เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 1
(จ่ายดอกเบี้ยด้วยน้อง)
หนี้สองร้อยบาทถูกบันทึกลงที่หน้าโน้ตในมือถือของพายแถมเจ้าตัวยังแคปหน้าจอพร้อมเอาตั้งเป็นรูปหน้าจอมือถืออีกต่างหาก ย้ำเตือนความจำว่าต้องคืนเงินคนที่ชื่อต้นน้ำแต่สุดท้ายจนผ่านมาแล้วอีกหนึ่งสัปดาห์เขาก็ยังไม่ได้โทรหาอีกฝ่ายเพื่อคืนเงินสักที
ดวงตากลมโตของพายเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือกระดานสีขาวภายในห้องเรียน จ้องมองเข็มยาวที่ขยับไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เสียงของอาจารย์ตรงด้านหน้าแทบไม่ได้เข้าโสตประสาทเลยสักนิดแม้ว่าระดับเสียงของคนสอนจะไม่ได้เป็นโทนเดียวก็เถอะ
17.30
เข็มยาวชี้เลขหกและมันก็ถึงเวลาเลิกคลาสแล้วแต่คนสอนคนสวยหน้าห้องยังคงพูดต่อเหมือนกับว่านี่ยังเหลือเวลาอีกมากมาย
“วันนี้ขออาจารย์ต่ออีกนิดหนึ่งเนอะ อีกสามหน้าสไลด์ก็จะจบบทพอดี”
คำพูดนั่นทำเอาพายอยากร้องไห้ สามหน้าสไลด์นี่มันฟังดูน้อยก็จริงแต่การฟังบรรยายนั่นต่างหากที่ทำให้ยาวนาน เขาหิวข้าวเย็นแล้วและวันนี้ไม่ได้พกอะไรใส่กระเป๋ามากินรองท้อง มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเศร้าใจจริงๆนะ เจ้าของใบหน้าหล่อน่ารักแบบพายถึงกับยอมฟุบลงกับโต๊ะ
อาจารย์อาจไม่เห็นว่าน้ำตาท่วมใจเขาแล้ว
“น้อง เป็นอะไร” แมนเอ่ยถามพลางหมุนควงปากกาในมือไปด้วย
“หิวข้าว ร่างกายต้องการอาหาร”
“ทนไว้ อีกแป๊บเดียวคงเลิกแล้วแหละ”
“แป๊บที่ยาวนานเป็นปีรึเปล่าวะแมน”
พายบ่นงึมงำก่อนจะเอาแก้มแนบไปกับโต๊ะเลคเชอร์ สายตาเลื่อนลอยแถมใบหน้ายังยับยู่ยี่ไปหมดเล่นเอาคนมองอย่างแมนต้องเอาปากกาเคาะที่หน้าผากอีกคน อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออกเพราะกลัวทำเสียงดังแล้วจะถูกเรียกไปที่หน้าห้อง
“เออ แมนมึงรู้จักคนชื่อต้นน้ำปะวะ”
“ถามกว้างมาก มึงคิดว่าบนโลกใบนี้มีคนชื่อต้นน้ำคนเดียวเหรอไง”
“แต่เขาอยู่มหาลัยเดียวกันกับมึงแล้วก็กูนะ”
แมนแทบจะกลอกตาเป็นเลขแปดไทยให้กับคนถาม ต่อให้ชื่อต้นน้ำจะโหลเท่าชื่อของเขาแต่ก็ใช่ว่าจะตามหากันได้ง่ายๆหรือเปล่าล่ะ แล้วคนทั้งมหาวิทยาลัยนี่มีแค่ยี่สิบคนมั้ง
“ทั้งมหาลัยมีเป็นพันๆคน กูจะไปรู้เหรอครับน้อง”
“ไหนว่าเป็นประธานรุ่นแล้วรู้จักคนเยอะแยะไง ใช้ไม่ได้เลย”
พายเบะปากใส่ก่อนจะขยับปากมุบมิบเหมือนบ่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยส่วนคนที่ถูกว่าอย่างแมนทำได้แค่ถอนหายใจทิ้ง เขาจะคิดซะว่าพายกำลังหิวข้าวมากเลยทำให้อีกฝ่ายพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็แล้วกัน
เวลาจากห้าโมงครึ่งในตอนนั้นจนตอนนี้หกโมงห้านาทีอาจารย์สาวสวยข้างหน้าก็บอกเลิกคลาสและนั่นทำให้นักศึกษายี่สิบกว่าคนแปรสภาพจากผักค้างตลาดมาเป็นท่าทางสดใสทันทีและแน่นอนว่าถูกคนสอนพูดแขวะเข้าให้ซึ่งเด็กตาดำๆในห้องก็ไม่สะท้านหรอก
“แมนนน ช่วยพายด้วย ลุกไม่ไหวหิวข้าวมาก หมดแรงแล้ว”
เจ้าคนที่มีความสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ดแต่ผอมนั่นเอาแต่พูดคร่ำครวญแถมยังทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ใส่เพื่อนข้างกายอีกต่างหากจนแมนต้องยกมือขึ้นยีผมอีกคนก่อนจะดึงมือให้ลุกขึ้นจากโต๊ะเรียน
“ไส้กูต้องขาดเป็นสิบท่อนแล้วแน่ๆเลยอ่ะ จารย์’ใจร้ายมาก กูจะไปร้องเรียน”
“มึงจะไปร้องเรียนอธิการ?”
“ร้องเรียนแม่ซื้อกูเอง”
เอาเหอะ--แมนคิด
“วันนี้ไปกินแค่หน้ามอนะเดี๋ยวต้องกลับมาประชุมต่อ” แมนพูดขึ้น
“โอเค งั้นไปร้านตามสั่งร้านเดิมเนอะ”
“แล้วแต่มึงเลยน้อง”
พายพยักหน้ารับทันทีก่อนจะเลิกทำตัวอ่อนปวกเปียกแล้วสาวเท้าตรงไปยังหน้าห้องที่มีกันต์ยืนอยู่ซึ่งสาเหตุที่กันต์อยู่หน้าห้องก็เพราะว่าเมื่อบ่ายเจ้าตัวเข้าห้องมาช้าเลยทำให้ต้องกลายไปเป็นเด็กหน้าห้องไปโดยปริยาย
“ไปร้านตามสั่งหน้ามอนะ” พายพูด
“เค มึงเดินไปก่อนเลยเดี๋ยวกูแวะไปเอาของก่อน”
“ได้จ้า”
มนุษย์พายว่าอย่างนั้นแล้วเดินนำลิ่วๆแบบที่ไม่ได้หันไปสนใจเพื่อนอีกหนึ่งคนอย่างแมนเลยสักนิด อีกฝ่ายแทบจะเดินตัวลอยไปที่ร้านข้าวส่วนทั้งแมนทั้งกันต์ได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัวนิดๆ พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามีเพื่อนหรือมีน้องชายเพิ่ม
ช่วงเวลาหกโมงกว่าบริเวณหน้ามหาลัยนั้นเต็มไปด้วยนักศึกษาจากหลายๆคณะและแน่นอนว่าร้านอาหารที่เรียงรายเป็นแถบนั่นก็แทบไม่มีที่นั่งแต่ถึงอย่างนั้นแล้วมนุษย์พายก็โชคดีที่เจ้าตัวเดินมาทันโต๊ะตัวสุดท้ายพอดิบพอดี
“ข้าวผัดต้มยำครับ” พายพูด
“ราดหน้าหมูครับ แล้วก็น้ำเปล่ากับน้ำแข็งเปล่าสาม” แมนพูด
พนักงานชาวประเทศเพื่อนบ้านนั้นพูดทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะหายไปที่ด้านหลังร้านโยที่พายเอาแต่นั่งเท้าคางเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกของร้านส่วนแมนก็ก้มหน้าเล่นเกมในมือถือ
“มึงว่ากูโทรหาคนที่ชื่อต้นน้ำตอนนี้เลยดีไหม”
“โทรดิ จริงๆมึงควรโทรตั้งแต่วันจันทร์แล้วไหม มึงเป็นหนี้เขานะ”
“โถ่ ก็แค่สองร้อยปะวะ โทรวันไหนก็เหมือนกัน”
“เออๆ ก็แล้วแต่มึง”
แมนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะสมาธิจดจ่ออยู่กับเกมในขณะที่พายเองก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนหารายชื่อที่เขาเมมไว้แต่ก่อนจะได้กดโทรออกเสียงคนพูดคุยเสียงดังที่ประตูทางเข้าหน้าร้านก็เรียกให้เขาละสายตาออกจากจอมือถือขึ้นมาดูและพายก็พบว่าเขาเจอคนที่ต้องการจะหาแล้ว
“มึง” พายทำตาโตก่อนจะพูดกับแมน
“อะไร”
“กูเจอคนที่ชื่อต้นน้ำแล้ว เขาใส่ช็อปด้วยอะ”
พายเอานิ้วจิ้มที่แขนเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามจนอีกฝ่ายต้องยอมหยุดเกมแล้วเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าพายที่ดูตกตะลึงก่อนจะหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่าย
“พาย นั่นพี่ในคณะไงนั่นประธานรุ่นปีสาม มึงจำหน้าเขาไม่ได้เหรอวะ”
“อ้าวเหรอ กูก็ว่าทำไมคุ้นๆ”
“น้องงงงง มึงต้องจูนสตินะ”
“โหย พี่ในคณะมีตั้งหลายคนใครจะไปจำได้ว่ะถึงจะเป็นประธานรุ่นก็เหอะ”
“กูจะบ้าตาย”
“มึงก็รู้จักนี่ ทำไมตอนนั้นถามแล้วไม่ตอบล่ะ”
“เออออ ความผิดกูเองแหละจ้า โอเคนะ”
คนถูกเพื่อนประชดได้ทำปากขมุบขมิบส่วนแมนเองก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะนั่งจ้องหน้าเพื่อนตัวเองซึ่งปฏิกิริยาที่ได้นั้นคือการที่ดวงตากลมโตเหมือนแมวมองตามร่างสูงของรุ่นพี่ร่วมคณะถึงจะนั่งกันคนละด้านก็พอจะเดาน่ะนะ
“จะลุกก็ลุกไป มึงติดเงินเขานะพาย”
“ดุเป็นพ่อไปได้ แค่ติดเงินไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย”
พายลุกขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับใบหน้าหงุดหงิดในขณะที่แมนหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองตามเจ้าคนตัวผอมไปหยุดยืนที่โต๊ะของรุ่นพี่ร่วมคณะที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าร้าน น่าเสียดายที่ส่งผู้คนในร้านค่อนข้างดังเขาเลยไม่ได้ยินว่าเพื่อนของตัวเองพูดอะไรอยู่
“พี่ต้นน้ำครับ” พายพูดพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าจากหงุดหงิดเป็นปกติ
“ว่าไง”
“ผมเอาเงินมาคืนครับ”
มือขาวยื่นแบงก์ร้อยสองใบไปตรงหน้า ดวงตากลมโตจ้องมองนิ่งๆส่วนคนที่เป็นเจ้าหนี้อย่างต้นน้ำก็ยังคงสีหน้านิ่งเฉยแต่คิ้วข้างหนึ่งกับเลิกขึ้นมา
“คืนช้าแบบนี้ต้องคิดดอกเบี้ยแล้วมั้ง”
“พี่ครับ”
ถึงจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ในใจกลับมีไฟลุกโชน พายคิดว่ารุ่นพี่ตรงหน้าช่างเป็นคนที่ขี้งกซะจริงถึงจะมาคืนช้าก็ใช่ว่าจะมาคิดดอกเบี้ยกันรึเปล่าวะ
“ด่าพี่อยู่ในใจเหรอไง”
เชี่ย รู้ได้ไงว่ะ--พายทำตาโตใส่
“นี่ไม่รู้ตัวเหรอไงว่าสีหน้าตัวเองเปลี่ยนตามที่คิดน่ะ”
“ผมขอโทษ แต่ช่วยรับเงินนี้ไปด้วยนะครับ”
พายเม้มปากตัวเองจนเป็นเส้นตรงส่วนรุ่นพี่ตรงหน้าก็เอาแต่เก๊กหน้านิ่งโดยที่คนรอบข้างพี่เขากลับเอาแต่คุยเล่นกันเสียงดังโดยที่ไม่ได้สนใจเพื่อนตัวเองเลยที่กำลังข่มขวัญรุ่นน้องเลยสักนิด
“เออ แล้วเลิกทำหน้าเหมือนแมวโหยหาปลาทูได้แล้ว”
ต้นน้ำรับเงินมาก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนตัวเองส่วนพายที่ทำภารกิจคืนเงินเสร็จแล้วก็ถอนหายใจทิ้งซะเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เขาคิดว่าหลังจากนี้คงไม่ต้องมีเรื่องอะไรที่ต้องข้องเกี่ยวกับรุ่นพี่คนนั้นแล้ว พูดก็พูดเถอะเขารู้สึกว่ารุ่นพี่นั่นไม่ได้น่าคบหาเลยสักนิด
“เป็นไงบ้างน้อง”
“ก็ดี คืนเงินแล้ว กินข้าวดีกว่า”
แล้วข้าวมื้อเย็นค่อนไปทางดึกก็เริ่มดำเนินไปซึ่งเป็นเวลาเดียวที่กันต์เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้าน พวกเขาสามคนพูดคุยถึงเรื่องเกมและเรื่องอื่นๆแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเรียน พายดูอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้กินข้าว เจ้าตัวเริ่มแจกจ่ายรอยยิ้มให้กับเพื่อนตัวเอง เพื่อนเล่นมุกหรือเล่าเรื่องตลกก็หัวเราะเสียจนคนต้องแกล้งเล่าเรื่องให้หัวเราะมากกว่าเดิม
ครืด ครืดด
หน้าจอของกันต์สว่างวาบขึ้นมาในตอนนี้กำลังเคลียร์เงินค่าข้าวกันอยู่ เขาเหลือบตามองแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วนิดๆเพราะคนที่ทักข้อความเข้ามาก็คือพี่รหัสเขาเองซึ่งเป็นบุคคลที่กันต์แทบไม่ค่อยได้คุยเพราะอีกฝ่ายดูเป็นมนุษย์ที่ยุ่งตลอดเวลา บางทีพิมพ์ไปหาก็อาจจะได้รับการตอบรับกลับมาในอีกสองวันถัดไป
Tonnam บอกเพื่อนมึงที่ชื่อพายว่าหัดเช็กข้อความบ้าง
ทันทีที่อ่านข้อความจบเขาถึงกับขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม สองคนนี้ไปรู้จักกันตอนไหนวะแต่ถึงอย่างนั้นก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่าได้ครับ
ระหว่างทางที่เดินกลับเข้าไปในมหาลัยกันต์ก็หันไปจ้องหน้าพายที่กำลังหัวเราะอย่างหนักหน่วงกับมุกตลกกะโหลกกะลาของแมนจนคนถูกจ้องหยุดขำแล้วหันมามองด้วยสีหน้างงๆ
“มองหน้ากูแบบนี้ มึงกำลังหลงเสน่ห์กูเหรอกันต์” พายยิ้มหวานแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เล่นด้วย
“มึงรู้จักกับพี่รหัสกูได้ไง”
“พี่รหัส?”
“พี่ต้นน้ำ”
“ก็ไอ้พายมันไปติดเงินคนนั้นไง ที่มันเล่าให้ฟัง” แมนพูดแทรกโดยที่พายพยักหน้ารับ
“อ๋อ โคตรบังเอิญเลย”
“บังเอิญไม่เท่าไหร่ แม่งเสือกจำไม่ได้ว่าเป็นพี่ในคณะ เด๋อไม่ปรึกษาใคร”
“เอออ แซะกูจังนะแมนชาติที่แล้วมึงเกิดเป็นส้อมพรวนดินเหรอ”
“เดี๋ยวมึงจะโดนนะน้องพาย”
“กลัวตายล่ะ”
พูดจบก็รีบวิ่งหนีขายาวๆของแมนไปตลอดทางจนกระทั่งถึงห้องสโมฯของคณะที่มีเพื่อนร่วมรุ่นนั่งอยู่เพื่อรอประชุมเรื่องการพาน้องเข้าห้องเชียร์และรวมถึงการจัดแสตนเชียร์อีกด้วย
“พาย” กันต์พูดขึ้น
“ว่า”
“พี่ต้นน้ำฝากกูมาบอกมึงว่าหัดเช็กข้อความบ้าง” พูดไปก็มองสีหน้าอีกคนไปด้วยซึ่งสิ่งที่เห็นคือใบหน้างงๆ “ไม่ต้องถามอะไรกู เพราะกูก็งงเหมือนกัน”
“อะไรกันอะ ก็คืนเงินไปแล้วนี่ ทำตัวเหมือนกูไปติดเงินเขาสักล้านหนึ่งว่ะ”
นั่นแหละบ่นไปตามเรื่องตามราวก่อนที่จะล้วงเอามือถือขึ้นมากดเช็กข้อความตามที่อดีตเจ้าหนี้บอกกล่าวผ่านเพื่อนมาอีกทีโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเลยว่ากันต์กับแมนกำลังปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนตัวเองกับรุ่นพี่ร่วมคณะอยู่ใกล้ๆ
“มึงคิดเหมือนกูปะวะแมน”
“คิด แต่ยังไม่ปักใจร้อยเปอร์ พี่มันอาจจะหาเรื่องแกล้งไอ้พายก็ได้ หน้าตามันน่าแกล้งให้ร้องไห้แล้วกอดปลอบจะตายไปถึงตัวจะสูงก็เถอะ”
“เออก็จริง”
“ของแบบนี้ต้องรอดูกันยาวๆ”
ทั้งสองคนปรึกษากันเสร็จก็เป็นแมนก็ลุกจากที่นั่งเดินไปด้านหน้าห้องเพื่อเริ่มประชุมงานที่ต้องแจกจ่ายให้เพื่อนทำ เสียงคนในห้องเริ่มดังกว่าเดิมเมื่อปรึกษาหารือกันถึงเรื่องงานแต่ยกเว้นพายไว้คนที่เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้ากดมือถือด้วยท่าทางเชื่องช้า
