ตอนที่ 16...เรา...เลิกกันเถอะนะ...
คำที่ผมเคยกลัวที่สุดได้หลุดออกจากของมันไปแล้ว...
ผมยืนนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ ไม่ต่างจากมันที่ยืนกอดผมเอาไว้ ทั้งๆใบหน้าเปื้อนน้ำตา
“ไม่คิดว่าบอกเลิกอย่างนี้ พี่จะเสียใจมากกว่าเดิมหรือไง” ผมถามมัน
มันส่ายหัวเบาๆ “ผมเชื่อ...ว่าหลังจากที่เราคุยกันแล้ว...ถึงผมไม่บอก...พี่ก็จะต้องเป็นคนบอกเอง...เพราะพี่...รักผมมากจนทนเห็นผมเศร้าต่อไปไม่ได้...เหมือนกับที่ผมรักพี่มากจนทนเห็นพี่เศร้าเพราะความโลเลของตัวเองไม่ได้”
น่าละอายจริงๆ เพราะในขณะที่ผมเอาแต่ระแวงมัน....มันกลับเป็นคนที่รู้ใจผมมากที่สุด
เพียงเหตุผลเท่านี้...ผมก็เชื่ออย่างสนิทใจแล้ว...ว่ามัน...เลือกผมจริงๆ เพราะมันรักผม ถึงจะยังไม่มากที่สุด แต่ผมเชื่อว่าสักวันมันผมจะเป็นที่หนึ่งของมันได้
“พี่จะรอ” มันเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตรื้นน้ำของมันสบเข้ามาในตาของผม
ผมจูบหน้าผากมัน “ต้าบอกว่าพี่ไม่จำเป็นต้องรอ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้รอ ดังนั้น...พี่จะรอ...นานขนาดไหนพี่ก็จะรอ...แต่...พี่จะดีใจมาก ถ้ามันไม่นานจนเกินไป”
ผมรู้...ว่ามันดีใจขนาดไหน เพราะในขณะที่ใบหน้ามันเปื้อนน้ำตา...ใบหน้าเดียวกันนั้นก็เปื้อนรอยยิ้มไปด้วย
เราเดินทางกลับกรุงเทพ ระหว่างทางไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงสะอื้น ไอ้เปี๊ยกไม่ได้นั่งชมวิว ไม่ได้นอนหลับ แต่มัน...นั่งมองหน้าผมไปตลอดทาง
ผมพามันไปที่คอนโดของผม ให้มันเก็บข้าวของน้อยนิดของมันใส่เป้
มันอุ้มตุ๊กตาหมีตัวเล็กขึ้นแนบอก หันมามองผมเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ในสายตาผม ไม่ได้สะท้อนภาพแผ่นหลังของมัน ไม่ได้สะท้อนภาพยามกลางคืนที่มันกระโดดออกจากชิงช้าอีกต่อไป
ตอนนี้...มีเพียงภาพของมัน ท่ามกลางแสงตะวันกับท้องฟ้าสีคราม...ภาพของมัน...ที่เดินมาจากปลายทางอีกฝั่ง ทุลักทุเล ไม่มั่นคง แต่ก็พยายาม...และสุดท้ายมันก็มาถึง...
มีแต่ภาพตอนที่มัน...โถมทั้งตัวเข้ามาในอ้อมกอดของผม...
...มันเลือกผม...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากนั้นแค่วันเดียว ผมออกเดินทาง...
ทริปสัมนาของลูกค้าประจำ...ผมไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ผมก็ทู่ซี้จะไป...โดยให้เหตุผลว่าพนักงานใหม่ คงจะยังไม่ค่อยเป็นงาน
วันที่สาม ผมกลับมาถึงบ้าน ออกไปทำงานตามปกติ
“พี่ธี...มีหนุ่มน่ารักมาหาเจ้าค่ะ” ยายแอนโผล่หน้าทะเล้นทะลึ่งเข้ามาในห้อง
แวบแรกผมคิดว่าเป็นไอ้เปี๊ยก...แต่หลังจากที่ประตูเปิดเข้ามา...ก็แอบผิดหวังเล็กน้อย
“ไง เพ่!” น้องเมียในอดีตและอนาคตครับ
“ไงล่ะ...” ผมยักคิ้วให้มันข้างหนึ่งแล้วก้มลงอ่านเอกสารต่อ ไอ้ต้อยถือวิสาสะนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตรงข้าม คว้าแก้วน้ำชาของผมซดอึกๆซะงั้น
“โหย ทำเก๊กๆ...แก่ๆอย่างนี้ไม่นึกว่าจะมาแรง...ภูมิใจอะดิ โห่”
มันพูดอะไรของมันวะ ผมเหลือบสายตาขึ้นมอง “อะไรของเอ็ง อย่ายวน ข้ายังไม่ได้คาดโทษเรื่องวันนั้นเลย” ...ก็เรื่องวันนั้นไงครับ วันที่มันพาไส้สึกเข้าตีประตูหลังนั่นน่ะ แถมยังต่อยซะหน้าบวมอีก
“เหอะน่า! อุปสรรคทำให้ความรักงอกเงยนะเพ่ ภูมิใจอะดิๆ” มันยิ้มยียวน เอานิ้วชี้เคาะโต๊ะเล่นเป็นจังหวะ
“ภูมิใจอะไรของเอ็งวะ?”
