บทที่ 4 ความไว้ใจ (ครึ่งแรก)
“น้องมิลค์สัญญากับพี่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้องจะต้องดูแลปกป้องคุณหมอปาวัสม์กับคุณหมอวิทยาให้กลับมาครบสามสิบสอง” นุชนันท์กุมมือชโลธรสั่งเสียชุดใหญ่ ให้ช่วยดูแลเพื่อนรักทั้งสองของเธอก่อนไปงานประชุมนานาชาติ
การออกงานครั้งนี้เป็นงานในส่วนความรับผิดชอบของกองอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยกู้ชีพไปให้ความรู้เรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้นกับกรมตำรวจและทหาร เป็นงานใหญ่ระดับประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งของภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าคนกองอายุรกรรมอย่างเธอไม่มีแม้โอกาสได้แหย่เท้าเข้าไปแหยมแต่ที่น่าเจ็บใจคือยัยรชญาได้ไปด้วยในฐานะตัวแทนของผอ.โรงพยาบาลน่ะสิ
“ดูแลให้ดีอย่าให้ไอ้พวกริ้น ไร หมัดเห็บมาเกาะเพื่อนพี่ได้นะโดยเฉพาะไอ้พวกแมลงขี้หลีที่ตัวมันออกสีกากีคอแดงๆ น่ะรู้ไหม” ปากพูดไปก็แอบปรายตามองหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีชมพูที่นั่งหน้ามุ่ยกอดอกอยู่ในรถตู้ของโรงพยาบาลที่จอดรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน โดยไม่ลืมเหน็บไปถึงหลานชายของเจ้าหล่อนที่ดอดมาหลีเพื่อนรักเธออีกคนด้วย
“ค่ะพี่อุ้ม” ถึงจะยังงงๆ กับคำสั่งเสียแต่ชโลธรก็รับคำมั่นเหมาะก่อนจะก้าวขึ้นรถตู้
นุชนันท์หันควับไปหาเพื่อนรักทั้งสอง “พวกนายสองคนอย่าลืมที่ฉันสั่งนะ”
“ครับ” ปาวัสม์ตบไหล่เพื่อนสาวทำท่าขึงขัง “ จะตั้งใจทำงาน รีบไปรีบกลับครับ”
ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยของวิทยาและทุนทรัพย์จากเงินยังชีพอันน้อยนิดของหมอโรงพยาบาลรัฐที่คำนวณคร่าวๆ แล้วต้องกินแกลบไปร่วมสามเดือน นุชนันท์ก็ยอมให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองในฐานะเพื่อนอีกครั้ง คบกันมาก็ตั้งหลายปีนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะแอบไปมีสามีอยู่ต่างประเทศ... เปล่า! ไม่ใช่สามีเป็นตัวเป็นตนแบบนั้นแต่เป็นนักร้องเกาหลีที่เธอตามกรี๊ดมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยต่างหาก... เห็นหลังๆ ไม่ค่อยพูดถึง ทั้งที่เมื่อก่อนต้องหาทางไปดูคอนเสิร์ตให้ได้อย่างน้อยปีละสามหน เขาเลยนึกว่าเธอเลิกชอบไปแล้วซะอีก นี่ถ้าวิทยาไม่บอกเขาคงคิดไม่ได้เลยนะเนี่ยว่าต้องจัดโปรแกรมทัวร์เกาหลีแบบไหนให้ถึงจะถูกใจเธอ
“เดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก” วิทยาบอก “รีบไปทำงานเถอะนี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว จวนได้เวลารับเวรแล้วนี่”
