Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018  (อ่าน 114856 ครั้ง)

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 5





[Pontz x Joe]





[Joe]







บรรยากาศในรถตอนนี้แม่งคุกรุ่นสุดๆ  ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวป๊อนซ์(เว่อร์เกิ๊นนน) ผมต้องทำอะไรสักอย่างที่มันจะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นหน่อย

“ป๊อนซ์”

“.....” อย่าเงียบดิ กูกลัวนะเว้ยยยยย

“ป๊อนซ์” เอาวะ อีกสักที

“......” โอ๊ยยยยยยย  ยังเงียบอีก  นี่ผมสังสัยมากเลยนะเว้ยว่ามันโกรธอะไรผมนักหนา

“......”  เหอะ  กูไม่เรียกแล้วแม่งเล่นตัวชิบ!!!

“เงียบได้สักที” เหี้ยยย ทีอย่างนี้แล้วเสือกเปิดปากขึ้นมาได้นะสัด

“กูจะพูดหรือกูจะเงียบก็เรื่องของกู มึงเสือกอะไรด้วย” ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆอ่ะ  มันเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ อยู่ๆก็ลากผมออกมาจากโรงเรียนเฉยเลย  มันเห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย อยากจะพาไปไหนก็ลากขึ้นรถไปเลย  กูไม่ได้ง่ายนะเว้ยยย(เหรอ??)

“เออ เรื่องของมึงแต่กูรำคาญ”

“ป๊อนซ์!!!!!!”

“เออ กูชื่อป๊อนซ์มึงจะเรียกทำไมนักหนาวะ” เชี่ยป๊อนซ์มึงพูดกับกูแบบนี้ได้ไงวะ

“เออแม่ง  สันติ”  กูไม่เรียกชื่อมึงแล้วก็ได้

“พ่อมึงดิ” ป๊อนซ์ดูฉุนๆขึ้นมาทันที  สมควร เหอะ เสือกว่ากูนัก

“พ่อมึงไม่ใช่เหรอ”  ฮ่าๆๆๆ  ได้เอาคืนนิดๆหน่อยอย่างนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดนึงแล้วละครับ

“เชี่ยโจ  มึงแม่งหลายเรื่องแล้วนะ เตรียมตัวรับศึกหนักไว้ได้เลย” ขู่กูเหรอ ไอ้ชั่วววว

“ไม่ต้องมาขู่กูเลยสัด  แม่ง เชี่ยยยยยยย @#$%#%$%%^^@#$@##”  และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“เงียบสักทีโจ  ถ้าอยากส่งเสียงมากนัก  กูว่ามึงเก็บเสียงไว้ครางดีกว่านะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ  พ่องมึง
สิ!!!!!!

“ไอ้ ไอ้.... ไอ้....” เชี่ยมึงพูดอะไรออกมาวะเชี่ยป๊อนซ์  ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเลือดเกือบทั้งหมดของตัวไหลไปรวมกันอยู่ที่หน้า
หมดแล้ววววว

“ไอ้อะไรจ๊ะ”  มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะป๊อนซ์  เมื่อกี๊มึงยังโกรธกูอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้มันกลายเป็นงี้วะ

“แม่ง...” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วล่ะครับ เงียบซะดีกว่า

“หึหึ” หัวเราะๆ  ชอบนักนะ ทำให้กูเขินเนี่ยยย




“ลงดิ” ไอ้ป๊อนซ์ไล่ผมลงจากรถเมื่อรถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่

“เออ เร่งเหลือเกิน” ผมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋านักเรียนก่อนจะ วางกระเป๋าไว้ด้านหลังแล้วหันไปเปิดประตูรถ

“ตอนนี้กูเร่งแต่  ตอนนั้น  มึงอาจจะเร่งกูก็ได้”  -0- เอิ่มมมม.....

“เชี่ยยยยยยยยยยยยย”  ผมหันไปด่ามันก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินเข้าบ้านไปทันที




“อ้าวลูกโจ”  คุณหญิงแม่ไอ้ป๊อนซ์ตะโกนเรียกผมจนเสียงดังก้องไปทั่ว 

“สวัสดีครับแม่” ผมพูดทักทายก่อนจะเดินอ้าแขนเข้าไปหา  แล้วสวมกอดจนแน่น

“อ้อนแม่แบบนี้ทะเลาะอะไรกับป๊อนซ์มารึเปล่าลูก” แม่อย่าจี้จุดผมสิ  ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ ที่แม่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าทั้งพ่อทั้งแม่ของป๊อนซ์ท่านรู้เรื่องของผมกับป๊อนซ์แล้ว และท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ท่านบอกว่าดีเสียอีกป๊อนซ์จะได้ไม่ต้องทำใคร
ท้องก่อนเรียนจบ -.-

“อื้อออ” ผมพยักหน้ารับทั้งๆที่หน้ายังซบอยู่บนไหล่ของคุณแม่

“เฮ้ออออ  จริงๆเลยลูกคนนี้นี่  แน่ะ  พูดถึงก็มาพอดีเลย” แม่พูดพร้อมกับการมาของชายชั่วอย่างป๊อนซ์  ผมไม่ยอมปล่อยแม่เลย
ครับ แถมยังซุกหน้าลงไปมากกว่าเดิมอีก

“โจ ขึ้นไปข้างบนกับกู” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาดึงแขนผมออกจากตัวแม่

“อื้ออออ” ผมยื้อแขนไว้อย่างสุดแรง

“โจอย่าดื้อดิ” ป๊อนซ์พยายามแกะผมออกจากตัวแม่  โดยใช่กำลังที่มากขึ้นกว่าเดิม

“อื้ออออออออ” ผมยังยื้อแขนไว้พร้อมกับเกาะแม่ไว้แน่นกว่าเดิม

“เอ่อ ลูกโจขึ้นไปพูดกับตาป๊อนซ์ให้รู้เรื่องดีกว่ามั้ยลูก” แม่พูดแล้วค่อยๆดันผมออกจากตัว

“แม่อ่ะ” ผมปล่อยมือออกจากแม่ก่อนจะทำหน้างอนๆใส่

“ม๊า  เดี๋ยวป๊อนซ์ลงมากินข้าวเย็นเอง  ไม่ต้องให้คนขึ้นไปตามนะ” ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะหันไปพูดกับแม่

“อ่าๆ  เคลียร์กันดีๆนะลูก” แม่ป๊อนซ์พูดก่อนจะเดินออกไป  แม่อ่ะ  ทิ้งผมไว้กับตัวอันตรายอย่างไอ้นี่ได้ไงอ่ะ

“ดื้อนักนะมึง” มันก้มหน้าลงมาพูดที่ใกล้ๆหูผม ก่อนจะซุกหน้าลงไปที่ต้นคอ  เอาหน้าออกไปเลยนะป๊อนซ์ กูสยิวชิบหายยยยยย

“เอ่อออ  ปะ ป๊อนซ์ มึงจะแบบว่า...”  แล้วกูจะติดอ่างทำไมวะเนี่ย 

“ว่าอะไร  หืม” ป๊อนซ์พูดเบาราวกับเสียงกระซิบที่ข้างหูของผมพร้อมกับซุกหน้าลงไปที่คอของผมอีกครั้ง แต่มันต่างกันตรงที่
คราวนี้ ป๊อนซ์ใช้ริมฝีปากบรรจงขบเม้มลงเบาๆ ที่บริเวณต้นคอลามไปจนถึงไหล่ของผม   มันทำให้ผมแข้งขาอ่อนลงเสียง่ายๆ

“อะ เอ่ออ  ป๊อนซ์  เดี๋ยวมีคนเห็นนะ” ผมพยายามพูดเรียกสติของป๊อนซ์ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนได้ผมเสียตรงที่ห้องโถงนี้  ==’

“อะไรของมึงเนี่ยไอ้ป๊อนซ์  ถ้าจะเอากันก็ขึ้นไปข้างบนเหอะ  อย่ามาเล่นหนังสดแถวนี้” แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งลอยมาเรียกสติผมจน
กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

“อะไรวะป๊า” ป๊อนซ์ละริมฝีปากออกจากคอของผมก่อนจะให้ไปตอบทางต้นเสียง

“เอ่อ สวัสดีครับพ่อ” ผมหันไปกล่าวคำทักทายกับคนที่เพิ่งจะเข้ามาเรียกสติและช่วยชีวิตผมให้รอดพ้นจากเงื้อมือของไอ้หื่นด้านหลัง  ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมคงจะแดงมาก  โอ๊ยยย  อายเว้ยยยยย

“หวัดดี  นี่มึงอายกูเหรอลูกสะใภ้”  เอ่อ  พ่อครับ ช่วยอ้อมๆหน่อยก็ได้นะครับ

“พอเลยป๊า ไปหาเมียตัวเองเหอะอย่ามายุ่งกะเมียผมเลย”  ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหันตัวผมให้หันหน้าเข้าหามันแล้วเอามือกดหัว
ผมลงไปหาอกของมัน  โอ๊ยยยยย  ปวดหัวกับพ่อลูกคู่นี้จริงๆเลย

“กล้าพูดนะมึง  มึงได้เค้าแล้วเหรอ  มึงถึงเรียกเค้าว่าเมียอ่ะ”  พ่ออย่าพูดงั้นดิ  เดี๋ยวมันก็คึกขึ้นมาจริงๆแล้วผมไม่ซวยเหรอ
อออ???

“ไม่ต้องท้าหรอกป๊า”  เยี่ยมป๊อนซ์  น่ารักที่สุดเลยยยยย

“เพราะว่าผมกำลังจะขึ้นไปเอามันอยู่นี่ไง” มันพูดพร้อมกับอุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน

“ฮ่าๆๆๆๆ  ให้มันได้ยังงี้สิ  ถึงจะสมกับที่เป็นลูกกูหน่อย  ส่วนมึงลูกสะใภ้  เตรียมใจไว้หน่อยนะ ไอ้ป๊อนซ์น่ะมันอึดได้พ่อ”  พ่อไอ้
ป๊อนซ์ตะโกนบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปหาแม่ในครัว 

“หึหึ”

“หัวเราะเหี้ยไรป๊อนซ์  ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้เลยนะสัด” ผมพูดพร้อมดิ้นไปมาอย่างแรง

“มึงอยากตกลงไปตายใช่มั้ยโจ” ป๊อนซ์พูดเสียงเข้มขู่ผม  ผมทำไงได้ละครับ ก็นิ่งไปตามระเบียบ  ไม่งั้นคงได้ตกลงไปตายซะ
ก่อน




ปั่ก!!!!!!! 

โอ๊ย แม่ง  ถ้ามึงจะทุ่มกูลงเตียงแรงซะขนาดนี้นะ  ถนอมกูบ้างเหอะ

“เหี้ย!!!!!” ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย

“เก็บปากไว้ให้กูจูบเหอะ”  อั๊ยย๊ะ  ถ้ามึงจะหื่นได้ขนาดนี้  แม่งนี่มันไม่ช่ป๊อนซ์อ่ะ  เอาป๊อนซ์คนเดิมของกูคืนมา

“ป๊อนซ์ มึงอย่าลืมนะว่าพรุ่งนี้มึงต้องกลับไปแข่งบาสอีกอ่ะ” ผมพูดเตือนสติมัน ในขณะที่ตอนนี้มันกำลังวุ่นวายกับการถอดเสื้อมัน
ออกอยู่  อย่าถอดป๊อนซ์!!!!!!!!!