ไอ้ต้อยตาโตทำหน้าตกใจ “โห...คนแก่ตกข่าว” มันจะย้ำอะไรกับคำว่าแก่นักวะ
“ก็พี่ต้าน่ะดิ” หูผึ่งเลยครับ
“ต้าทำไม?” ผมรีบถามมัน ไอ้ต้อยยิ้มแฉ่ง
“ก็พี่ต้ามันเอาแหวนไปคืนพี่ธีแล้วน่ะสิ” คราวนี้ผมยิ้มแฉ่งตามมันบ้าง...ไอ้น้องเมียคนนี้มันน่ารักจริงๆครับ มีการดีใจแทนผมซะด้วย เลยเหมือนไอ้บ้าสองคน นั่งยิ้มแฉ่งมองหน้ากันอยู่นานครับ
“แน๊ะๆๆๆ มียิ้มๆ” มันล้อผม “เห็นมั้ยบอกแล้ว อุปสรรคทำให้ความรักงอกเงย”
ผมยื่นมือไปข้างหน้า เอาเอกสารตบหัวมันป้าบหนึ่ง “เลิกแล้ว”
ไอ้ต้อยเงียบไปสามวิ หลังจากนั้นมันก็ร้องอ๊า~...ผิดครับ...มันร้องห๊า เสียงดังจนยายแอนต้องแอบเปิดประตูมามอง
ไอ้ต้อยลุกขึ้นยืน โน้มตัวข้ามโต๊ะมา “จริงหรอพี่”
“...จริง” ทำไมมันต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นวะ เครียดกว่ากูอีก
“เลิกจริงๆอะ” มีถามย้ำอีก เศร้านะโว้ย ไม่ใช่ไม่เศร้า
“เออ”
มันหย่อนตูดลงบนที่นั่ง ทำท่าครุ่นคิด “อย่างนี้พี่ต้าก็ว่างแล้วน่ะดิ ไม่เวิร์คๆ” วันนี้มันเป็นอะไรของมัน ปกติหวงพี่จะตายห่า ไหงคราวนี้มาไม่ว้งไม่เวิร์คได้
มันหันหน้ามาทางผม “พี่ธีทำไรพี่ต้ามันน่ะ มันถึงได้บอกเลิกอย่างนี้...เออช่างเหอะ ไม่อยากเสือก แต่ยังไงก็รีบขอคืนดีเร็วๆล่ะ”
มีการโทษกันอีกครับ ไอ้นี่ “ไม่ขอ...ไม่ได้โกรธกัน”
ไอ้ต้อยชะงักไปพัก คงเพราะเห็นท่าทางโศกาของผมแหละครับ “พี่...เฮิร์ทเปล่า?”
