ตอนที่ 5
[Pontz x Joe][Joe]บรรยากาศในรถตอนนี้แม่งคุกรุ่นสุดๆ ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวป๊อนซ์(เว่อร์เกิ๊นนน) ผมต้องทำอะไรสักอย่างที่มันจะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นหน่อย
“ป๊อนซ์”
“.....” อย่าเงียบดิ กูกลัวนะเว้ยยยยย
“ป๊อนซ์” เอาวะ อีกสักที
“......” โอ๊ยยยยยยย ยังเงียบอีก นี่ผมสังสัยมากเลยนะเว้ยว่ามันโกรธอะไรผมนักหนา
“......” เหอะ กูไม่เรียกแล้วแม่งเล่นตัวชิบ!!!
“เงียบได้สักที” เหี้ยยย ทีอย่างนี้แล้วเสือกเปิดปากขึ้นมาได้นะสัด
“กูจะพูดหรือกูจะเงียบก็เรื่องของกู มึงเสือกอะไรด้วย” ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆอ่ะ มันเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ อยู่ๆก็ลากผมออกมาจากโรงเรียนเฉยเลย มันเห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย อยากจะพาไปไหนก็ลากขึ้นรถไปเลย กูไม่ได้ง่ายนะเว้ยยย(เหรอ??)
“เออ เรื่องของมึงแต่กูรำคาญ”
“ป๊อนซ์!!!!!!”
“เออ กูชื่อป๊อนซ์มึงจะเรียกทำไมนักหนาวะ” เชี่ยป๊อนซ์มึงพูดกับกูแบบนี้ได้ไงวะ
“เออแม่ง สันติ” กูไม่เรียกชื่อมึงแล้วก็ได้
“พ่อมึงดิ” ป๊อนซ์ดูฉุนๆขึ้นมาทันที สมควร เหอะ เสือกว่ากูนัก
“พ่อมึงไม่ใช่เหรอ” ฮ่าๆๆๆ ได้เอาคืนนิดๆหน่อยอย่างนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดนึงแล้วละครับ
“เชี่ยโจ มึงแม่งหลายเรื่องแล้วนะ เตรียมตัวรับศึกหนักไว้ได้เลย” ขู่กูเหรอ ไอ้ชั่วววว
“ไม่ต้องมาขู่กูเลยสัด แม่ง เชี่ยยยยยยย @#$%#%$%%^^@#$@##” และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“เงียบสักทีโจ ถ้าอยากส่งเสียงมากนัก กูว่ามึงเก็บเสียงไว้ครางดีกว่านะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ พ่องมึง
สิ!!!!!!
“ไอ้ ไอ้.... ไอ้....” เชี่ยมึงพูดอะไรออกมาวะเชี่ยป๊อนซ์ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเลือดเกือบทั้งหมดของตัวไหลไปรวมกันอยู่ที่หน้า
หมดแล้ววววว
“ไอ้อะไรจ๊ะ” มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะป๊อนซ์ เมื่อกี๊มึงยังโกรธกูอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้มันกลายเป็นงี้วะ
“แม่ง...” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วล่ะครับ เงียบซะดีกว่า
“หึหึ” หัวเราะๆ ชอบนักนะ ทำให้กูเขินเนี่ยยย
“ลงดิ” ไอ้ป๊อนซ์ไล่ผมลงจากรถเมื่อรถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่
“เออ เร่งเหลือเกิน” ผมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋านักเรียนก่อนจะ วางกระเป๋าไว้ด้านหลังแล้วหันไปเปิดประตูรถ
“ตอนนี้กูเร่งแต่ ตอนนั้น มึงอาจจะเร่งกูก็ได้” -0- เอิ่มมมม.....