“เออ กูจำได้ กูจะกลับเย็นนี้ด้วย” อ้าวกลับเย็นนี้เหรอ  นึกว่าจะกลับพรุ่งนี้ซะอีก

ฟึ่บ!!!  คุณพระ  ถ้าหุ่นมึงจะดีขนาดนี้  ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับที่ผมจะตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะว่าตั้งแต่คบกันมาผมยังไม่เคยเห็น
หนังกำพร้าใต้ร่มผ้ามันเลย  อย่างมากก็เห็นแค่ตอนมันใส่เสื้อกล้ามหรือไม่ก็เสื้อบาสแค่นั้น  แต่นี่มันกำลังเปลือยท่อนบนต่อหน้า
ผมในขณะที่ผมกำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง  มันช่างเป็นฉากที่ดูหวาบหวิวพิลึก

“ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะ”  แบบนั้น??  นี่กูกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่วะ

“หือออ???”

“ก็ตอนนี้มึงกำลังทำหน้าแบบเนี่ย” ป๊อนซ์พูดแล้วขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม  พร้อมกับทำแก้มป่องๆ โอ๊ยหน้ามันตอนนี้เหมือน
ปลาทองมากกกก  น่ารักเชียวววว

“กูทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นจริงเหรอ  อุ๊บส์” ชิบหาย  หลุดแล้วโจ  มึงพูดอะไรออกไปน่ะ

“มึงพูดว่าอะไรนะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับ่อยๆคลานขึ้นมาบนเตียงช้าๆ

“ก็  ก็ เอ่อ.....”  ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ  ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือถอยออกห่างมันให้ได้มากที่สุด 

“มึงรู้มั้ย???”

“????”

“มึงพูดได้น่าเอามาก” เฮ้ยยยยยย  ป๊อนซ์ มึงหื่นมาจากไหนวะเนี่ยยยยยย  แถมตอนนี้ผมก็ถอยไปไหนไม่ได้แล้วด้วยเพราะผม
ถอยจนมาติดกับหัวเตียงแล้ววววววว  อย่าเข้ามานะ

“..........”  คิดสิโจ  คิด   มึงต้องมีทางรอดสักทางนึงแหละ

แต่ในระหว่างที่ผมพยายามเค้นหัว แล้วคิดหาทางรอดอยู่นั้น  ไอ้ป๊อนซ์ก็ค่อยๆโน้มหน้าลงมาหาผมจนตอนนี้  หน้าเราห่างกันเพียง
แค่ไม่กี่เซนแล้ว

“กูรักมึงนะโจ” อย่ามาพูดตอนนี้ได้มั้ยยยยยย 

“เอ่ออ....”  เอาไงล่ะทีนี้ดูท่าว่าจะไม่รอดแน่ๆ

แล้วมันก็เป็นไปตามที่ผมคาดนั่นแหละครับ  ป๊อนซ์ค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนปากผมอย่างช้าๆ  มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความ
อ่อนโยนที่ส่งผ่านมาทางสัมผัสนี้ได้เป็นอย่างดี

“อ๊ะ  อืมมมมมมม”  ผมเริ่มจะส่งเสียงทักท้วงในลำคอเมื่อป๊อนซ์พยายามจะส่งลิ้นร้อนเข้ามารุกล้ำในปากของผม

“อืมมมมมมมม”  แต่แล้วความพยายามของป๊อนซ์ก็เป็นผลสำเร็จเมื่อป๊อนซ์สามารถที่จะส่งลิ้นนั้นเข้ามาควานหาความหวานใน
ปากของผมได้  การกระทำของป๊อนซ์ครั้งนี้ทำให้ในหัวของผมขาวโพลนไปหมด  ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะละลายด้วยจูบนี้เพียง
จูบเดียว

“อื้ออออออออ”  ผมส่งเสียงออกมาอีกครั้งเนื่องจาก จูบนี้มันอ่อยอิ่งและเนิ่นนานจนผมเกือบจะหมดอากาศหายใจอยู่แล้ว

หลังจากที่ป๊อนซ์ผละออกผมก็รีบโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดทันที  แม่งนี่มันต้องให้ผมขาดอากาศหายใจก่อนใช่มั้ย ถึงจะยอมถอนจูบอ่ะ

ป๊อนซ์เลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่พลางส่งยิ้มกวนๆมาให้ผมและนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมหน้าร้อนยิ่งไปกว่าเดิม

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปากมึงจะหวานได้ขนาดนี้”

“หยุดพูดเลยนะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปปิดปากมันไว้

-จุ๊บ-

มันจูบฝ่ามือของผมที่ปิดปากของมันอยู่เบาๆ แม่งไม่ไหวแล้วนะป๊อนซ์  มึงกำลังจะทำให้กูเขินตายยยยยย

“เอ่ออออ  มึงจะทำอะไรกูอีกมั้ย”

“อยากให้กูทำอะไรอีกมั้ยล่ะ หืมม” ป๊อนซ์ถามกลับมา  แล้วมึงจะให้กูตอบว่าอะไรวะ

“เอ่อออ   คือ.....” ผมมองหน้ามันอย่างกลัวๆก่อนจะหลบตาแล้วมองหาจุดโฟกัสอื่นที่ไม่ใช่ไอ้หล่อที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

“หึหึ  กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว”  เฮ้ออ  โล่งงงงง

แต่จู่ๆป๊อนซ์ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆผม  ป๊อนซ์มึงจะไม่รักษาสัญญาเหรอ

“เอ่ออ  ไหนมึงบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง” ผมถามมันอย่างหวาดๆ

“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก  แค่อยากนอนเฉยๆอ่ะ” มันพูดพร้อมหลับตาลง  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะแต่ผมรู้สึกว่ามันดูเหนื่อยๆยัง
ไงก็ไม่รู้

“เอ่อ  ป๊อนซ์”

“หืมม????”

“มึงใส่เสื้อก่อนดีมั้ย” ผมถามมันออกไปเพราะว่าตอนนี้มันก็ยังคงเปลือยหนังกำพร้าในร่มผ้าต่อหน้าผมอยู่ แต่ในห้องดันเปิดแอร์ซะหนาวจนจะเลี้ยงเพนกวินได้อยู่แล้ว

“ทำไมอ่ะ” มันถามทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

“ก็กูกลัวมึงจะหนาวอ่ะ”

“มึงกลัวกูหนาวเหรอ” คราวนี้มันถามผมกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองหน้าผม

“อืมมมม”

“งั้นกูขอกอดมึงแล้วกันนะ กูจะได้ไม่หนาว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับนอนตะแคงแล้วเอามือมาดึงผมเข้าไปกอด แถมยังเอาหน้าซุกลง
กับคอด้านหลังผมอีกด้วย

“ป๊อนซ์”

“หื้มมมมม?????”  น้ำเสียงมันเริ่มจะแฝงความรำคาญเอาไว้นิดๆ

“กูนอนหันหน้าเข้าหามึงได้มั้ย”

“?????” ป๊อนซ์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะสายตาสงสัยมาให้

“ก็กูอยากกอดมึงด้วยอ่ะ”  เหอะๆๆ  ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ

“หึๆ ได้ดิ” ป๊อนซ์พูดแล้วพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าไปหามันก่อนจะดันหน้าผมให้ซุกอยู่กับอกแกร่ง ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะแข็งแรง
และอบอุ่นกว่าทุกๆครั้ง

“อยากฟังเพลงมั้ย เดี๋ยวกูร้องให้ฟัง” ป๊อนซ์ถามในขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังกอดผมอยู่ ส่วนอีกข้างกำลังลูบหัวของผมเล่นอย่าง
เบามือ

“อืมมม” ผมตอบอู้อี้เพราะตอนนี้หน้ากำลังซุกอยู่กับอกของป๊อนซ์

เธอเชื่อไหมความรักเหมือนทำให้เราหลับตา

ปล่อยหัวใจช้าๆ ล่องลอยข้ามคืนแห่งฝัน


เสียงนุ่มๆของป๊อนซ์ดังขึ้นเหมือนเป็นการขับกล่อม

หมอกดูคล้อยลอยผ่านใจดวงนี้ก็มีแต่เธอทั้งนั้น

ทุกๆคำรำพันเอ่ยผ่านใจ


ป๊อนซ์ค่อยๆกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยแต่มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกอบอุ่นและ
ปลอดภัยขึ้นไปอีก

ให้เธอรู้  ให้เธอรู้

อยากให้เธอรู้ คือความรัก

จะกอดเธอไปจนเช้าแสงดาวกระทบที่ข้างฉัน

ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน

ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน

จะกอดเธอไปอย่างนี้

ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้

จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี

ก็ยังรักเธอเหลือเกิน

ต่อไปจากนี้ทุกคืนที่เธอตื่นมา

จะมีมือฉันคนนี้นั่งกุมหัวใจเอาไว้

ไกลสุดฟ้าแสนไกล ใจดวงนี้ก็จะไม่ลอยไปไหน

ขอให้เธอเชื่อใจฉัน


มาถึงท่อนนี้ป๊อนซ์ก้มลงมาจูบที่หน้าผมอย่างแผ่วเบาราวกับจะเป็นการย้ำประโยคที่เพิ่งจะร้องไปเมื่อกี๊

ให้เธอรู้  ให้เธอรู้

อยากให้เธอรู้ คือความรัก

จะกอดเธอไปจนเช้าแสงดาวกระทบที่ข้างฉัน

ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน

ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน

จะกอดเธออยู่อย่างนี้

ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้

จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี

ก็ยังรักเธอเหลือเกิน


“กูรักมึงโจ” เพลงจบลงตามด้วยคำพูดที่ทำให้แทบจะละลาย

“อืมมม” ผมขานตอบเบาๆ

“ป๊อนซ์รักดื้อนะครับ” ป๊อนซ์พูดย้ำอีกครั้ง โดยใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม

“อืมมมมมมม” คราวนี้ผมทั้งขานรับทั้งพยักหน้ารับไปพร้อมๆกัน 

ผมนอนนิ่งๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะได้ยินแสงหายใจอย่างสม่ำเสมอของป๊อนซ์ และนั่นก็แสดงให้เห็นว่ามันหลับสนิทไปแล้ว



-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-



เป็นไงละครับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ไอ้ป๊อนซ์  แม่งโคตรเข้ากับหน้ามันเลย

ผมกลัวว่าเสียงเรียกเข้านี้จะทำให้ป๊อนซ์ตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ยังนอนได้ไม่เต็มที่  ผมเลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ในมาแล้วกะว่าจะรับ
สายแทน




แต่......



ชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอนั้น แทบทำให้โทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือของผม







-Pontz’s Plus-




ผมไม่รู้หรอกนะว่า คนที่ชื่อพลัสเค้าเป็นใคร แต่ผมรู้เพียงแค่ว่า  เค้าก็เป็นของป๊อนซ์เหมือนกัน....




...............................TBC.............................................