ดูมันถาม เลิกกับแฟนนะเว้ย ไม่ได้เลิกหมา จะได้ดีใจน่ะ...ผมวางเอกสารลงบนโต๊ะ พยักหน้าเงียบๆ
“โคตรเจ็บเลยว่ะ...ช่วยหน่อยได้มั้ย” หาตัวช่วยครับ ให้น้องมันช่วยเร่งปฏิกิริยาพี่มันหน่อย จะได้ไม่ต้องรอนาน เดี๋ยวจะแก่ซะก่อน
ไอ้ต้อยสอดนิ้วก้อยแคะขี้มูกอย่างไม่เกรงใจฟ้าดิน “ช่วยไรวะ...ช่วยปลอบเหรอ...” ล้อเล่นอย่างนี้ไม่ขำว่ะ ขนลุก
แต่ประโยคต่อมานี่สิครับ ทำเอาผมอึ้ง “โหย...ไม่ได้หรอกพี่...ผมต้องคอยปลอบอีกคน เพราะทางนั้นน่าปลอบกว่าเยอะ”
ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามัน มันยักคิ้วข้างหนึ่งส่งมาให้...มิน่าล่ะ มันถึงเครียดจัดตอนที่รู้ว่าไอ้เปี๊ยกเลิกกับผม
ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม...ท่าทางจะไม่ต้องรอนานซะแล้ว “มึงปลอบดีๆอย่าให้หลุดออกมานะเว้ย”
ไอ้ต้อยตะเบ๊ะ ก่อนจะเดินกร่างออกจากห้องทำงานไป
ผมก้มหน้าลงทำงานต่อ สักพักก็มีเสียงเคาะประตู “พี่ธีๆ” ไอ้เต๊ะ พนักงานใหม่ของผมเองครับ เป็นรุ่นน้องผม เพื่อนยายแอน
“หืม...มีอะไรสงสัยหรือไง” ทำไมวันนี้งานยุ่งจังวะ
“คนนั้นน่ะ...” มันบุ้ยปากส่งๆให้เข้าใจ...คงหมายถึงไอ้ต้อยน่ะครับ “ชื่ออะไรเหรอ มีแฟนยัง?”
ลืมบอกไปครับ...มันเป็นเกย์...สายรุก (รู้ละเอียดจังวะกู)
ผมเชิดหน้า ยกนิ้วโป้งทำท่าปาดคอตัวเองส่งให้มัน “คนนี้ห้ามยุ่ง กูจอง!” ...จองให้ศัตรูหัวใจครับ ไอ้เต๊ะทำหัวหด แล้วก็ถอยทัพกลับไปเงียบๆ
+++++++++++++++++++++++++++++
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ บางคนอาจจะว่าผ่านไปไม่นาน แต่สำหรับผม...มันนานใช้ได้เลยนะครับ
สุนทรีย์ของกาแฟเริ่มจะน่าเบื่อ ผมยกแก้วใสขึ้นส่องมองน้ำสีน้ำตาลเข้มข้างในแล้วเบะปากจนพนักงานในร้านมองค้อน
เบื่อกาแฟครับ แต่ไม่เบื่อที่จะมานั่งร้านนี้เลย...เพราะมันเป็นที่เดียวที่ผมจะได้นั่งตากแอร์เย็นๆ แอบมองไอ้ตัวน่ารักเดินออกจากบริษัททุกวันๆ
นับจากที่เราเลิกกัน ผมใช้เวลาช่วงเย็น...ก่อนตัวเองเลิกงาน แอบยายแอน ขับฝ่ารถติดเพื่อมานั่งดื่มกาแฟทุกวัน แรกๆ ยายเลขาควบแม่นมมันก็บ่นจนผมหูชาครับ แต่พอไปเรื่อยๆ รู้ว่าผมแวบออกมาแล้วก็กลับไปเคลียร์งานต่อมันก็เลยเลิกยุ่งไปเอง
ทำแบบนี้มันเหมือนคนบ้า แต่ผมก็ยอมรับว่าบ้าล่ะครับ...ก็มันเป็นวิธีเดียวที่จะคอยย้ำเตือนมันทุกวันนี่นา ว่าผมยังรอมันอยู่...
ผมรู้ว่าไอ้เปี๊ยกเห็นผมทุกวัน เพราะมันเคยบอกเอาไว้ว่าโต๊ะทำงานของมันอยู่ติดหน้าต่าง
ผมยกกาแฟแก้วที่สองขึ้นซด ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูบริษัท...เอี้ยวตัวไปมาหลบหลีกรถเมล์ที่จอดติดไฟแดงอยู่...
RRR~
ใครโทรมาตอนนี้วะ ผมควักโทรศัพท์โดยที่ตายังมองออกไปด้านนอกร้านอยู่
“ฮัลโหล”
ไม่มีเสียงตอบกลับครับ ผมลดมือถือออกจากหูเพื่อดูชื่อคนโทรมา...
...TaTarr...
หัวใจเต้นตึกตักไม่หยุด...ครั้งแรกในรอบสี่เดือน ครั้งแรกหลังจากที่บอกเลิกกันในวันนั้น...ที่มันโทรมาหา
ผมลุกขึ้นยืนอย่างเร็วจนเก้าอี้ครูดพื้นเกิดเสียงดัง หันหลังกลับไปกำลังจะวิ่งออกนอกร้านก็ชะงักกับดวงตากลมโตคู่เดิมที่มองผมอยู่...