“เชี่ยยยยยยยยยยยยย” ผมหันไปด่ามันก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินเข้าบ้านไปทันที
“อ้าวลูกโจ” คุณหญิงแม่ไอ้ป๊อนซ์ตะโกนเรียกผมจนเสียงดังก้องไปทั่ว
“สวัสดีครับแม่” ผมพูดทักทายก่อนจะเดินอ้าแขนเข้าไปหา แล้วสวมกอดจนแน่น
“อ้อนแม่แบบนี้ทะเลาะอะไรกับป๊อนซ์มารึเปล่าลูก” แม่อย่าจี้จุดผมสิ ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ ที่แม่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าทั้งพ่อทั้งแม่ของป๊อนซ์ท่านรู้เรื่องของผมกับป๊อนซ์แล้ว และท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ท่านบอกว่าดีเสียอีกป๊อนซ์จะได้ไม่ต้องทำใคร
ท้องก่อนเรียนจบ -.-
“อื้อออ” ผมพยักหน้ารับทั้งๆที่หน้ายังซบอยู่บนไหล่ของคุณแม่
“เฮ้ออออ จริงๆเลยลูกคนนี้นี่ แน่ะ พูดถึงก็มาพอดีเลย” แม่พูดพร้อมกับการมาของชายชั่วอย่างป๊อนซ์ ผมไม่ยอมปล่อยแม่เลย
ครับ แถมยังซุกหน้าลงไปมากกว่าเดิมอีก
“โจ ขึ้นไปข้างบนกับกู” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาดึงแขนผมออกจากตัวแม่
“อื้ออออ” ผมยื้อแขนไว้อย่างสุดแรง
“โจอย่าดื้อดิ” ป๊อนซ์พยายามแกะผมออกจากตัวแม่ โดยใช่กำลังที่มากขึ้นกว่าเดิม
“อื้ออออออออ” ผมยังยื้อแขนไว้พร้อมกับเกาะแม่ไว้แน่นกว่าเดิม
“เอ่อ ลูกโจขึ้นไปพูดกับตาป๊อนซ์ให้รู้เรื่องดีกว่ามั้ยลูก” แม่พูดแล้วค่อยๆดันผมออกจากตัว
“แม่อ่ะ” ผมปล่อยมือออกจากแม่ก่อนจะทำหน้างอนๆใส่
“ม๊า เดี๋ยวป๊อนซ์ลงมากินข้าวเย็นเอง ไม่ต้องให้คนขึ้นไปตามนะ” ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะหันไปพูดกับแม่
“อ่าๆ เคลียร์กันดีๆนะลูก” แม่ป๊อนซ์พูดก่อนจะเดินออกไป แม่อ่ะ ทิ้งผมไว้กับตัวอันตรายอย่างไอ้นี่ได้ไงอ่ะ
“ดื้อนักนะมึง” มันก้มหน้าลงมาพูดที่ใกล้ๆหูผม ก่อนจะซุกหน้าลงไปที่ต้นคอ เอาหน้าออกไปเลยนะป๊อนซ์ กูสยิวชิบหายยยยยย
“เอ่อออ ปะ ป๊อนซ์ มึงจะแบบว่า...” แล้วกูจะติดอ่างทำไมวะเนี่ย
“ว่าอะไร หืม” ป๊อนซ์พูดเบาราวกับเสียงกระซิบที่ข้างหูของผมพร้อมกับซุกหน้าลงไปที่คอของผมอีกครั้ง แต่มันต่างกันตรงที่
คราวนี้ ป๊อนซ์ใช้ริมฝีปากบรรจงขบเม้มลงเบาๆ ที่บริเวณต้นคอลามไปจนถึงไหล่ของผม มันทำให้ผมแข้งขาอ่อนลงเสียง่ายๆ
“อะ เอ่ออ ป๊อนซ์ เดี๋ยวมีคนเห็นนะ” ผมพยายามพูดเรียกสติของป๊อนซ์ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนได้ผมเสียตรงที่ห้องโถงนี้ ==’