ต้องกราบขออภัยเป็นอย่าสูงที่มาอัพช้ามากกกก 

คือว่า คนเขียนเจอเรื่องเฟลๆเยอะมาก  มันเลยตันแล้วแต่งไม่ได้    :o12:

แต่แล้วน้องป๊อนซ์กับน้องโจก็ทำให้คนเขียนกลับมาฟินนาเล่ได้อีกครั้ง

คนเขียนเลยแต่งซะเลย   :o8:

วันนี้คนเขียนเห็นน้องเค้าสอบเคมี  แล้วมันต้องนั่งโต๊ะสอบเป็นคู่  แล้วน้องป๊อนซ์กับน้องโจก็นั่งด้วยกัน

หลังจากสอบเสร็จเพื่อนป๊อนซ์ก็ถามป๊อนซ์ว่า

"เห็นทำเสร็จตั้งนานแล้ว  ทำไมออกช้าจังวะ"

แล้วป๊อนซ์ก็ตอบไปว่า

"กูให้โจลอกอยู๋" 


ป๊าดดดดดดดด   มันช่างเป็นอะไรที่โคตรฟินนาเล่เลยว่ามั้ย

เดี๋ยววันหลังจะมาอัพโมเม้นต์ของเค้าให้ฟังกันอีกนะค่ะ

อย่าลืมเม้นให้กำลังใจด้วยล่ะ   :bye2:

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ้ากกกกกกก โจป๊อนซ์น่ารักมากเลยค่ะ ชอบมากมายอ่ะคนเขียน เค้าอยากรู้โมเม้นท์เยอะๆ อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ปริ่มมากกกกกกกก
เพลงทรายเพราะมากเลยชอบจังงงงง มาอัพต่อไวๆนะคะเป็นกำลังใจให้น้าาาา ว่าแต่พลัสจะก่เรื่องไหมอ่า ลุ้นๆ เอาใจช่วยนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ชอบนะ แต่ตอนนี้หวั่นใจ กลัวมาม่าชิบ พสัสคือใครแล้วเกี่ยวกับป๊อนยังไง โจต้องคิดมากแน่ๆขนาดคนอ่านยังคิดมากเลย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
น่ารั๊คอ่าาาา แต่พลัสมันเป็นใครหว่าาาา พลัสของป๊อนซ์อีกตะหาก ไม่มาม่าช่ายมั้ยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้ายหมี :)

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 6
[/b]






[Pontz x Joe]




[Joe]




ผมตัดสินใจปล่อยให้มันดังต่อไปอย่างนั้น โดยไม่คิดจะรับสาย เพราะผมคิดว่าผมคงจะไม่เข้มแข็งพอที่จะรับรู้ความจริง

“อืมมมม”  เสียงของป๊อนซ์ดังขึ้นก่อนที่ผมจะปล่อยให้เปลือกตาปิดสนิทลง

“ดื้อ”

“........” ผมแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆที่สติยังมีอยู่ครบถ้วน

“อ้าว หลับซะแล้ว  แล้วนี่ใครโทรมาวะ” ป๊อนซ์พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ขึ้นมา ก่อนจะลุกไปรับอย่างรวดเร็ว

“ว่าไงครับ” เสียงหวานเอ่ยกรอกลงไปทันทีที่รับสาย  เหอะๆ มึงพูดดีๆกับกูอย่างนี้นับครั้งได้เลยนะป๊อนซ์

“คิดถึงพี่ล่ะสิ”  ใจผมสั่นทันทีที่ป๊อนซ์พูดออกไปอย่างนั้น นี่คงจะสนิทกันมากสินะ

“พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันแหละ”  ผมรู้สึกเหมือนใจกระตุกวูบ ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาช้าๆ  แต่ผมต้องรีบเอาหน้าซุกกับหมอน
เพื่อที่จะเช็ดมันออกโดยที่ป๊อนซ์ไม่สงสัย

เสียงขยับตัวของผมทำให้เสียงพูดของป๊อนซ์เงียบลงก่อนจะกลายเป็นเสียงฝีเท้าที่เดินมาทางผม

เตียงยุบลงนิดๆตอนที่มันนั่งลง ก่อนที่มันจะยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆราวกับเป็นการกล่อม

“ว่าไงนะ  เมื่อกี๊คุยถึงไหนแล้ว” แล้วเสียงป๊อนซ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง  มันคุยกับเค้าทั้งๆที่มันนั่งลูบหัวผมอยู่  ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนตัว
เองเป็นสัตว์เลี้ยงของมันยังไงก็ไม่รู้  ตอนนี้ผมเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว

“ครับๆ  พี่กลับวันนี้ค่ำๆน่ะ เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว  อย่างอแงสิครับ”  นี่ถ้าป๊อนซ์มันสนใจผมสักหน่อยมันก็คงจะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
ของผมไปแล้ว

“พี่บอกแล้วไงครับ ว่าพี่กลับมาเคลียร์ปัญหากับ ‘เพื่อน’ นิดหน่อย”  เพื่อนงั้นเหรอ  อ๋อ ผมรู้สถานะของตัวเองแล้วล่ะครับ  ที่แท้
ผมกับมันก็เป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ แค่นั้นเอง

“ครับๆ รักเหมือนกัน บายครับ” ป๊อนซ์วางสายไปก่อนจะค่อยล้มตัวลงนอนและกอดผมไว้อีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึก
อบอุ่นใจแต่อย่างใด  มันกลับรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก  แต่สุดท้ายผมก็หลับไปในอ้อมกอดของมันอยู่ดี



-รัก  คือ ทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเป็นการปลุกให้ผมตื่นจากความฝันมาเจอกับความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด

 -P.J.เว้ยเฮ้ย-

ผมรีบกดรับทันที เพราะกลัวป๊อนซ์จะตื่น  ผมยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับป๊อนซ์ในตอนนี้

ผมลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องและเริ่มบทสนทนากับพีเจ

“ว่าไงมึง”

(มึงอยู่ไหนวะ)

“กูอยู่บ้านไอ้ป๊อนซ์”

(อ้าว ไอ้ป๊อนซ์กลับมาตอนไหนวะเนี่ย)

“ตอนบ่ายอ่ะ”

(เออ แล้วนั่นทำไมเสียงมึงเป็นแบบนั้นวะ) คำถามที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยนั้นทำให้ผมรู้สึกร้อนๆที่ขอบตาขึ้นมาอีกครั้ง

“พีเจ  มารับกูหน่อยได้มั้ย” ผมพูดบอกพีเจ โดยไม่ได้ตอบคำถามที่มันถามมา

(เออ ได้ๆ โชคดีที่วันนี้พ่อเพิ่งจะเอารถมาไว้ให้กู)

“อืม”

(เออ เดี๋ยวมึงลงมารอเลยแล้วกัน)

“อืม” ผมพูดรับคำก่อนจะกดตัดสายทันที

ผมเดินลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะรู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน

“อ้าวคุณโจ จะกลับแล้วเหรอค่ะ” ป้าแม่บ้านถามขึ้นขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาออกนอกรั้วบ้าน

“ครับ”

“แล้วจะกลับยังไงล่ะคะ”

“โจให้เพื่อนมารับครับ” ผมตอบป้าเค้าไปด้วยเสียงที่เหนื่อย และป้าเค้าก็เหมือนจะดูออกว่าผมไม่พร้อมจะคุยอะไรกับใครทั้งสิ้น
ป้าเลยบอกลาผมก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

-ปี๊ดดด-

เสียงแตรรถดังขึ้น ก่อนจะแสงจากไฟส่องหน้ารถฉายมายังที่ผมยืนอยู่

ผมเดินไปขึ้นรถและนั่งลงเงียบๆ โดยไม่คิดจะพูดอะไรกับพีเจ

รถเคลื่อนตัวออกช้าๆ บรรยากาศในรถเงียบมาก เพราะพีเจมันคงรู้ว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหนมันจึงปล่อยให้ผมได้อยู่กับตัวเองให้
มากที่สุด

แต่แล้วพีเจก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศเงียบภายในรถ

“โจกูจะไม่ถามนะว่ามึงเป็นอะไร แต่กูแค่จะบอกมึงว่ามึงไม่ได้ตัวคนเดียว มึงยังมีกู มีเพื่อนๆอีกหลายคนนะเว้ย”

“อืม” ผมตอบรับก่อนจะนั่งเงียบๆต่อไป  ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนไปหมด  มันทั้งเจ็บ ทั้งผิดหวัง ทั้งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองโง่มาก  แล้ว
สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายอย่างไม่มีทีท่าว่าหยุดลงได้ง่ายๆ

พีเจหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นมาให้ผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไร  ผมก็รับผ้าเช็ดหน้านั้นมาแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้
อย่างหนักทันที

“ฮึก ฮือออออ  ฮือออออ”  ผมปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาพร้อมกับน้ำตาและเสียงสะอื้น  ผมไม่ใช่คนที่จะ
ร้องไห้อย่างหนักแบบนี้บ่อยๆ  แต่ถ้าผมเป็นแบบนี้ก็แสดงว่ามันต้องเป็นอะไรที่เกินจะทนแล้วจริงๆ

พีเจหยุดรถอยู่ที่หน้าโรงเรียน ก่อนจะลงกระจกและดับเครื่องรถ

“ทำไมไม่เข้าไปวะ” ผมถามทั้งๆที่ยังมีเสียงสะอื้นอยู่

“ร้องซะให้พอแล้วมึงห้ามร้องแบบนี้อีก” พีเจพูดก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถทิ้งให้ผมนั่งอยู่ในรถคนเดียว





ผ่านไปสัก 10 นาที ผมก็โอเคขึ้น ผมเลยเปิดประตูลงไปบอกพีเจ

“พีเจ เข้าไปข้างไหนกันเหอะ”

“อืม เออ กูลืมบอกมึง”

“อะไรวะ”

“เดี๋ยวกูต้องไปที่ห้องซ้อมดนตรีก่อน ไปดูพวกไอ้ลิ้มมันซ้อมกันหน่อยต้องขึ้นแสดงวันพรุ่งนี้แล้วด้วย”

“อ๋อๆ ไปดิ”




“มึงอ่ะเล่นแปลกๆ”

“มึงก็แปลก”

“มึงแปลกกว่า” และ บลาๆๆ อีกมากมาย

“นี่พวกมันเถียงอะไรกันอยู่อ่ะ” ผมค่อนข้างตกใจเพราะผมไม่เคยมาดูพวกมันซ้อมดนตรีกันเลย ผมลืมบอกไปรึเปล่าว่าวงนี้ป๊อนซ์เป็นนักร้องด้วยแหละ

“อย่างนี้ทุกวันแหละมึง ไปเหอะ” พีเจตอบ ก่อนจะเอามือดันหลังผมให้เดินเข้าไปในห้องซ้อม

-รัก คือ ทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผม ผมค่อนข้างมั่นใจเลยทีเดียวว่าใครเป็นคนโทรมา

-Pontz^^-

เซ้นส์ของผมไม่เคยผิดจริงๆ  แต่จะทำไงล่ะทีนี้  ผมยังไม่อยากคุยกับมันเลย

“เอามาเดี๋ยวกูรับให้” พีเจพูดพลางยื่นมือมาตรงหน้าผม

“อืม” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้พีเจรับสายให้

“กูเปิดลำโพงนะ” พูดจบพีเจก็กดรับสายทันที

(ฮัลโหล  มึงหายไปไหนวะโจ) ผมหันมองหน้าพีเจ  พีเจพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจก่อนจะตอบกลับไป  อย่าว่าแต่ให้ผมพูดตอบ
มันเลย  แค่ได้ยินเสียงมันน้ำตาของผมก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบแล้ว

“นี่กูพีเจนะ  ไอ้โจมันอาบน้ำอยู่”

(อ๋อ มึงเหรอ เออ แล้วไอ้โจมันกลับโรงเรียนไปยังไงวะ)

“กูไปรับมันเองแหละ  แล้วนั่นมึงจะขึ้นเครื่องยัง”