“นั่งทำบ้าอะไรอยู่ได้”
ผมยิ้มแฉ่ง “กาแฟมันอร่อย”
ไอ้เปี๊ยกเดินไปยื่นค่ากาแฟที่เคาน์เตอร์ พอผมจะควักคืนมันก็แบมือห้าม “ไม่ต้อง...เลี้ยงวันเกิด”
วันนี้วันเกิดมันครับ...ว่าแต่เลี้ยงแค่นี้ไม่ลงทุนเลยว่ะ
เราเดินออกจากร้าน ไอ้เปี๊ยกเดินนำ ผมเดินตาม มันลิ่วไปที่จอดรถด้านหลังตึกอย่างรู้ดี...คงเพราะมันก็มองผมอยู่ทุกวันเหมือนกัน
“ไปไหน” ผมถามมันเมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้ว
“ไปไหนก็ได้ หิว” ฮะๆๆ เห็นแก่กินเหมือนเดิม
ผมขับรถพามันไปกินข้าวเย็น ร้านเดิมๆที่มันชอบ ระหว่างกินแทบไม่รู้รสอาหารครับ เอาแต่มองหน้ามันจนมันถลึงตาด่า...คิดถึงบรรยากาศอย่างนี้จัง
กินข้าวเสร็จผมก็พากลับอพาร์ทเม้นท์ของมัน...ที่จริงผมอยากพากลับคอนโดผมมากกว่า แต่ผมรู้...ว่ามันยังไม่เอ่ยปากพูด...แปลว่ามันยังไม่พร้อม...ที่มันยอมกลับมาเหมือนเดิมกับผมได้อย่างนี้ก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะครับ
พอจอดรถในที่จอดเสร็จ มันถึงค่อยตื่นขึ้นมา ปาดน้ำลายที่มุมปาก แล้วก็ก้มหน้างุด
“...ไปนั่งรถเล่นก่อนได้มั้ย”
ผมยิ้มกว้างจนหุบไม่อยู่แล้วครับ...มันทำท่าอย่างนี้แสดงว่ามันยังอยากอยู่กับผมอยู่ใช่มั้ย...มันอยากอยู่กับผมในวันเกิดของมัน...
สวนสาธารณะที่เดิม ที่ที่มันเคยตกลงมาจนขาแพลง ที่ที่มันนอนร้องไห้ใต้แสงจันทร์...ที่เดิมที่ไฟริมทางเคยมืดสนิท ตอนนี้หลอดไฟคงถูกเปลี่ยนใหม่ เพราะทางเดินสว่างไสวไปด้วยแสงสีส้ม
ผมนั่งลงบนชิงช้า มองมันไกวไปมาเงียบๆ ภาพแผ่นหลังของมันออกห่างไป แล้วก็ย้อนกลับมา
มันห่างไปไกลยังไง...สุดท้ายมันก็ต้องย้อนกลับมาอยู่ดี
ผมนั่งมองมันนิ่ง เห็นมันแอบเหล่หางตามามองแล้วก็หลบกลับด้วยครับ
แหงนหน้ามองดวงจันทร์ นึกถึงเรื่องเก่าๆของมันไปเรื่อย สุดท้ายถึงได้รู้สึกว่าเสียงเหล็กเอี๊ยดอ๊าดจากการไกวชิงช้าเงียบลงไปแล้ว
หันกลับไปมอง มันก็กำลังมองหน้าผมอยู่แล้วครับ
“ไม่เบื่อหรือไง” มันถาม
...เบื่ออะไรล่ะ? เบื่อที่จะรอน่ะเหรอ?...
“ไม่...” ผมตอบมัน
ไอ้เปี๊ยกเอาขาแตะพื้น ไกวชิงช้าเป็นวงเล็กๆ
“รู้แล้วหรือไง ว่าถามว่าเบื่ออะไร” มันถามอีกครั้ง ผมถึงได้รู้...นิสัยบางอย่าง ควรจะต้องแก้ไขจริงๆสินะ...ผมคิดไปเองโดยที่ไม่ถามมันอีกแล้ว
“เบื่อที่จะรอ เบื่อที่จะรักต้า...พี่ไม่เบื่อหรอก”
มันส่ายหัว “คนละเรื่องเลย ก็แค่ถามว่านั่งกินกาแฟทุกวัน ไม่เบื่อเหรอวะ?”