นุชนันท์พยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังรีรออยู่จนเพื่อนทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยจึงยอมกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตน
“เมื่อคืนพี่ปืนหายไปไหนมา” รชญาเริ่มทันทีที่แฟนหนุ่มขึ้นมานั่งคู่กันบนรถตู้ จริงอยู่ที่เธอหงุดหงิดที่เห็นหน้าผู้หญิงร่างอวบคนนั้นมาจับมือถือแขนปาวัสม์แต่สาเหตุแท้จริงคือการที่จู่ๆ เมื่อคืนเขาก็หายตัวไปโดยติดต่อไม่ได้เสียเฉยๆ อีกครั้ง “ไปกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“เปล่าสักหน่อยพี่ไปธุระมา” ปาวัสม์บอกอย่างเหนื่อยหน่าย เขาแทบจะพูดประโยคนี้เป็นหนที่ร้อยแล้วสำหรับเช้าวันนี้ นั่นยังไม่นับรวมถึงมิสคอลและข้อความที่เขาเฝ้าส่งไปงอนง้อขอคืนดีตั้งแต่เมื่อวานนะ
อันที่จริงเขาก็อยากเล่าให้ชัดเจนไปเลยนะว่าไปไหน ทำอะไรกับภาวัฒน์มาแต่ก็เกรงว่าถ้าขืนพูดออกไปเด็กหนุ่มจะตกเป็นเป้ารายต่อไปให้กับความระแวงไม่เข้าท่าของรชญา จึงคิดว่าการตอบเลี่ยงๆ แต่ไม่โกหกน่าจะเป็นการดีกว่า
“ธุระอะไรล่ะคะ” รชญาว่า “เมื่อคืนผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เข้าเวร พี่จิวก็ไม่รู้ว่าพี่ไปไหน แล้วพี่ปืนก็เล่นหายไปทั้งคืนโดยไม่บอกเหตุผลให้เคลียร์แบบนี้จะให้นิวคิดยังไงล่ะ”
“ก็พี่ไปธุระกับเพื่อนมาจริงๆ นี่ครับ” ปาวัสม์พยายามอธิบายอีกครั้ง “พอดีมือถือแบตหมด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว ชาร์จเสร็จก็โทรหานิวนั่นไง เชื่อพี่สิครับ “เขาตัดบท รู้สึกเหนื่อยเต็มทีแล้ว “แล้วก็เลิกเรียกว่า ‘ผู้หญิงคนนั้น’ สักที อุ้มเขาก็มีชื่อนะ ยังไงพี่ก็ตัดทั้งสองคนไม่ขาดพวกเธอน่าจะดีๆ กันไว้บ้างอย่างน้อยก็ไม่น่าทะเลาะกันแบบนี้”
“พี่ปืนก็ไปบอกผู้หญิงคนนั้นให้มากราบขอโทษนิวก่อนสิ”
“นิว!” ปาวัสม์ถลึงตา
รชญากรีดยิ้ม จมูกรั้นๆ ของเธอเชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วเสมองออกไปนอกรถ ปาวัสม์ถอนหายใจและไม่พูดว่าอะไรอีก
ราวครึ่งชั่วโมงต่อมารถตู้ก็แล่นเข้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมืองหลวง ป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์บอกชื่องานถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงด้วยลายกนกอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของผู้เป็นเจ้าภาพประดับช่อดอกไม้หลากสีดูงดงามยิ่ง
รถตู้จอดเทียบหน้าพรมแดงตรงประตูทางเข้า เบลล์บอยในชุดไทยราชปะแตนสีขาวรีบก้าวลงบันไดมาเปิดประตูต้อนรับ รชญาก้าวลงจากรถราวกับนางพญาหงส์โดยไม่ลืมหนีบเอาแฟนหนุ่มติดมือไปด้วย
พวกเขาเดินฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาตาเข้าไปยังฝ่ายต้อนรับเพื่อลงทะเบียนและรับบัตรประจำตัวผู้เข้าร่วมประชุมมาติดไว้ที่หน้าอกเสื้อ
