ตอนที่ 10 คุณหมอครับ! ผมสงสัยว่าผมกำลังจะเป็นโรคหัวใจ? ผมว่าช่วงนี้ผมควรไปทำบุญบ้างซะแล้วมั้ง เพราะรู้สึกเหมือนจะมีใครซักคนตามหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยเหมือนตอนเรียน ม.ปลาย เพราะบางทีก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครคอยแอบดูอยู่ตลอด บางทีก็ดูเหมือนว่าข้าวของในห้องเปลี่ยนที่วางบ้าง ล่าสุดเหมือนว่าบ็อกเซอร์ตัวที่ใส่บ่อยๆจะหายไป
“พวกมึงสองคนมีใครแอบเข้าไปทำอะไรในห้องกูรึเปล่า?”
ผมลองถามไอ้อาร์ทกับไอ้โอมขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวในช่วงก่อนเปิดร้าน
“…ใครเขาอยากเข้าห้องมึง? มืดยังกะบ้านผีสิง”
“ถ้าพวกกูแอบเข้าไปแล้วถ้ามึงรู้มึงก็กระทืบกูตายอ่ะดิ กูไม่กล้าหรอก อีกอย่างพวกกูไม่มีกุญแจเหอะ”
“มึงถามทำไม? มีอะไรรึเปล่า?”
“บ็อกเซอร์กูหาย แล้วก็รู้สึกเหมือนมีใครคอยแอบดูอยู่ตลอดเลย”
“อีกแล้วเหรอมึง? มึงนี่โคตรซวยเลย”
“เออจริง! จะว่าไปกูก็ออกจะหล่อ ไม่เห็นเคยเจอแบบมึงเลย”
“ก็ใครเสนอมึงก็เอาหมด ไม่เหมือนไอ้อ๋องมันนี่”
“ไอ้โอมมึงว่ากูเหรอ?”
“เออ! มึงจะทำไม?”
“…ม…ไม่ทำไม”
ไอ้ที่พวกมึงถามกูไอ้ตอนแรกก็คิดว่าจะหาวิธีช่วยเหลือ ที่แท้แค่อยากเสือกเฉยๆอ่ะดิ
“พวกมึงไม่ช่วยกูแล้วยังจะทำให้กูรำคาญมากกว่าเดิมอีกนะ”
“ค…คร้าบบบ!”
หลังจากไม่ได้อะไรจากไอ้สองพี่น้องนี่ซักเท่าไร ผมก็ต้องมายืนขาแข็งชงเหล้าที่เคาน์เตอร์อย่างเคย พรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดแต่ก็ยังมีคนมานั่งดื่มเหล้ากันเยอะ ว่างกันจริงๆเลยนะ
“น้องอ๋องคะ ขอเบียร์สองขวดสิ”
มีผู้หญิงคนนึงสวยมาก ใส่ซีทรูสีดำสุดเซ็กซี่ หน้าโคตรสวยแต่ดูโคตรน่ากลัวเลยแบบว่า…น่ากลัวว่าจะถูกจับกิน…
“นี่ครับ”
ผมวางเบียร์สองขวดไว้ตรงหน้าเธอ พี่คนสวยส่งสายตายั่วยวนสุดๆมาให้ ผมไม่หลงกลหรอกครับ เพราะผมชอบแบบใสๆน่ารักๆอ่ะครับ
“ขวดนี้พี่เลี้ยง”
เธอดันขวดเบียร์ที่เปิดแล้วมาตรงหน้าผมหนึ่งขวด
“ผมดื่มไม่เป็นครับ”
“เหรอคะ? อิอิ…น่ารักจัง”
แค่พี่แกยิ้ม ผมก็หลอนแล้วครับ คนอะไรยิ้มได้น่ากลัวขนาดนั้น
“…”
“พี่ขอเบอร์หรือไลน์ได้มั้ย แล้วพี่…ชื่อแตงโมนะ”
ปากแดงๆดูยั่วยวนกับใครหลายๆคน แต่มันใช้ไม่ได้กับผมหรอกนะครับบอกเลย อย่างผมชอบแบบธรรมชาติๆอ่ะครับ
“…”
“งั้น…ถ้าไม่ให้เบอร์หรือไลน์น้องอ๋องต้องดื่มเบียร์ที่พี่ให้”
ผมลังเลไม่อยากแจกเบอร์แจกไลน์แต่เบียร์ก็เสือกกินไม่เป็น เอาไงดีวะ?