ผมเกาหัวแกรกๆแก้เขิน...มันมองเห็นผมจริงๆด้วย “ไม่เบื่อ...ก็...กาแฟมันอร่อย” ตอบไปงั้นเองครับ ถ้าบอกว่าไม่เบื่อเพราะได้เห็นมันทุกวันได้โดนมันหัวเราะเยาะตาย
“แต่ผมเบื่อจะตายห่าอยู่แล้ว”
ไอ้เปี๊ยกลุกขึ้นจากชิงช้า เดินมายืนต่อหน้าผม
คำเบื่อของมันทำผมใจแป้ว “...เบื่ออะไร”
แต่คำต่อมาของมัน...ทำให้หัวใจอุ่นซ่าน “เบื่อที่ได้แต่นั่งมองอยู่ที่โต๊ะทำงาน...”
ผมลุกขึ้น คว้าตัวมันมาไว้ในอ้อมกอด กดจูบลงไปบนหน้าผากมัน “ต้า...ต้า...”
มันกระดิกตัวยุกยิก “อะไรเล่า เรียกอยู่ได้ รู้แล้วน่าว่าชื่อต้า”
ผมไถคางตัวเองกับผมนุ่มๆของมัน “ต้า...ต้าครับ...ต้า...” แค่ได้เรียกชื่อมัน แค่ได้ยินเสียงมัน ผมก็มีความสุขแล้ว...ระยะเวลาสี่เดือนที่ห่างกัน ไม่ได้ทำให้ผมรักมันน้อยลงเลย
“เออ!” ไอ้เปี๊ยกตอบรับเสียงหนักๆ แต่ผมรู้ว่ามันกำลังเขิน
“ต้า...” ผมเชยคางมันขึ้น ไอ้เปี๊ยกที่กำลังจะอ้าปากด่าเลยหุบปากฉับ “สุขสันต์วันเกิด” ผมหอมแก้มมันเหมือนที่มันหอมแก้มผมในวันเกิด
“อือ...” มันตอบรับทั้งๆที่ปากยังเบ้อยู่
“ต้าครับ...” ผมพยายามจะจูบปากมัน แต่มันดันหน้าอกเอาไว้ ยื้อกันไปยื้อกันมา สุดท้ายเลยล้มลงไปคลุกฝุ่นทั้งสองคน
“ต้า...” ผมกอดไอ้ตัวเปี๊ยกที่นอนทับตัวผมเอาไว้แน่น ยกหัวขึ้นกระซิบกับหูมัน “เป็นแฟนพี่นะ...สัญญา...จะไม่ทิ้ง จะไม่ละเลย จะรักมากๆ...จะไม่ทำให้เสียใจ”
ไอ้เปี๊ยกตัวสั่น...หรือว่าผมรวบรัดมันเกินไปอีกแล้ว หรือว่ามันยังไม่พร้อม?
“อั้ก!!!!” ศอกน้อยๆถองเข้าที่ท้องเต็มแรง เล่นซะผมดิ้นพราดๆเลยครับ
รู้ตัวอีกที ไอ้เปี๊ยกก็กำลังยืนค้ำหัวอยู่ มันตวาดเสียงดัง “พูดไม่รู้เรื่องหรือไง! ผู้ใหญ่อะไรวะ!!!”
ผมลุกขึ้นนั่งกุมท้อง มองมันแหยงๆ ท่าทางมัน...โกรธมาก
“ขอโทษ...แต่...พี่...” ผมรักมันมากจริงๆครับ ผมอยากบอกให้มันรู้เอาไว้...ผมอยาก...ให้เราเริ่มใหม่กันอีกครั้ง
มันพูดตัดขึ้นมาก่อน “ก็บอกแล้วว่าจะขอคบเอง แม่ง เล่นพูดตัดหน้าอย่างนี้จะเอาอะไรมาพูดวะ!!”
...เหอ?...
“ก็บอกแล้วว่าจะขอคบเอง...” ไอ้เปี๊ยกนั่งลงต่อหน้า กอดผมเอาไว้
มันกระซิบเสียงแผ่ว “...เป็นแฟนต้านะ...สัญญา...จะไม่ทิ้ง จะไม่ละเลย จะรักมากๆ...จะไม่ทำให้เสียใจ”
น้ำตาผมไหลออกมา ผมหัวเราะกับมันเบาๆ “เอาตามนี่นา”
มันหัวเราะตาม “เปล่าเอาตาม...”