Piepiepie พี่มีอะไรรึป่าว
Tonnam ไม่มีพี่จะบอกผ่านกันต์ให้น้องเช็กข้อความเหรอครับ
Piepiepie พี่ให้ผมเช็กแต่พี่ส่งมาแค่สติกเกอร์โง่ๆมาอันเดียวเนี้ยนะ
Tonnam น้องพายมีปัญหาหรอคับ
Piepiepie ผมไม่กล้ามีปัญหากับพี่หรอก แต่ถ้าพี่ไม่มีอะไรผมไปประชุมงานกับเพื่อนแล้วนะ
Tonnam เชิญ
Piepiepie *สติกเกอร์ อืม...จ้ะ
Tonnam *สติกเกอร์ สนุกจังเลย
พายกดปิดล็อกหน้าจอด้วยความโมโห สาบานได้ว่าวันแรกที่เจอแล้วขอยืมเงินเข้าใจว่าน่าจะเป็นคนนิ่งๆใครจะไปรู้ว่าจะกวนประสาทขนาดนี้แต่ว่าเขากับรุ่นพี่คนนั้นสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอไง คิดแล้วก็ไม่เข้าใจสงสัยต้องหาอะไรรองท้องก่อน หิว…
กว่าประชุมงานจะเลิกก็ปาไปสี่ทุ่มครึ่งได้เพราะการพูดคุยต้องพูดถึงสองรอบเนื่องจากรอเพื่อนที่อยู่ในห้องเชียร์ออกมาด้วยเพราะเพื่อนที่เพิ่งออกมานั้นจะมาสรุปความคืบหน้าของน้องปีหนึ่ง ต่างคนต่างแยกย้ายกันตรงหน้าตึกคณะส่วนพายเองก็ต้องแยกกับแมนและกันต์ สองคนนั้นอยู่หอหน้ามหาลัยส่วนเขาน่ะอยู่หอฝั่งข้างๆ
“ถึงห้องแล้วบอกด้วย เข้าใจไหมน้องพาย” แมนพูดขึ้น
“เค”
พายโบกมือลาก่อนจะเดินเอื่อยๆไปตามทางซึ่งก็มีเพื่อนในคณะเดินไปทางเดียวกันหลายคนอยู่แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่ามีใครดึงรั้งคอเสื้อนักศึกษาตัวเองอยู่ ปากที่กำลังเคี้ยวเยลลี่ถึงกับต้องหยุดก่อนจะหันหน้าไปหาด้วยความโมโห
“พี่อีกแล้วเหรอวะ”
“เออ”
“ก็คืนเงินไปแล้วนี่ ทำไมยังตามผมอีก”
“ดอกเบี้ยไง น้องพายลืมเหรอครับ”
“พี่มึงทำไมงกวะ”
“ถ้าจะมีคำว่ามึงไม่ต้องเรียกกูพี่ก็ได้นะ”
“ปล่อยผม! ผมจะกลับหอแล้ว”
ตะโกนไปก็เท่านั้นในเมื่อคนแก่กว่าไม่ได้สนใจนอกจากจะพยายามลากอีกคนไปตามทางที่ตนเองต้องการด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ต้นน้ำก็แค่คิดว่าคนตรงหน้าน่าแกล้งก็เท่านั้นอีกอย่างเขาอยากจะคิดบัญชีย้อนหลังเด็กนี่ด้วยถึงดูท่าทางแล้วอีกคนน่าจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ก็เถอะ
“พี่จะพาผมไปไหนเนี้ย”
“กลับหอไงหรือจะให้พี่ต้นน้ำคนนี้พาไปฆ่าหมกป่า”
“ปล่อย!!!”
“ถ้าไม่เงียบพี่เตะนะ”
พายรีบหันขวับไปมองขาอีกคนและประเมินได้ว่าถ้าโคนเตะคือตายแน่นอนเขาเลยเลือกสงบปากสงบคำแล้วยอมขึ้นซ้อนท้ายจักรยานด้วยใบหน้าบูดบึ้งผิดกับคนขับที่เอาแต่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี
ซวยจริงๆ เยลลี่ทั้งถุงในมือก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นเลย!
---------------------------------------------
พระเอกเย็นชา นิ่งๆ พูดน้อยในตอนแรกมันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นค่ะ55555555555