“ป้ายชื่อนายมันผิดหรือเปล่า” วิทยาทัก
“P-a-w-a-t” ปาวัสม์ไล่สะกดชื่อตน พบว่ามันถูกต้องเรียบร้อยดีจนกระทั่งมาถึงนามสกุลซึ่งแสดงแค่อักษรย่อตัวแรก M. “เออ นามสกุลผิดว่ะ มันต้องตัว S. สิแต่ช่างเหอะ”
“ปล่อยไปไม่ได้นะคะ งานใหญ่แบบนี้จะมาสะเพร่าได้ยังไง เดี๋ยวนิวจัดการให้ค่ะ” รชญากรีดเสียงแหลมอย่างไม่พอใจ เธอหันไปวีนใส่หญิงสาวที่โต๊ะลงทะเบียนซึ่งกุลีกุจอขอโทษขอโพยแต่ก็ไม่อาจแก้ไขให้ได้ตามที่นางพญาขอเพราะมันเป็นบัตรแข็งที่สั่งทำมาเป็นพิเศษ
วิทยาอาศัยช่วงชุลมุนนี้ลักลอบพาปาวัสม์หนีคุยไปอีกทาง “เมื่อคืนนายไปไหนมาวะ ฉันโทรหาตั้งหลายรอบแต่นายก็ปิดเครื่องตลอด”
“แบตหมดน่ะ” ปาวัสม์กรอกตาและตอบด้วยรูปประโยคเดิมๆ “ถามจริงนิวจ้างนายมาหรือเปล่า ฉันอธิบายจนเบื่อแล้วนะ”
“ถ้านายเบื่อก็บอกความจริงมาสิ หรือถ้าจะไม่บอกก็บอกมาแล้วฉันจะไม่ตอแยกับนายอีกเลย” หนุ่มหน้าตี๋ถามอย่างรู้ทัน แค่มองตาปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าปาวัสม์มีความลับอื่นซุกซ่อนไว้ไม่ยอมสารภาพออกมา
“ไม่บอก” ปาวัสม์ยืนกรานเสียงแข็ง
“ตามใจ” พูดจบวิทยาก็หมุนตัวเดินหนี ส่งผลให้คนถูกทิ้งยืนหน้าเหรอวิ่งตามไปง้อแทบไม่ทัน จริงอยู่ว่าเขารู้สึกเหนื่อยกับการอธิบายให้แฟนสาวฟัง แต่สำหรับผู้ชายคนนี้แล้วมันอีกเรื่อง
“รอก่อนสิจิว” ปาวัสม์คว้าต้นแขนคนตัวเล็กกว่าดึงให้หันกลับมา “ไม่เอาไม่งอนน่าฉันไปกับพลุมา”
“แล้วไง” หนุ่มหน้าตี๋ไหวไหล่อย่างไม่แยแส ไม่ใช่เพราะยอมรับได้แต่เขากำลังบังคับตัวเองให้เริ่มชินกับการที่จู่ๆ ปาวัสม์จะหายตัวไปกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งโดยไม่บอกกล่าว
คำตอบของเพื่อนรักทำเอาปาวัสม์ไปไม่เป็นยิ่งกว่าเดิม “อ้าว! แล้วนายจะไม่ซักต่อเหรอไปทำอะไร ที่ไหน ยังไงกลับมากี่โมง”
“ถามทำไมไม่อยากรู้ ฉันก็อยากรู้เท่าที่ถามน่ะแหละ” ...ถ้ารู้แล้วต้องเจ็บ ขอเป็นคนไม่รู้เสียยังจะดีกว่า
“อะไรของแกวะ เฮ้ย!!”
สองหนุ่มมัวแต่ทุ่มเถียงกันจนไม่ได้มองทางจึงไปชนเข้ากับเสาต้นหนึ่งอย่างแรงจนล้มก้มจ้ำเป้า เมื่อตั้งสติได้ทั้งคู่ก็มีอันต้องอุทานเสียงดังอีกรอบก่อนจะทันลุกขึ้นยืนเสียอีก เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นเสาในทีแรกนั้นแท้จริงคือหญิงสาวร่างสูงใหญ่ในชุดเดรสสีแดงสดเข้ากับผมสีไฮไลท์ของเธอ สวมทับด้วยเสื้อสูทแขนยาวสีดำ
“อุ้ม!” ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน “เธอมาอยู่นี่ได้ยังไงน่ะ”
“ใช้วิชามารบทไหนล่ะเนี่ยถึงมาได้” รชญาพูดลอดไรฟัน เมื่อเห็นศัตรูคู่อาฆาตส่งมือทั้งสองข้างฉุดชายหนุ่มสองคนให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