“ว่าไงคะ? ให้เบอร์พี่มาก็จบแล้ว นะคะพี่อยากคุยกับน้องอ๋องค่ะ”
เห็นหน้าพี่คนสวยยื่นเข้ามาใกล้แล้วผมก็หลอนหนัก เลยคว้าขวดเบียร์มาถือไว้แล้วกลืนน้ำลายลงคอ นับหนึ่งถึงห้าเอาก็เอาวะดีกว่ามีผู้คนสวยแต่โคตรอันตรายตามมาหลอกมาหลอน
‘อึกๆ’
ผมกระดกเบียร์ลงคอ รสชาติไม่เห็นอร่อยเลยแต่ทำไมถึงชอบกินกันจัง เห็นกินกันเข้าไปได้ทุกวี่ทุกวัน
“ว้า! พี่คิดว่าจะยอมให้เบอร์พี่ซะอีก น้องอ๋องสมคำล่ำลือว่ายากจริงๆเลย”
จริงๆแล้วผมใจง่ายต่างหาก พลาดท่าเสียทีให้ไอ้ตุ๊กแกไปสองรอบแล้ว…จะว่าไปชักมึนๆซะแล้ว เบียร์ขวดเดียวก็ไม่ไหวแล้ว อ่อนจังวะกู เฮ้อออ!
ผมหลบเข้ามาหลังร้านเพราะเดี๋ยวอีกไม่นานร้านก็จะปิด ปล่อยให้ไอ้สองตัวนั่นมันดูกันเองแล้วกัน แค่เบียร์ขวดเดียวทำเอาผมเดินเซได้ คิดดูก็แล้วกันว่าผมอ่อนขนาดไหน
“เป็นอะไรวะมึง?”
เสียงใครมากระซิบข้างหู…พอเงยหน้าไปมอง…อืม…ก็ผมซื้อหวยก็คงรวยกันไปแล้วแหละ
“กูถามว่าเป็นอะไร? เห็นเดินเซๆ”
“เปล่า”
ไอ้ตุ๊กแกมันโผล่มาจากไหนวะ? ตามกลิ่นกูมาเหรอะ? เป็นแมวที่จมูกดีจริงๆ
“เฮ้ยมึง! เดินดีๆดิ เดี๋ยวก็ล้มหน้าแหกกูช่วยพยุงมั้ย?”
“ม…ไม่ต้อง”
ผมรีบสะบัดแขน เมื่อไอ้ตุ๊กแกทำท่าจะเข้ามาพยุง อย่าเข้ามาใกล้กู กูไม่อยากพลาดเป็นครั้งที่สาม
“เดี๋ยวกูช่วย มึงจะล้มแล้วนั้น ถ้าล้มไปหน้าแหกไม่หล่อกูไม่รู้ด้วยนา”
“…”
นอกจากจะมึนๆแล้วตอนนี้ผมเริ่มจะปวดหัวแล้วด้วย
“เร็ว…กูพาไปส่งห้องมึง”
มึงจะไม่ทำอะไรกูแน่นะ? กูห่วงสวัสดิภาพตัวเองตอนนี้มากเพราะไม่มีแรงขัดขืนเลย
“…”
“ตัวมึงนักจังวะ”
ไอ้ตุ๊กแกมันพยุงผมเดินขึ้นบันไดมาอย่างทุลักทุเล แต่ก็มายืนหน้าห้องได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
“เปิดประตูดิ กุญแจมึงอยู่ไหน?”