(ใกล้แล้ววะ  แม่งกูกลับมากะว่าจะเคลียร์เรื่องไอ้เบสนั่นสักหน่อย  ดันหนีกลับไปซะก่อน) เสียงไอ้ป๊อนซ์ดูอารมณ์เสียนิดๆ

“มันบอกว่าเห็นมึงเหนื่อยๆเลยไม่อยากให้ขับรถไปมาหลายรอบ”

(อ๋อๆ เออ งั้นไม่มีอะไรแล้วฝากไอ้โจด้วยนะ ว่ากูโทรมา)

“เออๆ เดินทางดีๆนะมึง”

(อือๆ) พูดจบไอ้ป๊อนซ์ก็ตัดสายไป  พีเจหันมายื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผม

“ครั้งนี้กูช่วยมึงก่อน  แต่มึงต้องรู้ไว้นะว่ากูช่วยมึงไม่ได้ทุกครั้ง”  พีเจหันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยอีกครั้งก่อนจะ
เดินนำหน้าผมเข้าไปในห้องซ้อม

“อ้าว ตกลงไอ้นี่จะเข้ามาอยู่ในวงใช่มั้ย” พีเจทำหน้าสงสัยก่อนจะชี้ไปที่คนๆนึงที่ตอนนี้นั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งกลอง

“เยสเส่อ  กูจะเป็นมืองกลองของวงนี้” ไอ้นั่นตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ แต่เอ๊ะจะว่าไป  ผมไม่เคยเห็นหน้ามันเลยนะเนี่ย

“ใครวะ” ผมกระซิบถามพีเจเบาๆ

“อ๋อ ไอ้นี่มันชื่อภูมิเป็นเด็กเข้าใหม่อ่ะ  แต่ตอนต้นเทอมมันได้ทุนไปดูงานเกี่ยวกับเรื่องกลองที่บูดาเปสต์อ่ะ แล้วเนี่ยมันก็เพิ่งจะ
ได้กลับมาเรียน” ผมพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะหันไปยิ้มให้ภูมิที่ตอนนี้กำลังมองหน้าผมอยู่

“หวัดดี นายชื่ออะไรอ่ะ” มันถามผมพร้อมกับทำหน้าแบ๊วๆ (กูควรจะบอกมันดีมั้ยว่าโคตรจะไม่เข้าเลย)

“กูชื่อโจ กูว่าพูดกูมึงเหอะมันดูสนิทใจกว่า”

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว โนพร็อบเบลม” มันตอบกลับมาแบบทะเล้นๆ จะว่าไปอยู่ใกล้ๆไอ้นี่แล้วได้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย

“เออ โจ ส่วนพวกนี้มึงรู้จักแล้วใช่มั้ย” ผมหันไปมองอีก 2 คนที่ยืนอยู่ในห้อง ถ้าจำไม่ผิดไอ้คนที่เล่นกีต้าร์น่าจะชื่อลิ้มนะ  ส่วนคน
ที่เล่นเบสชื่อนาย

“เอ่อ นี่ลิ้มแล้วนี่ก็นายใช่มั้ย” ผมถามออกไปแบบไม่ค่อยมั่นใจ

“เออ กูลิ้ม ส่วนไอ้นี่ก็นาย” ไอ้สูงที่ชื่อลิ้มหันมาตอบผม ในที่สุดผมก็จำชื่อเพื่อนได้สักที

“โจ เดี๋ยวรอไอ้พวกนี้ซ้อมกันก่อนแล้วกันนะ”

“อืมๆ” ผมตอบไปอย่างไม่มีปัญหาเพราะถ้าผมกลับไปอยู่ที่หอก็คงจะไม่มีอะไรแล้วก็นั่งฟุ้งซ่านอีก




ผ่านไปสัก 10 นาที ก็เริ่มจะเถียงกันอีกแล้วครับ แม่งคิดผิดคิดถูกวะที่มานั่งรอพวกมันซ้อมเนี่ย

“เอาไงกับนักร้องดีวะ  ไอ้ป๊อนซ์ก็ไม่อยู่ ไอ้ไปป์ก็ไม่อยู่จะให้ไอ้ลิ้มร้องก็ไม่ไหว” อยู่ๆไอ้นายที่เล่นเบสอยู่ก็โวยวายขึ้นมาเฉยๆ
(ไปป์เป็นนักร้องอีกคนในวงค่ะ)

“มึงอ่ะ” อยู่ดีๆ ลิ้มก็ชี้มาทางผมครับ

“กูทำไม” ผมถามมันกลับไปแบบงงๆ

“มึงมาร้องเพลงให้พวกกูหน่อย”

“หา!!!!!!  กูอ่ะนะ” ผมถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง

“เออมึงนั่นแหละ ไหนลองมาร้องดิ” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับเดินไปหยิบไมค์มายื่นให้ผม

“เอ่อ....”

“เอาเลย” มันกดดันผมอีกครั้ง  ผมก็ร้องไปเลยครับ ตอนนั้นมันบอกว่าอยากร้องเพลงอะไรก็ร้อง ผมเลยร้องเพลงชาติซะเลย

“กูว่าโอเคเลยนะเว้ย” ไอ้ภูมิชูไม้กลองขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนพูด

“อะไรโอเควะ” ลิ้มหันไปมองหน้าภูมิอย่างงงๆ

“ก็แบบว่าใครที่ร้องเพลงชาติเพราะเนี่ยแปลว่ามีพื้นฐานมีสกิลดีไง” ภูมิพูดพลางทำหน้ามีความรู้สุดๆ

“จริงเหรอวะ” ตอนนี้ลิ้มดูเริ่มจะคล้อยตามภูมิไปแล้ว

“จริง” ภูมิตอบกลับเสียงหนักแน่น และนั่นมันก้คือคำตัดสินชีวิตผม...

“พรุ่งนี้มึงต้องขึ้นร้องเพลงให้วงกู”

“เฮ้ยยยย” ผมอุทานขึ้นมาเสียงดัง  อะไรมันจะเชื่อคนง่ายขนาดนั้นวะ

“เอานี่เพลงที่มึงต้องร้อง วงพวกเราขึ้นแค่ 3 เพลงเอง ชิวๆอยู่แล้วมึง” ไอ้นายยื่นเนื้อเพลงมาให้ผมก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ

ผมกวาดสายตาไล่ดูลิสเพลงที่ได้มา

-ทุ้มอยู่ในใจ  (เพลงนี้แม่งเล่นทุกงาน เล่นกันเกลื่อน)

-คิดฮอด  (เพลงนี้ท่อนแร็พมันส์ดีผมชอบ เอ๊ะ  แต่เรียกแร๊พได้รึเปล่านะ เป็นจั๋งใด๋ล่ะหนอความฮัก~)

-ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที  เอ๊ะ นี่มันเพลงผู้หญิงนี่หว่า

“เอ่อ...ไอ้นาย คือเพลงสุดท้ายนี่มันเป็นเพลงผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะ” ผมหันไปถามนายที่กำลังง่วนกับเบสของตัวเองอยู่

“ก็เออใช่ แล้วทำไมวะ”

“จะให้กูร้องเพลงผู้หญิงอ่ะนะ”

“เออดิ” มันตอบกลับมาหน้าตาเฉยมาก  แล้วกูต้องทำเสียงยังไงล่ะเนี่ย   อีกอย่างผมว่า 3 เพลงนี้ดูไม่ค่อยเข้ากันเลย

“กูมองจากหน้ามึงแล้วเหมือนมึงกำลังสงสัยอะไรบ้างอย่าง” ไอ้ภูมิพูดขึ้นมา

“เอ่อออ...”

“มึงคงกำลังสงสัยว่าเพลงมันเกี่ยวกันตรงไหน”

“ใช่” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะแปลกใจว่ามันรู้ได้ไงว่าผมคิดอะไรอยู่

“เดี๋ยวกูจะแจงแถลงไขให้ฟัง” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะเดินออกมาจากกลอง  ผมสังเกตเห็นปฏิกิริยาแปลกๆของคนอื่นๆ อย่างไอ้ลิ้มกับ
ไอ้นายนี่หยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วก็นั่งยิ้มอย่างโล่งอก  ส่วนไอ้พีเจทำท่าเหมือนว่าโทรศัพท์เข้าทั้งๆที่ยังไม่มีเสียงเรียกเข้าอะไร
เลย แล้วมันก็เดินออกไปนอกห้อง

“เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนแรกนะเว้ย เหมือนกับว่าเรากับแฟนเราเงี้ยต้องห่างกันเว้ย” แอบจึ้กนะเนี่ย

“แล้วเราก็แทนมันด้วยเพลง ทุ้มอยู่ในใจ” ผมพยักหน้าตอบก่อนที่ไอ้ภูมิจะพูดต่อ

“แล้วพอเราห่างกับแฟนเราก็คิดถึง” มันพูดเว้นจังหวะนิดนึง ผมจึงตอบมันกลับไป

“มึงเลยใช่เพลงคิดฮอด”

“เยสสสส  เวรี่กู้ดดด  มึงเริ่มจะจับทางกูได้แล้ว” ไอ้ภูมิทำหน้าเหมือนภูมิใจในตัวผมมาก

“และเพลงสุดท้ายนี่ก็ประมาณว่าสุดท้ายแฟนเราก็ทิ้งเราไปมีใหม่ เลยแทนด้วยเพลงฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที” ความเจ็บ
แล่นกลับเข้ามาเกาะกุมหัวใจของผมอีกครั้ง  ตอนแรกผมเหมือนจะลืมไปได้ชั่วขณะนึงแล้วแต่พอเอาเข้าจริงๆ แค่มีคนมาสะกิดนิดหน่อยผมก็กลับมาเจ็บอีกครั้ง  เฮ้ออออ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

“ตกลงว่ามึงเข้าใจแล้วใช่มั้ย” ไอ้ภูมิถามย้ำหลังจากที่เห็นผมเงียบไปนาน

“อืม” ผมตอบกลับมันไปสั้นๆ เพราะตอนนี้ผมเริ่มอยากอยู่คนเดียวอีกครั้งแล้วสิ

หลังจากที่ไอ้ภูมิเดินกลับไปนั่งที่กลองคนอื่นๆที่เหลือก็เริ่มกลับมามีอาการปกติ ไอ้พีเจก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ส่วนไอ้ลิ้มกับไอ้นายก็ถอดหูฟังออกและเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม

“มันพูดจบแล้วเหรอ” พีเจเดินมากระซิบถามผม

“อืม” ผมตอบกลับไปแต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมพวกที่เหลือถึงมีอาการแปลกๆกัน

“วันนี้เร็วกว่าที่คิดแฮะ  ปกติแม่งเกือบชั่วโมง”  อ๋ออย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้วว

“เอาล่ะกูว่ามาเริ่มซ้อมแบบเต็มวงกันดีกว่าจะได้แยกย้ายกลับไปนอนกันซะที” ไอ้พีเจพูดขึ้นมาเสียงดังให้ทุกๆคนได้ยิน พวกที่
เหลือก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มซ้อมกันอย่างจริงจัง  เราซ้อมกันแค่ประมาณ 4 รอบก็เห็นว่าโอเคแล้ว เลยแยกย้ายกลับหอเลย  รอลุยวันพรุ่งนี้ให้เต็มที่ สู้โว้ยยยย!!!!!!