“โดนโทรเรียกตัวด่วนจี๋มาจากข้างเตียงคนไข้เลยล่ะ” นุชนันท์กระซิบหยัน
เพราะผู้สนใจเข้าร่วมประชุมมีมากเกินกว่าที่ลงทะเบียนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาเป็นเพื่อนบ้านในเขตอาเซียนซึ่งใช้ภาษาต่างกันออกไป การมีล่ามภาษาประจำชาติคอยตามประกบผู้นำหรือแขกคนสำคัญจึงถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้ติดตามงั้นเหรอ” ปาวัสม์อ่านตำแหน่งบนป้ายชื่อหญิงสาว “สมเป็นเธอจริงๆ ภาษาอังกฤษของเธอเข้าขั้นดีทีเดียวนี่” ไม่ใช่คำยกยอแต่มันคือการการันตีจากอดีตลูกศิษย์ที่เธอช่วยติวจนสอบผ่านมาได้
“ฉันว่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรอกมั้ง” วิทยาบอกล้อๆ พลางสบตาเพื่อนสาวที่บิดอย่างขวยเขินเมื่อถูกรู้ทันเพราะตอนนี้เธอกำลังมุ่งมั่นกับการเรียนภาษาที่สามซึ่งเป็นภาษาที่หาคนพูดได้น้อยมากในโรงพยาบาลแถมคนชาตินี้ก็ไม่ใคร่อยากพูดภาษาอังกฤษกันเสียด้วยสิ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอโดนเรียกตัวมาแบบด่วนที่สุด
“แล้วตกลงมันภาษาอะไรล่ะ” ปาวัสม์ถามซื่อๆ “ลาวเหรอ”
“นายก็รอดูเองละกัน” วิทยาขยิบตาพลางตบบ่าร่างสูง
เสียงฮือฮาดังขึ้นด้านหลัง ปาวัสม์เหลียวไปเห็นสาวๆ ป้องปากชี้มือชี้ไม้อย่างตื่นเต้น แวบแรกเขาคิดว่าคงมีคนดังมาร่วมงานด้วยเพราะดูข่าวในทีวีเห็นดาราหลายคนตบเท้าย้ายสำมะโนครัวและเปลี่ยนนามสกุลมาอยู่ร่วมชายคาทั้งในกรมตำรวจและทหาร
เขาหันกลับมาคุยกับเพื่อนๆ ต่ออย่างไม่ใส่ใจจนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยเรียก “หมอปืนครับ”
หนุ่มหล่อซึ่งเป็นศูนย์กลางความสนใจของสาวๆ เดินเข้ามาร่วมวงพลางยกมือไหว้อย่างนอบน้อมไปรอบๆ “สวัสดีครับหมอจิว... ส่วนนี่คงเป็นพี่อุ้มสินะครับ หมอปืนเล่าเรื่องพี่ให้ฟังอยู่บ่อยๆ”
ปาวัสม์ต้องใช้เวลาอีกหลายอึดใจกว่าจะรู้ว่าคนที่เกือบจะแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร “เอ่อ... นี่... พลุเหรอ”
“ทำไมเหรอครับหน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า แอบเขินเล็กๆ ที่โดนร่างสูงจ้องตั้งแต่หัวจรดเท้า “หรือว่าผมมีเขางอกออกมา” เขาพูดติดตลกพลางยกนิ้วชี้ทั้งสองมือขึ้นแนบข้างศีรษะ
“ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่วันนี้นาย เอ่อ... วันนี้นายดู...” ปาวัสม์เพ่งมองเด็กหนุ่มตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างถือวิสาสะ
ผมยาวสีน้ำตาลที่ยุ่งตลอดเวลาถูกเซ็ตเรียบร้อย ชุดหมีกลับกลายเป็นเชิ้ตผ้าไหมเปิดอกสีครีมสวมทับด้วยสูทเข้ารูปสีดำสนิทกับรองเท้าหนังมันปลาบ และยิ่งมาอยู่บนหุ่นสูงโปร่งที่ได้รับการดูแลอย่างดี มองทีแรกเขานึกว่านายแบบหลุดมาจากนิตยสารเล่มไหนซะอีก ผิดกับเขาซึ่งเป็นหมอผู้ได้รับเกียรติให้ขึ้นไปบรรยายแต่กลับสวมชุดสูทพิธีการสีเทาธรรมดาๆ มา... สงสัยเขาคงจะแก่เกินไปแล้วสินะสำหรับเรื่องแฟชั่น
แต่สิ่งที่ทำให้ต้องมองซ้ำถึงสอง... สาม สี่รอบ คือดวงหน้าที่เคยครึ้มหนวดเหมือนจิ๋กโก๋ตกงานนั้น กลับเกลี้ยงเกลาดูสดใสสมวัย และถึงผิวจะสีออกแทนเพราะกรำแดดแต่ก็ยังดูหวานจนเขาอยากใช้คำว่า ‘น่ารัก’ แทนคำว่า ‘หล่อ’ เสียอีก
“ดูดีน่ะ” นุชนันท์ต่อประโยคให้ เมื่อสังเกตเห็นว่าเพื่อนรักกรามค้างจนเธอนึกอยากช่วยตบมันเข้าที่สักทีด้วยความหมั่นไส้
“นึกไงถึงโกนหนวด” ปาวัสม์ถามแก้เก้อ
คนถูกมองจนแทบพรุนเลิกคิ้วสูง “เพราะคนบางคนบอกให้ทำมั้งครับ” พูดไปแล้วก็นึกอายตัวเองจนแทบแทรกแผ่นดินหนีที่ยืนหน้าเครียดทำสงครามเย็นกับใบมีดโกนหน้ากระจกห้องน้ำอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมง... ก็แหม อุตส่าห์ไว้มาตั้งนานหวังจะให้ดูเป็นผู้ใหญ่แต่คนที่อยากให้ชมดันไม่ชอบใจเสียนี่
ตาคมเบิกกว้าง นึกถึงคำที่ตนบอกกับเด็กหนุ่มเมื่อวาน แอบตกใจระคนดีใจเล็กๆ ที่ตัวเองมีอิทธิพลให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คิดได้ก็กลั้นยิ้มแทบไม่ไหวจนต้องแกล้งไอถี่ๆ และยกมือขึ้นปิดปากเพื่อแอบซ่อนใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“จะว่าไปวันนี้พี่อุ้มก็ดูสวยใช้ได้เลยล่ะครับ”
คำป้อยอนั้นไม่เกินจริงเมื่อเทียบกับทรวดทรงที่สูงใหญ่แต่หญิงสาวกลับเลือกชุดอำพรางจุดด้อยและอวดจุดเด่นได้อย่างสวยงาม จนภาวัฒน์นึกแปลกใจว่าทำไมนุชนันท์ไม่ช่วยแต่งตัวให้เพื่อนรักตัวเองบ้าง... ก็ไม่ใช่ว่าดูไม่ดีหรอกนะแต่ผู้ชายหน้าคมคนนั้นน่ะยังมีดีซ่อนอยู่อีกเยอะชนิดที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เลยล่ะว่าทำไมสาวๆ ถึงตามจีบเขาเป็นพรวนขนาดนั้น
“ผมเดาว่าท่านผู้นำจากเกาหลีที่พี่ประกบเนี่ยคงหน้าตาดีเอ๊ย! ต้องโชคดีมากแน่ๆ ที่ได้คู่กับพี่อุ้ม” ภาวัฒน์พูดอย่างเป็นกันเองเพราะเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีถึงแม้จะเพิ่งได้เจอกันตรงๆ เป็นครั้งแรกก็เถอะ
และดูท่าเด็กหนุ่มจะประสบความสำเร็จในการเข้าหาเพื่อนของเขาอย่างไม่น่าเชื่อเสียด้วย
“นายรู้ได้ไง” นุชนันท์ชักเริ่มถูกใจเด็กคนนี้ขึ้นมาตงิดๆ
“ภาษาที่สามบนป้ายชื่อพี่อุ้มมันฟ้องน่ะครับ” ภาวัฒน์ชี้ให้ดูข้อแตกต่างระหว่างของเธอกับของเขาตรงที่มีภาษาเกาหลีกำกับ
“เอ๊ะ!” นุชนันท์อุทานเมื่อเพ่งไปที่ป้ายชื่อของเด็กหนุ่มแล้วพบความแปลกและคุ้นตาบางอย่าง เพราะมันสะกดเหมือนกันกับของใครบางคนไม่มีผิด ‘Pawat’ “ชื่อกับนามสกุลนาย...”
ภาวัฒน์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ดูเหมือนเขาจะพิมพ์นามสกุลผมผิดน่ะครับ อันที่จริงมันต้องเป็นตัว M. แหละแต่นี่เขาทำเป็นตัว S. มา”
วิทยากับนุชนันท์หันควับไปหาปาวัสม์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ที่แท้แจกสลับกันนี่เอง” เขาพยักหน้าหงึกหงักพลางแกะป้ายชื่อบนหน้าอกออกแลกกับเด็กหนุ่ม
“รู้งี้แล้วไม่อยากเปลี่ยนเลยอ่ะ” ภาวัฒน์กระซิบในขณะที่รับป้ายชื่ออันที่ถูกต้องมาติด “อุตส่าห์ได้ใช้นามสกุลร่วมกับคุณหมอทั้งที ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ”
“ถ้าฉันรู้ว่าแม่จะเบ่งได้น้องชายอย่างนาย ฉันคงเอาขี้เถ้ายัดปากไปตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ”
นุชนันท์กอดอกมองคนสองคนที่ทุ่มเถียงกันไป ‘คนละเรื่อง’ เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยไม่รู้จะหมั่นไส้เด็กหนุ่มหรือกระโดดถีบขาคู่ใส่เพื่อนตัวเองก่อนดีที่ไม่เข้าใจมุกอ่อยตื้นๆ พรรค์นั้น
“หมอปืน หมอจิวคะเอกสารค่ะ...” ชโลธรส่งเอกสารประกอบการประชุมให้แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่สามซึ่งเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันที่เพิ่งมาส่งเธอขึ้นรถเมื่อเช้า “สวัสดีค่ะพี่อุ้ม” ก่อนจะจบลงตรงบุคคลที่สี่ ดวงตากรีดอายไลเนอร์คมกริบเบิกค้างก่อนจะตวัดควับไปหยุดลงที่ป้ายชื่อบนหน้าอก “นี่คุณ... นาย... ใช่น้องภาวัฒน์หรือเปล่าคะ” สรรพนามเปลี่ยนมาเป็น ‘น้อง’ ในบัดดล... เด็กหน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้ชโลธรไม่รังเกียจที่จะนับญาติด้วยหรอกนะ
“ฉันพูดผิดไหมล่ะ” ปาวัสม์แกล้งว่า
“ผมเองครับพี่สาวคนสวย” ภาวัฒน์ยิ้มพลางโบกมือให้
“เด็กคนนี้เป็นใครเหรอคะพี่ปืน” รชญาแทรกเข้ามายืนเกาะแขนปาวัสม์อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
ร่างสูงเม้มปาก พยายามบังคับไม่ให้เหงื่อแตกทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ในที่สุดสิ่งกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ “นี่...”
เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะเข้าใจสายตาประเมินที่กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้านั่นมากน้อยแค่ไหนแต่ภาวัฒน์ก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ผมชื่อภาวัฒน์ทำงานอยู่หน่วยกู้ชีพครับ” นัยน์ตาสีดำขลับหลุบมองป้ายชื่อบนหน้าอกหญิงสาวเพียงชั่วครู่ก่อนจะเงยขึ้นสบดวงตากลมโตนั้นเต็มที่ “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหมอรชญา”
“เรียกพี่นิวก็ได้ค่ะ” ริมฝีปากสีกุหลาบของรชญากรีดยิ้มหวาน “พี่เป็นแฟนพี่ปืน ยินที่ได้รู้จักนะคะ”
“ครับ” ภาวัฒน์ยิ้มกว้างขึ้นอีกเพื่อซ่อนรอยแผลในใจ เรื่องที่ปาวัสม์มีแฟนอยู่แล้วและเธอเป็นถึงลูกสาวผอ.โรงพยาบาลนั้นเขารู้ดีอยู่เต็มอก มันไม่ต่างอะไรกับมีดแหลมที่ทิ่มแทงอยู่กลางใจแต่การที่เจ้าตัวมาแสดงตัวกันต่อหน้านี่ราวกับเธอเอื้อมมือมาดึงมีดเล่มนั้นออกแล้วกระซวกกลับเข้ามาอีกรอบจนมิดด้าม
นัยน์ตากลมโตของรชญาตวัดมองคาดโทษแฟนหนุ่มที่ทำตัวเป็นควายเผือกไม่รู้ไม่ชี้มองคนเดินไปเดินมา คนตรงไปตรงมาอย่างปาวัสม์มีจุดอ่อนตรงที่จะหลบตาถ้ารู้ตัวว่าทำผิด แม้ตอนนี้เธอจะยังไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘ความผิด’ นั้น แต่เชื่อเถอะว่าไม่นานเกินรอ เธอจะต้องรู้ให้ได้
ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มเข้าหากันเพียงอึดใจก่อนจะกรีดยิ้มและเริ่มต้นกำชับกำหนดการต่างๆ ในวันนี้
“เดี๋ยวน้องมิลค์กับฉันจะเป็นคนอยู่อธิบายตรงซุ้มด้านนอกนะ ส่วนเรื่องพรีเซนต์บนเวทีในหัวข้อ ACLS 2010 ก็เป็นหน้าที่พี่ปืนกับพี่จิว ตามนี้นะคะ” เธอหันไปยิ้มหวานให้ปาวัสม์และกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก “สู้ๆ นะคะ พี่ปืน‘ของนิว’เก่งอยู่แล้ว” ตั้งใจเน้นชัดๆ บอกสถานภาพระหว่างทั้งคู่อีกครั้งเพื่อตอกย้ำคนที่รู้แต่ยังไม่ยอมรับ (แน่นอนว่าเรื่องนั้นเธอไม่แคร์หรอกนะ) และเผื่อ... คนที่ยังไม่อยากรับรู้!
คุณหมอสาวปรายตามองชโลธรก่อนจะนัยน์ตากลมโตนั้นจะไปหยุดลงที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล
“ผมไม่ได้บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรอกเหรอว่าผมไม่ทำ” วิทยาย่นคิ้วและตัดบทด้วยเสียงดังฟังชัด
“ทำไมล่ะคะก็...”
“ไม่เป็นไรหรอกนิว ยังไงพี่ก็เป็นตัวหลักอยู่แล้วแค่หาผู้ช่วยที่พอมีความรู้เรื่องนี้และมีไหวพริบรับส่งบททันก็พอ” ปาวัสม์รีบออกตัวเพื่อแก้สถานการณ์ด้วยรู้นิสัยเพื่อนรักของตนดีว่าเป็นคนเกลียดความยุ่งยากและการนำเสนอในที่สาธารณะเป็นที่สุด ถ้ายิ่งได้ประกาศว่า ‘ไม่’ อย่างชัดเจนตั้งแต่คำแรกแล้วล่ะก็จะไม่มีการเปลี่ยนใจอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือวิทยาได้ปฏิเสธไปแล้วจริงๆ ตามที่เจ้าตัวบอกและเป็นเขาคนเดียวที่เตรียมตัวมาตั้งแต่ต้นแต่ทำไมในหมายกำหนดการที่รชญาได้รับมาจากท่านผอ.ยังมีชื่อของวิทยาอยู่ได้
พลันสายตาทุกคู่หันควับไปหาสาวร่างอวบในกลุ่มอย่างมีความหวังยกเว้นก็แต่สายตาเพียงคู่เดียวที่ตอนนี้นุชนันท์กำลังมองตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“เลิกหาเรื่องฉันสักทีได้ไหม” นุชนันท์ชิงพูดขึ้นก่อน “ฉันไม่ได้มาในฐานะผู้เข้าร่วมประชุมแต่ถูกเรียกตัวมาช่วยอย่างกะทันหันในฐานะล่าม”
“แล้ว...” รชญากรีดเสียงและยิ้มออกนอกหน้าอย่างปิดไม่มิด
“แล้วพลุเป็นไง” ปาวัสม์รีบเสนอผู้ช่วยของตนก่อนที่เหตุการณ์นองเลือดจะตามมา
“แต่ว่า...” รชญาอึ้งไปทันทีด้วยคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอเองที่พูดชื่อคนอื่นขึ้นมาก่อน
นุชนันท์เหลือบมองคู่อริตนทางหางตาแล้วก็เดาออกในทันที
สาเหตุที่ชื่อวิทยาไม่ถูกเปลี่ยนออกเป็นฝีมือของยัยรชญานี่แหละ เพราะเธอเป็นแพทย์อายุรกรรมทำให้ไม่สามารถเป็นผู้บรรยายคู่กับแฟนหนุ่มได้ตามที่หวัง แต่ถ้าความผิดพลาดมันเพิ่งมาแดงเอาตอนงานเริ่ม การที่เธอจะเสนอชื่อตัวเองและกระโดดลงมาร่วมวงจะกลายเป็นคนช่วยกู้วิกฤต ทำให้ได้หน้าไปเต็มๆ พลิกจากบทนางร้ายกลายเป็นนางเอกเรียกคะแนนจากเพื่อนรักของฉันไปอีกโข
...แต่ขอแสดงความเสียใจด้วยนะยะเพราะนาง(เคย)ร้ายและตอนนี้ก็ยังร้ายอยู่อย่างฉันไม่ปล่อยให้หล่อนได้สมหวังหรอก...
