18/02/59
ภาคเรียนที่หนึ่ง...บทที่เจ็ด
"เจ้านาย / พี่เจ้านาย / ไอ้นาย" เสียงร้องเรียกชื่อเจ้านายดังขึ้นพร้อมๆกัน คนละทิศทาง ทั้งภีม พอล
และเลย์กับมอสเพื่อนรักของเจ้านาย และต่างคนก็ต่างวิ่งมาทางเดียวกันโดยมีจุดมุ่งหมายก็คือเจ้านายที่ยืนเหม่ออย่าง
ไม่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่กลางทะเล ที่มีระดับน้ำสูงจนถึงใต้คางของเจ้าตัวแล้ว ไหนจะยังคลื่นลมที่พัดพากระแสน้ำเข้า
ปะทะร่างกายของเจ้านายให้โงนไปเงนมานั่นอีก ทำเอาคนที่ได้เห็นใจหายกันเป็นทิวแถว
"เจ้านาย!!! เจ้านาย!! โธ่!! ฟื้นสิเจ้านาย!!!" แต่กลับเป็นภีมที่ก่อนหน้านี้อยู่ห่างไกลจากเจ้านายที่สุด
ที่กลับเป็นคนพุ่งลงทะเลและถึงตัวของเจ้านายก่อนใครเพื่อน ก่อนที่จะลากเจ้านายขึ้นมาบนชายหาดทราย
และทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เจ้านายที่ตอนนี้ได้หมดสติลงไปแล้ว ท่ามกลางความงุนงงของพอล มอสและเลย์
ที่ไม่เคยได้พบเห็นภีมมาก่อน แต่เท่าที่ดูจากความกระวนกระวายความเป็นห่วงของภีมที่เห็นจากตอนนี้บวกกับว่าภีม
เรียกชื่อเจ้านายเหมือนกับรู้จักกันเป็นอย่างดี ทั้งสามคนที่เหลืออยู่จึงไม่มีใครได้คัดค้านการกระทำของภีม
เพราะต่างก็เป็นห่วงเจ้านายกันทั้งนั้น
"โธ่โว้ย!!!.....ผมจะพาเจ้านายไปโรงพยาบาล" ในเมื่อได้ทำทุกๆอย่างที่เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
สำหรับคนจมน้ำคนสำลักน้ำแล้วเจ้านายยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรภีมจึงอุ้มเจ้านายขึ้นแนบอก บอกกับสามคนที่อยู่ข้างๆ
ตัวเองที่ดูเหมือนกับจะเป็นเพื่อนเจ้านายอย่างลอยๆ ก่อนที่จะรีบก้าวเดินขึ้นไปบนฝั่งโดยที่ไม่รอฟังเสียงตอบรับ
เสียงคัดค้าน หรือเสียงห้ามอะไรจากคนที่ตนพูดบอกไปเลย......ชีวิตเจ้านายสำคัญที่สุด
.
.
.
.
.
"ต่อไปนี้เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้วนะครับ.....ที่รัก" ภีมพูดพร้อมกับกดจูบที่หน้าผากของเจ้านายเบาๆ
หลังจากที่หมอและพยาบาลได้ออกไปจากห้องแล้ว เมื่อรักษาและดูอาการของเจ้านายจนแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว
ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งเก้าอี้สำหรับญาติผู้ป่วยที่มีวางตั้งอยู่ข้างๆเตียงของเจ้านายนี่แหละไม่ได้ไปไหนไกลหรอก
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างผมกับเจ้านายมาถึงตรงนี้ได้อย่างไรในเมื่อเราสองคนยังต่างก็รักและมีความรู้สึกดีๆ
ให้กันอยู่ไม่ต่างจากวันวานเมื่อครั้งที่เรายังเด็ก ผมจำได้ว่าวันนั้นผมมีความสุขและรู้สึกหัวใจพองโตมากมาย
สักแค่ไหน เมื่อถึงวันปีใหม่ที่เป็นเหมือนวันรวมญาติญาติของสองครอบครัวเรา ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ผม