และแล้วเวลาที่ผมกลัวก็มาถึง  ตอนนี้ก็ประมาณสัก 2 ทุ่มกว่าๆได้ พวกผม 4 คน มีผม ไอ้ลิ้ม ไอ้นาย แล้วก็ไอ้ภูมิก็กำลังมายืนสแตนบายหลังเวทีเตรียมจะขึ้นโชว์เป็นวงต่อไป

“พร้อมมั้ยมึง” ไอ้นายหันมาถามผม ในขณะที่มันเองก็เสียงสั่นใช่ย่อย

“ไม่วะ” ผมตอบไปตามความจริง  เพราะตอนนี้ผมรู้สึกประหม่ามาก  ผมเคยขึ้นเวทีอะไรแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ

“เออ กูก็ไม่พร้อม” ไอ้ลิ้มหันมาบอกด้วยหน้าตาหวาดๆ

“แต่กูโคตรจะพร้อมเลย”  ไอ้ภูมิพูดพลางยกมือขึ้นทุบอก

“ยังดีวะที่มีคนพร้อมอยู่” ผมพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดในตอนนี้

“การแสดงของวง..... ก็จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะรับ ต่อไปก็มาพบกับวงน้องใหม่กันเลย วงของน้องๆม.4 ได้ข่าวมาว่าวงนี้เค้าป๊อปไม่เบาเลยนะครับ”

“เอาล่ะพวกมึงมารวมพลังกันก่อน” ไอ้ภูมิพูดพลางยื่นมือออกมาข้างหน้าตามด้วยมือไอ้นายมือไอ้ลิ้มแล้วก็มือผมอยู่บนสุด

“สู้โว้ยยยยยยยย!!!!!!!!”  พวกผมตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนจะเดินไปหน้าเวที

“มาพบกับพวกเค้ากันเลย” เสียงตบมือเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งหอประชุมของโรงเรียน และนั่นนยิ่งสร้างความประหม่าให้กับผม  แต่ผมต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไอ้พวกในวงมันให้ผมเป็นคนแนะนำสมาชิกน่ะครับ

“สวัสดีครับ” ผมพูดทักทายออกไป ก่อนจะยิ้มหวานๆตามไปอีกที

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”  โอ้โห ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวนะครับ

“แก ฉันไม่ไหวแล้วอ่ะ หล่ออ่ะแก”

“ฉันรู้สึกเหมือนน้องลิ้มกำลังมองฉันอยู่เลย”

“เหมือนกันเลย  ฉันรู้สึกว่าน้องโจเค้ามองมาทางเราแหละแก”

เอิ่ม พี่ครับ ถ้ามันจะขนาดนั้นล่ะก็นะ

“วันนี้นักร้องนำของวงไม่อยู่ ผมก็เลยมารับหน้าที่เป็นนักร้องนำแทน  ผมโจครับ” ผมพูดแนะนำตัวออกไป แต่แค่พูดคำว่านักร้อง
นำของวงมันก็ทำให้ใจผมกระตุกนิดนึงล่ะ  แต่ผมจะมาเสียสมาธิกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดก็มาอีกตามเคยครับ

“แกๆ ฉันได้ข่าวมาว่าน้องโจกับน้องป๊อนซ์ที่เค้าเป็นนักร้องนำอ่ะแก  เค้าเป็นแฟนกันด้วย”

“จริงดิ”

“จริง  ฉันเห็นเค้ากินข้าวกันตอนเช้านะแก โคตรน่ารักเลย”

“อ๊ายยยยย  แกๆ พอก่อนๆ ฉันฟินจนไม่รู้จะฟินยังไงแล้วววว”

ผมทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่พวกพี่ๆผู้หญิงหน้าเวทีเค้าพูดกัน เพราะไม่แน่เรื่องที่เค้าพูดกันมันอาจจะกลายเป็นอดีตก็ได้

“ส่วนคนทางขวาของผมนี่ ลิ้ม มือกีต้าร์ครับ” ผมพูดแนะนำให้ไอ้ลิ้ม  ส่วนมันก็โซโล่กีต้าร์โชว์ไปนิดนึง เพิ่มความเท่ห์ให้กับตัวเอง

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด   น้องลิ้มของฉัน”

“ของฉันหรอก”

“ของฉันนนนนนนนน”

“โอเคเรามาแบ่งกันฉันวันคู่  แกวันคี่”

“โอเค” แล้ว 2 คนนั่นก็จับมือกันราวกับตกลงทำสัญญาข้ามชาติสำเร็จ

“ส่วนทางซ้ายของผมนี่ นายมือเบส” ผมพูดแนะนำให้ไอ้นาย ไอ้นายก็ตบเบสโชว์เรียกเสียงกรี๊ดทันที

“แก ฉันว่าน้องนายก็น่าสนนะ”

“เออใช่”

“จะเอาอ่าๆๆๆๆๆ”

เอิ่มมมม  ผมเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริงๆแล้วสิ

“คนสุดท้ายที่นั่งหล่ออยู่หลังกลอง ภูมิมือกลองครับ” ผมพูดจบไอ้ภูมิมันก็รัวกลองเรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูเช่นเดียวกับไอ้นายและ
ไอ้ลิ้ม

“เฮ้ยยยย แก น้องคนนี้ที่เค้าเพิ่งกลับมาจากบูดาเปสต์อ่ะ”

“ว๊ายยยยยย  หล่อแล้วยังเก่งอีกอ่ะแก”

“เด็กสมัยนี้ทำฉัน พัง อ๊ายยยยยยยยยยยย”

แล้วก็มีบทสนทนาอีกมากมายไม่เหมาะแก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทังนั้น

“เอาละครับ รู้จักกับพวกเรากันแล้ว เราก็มาสนุกไปด้วยกันเลยยยยย”  ผมตะโกนออกมาก่อนจะ เริ่มร้องเพลงตามที่นัดแนะกันไว้
อย่างสนุกสนาน  สิ่งต่างๆในวันนี้มันทำให้ผมลืมความเจ็บปวดไปได้บ้าง 

“เราก็มาถึงเพลงสุดท้ายกันแล้วนะครับ เพลงนี้จะเป็นเพลงช้าๆ ความหมายดีๆ มาช่วยกันร้องนะครับ” พูดจบผมก็เริ่มต้นร้องเพลง
ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที  ผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้อยู่บนเวทีเหมือนตอนในห้องซ้อม ผมก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่
เป็นแบบนั้น

ผ่านมาไม่เคยคิดพูดเลย

เธอก็รู้ ฉันแกล้งไม่รู้ที่เธอแอบมีใครๆ


ผมร้องออกมาในโทนเสียงผู้ชาย  โดยที่ตอนนี้ในใจผมเริ่มจะสั่นๆแล้ว ผมหวังว่าผมคงจะไม่ขายหน้ายืนร้องไห้บนเวทีหรอกนะ 
นี่ไอ้ป๊อนซ์มันจะรู้รึเปล่าว่ามันมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้

ก็ยังยอม  ทุ่มรักให้เธอไป

ได้แต่หวังว่ารักของฉันคงจะเปลี่ยนเธอสักวัน

แล้วนี่มันคืออะไร  ฉันทำไปแค่ไหน

แล้วเธอก็อย่างเดิม  แล้วเธอก็ยังมีใคร


พอมาถึงท่อนนี้ผมเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา  แต่ผมก็ยังสามารถที่จะเก็บอารมณ์ไว้ได้  แต่ก็รู้ตัวดีว่าคงจะเก็บได้อีกไม่นาน

นี่ฉันยังดีไม่พอ หรือเธอไม่พอสักที

ที่ฉันทำทุกๆอย่างเห็นใจกันบ้างมั้ย


ตอนนี้ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม  ผมไม่ปาดมันออก  ปล่อยให้มันไหลออกไปอย่างนั้น  แต่มันก็ยังดีนะที่ผมยัง
ควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สะอื้นได้

คนอื่นๆในวงเริ่มหันมองหน้ากันไปมา ผมเลยหันไปยิ้มให้ทั้งๆที่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด

ต้องให้ใจฉันทั้งโดนย่ำโดนเหยียบเพียงใด

เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนและกลับมารักแค่ฉันเพียงคน ฮึก เดียว ฮืออออ

ตอนนี้แม้แต่เสียงสะอื้นผมก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว  แต่ดนตรีก็ยังต้องเล่นไปเรื่อยๆ  และผมก็ต้องพยายามร้องให้จบเพลง

ฮึก มีรัก ฮึกก ก็อยากได้รักดี

แต่ถ้ารัก ฮึก ไม่ดีอย่างนี้ฉันเองก็ ฮึก คง ไม่ ฮีก ไหว


เสียงสะอื้นของผมเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มจะควบคุมไม่อยู่ 

“มึงไหวมั้ย” ไอ้ลิ้มเดินเข้ามาถามผม ผมก็พยักหน้าตอบกลับไปมันจึงกลับไปยืนที่ตำแหน่งเดิม แล้วมองผมอย่างเป็นห่วง

ยอมทุ่มเทรัก ฮึก แท้ให้เธอ ฮึก ไป

จนใจนี้มัน ฮึก เริ่ม ฮือออ ไม่เหลือให้รักตัวเองแล้วเธอ ฮือออ

แล้วนี่มันคือ ฮึก อะไร

ฮึก ฉันทำไปแค่ไหน ฮือออ ฮึก แล้วเธอก็อย่างเดิม  แล้วเธอก็ยังมี ฮึก ใคร


ตอนนี้เสียงโหวกเหวกโวยวาย เสียงกรี๊ดที่มีอยู่ตอนแรกเริ่มเงียบลง เหลือเฉพาะเสียงดนตรี เสียงเพลง และเสียงสะอื้นของผม

ผมพยายามจะมองไปที่คนดูที่อยู่ล่างเวที แต่ตอนนี้ตาของผมมันมีม่านน้ำตามาบังจนผมมองอะไรก็พร่าไปเสียหมด

นี่ ฮึก ฉันยัง ฮึก ดีไม่พอ หรือเธอ ฮึก ไม่พอสักที

ที่ฉันทำทุกๆอย่าง ฮึก  เห็น ฮือออ ใจกัน  ฮึก บ้างมั้ยย

ต้อง ฮือออ ให้ใจ ฮึก ฉัน ทั้งโดนย่ำ โดน ฮึก เหยียบเพียง ฮึก ใด ฮือออออ

เธอจึงคิดที่จะ ฮึก เปลี่ยน และ ฮึก ฮือออ  กลับมา ฮึก รักแค่ฉัน ฮึก เพียงคนเดียวว


ตอนนี้ก็มาถึงท่อนสุดท้ายของเพลงแล้ว  อีกแค่ท่อนเดียวผมต้องทำให้ได้ ทั้งๆที่จริงๆตอนนี้แค่จะพูดเฉยๆยังลำบากเลย แต่นี่ผม
ต้องร้องเพลงให้จบให้ได้

แล้วนี่มัน ฮึก คืออะไร  ฮือออ  ฉัน ฮึก ทำไปแค่ไหน อึก

แล้วเธอก็อย่างดิม  ฮืออออ  แล้ว ฮึก เธอ ฮือออ ก็ยัง ฮึก  มี  ฮือออ  ใคร ฮืออออ

ฮืออออออออ  ฮึกกกกกก  ฮือออออออ


ผมปล่อยโฮออกมาอย่างหนักจนร้องต่อไม่ไหว  ไอ้ลิ้มเลยเดินมายืนที่ตำแหน่งผมก่อนจะร้องเพลงในท่อนสุดท้ายแทนผม 

นี่ฉันยังดีไม่พอ หรือเธอไม่พอสักที

ที่ฉันทำทุกๆอย่างเห็นใจกันบ้างมั้ย

ต้องให้ใจฉันทั้งโดนย่ำโดนเหยียบเพียงใด

เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนและกลับมารักแค่ฉันเพียงคนเดียว


เพลงจบลงพร้อมกับเสียงตบมือดังกระหึ่ม  แต่ไม่มีเสียงกรี๊ดหรือเสียงตะโกนอะไรแต่อย่างใด 

ตอนนี้ผมยืนนิ่งอยู่บนเวทีทั้งๆที่เพลงมันก็จบไปแล้วแต่อารมณ์ของผมมันไม่ได้จบไปตามเพลง ผมยังคงยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้นไม่
ขยับเขยื้อนไปไหน จนตอนนี้ทั้งหอประชุมกลับมาเงียบอีกครั้ง

ในขณะที่ผมกำลังปิดหูปิดตายืนร้องไห้อยู่อย่างหนักนั้น ก็มีมือข้างหนึ่งดึงแขนผมเข้าไปหาตัวก่อนจะสวมกอดผมไว้จนแน่น
พร้อมกับพร่ำบอกคำๆหนึ่งอยู่ซ้ำๆ



“โจ  ป๊อนซ์ขอโทษ”



..............................TBC................................



เย๊!!!!!!!!!!    :laugh:

มาอีกตอนแล้วววววว  แต่งค่อนข้างยากอ่ะ แบบว่าไม่ค่อยถนัดดราม่าเท่าไหร่

ขอบคุณสำหรับทุกเม้นต์นะคะ *คำนับ*   :pig4:

มีกำลังใจแต่งขึ้นมาเยอะเลย  :o8:

โมเม้นต์แถมจ้าาาาาา

เมื่อวาน ป๊อนซ์เดินนำหน้าโจตอนเปลี่ยนคาบเรียน (โรงเรียนคนเขียนต้องเดินเปลี่ยนคาบน่ะ ^^)

แล้วก็มีน้องผู้หญิงคนนึงที่เข้ามาเกี่ยวแขนป๊อนซ์ไปควง

แล้วเพื่อนนางก็บอกพูดว่า "แกทำอะไรอ่ะ เกรงใจคนข้างหลังบ้างเหอะ"  แล้วคนที่ยืนกันอยู่ตรงนั้นก็หันไปมองโจกันเกือบหมดทุกคน

แล้วน้องโจก็เขิน ยืนยิ้มๆ


ฟินเว่อร์ ~

อีกอย่างตอนนี้น้องเค้ากำลังเรี่ยไรเงินค่าฟุตซอลประเพณีอยู่ (ลงแข่งด้วยยย)  คนเขียนเสียไปเยอะเลยล่ะค่ะ 555

อย่าลืมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  กราบงามๆ ขอบคุณค่ะ

 :bye2:


ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ้ากกกกกกก  ทำไมป๊อนซ์ทำกับโจอย่างงี้ล่ะ พลัสเป็นใครแล้วน้องโจฉันเป็นเพื่อนแกเหรอป๊อนซ์ เดี๊ยวๆจะโดนมิใช่น้อย
สงสารน้องโจมากเลยอ่า อ่านไปเศร้าไปเลย เซงป๊อนซ์จริงจังทำไมทำอะไรไม่คิดถึงใจโจบ้าง โอ๊ย อยากจะเป็นลม สงสารน้องไม่ไหวทนละ แกก็รีบอธิบายเลยนะป๊อนซ์ ไม่งั้นจะเชียร์โจกับคนอื่นซะเลย เชอะๆ ปลอบโจเร็วๆเลยยยยย
ปล.โมเม้นท์น่ารักมากเลยค่ะ อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ่อยๆน้า เค้าจะรออออออออออ เขิน>\\\<

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
โจ อย่าไปยอม คืนดีง่ายๆ บอกคนอื่นได้ว่าเป็นเมีย
แต่กับคนนี้บอก เพื่อน ถ้าไม่มีไรไหมพูดแบบนี้
เลิกไปเลย คนแบบนี้  :m16:

คนโง่

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษคำเดียวมันพอสำหรับหัวใจที่เจ็บไหมฮะ!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
มาต่อเลยนะเทออออออออออออออออออออ   :z3:
อย่าไปยกโทษมานนนน กร๊ากกกกกกกกกก แบบว่าแอบหมันไส้เหอะ  :z6:
 :m15:  อินเบาๆ 

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
อยากอยู่โรงเรียนเดียวกับคนเขียน

หนูอย่างฟินนนนน บ้างงงงงงงงง
แอร๊ยยยยยยยย :impress2: :impress2:

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
เคลียร์ด่วนนนนนนน มันยังไง ไม่งั้น ตาย ไอป๊อนซ์

Aini_es

  • บุคคลทั่วไป
ป๊อนซ์กลับมาเคลียร์ด่วนๆ เลย สงสัยโจมากๆๆ

นักเขียนสู้ๆ นะคะ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
มันเป็นรูปที่แบบว่าฟินมากกกก 

แต่คนเขียนขอร้องจากใจเลยนะ

ห้ามเผยแพร่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

คนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับคนเขียน ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้นะคะ


คนเขียนขอเบลอหน้านะ  แต่เอาจริงๆอ่ะ เข้ามองตากันอยู่แหละ 

ฟินจนลอยได้  :-[  :o8:  :impress2:

ส่วนนิยายอีกประมาณวันสองวันนะคะ   o18

[attachment deleted by admin]

PoMArmKuB

  • บุคคลทั่วไป
ฮาาาาาา ชอบๆ มาต่อไวๆนะครับ

อ้ายหมี :)

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 7
[/b]





[Pontz x Joe]





[Pontz]






“ถึงซะที เมื่อยจะตายอยู่แล้วววว!!!!!!!!!!!!!”  ผมตะโกนสุดเสียงทันทีที่กระโดดลงจากรถของโรงเรียน  นี่ผมนั่งรถมาวันกว่าๆแล้วนะ ผมรู้สึกเหมือนก้นมันหายไปยังไงก็ไม่รู้  -0-

“มึงทำอะไรของมึงวะ” เสียงไอ้ไปป์ทักขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าผมกำลังเอามือจับๆดูที่ก้นของตัวเอง

“ก็กูรู้สึกเหมือนก้นตัวเองหายไปว่ะ” ผมพูดตอบไอ้ไปป์พร้อมกับเอามือจับๆที่ก้นไปด้วย

“ประสาท” ไอ้ไปป์ทำหน้าเอือมๆก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ผมกังวลกับก้นตัวเองอยู่คนเดียว

แล้วผมก็เดินตามไอ้ไปป์ไปที่หอพักที่เค้าจัดไว้รับรองนักกีฬาจากต่างโรงเรียน  มันก็คล้ายๆกับที่หอผมนะแต่แค่ที่นี่มันสบายกว่า  เตียงใหญ่กว่า  ห้องน้ำกว้างกว่าก็แค่นั้นเอ๊งงงงง  ไม่มีอะไรน่าอิจฉาเลยสักนิดเดียว TT

“โอ๊ยยย!!!!” ชิบแล้วครับ  ผมเดินชนใครเข้าล่ะเนี่ย   ผมรีบยื่นแขนไปรับร่างนั้นก่อนที่จะทิ้งพื้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น 

เอ๊ะ  นี่มันหอพักผู้ชายนี่หว่าแล้วนี่ผู้หญิงขึ้นมาได้ไงเนี่ย  แต่เอ๊ะ....

เฮ้ยยยยย  เชี่ยยยยยย   ผู้ชายนี่หว่า  ทำไมหน้าตาน่ารักแบบนี้วะ

ผมมองไปที่หน้าของร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของผมตอนนี้  คนหน้าหวานหลับตาปี๋ พร้อมกับเม้มปากจนแน่น  เหมือนกับกำลังรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง

“เอ่อ...”  ผมควรจะเรียกเค้าว่าอะไรดีล่ะ 

“...”  ร่างนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละนิดก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อระลึกได้ว่าเค้ากำลังอยู่ในอ้อมกอดของผม

“เอ่อ  ขอโทษครับ” ใบหน้าหวานนั้นขึ้นสีเล็กน้อยพร้อมกับคำขอโทษที่ออกมาจากปาก โอ๊ยยยยย  น่ารักอ่ะ ><////

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบกลับไป แต่ร่างบางตรงหน้าก็ยังคงก้มหน้ามุดพื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมอยู่ดี

“เอ่อ แล้วนี่ ม. ไหนล่ะเรา” ผมถามไป แต่มองจากขนากตัวแล้วก็น่าจะ ไม่เกิน ม.3 ชัวร์ และนั่นก็แสดงว่าเค้าเป็นรุ่นน้องผมยังไง
ล่ะ

“ม.3 ครับ”  แม่นอย่างกับไม้ทิ่ม  ว่าแล้วว่าต้องเด็กกว่า 

“ชื่ออะไรอ่ะ  พี่ชื่อป๊อนซ์นะครับ” ผมถามชื่อของน้องเค้าออกไปเพราะจะได้เรียกถูก

“ชื่อพลัสเตอร์ครับ  เรียกสั้นๆว่าพลัสก็ได้” น้องเค้า  เอ่อ  น้องพลัสเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของผม  แต่เมื่อเงยขึ้นมาแล้วสบตา
กับผม พลัสก็รีบก้มมองพื้นอีกครั้ง

“ที่พื้นมันมีอะไรน่าสนใจนักเหรอครับ” ผมลองแกล้งแหย่น้องเค้าเล่นๆ

“เอ่อ...” ร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเริ่มมีใบหน้าที่ขึ้นสีมาอีกรอบ  โอ๊ยยยย  น่าฟัด  แต่เอ๊ะ  ไอ้โจล่ะ  ตายห่า  นี่ผมกำลังนอกใจ
โจรึไงนะ  ไม่ได้ๆ  ผมต้องรักโจคนเดียวเท่านั้น

“เชี่ยป๊อนซ์หาอยู่ตั้งนาน  โอ๊ะ โอ....” เสียงของไอ้ไบท์ เพื่อนในทีมบาสของผมดังขึ้น

“หึ” ไปป์ส่งเสียงในลำคอเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ยิ้มอะไรของพวกมึง” ผมหันไปถามทั้งสองคนที่ตอนนี้กำลังยิ้มและมองมาที่ผมด้วยสายตาที่โคตรจะน่าขนลุก

“เอ่อ พลัสไปก่อนนะครับ” น้องพลัสเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินก้มหน้างุดๆออกไป

“ครับ” ผมรับคำ ก่อนจะโบกมือให้นิดหน่อย

“เอาละเว้ย  สนุกละงานนี้” ไอ้ไบท์พูดประโยคที่เข้าใจยากออกมาอีกครั้ง

“หึ” ส่วนเหี้ยไปป์ก็เหมือนเดิมครับ หึ สั้นๆ ที่ทำเอาผมงงแตก  นี่พวกมึงช่วยพูดอะไรที่มนุษย์ปกติเค้าจะเข้าใจกันหน่อยได้มั้ย

“อะไรของพวกมึงวะเนี่ย”

“ชอบอ่ะดิ” ไอ้ไบท์ถามขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม  อ๋อ อย่างนี้นี่เอง

“ก็น่ารักดี  หรือมึงไม่ว่างั้น” ผมตอบพลางถามไอ้ไบท์กลับ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่งงว่ามึงเปลี่ยนสไตล์แล้วเหรอวะ”

“หืมมม” ผมงงกับคำพูดของไบท์อีกครั้ง

“ก็กูนึกว่ามึงชอบแบบนิ่งๆแต่แอบขี้อ้อนแอบมีมุมน่ารักนิดๆอะไรแบบนี้ซะอีก” ไอ้ไบท์เริ่มกล่าวพาดพิงถึงบุคคลที่สาม

“โจอ่ะนะ” ผมถามมันออกไป

“ก็ อืม  ประมาณนั้น”

“กูไม่ได้ชอบโจ”

“อ้าววว” ไอ้ไบท์ส่งเสียงที่แสดงถึงความแปลกใจออกมา  แม้กระทั่งไอ้ไปป์ยังแสดงสีหน้าสงสัยออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“แต่กูรักเลยต่างหากล่ะ” ผมพูดพร้อมกับนึกถึงหน้าหวานๆของโจ  โอ๊ยย  น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

“โอ๊ยยย  กูตกใจหมด”ไอไบท์พูดพร้อมกับเอามือทาบอก

“แต่มึงก็ต้องเข้าใจว่ากูก็ต้องมีหลงใหล  เผลอไผลไปกับสิ่งที่มันสวยงาม อะไรงี้บ้าง  แต่สุดท้ายกูก็รักเดียวใจเดียวนะเว้ย” ผมพูดบอกกับเพื่อนทั้งสองคน  เอาจริงๆนะ  ตอนเห็นน้องพลัสตอนแรกนี่คือแบบว่าใช่เลยอ่ะ  ว่าโจหน้าหวานแล้วนะ  แต่น้องพลัสหน้าหวานกว่าโจอีก ส่วนผิวก็โจขาวกกว่านะ  แต่น้องเค้าตัวเล็กกว่าโจอ่ะ   โอ๊ยยยย  น่ารักทั้งสองคนนั่นแหละ  แต่แบบว่าผมก็รักแค่คนเดียวอ่ะนะ และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร  มันก็ต้องเป็น ไอ้ดื้อ ของผมอยู่แล้ว

“เออๆ ช่างมึงเหอะ  ไปซ้อมกันดีกว่า” ไอ้ไปป์ที่ยืนเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมา  เราทั้งสามคนเลยไปเปลี่ยนเป็นชุดบาสก่อนจะลงซ้อมในสนาม  ซ้อมหนักมากกกกก  และก็ต้องซ้อมทุกวันด้วย

ถึงผมจะซ้อมหนักยังไงแต่ผมก็จะต้องปลีกตัวออกมาโทรหาสุดรัก สุดดวงใจของผมเสมอ แทบจะชั่วโมงละครั้งเลยก็เป็นได้  อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยชอบโทรหามันบ่อยๆหรอก  ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงหรอกนะ  แต่เวลาโทรไปผมจะสัมผัสได้ถึงความเหงาของมันที่ส่งผ่านเสียงมา  และนั่นมันก็ทำให้ผมคิดจะบินกลับไปหาโจวันละหลายครั้งเลยทีเดียว






วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่   ซ้อมหนักเป็นบ้าเลย  แต่ยังดีนะที่โค้ชให้มาพักได้ 15 นาที ผมก็ไม่ชักช้ารับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโจทันที  ผมก็คุยเรื่องทั่วไปอ่ะนะ ประมาณว่า ทำไรอยู่  กินข้าวยัง  อยู่กับใคร อะไรประมาณนี้แหละ  พอคุยเสร็จผมก็นั่งหลับตาแล้วก้มลงพร้อมกับเอามือนวดคอตัวเองเบาๆเพื่อเป็นการผ่อนคลาย

“เอ่อ ขอโทษนะครับ” มีเสียงหวานเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นในขณะที่ผมกำลังนวดคอตัวเองอยู่

ผมจึงลืมตาพร้อมกับเงยหน้ามองที่มาของเสียงนั้น

“อ้าว  น้องพลัส” นึกว่าใครที่แท้ก็น้องพลัสนี่เอง

“เอ่อ ครับ คือว่าผมเอาน้ำมาให้น่ะครับ” เอ๋  ให้ผมเนี่ยนะผมมองขวดน้ำในมือของน้องพลัส  มันเป็นขวดใสๆลายหมีพูห์  ฮ่าๆๆๆ 
น่ารักเชียวล่ะ   ว่าแต่น้องเค้าจะเอามาให้ทำไมอีกล่ะเนี่ย  ในเมื่อมันก็มีฝ่ายสวัสดิการที่เอาน้ำมาให้เป็นกระติกใหญ่ๆอยู่แล้ว

“ให้พี่ทำไมละครับ” ผมลองถามน้องพลัสกลับไป  แล้วก็เป็นไปตามคาดครับ  หน้าน้องพลัสเริ่มที่จะแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง   อย่า
มาน่ารักแถวนี้นะเด็กน้อย

“ก็ เอ่อ...คือ.....” น้องพลัสดูอ้ำๆอึ้งๆ เหมือนไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“ฮ่าๆๆ ช่างเหอะ มานั่งนี่ก็ได้ ยืนอยู่นานแล้วนะ ไม่เมื่อยเหรอ” ผมชวนให้น้องพลัสนั่งลงข้างๆผม

“เอ่อ ครับ” แล้วน้องพลัสก็นั่งลงข้างๆผม  ก่อนที่ผมจะเริ่มชวนน้องเค้าคุยไปเรื่อยๆ  น้องเค้าเป็นคนช่างพูดนะ แต่แค่ว่าผมต้องเป็นคนเริ่มพูดก่อน แค่นั้นเอง 




แล้วหลังจากวันนั้นน้องเค้าก็จะมานั่งคุยกับผมเวลาผมได้พักจากการซ้อมทุกวัน  จนในบางครั้งผมก็แอบรู้สึกหวั่นไหวไปกับความน่ารักแบบใสๆของน้องพลัสนะ

ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆไป  ถ้าวันไหนผมไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้า หรือ ไม่ได้ทักทายน้องพลัสแล้วผมจะหงุดหงิด
หรือบางทีก็ถึงขั้นเสียสมาธิในการเล่นบาสไปเลย  เฮ้อออออ  นี่ผมถลำลงลึกเกินไปแล้วรึเปล่านะ





วันนี้ก็วันที่สี่แล้วสินะที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมซ้อมเหนื่อยมากจนบางครั้งก็ไม่ค่อยได้โทรหาโจ  แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะโทรกำชับพีเจว่าให้ดูแลโจแทนผมให้ดีๆด้วย

เออ พูดถึงโจแล้วก็คิดถึงโทรหาหน่อยดีกว่า  ผมก้มลงหยิบไอโฟนสีดำขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์โจแล้วยกขึ้นมาแนบที่หู

(ตื้ดดดดด  ตื้ดดดดดด    มีไร)  อื้อหือรับได้ห้วนมากที่รัก

“อุตส่าห์ ขออนุญาตออกมาโทร ไม่คิดจะพูดดีๆหน่อยรึไง” ผมแกล้งทำเสียงเป็นงอนๆใส่มันกลับไป

(ขอโทษค้าบบบ  แล้วตกลงโทรมามีอะไรรึเปล่า)  แล้วไอ้น้ำเสียงน้อยใจที่ผมทำไปมันก็ได้ผล เมื่อโจตอบกลับผมมาแบบเพราะ 
จนผิดปกติ ราวกับประชด??

“ก็ไม่มีไร  แค่คิดถึงน่ะ” หยอดไปหนึ่งดอก ผมมั่นใจว่ามันต้องเขินจนแล้วทำเป็นด่าผมกลบเกลื่อนแน่นอน

(อืมม) เฮ้ยยยยยย  ผิดแผน ทำไมเสียงมันเป็นแบบนี้อีกแล้ว  น้ำเสียงเหงาๆของมันที่ทำให้ใจผมสั่น  มันมาอีกแล้ว

“เป็นอะไรรึเปล่าดื้อ ทำไมเสียงดูเศร้าๆวะ” ผมลองถามมันไปดูว่ามันจะตอบกลับมาว่ายังไง

(ก็เปล่า)  แล้วก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้ครับ  เฮ้ออออ  ไม่ได้การแล้ว ผมต้องคุยกับไอ้พีเจหน่อยแล้ว

“เรียกพีเจมาคุยกะกูหน่อยดิ”

(เออ) เสียงห้วนๆของโจ ทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันกำลังงอนอยู่  ตลอดอ่ะ  ชอบงอนอะไรแบบนี้ตลอด  ถ้าอยู่ใกล้ๆนี่พ่อจับจูบเลยนะ
(พูดเหมือนกล้า)

(ไอ้พีเจ!!!!!!!!!!!) โอ๊ยยยยยยยยยย  เสียงมันเสียดแทงรูหูผมมาก  จะดังไปไหนวะนั่น เดี๋ยวคอก็แตกหรอก  เฮ้อ  ชอบทำให้
คนอื่นเป็นห่วงตลอดอ่ะ

(เออว่าไงไอ้ป๊อนซ์) ไอ้พีเจตอบกลับมาด้วยเสียงที่หงุดหงิดนิดหน่อย  ส่วนต้นเหตุก็น่าจะมาจากไอ้ดื้อของผมนั่นแหละครับ

“โจเป็นอะไรรึเปล่ามึง” ผมถามถึงโจด้วยความเป็นห่วง

(กูไม่รู้)  พีเจตอบกลับมาด้วยเสียงที่เป็นปกติแล้ว

“นี่มึงได้อยู่กับมันเหมือนที่กูกำชับไว้รึเปล่าเนี่ย” ผมถามมันออกไปเพราะแม่งพีเจดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย
(เหี้ยยยย  กูก็อยู่กะมันนี่แหละ)

“โจกินข้าวเยอะมั้ย  นอนดึกรึเปล่า แล้วมึงดูแลมันแทนกูได้ใช่มั้ย” ผมถามออกไปยาวมากกกกก

(เอออ กูดูแลแม่งอย่างดีอ่ะ) ไอ้พีเจ ตอบกลับมาแบบปัดๆ  แม่งมึงไม่มีสิทธิ์รำคาญกูนะเว้ยยยย  กูห่วงเมียกูนี่ผิดมากรึไงวะ

“แต่กูว่าโจดูเสียงซึมๆอ่ะ” ผมถามในสิ่งที่ผมกำลังสงสัยอยู่อีกอย่างหนึ่ง

(เออ มันก็เงียบผิดปกติอ่ะ) ว่าแล้วววว   โอ๊ยยยย  อยากเจอหน้าอ่ะ

“เออ กูเป็นห่วงมันอ่ะ มันคงไม่เป็นไรหรอกนะ”  ผมถามย้ำอีกทีด้วยความเป็นห่วง

(ไม่รู้ว่ะ ว่าแต่มึงเหอะไปโน่นกูได้ข่าวมาว่าโคตรป๊อปเลยไม่ใช่เหรอ) ข่าวไวเหลือเกินนะ  รู้เลยว่าใครแม่งบอก  ไอ้ไบท์ชัวร์
เพราะไอ้ไปป์ไม่น่าจะเอาเรื่องของผมไปกระจายต่อแบบนี้

“ก็มีบ้างเหอะ  แต่แม่งกูเจอคนนึงโคตรน่ารักเลย  ชื่อน้องพลัสเว้ย  น่ารักเหี้ยๆอ่ะ”  แล้วผมก็พูดถึงน้องพลัสให้ไอ้พีเจฟัง

(ฮ่าๆๆๆ  อย่าให้เมียมึงรู้แล้วกัน) อื้อหือ  ลืมไปเลยว่ากูมีเมีย  เสียวสันหลังวาบเลย

(ไอ้พีเจเอามือถือกูมา) เอาแล้วครับ พายุกำลังจะมาชัวร์เลย

(เออป๊อนซ์ คุยกะเมียมึงต่อนะ ท่าทางจะยาว โชคดีนะมึง) ไอ้พีเจอวยพรให้ผมก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้โจ

(ป๊อนซ์) เอาละเว้ย  เสียงอย่างดุเลยครับ

“ครับ” พูดเพราะไว้ มีชัยไปกว่าครึ่งครับ??

(กูคิดถึงมึงอ่ะ) โอ๊ะ  ผิดคาดเว้ยเฮ้ย มาซะหวานเลยโจ ถ้าอยู่ใกล้ๆนี่มึงโดนจับกดไปแล้วนะเนี่ย     กล้าเหรอ??

“ฮ่าๆๆๆ  คิดถึงดื้อเหมือนกันครับ” ผมเลยบอกคิดถึงมันกลับไปเหมือนกัน  โอ๊ะ โอ นั่นมันน้องพลัสนี่  มาได้เวลาเชียวนะพลัส

(นี่มึงแอบซ่อนกิ๊กไว้แถวโน้นบ้างยัง)  อะไรมันจะแม่น  ตรงกับสถานการณ์ขนาดนั้นวะเนี่ย

“บ้า  ไม่มี  ป๊อนซ์ก็มีดื้อคนเดียวอ่ะ” ผมตอบกลับ แต่พอหันไปมองที่น้องพลัส น้องเค้าก็กำลังโบกมือมาให้ผมอยู่เลยครับ   

(อย่ามาพูดเพราะกลบเกลื่อนนะ)  โจพูดราวกับรู้ทัน

“กูก็มีมึงคนเดียวนั่นแหละ  ต้องการแบบนี้ใช่ป่ะ”  ขอกวนตีนมึงหน่อยเหอะ ผมพูดตอบกลับไอ้โจพลางโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มไปให้น้องพลัส

(เออ อย่าให้รู้แล้วกัน)  จะพยายามไม่ให้รู้แล้วกันนะจ๊ะ  ไม่รู้สิ จะว่าไปผมก็รู้สึกผิดนะ เพราะที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้มันเหมือนกับ
ว่าผมเป็นคนเจ้าชู้  ทั้งๆที่จริงแล้ว  มันไม่ใช่เลย  แต่ไม่รู้สิผมก็รู้สึกดีกับน้องพลัสด้วย  จะให้ผมทำไงอ่ะ

“ครับๆ” ผมตอบรับคำของโจ 

“ไอ้ป๊อนซ์มาซ้อมโว๊ยยยยยยยยยยยย” เสียงไบท์ตะโกนมาจากกลางสนาม

(เค้าเรียกมึงไปซ้อมแล้วเหรอ) โจถามผมด้วยน้ำเสีนงหงอยๆ  อย่าทำเสียงแบบนั้นนะเดี๋ยวกูอดใจไม่ไหว

“อืมม ใช่  กูต้องไปแล้วนะดื้อ” ทั้งๆที่ไม่อยากจะวาง  แต่ผมก็ต้องไปซ้อม แล้วก็ไปคุยกับน้องพลัส  เอ๊ะ???

(อืมม) เสียงหงอยๆของโจดังมาตามสายอีกครั้ง

“รักดื้อนะ”ผมบอกรักโจก่อนวางสายแบบนี้ทุกครั้ง

(อืมมม รักมึงเหมือนกัน) โจพูดเสียงค่อยๆก่อนจะกดตัดสายไป

เฮ้ออออ  คิดไปคิดมาก็อยากกลับโรงเรียนแล้วว่ะ  แต่พอเงยหน้าขึ้นเท่านั้นแหละ 

น่าร้ากกกกกกกกกก   วันนี้น้องพลัสมาในชุดเสื้อยืดลายหมีพูห์สีชมพู กับกางเกงขาสั้นประมาณเข่าสีดำ   กรี๊ดดดดดดดด  น่ารักอ่ะ (นี่กูจิตไปมั้ยว่ะ??)

“หวัดดีครับพี่ป๊อนซ์” น้องพลัสเดินมานั่งข้างๆผมพร้อมกับกล่าวทักทาย

“ไอ้เชี่ยป๊อนซ์มาซ้อมได้แล้วเหอะ” เสียงไอ้ไบท์ดังขึ้นอีกครั้ง

“เออ แปปนึง” ผมตะโกนกลับไป

“ว่าไงวันนี้เอาน้ำมาให้พี่อีกแล้วเหรอ” ผมพูดหยอกๆน้องพลัส  ทำให้น้องเขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมด และนี่ก็เป็นอีกการกระทำ
หนึ่งของน้องพลัสที่สามารถทำให้ผมหลงได้

“เอ่อ ครับ..” พลัสพูดตอบพร้อมกับก้มหน้าลง

“เอ่อ พี่ป๊อนซ์ครับ” น้องพลัสเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่มั่นใจ

“ครับ??” ผมขานรับก่อนจะยกน้ำที่น้องเอามาให้ขึ้นดื่ม

“เมื่อกี๊พี่ป๊อนซ์คุยกับใครเหรอครับ”

พรวดดดด!!!!!!!  น้ำที่กำลังจะผ่านคอหอยลงไป ย้อนพุ่งกลับออกมาด้านนอกอีกครั้ง

อื้อหือ แล้วนี่จะมาถามอะไรตอนกูกินน้ำล่ะเนี่ย





“เอ่อ คือ....”  เอาไงดีวะ  จะบอกว่าไงดีวะ  ถ้าบอกว่าแฟนนี่น้องเค้าก็คงจะออกห่างผมไปเลยซึ่งผมก็ไม่ต้องการแบบนั้น


“.....” สีหน้าของพลัสดูคาดหวังมากจนทำให้ผมต้องตอบไปว่า








“อ๋อ     เพื่อนน่ะครับ”


...........................TBC........................................

จ๊ะเอ๋  มาอัพอีกแล้วค่าาาาา  แต่คราวนี้เป็นพาร์ทของป๊อนซ์เมะของเรากันบ้าง 

มันอาจจะสั้นไปหน่อยนะ  ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เพราะคนเขียนแต่งไปแล้วพอกลับมาอ่านก็รู้สึกเกลียดป๊อนซ์ขึ้นมา???

เลยขอหยุดแต่งก่อน   เดี๋ยวถ้าหายเฟลแล้วจะแต่งต่อทันทีเลยค่ะ

โมเม้นต์แถมจ้าาาาาาาาา   คราวนี้มี 2 โมเม้นต์เลย ชดเชยกับที่เรื่องมันสั้นแล้วกันนะ


อันแรก.....

ป๊อนซ์เป็นคนกลัวหนูมากกกกก  แล้วตอนแรกเตียงนอนของป๊อนซ์กับโจจะอยู่ห่างกันประมาณ 2 เตียง  แต่พอป๊อนซ์ได้ข่าวว่ามีหนูมาวนเวียนใต้เตียงนางบ่อยๆ  นางก็เลยย้ายเตียงเลย  แลวบังเอิญว่ามันเข้าไปใกล้เตียงป๊อนซ์มากขึ้นกว่าเดิมอีก 
(ป๊อนซ์มีการเอาเยลลี่มาวางล่อหนูให้ออกมาด้วย คิดได้ไง) #หรือนี่จะเป็นแผนการในการเข้าใกล้โจ  กร๊ากกกก ฟินนนน
 o22

อันที่สอง.....

โจเป็นคนที่ขี้เกียจตื่นนอนมาก  เวลาคนเขียนเดินผ่านห้องที่นางเรียนอยู่คนเขียนเห็นนางตื่นอยู่แค่ไม่กี่ครั้งเอง แล้วก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่าตอนเช้าๆ ป๊อนซ์จะเดินไปปลุกโจที่เตียงแล้วไปอาบน้ำพร้อมกัน(ห้องน้ำเป็นห้องๆนะ) แต่บางครั้งโจก็จะขี้เกียจมากถึงขนาดบีบยาสีฟันใส่แปรงแล้วเดินกลับมานอนต่อพร้อมกับแปรงฟันไปด้วย #น่ารักเชียววววว   :o8:


สุดท้ายก็ขอแถมรูปอีกรูปแล้วกันเนาะ  :impress2:





[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2013 23:15:34 โดย katiezz »

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
อยากฆ่าไอป๊อนซ์ ซ่ะ อ๊ากกกกกกก ค้างๆๆๆๆๆ เศร้าๆๆแบปลกๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Aini_es

  • บุคคลทั่วไป
ป๊อนซ์ใจร้ายมาก โจต้องงอนนานๆ เลยนะ

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ป๊อนซ์ ทำร้ายใจอ่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ป๊อนซ์แมร่งนิสัย  :z3: :z3: :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แวะมาเตือนเรื่องชื่อนิยายคะ
คำว่า "มึง" น่าจะเปลี่ยนนะเป็น "นาย" "คุณ"
ระวัง Mod บอร์ดมาอุ้มน่า

ว่าแล้วก็ขอแว่บไปอ่านก่อน  :o8:

230

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ทำไมป๊อนทำอย่างนี้ล่ะ ต้องโดน :z6: :z6: :z6:
 :o12:ให้โจรู้ไปเลย นิสัยไม่ดี! :beat: :beat:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
เสียใจว่ะ ไอ้ป๊อนเหี้ยมาก เลวทรามต่ำช้ามาก สัดมาก ชั่วช้ามาก พูดได้คำเดียวว่าเสียความรู้สึกมาก รู้สึกผิดหวังแทนโจเลย ที่ไอ้เชี้ยป๊อนยังโกรธเลยที่มีคนมาจีบโจ แต่นี้อะไรตัวเองกับทำกับปอโดยการนอกใจไปหาเขาถึงที่โดยอ้างว่าติดธุระสำคัญโดยไปหาพลัส  ถึงมันจะเสียโจไปมันคงไม่เสียใจหรอกแถมมันยังแคร์พลัสมากกว่าความรู้สึกโจอีก พูดได้คำเดียวว่าเสียใจมากขั้นทรมารใจกันเลย อยากให้โจได้เจอคนใหม่ที่จริงใจกลัวนี้ ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ค่อยพยุงความรักให้ดำเนินต่อไปได้ แต่นี้ไอ้เหี้ยป๊อนกับทำหลายมันซ้ำยังย่ำยีหัวใจโจอีก ความเชื้อใจ ไหว้ใจคงเหลือน้อยมาก ความหวาดระแวงจะเข้ามาแทนที่แทน เป็นกำลังใจให้โจหายเจ็บปวดไวๆลืมป๊อนไปได้ยิ่งดี ให้มันไปหารักแรกพบกับไอ้พลัสนั้นซะ  ได้โปรดเถอะคนแต่งคนอ่านคนนี้ขอร้องละครับ ขนาดผมเป็นคนอ่านยังทรมารใจเลย แล้วโจละจะขนาดไหน

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ป๊อนเลวอ่ะทำแบบนี้ โจเลิกรักไปเถอะ

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
ป๊อนซ์นิสัยแย่มาก แค่เพื่อน ถ้ายังไม่คิดจะหยุด
ก็อย่ามายุ่งกับโจ บอกกับคนที่มาชอบมาแฟนคือเพื่อนแย่มาก

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คนแต่ง สู้ สู้  :a2:
เผลอไม่ได้ แอบนอกใจซะงั้น
นิสัยๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด