาพอจะคาดเดาได้แล้ว เมื่อก่อนฝ่าบาทมักแสร้งทำท่าจะตกน้ำให้พวกเขาต้องรีบกระโดดลงไปช่วยเก้อเสมอ บัดนี้พระองค์ทรงตกน้ำจริงๆ พวกเขากลับไม่มีใครยื่นมือลงไปช่วยสักคน

            “ดี เช่นนั้นเจ้าก็ไปจัดการให้ดี ให้สมกับคุณความดีที่หย่งเซิงได้ช่วยชีวิตเราไว้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือเงินทอง หากเจ้าเห็นว่าสมควรก็จัดการมอบให้หย่งเซิงเสีย” หย่งเซิงจ้องมองเหวินเจิ้งตาไม่กระพริบ ฮ่องเต้เสียสติคิดจะทำอะไรกันแน่

            “ฝ่าบาท เป็นกระหม่อมเลินเล่อ ฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าราชองครักษ์ต่างรีบคุกเข่าด้วยแน่ใจแล้วว่าฮ่องเต้ต้องการตำหนิพวกเขาเป็นแน่

            “ในเมื่อพวกเจ้าร้องขอเช่นนั้นเราจะใจร้ายได้อย่างไร” เหวินเจิ้งเหยียดตามองราชองครักษ์ที่ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “จับพวกมันทั้งหมดกดน้ำเป็นเวลาสามวันสามคืนจากนั้นก็ปลดพวกมันทุกคนออกจากตำแหน่งราชองครักษ์เสีย”

            จับกดน้ำ!

            ราชองค์รักษ์ที่คุกเข่าอยู่ต่างหน้าซีดสลับเขียวคล้ำ การจับกดน้ำเป็นวิธีที่พวกเขาใช้ทรมานพวกนักโทษ พวกเขารู้ฤทธิ์ของมันดี นักโทษจะต้องโดนจับกดน้ำเมื่อใกล้หมดลมหายใจก็จะถูกกระชากขึ้นมาจากน้ำได้โอกาสในการหายใจจากนั้นก็จะถูกระชากลงไปในน้ำอีกครั้งทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา อาจทำให้คนคนหนึ่งเป็นบ้าได้เลย

            “ฝ่าบาท..”

            “เป็นพวกเจ้าเอ่ยขอการลงโทษ เมื่อเรามอบให้ พวกเจ้ากลับไม่พอใจหรือ” เหวินเจิ้งเอามือไพล่หลังถามอย่างอารมณ์ดี เหล่าราชองครักษ์ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับการลงโทษแต่โดยดี

            “ฝ่าบาทรีบไปเปลี่ยนฉลองพระองค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ แผลที่มือก็ด้วย” สวี่กงกงเอ่ยเตือนก่อนจะหันไปสั่งให้ขันทีน้อยวิ่งไปตามหมอหลวง

            “เช่นนั้นก็ไปกันเถิด” เหวินเจิ้งเดินผ่านเหล่าราชองครักษ์ไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย

            หย่งเซิงรีบก้าวเท้าตามไปแต่กลับถูกหนึ่งในราชองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่จับชายเสื้อเอาไว้ทำให้ต้องชะงักเท้าลง หย่งเซิงปรายตามองเหล่าราชองครักษ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พวกนั้นมีท่าทางอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

            “เจ้า.. ช่วยแจ้งอัครเสนาบดีหย่งให้ช่วยพวกข้าได้หรือไม่” หย่งเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสะบัดชายเสื้อให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายก่อนเอ่ยตอบ

            “แล้วจะแจ้งให้” เหล่าราชองค์รักษ์มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวขอบคุณ

            หย่งเซิงเมินเฉยท่าทางดีใจของราชองครักษ์แล้วรีบสาวเท้าเดินตามร่างโปร่ง ไม่รู้ว่าบาดแผลที่มือของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไรบ้าง ในอกเขาสุมไปด้วยไฟโทสะ ฮ่องเต้เสียสติผู้นี้ช่างน่าตายเสียจริงๆ!


-------------------------------------

ในที่สุดก็เปิดปมของเหวินเจิ้งกันแล้ววว

เห็นนักอ่านรู้สึกปวดใจไปกับตัวละคร เราก็แอบดีใจนิดๆ (?)

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :hao4:


ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #75 เมื่อ10-05-2017 10:36:04 »

รอแล้วรออีกเลยสำหรับเรื่องนี้

ออฟไลน์ l2_in*

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #76 เมื่อ10-05-2017 11:53:57 »

ฮ่องเต้ ยิ่งรู้ยิ่งน่าสงสาร

ออฟไลน์ sahatsawat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #77 เมื่อ10-05-2017 12:23:25 »

 :katai1: :katai1: สงสารฮ่อองเต้

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #78 เมื่อ10-05-2017 13:28:05 »

 :hao5: :hao5: :hao5: :pig4:

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #79 เมื่อ10-05-2017 15:52:10 »

สงสารเหวินเจิ้ง.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
« ตอบ #79 เมื่อ: 10-05-2017 15:52:10 »





ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #80 เมื่อ10-05-2017 16:05:43 »

เป็นองค์ชายแล้วอย่าง
เป็นฮ่องเต้แล้วอย่างไร
มีอำนาจแล้วช่วยอะไรได้
เฮ้ออออออ สงสารเหวินเจิ้งสุดใจ
เฮียหย่งปกป้องฮ่องเต้ของเราให้ดีๆนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #81 เมื่อ10-05-2017 17:32:21 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #82 เมื่อ10-05-2017 20:43:00 »

 :o12: สงสารฮ่องเต้ ข้าน้อยขอฝากพี่หย่งกำราบฮ่องเต้สักสิบกระบวนท่าเถอะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #83 เมื่อ10-05-2017 21:32:38 »

สงสารอ่ะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #84 เมื่อ10-05-2017 23:19:01 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #85 เมื่อ10-05-2017 23:44:38 »

มาแล้วๆๆ จุดพลุฉลอง :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #86 เมื่อ11-05-2017 01:58:58 »

รออออออออออออออออออ o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #87 เมื่อ11-05-2017 20:13:15 »

ถ้าไม่มี่ฮ่องเต้สักคน
ชาวบ้านเดือดร้อนแน่

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #88 เมื่อ11-05-2017 21:11:51 »

บีบคั้นสุด ๆ แต่เราชอบอ่านมาก

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part9] [10/05/17] [P.3]
«ตอบ #89 เมื่อ11-05-2017 22:31:14 »

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด