บทที่ 13
“ เอ๊ะ คุณเมืองครับนี่ไม่ใช่ทางกลับหอผมนี่ ” ตาวขมวดคิ้วยุ่งพร้อมกับหันไปมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของคนที่ขับรถอยู่
“ อืม ก็ใช่ไง ” เมืองพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบรับ
“ ก็ใช่ไง อะไรกันครับ ผมงงไปหมดละนะ ”
“ คุณยายเค้าอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณมึงที่ดูแลกูตอนป่วยคราวนั้นไง ”
“ ขอบคุณอะไรกันครับ ผมแทบไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ ” ตาวว่า พร้อมกับนึกถึงช่วงอาทิตย์ก่อนหน้าที่เมืองแพ้ไก่หนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล สาบานเลยว่าตาวแทบไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำนอกจากที่ไปเยี่ยมคนตัวสูง คนที่ทำมากกว่าตาวก็คือภาคต่างหากที่อยู่เฝ้าเมืองแทบจะตลอดเวลา
“ ทำดิ ” เมืองเถียงกลับ
“ ผมทำอะไรครับ ”
“ ยาใจชั้นดีไง ” เมืองว่าพร้อมกับหันหน้ามายิ้มหวานใส่คนตัวเล็กที่อ้าปากหวอนึกไม่ถึงกับคำพูดสุดแถที่เลี่ยนสุดๆของใบหน้าหล่อๆนั่น
“ ประสาท! ” เบะปากใส่คนที่ยิ้มหวานใส่เขา “ ยิ้มอะไรครับ ขับรถไปเลยไปเดี๋ยวก็แหกโค้งไม่ถึงบ้านหรอก ” ตาวยกมือขึ้นผลักหน้าของเมืองให้กันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า
“ กิ้วๆ เขินอ๋อ ” เมืองปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างหนึ่งขึ้นมากุมมือเล็กที่ผลักหน้าเขาพร้อมกับเอ่ยแซว
“ คุณเมือง!! ” ตาวขึ้นเสียงพร้อมกับพยายามจะชักมือที่โดนกุมเอาไว้กลับ
“ ครับๆ ไม่ล้อแล้ว ” เมืองยิ้มอย่างอารมณ์ดี กุมมือเล็กที่แสนนุ่มวางไว้หน้าตักของตัวเอง
ในทีแรกที่ตาวพยายามจะชักมือกลับแต่ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าของเมืองก็ดือดึงไม่ยอมปล่อยจนตาวเหนื่อยใจเลยปล่อยให้เมืองได้กุมมือของเขาเอาไว้แบบเลยตามเลย บรรยากาศในรถเงียบลงอีกครั้งจะมีก็เพียงแต่เสียงเพลงในรถที่เมืองเปิดคลอเบาๆ และมีแค่บางช่วงเท่านั้นที่เมืองพึมพรำเพลงออกมาบ้างให้ได้ยิน
“ ผมต้องไปทานข้าวจริงๆเหรอครับ ” ตาวเอ่ยถามขึ้น บอกตามตรงว่าเขายังไม่พร้อมมันกระทันหันเกินไปแล้วดูสภาพเขาตอนนี้สิ พึ่งกลับมาจากค่าย สภาพโทรมสุดๆ แถมอะไรก็ไม่ทันได้เตรียมสักกะอย่าง
“ จริงดิ ” เมืองพยักหน้า
“ แต่คุณเมืองผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยนะครับ ” ตาวว่าอย่างกังวล อย่างน้อยการไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ก็ต้องเตรียมตัวกันบ้างไม่ใช่เหรอ
“ ไม่เป็นไรหรอก เป็นธรรมชาติในแบบที่มึงเป็นนั่นแหละ ”
“ แต่คุณเมืองผมพึ่งไปค่ายมานะ ดูสภาพผมสิ โทรมสุดๆ ” ตาวว่าพร้อมกับก้มลงมองสภาพตัวเองที่ใส่เสื้อยืดคอกลมสีเขียวอ่อนธรรมดาๆมีสกรีนข้างหลังเป็นชื่อค่ายที่พึ่งไปมาพร้อมกับขางเกงยีนต์ขาเดฟสีดำธรรมดา รองเท้าผ้าใบสีขาว เสื้อกาวน์ที่พึ่งถอดวางพับไว้บนตักและกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่อยู่หลังรถ
“ น่ารักแล้ว ”
“ ครับ? ” ตาวถามย้ำอีกครั้งเมื่อฟังไม่ชัดในสิ่งท่คนตัวสูงพูดไปเมื่อสักครู่นี้
“ กูบอกว่าแค่นี้ก็น่ารักแล้ว อย่าน่ารักไปกว่านี้เลย ถ้าน่ารักไปมากกว่านี้หัวใจกูคงวายตายพอดี ”
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า.... คำพูดสามารถฆ่าคนให้ตายได้
และตาวคิดว่ามันจริง
เพราะตอนนี้หัวใจของตาวมันเต้นแรงจนรู้สึกว่าอีกไม่นานมันคงระเบิดออกมา...