“เป็นนายภาวัฒน์ดีที่สุดแล้วค่ะ” นุชนันท์รีบสำทับ เธอไม่ได้ชอบเด็กหนุ่มนั่นแต่เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้! “งานนี้เป็นของกองอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยกู้ชีพที่มีแต่คนอยากขึ้นแสดงผลงาน จิวซึ่งอุตส่าห์ได้รับการเสนอชื่อแต่ปฏิเสธไปนั่นก็ดูไม่ดีแล้ว ถ้ายิ่งเอาคนกองอื่นไปแทนยิ่งดู ‘น่าเกลียด’” เธอเน้นแบบตั้งใจฆ่ากันให้ตายเลยทีเดียว
“ใช่ค่ะ” ชโลธรพยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าเป็นน้องพลุ มิลค์โอเค”
“อันนี้ผมเห็นด้วยนะนิว” วิทยาเสริมอีก “ผมเคยเห็นน้องเขา CPR ครั้งหนึ่ง ท่าสวยใช้ได้เลย”
“แต่ฝีมือดีไม่ได้หมายความว่าการนำเสนอจะดีไปด้วยนะคะแถมยังต้องบรรยายเป็นภาษาอังกฤษอีก เขายังเด็กอยู่เลยจะไหวเหรอ” รชญากอดอก จีบปากจีบคอพูด “แล้วเราก็ยังไม่ได้ถามเจ้าตัวเลยว่าตกลงหรือเปล่า จู่ๆจะไปยัดเยียดหน้าที่ให้เขาได้ยังไงล่ะคะ”
ปาวัสม์ไม่รอช้า หันไปหาคนในชุดสูทข้างตัวทันที “นายว่าไงพลุ”
“ก็ไม่รู้สินะ” ภาวัฒน์ไหวไหล่ก่อนจะกรีดยิ้มกว้างยียวน “ผมไม่ได้เตรียมชุดหมีมา แถมอุตส่าห์แต่งตัวมาอย่างหล่อจะให้โชว์ CPR ทั้งแบบนี้จะดีเหรอครับ”
คำตอบไม่ใช่การปฏิเสธ คุณหมอหนุ่มได้ทีรีบมัดมือชก “เรื่องนั้นเราปรับได้ เป็นอันว่านายตกลงนะ”
*********************************************************
ขอโทษนะคะที่มาอัพไม่ตรงเวลา พอดีไปอยู่ในที่ๆ ไม่มี wi-fi มาค่ะ TT^TT [กราบงามๆ ยอมรับผิดแต่โดยดี]
ตอนนี้.... ไม่รู้ว่าว่าจะมีคนรอหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ เค้ารอคนนึงล่ะเพราะในที่สุดน้องพลุก็จะเริ่มทำตัวหล่อ(555)
จริงๆ เค้าอยากเมาท์มากกว่านี้อยากตอบทุกเมนท์ด้วย แต่นี่หนีบอสมาอัพเพราะงั้นเจอกันอาทิตย์หน้านะค้า
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม
Happy new year ค่ะ ใครที่เดินทางไม่ว่าจะด้วยพาหนะใดๆ ขอให้ปลอดภัยนะคะ แล้วปีใหม่เจอกันค่ะ^^