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้ป๊อนซ์ ถ้าจะเอากันก็ขึ้นไปข้างบนเหอะ อย่ามาเล่นหนังสดแถวนี้” แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งลอยมาเรียกสติผมจน
กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
“อะไรวะป๊า” ป๊อนซ์ละริมฝีปากออกจากคอของผมก่อนจะให้ไปตอบทางต้นเสียง
“เอ่อ สวัสดีครับพ่อ” ผมหันไปกล่าวคำทักทายกับคนที่เพิ่งจะเข้ามาเรียกสติและช่วยชีวิตผมให้รอดพ้นจากเงื้อมือของไอ้หื่นด้านหลัง ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมคงจะแดงมาก โอ๊ยยย อายเว้ยยยยย
“หวัดดี นี่มึงอายกูเหรอลูกสะใภ้” เอ่อ พ่อครับ ช่วยอ้อมๆหน่อยก็ได้นะครับ
“พอเลยป๊า ไปหาเมียตัวเองเหอะอย่ามายุ่งกะเมียผมเลย” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหันตัวผมให้หันหน้าเข้าหามันแล้วเอามือกดหัว
ผมลงไปหาอกของมัน โอ๊ยยยยย ปวดหัวกับพ่อลูกคู่นี้จริงๆเลย
“กล้าพูดนะมึง มึงได้เค้าแล้วเหรอ มึงถึงเรียกเค้าว่าเมียอ่ะ” พ่ออย่าพูดงั้นดิ เดี๋ยวมันก็คึกขึ้นมาจริงๆแล้วผมไม่ซวยเหรอ
อออ???
“ไม่ต้องท้าหรอกป๊า” เยี่ยมป๊อนซ์ น่ารักที่สุดเลยยยยย
“เพราะว่าผมกำลังจะขึ้นไปเอามันอยู่นี่ไง” มันพูดพร้อมกับอุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน
“ฮ่าๆๆๆๆ ให้มันได้ยังงี้สิ ถึงจะสมกับที่เป็นลูกกูหน่อย ส่วนมึงลูกสะใภ้ เตรียมใจไว้หน่อยนะ ไอ้ป๊อนซ์น่ะมันอึดได้พ่อ” พ่อไอ้
ป๊อนซ์ตะโกนบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปหาแม่ในครัว
“หึหึ”
“หัวเราะเหี้ยไรป๊อนซ์ ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้เลยนะสัด” ผมพูดพร้อมดิ้นไปมาอย่างแรง
“มึงอยากตกลงไปตายใช่มั้ยโจ” ป๊อนซ์พูดเสียงเข้มขู่ผม ผมทำไงได้ละครับ ก็นิ่งไปตามระเบียบ ไม่งั้นคงได้ตกลงไปตายซะ
ก่อน
ปั่ก!!!!!!!
โอ๊ย แม่ง ถ้ามึงจะทุ่มกูลงเตียงแรงซะขนาดนี้นะ ถนอมกูบ้างเหอะ
“เหี้ย!!!!!” ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“เก็บปากไว้ให้กูจูบเหอะ” อั๊ยย๊ะ ถ้ามึงจะหื่นได้ขนาดนี้ แม่งนี่มันไม่ช่ป๊อนซ์อ่ะ เอาป๊อนซ์คนเดิมของกูคืนมา
“ป๊อนซ์ มึงอย่าลืมนะว่าพรุ่งนี้มึงต้องกลับไปแข่งบาสอีกอ่ะ” ผมพูดเตือนสติมัน ในขณะที่ตอนนี้มันกำลังวุ่นวายกับการถอดเสื้อมัน
ออกอยู่ อย่าถอดป๊อนซ์!!!!!!!!!
“เออ กูจำได้ กูจะกลับเย็นนี้ด้วย” อ้าวกลับเย็นนี้เหรอ นึกว่าจะกลับพรุ่งนี้ซะอีก
ฟึ่บ!!! คุณพระ ถ้าหุ่นมึงจะดีขนาดนี้ ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับที่ผมจะตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะว่าตั้งแต่คบกันมาผมยังไม่เคยเห็น
หนังกำพร้าใต้ร่มผ้ามันเลย อย่างมากก็เห็นแค่ตอนมันใส่เสื้อกล้ามหรือไม่ก็เสื้อบาสแค่นั้น แต่นี่มันกำลังเปลือยท่อนบนต่อหน้า
ผมในขณะที่ผมกำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง มันช่างเป็นฉากที่ดูหวาบหวิวพิลึก
“ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะ” แบบนั้น?? นี่กูกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่วะ
“หือออ???”
“ก็ตอนนี้มึงกำลังทำหน้าแบบเนี่ย” ป๊อนซ์พูดแล้วขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม พร้อมกับทำแก้มป่องๆ โอ๊ยหน้ามันตอนนี้เหมือน
ปลาทองมากกกก น่ารักเชียวววว
“กูทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นจริงเหรอ อุ๊บส์” ชิบหาย หลุดแล้วโจ มึงพูดอะไรออกไปน่ะ
“มึงพูดว่าอะไรนะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับ่อยๆคลานขึ้นมาบนเตียงช้าๆ
“ก็ ก็ เอ่อ.....” ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือถอยออกห่างมันให้ได้มากที่สุด
“มึงรู้มั้ย???”
“????”
“มึงพูดได้น่าเอามาก” เฮ้ยยยยยย ป๊อนซ์ มึงหื่นมาจากไหนวะเนี่ยยยยยย แถมตอนนี้ผมก็ถอยไปไหนไม่ได้แล้วด้วยเพราะผม
ถอยจนมาติดกับหัวเตียงแล้ววววววว อย่าเข้ามานะ
“..........” คิดสิโจ คิด มึงต้องมีทางรอดสักทางนึงแหละ
แต่ในระหว่างที่ผมพยายามเค้นหัว แล้วคิดหาทางรอดอยู่นั้น ไอ้ป๊อนซ์ก็ค่อยๆโน้มหน้าลงมาหาผมจนตอนนี้ หน้าเราห่างกันเพียง
แค่ไม่กี่เซนแล้ว
“กูรักมึงนะโจ” อย่ามาพูดตอนนี้ได้มั้ยยยยยย
“เอ่ออ....” เอาไงล่ะทีนี้ดูท่าว่าจะไม่รอดแน่ๆ
แล้วมันก็เป็นไปตามที่ผมคาดนั่นแหละครับ ป๊อนซ์ค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนปากผมอย่างช้าๆ มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความ
อ่อนโยนที่ส่งผ่านมาทางสัมผัสนี้ได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ อืมมมมมมม” ผมเริ่มจะส่งเสียงทักท้วงในลำคอเมื่อป๊อนซ์พยายามจะส่งลิ้นร้อนเข้ามารุกล้ำในปากของผม
“อืมมมมมมมม” แต่แล้วความพยายามของป๊อนซ์ก็เป็นผลสำเร็จเมื่อป๊อนซ์สามารถที่จะส่งลิ้นนั้นเข้ามาควานหาความหวานใน
ปากของผมได้ การกระทำของป๊อนซ์ครั้งนี้ทำให้ในหัวของผมขาวโพลนไปหมด ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะละลายด้วยจูบนี้เพียง
จูบเดียว
“อื้ออออออออ” ผมส่งเสียงออกมาอีกครั้งเนื่องจาก จูบนี้มันอ่อยอิ่งและเนิ่นนานจนผมเกือบจะหมดอากาศหายใจอยู่แล้ว
หลังจากที่ป๊อนซ์ผละออกผมก็รีบโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดทันที แม่งนี่มันต้องให้ผมขาดอากาศหายใจก่อนใช่มั้ย ถึงจะยอมถอนจูบอ่ะ
ป๊อนซ์เลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่พลางส่งยิ้มกวนๆมาให้ผมและนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมหน้าร้อนยิ่งไปกว่าเดิม
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปากมึงจะหวานได้ขนาดนี้”
“หยุดพูดเลยนะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปปิดปากมันไว้
-จุ๊บ-
มันจูบฝ่ามือของผมที่ปิดปากของมันอยู่เบาๆ แม่งไม่ไหวแล้วนะป๊อนซ์ มึงกำลังจะทำให้กูเขินตายยยยยย
“เอ่ออออ มึงจะทำอะไรกูอีกมั้ย”
“อยากให้กูทำอะไรอีกมั้ยล่ะ หืมม” ป๊อนซ์ถามกลับมา แล้วมึงจะให้กูตอบว่าอะไรวะ
“เอ่อออ คือ.....” ผมมองหน้ามันอย่างกลัวๆก่อนจะหลบตาแล้วมองหาจุดโฟกัสอื่นที่ไม่ใช่ไอ้หล่อที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้
“หึหึ กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว” เฮ้ออ โล่งงงงง
แต่จู่ๆป๊อนซ์ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆผม ป๊อนซ์มึงจะไม่รักษาสัญญาเหรอ
“เอ่ออ ไหนมึงบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง” ผมถามมันอย่างหวาดๆ
“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่อยากนอนเฉยๆอ่ะ” มันพูดพร้อมหลับตาลง ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะแต่ผมรู้สึกว่ามันดูเหนื่อยๆยัง
ไงก็ไม่รู้
“เอ่อ ป๊อนซ์”
“หืมม????”
“มึงใส่เสื้อก่อนดีมั้ย” ผมถามมันออกไปเพราะว่าตอนนี้มันก็ยังคงเปลือยหนังกำพร้าในร่มผ้าต่อหน้าผมอยู่ แต่ในห้องดันเปิดแอร์ซะหนาวจนจะเลี้ยงเพนกวินได้อยู่แล้ว
“ทำไมอ่ะ” มันถามทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
“ก็กูกลัวมึงจะหนาวอ่ะ”
“มึงกลัวกูหนาวเหรอ” คราวนี้มันถามผมกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองหน้าผม
“อืมมมม”
“งั้นกูขอกอดมึงแล้วกันนะ กูจะได้ไม่หนาว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับนอนตะแคงแล้วเอามือมาดึงผมเข้าไปกอด แถมยังเอาหน้าซุกลง
กับคอด้านหลังผมอีกด้วย
“ป๊อนซ์”
“หื้มมมมม?????” น้ำเสียงมันเริ่มจะแฝงความรำคาญเอาไว้นิดๆ
“กูนอนหันหน้าเข้าหามึงได้มั้ย”
“?????” ป๊อนซ์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะสายตาสงสัยมาให้
“ก็กูอยากกอดมึงด้วยอ่ะ” เหอะๆๆ ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ
“หึๆ ได้ดิ” ป๊อนซ์พูดแล้วพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าไปหามันก่อนจะดันหน้าผมให้ซุกอยู่กับอกแกร่ง ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะแข็งแรง
และอบอุ่นกว่าทุกๆครั้ง
“อยากฟังเพลงมั้ย เดี๋ยวกูร้องให้ฟัง” ป๊อนซ์ถามในขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังกอดผมอยู่ ส่วนอีกข้างกำลังลูบหัวของผมเล่นอย่าง
เบามือ
“อืมมม” ผมตอบอู้อี้เพราะตอนนี้หน้ากำลังซุกอยู่กับอกของป๊อนซ์
เธอเชื่อไหมความรักเหมือนทำให้เราหลับตา
ปล่อยหัวใจช้าๆ ล่องลอยข้ามคืนแห่งฝัน
เสียงนุ่มๆของป๊อนซ์ดังขึ้นเหมือนเป็นการขับกล่อม
หมอกดูคล้อยลอยผ่านใจดวงนี้ก็มีแต่เธอทั้งนั้น
ทุกๆคำรำพันเอ่ยผ่านใจ
ป๊อนซ์ค่อยๆกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยแต่มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกอบอุ่นและ