ป๋าคุณแม่ธาร ปู่ย่าแท้ๆของเจ้านาย คุณยายมณี และปู่ชัชของผม ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันเพื่อที่จะนับถอยหลัง
ข้างปีด้วยกัน โดยจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ดื่มกินกันอย่างพร้อมหน้าทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ พี่เจ้านายหรือเจ้านายเฉยๆที่ผม
แอบเรียกลับหลังเขามาตลอดเพราะผมไม่อยากให้เขาเป็นเพียงแค่พี่ชายเท่านั้น ซึ่งเราทั้งสองคนก็ต่างรู้ดีว่าฐานะนั้นคืออะไร เพียงแต่ไม่เคยได้พูดกันออกมาเท่านั้นเอง เจ้านายบอกต่อหน้าทุกคนอย่างมั่นใจด้วยสีหน้าจริงจังจนทุกคนก็ต่างเงียบ
และตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดออกมากันทั้งนั้น แค่คำว่า 'นายรักน้องภีม' แค่คำนั้นที่เจ้านายได้พูดออกมา มันทำให้ผมที่มีอายุ
เพียงไม่กี่ขวบปีแทบอยากจะกระโดดจูบปากจิ้มลิ้มช่างจ้อของเจ้านายต่อหน้าพ่อๆแม่ๆเลย แล้วบอกว่าผมก็รักเจ้านาย
ไม่ต่างจากที่เจ้านายรักผมเลย เพียงแต่...เพียงแค่ผมสบตากับภาคแฝดพี่ผมที่แววตาสั่นระริกน้ำตาคลอไปเต็มทั้งสองตา
ผมก็ต้องกลืนคำพูดที่อยากจะพูดเก็บเข้าไปไว้ในใจตัวเองเหมือนเดิมเพราะแฝดพี่ผู้เรียบร้อยของผมก็รักเจ้านาย
ไม่ต่างจากผมเลย.....
แต่แล้วเหมือนกับเจ้านายเข้าใจผมหรือไม่ก็เป็นเพราะเจ้านายก็คงรู้ว่าภาคก็รักตัวเองเหมือนกัน
เจ้านายจึงไปพูดกับภาคนอกรอบตรงๆว่าไม่ได้รักภาคอย่างที่ภาครักตนได้ เพราะภาคคือน้องชายไม่เหมือนกับผมที่รัก
ในแบบคนรัก แต่สิ่งเหล่านี้ผมมารู้ที่หลังในอีกหลายปีต่อมาก่อนวันที่ผมจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแค่คืนเดียว
อ่อ! แล้วเรื่องที่ผมตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศนั่นน่ะหรอ หึๆ มันไม่ใช่ความคิดหรือความต้องการของผมเลย
มันเป็นข้อตกลงระหว่างผมกับป๋าคุณของเจ้านายต่างหากหล่ะ!! ไม่มีใครที่มีแฟนมีความรักแล้วอยากจะจากหรือห่างไกลจากหัวใจตัวเองนักหรอก!!!
.
.
.
.
.
ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนที่เจ้านายและแฝดสามมีอายุ 14 ปี (เกรด 8 / ม.2)
บ้านยศวโยธิน(ของเจ้านาย)
ในวันหยุดสุดสัปดาห์กลางเดือนสิงหาคมของปีนั้น ภีมจำได้ดีเพราะเขานัดกับเจ้านายว่าจะไปช่วยกันเลือก
ซื้่อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนคนนึงในห้องที่เกิดเดือนนั้น เพราะภาคกับภามก็ต่างแยกไปกับเพื่อนสนิทของตัวเองกันทั้งนั้น
แต่เขาไม่มีเพื่อนสนิทอย่างทั้งสองคนนั้น มีเพียงแค่เจ้านายเท่านั้นที่เป็นทุกๆอย่างให้เขาในวัยนั้น เพราะเจ้านายไม่ชอบ
ให้ใครเข้ามาใกล้เข้ามาตีตัวสนิทสนมกับเขามากเกินกว่าที่จำเป็น เขาจึงไม่มีใครเลยสักคน นอกจาก.....พี่เจ้านาย
"ภีมมาหาเจ้านายหรอ? วันนี้มันไม่อยู่หรอก มันไปธุระกับแม่กับยายมัน กลับดึกๆ โน่นแหละ" เจ้าคุณที่นั่ง
อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะในสวนหน้าบ้านของตัวเองทักภีมขึ้นเมื่อเห็นว่าภีมเดือนเข้ามาในบ้าน
"อ่าว! หรอครับ ถ้าอย่างนั้นภีมกลับก่อนนะครับ เพื่อจะกลับไปทันภาคกับภาม" เมื่อได้ยินอย่างนั้น
ภีมก็รีบบอกลาเจ้าคุณในทันทีเพราะจะรีบกลับไปบ้านเผื่อบางทีจะไปทันภาคกับภามแฝดพี่แฝดน้องของตน
ไม่ใครก็ใครสักคน เพราะถ้าจะให้ตนไปเดินเลือกซื้อของคนเดียวก็คงจะไม่ดีหรอก ไม่ใช่เพราะว่าไปไหนคนเดียวไม่ได้นะ
แต่เพราะอาจจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรให้ใครยังไงดี
"เดี๋ยวสิ! มานั่งคุยกับป๋าสักหน่อยได้ไหม" แต่เจ้าคุณกลับเรียกเขาไว้ให้อยู่ต่อ
"ครับ...ป๋ามีธุระอะไรกับผมหรือครับ" ถึงจะแปลกใจในท่าทีแปลกๆของเจ้าคุณ แต่ภีมก็เลือกที่จะไม่สนใจ
และก้าวเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้สนามที่ว่างตรงข้ามกับเจ้าคุณ
"แปปนึงนะ....เดี๋ยวป๋ามา" เจ้าคุณไม่ตอบอะไรแต่กลับบอกให้ภีมรอและเดินเข้าบ้านไป
.
.
.
"อะ..เอาไปดู" เจ้าคุณกลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษจำนวนส่งให้กับภีม
"นี่มันอะไรหรือครับป๋า" ภีมก้มดูเอกสารในมือตัวเองที่มีอักษรตัวโตๆกลางหน้ากระดาษว่า
'รวมโปรแกรมเรียนมัธยมปลายต่อต่างประเทศ' ซึ่งไม่รู้ทำไมพอเขาเห็นประโยคนี้บนหน้ากระดาษ
แล้วทำไมใจเขาหวิวๆ ก็ไม่รู้
"ป๋าเห็นว่ามันน่าสนใจดี ป๋าก็เลยอยากให้ภีมลองเอาไปคิดดู" เจ้าคุณบอกพร้อมกับเพยิดหน้าไปที่
เอกสารในมือของภีม
"ทำไมหรอครับ พี่นายจะไปเรียนต่อต่างประเทศหรือครับ?" ภีมถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไม...
ทำไมป๋าคุณถึงเอาเอกสารการเรียนต่อพวกนี้มาให้เขา
"ป๋าขอถามอะไรหน่อยสิ"
"ครับ?"
"ภีมรักลูกป๋าอย่างที่มันรักภีมหรือเปล่า?" เจ้าคุณถามออกไปตรงๆ อย่างไม่ทันให้ภีมได้ตั้งตัวเลย
"ครับ...ภีมรักเจ้านาย...รักเหมือนกับที่เจ้านายรักภีมนั่นแหละ" เอาสิ! ป๋ากล้าถามเขาก็กล้าตอบเหมือนกัน
ลูกผู้ชายซะอย่าง!!
"ภีมก็รู้ใช่มั้ยว่ามันจะเอาภีมมาเป็นเจ้าสาวของมัน...ทั้งที่ตัวมันง๊องแง๊งอย่างงั้น"
"ครับ...ภีมจะเป็นเจ้าสาวให้เจ้านายในวันแต่งงานตามที่เจ้านายต้องการ"
"แต่ภีม..."
"แต่...ภีมจะเป็นสามีและพ่อที่ดีของเจ้านายและลูกของเราเองครับ" ภีมจ้องหน้าตอบเจ้าคุณอย่างไม่หลบสายตา
"ก็ดี! ถ้าอย่างนั้นภีมก็ไปลองเลือกดูนะ ว่าภีมชอบโรงเรียนไหนในนั้นบ้าง" เจ้าคุณบอก
"ทำไมครับ?"
"ป๋าอยากให้ภีมอยู่ให้ห่างจากเจ้านายมัน ป๋าบอกตรงๆเลยว่าป๋าไม่ไว้ใจมัน ถ้าเราสองคนยังอยู่ใกล้ๆ
กันอย่างนี้ ไม่ว่าจะยังไงป๋าอยากให้ภีมกับมันเรียนจบกันซะก่อนแล้วหลังจากนั้นจะทำยังไงจะตัดสินใจกัน
ยังไงป๋าจะไม่ขวางเราสองคนอีก...ป๋าสัญญา" เจ้าคุณบอกในคำพูดที่เหมือนจะขอร้องแต่สำหรับคนฟังอย่างภีม
ก็รับรู้ได้ทันทีว่า...นี่คือการ 'บังคับ' ต่างหากล๊ะ!!!
"แต่มันตั้งหลายปีนะครับป๋า!!!" ภีมหลุดมาดเด็กดี ตะคอกใส่เจ้าคุณอย่างลืมตัว
"ป๋ารู้! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เพื่อตัวภีมกับเจ้านายทั้งนั้น...ทำเพื่อให้ป๋าเห็นหน่อยไม่ได้หรอ
ว่าภีมรักลูกชายของป๋าอย่างที่พูดจริงๆ.....ไม่ใช่ดีแต่ปาก" เจ้าคุณไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองภีมแต่อย่างใดที่โดนเด็กรุ่นลูกพูด
ตะคอกใส่หน้า เพียงแต่พูดออกมาด้วยเสียงติดจะสบประมาทออกมาอย่างชัดเจนในประโยคสุดท้าย
จนภีมต้องกัดฟันกรอดเพื่อระงับอารมณ์โมโหของตัวเองไม่ให้เผลอกระโดดต่อยปากคุณป๋าว่าที่พ่อตาในอนาคตของตัวเอง
....มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะครับ!!!
"ครับ!!...ภีมจะไปก็ได้.....แต่ถ้าเมื่อใดที่ภีมกลับมา...เจ้านายจะต้องเป็นของภีมทันทีที่ภีมเหยียบพื้นแผ่นดินไทย
เลยนะครับ!!!" เอาสิ! ในเมื่อป๋ากล้ายื่นข้อเสนอมา ภีมจะสนองให้ แต่เมื่อใดที่ภีมทำสำเร็จแล้ว ป๋าอย่ามาตุกติกก็แล้วกัน
...แล้วจะหาว่าภีมไม่เตือน!!!
"ได้...แต่ระหว่างที่ภีมอยู่โน่นภีมห้ามติดต่อกับลูกป๋านะไม่ว่าทางใดก็ตาม ถ้าป๋ารู้ป๋าจะยกเลิกข้อสัญญาระหว่างเราทันที และถ้าระหว่างที่ห่างกันภีมหรือไอ้เจ้านายลูกป๋าเนี่ย บังเอิญเจอคนที่ใช่เสียก่อนที่ภีมจะกลับมา ป๋าก็ถือว่าสัญญาของเราเป็นโมฆะเหมือนกันนะ" เจ้าคุณยังคงเพิ่มข้อกำหนดขึ้นมาอีกข้อ จนภีมได้แต่หลับตาลงเพื่อที่จะสะกดกลั้นแรงอารมณ์ของตัวเองที่เริ่มจะประทุมากขึ้นทุกที .....อย่าลืมซิว่าตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่สิบสี่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อยู่ในช่วงฮอร์โมนพุ่งพล่าน
ถ้าคนตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่คุณป๋าเจ้าคุณที่เขาเคารพรักไม่ต่างจากคุณพ่อณัฐภาสของตัวเอง เขาคงจะพุ่งเข้าไปประเคนกำปั้นใส่ไม่ยั้งแล้วป่านนี้...แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจาก...รับฟังและก้มหน้ายอมรับมัน
"ตกลงครับ...ถ้าป๋าหมดธุระแล้วภีมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ภีมตอบรับข้อเสนอเจ้าคุณเบาๆ อย่างไม่ค่อย
เต็มเสียงนัก ก่อนที่จะขอตัวกลับทันที ไม่รอฟังคำพูดอะไรของเจ้าคุณอีกต่อไป...เพราะแค่นี้เขาก็จะขาดใจตายอยู่แล้ว
...อย่ามีข้อแม้อะไรไปมากกว่านี้เลย
____________________________________________________________________TBC.
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!!
สำหรับมี่แล้ว..คนที่เจ็บปวดและทรมาณจริงๆคือคนที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยต่างหากนะคะ
#ทีมภีม ฮ่าๆ
แบร่!!!