***********************************************************
ตาวไม่รู้ว่าบ้านของเมืองมีขนาดกี่ไร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตาวรับรู้ได้คือมันหลังใหญ่มากตัวบ้านสีขาวสะอาดตาสไตล์ตะวันออกที่ดูเหมือนว่าคงอยู่กันมาเป็นรุ่นสู่รุ่นและค่อยๆตกแต่งให้ทันสมัยเพิ่มขึ้นตามแต่ยุคนั้นๆ รอบตัวบ้านล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และสนามหญ้าสีเขียว ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเจ้าของบ้านต้องรักธรรมชาติและดูแลพวกมันเป็นอย่างดี
“ เดินเข้าไปสิ ” เมืองว่าพร้อมกับผลักแผ่นหลังของตาวเบาๆให้เดินเข้าไปในบ้านหลังจากที่ทำการจอดรถและลงจากรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ เอ่อ คือ....ผมว่าเอาไว้วันหน้าดีกว่าไหมครับ ” ตาวว่าพร้อมกับจะหันหลังกลับ
“ วันนี้แหละ ” เมืองว่า “ ไม่ต้องกลัว กูอยู่นี่ไงไม่ทิ้งมึงหรอก ” เมืองว่าพร้อมกับจ้องตาคนตัวเล็กให้เชื่อมั่นในตัวเขา
“ อืม ” ตาวพยักหน้า
“ ตาวตาว คิดถึงงงงงงงง ” ภาคที่วิ่งมาแต่ไกลในสภาพเสื้อยืดคอกลมย้วยๆพร้อมกับกางเกงบ๊อกเซอร์สวมกอดตาวแน่น “ ขอหอมทีดิ ”
“ มากไปละสัสภาค ” เมืองว่าพร้อมกับดึงตัวภาคให้ออกจากตาวที่ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนกอดแบบไม่ทันตั้งตัว
“ เอ้า ก็กูคิดถึงของกู ” ภาคว่า
“ คุณภาคยังไม่อาบน้ำอีกเหรอครับ ” ตาวทักเมื่อได้สติ
“ อาบแล้ว นี่พึ่งไปเปลี่ยนชุดมาตอนรับตาวตาวเลยนะเนี่ย ”
“ ด้วยชุดนี้เหรอครับ ” ตาวมองภาคตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ อะไรตาวตาวนี่มึงเหยียดเสื้อตราห่านคู่กูเหรอ กูจะฟ้องคุณยาย ”
“ อะไรกันหืม มีใครเรียกยาย ” หญิงชราร่างท้วมที่ยังดูแข็งแรงสุขภาพดีเดินเข้ามาในวงสนทนา
“ เอ่อ สวัสดีครับ ” ตาวยกมือขึ้นไหว้หญิงชราอย่างนอบน้อม
“ ก็ตาวตาวน่ะสิครับคุณยายเค้าเหยียดเสื้อตราห่านของน้องภาค ” ภาคว่าพร้อมกับซบหัวลงบนไหล่ของหญิงชราอย่างออดอ้อน
“ ผมเปล่านะครับ ” ตาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ ผมก็แค่ทักว่าคุณภาคยังไม่อาบน้ำเหรอแค่นั้นเอง ”
“ ฮาๆๆๆ อืม ยายว่าก็จริงแบบที่น้องตาวตาวพูดนะ ดูซิน้องภาคแขกมาบ้านทั้งทีเราใส่ชุดอะไรเนี่ยโตเป็นหนุ่มแล้วนะจะมาใส่บ๊อกเซอร์เดินทั่วบ้านแบบเด็กๆได้ไงไปเปลี่ยนเลยไป ”
“ โธ่ คุณยาย ” ภาคทำหน้าเศร้า
“ รีบไปเลยไม่ต้องมาอ้อน ” หญิงชราว่าพร้อมกับดันหัวของหลานชายสุดที่รักออกจากไหล่ของตนเอง ภาคทำหน้างอนก่อนจะเดินจากไป “ เราก็เหมือนกันน้องเมืองไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดได้แล้วไป ยายเห็นกลิ่นสเปย์ฉีดผมเราจะแย่ แม่เรานี่ก็ยังไงนะโดนยอเข้าหน่อยล่ะพาลูกไปทำนั่นทำนี่เรื่อยเลย เวลาพักก็ไม่ค่อยจะมีกันแท้ๆ ”
“ ครับคุณยายงั้นน้องเมืองฝากตาวไว้กับคุณยายนะ ” เมืองว่า
“ จ๊ะ ” หญิงชรายิ้มพร้อมกับยักหน้า เมืองเดินเข้าไปสวมกอดหญิงชราพร้อมกับหอมแก้มหนึ่งฟอดก่อนจะเดินจากไปอีกคน
“ เอ่อ คือ.... ” ตาวรู้สึกอึดอัดเหงื่ออกตามฝ่ามือไหนเมืองบอกว่าจะไม่ทิ้งตาวไง
“ ทำอาหารเป็นไหมจ๊ะ ” หญิงชราเอ่ยปากถามพร้อมกับมองสำรวจคนผอมบางตรงหน้าที่หลานชายของเขาพาเข้ามาในบ้านหลังนี้เป็นคนแรก
“ พะ พอได้ครับ ” ตาวตอบเสียงแผ่วอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ งั้นมาเป็นลูกมือยายหน่อยนะ ยายกำลังทำอาหารไว้คงพอดีสองหนุ่มนั่นอาบน้ำเสร็จกัน ”
“ ครับ ” ตาวพยักหน้ารับพร้อมกับเดินตาวหลังหญิงชราไป
***********************************************************
“ หืม เก่งนี่จ๊ะ รู้ด้วยว่าปาดเนื้อทางไหนเนื้อถึงจะไม่หยาบ ” หญิงชราเอ่ยชมหลังจากที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนร่างบางไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวอยู่สักพัก
“ ครับ พอดีตอนอยู่ที่บ้านตาวชอบเข้าครัวช่วยคุณแม่กับคุณยายทำกับข้าวอยู่บ่อยๆ ” ตาวตอบ
“ แล้วตอนนี้เรียนอะไรอยู่จ๊ะ ปีไหนแล้ว ”
“ เรียนทันตะครับปีสี่แล้ว ”
“ เท่าน้องเมืองเลย แต่รายนั่นน่ะอินดี้ จริงๆก็น่าจะเรียนจบแล้วนะแต่ตอนจบปีหนึ่งนึกอะไรก็ไม่รู้เดินเข้าไปหาคุณพ่อ คุณแม่แล้วบอกว่าหมดแพสชั่นในการเรียนเลยขอดรอปหนึ่งปีแล้วก็หนีไปเป็นจิตอาสาอยู่แอฟริกานู่นแหนะ ยายล่ะอยากตีจริงๆเชียว ”
“ ถึงว่าล่ะครับเห็นตอนแรกคนเรียกเค้าว่าพี่ เพื่อนตาวก็เรียกว่าพี่ ทีแรกตาวก็งงว่าปีเดียวกันทำไมเรียกพี่ แต่ตอนนี้เข้าใจละครับ ” ตาวว่าพร้อมกับเงยหน้ายิ้มให้หญิงชรา พอยิ่งได้คุยตาวก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเพราะคุณยายของเมืองคุยกับตาวอย่างเป็นมิตรและยิ้มแย้มให้ตาวเสมอ
“ ยิ้มสวยนะเราเนี่ย ถึงว่าน้องเมืองถึงชอบ ” คุณยายเอ่ยปากชม
“ มะ ไม่ หรอกครับ ” ตาวปฏิเสธเสียงสั่น เขากลัวเหลือเกินว่าหากหญิงชรารู้ว่าพวกเขารักชอบกันเกินกว่าเพื่อน หรือพี่น้องกัน เธอจะรังเกียจและผลักไสเขา
“ ไม่เป็นไรหอก ยายโอเค ” คุณยายว่าอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับยกนิ้วทำท่าโอเคให้ตาวได้ยิ้ม
“ คุณยายไม่รัง เอ่อ รังเกียจเหรอครับ ”
“ ทำไมล่ะจ๊ะ ความรักไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจสักหน่อย ” คุณยายยิ้ม “ แต่ยายก็ยอมรับนะว่าตกใจตอนที่น้องเมืองเข้ามาบอกตอนแรกว่าน้องเมืองกำลังมีความรัก และเป็นผู้ชาย แถมยังบอกว่าถ้ายายได้เห็นยายจะต้องชอบเขามากแน่ๆน้องเมืองคอนเฟิร์ม ทีแรกยายก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่พอได้มาสัมผัสวันนี้ยายก็ว่ายายชอบนะ ”
“ คุณยาย ” ตาวเงยหน้าขึ้นมองหญิงชราด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างตื้นตันจะมีคนสมัยก่อนสักกี่คนนะที่เปิดโอกาสและยอมรับได้ในสิ่งที่ลูกหลานเลือกที่จะเป็นได้แบบนี้
“ ยายฝากน้องเมืองด้วยนะลูก ” มือเหี่ยวย่นของคนที่แก่กว่าเอื้อมไปจับมือเล็กอย่างฝากฝัง
“ คือ ผม... ” ตาวไม่รู้จะตอบยังไงเพราะจะให้ตอบตกลงไปเลยก็ไม่ได้เพราะเขาสองคนอันที่จริงแล้วก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
“ ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้จ๊ะ ยายเข้าใจ ” หญิงชรายิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ น้องเมืองน่ะ ถึงจะดูเถรตรง มุทะลุ ดูลุยๆเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็เป็นคนมั่นคงนะ ถ้าได้รักใครแล้วก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกเชื่อยายสิ รับหลานชายของยายไว้พิจารณาด้วยนะจ๊ะ ”
ตาวไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร เค้ากับเมืองจะได้คบกันไหม
แต่หัวใจของเขาตอนนี้มันกลับรู้สึกเอ่อล้นและตื้นตัน การที่ครอบครัวของเมืองเปิดใจและยอมรับในตัวเขา ในอย่างที่เราและเมืองเป็นนั่งถือว่าเป็นความโชคดีสุดๆแล้ว มันทำให้ตาวก้าวผ่านความกลัวได้อีกสเตปหนึ่ง
ไม่ว่าต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ตาวจะลองเก็บหลานชายของคุณยาย
ไว้พิจารณา
เป็นคนรัก
เป็นคู่ชีวิต
เป็นความสบายใจ
ละกันนะ...