ปลอดภัยขึ้นไปอีก
ให้เธอรู้ ให้เธอรู้
อยากให้เธอรู้ คือความรัก
จะกอดเธอไปจนเช้าแสงดาวกระทบที่ข้างฉัน
ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน
ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน
จะกอดเธอไปอย่างนี้
ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้
จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี
ก็ยังรักเธอเหลือเกิน
ต่อไปจากนี้ทุกคืนที่เธอตื่นมา
จะมีมือฉันคนนี้นั่งกุมหัวใจเอาไว้
ไกลสุดฟ้าแสนไกล ใจดวงนี้ก็จะไม่ลอยไปไหน
ขอให้เธอเชื่อใจฉัน
มาถึงท่อนนี้ป๊อนซ์ก้มลงมาจูบที่หน้าผมอย่างแผ่วเบาราวกับจะเป็นการย้ำประโยคที่เพิ่งจะร้องไปเมื่อกี๊
ให้เธอรู้ ให้เธอรู้
อยากให้เธอรู้ คือความรัก
จะกอดเธอไปจนเช้าแสงดาวกระทบที่ข้างฉัน
ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน
ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน
จะกอดเธออยู่อย่างนี้
ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้
จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี
ก็ยังรักเธอเหลือเกิน
“กูรักมึงโจ” เพลงจบลงตามด้วยคำพูดที่ทำให้แทบจะละลาย
“อืมมม” ผมขานตอบเบาๆ
“ป๊อนซ์รักดื้อนะครับ” ป๊อนซ์พูดย้ำอีกครั้ง โดยใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม
“อืมมมมมมม” คราวนี้ผมทั้งขานรับทั้งพยักหน้ารับไปพร้อมๆกัน
ผมนอนนิ่งๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะได้ยินแสงหายใจอย่างสม่ำเสมอของป๊อนซ์ และนั่นก็แสดงให้เห็นว่ามันหลับสนิทไปแล้ว
-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-
เป็นไงละครับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ไอ้ป๊อนซ์ แม่งโคตรเข้ากับหน้ามันเลย
ผมกลัวว่าเสียงเรียกเข้านี้จะทำให้ป๊อนซ์ตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ยังนอนได้ไม่เต็มที่ ผมเลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ในมาแล้วกะว่าจะรับ
สายแทน
แต่......
ชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอนั้น แทบทำให้โทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือของผม
-Pontz’s Plus-
ผมไม่รู้หรอกนะว่า คนที่ชื่อพลัสเค้าเป็นใคร แต่ผมรู้เพียงแค่ว่า เค้าก็เป็นของป๊อนซ์เหมือนกัน...................................TBC.............................................
ต้องกราบขออภัยเป็นอย่าสูงที่มาอัพช้ามากกกก
คือว่า คนเขียนเจอเรื่องเฟลๆเยอะมาก มันเลยตันแล้วแต่งไม่ได้
แต่แล้วน้องป๊อนซ์กับน้องโจก็ทำให้คนเขียนกลับมาฟินนาเล่ได้อีกครั้ง
คนเขียนเลยแต่งซะเลย
วันนี้คนเขียนเห็นน้องเค้าสอบเคมี แล้วมันต้องนั่งโต๊ะสอบเป็นคู่ แล้วน้องป๊อนซ์กับน้องโจก็นั่งด้วยกัน
หลังจากสอบเสร็จเพื่อนป๊อนซ์ก็ถามป๊อนซ์ว่า
"เห็นทำเสร็จตั้งนานแล้ว ทำไมออกช้าจังวะ"
แล้วป๊อนซ์ก็ตอบไปว่า
"กูให้โจลอกอยู๋" ป๊าดดดดดดดด มันช่างเป็นอะไรที่โคตรฟินนาเล่เลยว่ามั้ย
เดี๋ยววันหลังจะมาอัพโมเม้นต์ของเค้าให้ฟังกันอีกนะค่ะ
อย่าลืมเม้นให้กำลังใจด้วยล่ะ