ผมล้วงหยิบลูกกุญแจในกระเป๋ากางเกง แต่จะว่าไปคุ้นๆว่าไอ้ตุ๊กแกมันก็มีลูกกุญแจของผมอยู่ หรือว่ามันทิ้งไปแล้ว ช่างมันเหอะตอนนี้ผมปวดหัวเอามากๆเลย
“ม…มึง…กลับไปได้แล้ว”
“เออ! มึงเข้าไปข้างในก่อนเดี๋ยวล้มหัวฟาดตาย”
“…”
มันพยุงผมเข้ามาในห้อง ค่อยๆปล่อยผมลงนอนที่โซฟา มันค่อยๆแกะกระดุมเสื้อผม!!!
“ม…มึงจะทำอะไร?”
สถานการณ์ล่อแหลม กระดุมเสื้อผมหลุดออกหมดแล้ว มันพยายามปลดเข็มขัดผมอีก โอย! ใครก็ได้ช่วยผมที
“ก็เห็นมึงนอนไม่สบาย กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า”
มันหยุดเมื่อปลดเข็มขัดผมออก เห็นมันเดินหายไปในห้องน้ำ ผมพยายามจะพยุงตัวเองขึ้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมันรอบที่สาม
“มึงนอนก่อน กูเช็ดตัวให้”
ม่าย!! อย่าทำกู!!! กูขอร้อง!!
“เฮ้ย! ม…ไม่ต้อง”
“เหอะน่า มึงยังเคยเช็ดให้กูเลย”
นั่นมึงไม่สบาย นี่กูแค่เมาไม่เช็ดก็คงไม่ตายหรอก มันวางกะละมังกับผ้าขนหนูแล้วหันมาถลกหนังผมแทน ผมขยับตัวไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์เบียร์หรืออะไรกันแน่ ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น ว่าแต่…บ็อกเซอร์ตัวเก่งของผมหายไปไหนวะ
“อืม…”
มันค่อยๆใช้ผ้าขนหนูซับที่น้าผมเบาๆ ดูทำไมมันดูอ่อนโยนจัง? หวังว่ามันคงจะไม่ขืนใจผมหรอกนะ เพราะหากมันคิดจะทำตอนนี้ผมคงขัดขืนมันไม่ได้แน่นอน
“มึงอย่าครางดิวะ กูยิ่งคิดไม่ค่อยดีอยู่”
“ค…คิดอะไร ม…มึงคิดอะไร?”
“ป…เปล่า”
มันค่อยๆเช็ดตามซอกคอ ไล่ลงมาที่หน้าอก ลักษณะการเช็ดตัวของมันแปลกๆ ดูมันเช็ดวนๆนานผิดปกติ ถึงผมจะไม่ค่อยมีแรงขัดขืน แต่ผมก็ยังพอมีสติรับรู้อยู่นะครับ
‘อึก’
เสียงอะไร เหมือนผมจะได้ยินเสียงมันกลืนน้ำลาย หรือว่าผมหูฝาดไป?
“อา…”
มันใช้ผ้าขนหนูเช็ดวนที่หน้าท้องผมอยู่หลายรอบ ความรู้สึกเย็นสบายทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย
“สัด!กูบอกว่าอย่าคราง ”
ดูมันเริ่มโมโห อะไรของมัน ไม่อยากเช็ดให้ก็ไม่ต้องสิ กลับบ้านมึงไปเลย!
“พ…พอแล้ว”
“เออ กูก็ไม่อยากเช็ดแล้ว”
มันคว้าผ้าขนหนูกับกะละมังแล้วเดินหายไปในห้องน้ำอีกรอบ อารมณ์แปรปรวนจริงวุ้ย ประจำเดือนมารึไง?
“กูกลับแล้วนะ”
“อืม…ขอบใจ”
เมื่อผมได้ยินเสียงมันปิดประตูก็ค่อยโล่งอกมั่นใจได้ว่าคืนนี้จะไม่เสร็จมันแน่ก็เลยเผลอหลับไป
ตื่นมาอีกทีก็ต้องรีบอาบน้ำเพื่อรีบไปเรียนให้ทัน ยังดีที่ไม่มีอาการเมาค้าง
“ไอ้แว่น!เอางานจารย์สมรมาลอกมั่งดิวะ”
ไอ้ไข่นุ้ยที่วันๆไม่เคยจะอยากมาคุยกับผมเข้ามาขอลอกการบ้าน เมื่อคืนกูยังเห็นมึงไปแรดที่ร้านเหล้าอยู่เลย มีปัญญาแรดแต่ไม่มีปัญญาทำการบ้าน
ผมส่งงานไปให้มันลอก ให้มันไปจะได้จบๆรำคาญมัน
“กูขอลอกมั่งดิ กูก็ยังไม่ได้ทำ”
ไอ้บดินทร์ตัวอ้อนก็มาขอลอกอีกคน ตกลงแก๊งค์พวกมึงนี่ไม่มีใครทำมาเลยรึไง?
“พวกมึงก็อย่าไปวุ่นวายกับไอ้อ๋อ…ไอ้แว่นมันนักสิ มาลอกของอีจ๊ะจ๋านี่”
“ไม่เอาอ่ะ ของมันทำไม่ค่อยถูก ของไอ้แว่นแน่นอนกว่า”
“ปากดีไอ้บดินทร์ เดี๋ยวกูตบคอหัก ไอ้โต๋มึงก็ลอกให้มันเร็วๆกูจะเอาไปส่งแล้ว”
สรุปว่าทั้งกลุ่มมีจ๊ะจ๋ามันทำมาคนเดียว ถึงจะไม่ค่อยถูกแต่ก็ยังดีกว่าไอ้พวกขี้ลอกที่ไม่ยอมทำมา
“ไอ้แว่นมึงจะฝากกูส่งมั้ย?”
ยังคงเป็นจ๊ะจ๋าที่ถามผมแบบนี้ตลอด นี่ถ้าจ๊ะจ๋ามันใสๆน่ารักๆแบบสเปคผม ผมก็อาจจะจีบมันนะ แต่แบบนี้ไม่เอาหรอก เพราะผมไม่อยากคอยแบกมันกลับหอเวลามันเมาน่ะสิ
“ม…ไม่ต้อง เดี๋ยวผมเอาไปส่งเอง”
“เดี๋ยวกูเอาไปส่งให้ก็ได้”
‘ห๊ะ!’
ผมและเพื่อนๆแก๊งค์มันหันควับไปมองไอ้ตุ๊กแกที่อาสาจะเอางานผมไปส่งให้ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมันจะสนใจผม วันนี้มันเป็นอะไรของมัน?
“ไอ้โต๋มึงป่วยอีกแล้วเหรอ?”
“หรือมึงเมาค้าง? แต่เมื่อคืนมึงก็กินไม่มากนี่หว่า”
“ว่าแต่ว่าเมื่อคืนมึงบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำแล้วหายไปเลย กลับมาอีกทีร้านก็เกือบปิด หายไปไหนมาวะ?”
“เออกูว่าจะถามอยู่พอดี กูก็นึกว่ามึงหนีกลับไปก่อน”
“ป…เปล่า กูขี้นานไง”
“น่าสงสัย เดี๋ยวนี้มึงชักจะทำตัวแปลกๆ บางทีก็หายตัวไป กูชักเริ่มสงสัยซะแล้ว”
“หรือว่า…?”
“อ…อะไร?”
“หรือว่ามึงแอบไปตามจีบคนที่มึงแอบชอบวะ?”
“เออ นั่นสิ เดี๋ยวนี้มึงชอบทำตัวลับๆล่ออยู่ด้วย”
“ห๊ะ!…เอ่อ…”
“ว่าไงไอ้โต๋?”
“เออดิ กูไปแอบดูเขา”
ใครคือผู้โชคร้ายคนนั้น ผมล่ะอยากรู้จริงๆ น่าสงสารเขานะครับ ถ้าเป็นผมผมจะไปทำบุญแก้ซวย 9 วัดเลย
“จริงดิ? แน่นอนว่ะ คนนี้มึงจริงจัง?”
“อ…เออ”
“กูไม่เคยเห็นมึงวิ่งตามใครขนาดนี้เลย”
“ทำไม? กูจริงจังไม่ได้รึไง?”
“เปล่า…กูดีใจไงที่ลูกชายกูจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักที”
“ใครเป็นลูกชายมึงอีจ๊ะจ๋าพูดให้ดี”
“เออๆ ช่างมัน เอางานมากูจะไปส่งแล้ว”
ไอ้ไข่นุ้ยมันก็เอางานมาคืนผมหลังจากลอกเสร็จ ผมเลยรีบเดินออกมาขี้เกียจจะฟังเรื่องไร้สาระของพวกมัน แต่ไอ้ตุ๊กแกมันจะจริงจังกับใครเขาได้จริงๆเหรอ? ผมเห็นมันลอยไปลอยมาเป็นถุงพลาสติกไม่ย่อยสลายจนจะสองปีอยู่แล้ว ไม่เห็นมันจะคบใครจริงจังซักที แต่ก็เรื่องของมันดิผมไม่สนใจหรอก
“มึง!”
“…”
“ไอ้แว่น!”
มีคนเดินตามผมมาแล้วมันก็เรียกผม มันเป็นเสียงไอ้ตุ๊กแกแต่ผมไม่สนใจหรอกแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ไอ้อ๋อง+”
‘ควับ’
ผมรีบหันไปมอง นี่มึงจะมาเรียกเสียงดังแบบนี้ไม่ได้! ผมมองซ้ายมองขวาไม่ใครอยู่แถวนี้เลยค่อยโล่งอก
“มีอะไร? แล้วอย่ามาเรียกกูแบบนี้ในมหาลัยอีก!”
ผมส่งสายตาอำมหิตไปให้มัน 1 EA เพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ไม่งั้นชีวิตผมคงขาดความสงบสุขไปอีกนาน
“กูเรียกแล้วมึงไม่ได้ยินนี่”
“แล้วมึงมีอะไร?”
“ก…งานอ่ะ กูไปส่งให้มั้ย?”
มึงจะมาไม้ไหนอี๊ก?? จะหาเรื่องหลอกฟันกูอีกรึไง? บอกไว้เลยคราวนี้กูไม่ยอมมึงง่ายๆแน่ ภูมิต้านทานกูสูงขึ้นแล้ว ไม่เสร็จมึงอีกแน่นอนบอกเลย!!
“ไม่ต้อง! กูไปส่งเอง”
“…แล้วมึงอยากกินหรืออยากได้อะไรมั้ย?”
“ห๊ะ??”
“คือแบบ…ถ้ามึงอยากกินหรืออยากได้อะไรกูจะไปซื้อให้ไง”
“…”
ไอ้ตุ๊กแกมันต้องโดนผีเข้าแน่ๆครับ มันถึงมาทำดีกับผม หรือว่ามันจะมาหลอกฟันผมจริงๆ ผมไม่หลงกลมันหรอกนะ
“ว่าไง?”
สีหน้าท่าทางมันดูหวังดีสุดๆยิ้มจนเห็นฟันขาวๆ มันขยับเข้ามาให้จนหน้ามันห่างกับผมไม่ถึงห้าเซนแล้ว ผมรีบถอยหลังกลัวผีมันจะเปลี่ยนใจเข้ามาสิงร่างผมแทน
“ม…ไม่ต้อง กูไม่เอา!”
‘ปัก’
หลังผมชนกับผนังตึกเรียน โดยที่ไอ้ตุ๊กแกมันยืนค้ำอยู่ด้านนอก มองดีๆก็เหมือนนักเลงกำลังข่มขู่เด็กแว่นอย่างผมเพื่อรีดไถเงินจริงๆ
“ทำไมอ่ะ? กูอุตส่าห์จะไปซื้อให้มึงเลยน้า ไม่อยากได้อะไรเหรอ?”