***********************************************************
“ ตอนที่กูขึ้นไปอาบน้ำคุณยายพูดอะไรกับมึงบ้าง ” เมืองว่าขึ้นในขณะที่กำลังจะขับรถไปส่งตาวที่บ้านหลังจากทานข้าวด้วยกันเสร็จแล้ว
“ คุณยายเล่าว่าคุณเมืองไปขอดรอปเรียนครับ ”
“ อืม แค่นี้เหรอ ” เมืองพยักหน้ารับรู้
“ แล้วก็บอกว่าตอนเด็กๆคุณเมืองนิสัยไม่ดีแถวยังขี้เหร่มาก ”
“ ห๊ะ! มึงอำกูป่ะเนี่ย ” เมืองถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ ผมเปล่านะ ”
“ คนอย่างกูไม่เคยมียุคมืดเหอะ ” เมืองว่า
“ มั่นใจจังเลยนะครับ ”
“ มึงมองหน้ากูนะแล้วพูดดิว่ากูไม่หล่อ ” ในช่วงขณะที่รถติดไฟแดงพอดี เมืองหันหน้ามาจ้องคนตัวเล็ก เอื้อมมือไปกอบกุมใบหน้าของตาวเอาไว้ให้มองตนก่อนที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“ ใกล้ไปแล้วครับคุณเมือง ” ตาวว่าปรามเมื่อรู้สึกว่ายิ่งนิ่งเมืองยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
“ ก็ตอบมาดิ ” เมืองพูดเสียงแผ่วและเพราะความที่อยู่ใกล้กันมากมันทำให้สัมผัสและรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
ใบหน้าหล่อจัดในระยะประชิดทำให้ตาวทำตัวไม่ถูก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมืองเป็นคนที่หล่อ หล่อเอามากๆในสายตาของตาว คิ้วดกเข้มรับกับดวงตาคม จมูกโด่งๆนั่ง และยังริมฝีปากสีจางๆที่ตาวเคยสัมผัสมันมาแล้วนั้นว่ามันร้ายกาจขนาดไหน พอนึกถึงตอนที่เราได้จูบกันใบหน้าของตาวก็รู้สึกร้อนขึ้นมาแบบไร้ความหมาย หัวใจเต้นแรงแทบควบคุมไม่อยู่
“ กะ ก็ ”
“ ตาว ” เมืองเอ่ยเรียกคนตรงหน้า
“ คะ ครับ ”
“ อยากจูบว่ะ ”
“ คุ....อื้อ ” เมืองแตะปากลงบนริมฝีปากเล็กน่ารักนั้นอย่างไม่ต้องการรอคำตอบ ยิ่งเข้าจ้องมองใบหน้าของตาว ยิ่งมองใกล้ก็เหมือนเขายิ่งมัวเมาในความเป็นตาว ไม่ว่าจะเป็น ดวงตา จมูก ริมฝีปาก เขาก็หลงมันไปหมด อยากจะกกกอดเก็บไว้ไม่ให้ใครได้เห็นความน่ารักนี้ อยากจะกลืนกินตาวไปให้หมด
ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผลัก !!
“ คุณเมืองไฟเขียวแล้ว!! ” ตาวสะดุ้งตกใจกับเสียงแตรรถจากรถคันหลังที่บีบใส่ คนตัวเล็กยกมือขึ้นผลักร่างสูงออกจากตนเองอย่างหน้าตาตื่นจนหัวเมืองชนกับกระจกรถ
“ โอ้ย ตาว ” เมืองกุมหัวของตัวเอง
“ ไฟเขียวแล้วครับ ขับรถก่อน ” ตาวว่าพร้อมกับก้มหน้าหงุดอย่างทำอะไรไม่ถูกปากก็ร้องบอกเมืองอย่างรนๆเพราะยังตกใจกับเสียงบีบแตรรถคันหลังไม่หาย
เมืองออกรถอย่างอารมณ์เสียจัด และปฏิณาณตนในใจว่านับตั้งแต่ต่อไปนี้ถ้าเขาเจอไฟเขียวที่ไหนเขาจะไปท้าต่อยกับมันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปข้าง
ขัดจังหวะได้โล่ เวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแท้ๆ
เกลียดไฟเขียว โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
***********************************************************
ห่างหายไปนานเลย แต่กลับมาแล้ววววว สัญญาว่าจะต่อให้จบ ติดตามและคอมเม้นให้กำลังใจกันด้วยน๊าา
รักทุกคน