ฝ่ามือของผมลูบไล้แผ่นหลังสั่นๆของมัน แก้มของเราแนบกันแน่น หยดน้ำที่รินไหลรวมกันเป็นสายเดียว หยดลงบนพื้นดิน
“...ตกลงเป็นแฟนกันนะ...” มันถามผม
“...อืม” ผมตอบมันพลางกระชับอ้อมกอดแนบแน่น
คืนแรกที่ได้คุยด้วยติดใจ...คืนที่สองเอาแต่คิดถึงคือหลงใหล...คืนที่สามละสายตาออกจากดวงตากลมโตของมันไม่ได้คือชอบ...คืนที่ห้าหลังจากได้เป็นแฟนมาหนึ่งวัน รู้ตัวว่ารัก...คืนที่เจ็ด...รักเพิ่มพูนมากขึ้นจนขาดมันไม่ได้...สองอาทิตย์ถัดมา...รักจนต้องปล่อยมันไป...
ผ่านมาสี่เดือน...ผมไม่ได้บอกตัวเองว่าผมรักมัน เพราะผมรู้ว่าผมรักมันอยู่แล้ว และมันก็รักผมอยู่แล้ว...
ผ่านมาสี่เดือน...ผมบอกตัวเองว่า...ต่อจากนี้ไป...
...เราเป็นที่หนึ่งของกันและกัน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
END
...จบไปอีกเรื่องแล้ว (ถอนหายใจ)
ที่จริงมี talk จะเขียนเยอะแยะเลยค่ะ เรื่องนี้เขียนไปอินไปราวกับลงไปเจอสถานการณ์ด้วยตัวเองทีเดียว...แต่ตอนนี้...ลืมหมดแล้ว (ฮา)
เอาน่ะ...ปล่อยให้การตีความเนื้อหาเป็นไปตามแต่มุมมองของแต่ละคนก็แล้วกันค่ะ ^_^ เฉลยไปหมดเดี๋ยวจะเป็นการเหนี่ยวนำให้คิดตามผู้แต่งไปซะเปล่าๆ
เนื้อเรื่องเรื่องนี้ค่อนข้างหนักจริงๆด้วย สังเกตจากการคอมเม้นท์ ทำให้ต้องพยายามปล่อยมุกแทรกในแต่ละตอนให้มากๆ แต่สงสัยจะยังน้อยเกินไป แถมยังทำให้อารมณ์ในแต่ละตอนพลิกไปมาซะด้วย
คำถามที่อยากตอบคือ ทำไมต้าต้องบอกเลิกพี่ธี ห่างกันซักพักก็น่าจะพอ...มองในแง่มุมเรา ถามว่ากลัวมั้ยว่าเลิกกันแล้วอะไรๆจะเปลี่ยนไป..ก็คงกลัวแหละ ใครเจออย่างนี้แล้วไม่กลัวบ้างล่ะ...แต่ต้าเลือกที่จะปล่อยไปค่ะ เลือกที่จะให้พี่ธีมีสิทธิ์เลือก ถ้าพี่ธีไปมีคนใหม่ ต้าก็คงเสียใจมาก แต่ถ้าให้พี่ธีถูกผูกมัดอยู่กับความลังเลของตัวเอง ต้าคงเสียใจยิ่งกว่า ส่วนความรู้สึกของพี่ธี เฉลยลงไปในเนื้อเรื่องแล้วค่ะ
เกี่ยวกับตอนจบ เราให้เวลาต้าแค่สี่เดือนค่ะ เพราะรู้สึกว่าระยะเวลาเท่านี้มันก็พอจะทำให้เริ่มเลือนๆกับอะไรไปได้บ้าง ส่วนจะรักมากที่สุดรึยัง อันนี้เป็นมุมมืดของเรื่องค่ะ ไม่อาจเฉลยได้ แต่ยังไงลุงก็เชื่อต้าแล้ว แล้วเราก็เชื่อว่าความรักมันจะสามารถเพิ่มพูนต่อยอดไปได้อีกค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ เราชอบอ่านมาก บางทีเปิดมาเช็ควันละหลายๆรอบ อ่านเม้นท์ละหลายๆครั้งก็มี เริ่องนี้เป็นเรื่องที่คนอ่านคอมเม้นท์ได้แตกแยกสุดเท่าที่เราเคยเขียนมาเลย แต่อ่านแล้วเหมือนรู้จักคนอ่านมากขึ้นยังไงไม่รู้ ขอบคุณจริงๆค่ะ
รอตอนพิเศษนะคะ...ถือว่าเป็นตอนปลอบขวัญที่เครียดมาหลายตอนก็แล้วกัน