“ม…ไม่ หลบไป”
ทำไมแก้มมันขาวจังวะ? ไม่มีสิวหรือจุดอะไรเลย แล้วตอนที่ปากมันขยับเวลาพูดแล้วมันก็ยิ้มที่มุมปาก มันทำให้ผมนึกไปถึงตอนที่เราจูบกัน ก็ไอ้ปากแดงๆแบบธรรมชาตินี่มันดูยั่วยวนจน…น่าจูบอีก… เฮ้ย!! ไม่ใช่!! ผมสบัดหัวอย่างแรง นี่มันใช่เวลาจะมาคิดมั้ยวะ?? แล้วมึงก็อย่ายื่นหน้าเข้ามาให้ขนาดนั้น หัวใจผมเต้นแรงจนเหมือนจะหัวใจวายตายแล้ว
“อ๋องมึงเป็นอะไร? ยังไม่หายปวดหัวเหรอ กินยามั้ย?เดี๋ยวกูไปเอาให้”
“ไม่ต้อง! กูไม่ได้เป็นอะไร แล้วมึงก็หลบไปด้วย”
“เอ้า!! อะไรของมึงอ่ะ”
ไม่รู้! กูก็ไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร?? หรือเมื่อคืนกูนอนน้อยไปหน่อย?
ไอ้ตุ๊กแกมันขยับเปิดทางให้ ผมก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาเลย หัวใจยังเต้นแรงไม่หาย
“เป็นอะไรของมึง? ดูทำหน้าเข้า เป็นอะไรไหนบอกหมอซิ?”
หมอที่ไหนจะปัญญาอ่อนเหมือนมึงไอ้อาร์ท?
“ยังไง? ทำอะไร? กูไม่ได้เป็นอะไร!”
“เอ้า! ก็มึงอ่ะทำหน้าเหมือนอยากจะกินหัวใครเขา แต่ปกติหน้ามึงก็โหดอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูโหดกว่าเก่า”
“เปล่า…”
“มีอะไรปรึกษาหมอได้นะ จะให้ไปตีกับใครก็บอกหมอพร้อมเสมอ”
หมอพ่องสิ!ชวนไปตีกับคนอื่น
“มึงอ่ะนะ? คราวนั้นเห็นวิ่งหางจุกตูด”
“คราวนั้น ก…ก็พวกนั้นมันมีหลายคนไง กูหลบมาตั้งหลักเฉยๆ”
“สัด! ปล่อยกูตีกับพวกมันเป็นชั่วโมงกว่าจะมาช่วย”
“แต่พอกูไปก็เห็นไอ้พวกนั้นมันนอนตายกันเกลื่อน ส่วนมึงก็แค่หัวแตกเองนี่หว่า แล้วคราวนี้มึงเป็นอะไร?”
“ไม่รู้…กูก็ยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นอะไร”
“อะไรของมึง? เป็นเหี้ยอะไรก็ยังไม่รู้ มันมีเหรอวะไอ้โรคนี้อ่ะ?”
“มึงว่ากูเป็นเหี้ย? เดี๋ยวกูจะถีบมึงให้ลงไปนอนกับมันในน้ำเลย”
“เปล่าคร้าบบบ! ขอประทานอภัยท่านอ๋องคร้าบบบ!”
ยังมาทำหน้าทะเล้นกวนตีน คุยกับไอ้อาร์ททีไรเหมือนความดันจะขึ้น ว่าแต่ผมเป็นอะไรวะ? ทำไมต้องใจเต้นแรงเวลาไอ้ตุ๊กแกเข้ามาใกล้ ทำไมเห็นปากแดงๆของมันแล้วอยากจูบ? หรือว่าผมจะเป็นโรคหัวใจ? ผมอายุแค่ยี่สิบเองนะยังไม่อยากตายเร็วนะครับคุณหมอ
จบตอนที่ 10